Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๖๒] ๒. อณฺฑภูตชาตกวณฺณนา

    [62] 2. Aṇḍabhūtajātakavaṇṇanā

    ยํ พฺราหฺมโณ อวาเทสีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อุกฺกณฺฐิตเมวารพฺภ กเถสิฯ ตญฺหิ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺฐิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุเตฺต ‘‘ภิกฺขุ อิตฺถิโย นาม อรกฺขิยา, ปุเพฺพ ปณฺฑิตา อิตฺถิํ คพฺภโต ปฎฺฐาย รกฺขนฺตาปิ รกฺขิตุํ นาสกฺขิํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Yaṃ brāhmaṇo avādesīti idaṃ satthā jetavane viharanto ukkaṇṭhitamevārabbha kathesi. Tañhi satthā ‘‘saccaṃ kira tvaṃ bhikkhu ukkaṇṭhitosī’’ti pucchitvā ‘‘sacca’’nti vutte ‘‘bhikkhu itthiyo nāma arakkhiyā, pubbe paṇḍitā itthiṃ gabbhato paṭṭhāya rakkhantāpi rakkhituṃ nāsakkhiṃsū’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมิํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต สพฺพสิเปฺปสุ นิปฺผตฺติํ ปตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รเชฺช ปติฎฺฐาย ธเมฺมน รชฺชํ กาเรสิฯ โส ปุโรหิเตน สทฺธิํ ชูตํ กีฬติฯ กีฬโนฺต ปน –

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto tassa aggamahesiyā kucchismiṃ nibbattitvā vayappatto sabbasippesu nipphattiṃ patvā pitu accayena rajje patiṭṭhāya dhammena rajjaṃ kāresi. So purohitena saddhiṃ jūtaṃ kīḷati. Kīḷanto pana –

    ‘‘สพฺพา นที วงฺกคตี, สเพฺพ กฎฺฐมยา วนา;

    ‘‘Sabbā nadī vaṅkagatī, sabbe kaṭṭhamayā vanā;

    สพฺพิตฺถิโย กเร ปาปํ, ลภมาเน นิวาตเก’’ติฯ (ชา. ๒.๒๑.๓๐๘) –

    Sabbitthiyo kare pāpaṃ, labhamāne nivātake’’ti. (jā. 2.21.308) –

    อิมํ ชูตคีตํ คายโนฺต รชตผลเก สุวณฺณปาสเก ขิปติฯ เอวํ กีฬโนฺต ปน ราชา นิจฺจํ ชินาติ, ปุโรหิโต ปราชียติฯ

    Imaṃ jūtagītaṃ gāyanto rajataphalake suvaṇṇapāsake khipati. Evaṃ kīḷanto pana rājā niccaṃ jināti, purohito parājīyati.

    โส อนุกฺกเมน ฆเร วิภเว ปริกฺขยํ คจฺฉเนฺต จิเนฺตสิ ‘‘เอวํ สเนฺต สพฺพํ อิมสฺมิํ ฆเร ธนํ ขียิสฺสติ, ปริเยสิตฺวา ปุริสนฺตรํ อคตํ เอกํ มาตุคามํ ฆเร กริสฺสามี’’ติฯ อถสฺส เอตทโหสิ ‘‘อญฺญํ ปุริสํ ทิฎฺฐปุพฺพํ อิตฺถิํ รกฺขิตุํ น สกฺขิสฺสามิ, คพฺภโต ปฎฺฐาเยกํ มาตุคามํ รกฺขิตฺวา ตํ วยปฺปตฺตํ วเส ฐเปตฺวา เอกปุริสิกํ กตฺวา คาฬฺหํ อารกฺขํ สํวิทหิตฺวา ราชกุลโต ธนํ อาหริสฺสามี’’ติฯ โส จ องฺควิชฺชาย เฉโก โหติ, อเถกํ ทุคฺคติตฺถิํ คพฺภินิํ ทิสฺวา ‘‘ธีตรํ วิชายิสฺสตี’’ติ ญตฺวา ตํ ปโกฺกสาเปตฺวา ปริพฺพยํ ทตฺวา ฆเรเยว วสาเปตฺวา วิชาตกาเล ธนํ ทตฺวา อุโยฺยเชตฺวา ตํ กุมาริกํ อเญฺญสํ ปุริสานํ ทฎฺฐุํ อทตฺวา อิตฺถีนํเยว หเตฺถ ทตฺวา โปสาเปตฺวา วยปฺปตฺตกาเล ตํ อตฺตโน วเส ฐเปสิฯ ยาว เจสา วฑฺฒติ, ตาว รญฺญา สทฺธิํ ชูตํ น กีฬิฯ ตํ ปน วเส ฐเปตฺวา พฺราหฺมโณ ‘‘มหาราช, ชูตํ กีฬามา’’ติ อาหฯ ราชา ‘‘สาธู’’ติ ปุริมนิยาเมเนว กีฬิฯ ปุโรหิโต รโญฺญ คายิตฺวา ปาสกํ ขิปนกาเล ‘‘ฐเปตฺวา มม มาณวิก’’นฺติ อาหฯ ตโต ปฎฺฐาย ปุโรหิโต ชินาติ, ราชา ปราชียติฯ

