Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā |
๖. อญฺญาตกวิญฺญตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา
6. Aññātakaviññattisikkhāpadavaṇṇanā
๕๑๕. เตน สมเยนาติ อญฺญาตกวิญฺญตฺติสิกฺขาปทํฯ ตตฺถ อุปนโนฺท สกฺยปุโตฺตติ อสีติสหสฺสมตฺตานํ สกฺยกุลา ปพฺพชิตานํ ภิกฺขูนํ ปติกิโฎฺฐ โลลชาติโกฯ ปโฎฺฎติ เฉโก สมโตฺถ ปฎิพโล สรสมฺปโนฺน กณฺฐมาธุริเยน สมนฺนาคโตฯ กิสฺมิํ วิยาติ กิํสุ วิย กิเลโส วิย, หิโรตฺตปฺปวเสน กมฺปนํ วิย สงฺกมฺปนํ วิย โหตีติ อโตฺถฯ
515.Tena samayenāti aññātakaviññattisikkhāpadaṃ. Tattha upanando sakyaputtoti asītisahassamattānaṃ sakyakulā pabbajitānaṃ bhikkhūnaṃ patikiṭṭho lolajātiko. Paṭṭoti cheko samattho paṭibalo sarasampanno kaṇṭhamādhuriyena samannāgato. Kismiṃ viyāti kiṃsu viya kileso viya, hirottappavasena kampanaṃ viya saṅkampanaṃ viya hotīti attho.
อทฺธานมคฺคนฺติ อทฺธานสงฺขาตํ ทีฆมคฺคํ, น นครวีถิมคฺคนฺติ อโตฺถฯ เต ภิกฺขู อจฺฉินฺทิํสูติ มุสิํสุ, ปตฺตจีวรานิ เนสํ หริํสูติ อโตฺถฯ อนุยุญฺชาหีติ ภิกฺขุภาวชานนตฺถาย ปุจฺฉฯ อนุยุญฺชิยมานาติ ปพฺพชฺชาอุปสมฺปทาปตฺตจีวราธิฎฺฐานาทีนิ ปุจฺฉิยมานาฯ เอตมตฺถํ อาโรเจสุนฺติ ภิกฺขุภาวํ ชานาเปตฺวา โย ‘‘สาเกตา สาวตฺถิํ อทฺธานมคฺคปฺปฎิปนฺนา’’ติอาทินา นเยน วุโตฺต, เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ
Addhānamagganti addhānasaṅkhātaṃ dīghamaggaṃ, na nagaravīthimagganti attho. Te bhikkhū acchindiṃsūti musiṃsu, pattacīvarāni nesaṃ hariṃsūti attho. Anuyuñjāhīti bhikkhubhāvajānanatthāya puccha. Anuyuñjiyamānāti pabbajjāupasampadāpattacīvarādhiṭṭhānādīni pucchiyamānā. Etamatthaṃ ārocesunti bhikkhubhāvaṃ jānāpetvā yo ‘‘sāketā sāvatthiṃ addhānamaggappaṭipannā’’tiādinā nayena vutto, etamatthaṃ ārocesuṃ.
๕๑๗. อญฺญาตกํ คหปติํ วาติอาทีสุ ยํ ปรโต ‘‘ติเณน วา ปเณฺณน วา ปฎิจฺฉาเทตฺวา’’ติ วุตฺตํ, ตํ อาทิํ กตฺวา เอวํ อนุปุพฺพกถา เวทิตพฺพาฯ สเจ โจเร ปสฺสิตฺวา ทหรา ปตฺตจีวรานิ คเหตฺวา ปลาตา, โจรา เถรานํ นิวาสนปารุปนมตฺตํเยว หริตฺวา คจฺฉนฺติ, เถเรหิ เนว ตาว จีวรํ วิญฺญาเปตพฺพํ, น สาขาปลาสํ ภญฺชิตพฺพํฯ อถ ทหรา สพฺพํ ภณฺฑกํ ฉเฑฺฑตฺวา ปลาตา, โจรา เถรานํ นิวาสนปารุปนํ ตญฺจ ภณฺฑกํ คเหตฺวา คจฺฉนฺติ, ทหเรหิ อาคนฺตฺวา อตฺตโน นิวาสนปารุปนานิ น ตาว เถรานํ ทาตพฺพานิ, น หิ อนจฺฉินฺนจีวรา อตฺตโน อตฺถาย สาขาปลาสํ ภญฺชิตุํ ลภนฺติ, อจฺฉินฺนจีวรานํ ปน อตฺถาย ลภนฺติ, อจฺฉินฺนจีวราว อตฺตโนปิ ปเรสมฺปิ อตฺถาย ลภนฺติฯ ตสฺมา เถเรหิ วา สาขาปลาสํ ภญฺชิตฺวา วากาทีหิ คเนฺถตฺวา ทหรานํ ทาตพฺพํ, ทหเรหิ วา เถรานํ อตฺถาย ภญฺชิตฺวา คเนฺถตฺวา เตสํ หเตฺถ ทตฺวา วา อทตฺวา วา อตฺตนา นิวาเสตฺวา อตฺตโน นิวาสนปารุปนานิ เถรานํ ทาตพฺพานิ, เนว ภูตคามปาตพฺยตาย ปาจิตฺติยํ โหติ, น เตสํ ธารเณ ทุกฺกฎํฯ
517.Aññātakaṃ gahapatiṃ vātiādīsu yaṃ parato ‘‘tiṇena vā paṇṇena vā paṭicchādetvā’’ti vuttaṃ, taṃ ādiṃ katvā evaṃ anupubbakathā veditabbā. Sace core passitvā daharā pattacīvarāni gahetvā palātā, corā therānaṃ nivāsanapārupanamattaṃyeva haritvā gacchanti, therehi neva tāva cīvaraṃ viññāpetabbaṃ, na sākhāpalāsaṃ bhañjitabbaṃ. Atha daharā sabbaṃ bhaṇḍakaṃ chaḍḍetvā palātā, corā therānaṃ nivāsanapārupanaṃ tañca bhaṇḍakaṃ gahetvā gacchanti, daharehi āgantvā attano nivāsanapārupanāni na tāva therānaṃ dātabbāni, na hi anacchinnacīvarā attano atthāya sākhāpalāsaṃ bhañjituṃ labhanti, acchinnacīvarānaṃ pana atthāya labhanti, acchinnacīvarāva attanopi paresampi atthāya labhanti. Tasmā therehi vā sākhāpalāsaṃ bhañjitvā vākādīhi ganthetvā daharānaṃ dātabbaṃ, daharehi vā therānaṃ atthāya bhañjitvā ganthetvā tesaṃ hatthe datvā vā adatvā vā attanā nivāsetvā attano nivāsanapārupanāni therānaṃ dātabbāni, neva bhūtagāmapātabyatāya pācittiyaṃ hoti, na tesaṃ dhāraṇe dukkaṭaṃ.
สเจ อนฺตรามเคฺค รชกตฺถรณํ วา โหติ, อเญฺญ วา ตาทิเส มนุเสฺส ปสฺสนฺติ, จีวรํ วิญฺญาเปตพฺพํฯ ยานิ จ เนสํ เต วา วิญฺญตฺตมนุสฺสา อเญฺญ วา สาขาปลาสนิวาสเน ภิกฺขู ทิสฺวา อุสฺสาหชาตา วตฺถานิ เทนฺติ, ตานิ สทสานิ วา โหนฺตุ อทสานิ วา นีลาทินานาวณฺณานิ วา กปฺปิยานิปิ อกปฺปิยานิปิ สพฺพานิ อจฺฉินฺนจีวรฎฺฐาเน ฐิตตฺตา เตสํ นิวาเสตุญฺจ ปารุปิตุญฺจ วฎฺฎนฺติฯ วุตฺตมฺปิเหตํ ปริวาเร –
Sace antarāmagge rajakattharaṇaṃ vā hoti, aññe vā tādise manusse passanti, cīvaraṃ viññāpetabbaṃ. Yāni ca nesaṃ te vā viññattamanussā aññe vā sākhāpalāsanivāsane bhikkhū disvā ussāhajātā vatthāni denti, tāni sadasāni vā hontu adasāni vā nīlādinānāvaṇṇāni vā kappiyānipi akappiyānipi sabbāni acchinnacīvaraṭṭhāne ṭhitattā tesaṃ nivāsetuñca pārupituñca vaṭṭanti. Vuttampihetaṃ parivāre –
‘‘อกปฺปกตํ นาปิ รชนาย รตฺตํ;
‘‘Akappakataṃ nāpi rajanāya rattaṃ;
เตน นิวโตฺถ เยน กามํ วเชยฺย;
Tena nivattho yena kāmaṃ vajeyya;
น จสฺส โหติ อาปตฺติ;
Na cassa hoti āpatti;
โส จ ธโมฺม สุคเตน เทสิโต;
So ca dhammo sugatena desito;
ปญฺหา เมสา กุสเลหิ จินฺติตา’’ติฯ (ปริ. ๔๘๑);
Pañhā mesā kusalehi cintitā’’ti. (pari. 481);
อยญฺหิ ปโญฺห อจฺฉินฺนจีวรกํ ภิกฺขุํ สนฺธาย วุโตฺตฯ อถ ปน ติตฺถิเยหิ สหคจฺฉนฺติ, เต จ เนสํ กุสจีรวากจีรผลกจีรานิ เทนฺติ, ตานิปิ ลทฺธิํ อคฺคเหตฺวา นิวาเสตุํ วฎฺฎนฺติ, นิวาเสตฺวาปิ ลทฺธิ น คเหตพฺพาฯ
Ayañhi pañho acchinnacīvarakaṃ bhikkhuṃ sandhāya vutto. Atha pana titthiyehi sahagacchanti, te ca nesaṃ kusacīravākacīraphalakacīrāni denti, tānipi laddhiṃ aggahetvā nivāsetuṃ vaṭṭanti, nivāsetvāpi laddhi na gahetabbā.
