Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๖. อาเนญฺชสปฺปายสุตฺตวณฺณนา
6. Āneñjasappāyasuttavaṇṇanā
๖๖. ขณปภงฺคุตาย น นิจฺจา น ธุวาติ อนิจฺจาฯ ตโต เอว ปณฺฑิเตหิ น อิจฺจา น อุปคนฺตพฺพาติปิ อนิจฺจาฯ โส จายํ อนิจฺจโตฺถ อุทยวยปริจฺฉินฺนตาย เวทิตโพฺพติ ทเสฺสโนฺต, ‘‘หุตฺวา อภาวเฎฺฐน อนิจฺจา’’ติ อาห; อุปฺปชฺชิตฺวา วินสฺสนโตติ อโตฺถฯ อยญฺจ อนิจฺจตา วกฺขมานา จ ตุจฺฉาทิตา ทฺวินฺนมฺปิ กามานํ สาธารโณติ อาห – ‘‘วตฺถุกามาปิ กิเลสกามาปี’’ติฯ ริตฺตา วิวิตฺตา, เตสํ นิจฺจสาราทีนํ อตฺตนิ อภาวโต เตหิ วิสุํภูตาฯ ยถา ปน สพฺพโส สภาวรหิตมากาสํ ‘‘ตุจฺฉํ ริตฺต’’นฺติ วุจฺจติ, น เอวเมเตฯ เอเต ปน เกวลํ นิจฺจสาราทิวิรหโต เอว ตุจฺฉา ริตฺตาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘น ปนา’’ติอาทิมาหฯ ‘‘น หิ ตุจฺฉมุฎฺฐิ นาม นตฺถี’’ติ อิทํ โลกสมญฺญาวเสน วุตฺตํ, โลกสมญฺญา โลกิยกถา น ลงฺฆิตพฺพาฯ
66. Khaṇapabhaṅgutāya na niccā na dhuvāti aniccā. Tato eva paṇḍitehi na iccā na upagantabbātipi aniccā. So cāyaṃ aniccattho udayavayaparicchinnatāya veditabboti dassento, ‘‘hutvā abhāvaṭṭhena aniccā’’ti āha; uppajjitvā vinassanatoti attho. Ayañca aniccatā vakkhamānā ca tucchāditā dvinnampi kāmānaṃ sādhāraṇoti āha – ‘‘vatthukāmāpi kilesakāmāpī’’ti. Rittā vivittā, tesaṃ niccasārādīnaṃ attani abhāvato tehi visuṃbhūtā. Yathā pana sabbaso sabhāvarahitamākāsaṃ ‘‘tucchaṃ ritta’’nti vuccati, na evamete. Ete pana kevalaṃ niccasārādivirahato eva tucchā rittāti dassento ‘‘na panā’’tiādimāha. ‘‘Na hi tucchamuṭṭhi nāma natthī’’ti idaṃ lokasamaññāvasena vuttaṃ, lokasamaññā lokiyakathā na laṅghitabbā.
มุสาติ อิตฺตรปจฺจุปฎฺฐานตาย น ทิสฺสตีติ อาห ‘‘มุสาติ นาสนกา’’ติฯ วิสํวาทนเฎฺฐน วา มุสาฯ เอเต หิ อสุภาทิสภาวาปิ พาลานํ สุภาทิภาเวน อุปฎฺฐหนฺตา สุภาทิคฺคหณสฺส ปจฺจกฺขภาเวน สเตฺต วิสํวาเทนฺติฯ นสฺสนสภาวาติ ขณภงฺคตฺตา อิตฺตรปจฺจุปฎฺฐานตาย ทิสฺสมานา วิยปิ หุตฺวา อปญฺญายนกปกติกาฯ เตนาห ‘‘เขตฺตํ วิยา’’ติอาทิฯ ธมฺมสโทฺท เจตฺถ ‘‘ชาติธมฺมาน’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๙๘) วิย ปกติปริยาโย, ตถา สภาวสโทฺท จาติ ทฎฺฐพฺพํฯ โมสธมฺมาติ โมสนปกติกา, กุสลภณฺฑหรณสภาวาติ อโตฺถฯ มายากตนฺติ มายาย กตํ อุทกาทิมณิอาทิอากาเรน มายาทินา อุปฎฺฐาปิตํ; มายากตํ วิย มายากตํ อญฺญสภาวา หุตฺวา อตถา อุปฎฺฐหนโตฯ เตนาห ‘‘ยถา’’ติอาทิฯ จกฺขุปเถ เอว กตวิชฺชาย, น ตโต ปรนฺติ วุตฺตํ – ‘‘ทสฺสนูปจาเร ฐิตเสฺสว ตถา ปญฺญายตี’’ติฯ ตยิทํ สมฺพรวิชฺชาวเสน วุตฺตํฯ
Musāti ittarapaccupaṭṭhānatāya na dissatīti āha ‘‘musāti nāsanakā’’ti. Visaṃvādanaṭṭhena vā musā. Ete hi asubhādisabhāvāpi bālānaṃ subhādibhāvena upaṭṭhahantā subhādiggahaṇassa paccakkhabhāvena satte visaṃvādenti. Nassanasabhāvāti khaṇabhaṅgattā ittarapaccupaṭṭhānatāya dissamānā viyapi hutvā apaññāyanakapakatikā. Tenāha ‘‘khettaṃ viyā’’tiādi. Dhammasaddo cettha ‘‘jātidhammāna’’ntiādīsu (dī. ni. 2.398) viya pakatipariyāyo, tathā sabhāvasaddo cāti daṭṭhabbaṃ. Mosadhammāti mosanapakatikā, kusalabhaṇḍaharaṇasabhāvāti attho. Māyākatanti māyāya kataṃ udakādimaṇiādiākārena māyādinā upaṭṭhāpitaṃ; māyākataṃ viya māyākataṃ aññasabhāvā hutvā atathā upaṭṭhahanato. Tenāha ‘‘yathā’’tiādi. Cakkhupathe eva katavijjāya, na tato paranti vuttaṃ – ‘‘dassanūpacāre ṭhitasseva tathā paññāyatī’’ti. Tayidaṃ sambaravijjāvasena vuttaṃ.
เอวํ ตาวกาลิกภาเวน กามานํ มายากตภาวํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ตโต อเญฺญนปิ ปกาเรน ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อนิจฺจาทิสภาวานํ กามานํ นิจฺจาทิสภาวทสฺสนํ วิปลฺลาสสหคตตาย เวทิตพฺพํฯ พาลานํ ลาปนโตติ อปริญฺญาตวตฺถุกานํ อนฺธพาลานํ ปุคฺคลานํ วิปลฺลาสเหตุโตฯ มนุสฺสโลเก ฐตฺวา มนุสฺสานํ วา วเสน ภควตา ภาสิตตฺตา วุตฺตํ – ‘‘ทิฎฺฐธมฺมิกา กามาติ มานุสกา ปญฺจ กามคุณา’’ติ ฯ ตโต เอว จ ‘‘สมฺปรายิกาติ เต ฐเปตฺวา อวเสสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ทิฎฺฐธมฺมา ปจฺจกฺขสภาวา อารมฺมณภูตา เอตาสํ อตฺถีติ ทิฎฺฐธมฺมิกาฯ สมฺปรายิเก กาเม อารพฺภ อุปฺปนฺนสญฺญา สมฺปรายิกาฯ เต สเมจฺจ ธียติ เอตฺถ อาณาติ เธยฺยํ, อาณาปวตฺติฎฺฐานํฯ มารสฺส เธยฺยนฺติ มารเธยฺยํ ตสฺส อิสฺสริยปวตฺตนตฺตาฯ เตนาห ‘‘เยหี’’ติอาทิฯ คหิตนฺติ วิสยวิสยีภาเวน คหิตํ, อารมฺมณวเสน อารมฺมณกรณวเสน จ คหิตนฺติ อโตฺถฯ ตตฺถ อารมฺมณกรณวเสน คหณํ นาม ‘‘อิทํ มยฺห’’นฺติ อวิภาเคน ปริคฺคหกรณํ; อารมฺมณวเสน ปน คหณํ ภาคโส อารมฺมณานุภวนนฺติ วทนฺติฯ อุภยสฺสปิ ปน ตณฺหาราควเสน คหณํ สนฺธาย, ‘‘อุภยเมตํ คหิต’’นฺติ วุตฺตํฯ มาโรติ กิเลสมาโรฯ ยทเคฺคน กิเลสมาโร, ตทเคฺคน เทวปุตฺตมาโรปิ เต อตฺตโน วสํ วเตฺตติฯ ตํ สนฺธายาติ ธมฺมมุเขน ปุคฺคลคฺคหณํ สนฺธายฯ
Evaṃ tāvakālikabhāvena kāmānaṃ māyākatabhāvaṃ dassetvā idāni tato aññenapi pakārena dassetuṃ ‘‘yathā cā’’tiādi vuttaṃ. Aniccādisabhāvānaṃ kāmānaṃ niccādisabhāvadassanaṃ vipallāsasahagatatāya veditabbaṃ. Bālānaṃ lāpanatoti apariññātavatthukānaṃ andhabālānaṃ puggalānaṃ vipallāsahetuto. Manussaloke ṭhatvā manussānaṃ vā vasena bhagavatā bhāsitattā vuttaṃ – ‘‘diṭṭhadhammikā kāmāti mānusakā pañca kāmaguṇā’’ti . Tato eva ca ‘‘samparāyikāti te ṭhapetvā avasesā’’tiādi vuttaṃ. Tattha diṭṭhadhammā paccakkhasabhāvā ārammaṇabhūtā etāsaṃ atthīti diṭṭhadhammikā. Samparāyike kāme ārabbha uppannasaññā samparāyikā. Te samecca dhīyati ettha āṇāti dheyyaṃ, āṇāpavattiṭṭhānaṃ. Mārassa dheyyanti māradheyyaṃ tassa issariyapavattanattā. Tenāha ‘‘yehī’’tiādi. Gahitanti visayavisayībhāvena gahitaṃ, ārammaṇavasena ārammaṇakaraṇavasena ca gahitanti attho. Tattha ārammaṇakaraṇavasena gahaṇaṃ nāma ‘‘idaṃ mayha’’nti avibhāgena pariggahakaraṇaṃ; ārammaṇavasena pana gahaṇaṃ bhāgaso ārammaṇānubhavananti vadanti. Ubhayassapi pana taṇhārāgavasena gahaṇaṃ sandhāya, ‘‘ubhayametaṃ gahita’’nti vuttaṃ. Māroti kilesamāro. Yadaggena kilesamāro, tadaggena devaputtamāropi te attano vasaṃ vatteti. Taṃ sandhāyāti dhammamukhena puggalaggahaṇaṃ sandhāya.
อปฺปหีนวิปลฺลาสา หิ ปุคฺคลา กามาธิมุตฺตา มารสฺส อิสฺสริยวตฺตนฎฺฐานตาย ‘‘มารเธยฺย’’นฺติ วุตฺตา, ตถา มารสฺส นิวาปโคจรปริยาเยหิปิ เต เอวํ วุตฺตาติ ทเสฺสโนฺต, ‘‘ยถา โจฬสฺสา’’ติอาทิมาหฯ นิวปตีติ นิวาโป, โส เอว พีชนฺติ นิวาปพีชํฯ เตติ กามคุณาฯ ยตฺถาติ ยสฺมิํ ปเทเสฯ
Appahīnavipallāsā hi puggalā kāmādhimuttā mārassa issariyavattanaṭṭhānatāya ‘‘māradheyya’’nti vuttā, tathā mārassa nivāpagocarapariyāyehipi te evaṃ vuttāti dassento, ‘‘yathā coḷassā’’tiādimāha. Nivapatīti nivāpo, so eva bījanti nivāpabījaṃ. Teti kāmaguṇā. Yatthāti yasmiṃ padese.
มนสิ ภวาติ มานสาติ อาห ‘‘จิตฺตสมฺภูตา’’ติฯ เต ปน อวิชฺชาทโย ปาฬิยํ อาคตาฯ เอวญฺหิ โลหิตสนฺนิสฺสโย ปุโพฺพ วิย อนุโรธูปนิสฺสโย วิโรโธติ ทเสฺสโนฺต, ‘‘มมายิเต วตฺถุสฺมิ’’นฺติอาทิมาหฯ เตธาติ เอตฺถ อิธาติ นิปาตมตฺตํ ‘‘อิธาหํ, ภิกฺขเว, ภุตฺตาวี อสฺส’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๐) วิยฯ กามโลกนฺติ กามคุณสงฺขาตํ สงฺขารโลกํ, ยตฺถ วา โลเก กามคุณวนฺตํ โลกํฯ จิเตฺตน อธิฎฺฐหิตฺวาติ ฌานารมฺมณํ ปฎิภาคนิมิตฺตํ ภาวนาจิเตฺตน อุปฺปาเทตฺวาฯ ปริตฺตํ นาม วิกฺขมฺภนอสมตฺถตฺตา กิเลเสหิ ปริโต ขณฺฑิตํ วิย โหติฯ ตสฺส ปฎิเกฺขเปนาติ ปริตฺตภาวปฎิเกฺขเปนฯ ปมาณนฺติปิ กามาวจรเมว ปาปกานํ ปมาณกรณธมฺมานํ วิกฺขมฺภนวเสน อปฺปชหนโตฯ ตปฺปฎิเกฺขปวเสน อปฺปมาณํ นาม มหคฺคตนฺติ อาห – ‘‘รูปาวจรํ อรูปาวจร’’นฺติฯ สมุเจฺฉทวเสน กิเลสานํ อปฺปหาเนน มหคฺคตชฺฌานมฺปิ สุภาวิตํ นาม น โหติ, ปเคว ปริตฺตชฺฌานนฺติ อาห – ‘‘สุภาวิตนฺติ…เป.… โลกุตฺตรเสฺสเวตํ นาม’’นฺติฯ เอตสฺส วเสนาติ ‘‘สุภาวิต’’นฺติ ปทสฺส วเสนฯ
Manasi bhavāti mānasāti āha ‘‘cittasambhūtā’’ti. Te pana avijjādayo pāḷiyaṃ āgatā. Evañhi lohitasannissayo pubbo viya anurodhūpanissayo virodhoti dassento, ‘‘mamāyite vatthusmi’’ntiādimāha. Tedhāti ettha idhāti nipātamattaṃ ‘‘idhāhaṃ, bhikkhave, bhuttāvī assa’’ntiādīsu (ma. ni. 1.30) viya. Kāmalokanti kāmaguṇasaṅkhātaṃ saṅkhāralokaṃ, yattha vā loke kāmaguṇavantaṃ lokaṃ. Cittena adhiṭṭhahitvāti jhānārammaṇaṃ paṭibhāganimittaṃ bhāvanācittena uppādetvā. Parittaṃ nāma vikkhambhanaasamatthattā kilesehi parito khaṇḍitaṃ viya hoti. Tassa paṭikkhepenāti parittabhāvapaṭikkhepena. Pamāṇantipi kāmāvacarameva pāpakānaṃ pamāṇakaraṇadhammānaṃ vikkhambhanavasena appajahanato. Tappaṭikkhepavasena appamāṇaṃ nāma mahaggatanti āha – ‘‘rūpāvacaraṃ arūpāvacara’’nti. Samucchedavasena kilesānaṃ appahānena mahaggatajjhānampi subhāvitaṃ nāma na hoti, pageva parittajjhānanti āha – ‘‘subhāvitanti…pe… lokuttarassevetaṃ nāma’’nti. Etassa vasenāti ‘‘subhāvita’’nti padassa vasena.
ตเมว ปฎิปทนฺติ ตเมว อภิชฺฌาทิปหานาวหํ ฌานปฎิปทํฯ อรหเตฺต ตสฺส อุปายภูตาย วิปสฺสนาย วา จตุตฺถชฺฌาเน ตสฺส อุปายภูเต อุปจาเร วา สติ จิตฺตํ ปสนฺนเมว โหตีติ อาห – ‘‘อรหตฺตํ วา…เป.… อุปจารํ วา’’ติฯ อธิโมกฺขสมฺปสาโทติ ‘‘อเชฺชว อรหตฺตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ วา วิปสฺสนาย วีถิปฎิปนฺนตฺตา; ‘‘อเชฺชว จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพเตฺตสฺสามี’’ติ วา อุปจารสมาธินา จิตฺตสฺส สมาหิตตฺตา อธิมุจฺจนภูโต สมฺปสาโทฯ ปฎิลาภสมฺปสาโทติ อรหตฺตสฺส จตุตฺถชฺฌานสฺส วา อธิคมสงฺขาโต สมฺปสาโทฯ ปฎิลาโภปิ หิ กิเลสกาลุสิยาภิภวนโต จิตฺตสฺส สุปฺปสนฺนภาวาวหตฺตา ‘‘สมฺปสาโท’’ติ วุโตฺตฯ ปจฺจยาติ นามรูปปจฺจยา อวิชฺชาทโยฯ สพฺพถาติ สมุทยโต อตฺถงฺคมโต อสฺสาทโต อาทีนวโต นิสฺสรณโตติ สพฺพปฺปกาเรนฯ อาสาติ อธิมุจฺจนวเสน อาสีสนาฯ เตนาห – ‘‘อาสา สนฺติฎฺฐติ, อธิโมกฺขํ ปฎิลภตี’’ติฯ
Tameva paṭipadanti tameva abhijjhādipahānāvahaṃ jhānapaṭipadaṃ. Arahatte tassa upāyabhūtāya vipassanāya vā catutthajjhāne tassa upāyabhūte upacāre vā sati cittaṃ pasannameva hotīti āha – ‘‘arahattaṃ vā…pe… upacāraṃ vā’’ti. Adhimokkhasampasādoti ‘‘ajjeva arahattaṃ gaṇhissāmī’’ti vā vipassanāya vīthipaṭipannattā; ‘‘ajjeva catutthajjhānaṃ nibbattessāmī’’ti vā upacārasamādhinā cittassa samāhitattā adhimuccanabhūto sampasādo. Paṭilābhasampasādoti arahattassa catutthajjhānassa vā adhigamasaṅkhāto sampasādo. Paṭilābhopi hi kilesakālusiyābhibhavanato cittassa suppasannabhāvāvahattā ‘‘sampasādo’’ti vutto. Paccayāti nāmarūpapaccayā avijjādayo. Sabbathāti samudayato atthaṅgamato assādato ādīnavato nissaraṇatoti sabbappakārena. Āsāti adhimuccanavasena āsīsanā. Tenāha – ‘‘āsā santiṭṭhati, adhimokkhaṃ paṭilabhatī’’ti.
ปาทกนฺติ ปทฎฺฐานํฯ กิเลสา สนฺนิสีทนฺตีติ นีวรณสหคตา เอว กิเลสา วิกฺขมฺภนวเสน วูปสมนฺติฯ สตีติ อุปจารชฺฌานาวหา สติ สนฺติฎฺฐติฯ สงฺขารคตนฺติ ภาวนาย สมตาย ปวตฺตมานตฺตา, อิเม ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌงฺคาทโย เอกรสา หุตฺวา ปวตฺตนฺตีติ, ภาวนาจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนํ สงฺขารคตํ วิภูตํ ปากฎํ หุตฺวา อุปฎฺฐาติฯ จิตฺตุปฺปาโทติ ภาวนาจิตฺตุปฺปาโทฯ เลปปิเณฺฑติ สิเลสปิเณฺฑ ลคฺคมาโน วิย อปฺปิโต วิย โหติฯ อุปจาเรน สมาธิยติ อุปจารชฺฌาเนน สมาธิยติฯ อยนฺติ อยํ ทุวิโธปิ อธิมุจฺจนากาโร อธิโมกฺขสมฺปสาโท นามฯ ตสฺมิํ สมฺปสาเท สตีติ เอตสฺมิํ วิปสฺสนาลกฺขเณ, อุปจารชฺฌาเน วา อธิโมกฺขสมฺปสาเท สติฯ โย ปน อรหตฺตํ วา ปฎิลภติ จตุตฺถชฺฌานํ วา, ตสฺส จิตฺตํ วิปฺปสนฺนํ โหติเยว, อยํ นิปฺปริยายโต ปฎิลาภสมฺปสาโท, เอวํ สเนฺตปิ อิธามิเปฺปตเมว ทเสฺสตุํ , ‘‘อิธ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ วิปสฺสนา หีติอาทิ วุตฺตสฺส สมตฺถนํฯ ตตฺถ ปญฺญายาติ อรหตฺตปญฺญายฯ อธิมุจฺจนสฺสาติ สทฺทหนํ อุสฺสุกฺกาปชฺชนสฺสฯ อุปจารนฺติ อุปจารชฺฌานํฯ อาเนญฺชสมาปตฺติยา อธิมุจฺจนสฺส การณนฺติ โยชนาฯ
Pādakanti padaṭṭhānaṃ. Kilesā sannisīdantīti nīvaraṇasahagatā eva kilesā vikkhambhanavasena vūpasamanti. Satīti upacārajjhānāvahā sati santiṭṭhati. Saṅkhāragatanti bhāvanāya samatāya pavattamānattā, ime dhammavicayasambojjhaṅgādayo ekarasā hutvā pavattantīti, bhāvanācittuppādapariyāpannaṃ saṅkhāragataṃ vibhūtaṃ pākaṭaṃ hutvā upaṭṭhāti. Cittuppādoti bhāvanācittuppādo. Lepapiṇḍeti silesapiṇḍe laggamāno viya appito viya hoti. Upacārena samādhiyati upacārajjhānena samādhiyati. Ayanti ayaṃ duvidhopi adhimuccanākāro adhimokkhasampasādo nāma. Tasmiṃ sampasāde satīti etasmiṃ vipassanālakkhaṇe, upacārajjhāne vā adhimokkhasampasāde sati. Yo pana arahattaṃ vā paṭilabhati catutthajjhānaṃ vā, tassa cittaṃ vippasannaṃ hotiyeva, ayaṃ nippariyāyato paṭilābhasampasādo, evaṃ santepi idhāmippetameva dassetuṃ , ‘‘idha panā’’tiādi vuttaṃ. Vipassanā hītiādi vuttassa samatthanaṃ. Tattha paññāyāti arahattapaññāya. Adhimuccanassāti saddahanaṃ ussukkāpajjanassa. Upacāranti upacārajjhānaṃ. Āneñjasamāpattiyā adhimuccanassa kāraṇanti yojanā.
เอตรหิ วาติ อิทานิเมวฯ อาเนญฺชํ วาติ จตุตฺถชฺฌานํ วาฯ สมาปชฺชตีติ อธิคจฺฉติฯ อิทํ หีติอาทินา สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวรติฯ อรหตฺตสจฺฉิกิริยา นาม อคฺคมคฺคภาวนาย สติ อตฺถโต อาปนฺนา โหติ, อคฺคมคฺคปญฺญา เอว ตทตฺถํ อธิมุจฺจิตพฺพาติ ทเสฺสโนฺต, ‘‘อถ วา’’ติ วิกปฺปนฺตรมาหฯ ตตฺถ ยถา นาม ปาสาทสฺส อตฺถาย สมานีตทพฺพสมฺภาราวยเว อปฺปโหเนฺต กูฎาคารํ กาตุํ น ปโหนฺติเยว, เอวํสมฺปทมิทนฺติ ทเสฺสโนฺต, ‘‘ตํ อนภิสมฺภุณโนฺต อาเนญฺชํ วา สมาปชฺชตี’’ติ อาหฯ จตุสจฺจํ วา สจฺฉิกโรติ เหฎฺฐิมมคฺคาธิคมนวเสน อาเนญฺชํ วา สมาปชฺชติ อุภยสฺสปิ เหตุปริคฺคหิตตฺตาฯ
Etarahi vāti idānimeva. Āneñjaṃ vāti catutthajjhānaṃ vā. Samāpajjatīti adhigacchati. Idaṃ hītiādinā saṅkhepato vuttamatthaṃ vivarati. Arahattasacchikiriyā nāma aggamaggabhāvanāya sati atthato āpannā hoti, aggamaggapaññā eva tadatthaṃ adhimuccitabbāti dassento, ‘‘atha vā’’ti vikappantaramāha. Tattha yathā nāma pāsādassa atthāya samānītadabbasambhārāvayave appahonte kūṭāgāraṃ kātuṃ na pahontiyeva, evaṃsampadamidanti dassento, ‘‘taṃ anabhisambhuṇanto āneñjaṃ vā samāpajjatī’’ti āha. Catusaccaṃvā sacchikaroti heṭṭhimamaggādhigamanavasena āneñjaṃ vā samāpajjati ubhayassapi hetupariggahitattā.
ตตฺราติ ตสฺมิํ ‘‘ปญฺญาย วา อธิมุจฺจติ, อาเนญฺชํ วา สมาปชฺชตี’’ติ ยถาวุเตฺต วิเสสาธิคเม อยํ อิทานิ วุจฺจมาโน โยชนานโยฯ เอวํ โหตีติ อิทานิ วุจฺจมานากาเรน จิตฺตาภินีหาโร โหติฯ กิจฺจนฺติ ปพฺพชิตกิจฺจํฯ ตโตติ อรหตฺตาธิคมนโตฯ โอสกฺกิตมานโสติ สํกุจิตจิโตฺตฯ อนฺตรา น ติฎฺฐตีติ อสมาหิตภูมิยํ น ติฎฺฐติฯ อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺรายํ สเงฺขปโตฺถ – ยถา ตสฺส ปุริสสฺส วนมหิํสํ คเหตุํ อุสฺสาหวโต โอสกฺกนฺตสฺส สสโคธาทิคฺคหเณ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, เอวํ อิมสฺสปิ ภิกฺขุโน อรหตฺตํ คเหตุํ อุสฺสาหวโต ตโต โอสกฺกิตฺวา จตุตฺถชฺฌานสมาปชฺชเน วตฺตพฺพเมว นตฺถีติฯ เอเสว นโยติ ยถาวุตฺตํ อุปมํ อุปมาสํสนฺทนญฺจ มคฺคภาวนาโยชนายํ จตุสจฺจสจฺฉิกิริยาโยชนายญฺจ อติทิสติฯ
Tatrāti tasmiṃ ‘‘paññāya vā adhimuccati, āneñjaṃ vā samāpajjatī’’ti yathāvutte visesādhigame ayaṃ idāni vuccamāno yojanānayo. Evaṃ hotīti idāni vuccamānākārena cittābhinīhāro hoti. Kiccanti pabbajitakiccaṃ. Tatoti arahattādhigamanato. Osakkitamānasoti saṃkucitacitto. Antarā na tiṭṭhatīti asamāhitabhūmiyaṃ na tiṭṭhati. Idāni yathāvuttamatthaṃ upamāya vibhāvetuṃ ‘‘yathā’’tiādi vuttaṃ. Tatrāyaṃ saṅkhepattho – yathā tassa purisassa vanamahiṃsaṃ gahetuṃ ussāhavato osakkantassa sasagodhādiggahaṇe vattabbameva natthi, evaṃ imassapi bhikkhuno arahattaṃ gahetuṃ ussāhavato tato osakkitvā catutthajjhānasamāpajjane vattabbameva natthīti. Eseva nayoti yathāvuttaṃ upamaṃ upamāsaṃsandanañca maggabhāvanāyojanāyaṃ catusaccasacchikiriyāyojanāyañca atidisati.
เหตุอตฺถโชตโน ยนฺติ นิปาโต, กรเณ วา เอตํ ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘เยน การเณนา’’ติฯ ตสฺส สํวตฺตนํ อรหติ, ตํ วา ปโยชนํ เอตสฺสาติ ตํสํวตฺตนิกํฯ วิญฺญาณนฺติ วิปากวิญฺญาณํฯ อาเนญฺชสภาวํ อุปคจฺฉตีติ อาเนญฺชูปคํฯ ยถา กุสลํ อาเนญฺชสภาวํ, เอวํ ตํ วิปากวิญฺญาณมฺปิ อาเนญฺชสภาวํ อุปคตํ อสฺส ภเวยฺยฯ เตนาห – ‘‘กาทิสเมว ภเวยฺยาติ อโตฺถ’’ติฯ เกจีติ อภยคิริวาสิโนฯ กุสลวิญฺญาณนฺติ วิปากวิญฺญาณมฺปิ ตํ กุสลํ วิย วทนฺติฯ ตนฺนามกเมวาติ กุสลํ วิย อาเนญฺชนามกเมว สิยาฯ เอตฺถ จ ปุริมวิกเปฺป ‘‘อาเนญฺชูปค’’นฺติ ตํสทิสตา วุตฺตา, ทุติยวิกเปฺป ตโต เอว ตํสมญฺญตาฯ โส ปนายมโตฺถติ อาเนญฺชสทิสตาย วิปากกาเลปิ ตํนามกเมว อสฺสาติ ยถาวุโตฺต อโตฺถฯ อิมินา นเยนาติ อิมินา วุตฺตนเยนฯ เอตฺถ หิ อาเนญฺชาภิสงฺขารเหตุวิปากวิญฺญาณํ ‘‘อาเนญฺชูปคํ โหติ วิญฺญาณ’’นฺติ วุตฺตตฺตา ตํนามกเมว กตฺวา ทีปิตํฯ อรหตฺตสฺสาปีติ อปิสเทฺทน อคฺคมคฺคภาวนายปิ เหฎฺฐิมมคฺคภาวนายปีติ อโตฺถ สงฺคหิโตติ ทฎฺฐโพฺพฯ สมาธิวเสน โอสกฺกนา กถิตาติ ‘‘วิปุเลน มหคฺคเตน เจตสา วิหเรยฺย’’นฺติ สมถนยํ ทเสฺสตฺวา เทสนา กถิตาฯ
Hetuatthajotano yanti nipāto, karaṇe vā etaṃ paccattavacananti āha ‘‘yena kāraṇenā’’ti. Tassa saṃvattanaṃ arahati, taṃ vā payojanaṃ etassāti taṃsaṃvattanikaṃ. Viññāṇanti vipākaviññāṇaṃ. Āneñjasabhāvaṃ upagacchatīti āneñjūpagaṃ. Yathā kusalaṃ āneñjasabhāvaṃ, evaṃ taṃ vipākaviññāṇampi āneñjasabhāvaṃ upagataṃ assa bhaveyya. Tenāha – ‘‘kādisameva bhaveyyāti attho’’ti. Kecīti abhayagirivāsino. Kusalaviññāṇanti vipākaviññāṇampi taṃ kusalaṃ viya vadanti. Tannāmakamevāti kusalaṃ viya āneñjanāmakameva siyā. Ettha ca purimavikappe ‘‘āneñjūpaga’’nti taṃsadisatā vuttā, dutiyavikappe tato eva taṃsamaññatā. So panāyamatthoti āneñjasadisatāya vipākakālepi taṃnāmakameva assāti yathāvutto attho. Iminā nayenāti iminā vuttanayena. Ettha hi āneñjābhisaṅkhārahetuvipākaviññāṇaṃ ‘‘āneñjūpagaṃ hoti viññāṇa’’nti vuttattā taṃnāmakameva katvā dīpitaṃ. Arahattassāpīti apisaddena aggamaggabhāvanāyapi heṭṭhimamaggabhāvanāyapīti attho saṅgahitoti daṭṭhabbo. Samādhivasena osakkanā kathitāti ‘‘vipulena mahaggatena cetasā vihareyya’’nti samathanayaṃ dassetvā desanā kathitā.
๖๗. อยญฺหิ ภิกฺขูติ ยํ อุทฺทิสฺส อยํ ทุติยาเนญฺชสปฺปายเทสนาย ภิกฺขุ วุโตฺตฯ ปญฺญวนฺตตโรติ วตฺวา ตํ ทเสฺสตุํ, ‘‘ทฺวินฺนมฺปิ กมฺมฎฺฐานํ เอกโต กตฺวา สมฺมสตี’’ติ วุตฺตํฯ เหฎฺฐิมสฺส หิ ‘‘เย จ ทิฎฺฐธมฺมิกา กามา’’ติอาทินา รูปสทฺทคนฺธรสโผฎฺฐพฺพาเนว รูปมุเขน วิปสฺสนาภินิเวโส กโต, อิมสฺส ปน ‘‘ยํ กิญฺจิ รูป’’นฺติอาทินา สกลรูปธมฺมวเสนฯ ภควา หิ กมฺมฎฺฐานํ กเถโนฺต กมฺมฎฺฐานิกสฺส ภิกฺขุโน การณพลานุรูปเมว ปฐมํ ภาวนาภินิเวสํ ทเสฺสติ; โส ปจฺฉา ญาเณ วิปุลํ คจฺฉเนฺต อนวเสสโต ธมฺมํ ปริคฺคณฺหาติฯ รูปปฎิพาหเนนาติ รูปวิราคภาวนาย สพฺพโส สมติกฺกเมนฯ สพฺพตฺถาติ สเพฺพสุ ตติยาเนญฺชาทีสุฯ
67.Ayañhi bhikkhūti yaṃ uddissa ayaṃ dutiyāneñjasappāyadesanāya bhikkhu vutto. Paññavantataroti vatvā taṃ dassetuṃ, ‘‘dvinnampi kammaṭṭhānaṃ ekato katvā sammasatī’’ti vuttaṃ. Heṭṭhimassa hi ‘‘ye ca diṭṭhadhammikā kāmā’’tiādinā rūpasaddagandharasaphoṭṭhabbāneva rūpamukhena vipassanābhiniveso kato, imassa pana ‘‘yaṃ kiñci rūpa’’ntiādinā sakalarūpadhammavasena. Bhagavā hi kammaṭṭhānaṃ kathento kammaṭṭhānikassa bhikkhuno kāraṇabalānurūpameva paṭhamaṃ bhāvanābhinivesaṃ dasseti; so pacchā ñāṇe vipulaṃ gacchante anavasesato dhammaṃ pariggaṇhāti. Rūpapaṭibāhanenāti rūpavirāgabhāvanāya sabbaso samatikkamena. Sabbatthāti sabbesu tatiyāneñjādīsu.
ปญฺญวนฺตตโรติ ปญฺญุตฺตโรฯ ติณฺณมฺปิ กมฺมฎฺฐานํ เอกโต กตฺวาติ กามคุณา สพฺพรูปธมฺมา กามสญฺญาติ เอวํ ติณฺณํ ปุคฺคลานํ กมฺมฎฺฐานวเสน ติธา วุเตฺต สมฺมสนูปคธเมฺม เอกโต กตฺวา, ‘‘สพฺพเมตํ อนิจฺจ’’นฺติ เอกชฺฌํ คเหตฺวา, สมฺมสติ ยถา – ‘‘ยํ กิญฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๒๙๘; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๖; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๔, ๗, ๘; ติสฺสเมเตฺตยฺยมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๑๐, ๑๑; ปฎิ. ม. ๒.๓๐)ฯ เตนาห – ‘‘อุภยเมตํ อนิจฺจ’’นฺติอาทิฯ กามรูปสญฺญาวเสน ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกเภทโต อฎฺฐ เอเกกโกฎฺฐาสาติ เอวํ กตํ อุภยนฺติ วุตฺตนฺติ อาห – ‘‘ทิฎฺฐธมฺมิก…เป.… วเสน สงฺขิปิตฺวา อุภยนฺติ วุตฺต’’นฺติฯ ตณฺหาทิฎฺฐิวเสนาติ ตณฺหาภินนฺทนาวเสน ‘‘เอตํ มมา’’ติ, ทิฎฺฐาภินนฺทนาวเสน ‘‘เอโส เม อตฺตา’’ติ เอวํ อภินนฺทิตุํฯ เอเสว นโยติ อิมินา ตณฺหาทิฎฺฐิวเสน ‘‘เอตํ มม, เอโส เม อตฺตา’’ติ อภินนฺทิตุํ อโชฺฌสาย คิลิตฺวา ปรินิฎฺฐาเปตฺวา ฐาตุนฺติ อิมมตฺถํ อติทิสติฯ กามปฎิพาหเนนาติ อิทํ อาคมนปฎิปทาทสฺสนตฺถํ, วณฺณภณนตฺถญฺจ วุตฺตํฯ รูปปฎิพาหนํ หิสฺส อาสนฺนํ, ตโตปิ อากาสานญฺจายตนสมติกฺกโม, ตํสมติกฺกเมน สเหว สเพฺพ ตา วิปสฺสนาวเสน โอสกฺกนา กถิตา ‘‘อุภยเมตํ อนิจฺจ’’นฺติอาทิวจนโตฯ
Paññavantataroti paññuttaro. Tiṇṇampi kammaṭṭhānaṃ ekato katvāti kāmaguṇā sabbarūpadhammā kāmasaññāti evaṃ tiṇṇaṃ puggalānaṃ kammaṭṭhānavasena tidhā vutte sammasanūpagadhamme ekato katvā, ‘‘sabbametaṃ anicca’’nti ekajjhaṃ gahetvā, sammasati yathā – ‘‘yaṃ kiñci samudayadhammaṃ, sabbaṃ taṃ nirodhadhamma’’nti (dī. ni. 1.298; saṃ. ni. 5.1081; mahāva. 16; cūḷani. ajitamāṇavapucchāniddesa 4, 7, 8; tissametteyyamāṇavapucchāniddesa 10, 11; paṭi. ma. 2.30). Tenāha – ‘‘ubhayametaṃ anicca’’ntiādi. Kāmarūpasaññāvasena diṭṭhadhammikasamparāyikabhedato aṭṭha ekekakoṭṭhāsāti evaṃ kataṃ ubhayanti vuttanti āha – ‘‘diṭṭhadhammika…pe… vasena saṅkhipitvā ubhayanti vutta’’nti. Taṇhādiṭṭhivasenāti taṇhābhinandanāvasena ‘‘etaṃ mamā’’ti, diṭṭhābhinandanāvasena ‘‘eso me attā’’ti evaṃ abhinandituṃ. Eseva nayoti iminā taṇhādiṭṭhivasena ‘‘etaṃ mama, eso me attā’’ti abhinandituṃ ajjhosāya gilitvā pariniṭṭhāpetvā ṭhātunti imamatthaṃ atidisati. Kāmapaṭibāhanenāti idaṃ āgamanapaṭipadādassanatthaṃ, vaṇṇabhaṇanatthañca vuttaṃ. Rūpapaṭibāhanaṃ hissa āsannaṃ, tatopi ākāsānañcāyatanasamatikkamo, taṃsamatikkamena saheva sabbe tā vipassanāvasena osakkanā kathitā ‘‘ubhayametaṃ anicca’’ntiādivacanato.
๖๘. อิธ อตฺตโน จาติ อากิญฺจญฺญายตนกมฺมฎฺฐานํ สนฺธายาหฯ นิรุชฺฌนฺติ ตปฺปฎิพทฺธฉนฺทราคนิโรเธน, สมาปชฺชนกฺขเณ ปน อนุปฺปาทเนนปิฯ เตนาห ‘‘อากิญฺจญฺญายตนํ ปตฺวา’’ติฯ อตปฺปกเฎฺฐนาติ อุฬารตรภาเวน ฌานสมาปตฺติยา อติตฺติกรภาเวนฯ ตเมว ปฎิปทนฺติ อากิญฺจญฺญายตนภาวนมาหฯ สมาธิวเสน โอสกฺกนา กถิตา ตติยารุปฺปกมฺมฎฺฐานสฺส วุตฺตตฺตา ‘‘ยเตฺถตา’’ติอาทินาฯ
68. Idha attano cāti ākiñcaññāyatanakammaṭṭhānaṃ sandhāyāha. Nirujjhanti tappaṭibaddhachandarāganirodhena, samāpajjanakkhaṇe pana anuppādanenapi. Tenāha ‘‘ākiñcaññāyatanaṃ patvā’’ti. Atappakaṭṭhenāti uḷāratarabhāvena jhānasamāpattiyā atittikarabhāvena. Tameva paṭipadanti ākiñcaññāyatanabhāvanamāha. Samādhivasena osakkanā kathitā tatiyāruppakammaṭṭhānassa vuttattā ‘‘yatthetā’’tiādinā.
อิธ อตฺตโนติ ทฺวิโกฎิกสุญฺญตามนสิการสงฺขาตํ วิปสฺสนากมฺมฎฺฐานํฯ เหฎฺฐา วุตฺตปฎิปทนฺติ อนนฺตรํ วุตฺตอากิญฺจญฺญายตนกมฺมฎฺฐานํฯ สติ สมถภาวนายํ สุญฺญตามนสิการสฺส อิธ สาติสยตฺตา วุตฺตํฯ ‘‘ทุติยากิญฺจญฺญายตเน วิปสฺสนาวเสน โอสกฺกนา กถิตา’’ติฯ
Idha attanoti dvikoṭikasuññatāmanasikārasaṅkhātaṃ vipassanākammaṭṭhānaṃ. Heṭṭhā vuttapaṭipadanti anantaraṃ vuttaākiñcaññāyatanakammaṭṭhānaṃ. Sati samathabhāvanāyaṃ suññatāmanasikārassa idha sātisayattā vuttaṃ. ‘‘Dutiyākiñcaññāyatane vipassanāvasena osakkanā kathitā’’ti.
๗๐. ตติยากิญฺจญฺญายตเน อตฺตโนติ จตุโกฎิกสุญฺญตามนสิการสงฺขาตํ วิปสฺสนากมฺมฎฺฐานํฯ เอตฺถาติ เอตสฺมิํ สุญฺญตานุปสฺสนาธิกาเรฯ กฺวจีติ กตฺถจิ ฐาเน, กาเล, ธเมฺม วาฯ อถ วา กฺวจีติ อชฺฌตฺตํ, พหิทฺธา วาฯ อตฺตโน อตฺตานนฺติ สกตฺตานํฯ ‘‘อยํ โข, โภ พฺรหฺมา…เป.… วสี ปิตา ภูตภพฺยาน’’นฺติอาทินา (ที. นิ. ๑.๔๒) ปรปริกปฺปิตํ อตฺตานญฺจ กสฺสจิ กิญฺจนภูตํ น ปสฺสตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘กสฺสจี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปรสฺสาติ ‘‘ปรา ปชา’’ติ ‘‘ปโร ปุริโส’’ติ จ เอวํ คหิตสฺสฯ น จ มม กฺวจนีติ เอตฺถ มม-สโทฺท อฎฺฐานปยุโตฺตติ อาห ‘‘มมสทฺทํ ตาว ฐเปตฺวา’’ติฯ ปรสฺส จาติ อตฺตโต อญฺญสฺส, ‘‘ปโร ปุริโส นาม อตฺถิ มมตฺถาย สชิโต, ตสฺส วเสน มยฺหํ สพฺพํ อิชฺฌตี’’ติ เอวํ เอกจฺจทิฎฺฐิคติกปริกปฺปิตวเสน ปรํ อตฺตานํ, ตญฺจ อตฺตโน กิญฺจนภูตํ น ปสฺสตีติ ทเสฺสโนฺต, ‘‘น จ กฺวจนี’’ติอาทิมาหฯ เอตฺถ จ นาหํ กฺวจนีติ สกอตฺตโน อภาวํ ปสฺสติฯ น กสฺสจิ กิญฺจนตสฺมินฺติ สกอตฺตโน เอว กสฺสจิ อนตฺตนิยตํ ปสฺสติฯ น จ, มมาติ เอตํ ทฺวยํ ยถาสงฺขฺยํ สมฺพนฺธิตพฺพํ, อตฺถีติ ปเจฺจกํฯ ‘‘น จ กฺวจนิ ปรสฺส อตฺตา อตฺถี’’ติ ปรสฺส อตฺตโน อภาวํ ปสฺสติ, ‘‘ตสฺส ปรสฺส อตฺตโน มม กิสฺมิญฺจิ กิญฺจนตา น จตฺถี’’ติ ปรสฺส อตฺตโน อนตฺตนิยตํ ปสฺสติฯ เอวํ อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา จ ขนฺธานํ อตฺตตฺตนิยสุญฺญตา สุทฺธสงฺขารปุญฺชตา จตุโกฎิกสุญฺญตาปริคฺคณฺหเนน ทิฎฺฐา โหติฯ เหฎฺฐา วุตฺตปฎิปทนฺติ อิธาปิ อากิญฺจญฺญายตนกมฺมฎฺฐานเมว วทติฯ วิปสฺสนาวเสเนว โอสกฺกนา กถิตา จตุโกฎิกสุญฺญตาทสฺสนวิเสสภาวโต, ตปฺปธานตฺตา จสฺส มนสิการสฺสฯ
70. Tatiyākiñcaññāyatane attanoti catukoṭikasuññatāmanasikārasaṅkhātaṃ vipassanākammaṭṭhānaṃ. Etthāti etasmiṃ suññatānupassanādhikāre. Kvacīti katthaci ṭhāne, kāle, dhamme vā. Atha vā kvacīti ajjhattaṃ, bahiddhā vā. Attano attānanti sakattānaṃ. ‘‘Ayaṃ kho, bho brahmā…pe… vasī pitā bhūtabhabyāna’’ntiādinā (dī. ni. 1.42) paraparikappitaṃ attānañca kassaci kiñcanabhūtaṃ na passatīti dassento ‘‘kassacī’’tiādimāha. Tattha parassāti ‘‘parā pajā’’ti ‘‘paro puriso’’ti ca evaṃ gahitassa. Na ca mama kvacanīti ettha mama-saddo aṭṭhānapayuttoti āha ‘‘mamasaddaṃ tāva ṭhapetvā’’ti. Parassa cāti attato aññassa, ‘‘paro puriso nāma atthi mamatthāya sajito, tassa vasena mayhaṃ sabbaṃ ijjhatī’’ti evaṃ ekaccadiṭṭhigatikaparikappitavasena paraṃ attānaṃ, tañca attano kiñcanabhūtaṃ na passatīti dassento, ‘‘na ca kvacanī’’tiādimāha. Ettha ca nāhaṃ kvacanīti sakaattano abhāvaṃ passati. Na kassaci kiñcanatasminti sakaattano eva kassaci anattaniyataṃ passati. Na ca, mamāti etaṃ dvayaṃ yathāsaṅkhyaṃ sambandhitabbaṃ, atthīti paccekaṃ. ‘‘Na ca kvacani parassa attā atthī’’ti parassa attano abhāvaṃ passati, ‘‘tassa parassa attano mama kismiñci kiñcanatā na catthī’’ti parassa attano anattaniyataṃ passati. Evaṃ ajjhattaṃ bahiddhā ca khandhānaṃ attattaniyasuññatā suddhasaṅkhārapuñjatā catukoṭikasuññatāpariggaṇhanena diṭṭhā hoti. Heṭṭhā vuttapaṭipadanti idhāpi ākiñcaññāyatanakammaṭṭhānameva vadati. Vipassanāvaseneva osakkanā kathitā catukoṭikasuññatādassanavisesabhāvato, tappadhānattā cassa manasikārassa.
อิธ อตฺตโนติ เนวสญฺญานาสญฺญายตนกมฺมฎฺฐานมาหฯ สพฺพสญฺญาติ รูปสญฺญา ปฎิฆสญฺญา นานตฺตสญฺญา เหฎฺฐิมา ติโสฺส อรูปสญฺญาติ เอวํ สพฺพสญฺญา อนวเสสา นิรุชฺฌนฺตีติ วทนฺติฯ ‘‘เหฎฺฐา วุตฺตา’’ติ ปน วิเสสิตตฺตา อิมสฺมิํ อาคตา จตุตฺถชฺฌานสญฺญาทโย อปิ สญฺญาติ อปเรฯ ตนฺติ สมฺมุติมตฺตํ กามสญฺญาปฎิพาหนวเสเนว เตสํ นานตฺตสญฺญาทินิโรธสฺส อตฺถสิทฺธตฺตาฯ สมาธิวเสน โอสกฺกนา กถิตา เนวสญฺญานาสญฺญายตนภาวนาย สมถกมฺมฎฺฐานภาวโตฯ
Idha attanoti nevasaññānāsaññāyatanakammaṭṭhānamāha. Sabbasaññāti rūpasaññā paṭighasaññā nānattasaññā heṭṭhimā tisso arūpasaññāti evaṃ sabbasaññā anavasesā nirujjhantīti vadanti. ‘‘Heṭṭhā vuttā’’ti pana visesitattā imasmiṃ āgatā catutthajjhānasaññādayo api saññāti apare. Tanti sammutimattaṃ kāmasaññāpaṭibāhanavaseneva tesaṃ nānattasaññādinirodhassa atthasiddhattā. Samādhivasena osakkanā kathitā nevasaññānāsaññāyatanabhāvanāya samathakammaṭṭhānabhāvato.
๗๑. ปุเพฺพ ปญฺจวิธํ กมฺมวฎฺฎนฺติ ปุริมกมฺมภวสฺมิํ โมโห อวิชฺชา อายูหนา สงฺขารา นิกนฺติตณฺหา อุปคมนํ อุปาทานํ เจตนา ภโวติ เอวมาคโต สปริกฺขาโร กมฺมปฺปพโนฺธฯ น อายูหิตํ อสฺสาติ น เจติตํ ปกปฺปิตํ ภเวยฺยฯ เอตรหิ เอวํ ปญฺจวิธํ วิปากวฎฺฎนฺติ วิญฺญาณนามรูปสฬายตนผสฺสเวทนาสงฺขาโต ปจฺจุปฺปโนฺน วิปากปฺปพโนฺธ นปฺปวเตฺตยฺย การณสฺส อนิปฺผนฺนตฺตาฯ สเจ อายูหิตํ น ภวิสฺสตีติ ยทิ เจติตํ ปกปฺปิตํ น สิยาฯ ยํ อตฺถีติ ยํ ปรมตฺถโต วิชฺชมานกํฯ เตนาห ‘‘ภูต’’นฺติฯ ตญฺหิ ปจฺจยนิพฺพตฺตตาย ‘‘ภูต’’นฺติ วุจฺจติฯ ตํ ปชหามีติ ตปฺปฎิพทฺธฉนฺทราคปฺปหาเนน ตโต เอว อายติํ อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนวเสน ปชหามิ ปริจฺจชามิฯ
71.Pubbe pañcavidhaṃ kammavaṭṭanti purimakammabhavasmiṃ moho avijjā āyūhanā saṅkhārā nikantitaṇhā upagamanaṃ upādānaṃ cetanā bhavoti evamāgato saparikkhāro kammappabandho. Na āyūhitaṃ assāti na cetitaṃ pakappitaṃ bhaveyya. Etarahi evaṃ pañcavidhaṃ vipākavaṭṭanti viññāṇanāmarūpasaḷāyatanaphassavedanāsaṅkhāto paccuppanno vipākappabandho nappavatteyya kāraṇassa anipphannattā. Sace āyūhitaṃ na bhavissatīti yadi cetitaṃ pakappitaṃ na siyā. Yaṃ atthīti yaṃ paramatthato vijjamānakaṃ. Tenāha ‘‘bhūta’’nti. Tañhi paccayanibbattatāya ‘‘bhūta’’nti vuccati. Taṃ pajahāmīti tappaṭibaddhachandarāgappahānena tato eva āyatiṃ anuppattidhammatāpādanavasena pajahāmi pariccajāmi.
ปรินิพฺพายีติ สห ปริกปฺปเนน อตีตเตฺถติ อาห ‘‘ปรินิพฺพาเยยฺยา’’ติฯ ปรินิพฺพาเยยฺย นุ โขติ วา ปาโฐ, โส เอวโตฺถฯ น กิญฺจิ กถิตนฺติ เนวสญฺญานาสญฺญายตนสมาปตฺติยา สงฺขาราวเสสสุขุมภาเวน ญาณุตฺตรเสฺสว วิสยภาวโต สรูปโต น กิญฺจิ กถิตํ, นเยน ปนสฺส วิเสสํ ญาเปตุกามตฺตาฯ ภควโต กิร เอตทโหสิ – ‘‘อิมิสฺสํเยว ปริสติ นิสิโนฺน อานโนฺท อนุสนฺธิกุสลตาย เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ ปาทกํ กตฺวา ฐิตสฺส ภิกฺขุโน ปฎิสนฺธิํ อรหตฺตญฺจ สนฺธาย ปญฺหํ ปุจฺฉิสฺสติ, อิมินา ปุจฺฉานุสนฺธินา ตมตฺถํ เทเสสฺสามี’’ติฯ โอสกฺกนาย จ อิธาธิเปฺปตตฺตา ภินฺนรสเทสนา โหตีติ ปุจฺฉานุสนฺธิ ปุจฺฉิตาฯ ตสฺมิญฺหิ อสติ อนุสนฺธิเภทภิเนฺนสา เทสนา, น จ พุทฺธาจิณฺณา ภินฺนรสเทสนาติฯ วิปสฺสนานิสฺสิตนฺติ ตนฺนิสฺสิตํฯ ตสฺส ภิกฺขุโนฯ อุปาทิยติ เอเตนาติ จ อุปาทานํฯ น ปรินิพฺพายติ ปหาตพฺพสฺส อปฺปชหนโตฯ เตนาห ภควา – ‘‘ธมฺมาปิ โข, ภิกฺขเว, ปหาตพฺพา, ปเคว อธมฺมา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๐)ฯ อุปาทานเสฎฺฐนฺติ อิทํ เนวสญฺญานาสญฺญายตนภวสฺส สพฺพภวคฺคตาทสฺสนปรํ, น ปน อริยภวคฺคสฺส อุปาทานเสฎฺฐตาปฎิเสธปรํฯ
Parinibbāyīti saha parikappanena atītattheti āha ‘‘parinibbāyeyyā’’ti. Parinibbāyeyya nu khoti vā pāṭho, so evattho. Na kiñci kathitanti nevasaññānāsaññāyatanasamāpattiyā saṅkhārāvasesasukhumabhāvena ñāṇuttarasseva visayabhāvato sarūpato na kiñci kathitaṃ, nayena panassa visesaṃ ñāpetukāmattā. Bhagavato kira etadahosi – ‘‘imissaṃyeva parisati nisinno ānando anusandhikusalatāya nevasaññānāsaññāyatanaṃ pādakaṃ katvā ṭhitassa bhikkhuno paṭisandhiṃ arahattañca sandhāya pañhaṃ pucchissati, iminā pucchānusandhinā tamatthaṃ desessāmī’’ti. Osakkanāya ca idhādhippetattā bhinnarasadesanā hotīti pucchānusandhi pucchitā. Tasmiñhi asati anusandhibhedabhinnesā desanā, na ca buddhāciṇṇā bhinnarasadesanāti. Vipassanānissitanti tannissitaṃ. Tassa bhikkhuno. Upādiyati etenāti ca upādānaṃ. Na parinibbāyati pahātabbassa appajahanato. Tenāha bhagavā – ‘‘dhammāpi kho, bhikkhave, pahātabbā, pageva adhammā’’ti (ma. ni. 1.240). Upādānaseṭṭhanti idaṃ nevasaññānāsaññāyatanabhavassa sabbabhavaggatādassanaparaṃ, na pana ariyabhavaggassa upādānaseṭṭhatāpaṭisedhaparaṃ.
๗๓. นิสฺสายาติ ภวปริยาปนฺนํ นาม ธมฺมํ นิสฺสาย ตปฺปริยาปนฺนํ นาม นิสฺสาย โอฆนิตฺถรณา ภควตา อกฺขาตา; อโห อจฺฉริยเมตํ, อโห อพฺภุตเมตนฺติฯ
73.Nissāyāti bhavapariyāpannaṃ nāma dhammaṃ nissāya tappariyāpannaṃ nāma nissāya oghanittharaṇā bhagavatā akkhātā; aho acchariyametaṃ, aho abbhutametanti.
นวสุปิ ฐาเนสุ สมถยานิกเสฺสว วเสน เทสนาย อาคตตฺตา, อิธ จ กสฺสจิปิ ปาทกชฺฌานสฺส อนามฎฺฐตฺตา วุตฺตํ – ‘‘อริยสาวโกติ สุกฺขวิปสฺสโก อริยสาวโก’’ติฯ นวนฺนมฺปิ กมฺมฎฺฐานํ เอกโต กตฺวา สมฺมสตีติ อิทํ ฌานธเมฺมปิ อนุสฺสวลเทฺธ คเหตฺวา สมฺมสนํ สมฺภวตีติ กตฺวา วุตฺตํ; เตภูมกสงฺขารคตํ อิธ วุตฺตนฺติ อนวเสสโต ปริคฺคหณํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘ยาวตา สกฺกาโย’’ติฯ
Navasupi ṭhānesu samathayānikasseva vasena desanāya āgatattā, idha ca kassacipi pādakajjhānassa anāmaṭṭhattā vuttaṃ – ‘‘ariyasāvakoti sukkhavipassako ariyasāvako’’ti. Navannampi kammaṭṭhānaṃ ekato katvā sammasatīti idaṃ jhānadhammepi anussavaladdhe gahetvā sammasanaṃ sambhavatīti katvā vuttaṃ; tebhūmakasaṅkhāragataṃ idha vuttanti anavasesato pariggahaṇaṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘yāvatā sakkāyo’’ti.
เอตํ อมตนฺติ อมตํ นิพฺพานํ อารพฺภ ปวตฺติยา เอตํ อรหตฺตํ อมตรสํฯ เตนาห – ‘‘เอตํ อมตํ สนฺตํ, เอตํ ปณีต’’นฺติฯ ‘‘อนุปาทาย กิญฺจิปิ อคฺคเหตฺวา จิตฺตํ วิมุจฺจี’’ติ วุตฺตตฺตาปิ อนุปาทา จิตฺตสฺส วิโมโกฺข นิพฺพานํ อญฺญตฺถ สุเตฺต วุจฺจติฯ
Etaṃamatanti amataṃ nibbānaṃ ārabbha pavattiyā etaṃ arahattaṃ amatarasaṃ. Tenāha – ‘‘etaṃ amataṃ santaṃ, etaṃ paṇīta’’nti. ‘‘Anupādāya kiñcipi aggahetvā cittaṃ vimuccī’’ti vuttattāpi anupādā cittassa vimokkho nibbānaṃ aññattha sutte vuccati.
ติณฺณํ ภิกฺขูนนฺติ อภินิเวสเภเทน ติวิธานํฯ ปาทกํ กตฺวา ฐิตสฺส โอสกฺกนาย อภาเว การณํ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ สโมธาเนตฺวาติ สมฺมเทว โอทหิตฺวา ตสฺมิํ ตสฺมิํ ฐาเน อสงฺกรโต ววตฺถเปตฺวาฯ สุกถิตํ นาม โหติ กเถตพฺพสฺส อนวเสเสตฺวา กถิตตฺตาฯ
Tiṇṇaṃbhikkhūnanti abhinivesabhedena tividhānaṃ. Pādakaṃ katvā ṭhitassa osakkanāya abhāve kāraṇaṃ heṭṭhā vuttanayeneva veditabbaṃ. Samodhānetvāti sammadeva odahitvā tasmiṃ tasmiṃ ṭhāne asaṅkarato vavatthapetvā. Sukathitaṃ nāma hoti kathetabbassa anavasesetvā kathitattā.
อาเนญฺชสปฺปายสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Āneñjasappāyasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๖. อาเนญฺชสปฺปายสุตฺตํ • 6. Āneñjasappāyasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๖. อาเนญฺชสปฺปายสุตฺตวณฺณนา • 6. Āneñjasappāyasuttavaṇṇanā