Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā)

    ๗. อาณิสุตฺตวณฺณนา

    7. Āṇisuttavaṇṇanā

    ๒๒๙. สตฺตเม ทสารหานนฺติ เอวํนามกานํ ขตฺติยานํฯ เต กิร สตโต ทสภาคํ คณฺหิํสุ, ตสฺมา ‘‘ทสารหา’’ติ ปญฺญายิํสุฯ อานโกติ เอวํลทฺธนาโม มุทิโงฺคฯ หิมวเนฺต กิร มหากุฬีรทโห อโหสิฯ ตตฺถ มหโนฺต กุฬีโร โอติโณฺณติณฺณํ หตฺถิํ ขาทติฯ อถ หตฺถี อุปทฺทุตา เอกํ กเรณุํ สกฺกริํสุ ‘‘อิมิสฺสา ปุตฺตํ นิสฺสาย อมฺหากํ โสตฺถิ ภวิสฺสตี’’ติฯ สาปิ มเหสกฺขํ ปุตฺตํ วิชายิฯ เต ตมฺปิ สกฺกริํสุฯ โส วุทฺธิปฺปโตฺต มาตรํ ปุจฺฉิ, ‘‘กสฺมา มํ เอเต สกฺกโรนฺตี’’ติ? สา ตํ ปวตฺติมาจิกฺขิฯ โส ‘‘กิํ มยฺหํ กุฬีโร ปโหติ? เอถ คจฺฉามา’’ติ มหาหตฺถิปริวาโร ตตฺถ คนฺตฺวา ปฐมเมว โอตริฯ กุฬีโร อุทกสเทฺทเนว อาคนฺตฺวา ตํ อคฺคเหสิฯ มหโนฺต กุฬีรสฺส อโฬ, โส ตํ อิโต วา เอโตฺต วา จาเลตุํ อสโกฺกโนฺต มุเข โสณฺฑํ ปกฺขิปิตฺวา วิรวิฯ หตฺถิโน ‘‘ยํนิสฺสาย มยํ ‘โสตฺถิ ภวิสฺสตี’ติ อมญฺญิมฺหา, โส ปฐมตรํ คหิโต’’ติ ตโต ตโต ปลายิํสุฯ

    229. Sattame dasārahānanti evaṃnāmakānaṃ khattiyānaṃ. Te kira satato dasabhāgaṃ gaṇhiṃsu, tasmā ‘‘dasārahā’’ti paññāyiṃsu. Ānakoti evaṃladdhanāmo mudiṅgo. Himavante kira mahākuḷīradaho ahosi. Tattha mahanto kuḷīro otiṇṇotiṇṇaṃ hatthiṃ khādati. Atha hatthī upaddutā ekaṃ kareṇuṃ sakkariṃsu ‘‘imissā puttaṃ nissāya amhākaṃ sotthi bhavissatī’’ti. Sāpi mahesakkhaṃ puttaṃ vijāyi. Te tampi sakkariṃsu. So vuddhippatto mātaraṃ pucchi, ‘‘kasmā maṃ ete sakkarontī’’ti? Sā taṃ pavattimācikkhi. So ‘‘kiṃ mayhaṃ kuḷīro pahoti? Etha gacchāmā’’ti mahāhatthiparivāro tattha gantvā paṭhamameva otari. Kuḷīro udakasaddeneva āgantvā taṃ aggahesi. Mahanto kuḷīrassa aḷo, so taṃ ito vā etto vā cāletuṃ asakkonto mukhe soṇḍaṃ pakkhipitvā viravi. Hatthino ‘‘yaṃnissāya mayaṃ ‘sotthi bhavissatī’ti amaññimhā, so paṭhamataraṃ gahito’’ti tato tato palāyiṃsu.

    อถสฺส มาตา อวิทูเร ฐตฺวา ‘‘มยํ ถลนาคา, ตุเมฺห อุทกนาคา นาม, นาเคหิ นาโค น วิเหเฐตโพฺพ’’ติ กุฬีรํ ปิยวจเนน วตฺวา อิมํ คาถมาห –

    Athassa mātā avidūre ṭhatvā ‘‘mayaṃ thalanāgā, tumhe udakanāgā nāma, nāgehi nāgo na viheṭhetabbo’’ti kuḷīraṃ piyavacanena vatvā imaṃ gāthamāha –

    ‘‘เย กุฬีรา สมุทฺทสฺมิํ, คงฺคาย ยมุนาย จ;

    ‘‘Ye kuḷīrā samuddasmiṃ, gaṅgāya yamunāya ca;

    เตสํ ตฺวํ วาริโช เสโฎฺฐ, มุญฺจ โรทนฺติยา ปช’’นฺติฯ

    Tesaṃ tvaṃ vārijo seṭṭho, muñca rodantiyā paja’’nti.

