Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā |
๖. อญฺญาตกวิญฺญตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา
6. Aññātakaviññattisikkhāpadavaṇṇanā
๕๑๕. ปริกฺขารานนฺติ อุปโยคเตฺถ สามิวจนํฯ เอกสาฎกนฺติ ภาวนปุํสกํ, ‘‘อญฺญาตโก โมฆปุริสา’’ติ วจเนน ปวาริโตปิ อทาตุกาโม อญฺญาตโก อปฺปวาริตฎฺฐาเน ติฎฺฐตีติ ทีปิตํ โหติฯ อญฺญถา ‘‘อนาปตฺติ ปวาริตาน’’นฺติ อิมินา วิรุชฺฌติฯ
515.Parikkhārānanti upayogatthe sāmivacanaṃ. Ekasāṭakanti bhāvanapuṃsakaṃ, ‘‘aññātako moghapurisā’’ti vacanena pavāritopi adātukāmo aññātako appavāritaṭṭhāne tiṭṭhatīti dīpitaṃ hoti. Aññathā ‘‘anāpatti pavāritāna’’nti iminā virujjhati.
๕๑๗. เนว ตาว วิญฺญาเปตพฺพํ, น ภญฺชิตพฺพนฺติ อนจฺฉินฺนานํ จีวรานํ อตฺตโน สนฺตกานํ อตฺถิตาย, ตตฺถ ปจฺจาสาสพฺภาวโต จฯ ปจฺจาสา กิตฺตกํ กาลํ รกฺขตีติ? ยาว คามนฺตรา, ยาว อทฺธโยชนาติ เอเกฯ ยาว ทสฺสนสวนูปจาราติ เอเกฯ ยาว อเญฺญ น ปสฺสนฺตีติ เอเกฯ ยาว ปจฺจาสา ฉิชฺชตีติ เอเกฯ ยาว สาขาปลาสปริเยสนภญฺชนสชฺชนกาลปริเจฺฉทาติ เอเกฯ อิทํ สพฺพํ ยถาสมฺภวํ ยุชฺชติฯ กถํ ปญฺญายตีติ เจ? ‘‘สเจ ปน เอเตสํ วุตฺตปฺปการานํ คิหิวตฺถาทีนํ ภิสิฉวิปริยนฺตานํ กิญฺจิ น ลพฺภติ, เตน ติเณน วา ปเณฺณน วา ปฎิจฺฉาเทตฺวา อาคนฺตพฺพ’’นฺติ อฎฺฐกถาวจนโตฯ
517.Neva tāva viññāpetabbaṃ, na bhañjitabbanti anacchinnānaṃ cīvarānaṃ attano santakānaṃ atthitāya, tattha paccāsāsabbhāvato ca. Paccāsā kittakaṃ kālaṃ rakkhatīti? Yāva gāmantarā, yāva addhayojanāti eke. Yāva dassanasavanūpacārāti eke. Yāva aññe na passantīti eke. Yāva paccāsā chijjatīti eke. Yāva sākhāpalāsapariyesanabhañjanasajjanakālaparicchedāti eke. Idaṃ sabbaṃ yathāsambhavaṃ yujjati. Kathaṃ paññāyatīti ce? ‘‘Sace pana etesaṃ vuttappakārānaṃ gihivatthādīnaṃ bhisichavipariyantānaṃ kiñci na labbhati, tena tiṇena vā paṇṇena vā paṭicchādetvā āgantabba’’nti aṭṭhakathāvacanato.
น ตาว เถรานํ ทาตพฺพานีติ น ตาว อตฺตโน รุจิยา ทาตพฺพานิ, ยทา เถรา ‘‘เทถาวุโส’’ติ วทนฺติ, ตทา ทาตพฺพานิฯ ‘‘เอวํ สติ ทหราปิ อจฺฉินฺนจีวรฎฺฐาเน ติฎฺฐนฺติ, สาขาปลาสํ ภญฺชิตุํ วฎฺฎติ, น อญฺญถาฯ ‘เยหิ เกหิจิ วา อจฺฉินฺนํ โหตี’ติ หิ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํฯ อาจริโย ปน เอวํ วทติ ‘‘อตฺตโน รุจิยาปิ ทาตุํ ลภนฺตี’’ติฯ ตถา หิ อฎฺฐกถายํ ‘‘ปริโภคชิณฺณํ วา’ติ เอตฺถ จ ‘อจฺฉินฺนจีวรานํ อาจริยุปชฺฌายาทีนํ อตฺตนา ติณปเณฺณหิ ปฎิจฺฉาเทตฺวา ทินฺนจีวรมฺปิ สงฺคหํ คจฺฉตี’ติ วตฺตุํ ยุชฺชตี’’ติ วุตฺตํฯ อถาปิ สิยา อาจริยาทีหิ ‘‘อาหราวุโส’’ติ วุเตฺตเยว, นาวุเตฺตติ, น, ‘‘เกหิจิ วา อจฺฉินฺน’’นฺติ เอตฺถ วุตฺตเลสโต ทุติยเลสสฺส อวิเสสภาวปฺปสงฺคโตติฯ อถ กิมตฺถํ ‘‘น ตาว เถรานํ ทาตพฺพานี’’ติ วุตฺตนฺติ เจ? ยาว เถรานํ อตฺถาย สาขาปลาสานิ ภญฺชติ, ตาว น ทาตพฺพานิ, ตโต ตานิ เถรุทฺทิสฺสกานิ สาขาปลาสานิ สยํ ปริทหิตฺวา วินาปิ เถราณตฺติยา อตฺตโน รุจิยา ทาตพฺพานิ, ภูตคามปาตพฺยตาย ปาจิตฺติยํ น โหติ สตฺถุนาปิ อนุญฺญาตตฺตาฯ ‘‘ติเณน วา ปเณฺณน วา’’ติ หิ วุตฺตํ, ตํ กปฺปิยเมว สนฺธาย วุตฺตนฺติ เจ? น, ‘‘ตทลาเภ น เตฺวว…เป.… ทุกฺกฎสฺสา’’ติ วจนวิโรธโตฯ เอตฺถาห – ทุกฺกฎภยา ปาจิตฺติยวตฺถุ เจ อติกฺกมิตพฺพํ, ตทลาเภ ถุลฺลจฺจยวตฺถุ สงฺฆิกํ, ตทลาเภ ปาราชิกวตฺถุปิ อติกฺกมิตพฺพํ สิยาติ? น, ปาราชิกสฺส โลกวชฺชตฺตาฯ อปิจ น สพฺพํ ภูตคามํ ปาจิตฺติยวตฺถุเมว, ตโต ทุกฺกฎาทิวตฺถุปิ อตฺถิ, อนาปตฺติวตฺถุปิ กาโลทิสกํ, ตสฺมา อิทํ ตทา อนาปตฺติวตฺถุกนฺติ เวทิตพฺพํฯ กิตฺตาวตา ภิกฺขุ อจฺฉินฺนจีวโร นฎฺฐจีวโร โหตีติ? เอตฺตาวตา นโคฺค โหตีติ เอเกฯ วิกปฺปนุปคปจฺฉิมภาเวน, วิกปฺปนุปคปจฺฉิมมาทิํ กตฺวา วิญฺญาเปนฺตสฺส อาปตฺตีติ เอเกฯ นิวาสนปารุปนุปคาภาเวนาติ เอเกฯ ติจีวราภาเวนาติ เอเกฯ สนฺตรุตฺตรปรมาภาเวนาติ เอเกฯ อยํ เอเกวาโท ยุโตฺต ‘‘สนฺตรุตฺตรปรมํ ตโต จีวรํ สาทิตพฺพ’’นฺติ หิ วจนโต, ตสฺมา สนฺตรุตฺตเร สติ วิกปฺปนุปคปจฺฉิมํ วิญฺญาเปนฺตสฺส ปฎิลาเภน นิสฺสคฺคิยํฯ ยทิ เอวํ ‘‘วิญฺญาเปตฺวา ปฎิลเภยฺย นิสฺสคฺคิย’’นฺติ สิกฺขาปเทน ภวิตพฺพนฺติ เจ? ตนฺน, ตทตฺถสิทฺธิโต นานตฺถตฺตา ธาตูนํฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? ยถา หิ ‘‘ติกฺขตฺตุํ เมถุนํ ธมฺมํ อภิวิญฺญาเปสี’’ติ (ปารา. ๓๖) วุเตฺต ปวเตฺตสีติ อโตฺถ, ตถา อิธาปิ ‘‘จีวรํ วิญฺญาเปยฺยา’’ติ วิญฺญตฺติยา ปวเตฺตยฺย อุปฺปาเทยฺยาติ อโตฺถฯ
Na tāva therānaṃ dātabbānīti na tāva attano ruciyā dātabbāni, yadā therā ‘‘dethāvuso’’ti vadanti, tadā dātabbāni. ‘‘Evaṃ sati daharāpi acchinnacīvaraṭṭhāne tiṭṭhanti, sākhāpalāsaṃ bhañjituṃ vaṭṭati, na aññathā. ‘Yehi kehici vā acchinnaṃ hotī’ti hi vutta’’nti vuttaṃ. Ācariyo pana evaṃ vadati ‘‘attano ruciyāpi dātuṃ labhantī’’ti. Tathā hi aṭṭhakathāyaṃ ‘‘paribhogajiṇṇaṃ vā’ti ettha ca ‘acchinnacīvarānaṃ ācariyupajjhāyādīnaṃ attanā tiṇapaṇṇehi paṭicchādetvā