Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๖. อาเนญฺชสปฺปายสุตฺตํ
6. Āneñjasappāyasuttaṃ
๖๖. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา กุรูสุ วิหรติ กมฺมาสธมฺมํ นาม กุรูนํ นิคโมฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติฯ ‘‘ภทเนฺต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ – ‘‘อนิจฺจา, ภิกฺขเว, กามา ตุจฺฉา มุสา โมสธมฺมาฯ มายากตเม ตํ, ภิกฺขเว, พาลลาปนํฯ เย จ ทิฎฺฐธมฺมิกา กามา, เย จ สมฺปรายิกา กามา; ยา จ ทิฎฺฐธมฺมิกา กามสญฺญา, ยา จ สมฺปรายิกา กามสญฺญา – อุภยเมตํ มารเธยฺยํ, มารเสฺสส 1 วิสโย, มารเสฺสส นิวาโป, มารเสฺสส โคจโรฯ เอเตฺถเต ปาปกา อกุสลา มานสา อภิชฺฌาปิ พฺยาปาทาปิ สารมฺภาปิ สํวตฺตนฺติฯ เตว อริยสาวกสฺส อิธมนุสิกฺขโต อนฺตรายาย สมฺภวนฺติฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘เย จ ทิฎฺฐธมฺมิกา กามา, เย จ สมฺปรายิกา กามา; ยา จ ทิฎฺฐธมฺมิกา กามสญฺญา, ยา จ สมฺปรายิกา กามสญฺญา – อุภยเมตํ มารเธยฺยํ, มารเสฺสส วิสโย, มารเสฺสส นิวาโป, มารเสฺสส โคจโรฯ เอเตฺถเต ปาปกา อกุสลา มานสา อภิชฺฌาปิ พฺยาปาทาปิ สารมฺภาปิ สํวตฺตนฺติ, เตว อริยสาวกสฺส อิธมนุสิกฺขโต อนฺตรายาย สมฺภวนฺติฯ ยํนูนาหํ วิปุเลน มหคฺคเตน เจตสา วิหเรยฺยํ อภิภุยฺย โลกํ อธิฎฺฐาย มนสาฯ วิปุเลน หิ เม มหคฺคเตน เจตสา วิหรโต อภิภุยฺย โลกํ อธิฎฺฐาย มนสา เย ปาปกา อกุสลา มานสา อภิชฺฌาปิ พฺยาปาทาปิ สารมฺภาปิ เต น ภวิสฺสนฺติฯ เตสํ ปหานา อปริตฺตญฺจ เม จิตฺตํ ภวิสฺสติ อปฺปมาณํ สุภาวิต’นฺติฯ ตสฺส เอวํปฎิปนฺนสฺส ตพฺพหุลวิหาริโน อายตเน จิตฺตํ ปสีทติฯ สมฺปสาเท สติ เอตรหิ วา อาเนญฺชํ สมาปชฺชติ ปญฺญาย วา อธิมุจฺจติ กายสฺส เภทา ปรํ มรณาฯ ฐานเมตํ วิชฺชติ ยํ ตํสํวตฺตนิกํ วิญฺญาณํ อสฺส อาเนญฺชูปคํฯ อยํ, ภิกฺขเว, ปฐมา อาเนญฺชสปฺปายา ปฎิปทา อกฺขายติ’’ฯ
66. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā kurūsu viharati kammāsadhammaṃ nāma kurūnaṃ nigamo. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘bhikkhavo’’ti. ‘‘Bhadante’’ti te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca – ‘‘aniccā, bhikkhave, kāmā tucchā musā mosadhammā. Māyākatame taṃ, bhikkhave, bālalāpanaṃ. Ye ca diṭṭhadhammikā kāmā, ye ca samparāyikā kāmā; yā ca diṭṭhadhammikā kāmasaññā, yā ca samparāyikā kāmasaññā – ubhayametaṃ māradheyyaṃ, mārassesa 2 visayo, mārassesa nivāpo, mārassesa gocaro. Etthete pāpakā akusalā mānasā abhijjhāpi byāpādāpi sārambhāpi saṃvattanti. Teva ariyasāvakassa idhamanusikkhato antarāyāya sambhavanti. Tatra, bhikkhave, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘ye ca diṭṭhadhammikā kāmā, ye ca samparāyikā kāmā; yā ca diṭṭhadhammikā kāmasaññā, yā ca samparāyikā kāmasaññā – ubhayametaṃ māradheyyaṃ, mārassesa visayo, mārassesa nivāpo, mārassesa gocaro. Etthete pāpakā akusalā mānasā abhijjhāpi byāpādāpi sārambhāpi saṃvattanti, teva ariyasāvakassa idhamanusikkhato antarāyāya sambhavanti. Yaṃnūnāhaṃ vipulena mahaggatena cetasā vihareyyaṃ abhibhuyya lokaṃ adhiṭṭhāya manasā. Vipulena hi me mahaggatena cetasā viharato abhibhuyya lokaṃ adhiṭṭhāya manasā ye pāpakā akusalā mānasā abhijjhāpi byāpādāpi sārambhāpi te na bhavissanti. Tesaṃ pahānā aparittañca me cittaṃ bhavissati appamāṇaṃ subhāvita’nti. Tassa evaṃpaṭipannassa tabbahulavihārino āyatane cittaṃ pasīdati. Sampasāde sati etarahi vā āneñjaṃ samāpajjati paññāya vā adhimuccati kāyassa bhedā paraṃ maraṇā. Ṭhānametaṃ vijjati yaṃ taṃsaṃvattanikaṃ viññāṇaṃ assa āneñjūpagaṃ. Ayaṃ, bhikkhave, paṭhamā āneñjasappāyā paṭipadā akkhāyati’’.
๖๗. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘เย จ ทิฎฺฐธมฺมิกา กามา, เย จ สมฺปรายิกา กามา; ยา จ ทิฎฺฐธมฺมิกา กามสญฺญา , ยา จ สมฺปรายิกา กามสญฺญา; ยํ กิญฺจิ รูปํ (สพฺพํ รูปํ) 3 จตฺตาริ จ มหาภูตานิ, จตุนฺนญฺจ มหาภูตานํ อุปาทายรูป’นฺติฯ ตสฺส เอวํปฎิปนฺนสฺส ตพฺพหุลวิหาริโน อายตเน จิตฺตํ ปสีทติฯ สมฺปสาเท สติ เอตรหิ วา อาเนญฺชํ สมาปชฺชติ ปญฺญาย วา อธิมุจฺจติ กายสฺส เภทา ปรํ มรณาฯ ฐานเมตํ วิชฺชติ ยํ ตํสํวตฺตนิกํ วิญฺญาณํ อสฺส อาเนญฺชูปคํฯ อยํ, ภิกฺขเว, ทุติยา อาเนญฺชสปฺปายา ปฎิปทา อกฺขายติฯ
67. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘ye ca diṭṭhadhammikā kāmā, ye ca samparāyikā kāmā; yā ca diṭṭhadhammikā kāmasaññā , yā ca samparāyikā kāmasaññā; yaṃ kiñci rūpaṃ (sabbaṃ rūpaṃ) 4 cattāri ca mahābhūtāni, catunnañca mahābhūtānaṃ upādāyarūpa’nti. Tassa evaṃpaṭipannassa tabbahulavihārino āyatane cittaṃ pasīdati. Sampasāde sati etarahi vā āneñjaṃ samāpajjati paññāya vā adhimuccati kāyassa bhedā paraṃ maraṇā. Ṭhānametaṃ vijjati yaṃ taṃsaṃvattanikaṃ viññāṇaṃ assa āneñjūpagaṃ. Ayaṃ, bhikkhave, dutiyā āneñjasappāyā paṭipadā akkhāyati.