Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เทฺวมาติกาปาฬิ • Dvemātikāpāḷi |
อนิยตกโณฺฑ
Aniyatakaṇḍo
๑. ปฐมานิยตสิกฺขาปทวณฺณนา
1. Paṭhamāniyatasikkhāpadavaṇṇanā
อนิยตุเทฺทเส อิเม โข ปนาติอาทิ วุตฺตนยเมวฯ มาตุคาเมนาติ ตทหุชาตายปิ ชีวมานกมนุสฺสิตฺถิยาฯ เอโก เอกายาติ เอโก ภิกฺขุ มาตุคามสงฺขาตาย เอกาย อิตฺถิยา สทฺธิํฯ รโหติ จกฺขุสฺส รโหฯ กิญฺจาปิ ปาฬิยํ (ปารา. ๔๔๕) โสตสฺส รโห อาคโต, จกฺขุเสฺสว ปน รโห ‘‘รโห’’ติ อิธ อธิเปฺปโตฯ สเจปิ หิ ปิหิตกวาฎสฺส คพฺภสฺส ทฺวาเร นิสิโนฺน วิญฺญู ปุริโส โหติ, เนว อนาปตฺติํ กโรติฯ ยตฺถ ปน สกฺกา ทฎฺฐุํ, ตาทิเส อโนฺตทฺวาทสหเตฺถปิ โอกาเส นิสิโนฺน สจกฺขุโก วิกฺขิตฺตจิโตฺตปิ นิทฺทายโนฺตปิ อนาปตฺติํ กโรติ, สมีเป ฐิโตปิ อโนฺธ น กโรติ, จกฺขุมาปิ นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายโนฺตปิ น กโรติ, อิตฺถีนํ ปน สตมฺปิ น กโรติเยว, เตน วุตฺตํ ‘‘รโหติ จกฺขุสฺส รโห’’ติฯ ปฎิจฺฉเนฺน อาสเนติ กุฎฺฎาทีหิ ปฎิจฺฉโนฺนกาเสฯ อลํกมฺมนิเยติ กมฺมกฺขมํ กมฺมโยคฺคนฺติ กมฺมนิยํ, อลํ ปริยตฺตํ กมฺมนิยภาวายาติ อลํกมฺมนิยํ, ตสฺมิํ อลํกมฺมนิเยฯ ยตฺถ อชฺฌาจารํ กโรนฺตา สโกฺกนฺติ ตํ กมฺมํ กาตุํ, ตาทิเสติ อโตฺถฯ นิสชฺชํ กเปฺปยฺยาติ นิสชฺชํ กเรยฺย, นิสีเทยฺยาติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ สยนมฺปิ นิสชฺชาย เอว สงฺคหิตํฯ สเทฺธยฺยวจสาติ สทฺธาตพฺพวจนา, อริยสาวิกาติ อโตฺถฯ นิสชฺชํ ภิกฺขุ ปฎิชานมาโนติ กิญฺจาปิ เอวรูปา อุปาสิกา ทิสฺวา วทติ, อถ โข ภิกฺขุ นิสชฺชํ ปฎิชานมาโนว ติณฺณํ ธมฺมานํ อญฺญตเรน กาเรตโพฺพ, น อปฺปฎิชานมาโนติ อโตฺถฯ เยน วา สาติ นิสชฺชาทีสุ อากาเรสุ เยน วา อากาเรน สทฺธิํ เมถุนาทีนิ อาโรเปตฺวา สา อุปาสิกา วเทยฺย, ปฎิชานมาโนว เตน โส ภิกฺขุ กาเรตโพฺพ, เอวรูปายปิ หิ อุปาสิกาย วจนมเตฺตน อากาเรน น กาเรตโพฺพติ อโตฺถฯ กสฺมา? ยสฺมา ทิฎฺฐํ นาม ตถาปิ โหติ, อญฺญถาปีติฯ อยํ ธโมฺม อนิยโตติ ติณฺณํ อาปตฺตีนํ ยํ อาปตฺติํ วา วตฺถุํ วา ปฎิชานาติ, ตสฺส วเสน กาเรตพฺพตาย อนิยโตฯ
Aniyatuddese ime kho panātiādi vuttanayameva. Mātugāmenāti tadahujātāyapi jīvamānakamanussitthiyā. Eko ekāyāti eko bhikkhu mātugāmasaṅkhātāya ekāya itthiyā saddhiṃ. Rahoti cakkhussa raho. Kiñcāpi pāḷiyaṃ (pārā. 445) sotassa raho āgato, cakkhusseva pana raho ‘‘raho’’ti idha adhippeto. Sacepi hi pihitakavāṭassa gabbhassa dvāre nisinno viññū puriso hoti, neva anāpattiṃ karoti. Yattha pana sakkā daṭṭhuṃ, tādise antodvādasahatthepi okāse nisinno sacakkhuko vikkhittacittopi niddāyantopi anāpattiṃ karoti, samīpe ṭhitopi andho na karoti, cakkhumāpi nipajjitvā niddāyantopi na karoti, itthīnaṃ pana satampi na karotiyeva, tena vuttaṃ ‘‘rahoti cakkhussa raho’’ti. Paṭicchanne āsaneti kuṭṭādīhi paṭicchannokāse. Alaṃkammaniyeti kammakkhamaṃ kammayogganti kammaniyaṃ, alaṃ pariyattaṃ kammaniyabhāvāyāti alaṃkammaniyaṃ, tasmiṃ alaṃkammaniye. Yattha ajjhācāraṃ karontā sakkonti taṃ kammaṃ kātuṃ, tādiseti attho. Nisajjaṃ kappeyyāti nisajjaṃ kareyya, nisīdeyyāti attho. Ettha ca sayanampi nisajjāya eva saṅgahitaṃ. Saddheyyavacasāti saddhātabbavacanā, ariyasāvikāti attho. Nisajjaṃ bhikkhu paṭijānamānoti kiñcāpi evarūpā upāsikā disvā vadati, atha kho bhikkhu nisajjaṃ paṭijānamānova tiṇṇaṃ dhammānaṃ aññatarena kāretabbo, na appaṭijānamānoti attho. Yena vā sāti nisajjādīsu ākāresu yena vā ākārena saddhiṃ methunādīni āropetvā sā upāsikā vadeyya, paṭijānamānova tena so bhikkhu kāretabbo, evarūpāyapi hi upāsikāya vacanamattena ākārena na kāretabboti attho. Kasmā? Yasmā diṭṭhaṃ nāma tathāpi hoti, aññathāpīti. Ayaṃ dhammo aniyatoti tiṇṇaṃ āpattīnaṃ yaṃ āpattiṃ vā vatthuṃ vā paṭijānāti, tassa vasena kāretabbatāya aniyato.
สาวตฺถิยํ อุทายิเตฺถรํ อารพฺภ มาตุคาเมน สทฺธิํ วุตฺตปฺปกาเร อาสเน นิสชฺชกปฺปนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, อสาธารณปญฺญตฺติ, อนาณตฺติกํ, เมถุนธมฺมสนฺนิสฺสิตกิเลสสงฺขาเตน รหสฺสาเทน มาตุคามสฺส สนฺติกํ คนฺตุกามตาย อกฺขิอญฺชนาทิโต ปฎฺฐาย สพฺพปโยเคสุ ทุกฺกฎํฯ คนฺตฺวา ตสฺมิํ วา นิสิเนฺน อิตฺถี นิสีทตุ, ตสฺสา วา นิสินฺนาย โส นิสีทตุ, อปจฺฉา อปุริมํเยว อุโภ วา นิสีทนฺตุ, อุภินฺนํ นิสชฺชาย ปาจิตฺติยํฯ สเจ ปน กายสํสคฺคํ วา เมถุนํ วา สมาปชฺชติ, เตสํ วเสน กาเรตโพฺพฯ นิปชฺชเนปิ เอเสว นโยฯ วุตฺตปฺปกาเร ปุริเส นิปชฺชิตฺวา อนิทฺทายเนฺต อนเนฺธ วิญฺญุปุริเส อุปจารคเต สติ, ฐิตสฺส, อรโหเปกฺขสฺส, อญฺญวิหิตสฺส จ นิสชฺชนปจฺจยา อนาปตฺติฯ อุมฺมตฺตกาทีนํ ปน ตีหิปิ อาปตฺตีหิ อนาปตฺติฯ สิยา สีลวิปตฺติ, สิยา อาจารวิปตฺติฯ ยํ ปน อาปตฺติํ ปฎิชานาติ, ตสฺสา วเสน องฺคเภโท ญาตโพฺพฯ สมุฎฺฐานาทีนิ ปฐมปาราชิกสทิสาเนวาติฯ
