Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā)

    ๖. อาเนญฺชสปฺปายสุตฺตวณฺณนา

    6. Āneñjasappāyasuttavaṇṇanā

    ๖๖. เอวํ เม สุตนฺติ อาเนญฺชสปฺปายสุตฺตํฯ ตตฺถ อนิจฺจาติ หุตฺวา อภาวเฎฺฐน อนิจฺจาฯ กามาติ วตฺถุกามาปิ กิเลสกามาปิฯ ตุจฺฉาติ นิจฺจสารธุวสารอตฺตสารวิรหิตตฺตา ริตฺตา, น ปน นตฺถีติ คเหตพฺพาฯ น หิ ตุจฺฉมุฎฺฐีติ วุเตฺต มุฎฺฐิ นาม นตฺถีติ วุตฺตํ โหติฯ ยสฺส ปน อพฺภนฺตเร กิญฺจิ นตฺถิ, โส วุจฺจติ ตุโจฺฉฯ มุสาติ นาสนกาฯ โมสธมฺมาติ นสฺสนสภาวา, เขตฺตํ วิย วตฺถุ วิย หิรญฺญสุวณฺณํ วิย จ น ปญฺญายิตฺถ, กติปาเหเนว สุปินเก ทิฎฺฐา วิย นสฺสนฺติ น ปญฺญายนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘โมสธมฺมา’’ติ, มายากตเมตนฺติ ยถา มายาย อุทกํ มณีติ กตฺวา ทสฺสิตํ, พทริปณฺณํ กหาปโณติ กตฺวา ทสฺสิตํ, อญฺญํ วา ปน เอวรูปํ ทสฺสนูปจาเร ฐิตเสฺสว ตถา ปญฺญายติ, อุปจาราติกฺกมโต ปฎฺฐาย ปากติกเมว ปญฺญายติฯ เอวํ กามาปิ อิตฺตรปจฺจุปฎฺฐานเฎฺฐน ‘‘มายากต’’นฺติ วุตฺตาฯ ยถา จ มายากาโร อุทกาทีนิ มณิอาทีนํ วเสน ทเสฺสโนฺต วเญฺจติ, เอวํ กามาปิ อนิจฺจาทีนิ นิจฺจาทิสภาวํ ทเสฺสนฺตา วเญฺจนฺตีติ วญฺจนกเฎฺฐนปิ ‘‘มายากต’’นฺติ วุตฺตาฯ พาลลาปนนฺติ มยฺหํ ปุโตฺต, มยฺหํ ธีตา, มยฺหํ หิรญฺญํ มยฺหํ สุวณฺณนฺติ เอวํ พาลานํ ลาปนโต พาลลาปนํฯ ทิฎฺฐธมฺมิกา กามาติ มานุสกา ปญฺจ กามคุณาฯ สมฺปรายิกาติ เต ฐเปตฺวา อวเสสาฯ ทิฎฺฐธมฺมิกาฯ กามสญฺญาติ มานุสเก กาเม อารพฺภ อุปฺปนฺนสญฺญาฯ อุภยเมตํ มารเธยฺยนฺติ เอเต กามา จ กามสญฺญา จ อุภยมฺปิ มารเธยฺยํฯ เยหิ อุภยเมตํ คหิตํ, เตสญฺหิ อุปริ มาโร วสํ วเตฺตติฯ ตํ สนฺธาย ‘‘อุภยเมตํ มารเธยฺย’’นฺติ วุตฺตํฯ

    66.Evaṃme sutanti āneñjasappāyasuttaṃ. Tattha aniccāti hutvā abhāvaṭṭhena aniccā. Kāmāti vatthukāmāpi kilesakāmāpi. Tucchāti niccasāradhuvasāraattasāravirahitattā rittā, na pana natthīti gahetabbā. Na hi tucchamuṭṭhīti vutte muṭṭhi nāma natthīti vuttaṃ hoti. Yassa pana abbhantare kiñci natthi, so vuccati tuccho. Musāti nāsanakā. Mosadhammāti nassanasabhāvā, khettaṃ viya vatthu viya hiraññasuvaṇṇaṃ viya ca na paññāyittha, katipāheneva supinake diṭṭhā viya nassanti na paññāyanti. Tena vuttaṃ ‘‘mosadhammā’’ti, māyākatametanti yathā māyāya udakaṃ maṇīti katvā dassitaṃ, badaripaṇṇaṃ kahāpaṇoti katvā dassitaṃ, aññaṃ vā pana evarūpaṃ dassanūpacāre ṭhitasseva tathā paññāyati, upacārātikkamato paṭṭhāya pākatikameva paññāyati. Evaṃ kāmāpi ittarapaccupaṭṭhānaṭṭhena ‘‘māyākata’’nti vuttā. Yathā ca māyākāro udakādīni maṇiādīnaṃ vasena dassento vañceti, evaṃ kāmāpi aniccādīni niccādisabhāvaṃ dassentā vañcentīti vañcanakaṭṭhenapi ‘‘māyākata’’nti vuttā. Bālalāpananti mayhaṃ putto, mayhaṃ dhītā, mayhaṃ hiraññaṃ mayhaṃ suvaṇṇanti evaṃ bālānaṃ lāpanato bālalāpanaṃ. Diṭṭhadhammikā kāmāti mānusakā pañca kāmaguṇā. Samparāyikāti te ṭhapetvā avasesā. Diṭṭhadhammikā. Kāmasaññāti mānusake kāme ārabbha uppannasaññā. Ubhayametaṃ māradheyyanti ete kāmā ca kāmasaññā ca ubhayampi māradheyyaṃ. Yehi ubhayametaṃ gahitaṃ, tesañhi upari māro vasaṃ vatteti. Taṃ sandhāya ‘‘ubhayametaṃ māradheyya’’nti vuttaṃ.

    มารเสฺสส วิสโยติอาทีสุปิ ยถา โจฬสฺส วิสโย โจฬวิสโย, ปณฺฑสฺส วิสโย ปณฺฑวิสโย, สํวรานํ วิสโย สํวรวิสโยติ ปวตฺตนฎฺฐานํ วิสโยติ วุจฺจติ, เอวํ เยหิ เอเต กามา คหิตา, เตสํ อุปริ มาโร วสํ วเตฺตติฯ ตํ สนฺธาย มารเสฺสส วิสโยติ วุตฺตํฯ ปญฺจ ปน กามคุเณ นิวาปพีชํ วิย วิปฺปกิรโนฺต มาโร คจฺฉติฯ เยหิ ปน เต คหิตา, เตสํ อุปริ มาโร วสํ วเตฺตติฯ ตํ สนฺธาย มารเสฺสส นิวาโปติ วุตฺตํฯ ยถา จ ยตฺถ หตฺถิอาทโย วสํ วเตฺตนฺติ, โส หตฺถิโคจโร อสฺสโคจโร อชโคจโรติ วุจฺจติ, เอวํ เยหิ เอเต กามา คหิตา, เตสุ มาโร วสํ วเตฺตติฯ ตํ สนฺธาย มารเสฺสส โคจโรติ วุตฺตํฯ

    Mārassesa visayotiādīsupi yathā coḷassa visayo coḷavisayo, paṇḍassa visayo paṇḍavisayo, saṃvarānaṃ visayo saṃvaravisayoti pavattanaṭṭhānaṃ visayoti vuccati, evaṃ yehi ete kāmā gahitā, tesaṃ upari māro vasaṃ vatteti. Taṃ sandhāya mārassesa visayoti vuttaṃ. Pañca pana kāmaguṇe nivāpabījaṃ viya vippakiranto māro gacchati. Yehi pana te gahitā, tesaṃ upari māro vasaṃ vatteti. Taṃ sandhāya mārassesa nivāpoti vuttaṃ. Yathā ca yattha hatthiādayo vasaṃ vattenti, so hatthigocaro assagocaro ajagocaroti vuccati, evaṃ yehi ete kāmā gahitā, tesu māro vasaṃ vatteti. Taṃ sandhāya mārassesa gocaroti vuttaṃ.

    เอตฺถาติ เอเตสุ กาเมสุฯ มานสาติ จิตฺตสมฺภูตาฯ ตตฺถ สิยา – ทุวิเธ ตาว กาเม อารพฺภ อภิชฺฌานลกฺขณา อภิชฺฌา, กรณุตฺตริยลกฺขโณ สารโมฺภ จ อุปฺปชฺชตุ, พฺยาปาโท กถํ อุปฺปชฺชตีติ? มมายิเต วตฺถุสฺมิํ อจฺฉิเนฺนปิ โสจนฺติ, อจฺฉิชฺชเนฺตปิ โสจนฺติ, อจฺฉินฺนสงฺกิโนปิ โสจนฺติ, โย เอวรูโป จิตฺตสฺส อาฆาโตติ เอวํ อุปฺปชฺชติฯ เตว อริยสาวกสฺสาติ เต อริยสาวกสฺสฯ วกาโร อาคมสนฺธิมตฺตํ โหติฯ อิธ มนุสิกฺขโตติ อิมสฺมิํ สาสเน สิกฺขนฺตสฺส เต ตโยปิ กิเลสา อนฺตรายกรา โหนฺติฯ อภิภุยฺย โลกนฺติ กามโลกํ อภิภวิตฺวาฯ อธิฎฺฐาย มนสาติ ฌานารมฺมณจิเตฺตน อธิฎฺฐหิตฺวาฯ อปริตฺตนฺติ กามาวจรจิตฺตํ ปริตฺตํ นาม, ตสฺส ปฎิเกฺขเปน มหคฺคตํ อปริตฺตํ นามฯ ปมาณนฺติปิ กามาวจรเมว, รูปาวจรํ อรูปาวจรํ อปฺปมาณํฯ สุภาวิตนฺติ ปน เอตํ กามาวจราทีนํ นามํ น โหติ, โลกุตฺตรเสฺสเวตํ นามํฯ ตสฺมา เอตสฺส วเสน อปริตฺตํ อปฺปมาณํ สุภาวิตนฺติ สพฺพํ โลกุตฺตรเมว วฎฺฎติฯ

    Etthāti etesu kāmesu. Mānasāti cittasambhūtā. Tattha siyā – duvidhe tāva kāme ārabbha abhijjhānalakkhaṇā abhijjhā, karaṇuttariyalakkhaṇo sārambho ca uppajjatu, byāpādo kathaṃ uppajjatīti? Mamāyite vatthusmiṃ acchinnepi socanti, acchijjantepi socanti, acchinnasaṅkinopi socanti, yo evarūpo cittassa āghātoti evaṃ uppajjati. Teva ariyasāvakassāti te ariyasāvakassa. Vakāro āgamasandhimattaṃ hoti. Idha manusikkhatoti imasmiṃ sāsane sikkhantassa te tayopi kilesā antarāyakarā honti. Abhibhuyya lokanti kāmalokaṃ abhibhavitvā. Adhiṭṭhāya manasāti jhānārammaṇacittena adhiṭṭhahitvā. Aparittanti kāmāvacaracittaṃ parittaṃ nāma, tassa paṭikkhepena mahaggataṃ aparittaṃ nāma. Pamāṇantipi kāmāvacarameva, rūpāvacaraṃ arūpāvacaraṃ appamāṇaṃ. Subhāvitanti pana etaṃ kāmāvacarādīnaṃ nāmaṃ na hoti, lokuttarassevetaṃ nāmaṃ. Tasmā etassa vasena aparittaṃ appamāṇaṃ subhāvitanti sabbaṃ lokuttarameva vaṭṭati.

    ตพฺพหุลวิหาริโนติ กามปฎิพาหเนน ตเมว ปฎิปทํ พหุลํ กตฺวา วิหรนฺตสฺสฯ อายตเน จิตฺตํ ปสีทตีติ การเณ จิตฺตํ ปสีทติฯ กิํ ปเนตฺถ การณํ? อรหตฺตํ วา, อรหตฺตสฺส วิปสฺสนํ วา, จตุตฺถชฺฌานํ วา, จตุตฺถชฺฌานสฺส อุปจารํ วาฯ สมฺปสาเท สตีติ เอตฺถ ทุวิโธ สมฺปสาโท อธิโมกฺขสมฺปสาโท จ ปฎิลาภสมฺปสาโท จฯ อรหตฺตสฺส หิ วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา วิหรโต มหาภูตาทีสุ อุปฎฺฐหเนฺตสุ เยนิเม นีหาเรน มหาภูตา อุปฎฺฐหนฺติ, อุปาทารูปา อุปฎฺฐหนฺติ นามรูปา อุปฎฺฐหนฺติ, ปจฺจยา สพฺพถา อุปฎฺฐหนฺติ, ลกฺขณารมฺมณา วิปสฺสนา อุปฎฺฐหติ, อเชฺชว อรหตฺตํ คณฺหิสฺสามีติ อปฺปฎิลเทฺธเยว อาสา สนฺติฎฺฐติ, อธิโมกฺขํ ปฎิลภติฯ ตติยชฺฌานํ วา ปาทกํ กตฺวา จตุตฺถชฺฌานตฺถาย กสิณปริกมฺมํ กโรนฺตสฺส นีวรณวิกฺขมฺภนาทีนิ สมนุปสฺสโต เยนิเม นีหาเรน นีวรณา วิกฺขมฺภนฺติ, กิเลสา สนฺนิสีทนฺติ, สติ สนฺติฎฺฐติ, สงฺขารคตํ วา วิภูตํ ปากฎํ หุตฺวา ทิพฺพจกฺขุกสฺส ปรโลโก วิย อุปฎฺฐาติ , จิตฺตุปฺปาโท เลปปิเณฺฑ ลคฺคมาโน วิย อุปจาเรน สมาธิยติ, อเชฺชว จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพเตฺตสฺสามีติ อปฎิลเทฺธเยว อาสา สนฺติฎฺฐติ, อธิโมกฺขํ ปฎิลภติ ฯ อยํ อธิโมกฺขสมฺปสาโท นามฯ ตสฺมิํ สมฺปสาเท สติฯ โย ปน อรหตฺตํ วา ปฎิลภติ จตุตฺถชฺฌานํ วา, ตสฺส จิตฺตํ วิปฺปสนฺนํ โหติเยวฯ อิธ ปน ‘‘อายตเน จิตฺตํ ปสีทตี’’ติ วจนโต อรหตฺตวิปสฺสนาย เจว จตุตฺถชฺฌานูปจารสฺส จ ปฎิลาโภ ปฎิลาภสมฺปสาโทติ เวทิตโพฺพฯ วิปสฺสนา หิ ปญฺญาย อธิมุจฺจนสฺส การณํ, อุปจารํ อาเนญฺชสมาปตฺติยาฯ

