Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อปทาน-อฎฺฐกถา • Apadāna-aṭṭhakathā |
๓-๗. อญฺญาสิโกณฺฑญฺญเตฺถรอปทานวณฺณนา
3-7. Aññāsikoṇḍaññattheraapadānavaṇṇanā
ปทุมุตฺตรสมฺพุทฺธนฺติอาทิกํ อายสฺมโต อญฺญาสิโกณฺฑญฺญเตฺถรสฺส อปทานํฯ อยํ กิร ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยานิ ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร คหปติมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปตฺวา เอกทิวสํ สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณโนฺต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ อตฺตโน สาสเน ปฐมํ ปฎิวิทฺธธมฺมรตฺตญฺญูนํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปนฺตํ ทิสฺวา สยมฺปิ ตํ ฐานนฺตรํ ปเตฺถโนฺต สตสหสฺสภิกฺขุปริวารสฺส ภควโต สตฺตาหํ มหาทานํ ปวเตฺตตฺวา ปณิธานํ อกาสิฯ สตฺถาปิสฺส อนนฺตรายตํ ทิสฺวา ภาวินิํ สมฺปตฺติํ พฺยากาสิฯ โส ยาวชีวํ ปุญฺญานิ กโรโนฺต สตฺถริ ปรินิพฺพุเต เจติเย ปติฎฺฐาปิยมาเน อโนฺตเจติเย รตนฆรํ การาเปสิ, เจติยํ ปริวาเรตฺวา สหสฺสรตนคฺฆิกานิ จ กาเรสิฯ
Padumuttarasambuddhantiādikaṃ āyasmato aññāsikoṇḍaññattherassa apadānaṃ. Ayaṃ kira purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayāni puññāni upacinanto padumuttarassa bhagavato kāle haṃsavatīnagare gahapatimahāsālakule nibbattitvā viññutaṃ patvā ekadivasaṃ satthu santike dhammaṃ suṇanto satthāraṃ ekaṃ bhikkhuṃ attano sāsane paṭhamaṃ paṭividdhadhammarattaññūnaṃ aggaṭṭhāne ṭhapentaṃ disvā sayampi taṃ ṭhānantaraṃ patthento satasahassabhikkhuparivārassa bhagavato sattāhaṃ mahādānaṃ pavattetvā paṇidhānaṃ akāsi. Satthāpissa anantarāyataṃ disvā bhāviniṃ sampattiṃ byākāsi. So yāvajīvaṃ puññāni karonto satthari parinibbute cetiye patiṭṭhāpiyamāne antocetiye ratanagharaṃ kārāpesi, cetiyaṃ parivāretvā sahassaratanagghikāni ca kāresi.
โส เอวํ ปุญฺญานิ กตฺวา ตโต จวิตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล มหากาโล นาม กุฎุมฺพิโก หุตฺวา อฎฺฐกรีสมเตฺต เขเตฺต สาลิคพฺภํ ผาเลตฺวา คหิตสาลิตณฺฑุเลหิ อสมฺภินฺนขีรปายาสํ สมฺปาเทตฺวา ตตฺถ มธุสปฺปิสกฺกราทโย ปกฺขิปิตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส อทาสิฯ สาลิคพฺภํ ผาเลตฺวา คหิตคหิตฎฺฐานํ ปุน ปูรติฯ ปุถุกกาเล ปุถุกคฺคํ นาม อทาสิฯ ลายเน ลายนคฺคํ, เวณิกรเณ เวณคฺคํ, กลาปาทิกรเณ กลาปคฺคํ, ขลคฺคํ, ภณฺฑคฺคํ, มินคฺคํ โกฎฺฐคฺคนฺติ เอวํ เอกสเสฺส นว วาเร อคฺคทานํ อทาสิ, ตมฺปิ สสฺสํ อติเรกตรํ สมฺปนฺนํ อโหสิฯ
So evaṃ puññāni katvā tato cavitvā devamanussesu saṃsaranto vipassissa bhagavato kāle mahākālo nāma kuṭumbiko hutvā aṭṭhakarīsamatte khette sāligabbhaṃ phāletvā gahitasālitaṇḍulehi asambhinnakhīrapāyāsaṃ sampādetvā tattha madhusappisakkarādayo pakkhipitvā buddhappamukhassa saṅghassa adāsi. Sāligabbhaṃ phāletvā gahitagahitaṭṭhānaṃ puna pūrati. Puthukakāle puthukaggaṃ nāma adāsi. Lāyane lāyanaggaṃ, veṇikaraṇe veṇaggaṃ, kalāpādikaraṇe kalāpaggaṃ, khalaggaṃ, bhaṇḍaggaṃ, minaggaṃ koṭṭhagganti evaṃ ekasasse nava vāre aggadānaṃ adāsi, tampi sassaṃ atirekataraṃ sampannaṃ ahosi.
เอวํ ยาวชีวํ ปุญฺญานิ กตฺวา ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เทเวสุ จ มนุเสฺสสุ จ สํสรโนฺต อมฺหากํ ภควโต อุปฺปตฺติโต ปุเรตรเมว กปิลวตฺถุนครสฺส อวิทูเร โทณวตฺถุนามเก พฺราหฺมณคาเม พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติฯ ตสฺส โกณฺฑโญฺญติ โคตฺตโต อาคตํ นามํ อโหสิฯ โส วยปฺปโตฺต ตโย เวเท อุคฺคเหตฺวา ลกฺขณมเนฺตสุ จ ปารํ อคมาสิฯ เตน สมเยน อมฺหากํ โพธิสโตฺต ตุสิตปุรโต จวิตฺวา กปิลวตฺถุปุเร สุโทฺธทนมหาราชสฺส เคเห นิพฺพตฺติฯ ตสฺส นามคฺคหณทิวเส อฎฺฐุตฺตรสเตสุ พฺราหฺมเณสุ อุปนีเตสุ เย อฎฺฐ พฺราหฺมณา ลกฺขณปริคฺคหณตฺถํ มหาตลํ อุปนีตาฯ โส เตสุ สพฺพนวโก หุตฺวา มหาปุริสสฺส ลกฺขณนิปฺผตฺติํ ทิสฺวา ‘‘เอกํเสน อยํ พุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติ นิฎฺฐํ คนฺตฺวา มหาสตฺตสฺส อภินิกฺขมนํ อุทิกฺขโนฺต วิจรติฯ
Evaṃ yāvajīvaṃ puññāni katvā tato cuto devaloke nibbattitvā devesu ca manussesu ca saṃsaranto amhākaṃ bhagavato uppattito puretarameva kapilavatthunagarassa avidūre doṇavatthunāmake brāhmaṇagāme brāhmaṇamahāsālakule nibbatti. Tassa koṇḍaññoti gottato āgataṃ nāmaṃ ahosi. So vayappatto tayo vede uggahetvā lakkhaṇamantesu ca pāraṃ agamāsi. Tena samayena amhākaṃ bodhisatto tusitapurato cavitvā kapilavatthupure suddhodanamahārājassa gehe nibbatti. Tassa nāmaggahaṇadivase aṭṭhuttarasatesu brāhmaṇesu upanītesu ye aṭṭha brāhmaṇā lakkhaṇapariggahaṇatthaṃ mahātalaṃ upanītā. So tesu sabbanavako hutvā mahāpurisassa lakkhaṇanipphattiṃ disvā ‘‘ekaṃsena ayaṃ buddho bhavissatī’’ti niṭṭhaṃ gantvā mahāsattassa abhinikkhamanaṃ udikkhanto vicarati.
โพธิสโตฺตปิ โข มหตา ปริวาเรน วฑฺฒมาโน อนุกฺกเมน วุทฺธิปฺปโตฺต ญาณปริปากํ คนฺตฺวา เอกูนติํสติเม วเสฺส มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมโนฺต อโนมานทีตีเร ปพฺพชิตฺวา อนุกฺกเมน อุรุเวลํ คนฺตฺวา ปธานํ ปทหิฯ ตทา โกณฺฑโญฺญ มาณโว มหาสตฺตสฺส ปพฺพชิตภาวํ สุตฺวา ลกฺขณปริคฺคาหกพฺราหฺมณานํ ปุเตฺตหิ วปฺปมาณวาทีหิ สทฺธิํ อตฺตปญฺจโม ปพฺพชิตฺวา อนุกฺกเมน โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺวา ฉพฺพสฺสานิ ตํ อุปฎฺฐหโนฺต ตสฺส โอฬาริกาหารปริโภเคน นิพฺพิโนฺน อปกฺกมิตฺวา อิสิปตนํ อคมาสิฯ อถ โข โพธิสโตฺต โอฬาริกาหารปริโภเคน ลทฺธกายพโล เวสาขปุณฺณมายํ โพธิรุกฺขมูเล อปราชิตปลฺลเงฺก นิสิโนฺน ติณฺณํ มารานํ มตฺถกํ มทฺทิตฺวา อภิสมฺพุโทฺธ หุตฺวา สตฺตสตฺตาหํ โพธิมเณฺฑเยว วีตินาเมตฺวา ปญฺจวคฺคิยานํ ญาณปริปากํ ญตฺวา อาสาฬฺหีปุณฺณมายํ อิสิปตนํ คนฺตฺวา เตสํ ธมฺมจกฺกปวตฺตนสุตฺตนฺตํ (มหาว. ๑๓ อาทโย; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑) กเถสิฯ เทสนาปริโยสาเน โกณฺฑญฺญเตฺถโร อฎฺฐารสหิ พฺรหฺมโกฎีหิ สทฺธิํ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาสิฯ อถ ปญฺจมิยํ ปกฺขสฺส อนตฺตลกฺขณสุตฺตนฺตเทสนาย (มหาว. ๒๐ อาทโย; สํ. นิ. ๓.๕๙) อรหตฺตํ สจฺฉากาสิฯ
Bodhisattopi kho mahatā parivārena vaḍḍhamāno anukkamena vuddhippatto ñāṇaparipākaṃ gantvā ekūnatiṃsatime vasse mahābhinikkhamanaṃ nikkhamanto anomānadītīre pabbajitvā anukkamena uruvelaṃ gantvā padhānaṃ padahi. Tadā koṇḍañño māṇavo mahāsattassa pabbajitabhāvaṃ sutvā lakkhaṇapariggāhakabrāhmaṇānaṃ puttehi vappamāṇavādīhi saddhiṃ attapañcamo pabbajitvā anukkamena bodhisattassa santikaṃ upasaṅkamitvā chabbassāni taṃ upaṭṭhahanto tassa oḷārikāhāraparibhogena nibbinno apakkamitvā isipatanaṃ agamāsi. Atha kho bodhisatto oḷārikāhāraparibhogena laddhakāyabalo vesākhapuṇṇamāyaṃ bodhirukkhamūle aparājitapallaṅke nisinno tiṇṇaṃ mārānaṃ matthakaṃ madditvā abhisambuddho hutvā sattasattāhaṃ bodhimaṇḍeyeva vītināmetvā pañcavaggiyānaṃ ñāṇaparipākaṃ ñatvā āsāḷhīpuṇṇamāyaṃ isipatanaṃ gantvā tesaṃ dhammacakkapavattanasuttantaṃ (mahāva. 13 ādayo; saṃ. ni. 5.1081) kathesi. Desanāpariyosāne koṇḍaññatthero aṭṭhārasahi brahmakoṭīhi saddhiṃ sotāpattiphale patiṭṭhāsi. Atha pañcamiyaṃ pakkhassa anattalakkhaṇasuttantadesanāya (mahāva. 20 ādayo; saṃ. ni. 3.59) arahattaṃ sacchākāsi.
๕๙๖. เอวํ โส อรหตฺตํ ปตฺวา ‘‘กิํ กมฺมํ กตฺวา อหํ โลกุตฺตรสุขํ อธิคโตมฺหี’’ติ อุปธาเรโนฺต อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ ปจฺจกฺขโต ญตฺวา โสมนสฺสวเสน ปุพฺพจริตาปทานํ อุทานวเสน ทเสฺสโนฺต ปทุมุตฺตรสมฺพุทฺธนฺติอาทิมาหฯ ตสฺสโตฺถ เหฎฺฐา วุโตฺตเยวฯ โลกเชฎฺฐํ วินายกนฺติ สกลสฺส สตฺตโลกสฺส เชฎฺฐํ ปธานนฺติ อโตฺถฯ วิเสเสน เวเนยฺยสเตฺต สํสารสาครสฺส ปรตีรํ อมตมหานิพฺพานํ เนติ สมฺปาเปตีติ วินายโก, ตํ วินายกํฯ พุทฺธภูมิมนุปฺปตฺตนฺติ พุทฺธสฺส ภูมิ ปติฎฺฐานฎฺฐานนฺติ พุทฺธภูมิ, สพฺพญฺญุตญฺญาณํ, ตํ อนุปฺปโตฺต ปฎิวิโทฺธติ พุทฺธภูมิมนุปฺปโตฺต, ตํ พุทฺธภูมิมนุปฺปตฺตํ, สพฺพญฺญุตปฺปตฺตํ พุทฺธภูตนฺติ อโตฺถฯ ปฐมํ อทฺทสํ อหนฺติ ปฐมํ เวสาขปุณฺณมิยา รตฺติยา ปจฺจูสสมเย พุทฺธภูตํ ปทุมุตฺตรสมฺพุทฺธํ อหํ อทฺทกฺขินฺติ อโตฺถฯ
596. Evaṃ so arahattaṃ patvā ‘‘kiṃ kammaṃ katvā ahaṃ lokuttarasukhaṃ adhigatomhī’’ti upadhārento attano pubbakammaṃ paccakkhato ñatvā somanassavasena pubbacaritāpadānaṃ udānavasena dassento padumuttarasambuddhantiādimāha. Tassattho heṭṭhā vuttoyeva. Lokajeṭṭhaṃ vināyakanti sakalassa sattalokassa jeṭṭhaṃ padhānanti attho. Visesena veneyyasatte saṃsārasāgarassa paratīraṃ amatamahānibbānaṃ neti sampāpetīti vināyako, taṃ vināyakaṃ. Buddhabhūmimanuppattanti buddhassa bhūmi patiṭṭhānaṭṭhānanti buddhabhūmi, sabbaññutaññāṇaṃ, taṃ anuppatto paṭividdhoti buddhabhūmimanuppatto, taṃ buddhabhūmimanuppattaṃ, sabbaññutappattaṃ buddhabhūtanti attho. Paṭhamaṃ addasaṃ ahanti paṭhamaṃ vesākhapuṇṇamiyā rattiyā paccūsasamaye buddhabhūtaṃ padumuttarasambuddhaṃ ahaṃ addakkhinti attho.
๕๙๗. ยาวตา โพธิยา มูเลติ ยตฺตกา โพธิรุกฺขสมีเป ยกฺขา สมาคตา ราสิภูตา สมฺพุทฺธํ พุทฺธภูตํ ตํ พุทฺธํ ปญฺชลีกตา ทสงฺคุลิสโมธานํ อญฺชลิปุฎํ สิรสิ ฐเปตฺวา วนฺทนฺติ นมสฺสนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ
597.Yāvatā bodhiyā mūleti yattakā bodhirukkhasamīpe yakkhā samāgatā rāsibhūtā sambuddhaṃ buddhabhūtaṃ taṃ buddhaṃ pañjalīkatā dasaṅgulisamodhānaṃ añjalipuṭaṃ sirasi ṭhapetvā vandanti namassantīti sambandho.
๕๙๘. สเพฺพ เทวา ตุฎฺฐมนาติ พุทฺธภูตฎฺฐานํ อาคตา เต สเพฺพ เทวา ตุฎฺฐจิตฺตา อากาเส สญฺจรนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ อนฺธการตโมนุโทติ อติวิย อนฺธการํ โมหํ นุโท เขปโน อยํ พุโทฺธ อนุปฺปโตฺตติ อโตฺถฯ
598.Sabbe devā tuṭṭhamanāti buddhabhūtaṭṭhānaṃ āgatā te sabbe devā tuṭṭhacittā ākāse sañcarantīti sambandho. Andhakāratamonudoti ativiya andhakāraṃ mohaṃ nudo khepano ayaṃ buddho anuppattoti attho.
๕๙๙. เตสํ หาสปเรตานนฺติ หาเสหิ ปีติโสมนเสฺสหิ สมนฺนาคตานํ เตสํ เทวานํ มหานาโท มหาโฆโส อวตฺตถ ปวตฺตติ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเน กิเลเส สํกิเลเส ธเมฺม ฌาปยิสฺสามาติ สมฺพโนฺธฯ
599.Tesaṃ hāsaparetānanti hāsehi pītisomanassehi samannāgatānaṃ tesaṃ devānaṃ mahānādo mahāghoso avattatha pavattati, sammāsambuddhasāsane kilese saṃkilese dhamme jhāpayissāmāti sambandho.
๖๐๐. เทวานํ คิรมญฺญายาติ วาจาย ถุติวจเนน สห อุทีริตํ เทวานํ สทฺทํ ชานิตฺวา หโฎฺฐ หเฎฺฐน จิเตฺตน โสมนสฺสสหคเตน จิเตฺตน อาทิภิกฺขํ ปฐมํ อาหารํ พุทฺธภูตสฺส อหํ อทาสินฺติ สมฺพโนฺธฯ
600.Devānaṃ giramaññāyāti vācāya thutivacanena saha udīritaṃ devānaṃ saddaṃ jānitvā haṭṭho haṭṭhena cittena somanassasahagatena cittena ādibhikkhaṃ paṭhamaṃ āhāraṃ buddhabhūtassa ahaṃ adāsinti sambandho.
๖๐๒. สตฺตาหํ อภินิกฺขมฺมาติ มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา สตฺตาหํ ปธานํ กตฺวา สพฺพญฺญุตญฺญาณปทฎฺฐานํ อรหตฺตมคฺคญาณสงฺขาตํ โพธิํ อชฺฌคมํ อธิคญฺฉิํ อหนฺติ อโตฺถฯ อิทํ เม ปฐมํ ภตฺตนฺติ อิทํ ภตฺตํ สรีรยาปนํ พฺรหฺมจาริสฺส อุตฺตมจาริสฺส เม มยฺหํ อิมินา เทวปุเตฺตน ปฐมํ ทินฺนํ อโหสีติ อโตฺถฯ
602.Sattāhaṃabhinikkhammāti mahābhinikkhamanaṃ nikkhamitvā sattāhaṃ padhānaṃ katvā sabbaññutaññāṇapadaṭṭhānaṃ arahattamaggañāṇasaṅkhātaṃ bodhiṃ ajjhagamaṃ adhigañchiṃ ahanti attho. Idaṃ me paṭhamaṃ bhattanti idaṃ bhattaṃ sarīrayāpanaṃ brahmacārissa uttamacārissa me mayhaṃ iminā devaputtena paṭhamaṃ dinnaṃ ahosīti attho.
๖๐๓. ตุสิตา หิ อิธาคนฺตฺวาติ ตุสิตภวนโต อิธ มนุสฺสโลเก อาคนฺตฺวา โย เทวปุโตฺต เม มม ภิกฺขํ อุปานยิ อทาสิ, ตํ เทวปุตฺตํ กิตฺตยิสฺสามิ กเถสฺสามิ ปากฎํ กริสฺสามิฯ ภาสโต ภาสนฺตสฺส มม วจนํ สุณาถาติ สมฺพโนฺธฯ อิโต ปรํ อนุตฺตานปทเมว วณฺณยิสฺสามฯ
603.Tusitā hi idhāgantvāti tusitabhavanato idha manussaloke āgantvā yo devaputto me mama bhikkhaṃ upānayi adāsi, taṃ devaputtaṃ kittayissāmi kathessāmi pākaṭaṃ karissāmi. Bhāsato bhāsantassa mama vacanaṃ suṇāthāti sambandho. Ito paraṃ anuttānapadameva vaṇṇayissāma.
๖๐๗. ติทสาติ ตาวติํสภวนาฯ อคาราติ อตฺตโน อุปฺปนฺนพฺราหฺมณเคหโต นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตฺวา ฉ สํวจฺฉรานิ ทุกฺกรการิกํ กโรเนฺตน โพธิสเตฺตน สห วสิสฺสตีติ สมฺพโนฺธฯ
607.Tidasāti tāvatiṃsabhavanā. Agārāti attano uppannabrāhmaṇagehato nikkhamitvā pabbajitvā cha saṃvaccharāni dukkarakārikaṃ karontena bodhisattena saha vasissatīti sambandho.
๖๐๘. ตโต สตฺตมเก วเสฺสติ ตโต ปพฺพชิตกาลโต ปฎฺฐาย สตฺตเม สํวจฺฉเรฯ พุโทฺธ สจฺจํ กเถสฺสตีติ ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรการิกํ กตฺวา สตฺตมสํวจฺฉเร พุโทฺธ หุตฺวา พาราณสิยํ อิสิปตเน มิคทาเย ธมฺมจกฺกปวตฺตนสุตฺตนฺตเทสนาย ทุกฺขสมุทยนิโรธมคฺคสจฺจสงฺขาตํ จตุสจฺจํ กเถสฺสตีติ อโตฺถฯ โกณฺฑโญฺญ นาม นาเมนาติ นาเมน โคตฺตนามวเสน โกณฺฑโญฺญ นามฯ ปฐมํ สจฺฉิกาหิตีติ ปญฺจวคฺคิยานมนฺตเร ปฐมํ อาทิโต เอว โสตาปตฺติมคฺคญาณํ สจฺฉิกาหิติ ปจฺจกฺขํ กริสฺสตีติ อโตฺถฯ
608.Tato sattamake vasseti tato pabbajitakālato paṭṭhāya sattame saṃvacchare. Buddho saccaṃ kathessatīti chabbassāni dukkarakārikaṃ katvā sattamasaṃvacchare buddho hutvā bārāṇasiyaṃ isipatane migadāye dhammacakkapavattanasuttantadesanāya dukkhasamudayanirodhamaggasaccasaṅkhātaṃ catusaccaṃ kathessatīti attho. Koṇḍañño nāma nāmenāti nāmena gottanāmavasena koṇḍañño nāma. Paṭhamaṃ sacchikāhitīti pañcavaggiyānamantare paṭhamaṃ ādito eva sotāpattimaggañāṇaṃ sacchikāhiti paccakkhaṃ karissatīti attho.
๖๐๙. นิกฺขเนฺตนานุปพฺพชินฺติ นิกฺขเนฺตน โพธิสเตฺตน สห นิกฺขมิตฺวา อนุปพฺพชินฺติ อโตฺถฯ ตถา อนุปพฺพชิตฺวา มยา ปธานํ วีริยํ สุกตํ สุฎฺฐุ กตํ ทฬฺหํ กตฺวา กตนฺติ อโตฺถฯ กิเลเส ฌาปนตฺถายาติ กิเลเส โสสนตฺถาย วิทฺธํสนตฺถาย อนคาริยํ อคารสฺส อหิตํ กสิวณิชฺชาทิกมฺมวิรหิตํ สาสนํ ปพฺพชิํ ปฎิปชฺชินฺติ อโตฺถฯ
609.Nikkhantenānupabbajinti nikkhantena bodhisattena saha nikkhamitvā anupabbajinti attho. Tathā anupabbajitvā mayā padhānaṃ vīriyaṃ sukataṃ suṭṭhu kataṃ daḷhaṃ katvā katanti attho. Kilese jhāpanatthāyāti kilese sosanatthāya viddhaṃsanatthāya anagāriyaṃ agārassa ahitaṃ kasivaṇijjādikammavirahitaṃ sāsanaṃ pabbajiṃ paṭipajjinti attho.
๖๑๐. อภิคนฺตฺวาน สพฺพญฺญูติ สพฺพํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ วา สงฺขารวิการลกฺขณนิพฺพานปญฺญตฺติสงฺขาตํ เญยฺยํ วา ชานโนฺต เทเวหิ สห วตฺตมาเน สตฺต โลเก พุโทฺธ มิคารญฺญํ มิคทาย วิหารํ อภิคนฺตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา เม มยา สจฺฉิกเตน อิมินา โสตาปตฺติมคฺคญาเณน อมตเภริํ อมตมหานิพฺพานเภริํ อหริ ปหริ ทเสฺสสีติ อโตฺถฯ
610.Abhigantvānasabbaññūti sabbaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ vā saṅkhāravikāralakkhaṇanibbānapaññattisaṅkhātaṃ ñeyyaṃ vā jānanto devehi saha vattamāne satta loke buddho migāraññaṃ migadāya vihāraṃ abhigantvā upasaṅkamitvā me mayā sacchikatena iminā sotāpattimaggañāṇena amatabheriṃ amatamahānibbānabheriṃ ahari pahari dassesīti attho.
๖๑๑. โส ทานีติ โส อหํ ปฐมํ โสตาปโนฺน อิทานิ อรหตฺตมคฺคญาเณน อมตํ สนฺตํ วูปสนฺตสภาวํ ปทํ ปชฺชิตพฺพํ ปาปุณิตพฺพํ, อนุตฺตรํ อุตฺตรวิรหิตํ นิพฺพานํ ปโตฺต อธิคโตติ อโตฺถฯ สพฺพาสเว ปริญฺญายาติ กามาสวาทโย สเพฺพ อาสเว ปริญฺญาย ปหานปริญฺญาย ปชหิตฺวา อนาสโว นิกฺกิเลโส วิหรามิ อิริยาปถวิหาเรน วาสํ กเปฺปมิฯ ปฎิสมฺภิทา จตโสฺสตฺยาทโย คาถาโย วุตฺตตฺถาเยวฯ
611.So dānīti so ahaṃ paṭhamaṃ sotāpanno idāni arahattamaggañāṇena amataṃ santaṃ vūpasantasabhāvaṃ padaṃ pajjitabbaṃ pāpuṇitabbaṃ, anuttaraṃ uttaravirahitaṃ nibbānaṃ patto adhigatoti attho. Sabbāsave pariññāyāti kāmāsavādayo sabbe āsave pariññāya pahānapariññāya pajahitvā anāsavo nikkileso viharāmi iriyāpathavihārena vāsaṃ kappemi. Paṭisambhidā catassotyādayo gāthāyo vuttatthāyeva.
อถ นํ สตฺถา อปรภาเค เชตวนมหาวิหาเร ภิกฺขุสงฺฆมเชฺฌ ปญฺญตฺตวรพุทฺธาสเน นิสิโนฺน ปฐมํ ปฎิวิทฺธธมฺมภาวํ ทีเปโนฺต ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ รตฺตญฺญูนํ ยทิทํ อญฺญาสิโกณฺฑโญฺญ’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๘๘) เอตทเคฺค ฐเปสิฯ โส ทฺวีหิ อคฺคสาวเกหิ อตฺตนิ กริยมานํ ปรมนิปจฺจการํ, คามนฺตเสนาสเน อากิณฺณวิหารญฺจ ปริหริตุกาโม, วิเวกาภิรติยา วิหริตุกาโม จ อตฺตโน สนฺติกํ อุปคตานํ คหฎฺฐปพฺพชิตานํ ปฎิสนฺถารกรณมฺปิ ปปญฺจํ มญฺญมาโน สตฺถารํ อาปุจฺฉิตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ฉทฺทเนฺตหิ นาเคหิ อุปฎฺฐิยมาโน ฉทฺทนฺตทหตีเร ทฺวาทส วสฺสานิ วสิฯ เอวํ ตตฺถ วสนฺตํ เถรํ เอกทิวสํ สโกฺก เทวราชา อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ฐิโต เอวมาห ‘‘สาธุ เม, ภเนฺต, อโยฺย ธมฺมํ เทเสตู’’ติฯ เถโร ตสฺส จตุสจฺจคพฺภํ ติลกฺขณาหตํ สุญฺญตาปฎิสํยุตฺตํ นานานยวิจิตฺตํ อมโตคธํ พุทฺธลีลาย ธมฺมํ เทเสสิฯ ตํ สุตฺวา สโกฺก อตฺตโน ปสาทํ ปเวเทโนฺต –
Atha naṃ satthā aparabhāge jetavanamahāvihāre bhikkhusaṅghamajjhe paññattavarabuddhāsane nisinno paṭhamaṃ paṭividdhadhammabhāvaṃ dīpento ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ rattaññūnaṃ yadidaṃ aññāsikoṇḍañño’’ti (a. ni. 1.188) etadagge ṭhapesi. So dvīhi aggasāvakehi attani kariyamānaṃ paramanipaccakāraṃ, gāmantasenāsane ākiṇṇavihārañca pariharitukāmo, vivekābhiratiyā viharitukāmo ca attano santikaṃ upagatānaṃ gahaṭṭhapabbajitānaṃ paṭisanthārakaraṇampi papañcaṃ maññamāno satthāraṃ āpucchitvā himavantaṃ pavisitvā chaddantehi nāgehi upaṭṭhiyamāno chaddantadahatīre dvādasa vassāni vasi. Evaṃ tattha vasantaṃ theraṃ ekadivasaṃ sakko devarājā upasaṅkamitvā vanditvā ṭhito evamāha ‘‘sādhu me, bhante, ayyo dhammaṃ desetū’’ti. Thero tassa catusaccagabbhaṃ tilakkhaṇāhataṃ suññatāpaṭisaṃyuttaṃ nānānayavicittaṃ amatogadhaṃ buddhalīlāya dhammaṃ desesi. Taṃ sutvā sakko attano pasādaṃ pavedento –
‘‘เอส ภิโยฺย ปสีทามิ, สุตฺวา ธมฺมํ มหารสํ;
‘‘Esa bhiyyo pasīdāmi, sutvā dhammaṃ mahārasaṃ;
วิราโค เทสิโต ธโมฺม, อนุปาทาย สพฺพโส’’ติฯ (เถรคา. ๖๗๓) –
Virāgo desito dhammo, anupādāya sabbaso’’ti. (theragā. 673) –
ถุติํ อกาสิฯ เถโร ฉทฺทนฺตทหตีเร ทฺวาทส วสฺสานิ วสิตฺวา อุปกเฎฺฐ ปรินิพฺพาเน สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปรินิพฺพานํ อนุชานาเปตฺวา ตเตฺถว คนฺตฺวา ปรินิพฺพายีติฯ
Thutiṃ akāsi. Thero chaddantadahatīre dvādasa vassāni vasitvā upakaṭṭhe parinibbāne satthāraṃ upasaṅkamitvā parinibbānaṃ anujānāpetvā tattheva gantvā parinibbāyīti.
อญฺญาสิโกณฺฑญฺญเตฺถรอปทานวณฺณนา สมตฺตาฯ
Aññāsikoṇḍaññattheraapadānavaṇṇanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อปทานปาฬิ • Apadānapāḷi / ๓-๗. อญฺญาสิโกณฺฑญฺญเตฺถรอปทานํ • 3-7. Aññāsikoṇḍaññattheraapadānaṃ