    So anukkamena ghare vibhave parikkhayaṃ gacchante cintesi ‘‘evaṃ sante sabbaṃ imasmiṃ ghare dhanaṃ khīyissati, pariyesitvā purisantaraṃ agataṃ ekaṃ mātugāmaṃ ghare karissāmī’’ti. Athassa etadahosi ‘‘aññaṃ purisaṃ diṭṭhapubbaṃ itthiṃ rakkhituṃ na sakkhissāmi, gabbhato paṭṭhāyekaṃ mātugāmaṃ rakkhitvā taṃ vayappattaṃ vase ṭhapetvā ekapurisikaṃ katvā gāḷhaṃ ārakkhaṃ saṃvidahitvā rājakulato dhanaṃ āharissāmī’’ti. So ca aṅgavijjāya cheko hoti, athekaṃ duggatitthiṃ gabbhiniṃ disvā ‘‘dhītaraṃ vijāyissatī’’ti ñatvā taṃ pakkosāpetvā paribbayaṃ datvā ghareyeva vasāpetvā vijātakāle dhanaṃ datvā uyyojetvā taṃ kumārikaṃ aññesaṃ purisānaṃ daṭṭhuṃ adatvā itthīnaṃyeva hatthe datvā posāpetvā vayappattakāle taṃ attano vase ṭhapesi. Yāva cesā vaḍḍhati, tāva raññā saddhiṃ jūtaṃ na kīḷi. Taṃ pana vase ṭhapetvā brāhmaṇo ‘‘mahārāja, jūtaṃ kīḷāmā’’ti āha. Rājā ‘‘sādhū’’ti purimaniyāmeneva kīḷi. Purohito rañño gāyitvā pāsakaṃ khipanakāle ‘‘ṭhapetvā mama māṇavika’’nti āha. Tato paṭṭhāya purohito jināti, rājā parājīyati.

    โพธิสโตฺต ‘‘อิมสฺส ฆเร เอกปุริสิกาย เอกาย อิตฺถิยา ภวิตพฺพ’’นฺติ ปริคฺคณฺหาเปโนฺต อตฺถิภาวํ ญตฺวา ‘‘สีลมสฺสา ภินฺทาเปสฺสามี’’ติ เอกํ ธุตฺตํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสสิ ปุโรหิตสฺส อิตฺถิยา สีลํ ภินฺทิตุ’’นฺติ อาหฯ ‘‘สโกฺกมิ, เทวา’’ติฯ อถสฺส ราชา ธนํ ทตฺวา ‘‘เตน หิ ขิปฺปํ นิฎฺฐาเปหี’’ติ ตํ ปหิณิฯ โส รโญฺญ สนฺติกา ธนํ อาทาย คนฺธธูมจุณฺณกปฺปูราทีนิ คเหตฺวา ตสฺส ฆรโต อวิทูเร สพฺพคนฺธาปณํ ปสาเรสิฯ ปุโรหิตสฺสปิ เคหํ สตฺตภูมกํ สตฺตทฺวารโกฎฺฐกํ โหติ, สเพฺพสุ ทฺวารโกฎฺฐเกสุ อิตฺถีนํเยว อารกฺขาฯ ฐเปตฺวา ปน พฺราหฺมณํ อโญฺญ ปุริโส เคหํ ปวิสิตุํ ลภโนฺต นาม นตฺถิ, กจวรฉฑฺฑนปจฺฉิมฺปิ โสเธตฺวาเยว ปเวเสนฺติฯ ตํ มาณวิกํ ปุโรหิโตเยว ทฎฺฐุํ ลภติฯ ตสฺสา จ เอกา ปริจาริกา อิตฺถี อตฺถิฯ อถสฺสา สา ปริจาริกา คนฺธปุปฺผมูลํ คเหตฺวา คจฺฉนฺตี ตสฺส ธุตฺตสฺส อาปณสมีเปน คจฺฉติฯ โส ‘‘อยํ ตสฺสา ปริจาริกา’’ติ สุฎฺฐุ ญตฺวา เอกทิวสํ ตํ อาคจฺฉนฺติํ ทิสฺวา อาปณา อุฎฺฐาย คนฺตฺวา ตสฺสา ปาทมูเล ปติตฺวา อุโภหิ หเตฺถหิ ปาเท คาฬฺหํ คเหตฺวา ‘‘อมฺม, เอตฺตกํ กาลํ กหํ คตาสี’’ติ ปริเทวิ, อวเสสาปิ ปยุตฺตกธุตฺตา เอกมนฺตํ ฐตฺวา ‘‘หตฺถปาทมุขสณฺฐาเนหิ จ อากเปฺปน จ มาตาปุตฺตา เอกสทิสาเยวา’’ติ อาหํสุฯ สา อิตฺถี เตสุ เตสุ กเถเนฺตสุ อตฺตโน อสทฺทหิตฺวา ‘‘อยํ เม ปุโตฺต ภวิสฺสตี’’ติ สยมฺปิ โรทิตุํ อารภิฯ เต อุโภปิ กนฺทิตฺวา โรทิตฺวา อญฺญมญฺญํ อาลิเงฺคตฺวา อฎฺฐํสุฯ

    Bodhisatto ‘‘imassa ghare ekapurisikāya ekāya itthiyā bhavitabba’’nti pariggaṇhāpento atthibhāvaṃ ñatvā ‘‘sīlamassā bhindāpessāmī’’ti ekaṃ dhuttaṃ pakkosāpetvā ‘‘sakkhissasi purohitassa itthiyā sīlaṃ bhinditu’’nti āha. ‘‘Sakkomi, devā’’ti. Athassa rājā dhanaṃ datvā ‘‘tena hi khippaṃ niṭṭhāpehī’’ti taṃ pahiṇi. So rañño santikā dhanaṃ ādāya gandhadhūmacuṇṇakappūrādīni gahetvā tassa gharato avidūre sabbagandhāpaṇaṃ pasāresi. Purohitassapi gehaṃ sattabhūmakaṃ sattadvārakoṭṭhakaṃ hoti, sabbesu dvārakoṭṭhakesu itthīnaṃyeva ārakkhā. Ṭhapetvā pana brāhmaṇaṃ añño puriso gehaṃ pavisituṃ labhanto nāma natthi, kacavarachaḍḍanapacchimpi sodhetvāyeva pavesenti. Taṃ māṇavikaṃ purohitoyeva daṭṭhuṃ labhati. Tassā ca ekā paricārikā itthī atthi. Athassā sā paricārikā gandhapupphamūlaṃ gahetvā gacchantī tassa dhuttassa āpaṇasamīpena gacchati. So ‘‘ayaṃ tassā paricārikā’’ti suṭṭhu ñatvā ekadivasaṃ taṃ āgacchantiṃ disvā āpaṇā uṭṭhāya gantvā tassā pādamūle patitvā ubhohi hatthehi pāde gāḷhaṃ gahetvā ‘‘amma, ettakaṃ kālaṃ kahaṃ gatāsī’’ti paridevi, avasesāpi payuttakadhuttā ekamantaṃ ṭhatvā ‘‘hatthapādamukhasaṇṭhānehi ca ākappena ca mātāputtā ekasadisāyevā’’ti āhaṃsu. Sā itthī tesu tesu kathentesu attano asaddahitvā ‘‘ayaṃ me putto bhavissatī’’ti sayampi rodituṃ ārabhi. Te ubhopi kanditvā roditvā aññamaññaṃ āliṅgetvā aṭṭhaṃsu.

    อถ โส ธุโตฺต อาห ‘‘อมฺม, กหํ วสสี’’ติ? ‘‘กินฺนริลีลาย วสมานาย รูปโสภคฺคปฺปตฺตาย ปุโรหิตสฺส ทหริตฺถิยา อุปฎฺฐานํ กุรุมานา วสามิ, ตาตา’’ติฯ ‘‘อิทานิ กหํ ยาสิ, อมฺมา’’ติ? ‘‘ตสฺสา คนฺธมาลาทีนํ อตฺถายา’’ติฯ ‘‘อมฺม, กิํ เต อญฺญตฺถ คตาย, อิโต ปฎฺฐาย มเมว สนฺติกา หรา’’ติ มูลํ อคฺคเหตฺวาว พหูนิ ตมฺพูลตโกฺกลกาทีนิ เจว นานาปุปฺผานิ จ อทาสิฯ มาณวิกา พหูนิ คนฺธปุปฺผาทีนิ ทิสฺวา ‘‘กิํ, อมฺม, อชฺช อมฺหากํ พฺราหฺมโณ ปสโนฺน’’ติ อาหฯ ‘‘กสฺมา เอวํ วทสี’’ติ? ‘‘อิเมสํ พหุภาวํ ทิสฺวา’’ติฯ น พฺราหฺมโณ พหุมูลํ อทาสิ, มยา ปเนตํ มยฺหํ ปุตฺตสฺส สนฺติกา อาภตนฺติฯ ตโต ปฎฺฐาย สา พฺราหฺมเณน ทินฺนมูลํ อตฺตนา คเหตฺวา ตเสฺสว สนฺติกา คนฺธปุปฺผาทีนิ อาหรติฯ ธุโตฺต กติปาหจฺจเยน คิลานาลยํ กตฺวา นิปชฺชิฯ สา ตสฺส อาปณทฺวารํ คนฺตฺวา ตํ อทิสฺวา ‘‘กหํ เม ปุโตฺต’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘ปุตฺตสฺส เต อผาสุกํ ชาต’’นฺติ? สา ตสฺส นิปนฺนฎฺฐานํ คนฺตฺวา นิสีทิตฺวา ปิฎฺฐิํ ปริมชฺชนฺตี ‘‘กิํ เต, ตาต, อผาสุก’’นฺติ ปุจฺฉิฯ โส ตุณฺหี อโหสิฯ ‘‘กิํ น กเถสิ ปุตฺตา’’ติ? ‘‘อมฺม, มรเนฺตนาปิ ตุยฺหํ กเถตุํ น สกฺกา’’ติฯ ‘‘ตาต, มยฺหํ อกเถตฺวา กสฺส กเถยฺยาสิ, กเถหิ, ตาตา’’ติฯ ‘‘อมฺม, มยฺหํ อญฺญํ อผาสุกํ นตฺถิ, ตสฺสา ปน มาณวิกาย วณฺณํ สุตฺวา ปฎิพทฺธจิโตฺตสฺมิ , ตํ ลภโนฺต ชีวิสฺสามิ, อลภโนฺต อิเธว มริสฺสามี’’ติฯ ‘‘ตาต, มยฺหํ เอส ภาโร, มา ตฺวํ เอตํ นิสฺสาย จินฺตยี’’ติ ตํ อสฺสาเสตฺวา พหูนิ คนฺธปุปฺผาทีนิ อาทาย มาณวิกาย สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ปุโตฺต เม, อมฺม, มม สนฺติกา ตว วณฺณํ สุตฺวา ปฎิพทฺธจิโตฺต ชาโต, กิํ กาตพฺพ’’นฺติ? ‘‘สเจ อาเนตุํ สโกฺกถ, มยา กโตกาโสเยวา’’ติฯ

    Atha so dhutto āha ‘‘amma, kahaṃ vasasī’’ti? ‘‘Kinnarilīlāya vasamānāya rūpasobhaggappattāya purohitassa daharitthiyā upaṭṭhānaṃ kurumānā vasāmi, tātā’’ti. ‘‘Idāni kahaṃ yāsi, ammā’’ti? ‘‘Tassā gandhamālādīnaṃ atthāyā’’ti. ‘‘Amma, kiṃ te aññattha gatāya, ito paṭṭhāya mameva santikā harā’’ti mūlaṃ aggahetvāva bahūni tambūlatakkolakādīni ceva nānāpupphāni ca adāsi. Māṇavikā bahūni gandhapupphādīni disvā ‘‘kiṃ, amma, ajja amhākaṃ brāhmaṇo pasanno’’ti āha. ‘‘Kasmā evaṃ vadasī’’ti? ‘‘Imesaṃ bahubhāvaṃ disvā’’ti. Na brāhmaṇo bahumūlaṃ adāsi, mayā panetaṃ mayhaṃ puttassa santikā ābhatanti. Tato paṭṭhāya sā brāhmaṇena dinnamūlaṃ attanā gahetvā tasseva santikā gandhapupphādīni āharati. Dhutto katipāhaccayena gilānālayaṃ katvā nipajji. Sā tassa āpaṇadvāraṃ gantvā taṃ adisvā ‘‘kahaṃ me putto’’ti pucchi. ‘‘Puttassa te aphāsukaṃ jāta’’nti? Sā tassa nipannaṭṭhānaṃ gantvā nisīditvā piṭṭhiṃ parimajjantī ‘‘kiṃ te, tāta, aphāsuka’’nti pucchi. So tuṇhī ahosi. ‘‘Kiṃ na kathesi puttā’’ti? ‘‘Amma, marantenāpi tuyhaṃ kathetuṃ na sakkā’’ti. ‘‘Tāta, mayhaṃ akathetvā kassa katheyyāsi, kathehi, tātā’’ti. ‘‘Amma, mayhaṃ aññaṃ aphāsukaṃ natthi, tassā pana māṇavikāya vaṇṇaṃ sutvā paṭibaddhacittosmi , taṃ labhanto jīvissāmi, alabhanto idheva marissāmī’’ti. ‘‘Tāta, mayhaṃ esa bhāro, mā tvaṃ etaṃ nissāya cintayī’’ti taṃ assāsetvā bahūni gandhapupphādīni ādāya māṇavikāya santikaṃ gantvā ‘‘putto me, amma, mama santikā tava vaṇṇaṃ sutvā paṭibaddhacitto jāto, kiṃ kātabba’’nti? ‘‘Sace ānetuṃ sakkotha, mayā katokāsoyevā’’ti.

    สา ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ตโต ปฎฺฐาย ตสฺส เคหสฺส กณฺณกเณฺณหิ พหุํ กจวรํ สงฺกฑฺฒิตฺวา อารกฺขิตฺถิยา อุปริ ฉเฑฺฑสิฯ สา เตน อฎฺฎียมานา อเปติฯ อิตรา เตเนว นิยาเมน ยา ยา กิญฺจิ กเถติ, ตสฺสา ตสฺสา อุปริ กจวรํ ฉเฑฺฑสิฯ ตโต ปฎฺฐาย ปน สา ยํ ยํ อาหรติ วา หรติ วา, ตํ ตํ น กาจิ โสเธตุํ อุสฺสหติฯ ตสฺมิํ กาเล สา ตํ ธุตฺตํ ปุปฺผปจฺฉิยํ นิปชฺชาเปตฺวา มาณวิกาย สนฺติกํ อภิหริฯ ธุโตฺต มาณวิกาย สีลํ ภินฺทิตฺวา เอกาหทฺวีหํ ปาสาเทเยว อโหสิฯ ปุโรหิเต พหิ นิกฺขเนฺต อุโภ อภิรมนฺติฯ ตสฺมิํ อาคเต ธุโตฺต นิลียติฯ

    Sā tassā vacanaṃ sutvā tato paṭṭhāya tassa gehassa kaṇṇakaṇṇehi bahuṃ kacavaraṃ saṅkaḍḍhitvā ārakkhitthiyā upari chaḍḍesi. Sā tena aṭṭīyamānā apeti. Itarā teneva niyāmena yā yā kiñci katheti, tassā tassā upari kacavaraṃ chaḍḍesi. Tato paṭṭhāya pana sā yaṃ yaṃ āharati vā harati vā, taṃ taṃ na kāci sodhetuṃ ussahati. Tasmiṃ kāle sā taṃ dhuttaṃ pupphapacchiyaṃ nipajjāpetvā māṇavikāya santikaṃ abhihari. Dhutto māṇavikāya sīlaṃ bhinditvā ekāhadvīhaṃ pāsādeyeva ahosi. Purohite bahi nikkhante ubho abhiramanti. Tasmiṃ āgate dhutto nilīyati.

    อถ นํ สา เอกาหทฺวีหจฺจเยน ‘‘สามิ, อิทานิ ตยา คนฺตุํ วฎฺฎตี’’ติ อาหฯ ‘‘อหํ พฺราหฺมณํ ปหริตฺวา คนฺตุกาโม’’ติฯ สา ‘‘เอวํ โหตู’’ติ ธุตฺตํ นิลียาเปตฺวา พฺราหฺมเณ อาคเต เอวมาห ‘‘อหํ, อยฺย, ตุเมฺหสุ วีณํ วาเทเนฺตสุ นจฺจิตุํ อิจฺฉามี’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภเทฺท, นจฺจสฺสู’’ติ วีณํ วาเทสิฯ ‘‘ตุเมฺหสุ โอโลเกเนฺตสุ ลชฺชามิ, มุขํ ปน โว สาฎเกน พนฺธิตฺวา นจฺจิสฺสามี’’ติฯ ‘‘สเจ ลชฺชสิ, เอวํ กโรหี’’ติฯ มาณวิกา ฆนสาฎกํ คเหตฺวา ตสฺส อกฺขีนิ ปิทหมานา มุขํ พนฺธิฯ พฺราหฺมโณ มุขํ พนฺธาเปตฺวา วีณํ วาเทสิฯ สา มุหุตฺตํ นจฺจิตฺวา ‘‘อยฺย, อหํ เต เอกวารํ สีเส ปหริตุกามา’’ติ อาหฯ อิตฺถิโลโล พฺราหฺมโณ กิญฺจิ การณํ อชานโนฺต ‘‘ปหราหี’’ติ อาห, มาณวิกา ธุตฺตสฺส สญฺญํ อทาสิฯ โส สณิกํ อาคนฺตฺวา พฺราหฺมณสฺส ปิฎฺฐิปเสฺส ฐตฺวา สีเส กปฺปเรน ปหริ, อกฺขีนิ ปตนาการปฺปตฺตานิ อเหสุํ, สีเส คโณฺฑ อุฎฺฐหิฯ โส เวทนาโฎฺฎ หุตฺวา ‘‘อาหร เต หตฺถ’’นฺติ อาหฯ มาณวิกา อตฺตโน หตฺถํ อุกฺขิปิตฺวา ตสฺส หเตฺถ ฐเปสิฯ พฺราหฺมโณ ‘‘หโตฺถ มุทุโก, ปหาโร ปน ถโทฺธ’’ติ อาห ฯ ธุโตฺต พฺราหฺมณํ ปหริตฺวา นิลียิฯ มาณวิกา ตสฺมิํ นิลีเน พฺราหฺมณสฺส มุขโต สาฎกํ โมเจตฺวา เตลํ อาทาย สีสํ ปริสมฺพาหิฯ พฺราหฺมเณ พหิ นิกฺขเนฺต ปุน สา อิตฺถี ธุตฺตํ ปจฺฉิยํ นิปชฺชาเปตฺวา นีหริฯ

    Atha naṃ sā ekāhadvīhaccayena ‘‘sāmi, idāni tayā gantuṃ vaṭṭatī’’ti āha. ‘‘Ahaṃ brāhmaṇaṃ paharitvā gantukāmo’’ti. Sā ‘‘evaṃ hotū’’ti dhuttaṃ nilīyāpetvā brāhmaṇe āgate evamāha ‘‘ahaṃ, ayya, tumhesu vīṇaṃ vādentesu naccituṃ icchāmī’’ti. ‘‘Sādhu, bhadde, naccassū’’ti vīṇaṃ vādesi. ‘‘Tumhesu olokentesu lajjāmi, mukhaṃ pana vo sāṭakena bandhitvā naccissāmī’’ti. ‘‘Sace lajjasi, evaṃ karohī’’ti. Māṇavikā ghanasāṭakaṃ gahetvā tassa akkhīni pidahamānā mukhaṃ bandhi. Brāhmaṇo mukhaṃ bandhāpetvā vīṇaṃ vādesi. Sā muhuttaṃ naccitvā ‘‘ayya, ahaṃ te ekavāraṃ sīse paharitukāmā’’ti āha. Itthilolo brāhmaṇo kiñci kāraṇaṃ ajānanto ‘‘paharāhī’’ti āha, māṇavikā dhuttassa saññaṃ adāsi. So saṇikaṃ āgantvā brāhmaṇassa piṭṭhipasse ṭhatvā sīse kapparena pahari, akkhīni patanākārappattāni ahesuṃ, sīse gaṇḍo uṭṭhahi. So vedanāṭṭo hutvā ‘‘āhara te hattha’’nti āha. Māṇavikā attano hatthaṃ ukkhipitvā tassa hatthe ṭhapesi. Brāhmaṇo ‘‘hattho muduko, pahāro pana thaddho’’ti āha . Dhutto brāhmaṇaṃ paharitvā nilīyi. Māṇavikā tasmiṃ nilīne brāhmaṇassa mukhato sāṭakaṃ mocetvā telaṃ ādāya sīsaṃ parisambāhi. Brāhmaṇe bahi nikkhante puna sā itthī dhuttaṃ pacchiyaṃ nipajjāpetvā nīhari.

    โส รโญฺญ สนฺติกํ คนฺตฺวา สพฺพํ ตํ ปวตฺติํ อาโรเจสิฯ ราชา อตฺตโน อุปฎฺฐานํ อาคตํ พฺราหฺมณํ อาห ‘‘ชูตํ กีฬาม พฺราหฺมณา’’ติ? ‘‘สาธุ, มหาราชา’’ติฯ ราชา ชูตมณฺฑลํ สชฺชาเปตฺวา ปุริมนเยเนว ชูตคีตํ คายิตฺวา ปาสเก ขิปติฯ พฺราหฺมโณ มาณวิกาย ตปสฺส ภินฺนภาวํ อชานโนฺต ‘‘ฐเปตฺวา มม มาณวิก’’นฺติ อาหฯ เอวํ วทโนฺตปิ ปราชิโตเยวฯ ราชา ชินิตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ, กิํ วเทสิ, มาณวิกาย เต ตโป ภิโนฺน, ตฺวํ ‘มาตุคามํ คพฺภโต ปฎฺฐาย รกฺขโนฺต สตฺตสุ ฐาเนสุ อารกฺขํ กโรโนฺต รกฺขิตุํ สกฺขิสฺสามี’ติ มญฺญสิ, มาตุคาโม นาม กุจฺฉิยํ ปกฺขิปิตฺวา จรเนฺตนาปิ รกฺขิตุํ น สกฺกา, เอกปุริสิกา อิตฺถี นาม นตฺถิ, ตว มาณวิกา ‘นจฺจิตุกามามฺหี’ติ วตฺวา วีณํ วาเทนฺตสฺส ตว สาฎเกน มุขํ พนฺธิตฺวา อตฺตโน ชารํ ตว สีเส กปฺปเรน ปหราเปตฺวา อุโยฺยเชสิ, อิทานิ กิํ กเถสี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

    So rañño santikaṃ gantvā sabbaṃ taṃ pavattiṃ ārocesi. Rājā attano upaṭṭhānaṃ āgataṃ brāhmaṇaṃ āha ‘‘jūtaṃ kīḷāma brāhmaṇā’’ti? ‘‘Sādhu, mahārājā’’ti. Rājā jūtamaṇḍalaṃ sajjāpetvā purimanayeneva jūtagītaṃ gāyitvā pāsake khipati. Brāhmaṇo māṇavikāya tapassa bhinnabhāvaṃ ajānanto ‘‘ṭhapetvā mama māṇavika’’nti āha. Evaṃ vadantopi parājitoyeva. Rājā jinitvā ‘‘brāhmaṇa, kiṃ vadesi, māṇavikāya te tapo bhinno, tvaṃ ‘mātugāmaṃ gabbhato paṭṭhāya rakkhanto sattasu ṭhānesu ārakkhaṃ karonto rakkhituṃ sakkhissāmī’ti maññasi, mātugāmo nāma kucchiyaṃ pakkhipitvā carantenāpi rakkhituṃ na sakkā, ekapurisikā itthī nāma natthi, tava māṇavikā ‘naccitukāmāmhī’ti vatvā vīṇaṃ vādentassa tava sāṭakena mukhaṃ bandhitvā attano jāraṃ tava sīse kapparena paharāpetvā uyyojesi, idāni kiṃ kathesī’’ti vatvā imaṃ gāthamāha –

    ๖๒.

    62.

    ‘‘ยํ พฺราหฺมโณ อวาเทสิ, วีณํ สมุขเวฐิโต;

    ‘‘Yaṃ brāhmaṇo avādesi, vīṇaṃ samukhaveṭhito;

    อณฺฑภูตาภตา ภริยา, ตาสุ โก ชาตุ วิสฺสเส’’ติฯ

    Aṇḍabhūtābhatā bhariyā, tāsu ko jātu vissase’’ti.

    ตตฺถ ยํ พฺราหฺมโณ อวาเทสิ, วีณํ สมุขเวฐิโตติ เยน การเณน พฺราหฺมโณ ฆนสาฎเกน สห มุเขน เวฐิโต หุตฺวา วีณํ วาเทสิ, ตํ การณํ น ชานาตีติ อโตฺถฯ ตญฺหิ สา วเญฺจตุกามา เอวมกาสิฯ พฺราหฺมโณ ปน ตํ อิตฺถิํ พหุมายาภาวํ อชานโนฺต มาตุคามสฺส สทฺทหิตฺวา ‘‘มํ เอสา ลชฺชตี’’ติ เอวํสญฺญี อโหสิ, เตนสฺส อญฺญาณภาวํ ปกาเสโนฺต ราชา เอวมาห, อยเมตฺถาธิปฺปาโย ฯ อณฺฑภูตาภตา ภริยาติ อณฺฑํ วุจฺจติ พีชํ, พีชภูตา มาตุกุจฺฉิโต อนิกฺขนฺตกาเลเยว อาภตา อานีตา, ภตาติ วา ปุฎฺฐาติ อโตฺถฯ กา สา? ภริยา ปชาปติ ปาทปริจาริกาฯ สา หิ ภตฺตวตฺถาทีหิ ภริตพฺพตาย, ภินฺนสํวรตาย, โลกธเมฺมหิ ภริตตาย วา ‘‘ภริยา’’ติ วุจฺจติฯ ตาสุ โก ชาตุ วิสฺสเสติ ชาตูติ เอกํสาธิวจนํ, ตาสุ มาตุกุจฺฉิโต ปฎฺฐาย รกฺขิยมานาสุปิ เอวํ วิปฺปการํ อาปชฺชนฺตีสุ ภริยาสุ โก นาม ปณฺฑิโต ปุริโส เอกํเสน วิสฺสเส, ‘‘นิพฺพิการา เอสา มยี’’ติ โก สทฺทเหยฺยาติ อโตฺถฯ อสทฺธมฺมวเสน หิ อามนฺตเกสุ นิมนฺตเกสุ วิชฺชมาเนสุ มาตุคาโม นาม น สกฺกา รกฺขิตุนฺติฯ

    Tattha yaṃ brāhmaṇo avādesi, vīṇaṃ samukhaveṭhitoti yena kāraṇena brāhmaṇo ghanasāṭakena saha mukhena veṭhito hutvā vīṇaṃ vādesi, taṃ kāraṇaṃ na jānātīti attho. Tañhi sā vañcetukāmā evamakāsi. Brāhmaṇo pana taṃ itthiṃ bahumāyābhāvaṃ ajānanto mātugāmassa saddahitvā ‘‘maṃ esā lajjatī’’ti evaṃsaññī ahosi, tenassa aññāṇabhāvaṃ pakāsento rājā evamāha, ayametthādhippāyo . Aṇḍabhūtābhatā bhariyāti aṇḍaṃ vuccati bījaṃ, bījabhūtā mātukucchito anikkhantakāleyeva ābhatā ānītā, bhatāti vā puṭṭhāti attho. Kā sā? Bhariyā pajāpati pādaparicārikā. Sā hi bhattavatthādīhi bharitabbatāya, bhinnasaṃvaratāya, lokadhammehi bharitatāya vā ‘‘bhariyā’’ti vuccati. Tāsu ko jātu vissaseti jātūti ekaṃsādhivacanaṃ, tāsu mātukucchito paṭṭhāya rakkhiyamānāsupi evaṃ vippakāraṃ āpajjantīsu bhariyāsu ko nāma paṇḍito puriso ekaṃsena vissase, ‘‘nibbikārā esā mayī’’ti ko saddaheyyāti attho. Asaddhammavasena hi āmantakesu nimantakesu vijjamānesu mātugāmo nāma na sakkā rakkhitunti.

    เอวํ โพธิสโตฺต พฺราหฺมณสฺส ธมฺมํ เทเสสิฯ พฺราหฺมโณ โพธิสตฺตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา นิเวสนํ คนฺตฺวา ตํ มาณวิกํ อาห – ‘‘ตยา กิร เอวรูปํ ปาปกมฺมํ กต’’นฺติ? ‘‘อยฺย, โก เอวมาห, น กโรมิ, ‘อหเมว ปหริํ, น อโญฺญ โกจิ’ฯ สเจ น สทฺทหถ, อหํ ‘ตุเมฺห ฐเปตฺวา อญฺญสฺส ปุริสสฺส หตฺถสมฺผสฺสํ น ชานามี’ติ สจฺจกิริยํ กตฺวา อคฺคิํ ปวิสิตฺวา ตุเมฺห สทฺทหาเปสฺสามี’’ติฯ พฺราหฺมโณ ‘‘เอวํ โหตู’’ติ มหนฺตํ ทารุราสิํ กาเรตฺวา อคฺคิํ กตฺวา ตํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘สเจ อตฺตโน สทฺทหสิ, อคฺคิํ ปวิสาหี’’ติ อาหฯ

    Evaṃ bodhisatto brāhmaṇassa dhammaṃ desesi. Brāhmaṇo bodhisattassa dhammadesanaṃ sutvā nivesanaṃ gantvā taṃ māṇavikaṃ āha – ‘‘tayā kira evarūpaṃ pāpakammaṃ kata’’nti? ‘‘Ayya, ko evamāha, na karomi, ‘ahameva pahariṃ, na añño koci’. Sace na saddahatha, ahaṃ ‘tumhe ṭhapetvā aññassa purisassa hatthasamphassaṃ na jānāmī’ti saccakiriyaṃ katvā aggiṃ pavisitvā tumhe saddahāpessāmī’’ti. Brāhmaṇo ‘‘evaṃ hotū’’ti mahantaṃ dārurāsiṃ kāretvā aggiṃ katvā taṃ pakkosāpetvā ‘‘sace attano saddahasi, aggiṃ pavisāhī’’ti āha.

    มาณวิกา อตฺตโน ปริจาริกํ ปฐมเมว สิกฺขาเปสิ ‘‘อมฺม, ตว ปุตฺตํ ตตฺถ คนฺตฺวา มม อคฺคิํ ปวิสนกาเล หตฺถคฺคหณํ กาตุํ วเทหี’’ติฯ สา คนฺตฺวา ตถา อวจฯ ธุโตฺต อาคนฺตฺวา ปริสมเชฺฌ อฎฺฐาสิฯ สา มาณวิกา พฺราหฺมณํ วเญฺจตุกามา มหาชนมเชฺฌ ฐตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ, ตํ ฐเปตฺวา อญฺญสฺส ปุริสสฺส หตฺถสมฺผสฺสํ นาม น ชานามิ, อิมินา สเจฺจน อยํ อคฺคิ มา มํ ฌาเปสี’’ติ อคฺคิํ ปวิสิตุํ อารทฺธาฯ ตสฺมิํ ขเณ ธุโตฺต ‘‘ปสฺสถ โภ ปุโรหิตพฺราหฺมณสฺส กมฺมํ, เอวรูปํ มาตุคามํ อคฺคิํ ปเวสาเปตี’’ติ คนฺตฺวา ตํ มาณวิกํ หเตฺถ คณฺหิฯ สา หตฺถํ วิสฺสชฺชาเปตฺวา ปุโรหิตํ อาห – ‘‘อยฺย, มม สจฺจกิริยา ภินฺนา, น สกฺกา อคฺคิํ ปวิสิตุ’’นฺติฯ ‘‘กิํการณา’’ติ? ‘‘อชฺช มยา เอวรูปา สจฺจกิริยา กตา ‘ฐเปตฺวา มม สามิกํ อญฺญสฺส ปุริสสฺส หตฺถสมฺผสฺสํ น ชานามี’ติ , อิทานิ จมฺหิ อิมินา ปุริเสน หเตฺถ คหิตา’’ติฯ พฺราหฺมโณ ‘‘วญฺจิโต อหํ อิมายา’’ติ ญตฺวา ตํ โปเถตฺวา นีหราเปสิฯ เอวํ อสทฺธมฺมสมนฺนาคตา กิเรตา อิตฺถิโย ตาว มหนฺตมฺปิ ปาปกมฺมํ กตฺวา อตฺตโน สามิกํ วเญฺจตุํ ‘‘นาหํ เอวรูปํ กมฺมํ กโรมี’’ติ ทิวสมฺปิ สปถํ กุรุมานา นานาจิตฺตาว โหนฺติฯ เตน วุตฺตํ –

    Māṇavikā attano paricārikaṃ paṭhamameva sikkhāpesi ‘‘amma, tava puttaṃ tattha gantvā mama aggiṃ pavisanakāle hatthaggahaṇaṃ kātuṃ vadehī’’ti. Sā gantvā tathā avaca. Dhutto āgantvā parisamajjhe aṭṭhāsi. Sā māṇavikā brāhmaṇaṃ vañcetukāmā mahājanamajjhe ṭhatvā ‘‘brāhmaṇa, taṃ ṭhapetvā aññassa purisassa hatthasamphassaṃ nāma na jānāmi, iminā saccena ayaṃ aggi mā maṃ jhāpesī’’ti aggiṃ pavisituṃ āraddhā. Tasmiṃ khaṇe dhutto ‘‘passatha bho purohitabrāhmaṇassa kammaṃ, evarūpaṃ mātugāmaṃ aggiṃ pavesāpetī’’ti gantvā taṃ māṇavikaṃ hatthe gaṇhi. Sā hatthaṃ vissajjāpetvā purohitaṃ āha – ‘‘ayya, mama saccakiriyā bhinnā, na sakkā aggiṃ pavisitu’’nti. ‘‘Kiṃkāraṇā’’ti? ‘‘Ajja mayā evarūpā saccakiriyā katā ‘ṭhapetvā mama sāmikaṃ aññassa purisassa hatthasamphassaṃ na jānāmī’ti , idāni camhi iminā purisena hatthe gahitā’’ti. Brāhmaṇo ‘‘vañcito ahaṃ imāyā’’ti ñatvā taṃ pothetvā nīharāpesi. Evaṃ asaddhammasamannāgatā kiretā itthiyo tāva mahantampi pāpakammaṃ katvā attano sāmikaṃ vañcetuṃ ‘‘nāhaṃ evarūpaṃ kammaṃ karomī’’ti divasampi sapathaṃ kurumānā nānācittāva honti. Tena vuttaṃ –

    ‘‘โจรีนํ พหุพุทฺธีนํ, ยาสุ สจฺจํ สุทุลฺลภํ;

    ‘‘Corīnaṃ bahubuddhīnaṃ, yāsu saccaṃ sudullabhaṃ;

    ถีนํ ภาโว ทุราชาโน, มจฺฉเสฺสโวทเก คตํฯ (ชา. ๒.๒๑.๓๔๗);

    Thīnaṃ bhāvo durājāno, macchassevodake gataṃ. (jā. 2.21.347);

    ‘‘มุสา ตาสํ ยถา สจฺจํ, สจฺจํ ตาสํ ยถา มุสา;

    ‘‘Musā tāsaṃ yathā saccaṃ, saccaṃ tāsaṃ yathā musā;

    คาโว พหิ ติณเสฺสว, โอมสนฺติ วรํ วรํฯ

    Gāvo bahi tiṇasseva, omasanti varaṃ varaṃ.

    ‘‘โจริโย กถินา เหตา, วาฬา จ ลปสกฺขรา;

    ‘‘Coriyo kathinā hetā, vāḷā ca lapasakkharā;

    น ตา กิญฺจิ น ชานนฺติ, ยํ มนุเสฺสสุ วญฺจน’’นฺติฯ (ชา. ๒.๒๑.๓๓๒, ๓๓๔);

    Na tā kiñci na jānanti, yaṃ manussesu vañcana’’nti. (jā. 2.21.332, 334);

    สตฺถา ‘‘เอวํ อรกฺขิโย มาตุคาโม’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺฐิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ สตฺถาปิ อนุสนฺธิํ ฆเฎตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา พาราณสิราชา อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā ‘‘evaṃ arakkhiyo mātugāmo’’ti imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsesi, saccapariyosāne ukkaṇṭhitabhikkhu sotāpattiphale patiṭṭhahi. Satthāpi anusandhiṃ ghaṭetvā jātakaṃ samodhānesi ‘‘tadā bārāṇasirājā ahameva ahosi’’nti.

    อณฺฑภูตชาตกวณฺณนา ทุติยาฯ

    Aṇḍabhūtajātakavaṇṇanā dutiyā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๖๒. อณฺฑภูตชาตกํ • 62. Aṇḍabhūtajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact