Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เปตวตฺถุปาฬิ • Petavatthupāḷi |
๙. องฺกุรเปตวตฺถุ
9. Aṅkurapetavatthu
๒๕๗.
257.
‘‘ยสฺส อตฺถาย คจฺฉาม, กโมฺพชํ ธนหารกา;
‘‘Yassa atthāya gacchāma, kambojaṃ dhanahārakā;
อยํ กามทโท ยโกฺข, อิมํ ยกฺขํ นยามเสฯ
Ayaṃ kāmadado yakkho, imaṃ yakkhaṃ nayāmase.
๒๕๘.
258.
‘‘อิมํ ยกฺขํ คเหตฺวาน, สาธุเกน ปสยฺห วา;
‘‘Imaṃ yakkhaṃ gahetvāna, sādhukena pasayha vā;
ยานํ อาโรปยิตฺวาน, ขิปฺปํ คจฺฉาม ทฺวารก’’นฺติฯ
Yānaṃ āropayitvāna, khippaṃ gacchāma dvāraka’’nti.
๒๕๙.
259.
น ตสฺส สาขํ ภเญฺชยฺย, มิตฺตทุโพฺภ หิ ปาปโก’’ติฯ
Na tassa sākhaṃ bhañjeyya, mittadubbho hi pāpako’’ti.
๒๖๐.
260.
‘‘ยสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย, นิสีเทยฺย สเยยฺย วา;
‘‘Yassa rukkhassa chāyāya, nisīdeyya sayeyya vā;
ขนฺธมฺปิ ตสฺส ฉิเนฺทยฺย, อโตฺถ เจ ตาทิโส สิยา’’ติฯ
Khandhampi tassa chindeyya, attho ce tādiso siyā’’ti.
๒๖๑.
261.
‘‘ยสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย, นิสีเทยฺย สเยยฺย วา;
‘‘Yassa rukkhassa chāyāya, nisīdeyya sayeyya vā;
น ตสฺส ปตฺตํ ภิเนฺทยฺย 3, มิตฺตทุโพฺภ หิ ปาปโก’’ติฯ
Na tassa pattaṃ bhindeyya 4, mittadubbho hi pāpako’’ti.
๒๖๒.
262.
‘‘ยสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย, นิสีเทยฺย สเยยฺย วา;
‘‘Yassa rukkhassa chāyāya, nisīdeyya sayeyya vā;
๒๖๓.
263.
‘‘ยเสฺสกรตฺติมฺปิ ฆเร วเสยฺย, ยตฺถนฺนปานํ ปุริโส ลเภถ;
‘‘Yassekarattimpi ghare vaseyya, yatthannapānaṃ puriso labhetha;
น ตสฺส ปาปํ มนสาปิ จินฺตเย, กตญฺญุตา สปฺปุริเสหิ วณฺณิตาฯ
Na tassa pāpaṃ manasāpi cintaye, kataññutā sappurisehi vaṇṇitā.
๒๖๔.
264.
‘‘ยเสฺสกรตฺติมฺปิ ฆเร วเสยฺย, อเนฺนน ปาเนน อุปฎฺฐิโต สิยา;
‘‘Yassekarattimpi ghare vaseyya, annena pānena upaṭṭhito siyā;
น ตสฺส ปาปํ มนสาปิ จินฺตเย, อทุพฺภปาณี ทหเต มิตฺตทุพฺภิํฯ
Na tassa pāpaṃ manasāpi cintaye, adubbhapāṇī dahate mittadubbhiṃ.
๒๖๕.
265.
‘‘โย ปุเพฺพ กตกลฺยาโณ, ปจฺฉา ปาเปน หิํสติ;
‘‘Yo pubbe katakalyāṇo, pacchā pāpena hiṃsati;
๒๖๖.
266.
‘‘นาหํ เทเวน วา มนุเสฺสน วา, อิสฺสริเยน วาหํ สุปฺปสโยฺห;
‘‘Nāhaṃ devena vā manussena vā, issariyena vāhaṃ suppasayho;
ยโกฺขหมสฺมิ ปรมิทฺธิปโตฺต, ทูรงฺคโม วณฺณพลูปปโนฺน’’ติฯ
Yakkhohamasmi paramiddhipatto, dūraṅgamo vaṇṇabalūpapanno’’ti.
๒๖๗.
267.
‘‘ปาณิ เต สพฺพโส วโณฺณ, ปญฺจธาโร มธุสฺสโว;
‘‘Pāṇi te sabbaso vaṇṇo, pañcadhāro madhussavo;
นานารสา ปคฺฆรนฺติ, มเญฺญหํ ตํ ปุรินฺทท’’นฺติฯ
Nānārasā paggharanti, maññehaṃ taṃ purindada’’nti.
๒๖๘.
268.
‘‘นามฺหิ เทโว น คนฺธโพฺพ, นาปิ สโกฺก ปุรินฺทโท;
‘‘Nāmhi devo na gandhabbo, nāpi sakko purindado;
เปตํ มํ องฺกุร ชานาหิ, โรรุวมฺหา 9 อิธาคต’’นฺติฯ
Petaṃ maṃ aṅkura jānāhi, roruvamhā 10 idhāgata’’nti.
๒๖๙.
269.
‘‘กิํสีโล กิํสมาจาโร, โรรุวสฺมิํ ปุเร ตุวํ;
‘‘Kiṃsīlo kiṃsamācāro, roruvasmiṃ pure tuvaṃ;
เกน เต พฺรหฺมจริเยน, ปุญฺญํ ปาณิมฺหิ อิชฺฌตี’’ติฯ
Kena te brahmacariyena, puññaṃ pāṇimhi ijjhatī’’ti.
๒๗๐.
270.
‘‘ตุนฺนวาโย ปุเร อาสิํ, โรรุวสฺมิํ ตทา อหํ;
‘‘Tunnavāyo pure āsiṃ, roruvasmiṃ tadā ahaṃ;
สุกิจฺฉวุตฺติ กปโณ, น เม วิชฺชติ ทาตเวฯ
Sukicchavutti kapaṇo, na me vijjati dātave.
๒๗๑.
271.
สทฺธสฺส ทานปติโน, กตปุญฺญสฺส ลชฺชิโนฯ
Saddhassa dānapatino, katapuññassa lajjino.
๒๗๒.
272.
‘‘ตตฺถ ยาจนกา ยนฺติ, นานาโคตฺตา วนิพฺพกา;
‘‘Tattha yācanakā yanti, nānāgottā vanibbakā;
เต จ มํ ตตฺถ ปุจฺฉนฺติ, อสยฺหสฺส นิเวสนํฯ
Te ca maṃ tattha pucchanti, asayhassa nivesanaṃ.
๒๗๓.
273.
‘‘กตฺถ คจฺฉาม ภทฺทํ โว, กตฺถ ทานํ ปทียติ;
‘‘Kattha gacchāma bhaddaṃ vo, kattha dānaṃ padīyati;
เตสาหํ ปุโฎฺฐ อกฺขามิ, อสยฺหสฺส นิเวสนํฯ
Tesāhaṃ puṭṭho akkhāmi, asayhassa nivesanaṃ.
๒๗๔.
274.
‘‘ปคฺคยฺห ทกฺขิณํ พาหุํ, เอตฺถ คจฺฉถ ภทฺทํ โว;
‘‘Paggayha dakkhiṇaṃ bāhuṃ, ettha gacchatha bhaddaṃ vo;
เอตฺถ ทานํ ปทียติ, อสยฺหสฺส นิเวสเนฯ
Ettha dānaṃ padīyati, asayhassa nivesane.
๒๗๕.
275.
‘‘เตน ปาณิ กามทโท, เตน ปาณิ มธุสฺสโว;
‘‘Tena pāṇi kāmadado, tena pāṇi madhussavo;
เตน เม พฺรหฺมจริเยน, ปุญฺญํ ปาณิมฺหิ อิชฺฌตี’’ติฯ
Tena me brahmacariyena, puññaṃ pāṇimhi ijjhatī’’ti.
๒๗๖.
276.
‘‘น กิร ตฺวํ อทา ทานํ, สกปาณีหิ กสฺสจิ;
‘‘Na kira tvaṃ adā dānaṃ, sakapāṇīhi kassaci;
ปรสฺส ทานํ อนุโมทมาโน, ปาณิํ ปคฺคยฺห ปาวทิฯ
Parassa dānaṃ anumodamāno, pāṇiṃ paggayha pāvadi.
๒๗๗.
277.
‘‘เตน ปาณิ กามทโท, เตน ปาณิ มธุสฺสโว;
‘‘Tena pāṇi kāmadado, tena pāṇi madhussavo;
เตน เต พฺรหฺมจริเยน, ปุญฺญํ ปาณิมฺหิ อิชฺฌติฯ
Tena te brahmacariyena, puññaṃ pāṇimhi ijjhati.
๒๗๘.
278.
‘‘โย โส ทานมทา ภเนฺต, ปสโนฺน สกปาณิภิ;
‘‘Yo so dānamadā bhante, pasanno sakapāṇibhi;
โส หิตฺวา มานุสํ เทหํ, กิํ นุ โส ทิสตํ คโต’’ติฯ
So hitvā mānusaṃ dehaṃ, kiṃ nu so disataṃ gato’’ti.
๒๗๙.
279.
‘‘นาหํ ปชานามิ อสยฺหสาหิโน, องฺคีรสสฺส คติํ อาคติํ วา;
‘‘Nāhaṃ pajānāmi asayhasāhino, aṅgīrasassa gatiṃ āgatiṃ vā;
สุตญฺจ เม เวสฺสวณสฺส สนฺติเก, สกฺกสฺส สหพฺยตํ คโต อสโยฺห’’ติฯ
Sutañca me vessavaṇassa santike, sakkassa sahabyataṃ gato asayho’’ti.
๒๘๐.
280.
‘‘อลเมว กาตุํ กลฺยาณํ, ทานํ ทาตุํ ยถารหํ;
‘‘Alameva kātuṃ kalyāṇaṃ, dānaṃ dātuṃ yathārahaṃ;
ปาณิํ กามททํ ทิสฺวา, โก ปุญฺญํ น กริสฺสติฯ
Pāṇiṃ kāmadadaṃ disvā, ko puññaṃ na karissati.
๒๘๑.
281.
‘‘โส หิ นูน อิโต คนฺตฺวา, อนุปฺปตฺวาน ทฺวารกํ;
‘‘So hi nūna ito gantvā, anuppatvāna dvārakaṃ;
ทานํ ปฎฺฐปยิสฺสามิ, ยํ มมสฺส สุขาวหํฯ
Dānaṃ paṭṭhapayissāmi, yaṃ mamassa sukhāvahaṃ.
๒๘๒.
282.
‘‘ทสฺสามนฺนญฺจ ปานญฺจ, วตฺถเสนาสนานิ จ;
‘‘Dassāmannañca pānañca, vatthasenāsanāni ca;
ปปญฺจ อุทปานญฺจ, ทุเคฺค สงฺกมนานิ จา’’ติฯ
Papañca udapānañca, dugge saṅkamanāni cā’’ti.
๒๘๓.
283.
อกฺขีนิ จ ปคฺฆรนฺติ, กิํ ปาปํ ปกตํ ตยา’’ติฯ
Akkhīni ca paggharanti, kiṃ pāpaṃ pakataṃ tayā’’ti.
๒๘๔.
284.
‘‘องฺคีรสสฺส คหปติโน, สทฺธสฺส ฆรเมสิโน;
‘‘Aṅgīrasassa gahapatino, saddhassa gharamesino;
ตสฺสาหํ ทานวิสฺสเคฺค, ทาเน อธิกโต อหุํฯ
Tassāhaṃ dānavissagge, dāne adhikato ahuṃ.
๒๘๕.
285.
‘‘ตตฺถ ยาจนเก ทิสฺวา, อาคเต โภชนตฺถิเก;
‘‘Tattha yācanake disvā, āgate bhojanatthike;
เอกมนฺตํ อปกฺกมฺม, อกาสิํ กุณลิํ มุขํฯ
Ekamantaṃ apakkamma, akāsiṃ kuṇaliṃ mukhaṃ.
๒๘๖.
286.
‘‘เตน เม องฺคุลี กุณา, มุขญฺจ กุณลีกตํ;
‘‘Tena me aṅgulī kuṇā, mukhañca kuṇalīkataṃ;
อกฺขีนิ เม ปคฺฆรนฺติ, ตํ ปาปํ ปกตํ มยา’’ติฯ
Akkhīni me paggharanti, taṃ pāpaṃ pakataṃ mayā’’ti.
๒๘๗.
287.
‘‘ธเมฺมน เต กาปุริส, มุขญฺจ กุณลีกตํ;
‘‘Dhammena te kāpurisa, mukhañca kuṇalīkataṃ;
อกฺขีนิ จ ปคฺฆรนฺติ, ยํ ตํ ปรสฺส ทานสฺส;
Akkhīni ca paggharanti, yaṃ taṃ parassa dānassa;
อกาสิ กุณลิํ มุขํฯ
Akāsi kuṇaliṃ mukhaṃ.
๒๘๘.
288.
‘‘กถํ หิ ทานํ ททมาโน, กเรยฺย ปรปตฺติยํ;
‘‘Kathaṃ hi dānaṃ dadamāno, kareyya parapattiyaṃ;
อนฺนํ ปานํ ขาทนียํ, วตฺถเสนาสนานิ จฯ
Annaṃ pānaṃ khādanīyaṃ, vatthasenāsanāni ca.
๒๘๙.
289.
‘‘โส หิ นูน อิโต คนฺตฺวา, อนุปฺปตฺวาน ทฺวารกํ;
‘‘So hi nūna ito gantvā, anuppatvāna dvārakaṃ;
ทานํ ปฎฺฐปยิสฺสามิ, ยํ มมสฺส สุขาวหํฯ
Dānaṃ paṭṭhapayissāmi, yaṃ mamassa sukhāvahaṃ.
๒๙๐.
290.
‘‘ทสฺสามนฺนญฺจ ปานญฺจ, วตฺถเสนาสนานิ จ;
‘‘Dassāmannañca pānañca, vatthasenāsanāni ca;
ปปญฺจ อุทปานญฺจ, ทุเคฺค สงฺกมนานิ จา’’ติฯ
Papañca udapānañca, dugge saṅkamanāni cā’’ti.
๒๙๑.
291.
ตโต หิ โส นิวตฺติตฺวา, อนุปฺปตฺวาน ทฺวารกํ;
Tato hi so nivattitvā, anuppatvāna dvārakaṃ;
๒๙๒.
292.
อทา อนฺนญฺจ ปานญฺจ, วตฺถเสนาสนานิ จ;
Adā annañca pānañca, vatthasenāsanāni ca;
ปปญฺจ อุทปานญฺจ, วิปฺปสเนฺนน เจตสาฯ
Papañca udapānañca, vippasannena cetasā.
๒๙๓.
293.
‘‘โก ฉาโต โก จ ตสิโต, โก วตฺถํ ปริทหิสฺสติ;
‘‘Ko chāto ko ca tasito, ko vatthaṃ paridahissati;
กสฺส สนฺตานิ โยคฺคานิ, อิโต โยเชนฺตุ วาหนํฯ
Kassa santāni yoggāni, ito yojentu vāhanaṃ.
๒๙๔.
294.
‘‘โก ฉตฺติจฺฉติ คนฺธญฺจ, โก มาลํ โก อุปาหนํ;
‘‘Ko chatticchati gandhañca, ko mālaṃ ko upāhanaṃ;
สทา สายญฺจ ปาโต จ, องฺกุรสฺส นิเวสเนฯ
Sadā sāyañca pāto ca, aṅkurassa nivesane.
๒๙๕.
295.
‘‘‘สุขํ สุปติ องฺกุโร’, อิติ ชานาติ มํ ชโน;
‘‘‘Sukhaṃ supati aṅkuro’, iti jānāti maṃ jano;
๒๙๖.
296.
‘‘‘สุขํ สุปติ องฺกุโร’, อิติ ชานาติ มํ ชโน;
‘‘‘Sukhaṃ supati aṅkuro’, iti jānāti maṃ jano;
ทุกฺขํ สินฺธก สุปามิ, อปฺปเก สุ วนิพฺพเก’’ติฯ
Dukkhaṃ sindhaka supāmi, appake su vanibbake’’ti.
๒๙๗.
297.
‘‘สโกฺก เจ เต วรํ ทชฺชา, ตาวติํสานมิสฺสโร;
‘‘Sakko ce te varaṃ dajjā, tāvatiṃsānamissaro;
กิสฺส สพฺพสฺส โลกสฺส, วรมาโน วรํ วเร’’ติฯ
Kissa sabbassa lokassa, varamāno varaṃ vare’’ti.
๒๙๘.
298.
‘‘สโกฺก เจ เม วรํ ทชฺชา, ตาวติํสานมิสฺสโร;
‘‘Sakko ce me varaṃ dajjā, tāvatiṃsānamissaro;
กาลุฎฺฐิตสฺส เม สโต, สุริยุคฺคมนํ ปติ;
Kāluṭṭhitassa me sato, suriyuggamanaṃ pati;
ทิพฺพา ภกฺขา ปาตุภเวยฺยุํ, สีลวโนฺต จ ยาจกาฯ
Dibbā bhakkhā pātubhaveyyuṃ, sīlavanto ca yācakā.
๒๙๙.
299.
‘‘ททโต เม น ขีเยถ, ทตฺวา นานุตเปยฺยหํ;
‘‘Dadato me na khīyetha, datvā nānutapeyyahaṃ;
ททํ จิตฺตํ ปสาเทยฺยํ, เอตํ สกฺกํ วรํ วเร’’ติฯ
Dadaṃ cittaṃ pasādeyyaṃ, etaṃ sakkaṃ varaṃ vare’’ti.
๓๐๐.
300.
‘‘น สพฺพวิตฺตานิ ปเร ปเวเจฺฉ, ทเทยฺย ทานญฺจ ธนญฺจ รเกฺข;
‘‘Na sabbavittāni pare pavecche, dadeyya dānañca dhanañca rakkhe;
ตสฺมา หิ ทานา ธนเมว เสโยฺย, อติปฺปทาเนน กุลา น โหนฺติฯ
Tasmā hi dānā dhanameva seyyo, atippadānena kulā na honti.
๓๐๑.
301.
‘‘อทานมติทานญฺจ, นปฺปสํสนฺติ ปณฺฑิตา;
‘‘Adānamatidānañca, nappasaṃsanti paṇḍitā;
ตสฺมา หิ ทานา ธนเมว เสโยฺย, สเมน วเตฺตยฺย ส ธีรธโมฺม’’ติฯ
Tasmā hi dānā dhanameva seyyo, samena vatteyya sa dhīradhammo’’ti.
๓๐๒.
302.
‘‘อโห วต เร อหเมว ทชฺชํ, สโนฺต จ มํ สปฺปุริสา ภเชยฺยุํ;
‘‘Aho vata re ahameva dajjaṃ, santo ca maṃ sappurisā bhajeyyuṃ;
เมโฆว นินฺนานิ ปริปูรยโนฺต 23, สนฺตปฺปเย สพฺพวนิพฺพกานํฯ
Meghova ninnāni paripūrayanto 24, santappaye sabbavanibbakānaṃ.
๓๐๓.
303.
‘‘ยสฺส ยาจนเก ทิสฺวา, มุขวโณฺณ ปสีทติ;
‘‘Yassa yācanake disvā, mukhavaṇṇo pasīdati;
ทตฺวา อตฺตมโน โหติ, ตํ ฆรํ วสโต สุขํฯ
Datvā attamano hoti, taṃ gharaṃ vasato sukhaṃ.
๓๐๔.
304.
‘‘ยสฺส ยาจนเก ทิสฺวา, มุขวโณฺณ ปสีทติ;
‘‘Yassa yācanake disvā, mukhavaṇṇo pasīdati;
๓๐๕.
305.
๓๐๖.
306.
สฎฺฐิ วาหสหสฺสานิ, องฺกุรสฺส นิเวสเน;
Saṭṭhi vāhasahassāni, aṅkurassa nivesane;
โภชนํ ทียเต นิจฺจํ, ปุญฺญเปกฺขสฺส ชนฺตุโนฯ
Bhojanaṃ dīyate niccaṃ, puññapekkhassa jantuno.
๓๐๗.
307.
๓๐๘.
308.
สฎฺฐิ ปุริสสหสฺสานิ, อามุตฺตมณิกุณฺฑลา;
Saṭṭhi purisasahassāni, āmuttamaṇikuṇḍalā;
องฺกุรสฺส มหาทาเน, กฎฺฐํ ผาเลนฺติ มาณวาฯ
Aṅkurassa mahādāne, kaṭṭhaṃ phālenti māṇavā.
๓๐๙.
309.
โสฬสิตฺถิสหสฺสานิ, สพฺพาลงฺการภูสิตา;
Soḷasitthisahassāni, sabbālaṅkārabhūsitā;
องฺกุรสฺส มหาทาเน, วิธา ปิเณฺฑนฺติ นาริโยฯ
Aṅkurassa mahādāne, vidhā piṇḍenti nāriyo.
๓๑๐.
310.
โสฬสิตฺถิสหสฺสานิ, สพฺพาลงฺการภูสิตา;
Soḷasitthisahassāni, sabbālaṅkārabhūsitā;
องฺกุรสฺส มหาทาเน, ทพฺพิคาหา อุปฎฺฐิตาฯ
Aṅkurassa mahādāne, dabbigāhā upaṭṭhitā.
๓๑๑.
311.
พหุํ พหูนํ ปาทาสิ, จิรํ ปาทาสิ ขตฺติโย;
Bahuṃ bahūnaṃ pādāsi, ciraṃ pādāsi khattiyo;
สกฺกจฺจญฺจ สหตฺถา จ, จิตฺตีกตฺวา ปุนปฺปุนํฯ
Sakkaccañca sahatthā ca, cittīkatvā punappunaṃ.
๓๑๒.
312.
พหู มาเส จ ปเกฺข จ, อุตุสํวจฺฉรานิ จ;
Bahū māse ca pakkhe ca, utusaṃvaccharāni ca;
มหาทานํ ปวเตฺตสิ, องฺกุโร ทีฆมนฺตรํฯ
Mahādānaṃ pavattesi, aṅkuro dīghamantaraṃ.
๓๑๓.
313.
เอวํ ทตฺวา ยชิตฺวา จ, องฺกุโร ทีฆมนฺตรํ;
Evaṃ datvā yajitvā ca, aṅkuro dīghamantaraṃ;
โส หิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวติํสูปโค อหุฯ
So hitvā mānusaṃ dehaṃ, tāvatiṃsūpago ahu.
๓๑๔.
314.
กฎจฺฉุภิกฺขํ ทตฺวาน, อนุรุทฺธสฺส อินฺทโก;
Kaṭacchubhikkhaṃ datvāna, anuruddhassa indako;
โส หิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวติํสูปโค อหุฯ
So hitvā mānusaṃ dehaṃ, tāvatiṃsūpago ahu.
๓๑๕.
315.
ทสหิ ฐาเนหิ องฺกุรํ, อินฺทโก อติโรจติ;
Dasahi ṭhānehi aṅkuraṃ, indako atirocati;
รูเป สเทฺท รเส คเนฺธ, โผฎฺฐเพฺพ จ มโนรเมฯ
Rūpe sadde rase gandhe, phoṭṭhabbe ca manorame.
๓๑๖.
316.
อายุนา ยสสา เจว, วเณฺณน จ สุเขน จ;
Āyunā yasasā ceva, vaṇṇena ca sukhena ca;
อาธิปเจฺจน องฺกุรํ, อินฺทโก อติโรจติฯ
Ādhipaccena aṅkuraṃ, indako atirocati.
๓๑๗.
317.
ตาวติํเส ยทา พุโทฺธ, สิลายํ ปณฺฑุกมฺพเล;
Tāvatiṃse yadā buddho, silāyaṃ paṇḍukambale;
ปาริจฺฉตฺตกมูลมฺหิ, วิหาสิ ปุริสุตฺตโมฯ
Pāricchattakamūlamhi, vihāsi purisuttamo.
๓๑๘.
318.
ทสสุ โลกธาตูสุ, สนฺนิปติตฺวาน เทวตา;
Dasasu lokadhātūsu, sannipatitvāna devatā;
ปยิรุปาสนฺติ สมฺพุทฺธํ, วสนฺตํ นคมุทฺธนิฯ
Payirupāsanti sambuddhaṃ, vasantaṃ nagamuddhani.
๓๑๙.
319.
น โกจิ เทโว วเณฺณน, สมฺพุทฺธํ อติโรจติ;
Na koci devo vaṇṇena, sambuddhaṃ atirocati;
๓๒๐.
320.
โยชนานิ ทส เทฺว จ, องฺกุโรยํ ตทา อหุ;
Yojanāni dasa dve ca, aṅkuroyaṃ tadā ahu;
๓๒๑.
321.
โอโลเกตฺวาน สมฺพุโทฺธ, องฺกุรญฺจาปิ อินฺทกํ;
Oloketvāna sambuddho, aṅkurañcāpi indakaṃ;
๓๒๒.
322.
‘‘มหาทานํ ตยา ทินฺนํ, องฺกุร ทีฆมนฺตรํ;
‘‘Mahādānaṃ tayā dinnaṃ, aṅkura dīghamantaraṃ;
๓๒๓.
323.
โจทิโต ภาวิตเตฺตน, องฺกุโร อิทมพฺรวิ;
Codito bhāvitattena, aṅkuro idamabravi;
‘‘กิํ มยฺหํ เตน ทาเนน, ทกฺขิเณเยฺยน สุญฺญตํฯ
‘‘Kiṃ mayhaṃ tena dānena, dakkhiṇeyyena suññataṃ.
๓๒๔.
324.
‘‘อยํ โส อินฺทโก ยโกฺข, ทชฺชา ทานํ ปริตฺตกํ;
‘‘Ayaṃ so indako yakkho, dajjā dānaṃ parittakaṃ;
อติโรจติ อเมฺหหิ, จโนฺท ตารคเณ ยถา’’ติฯ
Atirocati amhehi, cando tāragaṇe yathā’’ti.
๓๒๕.
325.
‘‘อุชฺชงฺคเล ยถา เขเตฺต, พีชํ พหุมฺปิ โรปิตํ;
‘‘Ujjaṅgale yathā khette, bījaṃ bahumpi ropitaṃ;
น วิปุลผลํ โหติ, นปิ โตเสติ กสฺสกํฯ
Na vipulaphalaṃ hoti, napi toseti kassakaṃ.
๓๒๖.
326.
‘‘ตเถว ทานํ พหุกํ, ทุสฺสีเลสุ ปติฎฺฐิตํ;
‘‘Tatheva dānaṃ bahukaṃ, dussīlesu patiṭṭhitaṃ;
น วิปุลผลํ โหติ, นปิ โตเสติ ทายกํฯ
Na vipulaphalaṃ hoti, napi toseti dāyakaṃ.
๓๒๗.
327.
‘‘ยถาปิ ภทฺทเก เขเตฺต, พีชํ อปฺปมฺปิ โรปิตํ;
‘‘Yathāpi bhaddake khette, bījaṃ appampi ropitaṃ;
สมฺมา ธารํ ปเวจฺฉเนฺต, ผลํ โตเสติ กสฺสกํฯ
Sammā dhāraṃ pavecchante, phalaṃ toseti kassakaṃ.
๓๒๘.
328.
‘‘ตเถว สีลวเนฺตสุ, คุณวเนฺตสุ ตาทิสุ;
‘‘Tatheva sīlavantesu, guṇavantesu tādisu;
อปฺปกมฺปิ กตํ การํ, ปุญฺญํ โหติ มหปฺผล’’นฺติฯ
Appakampi kataṃ kāraṃ, puññaṃ hoti mahapphala’’nti.
๓๒๙.
329.
วิเจยฺย ทานํ ทาตพฺพํ, ยตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํ;
Viceyya dānaṃ dātabbaṃ, yattha dinnaṃ mahapphalaṃ;
วิเจยฺย ทานํ ทตฺวาน, สคฺคํ คจฺฉนฺติ ทายกาฯ
Viceyya dānaṃ datvāna, saggaṃ gacchanti dāyakā.
๓๓๐.
330.
วิเจยฺย ทานํ สุคตปฺปสตฺถํ, เย ทกฺขิเณยฺยา อิธ ชีวโลเก;
Viceyya dānaṃ sugatappasatthaṃ, ye dakkhiṇeyyā idha jīvaloke;
เอเตสุ ทินฺนานิ มหปฺผลานิ, พีชานิ วุตฺตานิ ยถา สุเขเตฺตติฯ
Etesu dinnāni mahapphalāni, bījāni vuttāni yathā sukhetteti.
องฺกุรเปตวตฺถุ นวมํฯ
Aṅkurapetavatthu navamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / เปตวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Petavatthu-aṭṭhakathā / ๙. องฺกุรเปตวตฺถุวณฺณนา • 9. Aṅkurapetavatthuvaṇṇanā