    Tabbahulavihārinoti kāmapaṭibāhanena tameva paṭipadaṃ bahulaṃ katvā viharantassa. Āyatane cittaṃ pasīdatīti kāraṇe cittaṃ pasīdati. Kiṃ panettha kāraṇaṃ? Arahattaṃ vā, arahattassa vipassanaṃ vā, catutthajjhānaṃ vā, catutthajjhānassa upacāraṃ vā. Sampasāde satīti ettha duvidho sampasādo adhimokkhasampasādo ca paṭilābhasampasādo ca. Arahattassa hi vipassanaṃ paṭṭhapetvā viharato mahābhūtādīsu upaṭṭhahantesu yenime nīhārena mahābhūtā upaṭṭhahanti, upādārūpā upaṭṭhahanti nāmarūpā upaṭṭhahanti, paccayā sabbathā upaṭṭhahanti, lakkhaṇārammaṇā vipassanā upaṭṭhahati, ajjeva arahattaṃ gaṇhissāmīti appaṭiladdheyeva āsā santiṭṭhati, adhimokkhaṃ paṭilabhati. Tatiyajjhānaṃ vā pādakaṃ katvā catutthajjhānatthāya kasiṇaparikammaṃ karontassa nīvaraṇavikkhambhanādīni samanupassato yenime nīhārena nīvaraṇā vikkhambhanti, kilesā sannisīdanti, sati santiṭṭhati, saṅkhāragataṃ vā vibhūtaṃ pākaṭaṃ hutvā dibbacakkhukassa paraloko viya upaṭṭhāti , cittuppādo lepapiṇḍe laggamāno viya upacārena samādhiyati, ajjeva catutthajjhānaṃ nibbattessāmīti apaṭiladdheyeva āsā santiṭṭhati, adhimokkhaṃ paṭilabhati . Ayaṃ adhimokkhasampasādo nāma. Tasmiṃ sampasāde sati. Yo pana arahattaṃ vā paṭilabhati catutthajjhānaṃ vā, tassa cittaṃ vippasannaṃ hotiyeva. Idha pana ‘‘āyatane cittaṃ pasīdatī’’ti vacanato arahattavipassanāya ceva catutthajjhānūpacārassa ca paṭilābho paṭilābhasampasādoti veditabbo. Vipassanā hi paññāya adhimuccanassa kāraṇaṃ, upacāraṃ āneñjasamāpattiyā.

    เอตรหิ วา อาเนญฺชํ สมาปชฺชติฯ ปญฺญาย วา อธิมุจฺจตีติ เอตฺถ เอตรหิ วา ปญฺญาย อธิมุจฺจติ, อาเนญฺชํ วา สมาปชฺชตีติ เอวํ ปทปริวตฺตนํ กตฺวา อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อิทญฺหิ วุตฺตํ โหติ – ตสฺมิํ สมฺปสาเท สติ เอตรหิ วา ปญฺญาย อธิมุจฺจติ, อรหตฺตํ สจฺฉิกโรตีติ อโตฺถฯ ตํ อนภิสมฺภุณโนฺต อาเนญฺชํ วา สมาปชฺชติ, อถ วา ปญฺญาย วา อธิมุจฺจตีติ อรหตฺตมคฺคํ ภาเวติ, ตํ อนภิสมฺภุณโนฺต อาเนญฺชํ วา สมาปชฺชติฯ อรหตฺตมคฺคํ ภาเวตุํ อสโกฺกโนฺต เอตรหิ จตุสจฺจํ วา สจฺฉิกโรติฯ ตํ อนภิสมฺภุณโนฺต อาเนญฺชํ วา สมาปชฺชตีติฯ

    Etarahi vā āneñjaṃ samāpajjati. Paññāya vā adhimuccatīti ettha etarahi vā paññāya adhimuccati, āneñjaṃ vā samāpajjatīti evaṃ padaparivattanaṃ katvā attho veditabbo. Idañhi vuttaṃ hoti – tasmiṃ sampasāde sati etarahi vā paññāya adhimuccati, arahattaṃ sacchikarotīti attho. Taṃ anabhisambhuṇanto āneñjaṃ vā samāpajjati, atha vā paññāya vā adhimuccatīti arahattamaggaṃ bhāveti, taṃ anabhisambhuṇanto āneñjaṃ vā samāpajjati. Arahattamaggaṃ bhāvetuṃ asakkonto etarahi catusaccaṃ vā sacchikaroti. Taṃ anabhisambhuṇanto āneñjaṃ vā samāpajjatīti.

    ตตฺรายํ นโย – อิธ ภิกฺขุ ตติยชฺฌานํ ปาทกํ กตฺวา จตุตฺถชฺฌานสฺส กสิณปริกมฺมํ กโรติฯ ตสฺส นีวรณา วิกฺขมฺภนฺติ, สติ สนฺติฎฺฐติ, อุปจาเรน จิตฺตํ สมาธิยติฯ โส รูปารูปํ ปริคณฺหาติ, ปจฺจยํ ปริคฺคณฺหาติ, ลกฺขณารมฺมณิกํ วิปสฺสนํ ววตฺถเปติ, ตสฺส เอวํ โหติ – ‘‘อุปจาเรน เม ฌานํ วิเสสภาคิยํ ภเวยฺย, ติฎฺฐตุ วิเสสภาคิยตา, นิเพฺพธภาคิยํ นํ กริสฺสามี’’ติ วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉิกโรติฯ เอตฺตเกนสฺส กิจฺจํ กตํ นาม โหติฯ อรหตฺตํ สจฺฉิกาตุํ อสโกฺกโนฺต ปน ตโต โอสกฺกิตมานโส อนฺตรา น ติฎฺฐติ, จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชติเยวฯ ยถา กิํ? ยถา ปุริโส ‘‘วนมหิํสํ ฆาเตสฺสามี’’ติ สตฺติํ คเหตฺวา อนุพนฺธโนฺต สเจ ตํ ฆาเตติ, สกลคามวาสิโน โตเสสฺสติ, อสโกฺกโนฺต ปน อนฺตรามเคฺค สสโคธาทโย ขุทฺทกมิเค ฆาเตตฺวา กาชํ ปูเรตฺวา เอติเยวฯ

    Tatrāyaṃ nayo – idha bhikkhu tatiyajjhānaṃ pādakaṃ katvā catutthajjhānassa kasiṇaparikammaṃ karoti. Tassa nīvaraṇā vikkhambhanti, sati santiṭṭhati, upacārena cittaṃ samādhiyati. So rūpārūpaṃ parigaṇhāti, paccayaṃ pariggaṇhāti, lakkhaṇārammaṇikaṃ vipassanaṃ vavatthapeti, tassa evaṃ hoti – ‘‘upacārena me jhānaṃ visesabhāgiyaṃ bhaveyya, tiṭṭhatu visesabhāgiyatā, nibbedhabhāgiyaṃ naṃ karissāmī’’ti vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ sacchikaroti. Ettakenassa kiccaṃ kataṃ nāma hoti. Arahattaṃ sacchikātuṃ asakkonto pana tato osakkitamānaso antarā na tiṭṭhati, catutthajjhānaṃ samāpajjatiyeva. Yathā kiṃ? Yathā puriso ‘‘vanamahiṃsaṃ ghātessāmī’’ti sattiṃ gahetvā anubandhanto sace taṃ ghāteti, sakalagāmavāsino tosessati, asakkonto pana antarāmagge sasagodhādayo khuddakamige ghātetvā kājaṃ pūretvā etiyeva.

