Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๖. องฺคุลิมาลสุตฺตํ
6. Aṅgulimālasuttaṃ
๓๔๗. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส วิชิเต โจโร องฺคุลิมาโล นาม โหติ ลุโทฺท โลหิตปาณิ หตปหเต นิวิโฎฺฐ อทยาปโนฺน ปาณภูเตสุฯ เตน คามาปิ อคามา กตา, นิคมาปิ อนิคมา กตา, ชนปทาปิ อชนปทา กตาฯ โส มนุเสฺส วธิตฺวา วธิตฺวา องฺคุลีนํ มาลํ ธาเรติฯ อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถิํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน โจโร องฺคุลิมาโล เตนทฺธานมคฺคํ ปฎิปชฺชิฯ อทฺทสาสุํ โข โคปาลกา ปสุปาลกา กสฺสกา ปถาวิโน ภควนฺตํ เยน โจโร องฺคุลิมาโล เตนทฺธานมคฺคปฎิปนฺนํฯ ทิสฺวาน ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘มา, สมณ, เอตํ มคฺคํ ปฎิปชฺชิฯ เอตสฺมิํ, สมณ, มเคฺค โจโร องฺคุลิมาโล นาม ลุโทฺท โลหิตปาณิ หตปหเต นิวิโฎฺฐ อทยาปโนฺน ปาณภูเตสุฯ เตน คามาปิ อคามา กตา, นิคมาปิ อนิคมา กตา, ชนปทาปิ อชนปทา กตาฯ โส มนุเสฺส วธิตฺวา วธิตฺวา องฺคุลีนํ มาลํ ธาเรติฯ เอตญฺหิ, สมณ, มคฺคํ ทสปิ ปุริสา วีสมฺปิ ปุริสา ติํสมฺปิ ปุริสา จตฺตารีสมฺปิ ปุริสา ปญฺญาสมฺปิ ปุริสา สงฺกริตฺวา สงฺกริตฺวา 1 ปฎิปชฺชนฺติฯ เตปิ โจรสฺส องฺคุลิมาลสฺส หตฺถตฺถํ คจฺฉนฺตี’’ติฯ เอวํ วุเตฺต, ภควา ตุณฺหีภูโต อคมาสิฯ ทุติยมฺปิ โข โคปาลกา…เป.… ตติยมฺปิ โข โคปาลกา ปสุปาลกา กสฺสกา ปถาวิโน ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘มา, สมณ, เอตํ มคฺคํ ปฎิปชฺชิ, เอตสฺมิํ สมณ มเคฺค โจโร องฺคุลิมาโล นาม ลุโทฺท โลหิตปาณิ หตปหเต นิวิโฎฺฐ อทยาปโนฺน ปาณภูเตสุ, เตน คามาปิ อคามา กตา, นิคมาปิ อนิคมา กตา, ชนปทาปิ อชนปทา กตาฯ โส มนุเสฺส วธิตฺวา วธิตฺวา องฺคุลีนํ มาลํ ธาเรติฯ เอตญฺหิ สมณ มคฺคํ ทสปิ ปุริสา วีสมฺปิ ปุริสา ติํสมฺปิ ปุริสา จตฺตารีสมฺปิ ปุริสา ปญฺญาสมฺปิ ปุริสา สงฺกริตฺวา สงฺกริตฺวา ปฎิปชฺชนฺติฯ เตปิ โจรสฺส องฺคุลิมาลสฺส หตฺถตฺถํ คจฺฉนฺตี’’ติฯ
347. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena rañño pasenadissa kosalassa vijite coro aṅgulimālo nāma hoti luddo lohitapāṇi hatapahate niviṭṭho adayāpanno pāṇabhūtesu. Tena gāmāpi agāmā katā, nigamāpi anigamā katā, janapadāpi ajanapadā katā. So manusse vadhitvā vadhitvā aṅgulīnaṃ mālaṃ dhāreti. Atha kho bhagavā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya sāvatthiṃ piṇḍāya pāvisi. Sāvatthiyaṃ piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto senāsanaṃ saṃsāmetvā pattacīvaramādāya yena coro aṅgulimālo tenaddhānamaggaṃ paṭipajji. Addasāsuṃ kho gopālakā pasupālakā kassakā pathāvino bhagavantaṃ yena coro aṅgulimālo tenaddhānamaggapaṭipannaṃ. Disvāna bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘mā, samaṇa, etaṃ maggaṃ paṭipajji. Etasmiṃ, samaṇa, magge coro aṅgulimālo nāma luddo lohitapāṇi hatapahate niviṭṭho adayāpanno pāṇabhūtesu. Tena gāmāpi agāmā katā, nigamāpi anigamā katā, janapadāpi ajanapadā katā. So manusse vadhitvā vadhitvā aṅgulīnaṃ mālaṃ dhāreti. Etañhi, samaṇa, maggaṃ dasapi purisā vīsampi purisā tiṃsampi purisā cattārīsampi purisā paññāsampi purisā saṅkaritvā saṅkaritvā 2 paṭipajjanti. Tepi corassa aṅgulimālassa hatthatthaṃ gacchantī’’ti. Evaṃ vutte, bhagavā tuṇhībhūto agamāsi. Dutiyampi kho gopālakā…pe… tatiyampi kho gopālakā pasupālakā kassakā pathāvino bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘mā, samaṇa, etaṃ maggaṃ paṭipajji, etasmiṃ samaṇa magge coro aṅgulimālo nāma luddo lohitapāṇi hatapahate niviṭṭho adayāpanno pāṇabhūtesu, tena gāmāpi agāmā katā, nigamāpi anigamā katā, janapadāpi ajanapadā katā. So manusse vadhitvā vadhitvā aṅgulīnaṃ mālaṃ dhāreti. Etañhi samaṇa maggaṃ dasapi purisā vīsampi purisā tiṃsampi purisā cattārīsampi purisā paññāsampi purisā saṅkaritvā saṅkaritvā paṭipajjanti. Tepi corassa aṅgulimālassa hatthatthaṃ gacchantī’’ti.
๓๔๘. อถ โข ภควา ตุณฺหีภูโต อคมาสิฯ อทฺทสา โข โจโร องฺคุลิมาโล ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํฯ ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อจฺฉริยํ วต, โภ, อพฺภุตํ วต, โภ! อิมญฺหิ มคฺคํ ทสปิ ปุริสา วีสมฺปิ ปุริสา ติํสมฺปิ ปุริสา จตฺตารีสมฺปิ ปุริสา ปญฺญาสมฺปิ ปุริสา สงฺกริตฺวา สงฺกริตฺวา ปฎิปชฺชนฺติฯ เตปิ มม หตฺถตฺถํ คจฺฉนฺติฯ อถ จ ปนายํ สมโณ เอโก อทุติโย ปสยฺห มเญฺญ อาคจฺฉติฯ ยํนูนาหํ อิมํ สมณํ ชีวิตา โวโรเปยฺย’’นฺติฯ อถ โข โจโร องฺคุลิมาโล อสิจมฺมํ คเหตฺวา ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวา ภควนฺตํ ปิฎฺฐิโต ปิฎฺฐิโต อนุพนฺธิฯ อถ โข ภควา ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาสิ 3 ยถา โจโร องฺคุลิมาโล ภควนฺตํ ปกติยา คจฺฉนฺตํ สพฺพถาเมน คจฺฉโนฺต น สโกฺกติ สมฺปาปุณิตุํฯ อถ โข โจรสฺส องฺคุลิมาลสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อจฺฉริยํ วต, โภ, อพฺภุตํ วต, โภ! อหญฺหิ ปุเพฺพ หตฺถิมฺปิ ธาวนฺตํ อนุปติตฺวา คณฺหามิ, อสฺสมฺปิ ธาวนฺตํ อนุปติตฺวา คณฺหามิ, รถมฺปิ ธาวนฺตํ อนุปติตฺวา คณฺหามิ, มิคมฺปิ ธาวนฺตํ อนุปติตฺวา คณฺหามิ; อถ จ ปนาหํ อิมํ สมณํ ปกติยา คจฺฉนฺตํ สพฺพถาเมน คจฺฉโนฺต น สโกฺกมิ สมฺปาปุณิตุ’’นฺติ! ฐิโตว ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ติฎฺฐ, ติฎฺฐ, สมณา’’ติฯ ‘‘ฐิโต อหํ, องฺคุลิมาล, ตฺวญฺจ ติฎฺฐา’’ติฯ อถ โข โจรสฺส องฺคุลิมาลสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิเม โข สมณา สกฺยปุตฺติยา สจฺจวาทิโน สจฺจปฎิญฺญาฯ อถ ปนายํ สมโณ คจฺฉํ เยวาห – ‘ฐิโต อหํ, องฺคุลิมาล, ตฺวญฺจ ติฎฺฐา’ติฯ ยํนูนาหํ อิมํ สมณํ ปุเจฺฉยฺย’’นฺติฯ
348. Atha kho bhagavā tuṇhībhūto agamāsi. Addasā kho coro aṅgulimālo bhagavantaṃ dūratova āgacchantaṃ. Disvānassa etadahosi – ‘‘acchariyaṃ vata, bho, abbhutaṃ vata, bho! Imañhi maggaṃ dasapi purisā vīsampi purisā tiṃsampi purisā cattārīsampi purisā paññāsampi purisā saṅkaritvā saṅkaritvā paṭipajjanti. Tepi mama hatthatthaṃ gacchanti. Atha ca panāyaṃ samaṇo eko adutiyo pasayha maññe āgacchati. Yaṃnūnāhaṃ imaṃ samaṇaṃ jīvitā voropeyya’’nti. Atha kho coro aṅgulimālo asicammaṃ gahetvā dhanukalāpaṃ sannayhitvā bhagavantaṃ piṭṭhito piṭṭhito anubandhi. Atha kho bhagavā tathārūpaṃ iddhābhisaṅkhāraṃ abhisaṅkhāsi 4 yathā coro aṅgulimālo bhagavantaṃ pakatiyā gacchantaṃ sabbathāmena gacchanto na sakkoti sampāpuṇituṃ. Atha kho corassa aṅgulimālassa etadahosi – ‘‘acchariyaṃ vata, bho, abbhutaṃ vata, bho! Ahañhi pubbe hatthimpi dhāvantaṃ anupatitvā gaṇhāmi, assampi dhāvantaṃ anupatitvā gaṇhāmi, rathampi dhāvantaṃ anupatitvā gaṇhāmi, migampi dhāvantaṃ anupatitvā gaṇhāmi; atha ca panāhaṃ imaṃ samaṇaṃ pakatiyā gacchantaṃ sabbathāmena gacchanto na sakkomi sampāpuṇitu’’nti! Ṭhitova bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘tiṭṭha, tiṭṭha, samaṇā’’ti. ‘‘Ṭhito ahaṃ, aṅgulimāla, tvañca tiṭṭhā’’ti. Atha kho corassa aṅgulimālassa etadahosi – ‘‘ime kho samaṇā sakyaputtiyā saccavādino saccapaṭiññā. Atha panāyaṃ samaṇo gacchaṃ yevāha – ‘ṭhito ahaṃ, aṅgulimāla, tvañca tiṭṭhā’ti. Yaṃnūnāhaṃ imaṃ samaṇaṃ puccheyya’’nti.
๓๔๙. อถ โข โจโร องฺคุลิมาโล ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
349. Atha kho coro aṅgulimālo bhagavantaṃ gāthāya ajjhabhāsi –
‘‘คจฺฉํ วเทสิ สมณ ฐิโตมฺหิ,
‘‘Gacchaṃ vadesi samaṇa ṭhitomhi,
มมญฺจ พฺรูสิ ฐิตมฎฺฐิโตติ;
Mamañca brūsi ṭhitamaṭṭhitoti;
ปุจฺฉามิ ตํ สมณ เอตมตฺถํ,
Pucchāmi taṃ samaṇa etamatthaṃ,
กถํ ฐิโต ตฺวํ อหมฎฺฐิโตมฺหี’’ติฯ
Kathaṃ ṭhito tvaṃ ahamaṭṭhitomhī’’ti.
‘‘ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล สพฺพทา,
‘‘Ṭhito ahaṃ aṅgulimāla sabbadā,
สเพฺพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ;
Sabbesu bhūtesu nidhāya daṇḍaṃ;
ตุวญฺจ ปาเณสุ อสญฺญโตสิ,
Tuvañca pāṇesu asaññatosi,
ตสฺมา ฐิโตหํ ตุวมฎฺฐิโตสี’’ติฯ
Tasmā ṭhitohaṃ tuvamaṭṭhitosī’’ti.
‘‘จิรสฺสํ วต เม มหิโต มเหสี,
‘‘Cirassaṃ vata me mahito mahesī,
สุตฺวาน คาถํ ตว ธมฺมยุตฺตํ’’ฯ
Sutvāna gāthaṃ tava dhammayuttaṃ’’.
อิเตฺวว โจโร อสิมาวุธญฺจ,
Itveva coro asimāvudhañca,
โสเพฺภ ปปาเต นรเก อกิริ;
Sobbhe papāte narake akiri;
อวนฺทิ โจโร สุคตสฺส ปาเท,
Avandi coro sugatassa pāde,
ตเตฺถว นํ ปพฺพชฺชํ อยาจิฯ
Tattheva naṃ pabbajjaṃ ayāci.
พุโทฺธ จ โข การุณิโก มเหสิ,
Buddho ca kho kāruṇiko mahesi,
โย สตฺถา โลกสฺส สเทวกสฺส;
Yo satthā lokassa sadevakassa;
‘ตเมหิ ภิกฺขู’ติ ตทา อโวจ,
‘Tamehi bhikkhū’ti tadā avoca,
เอเสว ตสฺส อหุ ภิกฺขุภาโวติฯ
Eseva tassa ahu bhikkhubhāvoti.
๓๕๐. อถ โข ภควา อายสฺมตา องฺคุลิมาเลน ปจฺฉาสมเณน เยน สาวตฺถิ เตน จาริกํ ปกฺกามิฯ อนุปุเพฺพน จาริกํ จรมาโน เยน สาวตฺถิ ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส อเนฺตปุรทฺวาเร มหาชนกาโย สนฺนิปติตฺวา อุจฺจาสโทฺท มหาสโทฺท โหติ – ‘‘โจโร เต, เทว, วิชิเต องฺคุลิมาโล นาม ลุโทฺท โลหิตปาณิ หตปหเต นิวิโฎฺฐ อทยาปโนฺน ปาณภูเตสุฯ เตน คามาปิ อคามา กตา, นิคมาปิ อนิคมา กตา, ชนปทาปิ อชนปทา กตาฯ โส มนุเสฺส วธิตฺวา วธิตฺวา องฺคุลีนํ มาลํ ธาเรติฯ ตํ เทโว ปฎิเสเธตู’’ติฯ
350. Atha kho bhagavā āyasmatā aṅgulimālena pacchāsamaṇena yena sāvatthi tena cārikaṃ pakkāmi. Anupubbena cārikaṃ caramāno yena sāvatthi tadavasari. Tatra sudaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena rañño pasenadissa kosalassa antepuradvāre mahājanakāyo sannipatitvā uccāsaddo mahāsaddo hoti – ‘‘coro te, deva, vijite aṅgulimālo nāma luddo lohitapāṇi hatapahate niviṭṭho adayāpanno pāṇabhūtesu. Tena gāmāpi agāmā katā, nigamāpi anigamā katā, janapadāpi ajanapadā katā. So manusse vadhitvā vadhitvā aṅgulīnaṃ mālaṃ dhāreti. Taṃ devo paṭisedhetū’’ti.
อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ปญฺจมเตฺตหิ อสฺสสเตหิ สาวตฺถิยา นิกฺขมิ ทิวา ทิวสฺสฯ เยน อาราโม เตน ปาวิสิฯ ยาวติกา ยานสฺส ภูมิ ยาเนน คนฺตฺวา ยานา ปโจฺจโรหิตฺวา ปตฺติโกว เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ราชานํ ปเสนทิํ โกสลํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘กิํ นุ เต, มหาราช, ราชา วา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร กุปิโต เวสาลิกา วา ลิจฺฉวี อเญฺญ วา ปฎิราชาโน’’ติ? ‘‘น โข เม, ภเนฺต, ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร กุปิโต, นาปิ เวสาลิกา ลิจฺฉวี, นาปิ อเญฺญ ปฎิราชาโนฯ โจโร เม, ภเนฺต, วิชิเต องฺคุลิมาโล นาม ลุโทฺท โลหิตปาณิ หตปหเต นิวิโฎฺฐ อทยาปโนฺน ปาณภูเตสุฯ เตน คามาปิ อคามา กตา, นิคมาปิ อนิคมา กตา, ชนปทาปิ อชนปทา กตาฯ โส มนุเสฺส วธิตฺวา วธิตฺวา องฺคุลีนํ มาลํ ธาเรติฯ ตาหํ, ภเนฺต, ปฎิเสธิสฺสามี’’ติฯ ‘‘สเจ ปน ตฺวํ, มหาราช, องฺคุลิมาลํ ปเสฺสยฺยาสิ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตํ, วิรตํ ปาณาติปาตา, วิรตํ อทินฺนาทานา, วิรตํ มุสาวาทา, เอกภตฺติกํ, พฺรหฺมจาริํ, สีลวนฺตํ, กลฺยาณธมฺมํ, กินฺติ นํ กเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘อภิวาเทยฺยาม วา, ภเนฺต, ปจฺจุเฎฺฐยฺยาม วา อาสเนน วา นิมเนฺตยฺยาม, อภินิมเนฺตยฺยาม วา นํ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรหิ, ธมฺมิกํ วา อสฺส รกฺขาวรณคุตฺติํ สํวิทเหยฺยามฯ กุโต ปนสฺส, ภเนฺต, ทุสฺสีลสฺส ปาปธมฺมสฺส เอวรูโป สีลสํยโม ภวิสฺสตี’’ติ?
Atha kho rājā pasenadi kosalo pañcamattehi assasatehi sāvatthiyā nikkhami divā divassa. Yena ārāmo tena pāvisi. Yāvatikā yānassa bhūmi yānena gantvā yānā paccorohitvā pattikova yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho rājānaṃ pasenadiṃ kosalaṃ bhagavā etadavoca – ‘‘kiṃ nu te, mahārāja, rājā vā māgadho seniyo bimbisāro kupito vesālikā vā licchavī aññe vā paṭirājāno’’ti? ‘‘Na kho me, bhante, rājā māgadho seniyo bimbisāro kupito, nāpi vesālikā licchavī, nāpi aññe paṭirājāno. Coro me, bhante, vijite aṅgulimālo nāma luddo lohitapāṇi hatapahate niviṭṭho adayāpanno pāṇabhūtesu. Tena gāmāpi agāmā katā, nigamāpi anigamā katā, janapadāpi ajanapadā katā. So manusse vadhitvā vadhitvā aṅgulīnaṃ mālaṃ dhāreti. Tāhaṃ, bhante, paṭisedhissāmī’’ti. ‘‘Sace pana tvaṃ, mahārāja, aṅgulimālaṃ passeyyāsi kesamassuṃ ohāretvā kāsāyāni vatthāni acchādetvā agārasmā anagāriyaṃ pabbajitaṃ, virataṃ pāṇātipātā, virataṃ adinnādānā, virataṃ musāvādā, ekabhattikaṃ, brahmacāriṃ, sīlavantaṃ, kalyāṇadhammaṃ, kinti naṃ kareyyāsī’’ti? ‘‘Abhivādeyyāma vā, bhante, paccuṭṭheyyāma vā āsanena vā nimanteyyāma, abhinimanteyyāma vā naṃ cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārehi, dhammikaṃ vā assa rakkhāvaraṇaguttiṃ saṃvidaheyyāma. Kuto panassa, bhante, dussīlassa pāpadhammassa evarūpo sīlasaṃyamo bhavissatī’’ti?
เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา องฺคุลิมาโล ภควโต อวิทูเร นิสิโนฺน โหติฯ อถ โข ภควา ทกฺขิณํ พาหุํ ปคฺคเหตฺวา ราชานํ ปเสนทิํ โกสลํ เอตทโวจ – ‘‘เอโส, มหาราช, องฺคุลิมาโล’’ติฯ อถ โข รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส อหุเทว ภยํ, อหุ ฉมฺภิตตฺตํ, อหุ โลมหํโสฯ อถ โข ภควา ราชานํ ปเสนทิํ โกสลํ ภีตํ สํวิคฺคํ โลมหฎฺฐชาตํ วิทิตฺวา ราชานํ ปเสนทิํ โกสลํ เอตทโวจ – ‘‘มา ภายิ, มหาราช, นตฺถิ เต อิโต ภย’’นฺติฯ อถ โข รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ยํ อโหสิ ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วา โลมหํโส วา โส ปฎิปฺปสฺสมฺภิฯ อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล เยนายสฺมา องฺคุลิมาโล เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ องฺคุลิมาลํ เอตทโวจ – ‘‘อโยฺย โน, ภเนฺต, องฺคุลิมาโล’’ติ? ‘‘เอวํ, มหาราชา’’ติฯ ‘‘กถํโคโตฺต อยฺยสฺส ปิตา, กถํโคตฺตา มาตา’’ติ? ‘‘คโคฺค โข, มหาราช, ปิตา, มนฺตาณี มาตา’’ติฯ ‘‘อภิรมตุ, ภเนฺต, อโยฺย คโคฺค มนฺตาณิปุโตฺตฯ อหมยฺยสฺส คคฺคสฺส มนฺตาณิปุตฺตสฺส อุสฺสุกฺกํ กริสฺสามิ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราน’’นฺติฯ
Tena kho pana samayena āyasmā aṅgulimālo bhagavato avidūre nisinno hoti. Atha kho bhagavā dakkhiṇaṃ bāhuṃ paggahetvā rājānaṃ pasenadiṃ kosalaṃ etadavoca – ‘‘eso, mahārāja, aṅgulimālo’’ti. Atha kho rañño pasenadissa kosalassa ahudeva bhayaṃ, ahu chambhitattaṃ, ahu lomahaṃso. Atha kho bhagavā rājānaṃ pasenadiṃ kosalaṃ bhītaṃ saṃviggaṃ lomahaṭṭhajātaṃ viditvā rājānaṃ pasenadiṃ kosalaṃ etadavoca – ‘‘mā bhāyi, mahārāja, natthi te ito bhaya’’nti. Atha kho rañño pasenadissa kosalassa yaṃ ahosi bhayaṃ vā chambhitattaṃ vā lomahaṃso vā so paṭippassambhi. Atha kho rājā pasenadi kosalo yenāyasmā aṅgulimālo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ aṅgulimālaṃ etadavoca – ‘‘ayyo no, bhante, aṅgulimālo’’ti? ‘‘Evaṃ, mahārājā’’ti. ‘‘Kathaṃgotto ayyassa pitā, kathaṃgottā mātā’’ti? ‘‘Gaggo kho, mahārāja, pitā, mantāṇī mātā’’ti. ‘‘Abhiramatu, bhante, ayyo gaggo mantāṇiputto. Ahamayyassa gaggassa mantāṇiputtassa ussukkaṃ karissāmi cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārāna’’nti.
๓๕๑. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา องฺคุลิมาโล อารญฺญิโก โหติ ปิณฺฑปาติโก ปํสุกูลิโก เตจีวริโกฯ อถ โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล ราชานํ ปเสนทิํ โกสลํ เอตทโวจ – ‘‘อลํ, มหาราช, ปริปุณฺณํ เม จีวร’’นฺติฯ อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยํ, ภเนฺต, อพฺภุตํ, ภเนฺต! ยาวญฺจิทํ, ภเนฺต, ภควา อทนฺตานํ ทเมตา, อสนฺตานํ สเมตา, อปรินิพฺพุตานํ ปรินิพฺพาเปตาฯ ยญฺหิ มยํ, ภเนฺต, นาสกฺขิมฺหา ทเณฺฑนปิ สเตฺถนปิ ทเมตุํ โส ภควตา อทเณฺฑน อสเตฺถเนว 9 ทโนฺตฯ หนฺท จ ทานิ 10 มยํ, ภเนฺต, คจฺฉาม; พหุกิจฺจา มยํ พหุกรณียา’’ติฯ ‘‘ยสฺสทานิ, มหาราช, กาลํ มญฺญสี’’ติฯ อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ
351. Tena kho pana samayena āyasmā aṅgulimālo āraññiko hoti piṇḍapātiko paṃsukūliko tecīvariko. Atha kho āyasmā aṅgulimālo rājānaṃ pasenadiṃ kosalaṃ etadavoca – ‘‘alaṃ, mahārāja, paripuṇṇaṃ me cīvara’’nti. Atha kho rājā pasenadi kosalo yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho rājā pasenadi kosalo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘acchariyaṃ, bhante, abbhutaṃ, bhante! Yāvañcidaṃ, bhante, bhagavā adantānaṃ dametā, asantānaṃ sametā, aparinibbutānaṃ parinibbāpetā. Yañhi mayaṃ, bhante, nāsakkhimhā daṇḍenapi satthenapi dametuṃ so bhagavatā adaṇḍena asattheneva 11 danto. Handa ca dāni 12 mayaṃ, bhante, gacchāma; bahukiccā mayaṃ bahukaraṇīyā’’ti. ‘‘Yassadāni, mahārāja, kālaṃ maññasī’’ti. Atha kho rājā pasenadi kosalo uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi.
อถ โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ อทฺทสา โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล สาวตฺถิยํ สปทานํ ปิณฺฑาย จรมาโน อญฺญตรํ อิตฺถิํ มูฬฺหคพฺภํ วิฆาตคพฺภํ 13ฯ ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘กิลิสฺสนฺติ วต, โภ, สตฺตา; กิลิสฺสนฺติ วต, โภ, สตฺตา’’ติ! อถ โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธาหํ, ภเนฺต, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถิํ ปิณฺฑาย ปาวิสิํฯ อทฺทสํ โข อหํ, ภเนฺต, สาวตฺถิยํ สปทานํ ปิณฺฑาย จรมาโน อญฺญตรํ อิตฺถิํ มูฬฺหคพฺภํ วิฆาตคพฺภํ’’ฯ ทิสฺวาน มยฺหํ เอตทโหสิ – ‘‘กิลิสฺสนฺติ วต , โภ, สตฺตา; กิลิสฺสนฺติ วต, โภ, สตฺตา’’ติ!
Atha kho āyasmā aṅgulimālo pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya sāvatthiyaṃ piṇḍāya pāvisi. Addasā kho āyasmā aṅgulimālo sāvatthiyaṃ sapadānaṃ piṇḍāya caramāno aññataraṃ itthiṃ mūḷhagabbhaṃ vighātagabbhaṃ 14. Disvānassa etadahosi – ‘‘kilissanti vata, bho, sattā; kilissanti vata, bho, sattā’’ti! Atha kho āyasmā aṅgulimālo sāvatthiyaṃ piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā aṅgulimālo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘idhāhaṃ, bhante, pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya sāvatthiṃ piṇḍāya pāvisiṃ. Addasaṃ kho ahaṃ, bhante, sāvatthiyaṃ sapadānaṃ piṇḍāya caramāno aññataraṃ itthiṃ mūḷhagabbhaṃ vighātagabbhaṃ’’. Disvāna mayhaṃ etadahosi – ‘‘kilissanti vata , bho, sattā; kilissanti vata, bho, sattā’’ti!
‘‘เตน หิ ตฺวํ, องฺคุลิมาล, เยน สา อิตฺถี เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ อิตฺถิํ เอวํ วเทหิ – ‘ยโตหํ, ภคินิ, ชาโต 15 นาภิชานามิ สญฺจิจฺจ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปตา, เตน สเจฺจน โสตฺถิ เต โหตุ, โสตฺถิ คพฺภสฺสา’’’ติฯ
‘‘Tena hi tvaṃ, aṅgulimāla, yena sā itthī tenupasaṅkama; upasaṅkamitvā taṃ itthiṃ evaṃ vadehi – ‘yatohaṃ, bhagini, jāto 16 nābhijānāmi sañcicca pāṇaṃ jīvitā voropetā, tena saccena sotthi te hotu, sotthi gabbhassā’’’ti.
‘‘โส หิ นูน เม, ภเนฺต, สมฺปชานมุสาวาโท ภวิสฺสติฯ มยา หิ, ภเนฺต, พหู สญฺจิจฺจ ปาณา ชีวิตา โวโรปิตา’’ติฯ ‘‘เตน หิ ตฺวํ, องฺคุลิมาล, เยน สา อิตฺถี เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ อิตฺถิํ เอวํ วเทหิ – ‘ยโตหํ, ภคินิ, อริยาย ชาติยา ชาโต, นาภิชานามิ สญฺจิจฺจ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปตา, เตน สเจฺจน โสตฺถิ เต โหตุ, โสตฺถิ คพฺภสฺสา’’’ติฯ
‘‘So hi nūna me, bhante, sampajānamusāvādo bhavissati. Mayā hi, bhante, bahū sañcicca pāṇā jīvitā voropitā’’ti. ‘‘Tena hi tvaṃ, aṅgulimāla, yena sā itthī tenupasaṅkama; upasaṅkamitvā taṃ itthiṃ evaṃ vadehi – ‘yatohaṃ, bhagini, ariyāya jātiyā jāto, nābhijānāmi sañcicca pāṇaṃ jīvitā voropetā, tena saccena sotthi te hotu, sotthi gabbhassā’’’ti.
‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา เยน สา อิตฺถี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ อิตฺถิํ เอตทโวจ – ‘‘ยโตหํ, ภคินิ, อริยาย ชาติยา ชาโต, นาภิชานามิ สญฺจิจฺจ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปตา, เตน สเจฺจน โสตฺถิ เต โหตุ, โสตฺถิ คพฺภสฺสา’’ติฯ อถ ขฺวาสฺสา อิตฺถิยา โสตฺถิ อโหสิ, โสตฺถิ คพฺภสฺสฯ
‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā aṅgulimālo bhagavato paṭissutvā yena sā itthī tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā taṃ itthiṃ etadavoca – ‘‘yatohaṃ, bhagini, ariyāya jātiyā jāto, nābhijānāmi sañcicca pāṇaṃ jīvitā voropetā, tena saccena sotthi te hotu, sotthi gabbhassā’’ti. Atha khvāssā itthiyā sotthi ahosi, sotthi gabbhassa.
อถ โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล เอโก วูปกโฎฺฐ อปฺปมโตฺต อาตาปี ปหิตโตฺต วิหรโนฺต นจิรเสฺสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิฯ ‘ขีณา ชาติ วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภญฺญาสิฯ อญฺญตโร โข ปนายสฺมา องฺคุลิมาโล อรหตํ อโหสิฯ
Atha kho āyasmā aṅgulimālo eko vūpakaṭṭho appamatto ātāpī pahitatto viharanto nacirasseva – yassatthāya kulaputtā sammadeva agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti tadanuttaraṃ – brahmacariyapariyosānaṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihāsi. ‘Khīṇā jāti vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’ti abbhaññāsi. Aññataro kho panāyasmā aṅgulimālo arahataṃ ahosi.
๓๕๒. อถ โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถิํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ เตน โข ปน สมเยน อเญฺญนปิ เลฑฺฑุ ขิโตฺต อายสฺมโต องฺคุลิมาลสฺส กาเย นิปตติ, อเญฺญนปิ ทโณฺฑ ขิโตฺต อายสฺมโต องฺคุลิมาลสฺส กาเย นิปตติ, อเญฺญนปิ สกฺขรา ขิตฺตา อายสฺมโต องฺคุลิมาลสฺส กาเย นิปตติฯ อถ โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล ภิเนฺนน สีเสน, โลหิเตน คฬเนฺตน, ภิเนฺนน ปเตฺตน, วิปฺผาลิตาย สงฺฆาฎิยา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิฯ อทฺทสา โข ภควา อายสฺมนฺตํ องฺคุลิมาลํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํฯ ทิสฺวาน อายสฺมนฺตํ องฺคุลิมาลํ เอตทโวจ – ‘‘อธิวาเสหิ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, อธิวาเสหิ ตฺวํ, พฺราหฺมณฯ ยสฺส โข ตฺวํ, พฺราหฺมณ, กมฺมสฺส วิปาเกน พหูนิ วสฺสานิ พหูนิ วสฺสสตานิ พหูนิ วสฺสสหสฺสานิ นิรเย ปเจฺจยฺยาสิ ตสฺส ตฺวํ, พฺราหฺมณ, กมฺมสฺส วิปากํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม ปฎิสํเวเทสี’’ติฯ อถ โข อายสฺมา องฺคุลิมาโล รโหคโต ปฎิสลฺลีโน วิมุตฺติสุขํ ปฎิสํเวทิ; ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
352. Atha kho āyasmā aṅgulimālo pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya sāvatthiṃ piṇḍāya pāvisi. Tena kho pana samayena aññenapi leḍḍu khitto āyasmato aṅgulimālassa kāye nipatati, aññenapi daṇḍo khitto āyasmato aṅgulimālassa kāye nipatati, aññenapi sakkharā khittā āyasmato aṅgulimālassa kāye nipatati. Atha kho āyasmā aṅgulimālo bhinnena sīsena, lohitena gaḷantena, bhinnena pattena, vipphālitāya saṅghāṭiyā yena bhagavā tenupasaṅkami. Addasā kho bhagavā āyasmantaṃ aṅgulimālaṃ dūratova āgacchantaṃ. Disvāna āyasmantaṃ aṅgulimālaṃ etadavoca – ‘‘adhivāsehi tvaṃ, brāhmaṇa, adhivāsehi tvaṃ, brāhmaṇa. Yassa kho tvaṃ, brāhmaṇa, kammassa vipākena bahūni vassāni bahūni vassasatāni bahūni vassasahassāni niraye pacceyyāsi tassa tvaṃ, brāhmaṇa, kammassa vipākaṃ diṭṭheva dhamme paṭisaṃvedesī’’ti. Atha kho āyasmā aṅgulimālo rahogato paṭisallīno vimuttisukhaṃ paṭisaṃvedi; tāyaṃ velāyaṃ imaṃ udānaṃ udānesi –
‘‘โย ปุเพฺพว 17 ปมชฺชิตฺวา, ปจฺฉา โส นปฺปมชฺชติ;
‘‘Yo pubbeva 18 pamajjitvā, pacchā so nappamajjati;
โสมํ โลกํ ปภาเสติ, อพฺภา มุโตฺตว จนฺทิมาฯ
Somaṃ lokaṃ pabhāseti, abbhā muttova candimā.
‘‘โย หเว ทหโร ภิกฺขุ, ยุญฺชติ พุทฺธสาสเน;
‘‘Yo have daharo bhikkhu, yuñjati buddhasāsane;
โสมํ โลกํ ปภาเสติ, อพฺภา มุโตฺตว จนฺทิมาฯ
Somaṃ lokaṃ pabhāseti, abbhā muttova candimā.
‘‘ทิสา หิ เม ธมฺมกถํ สุณนฺตุ,
‘‘Disā hi me dhammakathaṃ suṇantu,
ทิสา หิ เม ยุญฺชนฺตุ พุทฺธสาสเน;
Disā hi me yuñjantu buddhasāsane;
ทิสา หิ เม เต มนุชา ภชนฺตุ,
Disā hi me te manujā bhajantu,
เย ธมฺมเมวาทปยนฺติ สโนฺตฯ
Ye dhammamevādapayanti santo.
‘‘ทิสา หิ เม ขนฺติวาทานํ, อวิโรธปฺปสํสีนํ;
‘‘Disā hi me khantivādānaṃ, avirodhappasaṃsīnaṃ;
สุณนฺตุ ธมฺมํ กาเลน, ตญฺจ อนุวิธียนฺตุฯ
Suṇantu dhammaṃ kālena, tañca anuvidhīyantu.
‘‘น หิ ชาตุ โส มมํ หิํเส, อญฺญํ วา ปน กิญฺจิ นํ 23;
‘‘Na hi jātu so mamaṃ hiṃse, aññaṃ vā pana kiñci naṃ 24;
ปปฺปุยฺย ปรมํ สนฺติํ, รเกฺขยฺย ตสถาวเรฯ
Pappuyya paramaṃ santiṃ, rakkheyya tasathāvare.
‘‘อุทกญฺหิ นยนฺติ เนตฺติกา, อุสุการา นมยนฺติ 25 เตชนํ;
‘‘Udakañhi nayanti nettikā, usukārā namayanti 26 tejanaṃ;
ทารุํ นมยนฺติ ตจฺฉกา, อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตาฯ
Dāruṃ namayanti tacchakā, attānaṃ damayanti paṇḍitā.
‘‘ทเณฺฑเนเก ทมยนฺติ, องฺกุเสหิ กสาหิ จ;
‘‘Daṇḍeneke damayanti, aṅkusehi kasāhi ca;
อทเณฺฑน อสเตฺถน, อหํ ทโนฺตมฺหิ ตาทินาฯ
Adaṇḍena asatthena, ahaṃ dantomhi tādinā.
‘‘อหิํสโกติ เม นามํ, หิํสกสฺส ปุเร สโต;
‘‘Ahiṃsakoti me nāmaṃ, hiṃsakassa pure sato;
‘‘โจโร อหํ ปุเร อาสิํ, องฺคุลิมาโลติ วิสฺสุโต;
‘‘Coro ahaṃ pure āsiṃ, aṅgulimāloti vissuto;
วุยฺหมาโน มโหเฆน, พุทฺธํ สรณมาคมํฯ
Vuyhamāno mahoghena, buddhaṃ saraṇamāgamaṃ.
‘‘โลหิตปาณิ ปุเร อาสิํ, องฺคุลิมาโลติ วิสฺสุโต;
‘‘Lohitapāṇi pure āsiṃ, aṅgulimāloti vissuto;
สรณคมนํ ปสฺส, ภวเนตฺติ สมูหตาฯ
Saraṇagamanaṃ passa, bhavanetti samūhatā.
‘‘ตาทิสํ กมฺมํ กตฺวาน, พหุํ ทุคฺคติคามินํ;
‘‘Tādisaṃ kammaṃ katvāna, bahuṃ duggatigāminaṃ;
ผุโฎฺฐ กมฺมวิปาเกน, อณโณ ภุญฺชามิ โภชนํฯ
Phuṭṭho kammavipākena, aṇaṇo bhuñjāmi bhojanaṃ.
‘‘ปมาทมนุยุญฺชนฺติ, พาลา ทุเมฺมธิโน ชนา;
‘‘Pamādamanuyuñjanti, bālā dummedhino janā;
อปฺปมาทญฺจ เมธาวี, ธนํ เสฎฺฐํว รกฺขติฯ
Appamādañca medhāvī, dhanaṃ seṭṭhaṃva rakkhati.
‘‘มา ปมาทมนุยุเญฺชถ, มา กามรติ สนฺถวํ;
‘‘Mā pamādamanuyuñjetha, mā kāmarati santhavaṃ;
‘‘สฺวาคตํ นาปคตํ, นยิทํ ทุมฺมนฺติตํ มม;
‘‘Svāgataṃ nāpagataṃ, nayidaṃ dummantitaṃ mama;
ติโสฺส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺตฺนฺตฺติฯ
Tisso vijjā anuppattā, kataṃ buddhassa sāsana’’ntntti.
องฺคุลิมาลสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ฉฎฺฐํฯ
Aṅgulimālasuttaṃ niṭṭhitaṃ chaṭṭhaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๖. องฺคุลิมาลสุตฺตวณฺณนา • 6. Aṅgulimālasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๖. องฺคุลิมาลสุตฺตวณฺณนา • 6. Aṅgulimālasuttavaṇṇanā