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘เย จ ทิฎฺฐธมฺมิกา กามา, เย จ สมฺปรายิกา กามา; ยา จ ทิฎฺฐธมฺมิกา กามสญฺญา, ยา จ สมฺปรายิกา กามสญฺญา; เย จ ทิฎฺฐธมฺมิกา รูปา, เย จ สมฺปรายิกา รูปา; ยา จ ทิฎฺฐธมฺมิกา รูปสญฺญา, ยา จ สมฺปรายิกา รูปสญฺญา – อุภยเมตํ อนิจฺจํฯ ยทนิจฺจํ ตํ นาลํ อภินนฺทิตุํ, นาลํ อภิวทิตุํ, นาลํ อโชฺฌสิตุ’นฺติฯ ตสฺส เอวํปฎิปนฺนสฺส ตพฺพหุลวิหาริโน อายตเน จิตฺตํ ปสีทติฯ สมฺปสาเท สติ เอตรหิ วา อาเนญฺชํ สมาปชฺชติ ปญฺญาย วา อธิมุจฺจติ กายสฺส เภทา ปรํ มรณาฯ ฐานเมตํ วิชฺชติ ยํ ตํสํวตฺตนิกํ วิญฺญาณํ อสฺส อาเนญฺชูปคํฯ อยํ, ภิกฺขเว, ตติยา อาเนญฺชสปฺปายา ปฎิปทา อกฺขายติฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘ye ca diṭṭhadhammikā kāmā, ye ca samparāyikā kāmā; yā ca diṭṭhadhammikā kāmasaññā, yā ca samparāyikā kāmasaññā; ye ca diṭṭhadhammikā rūpā, ye ca samparāyikā rūpā; yā ca diṭṭhadhammikā rūpasaññā, yā ca samparāyikā rūpasaññā – ubhayametaṃ aniccaṃ. Yadaniccaṃ taṃ nālaṃ abhinandituṃ, nālaṃ abhivadituṃ, nālaṃ ajjhositu’nti. Tassa evaṃpaṭipannassa tabbahulavihārino āyatane cittaṃ pasīdati. Sampasāde sati etarahi vā āneñjaṃ samāpajjati paññāya vā adhimuccati kāyassa bhedā paraṃ maraṇā. Ṭhānametaṃ vijjati yaṃ taṃsaṃvattanikaṃ viññāṇaṃ assa āneñjūpagaṃ. Ayaṃ, bhikkhave, tatiyā āneñjasappāyā paṭipadā akkhāyati.
๖๘. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘เย จ ทิฎฺฐธมฺมิกา กามา, เย จ สมฺปรายิกา กามา; ยา จ ทิฎฺฐธมฺมิกา กามสญฺญา, ยา จ สมฺปรายิกา กามสญฺญา; เย จ ทิฎฺฐธมฺมิกา รูปา, เย จ สมฺปรายิกา รูปา; ยา จ ทิฎฺฐธมฺมิกา รูปสญฺญา, ยา จ สมฺปรายิกา รูปสญฺญา; ยา จ อาเนญฺชสญฺญา – สพฺพา สญฺญาฯ ยเตฺถตา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตํ – ยทิทํ อากิญฺจญฺญายตน’นฺติฯ ตสฺส เอวํปฎิปนฺนสฺส ตพฺพหุลวิหาริโน อายตเน จิตฺตํ ปสีทติฯ สมฺปสาเท สติ เอตรหิ วา อากิญฺจญฺญายตนํ สมาปชฺชติ ปญฺญาย วา อธิมุจฺจติ กายสฺส เภทา ปรํ มรณาฯ ฐานเมตํ วิชฺชติ ยํ ตํสํวตฺตนิกํ วิญฺญาณํ อสฺส อากิญฺจญฺญายตนูปคํฯ อยํ, ภิกฺขเว, ปฐมา อากิญฺจญฺญายตนสปฺปายา ปฎิปทา อกฺขายติฯ
68. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘ye ca diṭṭhadhammikā kāmā, ye ca samparāyikā kāmā; yā ca diṭṭhadhammikā kāmasaññā, yā ca samparāyikā kāmasaññā; ye ca diṭṭhadhammikā rūpā, ye ca samparāyikā rūpā; yā ca diṭṭhadhammikā rūpasaññā, yā ca samparāyikā rūpasaññā; yā ca āneñjasaññā – sabbā saññā. Yatthetā aparisesā nirujjhanti etaṃ santaṃ etaṃ paṇītaṃ – yadidaṃ ākiñcaññāyatana’nti. Tassa evaṃpaṭipannassa tabbahulavihārino āyatane cittaṃ pasīdati. Sampasāde sati etarahi vā ākiñcaññāyatanaṃ samāpajjati paññāya vā adhimuccati kāyassa bhedā paraṃ maraṇā. Ṭhānametaṃ vijjati yaṃ taṃsaṃvattanikaṃ viññāṇaṃ assa ākiñcaññāyatanūpagaṃ. Ayaṃ, bhikkhave, paṭhamā ākiñcaññāyatanasappāyā paṭipadā akkhāyati.
๖๙. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อรญฺญคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สุญฺญาคารคโต วา อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘สุญฺญมิทํ อเตฺตน วา อตฺตนิเยน วา’ติฯ ตสฺส เอวํปฎิปนฺนสฺส ตพฺพหุลวิหาริโน อายตเน จิตฺตํ ปสีทติฯ สมฺปสาเท สติ เอตรหิ วา อากิญฺจญฺญายตนํ สมาปชฺชติ ปญฺญาย วา อธิมุจฺจติ กายสฺส เภทา ปรํ มรณาฯ ฐานเมตํ วิชฺชติ ยํ ตํสํวตฺตนิกํ วิญฺญาณํ อสฺส อากิญฺจญฺญายตนูปคํฯ อยํ, ภิกฺขเว, ทุติยา อากิญฺจญฺญายตนสปฺปายา ปฎิปทา อกฺขายติฯ
69. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, ariyasāvako araññagato vā rukkhamūlagato vā suññāgāragato vā iti paṭisañcikkhati – ‘suññamidaṃ attena vā attaniyena vā’ti. Tassa evaṃpaṭipannassa tabbahulavihārino āyatane cittaṃ pasīdati. Sampasāde sati etarahi vā ākiñcaññāyatanaṃ samāpajjati paññāya vā adhimuccati kāyassa bhedā paraṃ maraṇā. Ṭhānametaṃ vijjati yaṃ taṃsaṃvattanikaṃ viññāṇaṃ assa ākiñcaññāyatanūpagaṃ. Ayaṃ, bhikkhave, dutiyā ākiñcaññāyatanasappāyā paṭipadā akkhāyati.
๗๐. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘นาหํ กฺวจนิ 5 กสฺสจิ กิญฺจนตสฺมิํ 6, น จ มม กฺวจนิ กิสฺมิญฺจิ กิญฺจนํ นตฺถี’ติฯ ตสฺส เอวํปฎิปนฺนสฺส ตพฺพหุลวิหาริโน อายตเน จิตฺตํ ปสีทติฯ สมฺปสาเท สติ เอตรหิ วา อากิญฺจญฺญายตนํ สมาปชฺชติ ปญฺญาย วา อธิมุจฺจติ กายสฺส เภทา ปรํ มรณาฯ ฐานเมตํ วิชฺชติ ยํ ตํสํวตฺตนิกํ วิญฺญาณํ อสฺส อากิญฺจญฺญายตนูปคํฯ อยํ, ภิกฺขเว, ตติยา อากิญฺจญฺญายตนสปฺปายา ปฎิปทา อกฺขายติฯ
70. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘nāhaṃ kvacani 7 kassaci kiñcanatasmiṃ 8, na ca mama kvacani kismiñci kiñcanaṃ natthī’ti. Tassa evaṃpaṭipannassa tabbahulavihārino āyatane cittaṃ pasīdati. Sampasāde sati etarahi vā ākiñcaññāyatanaṃ samāpajjati paññāya vā adhimuccati kāyassa bhedā paraṃ maraṇā. Ṭhānametaṃ vijjati yaṃ taṃsaṃvattanikaṃ viññāṇaṃ assa ākiñcaññāyatanūpagaṃ. Ayaṃ, bhikkhave, tatiyā ākiñcaññāyatanasappāyā paṭipadā akkhāyati.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘เย จ ทิฎฺฐธมฺมิกา กามา, เย จ สมฺปรายิกา กามา; ยา จ ทิฎฺฐธมฺมิกา กามสญฺญา, ยา จ สมฺปรายิกา กามสญฺญา; เย จ ทิฎฺฐธมฺมิกา รูปา, เย จ สมฺปรายิกา รูปา; ยา จ ทิฎฺฐธมฺมิกา รูปสญฺญา, ยา จ สมฺปรายิกา รูปสญฺญา ; ยา จ อาเนญฺชสญฺญา, ยา จ อากิญฺจญฺญายตนสญฺญา – สพฺพา สญฺญาฯ ยเตฺถตา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตํ – ยทิทํ เนวสญฺญานาสญฺญายตน’นฺติฯ ตสฺส เอวํปฎิปนฺนสฺส ตพฺพหุลวิหาริโน อายตเน จิตฺตํ ปสีทติฯ สมฺปสาเท สติ เอตรหิ วา เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมาปชฺชติ ปญฺญาย วา อธิมุจฺจติ กายสฺส เภทา ปรํ มรณาฯ ฐานเมตํ วิชฺชติ ยํ ตํสํวตฺตนิกํ วิญฺญาณํ อสฺส เนวสญฺญานาสญฺญายตนูปคํฯ อยํ, ภิกฺขเว, เนวสญฺญานาสญฺญายตนสปฺปายา ปฎิปทา อกฺขายตี’’ติฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘ye ca diṭṭhadhammikā kāmā, ye ca samparāyikā kāmā; yā ca diṭṭhadhammikā kāmasaññā, yā ca samparāyikā kāmasaññā; ye ca diṭṭhadhammikā rūpā, ye ca samparāyikā rūpā; yā ca diṭṭhadhammikā rūpasaññā, yā ca samparāyikā rūpasaññā ; yā ca āneñjasaññā, yā ca ākiñcaññāyatanasaññā – sabbā saññā. Yatthetā aparisesā nirujjhanti etaṃ santaṃ etaṃ paṇītaṃ – yadidaṃ nevasaññānāsaññāyatana’nti. Tassa evaṃpaṭipannassa tabbahulavihārino āyatane cittaṃ pasīdati. Sampasāde sati etarahi vā nevasaññānāsaññāyatanaṃ samāpajjati paññāya vā adhimuccati kāyassa bhedā paraṃ maraṇā. Ṭhānametaṃ vijjati yaṃ taṃsaṃvattanikaṃ viññāṇaṃ assa nevasaññānāsaññāyatanūpagaṃ. Ayaṃ, bhikkhave, nevasaññānāsaññāyatanasappāyā paṭipadā akkhāyatī’’ti.
๗๑. เอวํ วุเตฺต, อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธ, ภเนฺต, ภิกฺขุ เอวํ ปฎิปโนฺน โหติ – ‘โน จสฺส, โน จ เม สิยา; น ภวิสฺสติ, น เม ภวิสฺสติ; ยทตฺถิ ยํ, ภูตํ – ตํ ปชหามี’ติฯ เอวํ อุเปกฺขํ ปฎิลภติฯ ปรินิพฺพาเยยฺย นุ โข โส, ภเนฺต, ภิกฺขุ น วา ปรินิพฺพาเยยฺยา’’ติ? ‘‘อเปเตฺถกโจฺจ, อานนฺท, ภิกฺขุ ปรินิพฺพาเยยฺย, อเปเตฺถกโจฺจ ภิกฺขุ น ปรินิพฺพาเยยฺยา’’ติฯ ‘‘โก นุ โข, ภเนฺต, เหตุ โก ปจฺจโย เยนเปเตฺถกโจฺจ ภิกฺขุ ปรินิพฺพาเยยฺย, อเปเตฺถกโจฺจ ภิกฺขุ น ปรินิพฺพาเยยฺยา’’ติ? ‘‘อิธานนฺท, ภิกฺขุ เอวํ ปฎิปโนฺน โหติ – ‘โน จสฺส, โน จ เม สิยา; น ภวิสฺสติ, น เม ภวิสฺสติ; ยทตฺถิ, ยํ ภูตํ – ตํ ปชหามี’ติฯ เอวํ อุเปกฺขํ ปฎิลภติฯ โส ตํ อุเปกฺขํ อภินนฺทติ, อภิวทติ, อโชฺฌสาย ติฎฺฐติฯ ตสฺส ตํ อุเปกฺขํ อภินนฺทโต อภิวทโต อโชฺฌสาย ติฎฺฐโต ตนฺนิสฺสิตํ โหติ วิญฺญาณํ ตทุปาทานํฯ สอุปาทาโน, อานนฺท, ภิกฺขุ น ปรินิพฺพายตี’’ติฯ ‘‘กหํ ปน โส, ภเนฺต, ภิกฺขุ อุปาทิยมาโน อุปาทิยตี’’ติ? ‘‘เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ, อานนฺทา’’ติฯ ‘‘อุปาทานเสฎฺฐํ กิร โส, ภเนฺต, ภิกฺขุ อุปาทิยมาโน อุปาทิยตี’’ติ? ‘‘อุปาทานเสฎฺฐญฺหิ โส, อานนฺท, ภิกฺขุ อุปาทิยมาโน อุปาทิยติฯ อุปาทานเสฎฺฐเญฺหตํ, อานนฺท, ยทิทํ – เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ’’ฯ
71. Evaṃ vutte, āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘idha, bhante, bhikkhu evaṃ paṭipanno hoti – ‘no cassa, no ca me siyā; na bhavissati, na me bhavissati; yadatthi yaṃ, bhūtaṃ – taṃ pajahāmī’ti. Evaṃ upekkhaṃ paṭilabhati. Parinibbāyeyya nu kho so, bhante, bhikkhu na vā parinibbāyeyyā’’ti? ‘‘Apetthekacco, ānanda, bhikkhu parinibbāyeyya, apetthekacco bhikkhu na parinibbāyeyyā’’ti. ‘‘Ko nu kho, bhante, hetu ko paccayo yenapetthekacco bhikkhu parinibbāyeyya, apetthekacco bhikkhu na parinibbāyeyyā’’ti? ‘‘Idhānanda, bhikkhu evaṃ paṭipanno hoti – ‘no cassa, no ca me siyā; na bhavissati, na me bhavissati; yadatthi, yaṃ bhūtaṃ – taṃ pajahāmī’ti. Evaṃ upekkhaṃ paṭilabhati. So taṃ upekkhaṃ abhinandati, abhivadati, ajjhosāya tiṭṭhati. Tassa taṃ upekkhaṃ abhinandato abhivadato ajjhosāya tiṭṭhato tannissitaṃ hoti viññāṇaṃ tadupādānaṃ. Saupādāno, ānanda, bhikkhu na parinibbāyatī’’ti. ‘‘Kahaṃ pana so, bhante, bhikkhu upādiyamāno upādiyatī’’ti? ‘‘Nevasaññānāsaññāyatanaṃ, ānandā’’ti. ‘‘Upādānaseṭṭhaṃ kira so, bhante, bhikkhu upādiyamāno upādiyatī’’ti? ‘‘Upādānaseṭṭhañhi so, ānanda, bhikkhu upādiyamāno upādiyati. Upādānaseṭṭhañhetaṃ, ānanda, yadidaṃ – nevasaññānāsaññāyatanaṃ’’.
๗๒. ‘‘อิธานนฺท, ภิกฺขุ เอวํ ปฎิปโนฺน โหติ – ‘โน จสฺส, โน จ เม สิยา; น ภวิสฺสติ, น เม ภวิสฺสติ; ยทตฺถิ, ยํ ภูตํ – ตํ ปชหามี’ติฯ เอวํ อุเปกฺขํ ปฎิลภติฯ โส ตํ อุเปกฺขํ นาภินนฺทติ, นาภิวทติ, น อโชฺฌสาย ติฎฺฐติฯ ตสฺส ตํ อุเปกฺขํ อนภินนฺทโต อนภิวทโต อนโชฺฌสาย ติฎฺฐโต น ตนฺนิสฺสิตํ โหติ วิญฺญาณํ น ตทุปาทานํฯ อนุปาทาโน, อานนฺท, ภิกฺขุ ปรินิพฺพายตี’’ติฯ
72. ‘‘Idhānanda, bhikkhu evaṃ paṭipanno hoti – ‘no cassa, no ca me siyā; na bhavissati, na me bhavissati; yadatthi, yaṃ bhūtaṃ – taṃ pajahāmī’ti. Evaṃ upekkhaṃ paṭilabhati. So taṃ upekkhaṃ nābhinandati, nābhivadati, na ajjhosāya tiṭṭhati. Tassa taṃ upekkhaṃ anabhinandato anabhivadato anajjhosāya tiṭṭhato na tannissitaṃ hoti viññāṇaṃ na tadupādānaṃ. Anupādāno, ānanda, bhikkhu parinibbāyatī’’ti.
๗๓. ‘‘อจฺฉริยํ, ภเนฺต, อพฺภุตํ, ภเนฺต! นิสฺสาย นิสฺสาย กิร โน, ภเนฺต, ภควตา โอฆสฺส นิตฺถรณา อกฺขาตาฯ กตโม ปน, ภเนฺต, อริโย วิโมโกฺข’’ติ? ‘‘อิธานนฺท, ภิกฺขุ อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘เย จ ทิฎฺฐธมฺมิกา กามา, เย จ สมฺปรายิกา กามา; ยา จ ทิฎฺฐธมฺมิกา กามสญฺญา, ยา จ สมฺปรายิกา กามสญฺญา; เย จ ทิฎฺฐธมฺมิกา รูปา, เย จ สมฺปรายิกา รูปา; ยา จ ทิฎฺฐธมฺมิกา รูปสญฺญา, ยา จ สมฺปรายิกา รูปสญฺญา; ยา จ อาเนญฺชสญฺญา, ยา จ อากิญฺจญฺญายตนสญฺญา , ยา จ เนวสญฺญานาสญฺญายตนสญฺญา – เอส สกฺกาโย ยาวตา สกฺกาโยฯ เอตํ อมตํ ยทิทํ อนุปาทา จิตฺตสฺส วิโมโกฺขฯ อิติ, โข, อานนฺท, เทสิตา มยา อาเนญฺชสปฺปายา ปฎิปทา, เทสิตา อากิญฺจญฺญายตนสปฺปายา ปฎิปทา, เทสิตา เนวสญฺญานาสญฺญายตนสปฺปายา ปฎิปทา, เทสิตา นิสฺสาย นิสฺสาย โอฆสฺส นิตฺถรณา, เทสิโต อริโย วิโมโกฺขฯ ยํ โข, อานนฺท, สตฺถารา กรณียํ สาวกานํ หิเตสินา อนุกมฺปเกน อนุกมฺปํ อุปาทาย, กตํ โว ตํ มยาฯ เอตานิ, อานนฺท, รุกฺขมูลานิ, เอตานิ สุญฺญาคารานิฯ ฌายถานนฺท, มา ปมาทตฺถ, มา ปจฺฉา วิปฺปฎิสาริโน อหุวตฺถฯ อยํ โว อมฺหากํ อนุสาสนี’’’ติฯ
73. ‘‘Acchariyaṃ, bhante, abbhutaṃ, bhante! Nissāya nissāya kira no, bhante, bhagavatā oghassa nittharaṇā akkhātā. Katamo pana, bhante, ariyo vimokkho’’ti? ‘‘Idhānanda, bhikkhu ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘ye ca diṭṭhadhammikā kāmā, ye ca samparāyikā kāmā; yā ca diṭṭhadhammikā kāmasaññā, yā ca samparāyikā kāmasaññā; ye ca diṭṭhadhammikā rūpā, ye ca samparāyikā rūpā; yā ca diṭṭhadhammikā rūpasaññā, yā ca samparāyikā rūpasaññā; yā ca āneñjasaññā, yā ca ākiñcaññāyatanasaññā , yā ca nevasaññānāsaññāyatanasaññā – esa sakkāyo yāvatā sakkāyo. Etaṃ amataṃ yadidaṃ anupādā cittassa vimokkho. Iti, kho, ānanda, desitā mayā āneñjasappāyā paṭipadā, desitā ākiñcaññāyatanasappāyā paṭipadā, desitā nevasaññānāsaññāyatanasappāyā paṭipadā, desitā nissāya nissāya oghassa nittharaṇā, desito ariyo vimokkho. Yaṃ kho, ānanda, satthārā karaṇīyaṃ sāvakānaṃ hitesinā anukampakena anukampaṃ upādāya, kataṃ vo taṃ mayā. Etāni, ānanda, rukkhamūlāni, etāni suññāgārāni. Jhāyathānanda, mā pamādattha, mā pacchā vippaṭisārino ahuvattha. Ayaṃ vo amhākaṃ anusāsanī’’’ti.
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมโน อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติฯ
Idamavoca bhagavā. Attamano āyasmā ānando bhagavato bhāsitaṃ abhinandīti.
อาเนญฺชสปฺปายสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ฉฎฺฐํฯ
Āneñjasappāyasuttaṃ niṭṭhitaṃ chaṭṭhaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๖. อาเนญฺชสปฺปายสุตฺตวณฺณนา • 6. Āneñjasappāyasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๖. อาเนญฺชสปฺปายสุตฺตวณฺณนา • 6. Āneñjasappāyasuttavaṇṇanā