    ตตฺถ ปุริสสฺส สตฺติํ คเหตฺวา วนมหิํสานุพนฺธนํ วิย อิมสฺส ภิกฺขุโน ตติยชฺฌานํ ปาทกํ กตฺวา จตุตฺถชฺฌานสฺส ปริกมฺมกรณํ, วนมหิํสฆาตนํ วิย – ‘‘นีวรณวิกฺขมฺภนาทีนิ สมนุปสฺสโต วิเสสภาคิยํ ภเวยฺย, ติฎฺฐตุ วิเสสภาคิยตา, นิเพฺพธภาคิยํ นํ กริสฺสามี’’ติ วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตสฺส สจฺฉิกรณํ, มหิํสํ ฆาเตตุํ อสโกฺกนฺตสฺส อนฺตรามเคฺค สสโคธาทโย ขุทฺทกมิเค ฆาเตตฺวา กาชํ ปูเรตฺวา คมนํ วิย อรหตฺตํ สจฺฉิกาตุํ อสโกฺกนฺตสฺส, ตโต โอสกฺกิตฺวา จตุตฺถชฺฌานสมาปชฺชนํ เวทิตพฺพํฯ มคฺคภาวนา จตุสจฺจสจฺฉิกิริยาโยชนาสุปิ เอเสว นโยฯ

    Tattha purisassa sattiṃ gahetvā vanamahiṃsānubandhanaṃ viya imassa bhikkhuno tatiyajjhānaṃ pādakaṃ katvā catutthajjhānassa parikammakaraṇaṃ, vanamahiṃsaghātanaṃ viya – ‘‘nīvaraṇavikkhambhanādīni samanupassato visesabhāgiyaṃ bhaveyya, tiṭṭhatu visesabhāgiyatā, nibbedhabhāgiyaṃ naṃ karissāmī’’ti vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattassa sacchikaraṇaṃ, mahiṃsaṃ ghātetuṃ asakkontassa antarāmagge sasagodhādayo khuddakamige ghātetvā kājaṃ pūretvā gamanaṃ viya arahattaṃ sacchikātuṃ asakkontassa, tato osakkitvā catutthajjhānasamāpajjanaṃ veditabbaṃ. Maggabhāvanā catusaccasacchikiriyāyojanāsupi eseva nayo.

    อิทานิ อรหตฺตํ สจฺฉิกาตุํ อสโกฺกนฺตสฺส นิพฺพตฺตฎฺฐานํ ทเสฺสโนฺต กายสฺส เภทาติอาทิมาหฯ ตตฺถ นฺติ เยน การเณน ตํ สํวตฺตนิกํ วิญฺญาณํ อสฺส อาเนญฺชูปคํ, ตํ การณํ วิชฺชตีติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ ตํสํวตฺตนิกนฺติ ตสฺส ภิกฺขุโน สํวตฺตนิกํฯ เยน วิปากวิญฺญาเณน โส ภิกฺขุ สํวตฺตติ นิพฺพตฺตติ, ตํ วิญฺญาณํฯ อาเนญฺชูปคนฺติ กุสลาเนญฺชสภาวูปคตํ อสฺส, ตาทิสเมว ภเวยฺยาติ อโตฺถฯ เกจิ กุสลวิญฺญาณํ วทนฺติฯ ยํ ตสฺส ภิกฺขุโน สํวตฺตนิกํ อุปปตฺติเหตุภูตํ กุสลวิญฺญาณํ อาเนญฺชูปคตํ อสฺส, วิปากกาเลปิ ตนฺนามกเมว อสฺสาติ อโตฺถฯ โส ปนายมโตฺถ – ‘‘ปุญฺญํ เจ สงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, ปุญฺญูปคํ โหติ วิญฺญาณํฯ อปุญฺญํ เจ สงฺขารํ อภิสงฺขาโรติ, อปุญฺญุปคํ โหติ วิญฺญาณํฯ อาเนญฺชํ เจ สงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, อาเนญฺชูปคํ โหติ วิญฺญาณ’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๕๑) อิมินา นเยน เวทิตโพฺพฯ อาเนญฺชสปฺปายาติ อาเนญฺชสฺส จตุตฺถชฺฌานสฺส สปฺปายาฯ น เกวลญฺจ สา อาเนญฺชเสฺสว, อุปริ อรหตฺตสฺสาปิ สปฺปายาว อุปการภูตาเยวาติ เวทิตพฺพาฯ อิติ อิมสฺมิํ ปฐมกอาเนเญฺช สมาธิวเสน โอสกฺกนา กถิตาฯ

    Idāni arahattaṃ sacchikātuṃ asakkontassa nibbattaṭṭhānaṃ dassento kāyassa bhedātiādimāha. Tattha yanti yena kāraṇena taṃ saṃvattanikaṃ viññāṇaṃ assa āneñjūpagaṃ, taṃ kāraṇaṃ vijjatīti attho. Ettha ca taṃsaṃvattanikanti tassa bhikkhuno saṃvattanikaṃ. Yena vipākaviññāṇena so bhikkhu saṃvattati nibbattati, taṃ viññāṇaṃ. Āneñjūpaganti kusalāneñjasabhāvūpagataṃ assa, tādisameva bhaveyyāti attho. Keci kusalaviññāṇaṃ vadanti. Yaṃ tassa bhikkhuno saṃvattanikaṃ upapattihetubhūtaṃ kusalaviññāṇaṃ āneñjūpagataṃ assa, vipākakālepi tannāmakameva assāti attho. So panāyamattho – ‘‘puññaṃ ce saṅkhāraṃ abhisaṅkharoti, puññūpagaṃ hoti viññāṇaṃ. Apuññaṃ ce saṅkhāraṃ abhisaṅkhāroti, apuññupagaṃ hoti viññāṇaṃ. Āneñjaṃ ce saṅkhāraṃ abhisaṅkharoti, āneñjūpagaṃ hoti viññāṇa’’nti (saṃ. ni. 2.51) iminā nayena veditabbo. Āneñjasappāyāti āneñjassa catutthajjhānassa sappāyā. Na kevalañca sā āneñjasseva, upari arahattassāpi sappāyāva upakārabhūtāyevāti veditabbā. Iti imasmiṃ paṭhamakaāneñje samādhivasena osakkanā kathitā.

    ๖๗. อิติ ปฎิสญฺจิกฺขตีติ จตุตฺถชฺฌานํ ปตฺวา เอวํ ปฎิสญฺจิกฺขติฯ อยญฺหิ ภิกฺขุ เหฎฺฐิเมน ภิกฺขุนา ปญฺญวนฺตตโร ตสฺส จ ภิกฺขุโน อตฺตโน จาติ ทฺวินฺนมฺปิ กมฺมฎฺฐานํ เอกโต กตฺวา สมฺมสติฯ ตพฺพหุลวิหาริโนติ รูปปฎิพาหเนน ตเมว ปฎิปทํ พหุลํ กตฺวา วิหรนฺตสฺสฯ อาเนญฺชํ สมาปชฺชตีติ อากาสานญฺจายตานาเนญฺชํ สมาปชฺชติฯ เสสํ ปุริมสทิสเมวฯ ยถา จ อิธ, เอวํ สพฺพตฺถ วิเสสมตฺตเมว ปน วกฺขามฯ อิติ อิมสฺมิํ ทุติยอาเนเญฺช วิปสฺสนาวเสน โอสกฺกนา กถิตา, ‘‘ยํกิญฺจิ รูป’’นฺติ เอวํ วิปสฺสนามคฺคํ ทเสฺสเนฺตน กถิตาติ อโตฺถฯ

    67.Iti paṭisañcikkhatīti catutthajjhānaṃ patvā evaṃ paṭisañcikkhati. Ayañhi bhikkhu heṭṭhimena bhikkhunā paññavantataro tassa ca bhikkhuno attano cāti dvinnampi kammaṭṭhānaṃ ekato katvā sammasati. Tabbahulavihārinoti rūpapaṭibāhanena tameva paṭipadaṃ bahulaṃ katvā viharantassa. Āneñjaṃ samāpajjatīti ākāsānañcāyatānāneñjaṃ samāpajjati. Sesaṃ purimasadisameva. Yathā ca idha, evaṃ sabbattha visesamattameva pana vakkhāma. Iti imasmiṃ dutiyaāneñje vipassanāvasena osakkanā kathitā, ‘‘yaṃkiñci rūpa’’nti evaṃ vipassanāmaggaṃ dassentena kathitāti attho.

    อิติ ปฎิสญฺจิกฺขตีติ อากาสานญฺจายตนํ ปตฺวา เอวํ ปฎิสญฺจิกฺขติฯ อยญฺหิ เหฎฺฐา ทฺวีหิ ภิกฺขูหิ ปญฺญวนฺตตโร เตสญฺจ ภิกฺขูนํ อตฺตโน จาติ ติณฺณมฺปิ กมฺมฎฺฐานํ เอกโต กตฺวา สมฺมสติฯ อุภยเมตํ อนิจฺจนฺติ เอตฺถ อฎฺฐ เอเกกโกฎฺฐาสา ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกวเสน ปน สงฺขิปิตฺวา อุภยนฺติ วุตฺตํฯ นาลํ อภินนฺทิตุนฺติ ตณฺหาทิฎฺฐิวเสน อภินนฺทิตุํ น ยุตฺตํฯ เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ ตพฺพหุลวิหาริโนติ กามปฎิพาหเนน จ รูปปฎิพาหเนน จ ตเมว ปฎิปทํ พหุลํ กตฺวา วิหรนฺตสฺสฯ อาเนญฺชํ สมาปชฺชตีติ วิญฺญาณญฺจายตนาเนญฺชํ สมาปชฺชติฯ อิมสฺมิํ ตติยอาเนเญฺช วิปสฺสนาวเสน โอสกฺกนา กถิตาฯ

    Itipaṭisañcikkhatīti ākāsānañcāyatanaṃ patvā evaṃ paṭisañcikkhati. Ayañhi heṭṭhā dvīhi bhikkhūhi paññavantataro tesañca bhikkhūnaṃ attano cāti tiṇṇampi kammaṭṭhānaṃ ekato katvā sammasati. Ubhayametaṃ aniccanti ettha aṭṭha ekekakoṭṭhāsā diṭṭhadhammikasamparāyikavasena pana saṅkhipitvā ubhayanti vuttaṃ. Nālaṃ abhinanditunti taṇhādiṭṭhivasena abhinandituṃ na yuttaṃ. Sesapadadvayepi eseva nayo. Tabbahulavihārinoti kāmapaṭibāhanena ca rūpapaṭibāhanena ca tameva paṭipadaṃ bahulaṃ katvā viharantassa. Āneñjaṃ samāpajjatīti viññāṇañcāyatanāneñjaṃ samāpajjati. Imasmiṃ tatiyaāneñje vipassanāvasena osakkanā kathitā.

    ๖๘. อิติ ปฎิสญฺจิกฺขตีติ วิญฺญาณญฺจายตนํ ปตฺวา เอวํ ปฎิสญฺจิกฺขติฯ อยญฺหิ เหฎฺฐา ตีหิ ภิกฺขูหิ ปญฺญวนฺตตโร เตสญฺจ ภิกฺขูนํ อตฺตโน จาติ จตุนฺนมฺปิ กมฺมฎฺฐานํ เอกโต กตฺวา สมฺมสติฯ ยเตฺถตา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตีติ ยํ อากิญฺจญฺญายตนํ ปตฺวา เอตา เหฎฺฐา วุตฺตา สพฺพสญฺญา นิรุชฺฌนฺติฯ เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตนฺติ เอตํ องฺคสนฺตตาย อารมฺมณสนฺตตาย จ สนฺตํ, อตปฺปกเฎฺฐน ปณีตํฯ ตพฺพหุลวิหาริโนติ ตาสํ สญฺญานํ ปฎิพาหเนน ตเมว ปฎิปทํ พหุลํ กตฺวา วิหรนฺตสฺสฯ อิมสฺมิํ ปฐมากิญฺจญฺญายตเน สมาธิวเสน โอสกฺกนา กถิตาฯ

    68.Iti paṭisañcikkhatīti viññāṇañcāyatanaṃ patvā evaṃ paṭisañcikkhati. Ayañhi heṭṭhā tīhi bhikkhūhi paññavantataro tesañca bhikkhūnaṃ attano cāti catunnampi kammaṭṭhānaṃ ekato katvā sammasati. Yatthetā aparisesā nirujjhantīti yaṃ ākiñcaññāyatanaṃ patvā etā heṭṭhā vuttā sabbasaññā nirujjhanti. Etaṃ santaṃ etaṃ paṇītanti etaṃ aṅgasantatāya ārammaṇasantatāya ca santaṃ, atappakaṭṭhena paṇītaṃ. Tabbahulavihārinoti tāsaṃ saññānaṃ paṭibāhanena tameva paṭipadaṃ bahulaṃ katvā viharantassa. Imasmiṃ paṭhamākiñcaññāyatane samādhivasena osakkanā kathitā.

    อิติ ปฎิสญฺจิกฺขตีติ วิญฺญาณญฺจายตนเมว ปตฺวา เอวํ ปฎิสญฺจิกฺขติฯ อยญฺหิ เหฎฺฐา จตูหิ ภิกฺขูหิ ปญฺญวนฺตตโร เตสญฺจ ภิกฺขูนํ อตฺตโน จาติ ปญฺจนฺนมฺปิ กมฺมฎฺฐานํ เอกโต กตฺวา สมฺมสติฯ อเตฺตน วา อตฺตนิเยน วาติ อหํ มมาติ คเหตเพฺพน สุญฺญํ ตุจฺฉํ ริตฺตํฯ เอวเมตฺถ ทฺวิโกฎิกา สุญฺญตา ทสฺสิตาฯ ตพฺพหุลวิหาริโนติ เหฎฺฐา วุตฺตปฎิปทญฺจ อิมญฺจ สุญฺญตปฎิปทํ พหุลํ กตฺวา วิหรนฺตสฺสฯ อิมสฺมิํ ทุติยากิญฺจญฺญายตเน วิปสฺสนาวเสน โอสกฺกนา กถิตาฯ

    Iti paṭisañcikkhatīti viññāṇañcāyatanameva patvā evaṃ paṭisañcikkhati. Ayañhi heṭṭhā catūhi bhikkhūhi paññavantataro tesañca bhikkhūnaṃ attano cāti pañcannampi kammaṭṭhānaṃ ekato katvā sammasati. Attena vā attaniyena vāti ahaṃ mamāti gahetabbena suññaṃ tucchaṃ rittaṃ. Evamettha dvikoṭikā suññatā dassitā. Tabbahulavihārinoti heṭṭhā vuttapaṭipadañca imañca suññatapaṭipadaṃ bahulaṃ katvā viharantassa. Imasmiṃ dutiyākiñcaññāyatane vipassanāvasena osakkanā kathitā.

    ๗๐. อิติ ปฎิสญฺจิกฺขตีติ วิญฺญาณญฺจายตนเมว ปตฺวา เอวํ ปฎิสญฺจิกฺขติฯ อยญฺหิ เหฎฺฐา ปญฺจหิ ภิกฺขูหิ ปญฺญวนฺตตโร เตสญฺจ ภิกฺขูนํ อตฺตโน จาติ ฉนฺนมฺปิ กมฺมฎฺฐานํ เอกโต กตฺวา สมฺมสติฯ นาหํ กฺวจนิ กสฺสจิ กิญฺจนตสฺมิํ, น จ มม กฺวจนิ กิสฺมิญฺจิ กิญฺจนํ นตฺถีติ เอตฺถ ปน จตุโกฎิกา สุญฺญตา กถิตาฯ กถํ? อยญฺหิ นาหํ กฺวจนีติ กฺวจิ อตฺตานํ น ปสฺสติ, กสฺสจิ กิญฺจนตสฺมินฺติ อตฺตโน อตฺตานํ กสฺสจิ ปรสฺส กิญฺจนภาเว อุปเนตพฺพํ น ปสฺสติ, อตฺตโน ภาติฎฺฐาเน ภาตรํ สหายฎฺฐาเน สหายํ ปริกฺขารฎฺฐาเน วา ปริกฺขารํ มญฺญิตฺวา อุปคนฺตฺวา อุปเนตพฺพํ น ปสฺสตีติ อโตฺถฯ น จ มม กฺวจนีติ เอตฺถ มม – สทฺทํ ตาว ฐเปตฺวา น จ กฺวจนิ ปรสฺส จ อตฺตานํ กฺวจิ น ปสฺสตีติ อยมโตฺถฯ อิทานิ มม – สทฺทํ อาหริตฺวา มม กิสฺมิญฺจิ กิญฺจนํ นตฺถีติ โส ปรสฺส อตฺตา มม กิสฺมิญฺจิ กิญฺจนภาเว อตฺถีติ น ปสฺสติฯ อตฺตโน ภาติฎฺฐาเน ภาตรํ สหายฎฺฐาเน สหายํ ปริกฺขารฎฺฐาเน วา ปริกฺขารนฺติ กิสฺมิญฺจิ ฐาเน ปรสฺส อตฺตานํ อิมินา กิญฺจนภาเวน อุปเนตพฺพํ น ปสฺสตีติ อโตฺถฯ เอวมยํ ยสฺมา เนว กตฺถจิ อตฺตานํ ปสฺสติ, น ตํ ปรสฺส กิญฺจนภาเว อุปเนตพฺพํ ปสฺสติ, น ปรสฺส อตฺตานํ ปสฺสติ, น ปรสฺส อตฺตานํ อตฺตโน กิญฺจนภาเว อุปเนตพฺพํ ปสฺสติ, ตสฺมา อยํ สุญฺญตา จตุโกฎิกาติ เวทิตพฺพาฯ ตพฺพหุลวิหาริโนติ เหฎฺฐา วุตฺตปฺปฎิปทํ อิมํ จตุโกฎิสุญฺญตญฺจ พหุลํ กตฺวา วิหรนฺตสฺสฯ อิมสฺมิํ ตติยากิญฺจญฺญายตเนปิ วิปสฺสนาวเสเนว โอสกฺกนา กถิตาฯ

    70.Itipaṭisañcikkhatīti viññāṇañcāyatanameva patvā evaṃ paṭisañcikkhati. Ayañhi heṭṭhā pañcahi bhikkhūhi paññavantataro tesañca bhikkhūnaṃ attano cāti channampi kammaṭṭhānaṃ ekato katvā sammasati. Nāhaṃ kvacani kassaci kiñcanatasmiṃ, na ca mama kvacani kismiñcikiñcanaṃ natthīti ettha pana catukoṭikā suññatā kathitā. Kathaṃ? Ayañhi nāhaṃ kvacanīti kvaci attānaṃ na passati, kassaci kiñcanatasminti attano attānaṃ kassaci parassa kiñcanabhāve upanetabbaṃ na passati, attano bhātiṭṭhāne bhātaraṃ sahāyaṭṭhāne sahāyaṃ parikkhāraṭṭhāne vā parikkhāraṃ maññitvā upagantvā upanetabbaṃ na passatīti attho. Na ca mama kvacanīti ettha mama – saddaṃ tāva ṭhapetvā na ca kvacani parassa ca attānaṃ kvaci na passatīti ayamattho. Idāni mama – saddaṃ āharitvā mama kismiñci kiñcanaṃ natthīti so parassa attā mama kismiñci kiñcanabhāve atthīti na passati. Attano bhātiṭṭhāne bhātaraṃ sahāyaṭṭhāne sahāyaṃ parikkhāraṭṭhāne vā parikkhāranti kismiñci ṭhāne parassa attānaṃ iminā kiñcanabhāvena upanetabbaṃ na passatīti attho. Evamayaṃ yasmā neva katthaci attānaṃ passati, na taṃ parassa kiñcanabhāve upanetabbaṃ passati, na parassa attānaṃ passati, na parassa attānaṃ attano kiñcanabhāve upanetabbaṃ passati, tasmā ayaṃ suññatā catukoṭikāti veditabbā. Tabbahulavihārinoti heṭṭhā vuttappaṭipadaṃ imaṃ catukoṭisuññatañca bahulaṃ katvā viharantassa. Imasmiṃ tatiyākiñcaññāyatanepi vipassanāvaseneva osakkanā kathitā.

    อิติ ปฎิสญฺจิกฺขตีติ อากิญฺจญฺญายตนํ ปตฺวา เอวํ ปฎิสญฺจิกฺขติฯ อยญฺหิ เหฎฺฐา ฉหิ ภิกฺขูหิ ปญฺญวนฺตตโร เตสญฺจ ภิกฺขูนํ อตฺตโน จาติ สตฺตนฺนมฺปิ กมฺมฎฺฐานํ เอกโต กตฺวา สมฺมสติฯ ยเตฺถตา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตีติ ยํ เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ ปตฺวา เอตฺถ เอตา เหฎฺฐา วุตฺตา สพฺพสญฺญา นิรุชฺฌนฺติฯ ตพฺพหุลวิหาริโนติ ตาสํ สญฺญานํ ปฎิพาหเนน ตเมว ปฎิปทํ พหุลํ กตฺวา วิหรนฺตสฺสฯ อิมสฺมิํ เนวสญฺญานาสญฺญายตเน สมาธิวเสน โอสกฺกนา กถิตาฯ

    Iti paṭisañcikkhatīti ākiñcaññāyatanaṃ patvā evaṃ paṭisañcikkhati. Ayañhi heṭṭhā chahi bhikkhūhi paññavantataro tesañca bhikkhūnaṃ attano cāti sattannampi kammaṭṭhānaṃ ekato katvā sammasati. Yatthetā aparisesā nirujjhantīti yaṃ nevasaññānāsaññāyatanaṃ patvā ettha etā heṭṭhā vuttā sabbasaññā nirujjhanti. Tabbahulavihārinoti tāsaṃ saññānaṃ paṭibāhanena tameva paṭipadaṃ bahulaṃ katvā viharantassa. Imasmiṃ nevasaññānāsaññāyatane samādhivasena osakkanā kathitā.

    ๗๑. โน จสฺส โน จ เม สิยาติ สเจ มยฺหํ ปุเพฺพ ปญฺจวิธํ กมฺมวฎฺฎํ น อายูหิตํ อสฺส, ยํ เม อิทํ เอตรหิ เอวํ ปญฺจวิธํ วิปากวฎฺฎํ เอตํ เม น สิยา นปฺปวเตฺตยฺยาติ อโตฺถฯ น ภวิสฺสตีติ สเจ เอตรหิ ปญฺจวิธํ กมฺมวฎฺฎํ อายูหิตํ น ภวิสฺสติฯ น เม ภวิสฺสตีติ ตสฺมิํ อสติ อนาคเต เม ปญฺจวิธํ วิปากวฎฺฎํ น ภวิสฺสติฯ ยทตฺถิ ยํ ภูตํ ตํ ปชหามีติ ยํ อตฺถิ ยํ ภูตํ เอตรหิ ขนฺธปญฺจกํ, ตํ ปชหามิฯ เอวํ อุเปกฺขํ ปฎิลภตีติ โส ภิกฺขุ เอวํ วิปสฺสนุเปกฺขํ ลภตีติ อโตฺถฯ

    71.No cassa no ca me siyāti sace mayhaṃ pubbe pañcavidhaṃ kammavaṭṭaṃ na āyūhitaṃ assa, yaṃ me idaṃ etarahi evaṃ pañcavidhaṃ vipākavaṭṭaṃ etaṃ me na siyā nappavatteyyāti attho. Na bhavissatīti sace etarahi pañcavidhaṃ kammavaṭṭaṃ āyūhitaṃ na bhavissati. Na me bhavissatīti tasmiṃ asati anāgate me pañcavidhaṃ vipākavaṭṭaṃ na bhavissati. Yadatthi yaṃ bhūtaṃ taṃ pajahāmīti yaṃ atthi yaṃ bhūtaṃ etarahi khandhapañcakaṃ, taṃ pajahāmi. Evaṃupekkhaṃ paṭilabhatīti so bhikkhu evaṃ vipassanupekkhaṃ labhatīti attho.

    ปรินิพฺพาเยยฺย นุ โข โส, ภเนฺต, ภิกฺขุ น วา ปรินิพฺพาเยยฺยาติ กิํ ปุจฺฉามีติ ปุจฺฉติ, ตติยชฺฌานํ ปาทกํ กตฺวา ฐิตสฺส อรหตฺตมฺปิ โอสกฺกนาปิ ปฎิปทาปิ ปฎิสนฺธิปิ กถิตา, ตถา จตุตฺถชฺฌานาทีนิ ปาทกานิ กตฺวา ฐิตานํ, เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ ปาทกํ กตฺวา ฐิตสฺส น กิญฺจิ กถิตํ, ตํ ปุจฺฉามีติ ปุจฺฉติฯ อเปตฺถาติ อปิ เอตฺถฯ โส ตํ อุเปกฺขํ อภินนฺทตีติ โส ตํ วิปสฺสนุเปกฺขํ ตณฺหาทิฎฺฐิอภินนฺทนาหิ อภินนฺทติฯ เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ ตนฺนิสฺสิตํ โหติ วิญฺญาณนฺติ วิญฺญาณํ วิปสฺสนานิสฺสิตํ โหติฯ ตทุปาทานนฺติ ยํ นิกนฺติวิญฺญาณํ, ตํ ตสฺส อุปาทานํ นาม คหณํ นาม โหติฯ สอุปาทาโนติ สคหโณฯ น ปรินิพฺพายตีติ วิปสฺสนาย สาลโย ภิกฺขุ มม สาสเน น ปรินิพฺพายติฯ โย ปน วิหารปริเวณอุปฎฺฐากาทีสุ สาลโย, ตสฺมิํ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทเสฺสติฯ กหํ ปนาติ? กตฺถ ปน? อุปาทิยมาโน อุปาทิยตีติ ปฎิสนฺธิํ คณฺหมาโน คณฺหาติฯ อุปาทานเสฎฺฐํ กิร โส, ภเนฺตติ, ภเนฺต, โส กิร ภิกฺขุ คเหตพฺพฎฺฐานํ เสฎฺฐํ อุตฺตมํ ภวํ อุปาทิยติ, เสฎฺฐภเว ปฎิสนฺธิํ คณฺหาตีติ อโตฺถฯ อิมินา ตสฺส ภิกฺขุโน ปฎิสนฺธิ กถิตาฯ อิทานิสฺส อรหตฺตํ กเถตุํ อิธานนฺทาติอาทิมาหฯ

    Parinibbāyeyya nu kho so, bhante, bhikkhu na vā parinibbāyeyyāti kiṃ pucchāmīti pucchati, tatiyajjhānaṃ pādakaṃ katvā ṭhitassa arahattampi osakkanāpi paṭipadāpi paṭisandhipi kathitā, tathā catutthajjhānādīni pādakāni katvā ṭhitānaṃ, nevasaññānāsaññāyatanaṃ pādakaṃ katvā ṭhitassa na kiñci kathitaṃ, taṃ pucchāmīti pucchati. Apetthāti api ettha. So taṃ upekkhaṃ abhinandatīti so taṃ vipassanupekkhaṃ taṇhādiṭṭhiabhinandanāhi abhinandati. Sesapadadvayepi eseva nayo. Tannissitaṃ hoti viññāṇanti viññāṇaṃ vipassanānissitaṃ hoti. Tadupādānanti yaṃ nikantiviññāṇaṃ, taṃ tassa upādānaṃ nāma gahaṇaṃ nāma hoti. Saupādānoti sagahaṇo. Na parinibbāyatīti vipassanāya sālayo bhikkhu mama sāsane na parinibbāyati. Yo pana vihārapariveṇaupaṭṭhākādīsu sālayo, tasmiṃ vattabbameva natthīti dasseti. Kahaṃ panāti? Kattha pana? Upādiyamānoupādiyatīti paṭisandhiṃ gaṇhamāno gaṇhāti. Upādānaseṭṭhaṃ kira so, bhanteti, bhante, so kira bhikkhu gahetabbaṭṭhānaṃ seṭṭhaṃ uttamaṃ bhavaṃ upādiyati, seṭṭhabhave paṭisandhiṃ gaṇhātīti attho. Iminā tassa bhikkhuno paṭisandhi kathitā. Idānissa arahattaṃ kathetuṃ idhānandātiādimāha.

    ๗๓. นิสฺสาย นิสฺสายาติ ตํ ตํ สมาปตฺติํ นิสฺสายฯ โอฆสฺส นิตฺถรณา อกฺขาตาติ โอฆตรณํ กถิตํ, ตติยชฺฌานํ ปาทกํ กตฺวา ฐิตภิกฺขุโน โอฆนิตฺถรณา กถิตา…เป.… เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ ปาทกํ กตฺวา ฐิตภิกฺขุโน โอฆนิตฺถรณา กถิตาติ วทติฯ

    73.Nissāya nissāyāti taṃ taṃ samāpattiṃ nissāya. Oghassa nittharaṇā akkhātāti oghataraṇaṃ kathitaṃ, tatiyajjhānaṃ pādakaṃ katvā ṭhitabhikkhuno oghanittharaṇā kathitā…pe… nevasaññānāsaññāyatanaṃ pādakaṃ katvā ṭhitabhikkhuno oghanittharaṇā kathitāti vadati.

    กตโม ปน, ภเนฺต, อริโย วิโมโกฺขติ อิธ กิํ ปุจฺฉติ? สมาปตฺติํ ตาว ปทฎฺฐานํ กตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ คณฺหโนฺต ภิกฺขุ นาวํ วา อุฬุมฺปาทีนิ วา นิสฺสาย มโหฆํ ตริตฺวา ปารํ คจฺฉโนฺต วิย น กิลมติฯ สุกฺขวิปสฺสโก ปน ปกิณฺณกสงฺขาเร สมฺมสิตฺวา อรหตฺตํ คณฺหโนฺต พาหุพเลน โสตํ ฉินฺทิตฺวา ปารํ คจฺฉโนฺต วิย กิลมติฯ อิติ อิมสฺส สุกฺขวิปสฺสกสฺส อรหตฺตํ ปุจฺฉามีติ ปุจฺฉติฯ อริยสาวโกติ สุกฺขวิปสฺสโก อริยสาวโกฯ อยญฺหิ เหฎฺฐา อฎฺฐหิ ภิกฺขูหิ ปญฺญวนฺตตโร เตสญฺจ ภิกฺขูนํ อตฺตโน จาติ นวนฺนมฺปิ กมฺมฎฺฐานํ เอกโต กตฺวา สมฺมสติฯ เอส สกฺกาโย ยาวตา สกฺกาโยติ ยตฺตโก เตภูมกวฎฺฎสงฺขาโต สกฺกาโย นาม อตฺถิ, สโพฺพปิ โส เอส สกฺกาโย, น อิโต ปรํ สกฺกาโย อตฺถีติ ปฎิสญฺจิกฺขติฯ

    Katamo pana, bhante, ariyo vimokkhoti idha kiṃ pucchati? Samāpattiṃ tāva padaṭṭhānaṃ katvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ gaṇhanto bhikkhu nāvaṃ vā uḷumpādīni vā nissāya mahoghaṃ taritvā pāraṃ gacchanto viya na kilamati. Sukkhavipassako pana pakiṇṇakasaṅkhāre sammasitvā arahattaṃ gaṇhanto bāhubalena sotaṃ chinditvā pāraṃ gacchanto viya kilamati. Iti imassa sukkhavipassakassa arahattaṃ pucchāmīti pucchati. Ariyasāvakoti sukkhavipassako ariyasāvako. Ayañhi heṭṭhā aṭṭhahi bhikkhūhi paññavantataro tesañca bhikkhūnaṃ attano cāti navannampi kammaṭṭhānaṃ ekato katvā sammasati. Esa sakkāyo yāvatā sakkāyoti yattako tebhūmakavaṭṭasaṅkhāto sakkāyo nāma atthi, sabbopi so esa sakkāyo, na ito paraṃ sakkāyo atthīti paṭisañcikkhati.

    เอตํ อมตํ ยทิทํ อนุปาทา จิตฺตสฺส วิโมโกฺขติ โย ปเนส จิตฺตสฺส อนุปาทาวิโมโกฺข นาม, เอตํ อมตํ เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตนฺติ ปฎิสญฺจิกฺขติฯ อญฺญตฺถ จ ‘‘อนุปาทา จิตฺตสฺส วิโมโกฺข’’ติ นิพฺพานํ วุจฺจติฯ อิมสฺมิํ ปน สุเตฺต สุกฺขวิปสฺสกสฺส อรหตฺตํ กถิตํฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวฯ

    Etaṃamataṃ yadidaṃ anupādā cittassa vimokkhoti yo panesa cittassa anupādāvimokkho nāma, etaṃ amataṃ etaṃ santaṃ etaṃ paṇītanti paṭisañcikkhati. Aññattha ca ‘‘anupādā cittassa vimokkho’’ti nibbānaṃ vuccati. Imasmiṃ pana sutte sukkhavipassakassa arahattaṃ kathitaṃ. Sesaṃ sabbattha uttānameva.

    เกวลํ ปน อิมสฺมิํ สุเตฺต สตฺตสุ ฐาเนสุ โอสกฺกนา กถิตา, อฎฺฐสุ ฐาเนสุ ปฎิสนฺธิ, นวสุ ฐาเนสุ อรหตฺตํ กถิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ กถํ? ตติยํ ฌานํ ตาว ปาทกํ กตฺวา ฐิตสฺส ภิกฺขุโน โอสกฺกนา กถิตา, ปฎิสนฺธิ กถิตา, อรหตฺตํ กถิตํ, ตถา จตุตฺถชฺฌานํ, ตถา อากาสานญฺจายตนํฯ วิญฺญาณญฺจายตนํ ปน ปทฎฺฐานํ กตฺวา ฐิตานํ ติณฺณํ ภิกฺขูนํ โอสกฺกนา กถิตา, ปฎิสนฺธิ กถิตา, อรหตฺตํ กถิตํฯ ตถา อากิญฺจญฺญายตนํ ปาทกํ กตฺวา ฐิตสฺส ภิกฺขุโนฯ เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ ปาทกํ กตฺวา ฐิตสฺส ปน โอสกฺกนา นตฺถิ, ปฎิสนฺธิ ปน อรหตฺตญฺจ กถิตํฯ สุกฺขวิปสฺสกสฺส อรหตฺตเมว กถิตนฺติฯ เอวํ สตฺตสุ ฐาเนสุ โอสกฺกนา กถิตา, อฎฺฐสุ ฐาเนสุ ปฎิสนฺธิ, นวสุ ฐาเนสุ อรหตฺตํ กถิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อิมญฺจ ปน สตฺตสุ ฐาเนสุ โอสกฺกนํ อฎฺฐสุ ปฎิสนฺธิํ นวสุ อรหตฺตํ สโมธาเนตฺวา กเถเนฺตน อิมํ อาเนญฺชสปฺปายสุตฺตํ สุกถิตํ นาม โหตีติฯ

    Kevalaṃ pana imasmiṃ sutte sattasu ṭhānesu osakkanā kathitā, aṭṭhasu ṭhānesu paṭisandhi, navasu ṭhānesu arahattaṃ kathitanti veditabbaṃ. Kathaṃ? Tatiyaṃ jhānaṃ tāva pādakaṃ katvā ṭhitassa bhikkhuno osakkanā kathitā, paṭisandhi kathitā, arahattaṃ kathitaṃ, tathā catutthajjhānaṃ, tathā ākāsānañcāyatanaṃ. Viññāṇañcāyatanaṃ pana padaṭṭhānaṃ katvā ṭhitānaṃ tiṇṇaṃ bhikkhūnaṃ osakkanā kathitā, paṭisandhi kathitā, arahattaṃ kathitaṃ. Tathā ākiñcaññāyatanaṃ pādakaṃ katvā ṭhitassa bhikkhuno. Nevasaññānāsaññāyatanaṃ pādakaṃ katvā ṭhitassa pana osakkanā natthi, paṭisandhi pana arahattañca kathitaṃ. Sukkhavipassakassa arahattameva kathitanti. Evaṃ sattasu ṭhānesu osakkanā kathitā, aṭṭhasu ṭhānesu paṭisandhi, navasu ṭhānesu arahattaṃ kathitanti veditabbaṃ. Imañca pana sattasu ṭhānesu osakkanaṃ aṭṭhasu paṭisandhiṃ navasu arahattaṃ samodhānetvā kathentena imaṃ āneñjasappāyasuttaṃ sukathitaṃ nāma hotīti.

    ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย

    Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya

    อาเนญฺชสปฺปายสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Āneñjasappāyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๖. อาเนญฺชสปฺปายสุตฺตํ • 6. Āneñjasappāyasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๖. อาเนญฺชสปฺปายสุตฺตวณฺณนา • 6. Āneñjasappāyasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact