Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-อภินว-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-abhinava-ṭīkā

    ๙. อญฺญภาคิยสิกฺขาปทวณฺณนา

    9. Aññabhāgiyasikkhāpadavaṇṇanā

    อญฺญภาคสฺสาติ อญฺญโกฎฺฐาสสฺส, ยํ โจเทตุกาโม, ตสฺส ชาติอาทิโต อญฺญสฺส ติรจฺฉานชาติอาทิโกฎฺฐาสสฺสาติ วุตฺตํ โหติฯ อิทนฺติ นปุํสกนิเทฺทเสน ฉคลกาทิํ นิทฺทิสติ, อยํ ฉคลกาทิโกติ อโตฺถ, อธิกรณสทฺทาเปกฺขาย วา นปุํสกนิเทฺทโส, อิทํ ฉคลกาทิสงฺขาตํ อธิกรณนฺติ วุตฺตํ โหติฯ อญฺญภาโค วาติ ติรจฺฉานชาติอาทิเภโท อโญฺญ โกฎฺฐาโส วาฯ อสฺสาติ ฉคลกาทิกสฺส ฯ อญฺญภาคิยํ ฉคลกาทิฯ เอตฺถ จ ‘‘อญฺญภาคสมฺพนฺธิ อญฺญภาคิย’’นฺติ ปฐมวิคฺคหสฺส อโตฺถ, ‘‘อญฺญภาควนฺตํ อญฺญภาคิย’’นฺติ ทุติยวิคฺคหสฺสฯ ฐเปตฺวา ปน ติรจฺฉานชาติอาทิกํ ปรมตฺถโต วิสุํ ฉคลกาทิเก อสติปิ ‘‘ปฎิมาย สรีร’’นฺติอาทีสุ วิย อเภเทปิ เภทกปฺปนาย ปวตฺตโลกโวหารวเสน ‘‘อญฺญภาคสฺส อิทํ, อญฺญภาโค วา อสฺส อตฺถี’’ติ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อธิกรียติ เอตฺถาติ อธิกรณํฯ เตนาห ‘‘อาธาโร เวทิตโพฺพ’’ติฯ อาธรียติ อสฺมินฺติ อาธาโร, ปติฎฺฐานํฯ เตนาห ‘‘วตฺถุ อธิฎฺฐานนฺติ วุตฺตํ โหตี’’ติฯ

    Aññabhāgassāti aññakoṭṭhāsassa, yaṃ codetukāmo, tassa jātiādito aññassa tiracchānajātiādikoṭṭhāsassāti vuttaṃ hoti. Idanti napuṃsakaniddesena chagalakādiṃ niddisati, ayaṃ chagalakādikoti attho, adhikaraṇasaddāpekkhāya vā napuṃsakaniddeso, idaṃ chagalakādisaṅkhātaṃ adhikaraṇanti vuttaṃ hoti. Aññabhāgo vāti tiracchānajātiādibhedo añño koṭṭhāso vā. Assāti chagalakādikassa . Aññabhāgiyaṃ chagalakādi. Ettha ca ‘‘aññabhāgasambandhi aññabhāgiya’’nti paṭhamaviggahassa attho, ‘‘aññabhāgavantaṃ aññabhāgiya’’nti dutiyaviggahassa. Ṭhapetvā pana tiracchānajātiādikaṃ paramatthato visuṃ chagalakādike asatipi ‘‘paṭimāya sarīra’’ntiādīsu viya abhedepi bhedakappanāya pavattalokavohāravasena ‘‘aññabhāgassa idaṃ, aññabhāgo vā assa atthī’’ti vuttanti daṭṭhabbaṃ. Adhikarīyati etthāti adhikaraṇaṃ. Tenāha ‘‘ādhāro veditabbo’’ti. Ādharīyati asminti ādhāro, patiṭṭhānaṃ. Tenāha ‘‘vatthu adhiṭṭhānanti vuttaṃ hotī’’ti.

    อิทานิ ‘‘อญฺญภาคสฺส อิท’’นฺติอาทินา สเงฺขเปน วุตฺตเมวตฺถํ เกวลํ นยทสฺสนตฺถํ อฎฺฐุปฺปตฺติยํ อาคตเมว คเหตฺวา วิภชโนฺต ‘‘โย หิ โส’’ติอาทิมาหฯ เตน นนุ อนาคเต เอวํ โจเทนฺตานํ ปาปภิกฺขูนํ เลโสกาสปิทหนตฺถํ อิทํ สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ, น ปน เมตฺติยภูมชกานํฯ เตสญฺหิ อาทิกมฺมิกตฺตา อนาปตฺติ, ตสฺมา สามเญฺญน อโตฺถ วิภชิตโพฺพฯ น ปน ‘‘โย หิ โส อฎฺฐุปฺปตฺติยํ ทโพฺพ มลฺลปุโตฺต’’ติอาทินา วิเสเสนาติ เอทิสี โจทนา อนวกาสาติ ทฎฺฐพฺพํฯ หีติ การณเตฺถ นิปาโต, ยสฺมาติ วุตฺตํ โหติฯ อฎฺฐุปฺปตฺติยนฺติ อตฺถสฺส อุปฺปตฺติ อตฺถุปฺปตฺติ, อตฺถุปฺปตฺติเยว อฎฺฐุปฺปตฺติ, ตสฺสํ อฎฺฐุปฺปตฺติยํ, สิกฺขาปทสฺส นิทาเนติ วุตฺตํ โหติฯ ฉคลโกติ เสตฉคลโกฯ โสติ ฉคลโกฯ อิมสฺส ปน ‘‘โหตี’’ติ อิมินา สมฺพโนฺธฯ อญฺญสฺส…เป.… ฉคลกภาวสฺส จาติ ‘‘ติรจฺฉานชาติยา เจว ฉคลกภาวสฺส จา’’ติ สงฺขาตสฺส อญฺญสฺส ภาคสฺส โกฎฺฐาสสฺส, ปกฺขสฺสาติ อโตฺถฯ

    Idāni ‘‘aññabhāgassa ida’’ntiādinā saṅkhepena vuttamevatthaṃ kevalaṃ nayadassanatthaṃ aṭṭhuppattiyaṃ āgatameva gahetvā vibhajanto ‘‘yo hi so’’tiādimāha. Tena nanu anāgate evaṃ codentānaṃ pāpabhikkhūnaṃ lesokāsapidahanatthaṃ idaṃ sikkhāpadaṃ paññattaṃ, na pana mettiyabhūmajakānaṃ. Tesañhi ādikammikattā anāpatti, tasmā sāmaññena attho vibhajitabbo. Na pana ‘‘yo hi so aṭṭhuppattiyaṃ dabbo mallaputto’’tiādinā visesenāti edisī codanā anavakāsāti daṭṭhabbaṃ. ti kāraṇatthe nipāto, yasmāti vuttaṃ hoti. Aṭṭhuppattiyanti atthassa uppatti atthuppatti, atthuppattiyeva aṭṭhuppatti, tassaṃ aṭṭhuppattiyaṃ, sikkhāpadassa nidāneti vuttaṃ hoti. Chagalakoti setachagalako. Soti chagalako. Imassa pana ‘‘hotī’’ti iminā sambandho. Aññassa…pe… chagalakabhāvassa cāti ‘‘tiracchānajātiyā ceva chagalakabhāvassa cā’’ti saṅkhātassa aññassa bhāgassa koṭṭhāsassa, pakkhassāti attho.

    กุโตยมโญฺญ, ยโต ‘‘อญฺญสฺส ภาคสฺสา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยฺวายํ…เป.… ตโต’’ติฯ ตตฺถ มนุสฺสชาติ เจว ภิกฺขุภาโว จาติ โย อยํ ภาโค โกฎฺฐาโส ปโกฺขติ สมฺพโนฺธ, ‘‘มนุสฺสชาติ เจว ภิกฺขุภาโว จา’’ติ สงฺขาโต โย อยํ ภาโค โกฎฺฐาโส ปโกฺขติ อโตฺถฯ ตโตติ ‘‘มนุสฺสชาติ เจว ภิกฺขุภาโว จา’’ติ ภาคโตฯ โส วา อญฺญภาโคติ ยถาวุตฺตติรจฺฉานชาติฉคลกภาวสงฺขาโต โส อญฺญภาโค วาฯ อสฺสาติ ฉคลกสฺสฯ อตฺถีติ อุปลพฺภติฯ ตสฺมาติ ยสฺมา อญฺญภาคสฺส ฉคลโก โหติ, ยสฺมา จ โส วา อญฺญภาโค อสฺส อตฺถิ, ตสฺมาฯ อญฺญภาคิยสงฺขฺยํ ลภตีติ เอตฺถ ‘‘โส ยฺวาย’’นฺติ อิธ โส-สทฺทเมว อาเนตฺวา โส อญฺญภาคิยสงฺขํ ลภตีติ โยเชตพฺพํ, ‘‘โส’’ติ วา ปาฐเสโส ทฎฺฐโพฺพฯ -สโทฺท สมุจฺจยโตฺถฯ โส ปน อธิกรณสทฺทโต ปรํ ทฎฺฐโพฺพ, ‘‘อธิกรณ’’นฺติ จ เวทิตโพฺพติฯ เตสนฺติ เมตฺติยภูมชกานํฯ อิมํ มยํ ทพฺพํ มลฺลปุตฺตํ นาม กโรมาติ ฉคลกํ อชิกาย วิปฺปฎิปชฺชนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยํ, อาวุโส, อิมํ ฉคลกํ ทพฺพํ มลฺลปุตฺตํ นาม กโรมา’’ติ วทนฺตานํฯ นามกรณสญฺญายาติ นามกรณสงฺขาตาย สญฺญายฯ เอตฺถาปิ ‘‘โย โส’’ติอาทิกํ อาเนตฺวา ตสฺสา นามกรณสญฺญาย โย โส อฎฺฐุปฺปตฺติยํ ‘‘ทโพฺพ มลฺลปุโตฺต นามา’’ติ ฉคลโก วุโตฺต, โส ยสฺมา อาธาโร วตฺถุ อธิฎฺฐานนฺติ โยเชตพฺพํฯ

    Kutoyamañño, yato ‘‘aññassa bhāgassā’’ti vuttanti āha ‘‘yvāyaṃ…pe… tato’’ti. Tattha manussajāti ceva bhikkhubhāvo cāti yo ayaṃ bhāgo koṭṭhāso pakkhoti sambandho, ‘‘manussajāti ceva bhikkhubhāvo cā’’ti saṅkhāto yo ayaṃ bhāgo koṭṭhāso pakkhoti attho. Tatoti ‘‘manussajāti ceva bhikkhubhāvo cā’’ti bhāgato. So vā aññabhāgoti yathāvuttatiracchānajātichagalakabhāvasaṅkhāto so aññabhāgo vā. Assāti chagalakassa. Atthīti upalabbhati. Tasmāti yasmā aññabhāgassa chagalako hoti, yasmā ca so vā aññabhāgo assa atthi, tasmā. Aññabhāgiyasaṅkhyaṃ labhatīti ettha ‘‘so yvāya’’nti idha so-saddameva ānetvā so aññabhāgiyasaṅkhaṃ labhatīti yojetabbaṃ, ‘‘so’’ti vā pāṭhaseso daṭṭhabbo. Ca-saddo samuccayattho. So pana adhikaraṇasaddato paraṃ daṭṭhabbo, ‘‘adhikaraṇa’’nti ca veditabboti. Tesanti mettiyabhūmajakānaṃ. Imaṃ mayaṃ dabbaṃ mallaputtaṃ nāma karomāti chagalakaṃ ajikāya vippaṭipajjantaṃ disvā ‘‘mayaṃ, āvuso, imaṃ chagalakaṃ dabbaṃ mallaputtaṃ nāma karomā’’ti vadantānaṃ. Nāmakaraṇasaññāyāti nāmakaraṇasaṅkhātāya saññāya. Etthāpi ‘‘yo so’’tiādikaṃ ānetvā tassā nāmakaraṇasaññāya yo so aṭṭhuppattiyaṃ ‘‘dabbo mallaputto nāmā’’ti chagalako vutto, so yasmā ādhāro vatthu adhiṭṭhānanti yojetabbaṃ.

    อิทานิ กถเมตํ วิญฺญายติ ‘‘อธิกรณ’’นฺติ เจตฺถ อาธาโร เวทิตโพฺพ, น วิวาทาธิกรณาทีสุ อญฺญตรนฺติ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘ตญฺหิ สนฺธายา’’ติอาทิฯ ตตฺถ นฺติ ตสฺสา นามกรณสญฺญาย อธิฎฺฐานภูตํ ฉคลกํ ปจฺจามสติฯ วิวาทาธิกรณาทีสุ อญฺญตรํ สนฺธาย น วุตฺตนฺติ สมฺพโนฺธฯ ตตฺถ การณํ ปุจฺฉติ ‘‘กสฺมา’’ติฯ การณมาห ‘‘อสมฺภวโต’’ติฯ อิทานิ ตเมว อสมฺภวํ ปากฎํ กตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘น หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ น หิ อุปาทิยิํสูติ สมฺพโนฺธฯ อุปาทิยิํสูติ คณฺหิํสุฯ กิํ จตุนฺนํ อธิกรณานมฺปิ เลโส อตฺถิ, เยเนวํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘น จ จตุนฺนํ อธิกรณาน’’นฺติอาทิฯ อิทานิ ตเมว สมเตฺถตุํ ‘‘ชาติเลสาทโย หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ชาติเยว เลโส ชาติเลโสอาทิสเทฺทน นามเลสาทีนํ คหณํฯ โหติ เจตฺถ –

    Idāni kathametaṃ viññāyati ‘‘adhikaraṇa’’nti cettha ādhāro veditabbo, na vivādādhikaraṇādīsu aññataranti anuyogaṃ sandhāyāha ‘‘tañhi sandhāyā’’tiādi. Tattha tanti tassā nāmakaraṇasaññāya adhiṭṭhānabhūtaṃ chagalakaṃ paccāmasati. Vivādādhikaraṇādīsu aññataraṃ sandhāya na vuttanti sambandho. Tattha kāraṇaṃ pucchati ‘‘kasmā’’ti. Kāraṇamāha ‘‘asambhavato’’ti. Idāni tameva asambhavaṃ pākaṭaṃ katvā dassetuṃ ‘‘na hī’’tiādi vuttaṃ. Na hi upādiyiṃsūti sambandho. Upādiyiṃsūti gaṇhiṃsu. Kiṃ catunnaṃ adhikaraṇānampi leso atthi, yenevaṃ vuttanti āha ‘‘na ca catunnaṃ adhikaraṇāna’’ntiādi. Idāni tameva samatthetuṃ ‘‘jātilesādayo hī’’tiādi vuttaṃ. Tattha jātiyeva leso jātileso. Ādisaddena nāmalesādīnaṃ gahaṇaṃ. Hoti cettha –

    ‘‘เลสา ชาตินามโคตฺต-ลิงฺคาปตฺติวสาปิ จ;

    ‘‘Lesā jātināmagotta-liṅgāpattivasāpi ca;

    ปตฺตจีวรุปชฺฌายา-จริยาวาสวสา ทสา’’ติฯ

    Pattacīvarupajjhāyā-cariyāvāsavasā dasā’’ti.

    อาปตฺติเลโส นาม ลหุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชโนฺต ทิโฎฺฐ โหติฯ ตเญฺจ ปาราชิเกน โจเทติ ‘‘อสฺสมโณสิ, อสกฺยปุตฺติโยสี’’ติ, อาปตฺติ วาจาย วาจาย สงฺฆาทิเสสสฺสาติ (ปารา. ๓๙๖) เอวํ อาปตฺติเลสมฺปิ ปุคฺคลสฺมิํเยว อาโรเปตฺวา วุตฺตตฺตา ‘‘ปุคฺคลานํเยว เลสา วุตฺตา’’ติ วุตฺตํ ฯ ตญฺจ ‘‘ทโพฺพ มลฺลปุโตฺต’’ติ นามนฺติ เมตฺติยภูมชเกหิ ฉคลกสฺส กตํ ตํ ‘‘ทโพฺพ มลฺลปุโตฺต’’ติ นามญฺจฯ เอวํ อสมฺภวํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อิมินาว ปสเงฺคน เทสเลสสทฺทานํ อตฺถํ สํวเณฺณตุํ ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิมาหฯ เอตฺถาติ เอเตสุ ทฺวีสุ เทสเลเสสุฯ เทโส นาม ชาติอาทิเภโท โวหาโรฯ เตนาห ‘‘ชาติอาทีสู’’ติอาทิฯ อญฺญมฺปิ วตฺถุนฺติ ยสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ ปติฎฺฐิตํ, ตํ มุญฺจิตฺวา อญฺญมฺปิ วตฺถุํฯ กถํ สิลิสฺสตีติ อาห ‘‘โวหารมเตฺตเนวา’’ติอาทิ, โวหารมเตฺตเนว, น ตุ อตฺถโตติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘อีสกํ อลฺลียตี’’ติ อิมินา ‘‘เลโส’’ติ ลิส อลฺลีภาเวติ อิมสฺส รูปนฺติ ทเสฺสติฯ กิญฺจาปิ เทสเลสานํ วุตฺตนเยน พฺยญฺชนโต นานากรณํ อตฺถิ, อตฺถโต ปน นตฺถีติ อาห ‘‘ชาติอาทีนํเยว อญฺญตรโกฎฺฐาสเสฺสตํ อธิวจน’’นฺติฯ

    Āpattileso nāma lahukaṃ āpattiṃ āpajjanto diṭṭho hoti. Tañce pārājikena codeti ‘‘assamaṇosi, asakyaputtiyosī’’ti, āpatti vācāya vācāya saṅghādisesassāti (pārā. 396) evaṃ āpattilesampi puggalasmiṃyeva āropetvā vuttattā ‘‘puggalānaṃyeva lesā vuttā’’ti vuttaṃ . Tañca ‘‘dabbo mallaputto’’ti nāmanti mettiyabhūmajakehi chagalakassa kataṃ taṃ ‘‘dabbo mallaputto’’ti nāmañca. Evaṃ asambhavaṃ dassetvā idāni imināva pasaṅgena desalesasaddānaṃ atthaṃ saṃvaṇṇetuṃ ‘‘ettha cā’’tiādimāha. Etthāti etesu dvīsu desalesesu. Deso nāma jātiādibhedo vohāro. Tenāha ‘‘jātiādīsū’’tiādi. Aññampi vatthunti yasmiṃ vatthusmiṃ patiṭṭhitaṃ, taṃ muñcitvā aññampi vatthuṃ. Kathaṃ silissatīti āha ‘‘vohāramattenevā’’tiādi, vohāramatteneva, na tu atthatoti adhippāyo. ‘‘Īsakaṃ allīyatī’’ti iminā ‘‘leso’’ti lisa allībhāveti imassa rūpanti dasseti. Kiñcāpi desalesānaṃ vuttanayena byañjanato nānākaraṇaṃ atthi, atthato pana natthīti āha ‘‘jātiādīnaṃyeva aññatarakoṭṭhāsassetaṃ adhivacana’’nti.

    ยทิ ปน นามกรณสญฺญาย อาธารภูตํ ฉคลกํ สนฺธาย ‘‘อญฺญภาคิยสฺส อธิกรณสฺสา’’ติ วุตฺตํ, อถ กสฺมา ปทภาชเน ตํ อวิภชิตฺวา ‘‘อญฺญภาคิยสฺส อธิกรณสฺสาติ อาปตฺตญฺญภาคิยํ วา โหติ อธิกรณญฺญภาคิยํ วา’’ติอาทิ (ปารา. ๓๙๓) วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ปทภาชเน ปนา’’ติอาทิฯ นฺติ อาธารสงฺขาตํ อธิกรณํฯ อาวิภูตํ ปากฎํฯ อตฺถุทฺธารวเสนาติ เตน วตฺตพฺพอตฺถานํ อุทฺธรณวเสนฯ นนุ จ ‘‘อตฺถมตฺตํ ปติ สทฺทา อภินิวิสนฺตี’’ติ น เอเกน สเทฺทน อเนกตฺถา อภิธียนฺตีติ? สจฺจเมตํ สทฺทวิเสเส อเปกฺขิเต, เตสํ เตสํ ปน อตฺถานํ อธิกรณสทฺทวจนียตาสามญฺญํ อุปาทาย วุจฺจมาโน อยํ วิจาโร อธิกรณสทฺทสฺส อตฺถุทฺธาโรติ วุโตฺตฯ เตเนวาห ‘‘อธิกรณนฺติ วจนสามญฺญโต อตฺถุทฺธารวเสน ปวตฺตานิ จตฺตาริ อธิกรณานี’’ติฯ อญฺญภาคิยตาติ อญฺญปกฺขิยตาฯ ตพฺภาคิยตาติ ตปฺปกฺขิยตาฯ อปากฎา ปทภาชนโต อญฺญตฺร ทสฺสิตฎฺฐานาภาวโตฯ อวสาเน อาปตฺตญฺญภาคิเยน โจทนญฺจาติ ‘‘ภิกฺขุ สงฺฆาทิเสสํ อชฺฌาปชฺชโนฺต ทิโฎฺฐ โหติ, สงฺฆาทิเสเส สงฺฆาทิเสสทิฎฺฐิ โหติ, ตเญฺจ ปาราชิเกน โจเทตี’’ติอาทิโจทนํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อธิกรณญฺญภาคิย’’นฺติฯ เอกเมกญฺหิ อธิกรณํ อิตเรสํ ติณฺณํ ติณฺณํ อญฺญภาคิยํ อญฺญปกฺขิยํ อญฺญโกฎฺฐาสิยํ โหติ วตฺถุวิสภาคตฺตาฯ อาทิสเทฺทน ‘‘กถํ อธิกรณํ อธิกรณสฺส อญฺญภาคิย’’นฺติอาทิโก ปทวิภาโค สงฺคหิโตฯ

    Yadi pana nāmakaraṇasaññāya ādhārabhūtaṃ chagalakaṃ sandhāya ‘‘aññabhāgiyassa adhikaraṇassā’’ti vuttaṃ, atha kasmā padabhājane taṃ avibhajitvā ‘‘aññabhāgiyassa adhikaraṇassāti āpattaññabhāgiyaṃ vā hoti adhikaraṇaññabhāgiyaṃ vā’’tiādi (pārā. 393) vuttanti āha ‘‘padabhājane panā’’tiādi. Tanti ādhārasaṅkhātaṃ adhikaraṇaṃ. Āvibhūtaṃ pākaṭaṃ. Atthuddhāravasenāti tena vattabbaatthānaṃ uddharaṇavasena. Nanu ca ‘‘atthamattaṃ pati saddā abhinivisantī’’ti na ekena saddena anekatthā abhidhīyantīti? Saccametaṃ saddavisese apekkhite, tesaṃ tesaṃ pana atthānaṃ adhikaraṇasaddavacanīyatāsāmaññaṃ upādāya vuccamāno ayaṃ vicāro adhikaraṇasaddassa atthuddhāroti vutto. Tenevāha ‘‘adhikaraṇanti vacanasāmaññato atthuddhāravasena pavattāni cattāri adhikaraṇānī’’ti. Aññabhāgiyatāti aññapakkhiyatā. Tabbhāgiyatāti tappakkhiyatā. Apākaṭā padabhājanato aññatra dassitaṭṭhānābhāvato. Avasāne āpattaññabhāgiyena codanañcāti ‘‘bhikkhu saṅghādisesaṃ ajjhāpajjanto diṭṭho hoti, saṅghādisese saṅghādisesadiṭṭhi hoti, tañce pārājikena codetī’’tiādicodanaṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘adhikaraṇaññabhāgiya’’nti. Ekamekañhi adhikaraṇaṃ itaresaṃ tiṇṇaṃ tiṇṇaṃ aññabhāgiyaṃ aññapakkhiyaṃ aññakoṭṭhāsiyaṃ hoti vatthuvisabhāgattā. Ādisaddena ‘‘kathaṃ adhikaraṇaṃ adhikaraṇassa aññabhāgiya’’ntiādiko padavibhāgo saṅgahito.

    กิญฺจิ เทสํ เลสมตฺตํ อุปาทายาติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตสฺสาปิ อสมฺภวทสฺสนปฺปสเงฺคน เหฎฺฐา วุตฺตตฺตา ‘‘เสสา วินิจฺฉยกถา อฎฺฐเม วุตฺตสทิสาเยวา’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ เสสา วินิจฺฉยกถาติ ‘‘ปาราชิเกนาติ ภิกฺขุโน อนุรูเปสุ เอกูนวิสติยา อญฺญตเรนา’’ติอาทิกา (กงฺขา. อฎฺฐ. ทุฎฺฐโทสสิกฺขาปทวณฺณนา) วินิจฺฉยกถาฯ วุตฺตสทิสาเยวาติ เอตฺถ อิมสฺมิํ สิกฺขาปเท ยา วตฺตพฺพา, เตน สิกฺขาปเทน สาธารณภูตา สา วุตฺตสทิสาเยวาติ อธิเปฺปตา, น อสาธารณภูตา อปุพฺพวณฺณนาย อธิเปฺปตตฺตาฯ เตเนวาห ‘‘อยํ ปนา’’ติอาทิฯ ปุริมสฺมิํ สิกฺขาปเทปิ ตถาสญฺญิโน อนาปตฺติกตฺตา ‘‘อิธ จา’’ติ วุตฺตํฯ ตถาสญฺญิโนปีติ ‘‘ปาราชิกํเยว อยํ อาปโนฺน’’ติ เอวํสญฺญิโนปิฯ อิติสโทฺท อาทิอโตฺถ วา ปการโตฺถ วาฯ เตน เกนจิ ภิกฺขุนา อโญฺญ โกจิ ขตฺติยชาติโก ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปชฺชโนฺต ทิโฎฺฐ โหติ, อถ โส อญฺญํ อตฺตโน เวริํ ขตฺติยชาติกํ ภิกฺขุํ ปสฺสิตฺวา ตํ ขตฺติยชาติเลสํ คเหตฺวา เอวํ โจเทติ ‘‘ขตฺติโย มยา ทิโฎฺฐ ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปชฺชโนฺต, ตฺวํ ขตฺติโย ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปโนฺนสิ, อถ วา ตฺวํ โข ขตฺติโย, น อโญฺญ, ปาราชิกํ ธมฺมํ อชฺฌาปโนฺนสิ, อสฺสมโณสิ, อสกฺยปุตฺติโยสิ, นตฺถิ ตยา สทฺธิํ อุโปสโถ วา ปวารณา วา สงฺฆกมฺมํ วา’’ติ, อาปตฺติ วาจาย วาจาย สงฺฆาทิเสสสฺสฯ เอตฺถ จ เตสํ ขตฺติยานํ อญฺญมญฺญํ อสทิสสฺส ตสฺส ตสฺส ทีฆาทิโน วา ทิฎฺฐาทิโน วา วเสน อญฺญภาคิยตา, ขตฺติยชาติปญฺญตฺติยา อาธารวเสน อธิกรณตา จ เวทิตพฺพาฯ เอส นโย นามเลสาทีสุปิฯ

    Kiñci desaṃ lesamattaṃ upādāyāti ettha yaṃ vattabbaṃ, tassāpi asambhavadassanappasaṅgena heṭṭhā vuttattā ‘‘sesā vinicchayakathā aṭṭhame vuttasadisāyevā’’ti vuttaṃ. Tattha sesā vinicchayakathāti ‘‘pārājikenāti bhikkhuno anurūpesu ekūnavisatiyā aññatarenā’’tiādikā (kaṅkhā. aṭṭha. duṭṭhadosasikkhāpadavaṇṇanā) vinicchayakathā. Vuttasadisāyevāti ettha imasmiṃ sikkhāpade yā vattabbā, tena sikkhāpadena sādhāraṇabhūtā sā vuttasadisāyevāti adhippetā, na asādhāraṇabhūtā apubbavaṇṇanāya adhippetattā. Tenevāha ‘‘ayaṃ panā’’tiādi. Purimasmiṃ sikkhāpadepi tathāsaññino anāpattikattā ‘‘idha cā’’ti vuttaṃ. Tathāsaññinopīti ‘‘pārājikaṃyeva ayaṃ āpanno’’ti evaṃsaññinopi. Itisaddo ādiattho vā pakārattho vā. Tena kenaci bhikkhunā añño koci khattiyajātiko pārājikaṃ dhammaṃ ajjhāpajjanto diṭṭho hoti, atha so aññaṃ attano veriṃ khattiyajātikaṃ bhikkhuṃ passitvā taṃ khattiyajātilesaṃ gahetvā evaṃ codeti ‘‘khattiyo mayā diṭṭho pārājikaṃ dhammaṃ ajjhāpajjanto, tvaṃ khattiyo pārājikaṃ dhammaṃ ajjhāpannosi, atha vā tvaṃ kho khattiyo, na añño, pārājikaṃ dhammaṃ ajjhāpannosi, assamaṇosi, asakyaputtiyosi, natthi tayā saddhiṃ uposatho vā pavāraṇā vā saṅghakammaṃ vā’’ti, āpatti vācāya vācāya saṅghādisesassa. Ettha ca tesaṃ khattiyānaṃ aññamaññaṃ asadisassa tassa tassa dīghādino vā diṭṭhādino vā vasena aññabhāgiyatā, khattiyajātipaññattiyā ādhāravasena adhikaraṇatā ca veditabbā. Esa nayo nāmalesādīsupi.

    อาปตฺติเลเส ปน เกนจิ ภิกฺขุนา โกจิ ภิกฺขุ ลหุกํ อาปตฺติํ อาปชฺชโนฺต ทิโฎฺฐ โหติ, โส เจตํ ภิกฺขุํ ปาราชิเกน โจเทติ, อาปตฺติ วาจาย วาจาย สงฺฆาทิเสสสฺสฯ ยทิ เอวํ กถํ อญฺญภาคิยํ อธิกรณํ โหตีติ? ยญฺหิ โส ลหุกํ อาปตฺติํ อาปโนฺน, ตํ ปาราชิกสฺส อญฺญภาคิยํ อธิกรณํ, ตสฺส ปน อญฺญภาคิยสฺส อธิกรณสฺส เลโส นามฯ โย โส สพฺพขตฺติยานํ สาธารโณ ขตฺติยภาโว วิย สพฺพาปตฺตีนํ สาธารโณ อาปตฺติภาโวฯ เอเตเนว อุปาเยน ‘‘เกนจิ ภิกฺขุนา โกจิ ภิกฺขุ สงฺฆาทิเสสํ อชฺฌาปชฺชโนฺต ทิโฎฺฐ โหตี’’ติอาทิกํ วิเสสํ สงฺคณฺหาติฯ

    Āpattilese pana kenaci bhikkhunā koci bhikkhu lahukaṃ āpattiṃ āpajjanto diṭṭho hoti, so cetaṃ bhikkhuṃ pārājikena codeti, āpatti vācāya vācāya saṅghādisesassa. Yadi evaṃ kathaṃ aññabhāgiyaṃ adhikaraṇaṃ hotīti? Yañhi so lahukaṃ āpattiṃ āpanno, taṃ pārājikassa aññabhāgiyaṃ adhikaraṇaṃ, tassa pana aññabhāgiyassa adhikaraṇassa leso nāma. Yo so sabbakhattiyānaṃ sādhāraṇo khattiyabhāvo viya sabbāpattīnaṃ sādhāraṇo āpattibhāvo. Eteneva upāyena ‘‘kenaci bhikkhunā koci bhikkhu saṅghādisesaṃ ajjhāpajjanto diṭṭho hotī’’tiādikaṃ visesaṃ saṅgaṇhāti.

    อญฺญภาคิยสิกฺขํ โย, เนว สิกฺขติ ยุตฺติโต;

    Aññabhāgiyasikkhaṃ yo, neva sikkhati yuttito;

    คเจฺฉ วินยวิญฺญูหิ, อญฺญภาคิยตํว โสฯ (วชิร. ฎี. ปาราชิก ๔๐๘);

    Gacche vinayaviññūhi, aññabhāgiyataṃva so. (vajira. ṭī. pārājika 408);

    อญฺญภาคิยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Aññabhāgiyasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact