Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๖. อนฺธการสุตฺตํ
6. Andhakārasuttaṃ
๑๑๑๖. ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, โลกนฺตริกา อฆา อสํวุตา อนฺธการา อนฺธการติมิสา, ยตฺถมิเมสํ จนฺทิมสูริยานํ เอวํมหิทฺธิกานํ เอวํ มหานุภาวานํ อาภาย นานุโภนฺตี’’ติฯ
1116. ‘‘Atthi, bhikkhave, lokantarikā aghā asaṃvutā andhakārā andhakāratimisā, yatthamimesaṃ candimasūriyānaṃ evaṃmahiddhikānaṃ evaṃ mahānubhāvānaṃ ābhāya nānubhontī’’ti.
เอวํ วุเตฺต อญฺญตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘มหา วต โส, ภเนฺต, อนฺธกาโร, สุมหา วต โส, ภเนฺต, อนฺธกาโร! อตฺถิ นุ โข, ภเนฺต, เอตมฺหา อนฺธการา อโญฺญ อนฺธกาโร มหนฺตตโร จ ภยานกตโร จา’’ติ? ‘‘อตฺถิ โข, ภิกฺขุ, เอตมฺหา อนฺธการา อโญฺญ อนฺธกาโร มหนฺตตโร จ ภยานกตโร จา’’ติฯ
Evaṃ vutte aññataro bhikkhu bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘mahā vata so, bhante, andhakāro, sumahā vata so, bhante, andhakāro! Atthi nu kho, bhante, etamhā andhakārā añño andhakāro mahantataro ca bhayānakataro cā’’ti? ‘‘Atthi kho, bhikkhu, etamhā andhakārā añño andhakāro mahantataro ca bhayānakataro cā’’ti.
‘‘กตโม ปน, ภเนฺต, เอตมฺหา อนฺธการา อโญฺญ อนฺธกาโร มหนฺตตโร จ ภยานกตโร จา’’ติ? ‘‘เย หิ เกจิ, ภิกฺขุ, สมณา วา พฺราหฺมณา วา ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานนฺติ…เป.… ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา’ติ ยถาภูตํ นปฺปชานนฺติ, เต ชาติสํวตฺตนิเกสุ สงฺขาเรสุ อภิรมนฺติ…เป.… อภิรตา…เป.… อภิสงฺขโรนฺติ…เป.… อภิสงฺขริตฺวา ชาตนฺธการมฺปิ ปปตนฺติ, ชรนฺธการมฺปิ ปปตนฺติ, มรณนฺธการมฺปิ ปปตนฺติ, โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสนฺธการมฺปิ ปปตนฺติฯ เต น ปริมุจฺจนฺติ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุเกฺขหิ โทมนเสฺสหิ อุปายาเสหิฯ ‘น ปริมุจฺจนฺติ ทุกฺขสฺมา’ติ วทามิ’’ฯ
‘‘Katamo pana, bhante, etamhā andhakārā añño andhakāro mahantataro ca bhayānakataro cā’’ti? ‘‘Ye hi keci, bhikkhu, samaṇā vā brāhmaṇā vā ‘idaṃ dukkha’nti yathābhūtaṃ nappajānanti…pe… ‘ayaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadā’ti yathābhūtaṃ nappajānanti, te jātisaṃvattanikesu saṅkhāresu abhiramanti…pe… abhiratā…pe… abhisaṅkharonti…pe… abhisaṅkharitvā jātandhakārampi papatanti, jarandhakārampi papatanti, maraṇandhakārampi papatanti, sokaparidevadukkhadomanassupāyāsandhakārampi papatanti. Te na parimuccanti jātiyā jarāya maraṇena sokehi paridevehi dukkhehi domanassehi upāyāsehi. ‘Na parimuccanti dukkhasmā’ti vadāmi’’.
‘‘เย จ โข เกจิ, ภิกฺขุ, สมณา วา พฺราหฺมณา วา ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานนฺติ…เป.… ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานนฺติ, เต ชาติสํวตฺตนิเกสุ สงฺขาเรสุ นาภิรมนฺติ…เป.… อนภิรตา…เป.… นาภิสงฺขโรนฺติ…เป.… อนภิสงฺขริตฺวา ชาตนฺธการมฺปิ นปฺปปตนฺติ , ชรนฺธการมฺปิ นปฺปปตนฺติ, มรณนฺธการมฺปิ นปฺปปตนฺติ, โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสนฺธการมฺปิ นปฺปปตนฺติฯ เต ปริมุจฺจนฺติ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุเกฺขหิ โทมนเสฺสหิ อุปายาเสหิฯ ‘ปริมุจฺจนฺติ ทุกฺขสฺมา’ติ วทามิ’’ฯ
‘‘Ye ca kho keci, bhikkhu, samaṇā vā brāhmaṇā vā ‘idaṃ dukkha’nti yathābhūtaṃ pajānanti…pe… ‘ayaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadā’ti yathābhūtaṃ pajānanti, te jātisaṃvattanikesu saṅkhāresu nābhiramanti…pe… anabhiratā…pe… nābhisaṅkharonti…pe… anabhisaṅkharitvā jātandhakārampi nappapatanti , jarandhakārampi nappapatanti, maraṇandhakārampi nappapatanti, sokaparidevadukkhadomanassupāyāsandhakārampi nappapatanti. Te parimuccanti jātiyā jarāya maraṇena sokehi paridevehi dukkhehi domanassehi upāyāsehi. ‘Parimuccanti dukkhasmā’ti vadāmi’’.
‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ โยโค กรณีโย…เป.… ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา’ติ โยโค กรณีโย’’ติฯ ฉฎฺฐํฯ
‘‘Tasmātiha, bhikkhave, ‘idaṃ dukkha’nti yogo karaṇīyo…pe… ‘ayaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadā’ti yogo karaṇīyo’’ti. Chaṭṭhaṃ.