Sāvatthiyaṃ udāyittheraṃ ārabbha mātugāmena saddhiṃ vuttappakāre āsane nisajjakappanavatthusmiṃ paññattaṃ, asādhāraṇapaññatti, anāṇattikaṃ, methunadhammasannissitakilesasaṅkhātena rahassādena mātugāmassa santikaṃ gantukāmatāya akkhiañjanādito paṭṭhāya sabbapayogesu dukkaṭaṃ. Gantvā tasmiṃ vā nisinne itthī nisīdatu, tassā vā nisinnāya so nisīdatu, apacchā apurimaṃyeva ubho vā nisīdantu, ubhinnaṃ nisajjāya pācittiyaṃ. Sace pana kāyasaṃsaggaṃ vā methunaṃ vā samāpajjati, tesaṃ vasena kāretabbo. Nipajjanepi eseva nayo. Vuttappakāre purise nipajjitvā aniddāyante anandhe viññupurise upacāragate sati, ṭhitassa, arahopekkhassa, aññavihitassa ca nisajjanapaccayā anāpatti. Ummattakādīnaṃ pana tīhipi āpattīhi anāpatti. Siyā sīlavipatti, siyā ācāravipatti. Yaṃ pana āpattiṃ paṭijānāti, tassā vasena aṅgabhedo ñātabbo. Samuṭṭhānādīni paṭhamapārājikasadisānevāti.
ปฐมานิยตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭhamāniyatasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๒. ทุติยานิยตสิกฺขาปทวณฺณนา
2. Dutiyāniyatasikkhāpadavaṇṇanā
ทุติเย อิตฺถีปิ ปุริโสปิ โย โกจิ วิญฺญู อนโนฺธ อพธิโร อโนฺตทฺวาทสหเตฺถ โอกาเส ฐิโต วา นิสิโนฺน วา วิกฺขิโตฺตปิ นิทฺทายโนฺตปิ อนาปตฺติํ กโรติฯ พธิโร ปน จกฺขุมาปิ, อโนฺธ วา อพธิโรปิ น กโรติฯ ปาราชิกาปตฺติญฺจ ปริหาเปตฺวา ทุฎฺฐุลฺลวาจาปตฺติ วุตฺตาติ อยํ วิเสโสฯ เสสํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํฯ สมุฎฺฐานาทีนิ ปเนตฺถ อทินฺนาทานสทิสาเนวาติฯ
Dutiye itthīpi purisopi yo koci viññū anandho abadhiro antodvādasahatthe okāse ṭhito vā nisinno vā vikkhittopi niddāyantopi anāpattiṃ karoti. Badhiro pana cakkhumāpi, andho vā abadhiropi na karoti. Pārājikāpattiñca parihāpetvā duṭṭhullavācāpatti vuttāti ayaṃ viseso. Sesaṃ purimanayeneva veditabbaṃ. Samuṭṭhānādīni panettha adinnādānasadisānevāti.
ทุติยานิยตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dutiyāniyatasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
อุทฺทิฎฺฐา โขติอาทิ สพฺพตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ
Uddiṭṭhā khotiādi sabbattha vuttanayeneva veditabbaṃ.
กงฺขาวิตรณิยา ปาติโมกฺขวณฺณนาย
Kaṅkhāvitaraṇiyā pātimokkhavaṇṇanāya
อนิยตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Aniyatavaṇṇanā niṭṭhitā.