อิทานิ ‘‘ยํ อาวาสํ ปฐมํ อุปคจฺฉติ, สเจ ตตฺถ โหติ สงฺฆสฺส วิหารจีวรํ วา’’ติอาทีสุ วิหารจีวรํ นาม มนุสฺสา อาวาสํ กาเรตฺวา ‘‘จตฺตาโรปิ ปจฺจยา อมฺหากํเยว สนฺตกา ปริโภคํ คจฺฉนฺตู’’ติ ติจีวรํ สเชฺชตฺวา อตฺตนา การาปิเต อาวาเส ฐเปนฺติ, เอตํ วิหารจีวรํ นามฯ อุตฺตรตฺถรณนฺติ มญฺจกสฺส อุปริ อตฺถรณกํ วุจฺจติฯ ภุมตฺถรณนฺติ ปริกมฺมกตาย ภูมิยา รกฺขณตฺถํ จิมิลิกาหิ กตอตฺถรณํ ตสฺส อุปริ ตฎฺฎิกํ ปตฺถริตฺวา จงฺกมนฺติฯ ภิสิจฺฉวีติ มญฺจภิสิยา วา ปีฐภิสิยา วา ฉวิ, สเจ ปูริตา โหติ วิธุนิตฺวาปิ คเหตุํ วฎฺฎติฯ เอวเมเตสุ วิหารจีวราทีสุ ยํ ตตฺถ อาวาเส โหติ, ตํ อนาปุจฺฉาปิ คเหตฺวา นิวาเสตุํ วา ปารุปิตุํ วา อจฺฉินฺนจีวรกานํ ภิกฺขูนํ ลพฺภตีติ เวทิตพฺพํฯ ตญฺจ โข ลภิตฺวา โอทหิสฺสามิ ปุน ฐเปสฺสามีติ อธิปฺปาเยน น มูลเจฺฉชฺชายฯ ลภิตฺวา จ ปน ญาติโต วา อุปฎฺฐากโต วา อญฺญโต วา กุโตจิ ปากติกเมว กาตพฺพํฯ วิเทสคเตน เอกสฺมิํ สงฺฆิเก อาวาเส สงฺฆิกปริโภเคน ปริภุญฺชนตฺถาย ฐเปตพฺพํฯ สจสฺส ปริโภเคเนว ตํ ชีรติ วา นสฺสติ วา คีวา น โหติฯ สเจ ปน เอเตสํ วุตฺตปฺปการานํ คิหิวตฺถาทีนํ ภิสิจฺฉวิปริยนฺตานํ กิญฺจิ น ลพฺภติ, เตน ติเณน วา ปเณฺณน วา ปฎิจฺฉาเทตฺวา อาคนฺตพฺพนฺติฯ
Idāni ‘‘yaṃ āvāsaṃ paṭhamaṃ upagacchati, sace tattha hoti saṅghassa vihāracīvaraṃ vā’’tiādīsu vihāracīvaraṃ nāma manussā āvāsaṃ kāretvā ‘‘cattāropi paccayā amhākaṃyeva santakā paribhogaṃ gacchantū’’ti ticīvaraṃ sajjetvā attanā kārāpite āvāse ṭhapenti, etaṃ vihāracīvaraṃ nāma. Uttarattharaṇanti mañcakassa upari attharaṇakaṃ vuccati. Bhumattharaṇanti parikammakatāya bhūmiyā rakkhaṇatthaṃ cimilikāhi kataattharaṇaṃ tassa upari taṭṭikaṃ pattharitvā caṅkamanti. Bhisicchavīti mañcabhisiyā vā pīṭhabhisiyā vā chavi, sace pūritā hoti vidhunitvāpi gahetuṃ vaṭṭati. Evametesu vihāracīvarādīsu yaṃ tattha āvāse hoti, taṃ anāpucchāpi gahetvā nivāsetuṃ vā pārupituṃ vā acchinnacīvarakānaṃ bhikkhūnaṃ labbhatīti veditabbaṃ. Tañca kho labhitvā odahissāmi puna ṭhapessāmīti adhippāyena na mūlacchejjāya. Labhitvā ca pana ñātito vā upaṭṭhākato vā aññato vā kutoci pākatikameva kātabbaṃ. Videsagatena ekasmiṃ saṅghike āvāse saṅghikaparibhogena paribhuñjanatthāya ṭhapetabbaṃ. Sacassa paribhogeneva taṃ jīrati vā nassati vā gīvā na hoti. Sace pana etesaṃ vuttappakārānaṃ gihivatthādīnaṃ bhisicchavipariyantānaṃ kiñci na labbhati, tena tiṇena vā paṇṇena vā paṭicchādetvā āgantabbanti.
๕๑๙. เยหิ เกหิจิ วา อจฺฉินฺนนฺติ เอตฺถ ยมฺปิ อจฺฉินฺนจีวรา อาจริยุปชฺฌายา อเญฺญ ‘‘อาหรถ, อาวุโส, จีวร’’นฺติ ยาจิตฺวา วา วิสฺสาเสน วา คณฺหนฺติ, ตมฺปิ สงฺคหํ คจฺฉตีติ วตฺตุํ ยุชฺชติฯ
519.Yehikehici vā acchinnanti ettha yampi acchinnacīvarā ācariyupajjhāyā aññe ‘‘āharatha, āvuso, cīvara’’nti yācitvā vā vissāsena vā gaṇhanti, tampi saṅgahaṃ gacchatīti vattuṃ yujjati.
ปริโภคชิณฺณํ วาติ เอตฺถ จ อจฺฉินฺนจีวรานํ อาจริยุปชฺฌายาทีนํ อตฺตนา ติณปเณฺณหิ ปฎิจฺฉาเทตฺวา ทินฺนจีวรมฺปิ สงฺคหํ คจฺฉตีติ วตฺตุํ ยุชฺชติฯ เอวญฺหิ เต อจฺฉินฺนจีวรฎฺฐาเน นฎฺฐจีวรฎฺฐาเน จ ฐิตา ภวิสฺสนฺติ, เตน เนสํ วิญฺญตฺติยํ อกปฺปิยจีวรปริโภเค จ อนาปตฺติ อนุรูปา ภวิสฺสติฯ
Paribhogajiṇṇaṃ vāti ettha ca acchinnacīvarānaṃ ācariyupajjhāyādīnaṃ attanā tiṇapaṇṇehi paṭicchādetvā dinnacīvarampi saṅgahaṃ gacchatīti vattuṃ yujjati. Evañhi te acchinnacīvaraṭṭhāne naṭṭhacīvaraṭṭhāne ca ṭhitā bhavissanti, tena nesaṃ viññattiyaṃ akappiyacīvaraparibhoge ca anāpatti anurūpā bhavissati.
๕๒๑. ญาตกานํ ปวาริตานนฺติ เอตฺถ ‘‘เอเตสํ สนฺตกํ เทถา’’ติ วิญฺญาเปนฺตสฺส ยาจนฺตสฺส อนาปตฺตีติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ น หิ ญาตกปวาริตานํ อาปตฺติ วา อนาปตฺติ วา โหติฯ อตฺตโน ธเนนาติ เอตฺถาปิ อตฺตโน กปฺปิยภเณฺฑน กปฺปิยโวหาเรเนว จีวรํ วิญฺญาเปนฺตสฺส เจตาเปนฺตสฺส ปริวตฺตาเปนฺตสฺส อนาปตฺตีติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ปวาริตานนฺติ เอตฺถ จ สงฺฆวเสน ปวาริเตสุ ปมาณเมว วฎฺฎติฯ ปุคฺคลิกปวารณาย ยํ ยํ ปวาเรติ, ตํ ตํเยว วิญฺญาเปตพฺพํฯ โย จตูหิ ปจฺจเยหิ ปวาเรตฺวา สยเมว สลฺลเกฺขตฺวา กาลานุกาลํ จีวรานิ ทิวเส ทิวเส ยาคุภตฺตาทีนีติ เอวํ เยน เยนโตฺถ ตํ ตํ เทติ, ตสฺส วิญฺญาปนกิจฺจํ นตฺถิฯ โย ปน ปวาเรตฺวา พาลตาย วา สติสโมฺมเสน วา น เทติ, โส วิญฺญาเปตโพฺพฯ โย ‘‘มยฺหํ เคหํ ปวาเรมี’’ติ วทติ, ตสฺส เคหํ คนฺตฺวา ยถาสุขํ นิสีทิตพฺพํ นิปชฺชิตพฺพํ, น กิญฺจิ คเหตพฺพํฯ โย ปน ‘‘ยํ มยฺหํ เคเห อตฺถิ, ตํ ปวาเรมี’’ติ วทติฯ ยํ ตตฺถ กปฺปิยํ, ตํ วิญฺญาเปตพฺพํ, เคเห ปน นิสีทิตุํ วา นิปชฺชิตุํ วา น ลพฺภตีติ กุรุนฺทิยํ วุตฺตํฯ
521.Ñātakānaṃ pavāritānanti ettha ‘‘etesaṃ santakaṃ dethā’’ti viññāpentassa yācantassa anāpattīti evamattho daṭṭhabbo. Na hi ñātakapavāritānaṃ āpatti vā anāpatti vā hoti. Attano dhanenāti etthāpi attano kappiyabhaṇḍena kappiyavohāreneva cīvaraṃ viññāpentassa cetāpentassa parivattāpentassa anāpattīti evamattho daṭṭhabbo. Pavāritānanti ettha ca saṅghavasena pavāritesu pamāṇameva vaṭṭati. Puggalikapavāraṇāya yaṃ yaṃ pavāreti, taṃ taṃyeva viññāpetabbaṃ. Yo catūhi paccayehi pavāretvā sayameva sallakkhetvā kālānukālaṃ cīvarāni divase divase yāgubhattādīnīti evaṃ yena yenattho taṃ taṃ deti, tassa viññāpanakiccaṃ natthi. Yo pana pavāretvā bālatāya vā satisammosena vā na deti, so viññāpetabbo. Yo ‘‘mayhaṃ gehaṃ pavāremī’’ti vadati, tassa gehaṃ gantvā yathāsukhaṃ nisīditabbaṃ nipajjitabbaṃ, na kiñci gahetabbaṃ. Yo pana ‘‘yaṃ mayhaṃ gehe atthi, taṃ pavāremī’’ti vadati. Yaṃ tattha kappiyaṃ, taṃ viññāpetabbaṃ, gehe pana nisīdituṃ vā nipajjituṃ vā na labbhatīti kurundiyaṃ vuttaṃ.
อญฺญสฺสตฺถายาติ เอตฺถ อตฺตโน ญาตกปวาริเต น เกวลํ อตฺตโน อตฺถาย, อถ โข อญฺญสฺสตฺถาย วิญฺญาเปนฺตสฺส อนาปตฺตีติ อยเมโก อโตฺถฯ อยํ ปน ทุติโย อญฺญสฺสาติ เย อญฺญสฺส ญาตกปวาริตา, เต ตเสฺสว ‘‘อญฺญสฺสา’’ติ ลทฺธโวหารสฺส พุทฺธรกฺขิตสฺส วา ธมฺมรกฺขิตสฺส วา อตฺถาย วิญฺญาเปนฺตสฺส อนาปตฺตีติฯ เสสํ อุตฺตานตฺถเมวฯ
Aññassatthāyāti ettha attano ñātakapavārite na kevalaṃ attano atthāya, atha kho aññassatthāya viññāpentassa anāpattīti ayameko attho. Ayaṃ pana dutiyo aññassāti ye aññassa ñātakapavāritā, te tasseva ‘‘aññassā’’ti laddhavohārassa buddharakkhitassa vā dhammarakkhitassa vā atthāya viññāpentassa anāpattīti. Sesaṃ uttānatthameva.
สมุฎฺฐานาทีสุ อิทมฺปิ ฉสมุฎฺฐานํ, กิริยํ, โนสญฺญาวิโมกฺขํ, อจิตฺตกํ, ปณฺณตฺติวชฺชํ, กายกมฺมวจีกมฺมํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ
Samuṭṭhānādīsu idampi chasamuṭṭhānaṃ, kiriyaṃ, nosaññāvimokkhaṃ, acittakaṃ, paṇṇattivajjaṃ, kāyakammavacīkammaṃ, ticittaṃ, tivedananti.
อญฺญาตกวิญฺญตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Aññātakaviññattisikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๖. อญฺญาตกวิญฺญตฺติสิกฺขาปทํ • 6. Aññātakaviññattisikkhāpadaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๖. อญฺญาตกวิญฺญตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา • 6. Aññātakaviññattisikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๖. อญฺญาตกวิญฺญตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา • 6. Aññātakaviññattisikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๖. อญฺญาตกวิญฺญตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา • 6. Aññātakaviññattisikkhāpadavaṇṇanā