dinnacīvarampi saṅgahaṃ gacchatī’ti vattuṃ yujjatī’’ti vuttaṃ. Athāpi siyā ācariyādīhi ‘‘āharāvuso’’ti vutteyeva, nāvutteti, na, ‘‘kehici vā acchinna’’nti ettha vuttalesato dutiyalesassa avisesabhāvappasaṅgatoti. Atha kimatthaṃ ‘‘na tāva therānaṃ dātabbānī’’ti vuttanti ce? Yāva therānaṃ atthāya sākhāpalāsāni bhañjati, tāva na dātabbāni, tato tāni theruddissakāni sākhāpalāsāni sayaṃ paridahitvā vināpi therāṇattiyā attano ruciyā dātabbāni, bhūtagāmapātabyatāya pācittiyaṃ na hoti satthunāpi anuññātattā. ‘‘Tiṇena vā paṇṇena vā’’ti hi vuttaṃ, taṃ kappiyameva sandhāya vuttanti ce? Na, ‘‘tadalābhe na tveva…pe… dukkaṭassā’’ti vacanavirodhato. Etthāha – dukkaṭabhayā pācittiyavatthu ce atikkamitabbaṃ, tadalābhe thullaccayavatthu saṅghikaṃ, tadalābhe pārājikavatthupi atikkamitabbaṃ siyāti? Na, pārājikassa lokavajjattā. Apica na sabbaṃ bhūtagāmaṃ pācittiyavatthumeva, tato dukkaṭādivatthupi atthi, anāpattivatthupi kālodisakaṃ, tasmā idaṃ tadā anāpattivatthukanti veditabbaṃ. Kittāvatā bhikkhu acchinnacīvaro naṭṭhacīvaro hotīti? Ettāvatā naggo hotīti eke. Vikappanupagapacchimabhāvena, vikappanupagapacchimamādiṃ katvā viññāpentassa āpattīti eke. Nivāsanapārupanupagābhāvenāti eke. Ticīvarābhāvenāti eke. Santaruttaraparamābhāvenāti eke. Ayaṃ ekevādo yutto ‘‘santaruttaraparamaṃ tato cīvaraṃ sāditabba’’nti hi vacanato, tasmā santaruttare sati vikappanupagapacchimaṃ viññāpentassa paṭilābhena nissaggiyaṃ. Yadi evaṃ ‘‘viññāpetvā paṭilabheyya nissaggiya’’nti sikkhāpadena bhavitabbanti ce? Tanna, tadatthasiddhito nānatthattā dhātūnaṃ. Kiṃ vuttaṃ hoti? Yathā hi ‘‘tikkhattuṃ methunaṃ dhammaṃ abhiviññāpesī’’ti (pārā. 36) vutte pavattesīti attho, tathā idhāpi ‘‘cīvaraṃ viññāpeyyā’’ti viññattiyā pavatteyya uppādeyyāti attho.
เตน นิวโตฺถติ ตํนิวโตฺถฯ อญฺญสฺส อลาเภน ตเมว ปริภุญฺชโต ชิรติ, น เลเสนฯ อตฺตนาติ สยเมว วตฺตุํ ยุชฺชติ, ตสฺมา อยุตฺตปริโภเคน อปริภุญฺชิตฺวา ยุตฺตปริโภควเสน ปริภุญฺชโต ชิณฺณํ ปริโภคชิณฺณํ นามฯ ตสฺส สภาคานํ อจฺฉินฺนกาเล ทานมฺปิ ยุตฺตปริโภเค เอว สงฺคหํ คจฺฉตีติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘อิเม กิร เทฺว เลสา อฎฺฐกถาโย, วาเจนฺตานํ อาจริยานํ มตนฺติ ธมฺมสิริเตฺถโร อาหา’’ติ วุตฺตํฯ
Tena nivatthoti taṃnivattho. Aññassa alābhena tameva paribhuñjato jirati, na lesena. Attanāti sayameva vattuṃ yujjati, tasmā ayuttaparibhogena aparibhuñjitvā yuttaparibhogavasena paribhuñjato jiṇṇaṃ paribhogajiṇṇaṃ nāma. Tassa sabhāgānaṃ acchinnakāle dānampi yuttaparibhoge eva saṅgahaṃ gacchatīti adhippāyo. ‘‘Ime kira dve lesā aṭṭhakathāyo, vācentānaṃ ācariyānaṃ matanti dhammasiritthero āhā’’ti vuttaṃ.
๕๒๑. นิสีทิตุํ วา นิปชฺชิตุํ วา น ลภตีติ ยถาสุขํ น ลภตีติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘อญฺญสฺสตฺถายา’’ติ เอตฺถาปิ ‘‘ญาตกานํ ปวาริตาน’’นฺติ อนุวตฺตติ เอวฯ อตฺถาย กสฺส? ตเสฺสว อญฺญสฺสฯ ยถา อญฺญาตเก ติกปาจิตฺติยํ, ตถา อปฺปวาริเตปีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ญาตกานํ ปวาริตาน’’นฺติ วุตฺตํฯ อญฺญถา ‘‘ญาตเก ญาตกสญฺญี’’ติ อิมินา สิทฺธตฺตา น นิจฺจํ เสสํ อาปชฺชติฯ อปิเจตฺถ อญฺญาตกคฺคหเณน อปฺปวาริตคฺคหณํ โหติ , อปฺปวาริตคฺคหเณน อญฺญาตกคฺคหณํ, อญฺญาตกา หิ อปฺปวาริตา โหนฺติฯ ตถา ญาตกคฺคหเณน ปวาริตคฺคหณํ โหติ, กตฺถจิ น โหติฯ น ปวาริตคฺคหเณน ญาตกคฺคหณํ โหตีติ อิมสฺส อตฺถวิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ ‘‘ญาตกานํ ปวาริตาน’’นฺติ วุตฺตํฯ ตถา หิ อญฺญาติกาย ภิกฺขุนิยา อปฺปวาริตาย จ จีวรํ อญฺญตฺร ปาริวตฺตกา ปฎิคฺคณฺหนฺตสฺส อาปตฺติฯ ญาติกาย ปน ปวาริตาย จ วิสฺสาสํ คณฺหาติ, อนาปตฺติฯ ตถา ปุราณจีวรํ ญาติกาย อนาปตฺติ, ปวาริตาย ปน ติกปาจิตฺติยเมวฯ ญาตกานญฺจ เอกจฺจานํ ปุราณจีวรํ นาม ทาตุํ วฎฺฎติ, น ปวาริตานํฯ ติกเจฺฉโท จ มาติกาปเทเนว โหติ, น อเญฺญนฯ ตตฺถาปิ เอเกเนว, น ทุติยาทีหีติ อยํ วินเย ธมฺมตา เวทิตพฺพาฯ
521.Nisīdituṃ vā nipajjituṃ vā na labhatīti yathāsukhaṃ na labhatīti adhippāyo. ‘‘Aññassatthāyā’’ti etthāpi ‘‘ñātakānaṃ pavāritāna’’nti anuvattati eva. Atthāya kassa? Tasseva aññassa. Yathā aññātake tikapācittiyaṃ, tathā appavāritepīti dassanatthaṃ ‘‘ñātakānaṃ pavāritāna’’nti vuttaṃ. Aññathā ‘‘ñātake ñātakasaññī’’ti iminā siddhattā na niccaṃ sesaṃ āpajjati. Apicettha aññātakaggahaṇena appavāritaggahaṇaṃ hoti , appavāritaggahaṇena aññātakaggahaṇaṃ, aññātakā hi appavāritā honti. Tathā ñātakaggahaṇena pavāritaggahaṇaṃ hoti, katthaci na hoti. Na pavāritaggahaṇena ñātakaggahaṇaṃ hotīti imassa atthavisesassa dassanatthaṃ ‘‘ñātakānaṃ pavāritāna’’nti vuttaṃ. Tathā hi aññātikāya bhikkhuniyā appavāritāya ca cīvaraṃ aññatra pārivattakā paṭiggaṇhantassa āpatti. Ñātikāya pana pavāritāya ca vissāsaṃ gaṇhāti, anāpatti. Tathā purāṇacīvaraṃ ñātikāya anāpatti, pavāritāya pana tikapācittiyameva. Ñātakānañca ekaccānaṃ purāṇacīvaraṃ nāma dātuṃ vaṭṭati, na pavāritānaṃ. Tikacchedo ca mātikāpadeneva hoti, na aññena. Tatthāpi ekeneva, na dutiyādīhīti ayaṃ vinaye dhammatā veditabbā.
อญฺญาตกวิญฺญตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Aññātakaviññattisikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๖. อญฺญาตกวิญฺญตฺติสิกฺขาปทํ • 6. Aññātakaviññattisikkhāpadaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๖. อญฺญาตกวิญฺญตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา • 6. Aññātakaviññattisikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๖. อญฺญาตกวิญฺญตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา • 6. Aññātakaviññattisikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๖. อญฺญาตกวิญฺญตฺติสิกฺขาปทวณฺณนา • 6. Aññātakaviññattisikkhāpadavaṇṇanā