    มาตุคามสโทฺท นาม ปุริเส โขเภตฺวา ติฎฺฐติ, ตสฺมา โส คหณํ สิถิลมกาสิฯ หตฺถิโปโต เวเคน อุโภ ปาเท อุกฺขิปิตฺวา ตํ ปิฎฺฐิยํ อกฺกมิฯ สห อกฺกมนา ปิฎฺฐิ มตฺติกภาชนํ วิย ภิชฺชิฯ อถ นํ ทเนฺตหิ วิชฺฌิตฺวา อุกฺขิปิตฺวา ถเล ฉเฑฺฑตฺวา ตุฎฺฐรวํ รวิฯ อถ นํ หตฺถี อิโต จิโต จ อาคนฺตฺวา มทฺทิํสุฯ ตสฺส เอโก อโฬ ปฎิกฺกมิตฺวา ปติ, ตํ สโกฺก เทวราชา คเหตฺวา คโตฯ

    Mātugāmasaddo nāma purise khobhetvā tiṭṭhati, tasmā so gahaṇaṃ sithilamakāsi. Hatthipoto vegena ubho pāde ukkhipitvā taṃ piṭṭhiyaṃ akkami. Saha akkamanā piṭṭhi mattikabhājanaṃ viya bhijji. Atha naṃ dantehi vijjhitvā ukkhipitvā thale chaḍḍetvā tuṭṭharavaṃ ravi. Atha naṃ hatthī ito cito ca āgantvā maddiṃsu. Tassa eko aḷo paṭikkamitvā pati, taṃ sakko devarājā gahetvā gato.

    อิตโร ปน อโฬ วาตาตเปน สุกฺขิตฺวา ปกฺกลาขารสวโณฺณ อโหสิ, โส เทเว วุเฎฺฐ อุทโกเฆน วุยฺหโนฺต ทสภาติกานํ ราชูนํ อุปริโสเต ชาลํ ปสาราเปตฺวา คงฺคาย กีฬนฺตานํ อาคนฺตฺวา ชาเล ลคฺคิฯ เต กีฬาปริโยสาเน ชาลมฺหิ อุกฺขิปิยมาเน ตํ ทิสฺวา ปุจฺฉิํสุ ‘‘กิํ เอต’’นฺติ? ‘‘กุฬีรอโฬ สามี’’ติฯ ‘‘น สกฺกา เอส อาภรณตฺถาย อุปเนตุํ, ปริโยนนฺธาเปตฺวา เภริํ กริสฺสามา’’ติ? ปริโยนนฺธาเปตฺวา ปหริํสุฯ สโทฺท ทฺวาทสโยชนํ นครํ อวตฺถริฯ ตโต อาหํสุ – ‘‘น สกฺกา อิทํ ทิวเส ทิวเส วาเทตุํ, ฉณทิวสตฺถาย มงฺคลเภรี โหตู’’ติ มงฺคลเภริํ อกํสุฯ ตสฺมิํ วาทิเต มหาชโน อนฺหายิตฺวา อปิฬนฺธิตฺวา หตฺถิยานาทีนิ อารุยฺห สีฆํ สนฺนิปตนฺติฯ อิติ มหาชนํ ปโกฺกสิตฺวา วิย อาเนตีติ อานโก เตฺววสฺส นามํ อโหสิฯ

    Itaro pana aḷo vātātapena sukkhitvā pakkalākhārasavaṇṇo ahosi, so deve vuṭṭhe udakoghena vuyhanto dasabhātikānaṃ rājūnaṃ uparisote jālaṃ pasārāpetvā gaṅgāya kīḷantānaṃ āgantvā jāle laggi. Te kīḷāpariyosāne jālamhi ukkhipiyamāne taṃ disvā pucchiṃsu ‘‘kiṃ eta’’nti? ‘‘Kuḷīraaḷo sāmī’’ti. ‘‘Na sakkā esa ābharaṇatthāya upanetuṃ, pariyonandhāpetvā bheriṃ karissāmā’’ti? Pariyonandhāpetvā pahariṃsu. Saddo dvādasayojanaṃ nagaraṃ avatthari. Tato āhaṃsu – ‘‘na sakkā idaṃ divase divase vādetuṃ, chaṇadivasatthāya maṅgalabherī hotū’’ti maṅgalabheriṃ akaṃsu. Tasmiṃ vādite mahājano anhāyitvā apiḷandhitvā hatthiyānādīni āruyha sīghaṃ sannipatanti. Iti mahājanaṃ pakkositvā viya ānetīti ānako tvevassa nāmaṃ ahosi.

    อญฺญํ อาณิํ โอทหิํสูติ อญฺญํ สุวณฺณรชตาทิมยํ อาณิํ ฆฎยิํสุฯ อาณิสงฺฆาโฎว อวสิสฺสีติ สุวณฺณาทิมยานํ อาณีนํ สงฺฆาฎมตฺตเมว อวเสสํ อโหสิฯ อถสฺส ทฺวาทสโยชนปฺปมาโณ สโทฺท อโนฺตสาลายมฺปิ ทุเกฺขน สุยฺยิตฺถฯ

    Aññaṃāṇiṃ odahiṃsūti aññaṃ suvaṇṇarajatādimayaṃ āṇiṃ ghaṭayiṃsu. Āṇisaṅghāṭova avasissīti suvaṇṇādimayānaṃ āṇīnaṃ saṅghāṭamattameva avasesaṃ ahosi. Athassa dvādasayojanappamāṇo saddo antosālāyampi dukkhena suyyittha.

    คมฺภีราติ ปาฬิวเสน คมฺภีรา สลฺลสุตฺตสทิสาฯ คมฺภีรตฺถาติ อตฺถวเสน คมฺภีรา มหาเวทลฺลสุตฺตสทิสา (ม. นิ. ๑.๔๔๙ อาทโย)ฯ โลกุตฺตราติ โลกุตฺตรอตฺถทีปกาฯ สุญฺญตปฺปฎิสํยุตฺตาติ สตฺตสุญฺญตธมฺมมตฺตเมว ปกาสกา สํขิตฺตสํยุตฺตสทิสาฯ อุคฺคเหตพฺพํ ปริยาปุณิตพฺพนฺติ อุคฺคเหตเพฺพ จ ปริยาปุณิตเพฺพ จฯ กวิกตาติ กวีหิ กตาฯ อิตรํ ตเสฺสว เววจนํฯ จิตฺตกฺขราติ วิจิตฺรอกฺขราฯ อิตรํ ตเสฺสว เววจนํฯ พาหิรกาติ สาสนโต พหิภูตาฯ สาวกภาสิตาติ เตสํ เตสํ สาวเกหิ ภาสิตาฯ สุสฺสูสิสฺสนฺตีติ อกฺขรจิตฺตตาย เจว สวนสมฺปตฺติยา จ อตฺตมนา หุตฺวา สามเณรทหรภิกฺขุมาตุคามมหาคหปติกาทโย ‘‘เอส ธมฺมกถิโก’’ติ สนฺนิปติตฺวา โสตุกามา ภวิสฺสนฺติฯ ตสฺมาติ ยสฺมา ตถาคตภาสิตา สุตฺตนฺตา อนุคฺคยฺหมานา อนฺตรธายนฺติ, ตสฺมาฯ สตฺตมํฯ

    Gambhīrāti pāḷivasena gambhīrā sallasuttasadisā. Gambhīratthāti atthavasena gambhīrā mahāvedallasuttasadisā (ma. ni. 1.449 ādayo). Lokuttarāti lokuttaraatthadīpakā. Suññatappaṭisaṃyuttāti sattasuññatadhammamattameva pakāsakā saṃkhittasaṃyuttasadisā. Uggahetabbaṃ pariyāpuṇitabbanti uggahetabbe ca pariyāpuṇitabbe ca. Kavikatāti kavīhi katā. Itaraṃ tasseva vevacanaṃ. Cittakkharāti vicitraakkharā. Itaraṃ tasseva vevacanaṃ. Bāhirakāti sāsanato bahibhūtā. Sāvakabhāsitāti tesaṃ tesaṃ sāvakehi bhāsitā. Sussūsissantīti akkharacittatāya ceva savanasampattiyā ca attamanā hutvā sāmaṇeradaharabhikkhumātugāmamahāgahapatikādayo ‘‘esa dhammakathiko’’ti sannipatitvā sotukāmā bhavissanti. Tasmāti yasmā tathāgatabhāsitā suttantā anuggayhamānā antaradhāyanti, tasmā. Sattamaṃ.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๗. อาณิสุตฺตํ • 7. Āṇisuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๗. อาณิสุตฺตวณฺณนา • 7. Āṇisuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact