Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā

    อญฺญติตฺถิยปุพฺพวตฺถุกถา

    Aññatitthiyapubbavatthukathā

    ๘๖. อญฺญติตฺถิยปุพฺพวตฺถุสฺมิํ – โย ตาว อยํ ปสูโร, โส ติตฺถิยปกฺกนฺตกตฺตา น อุปสมฺปาเทตโพฺพฯ โย ปน อโญฺญปิ นยิธ ปพฺพชิตปุโพฺพ อาคจฺฉติ, ตสฺมิํ ยํ กตฺตพฺพํ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘โย โส ภิกฺขเว อโญฺญปี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ตสฺส จตฺตาโร มาเส ปริวาโส ทาตโพฺพติ อยํ ติตฺถิยปริวาโส นาม; อปฺปฎิจฺฉนฺนปริวาโสติปิ วุจฺจติฯ อยํ ปน นคฺคปริพฺพาชกเสฺสว อาชีวกสฺส วา อเจลกสฺส วา ทาตโพฺพ ฯ สเจ โสปิ สาฎกํ วา วาฬกมฺพลาทีนํ อญฺญตรํ ติตฺถิยทฺธชํ วา นิวาเสตฺวา อาคจฺฉติ, นาสฺส ปริวาโส ทาตโพฺพฯ อญฺญสฺส ปน ตาปสปณฺฑรงฺคาทิกสฺส น ทาตโพฺพวฯ

    86. Aññatitthiyapubbavatthusmiṃ – yo tāva ayaṃ pasūro, so titthiyapakkantakattā na upasampādetabbo. Yo pana aññopi nayidha pabbajitapubbo āgacchati, tasmiṃ yaṃ kattabbaṃ taṃ dassetuṃ ‘‘yo so bhikkhave aññopī’’tiādimāha. Tattha tassa cattāro māse parivāso dātabboti ayaṃ titthiyaparivāso nāma; appaṭicchannaparivāsotipi vuccati. Ayaṃ pana naggaparibbājakasseva ājīvakassa vā acelakassa vā dātabbo . Sace sopi sāṭakaṃ vā vāḷakambalādīnaṃ aññataraṃ titthiyaddhajaṃ vā nivāsetvā āgacchati, nāssa parivāso dātabbo. Aññassa pana tāpasapaṇḍaraṅgādikassa na dātabbova.

    ปฐมํ เกสมสฺสุนฺติอาทินา ตสฺส อาทิโตว สามเณรปพฺพชฺชํ ทเสฺสติฯ เอวํ ปพฺพาเชเนฺตหิ ปน ตสฺมิํ สงฺฆมเชฺฌ นิสิเนฺนเยว ‘‘ตฺวํ ปพฺพาเชหิ, ตฺวํ อาจริโย โหหิ, ตฺวํ อุปชฺฌาโย โหหี’’ติ เถรา ภิกฺขู น วตฺตพฺพาฯ เอวํ วุตฺตา หิ สเจ ตสฺส อาจริยุปชฺฌายภาเวน ชิคุจฺฉนฺตา น สมฺปฎิจฺฉนฺติ, อถ โส ‘‘นยิเม มยฺหํ สทฺทหนฺตี’’ติ กุชฺฌิตฺวาปิ คเจฺฉยฺยฯ ตสฺมา ตํ เอกมนฺตํ เนตฺวา ตสฺส อาจริยุปชฺฌายา ปริเยสิตพฺพาฯ

    Paṭhamaṃ kesamassuntiādinā tassa āditova sāmaṇerapabbajjaṃ dasseti. Evaṃ pabbājentehi pana tasmiṃ saṅghamajjhe nisinneyeva ‘‘tvaṃ pabbājehi, tvaṃ ācariyo hohi, tvaṃ upajjhāyo hohī’’ti therā bhikkhū na vattabbā. Evaṃ vuttā hi sace tassa ācariyupajjhāyabhāvena jigucchantā na sampaṭicchanti, atha so ‘‘nayime mayhaṃ saddahantī’’ti kujjhitvāpi gaccheyya. Tasmā taṃ ekamantaṃ netvā tassa ācariyupajjhāyā pariyesitabbā.

    ๘๗. เอวํ โข ภิกฺขเว อญฺญติตฺถิยปุโพฺพ อาราธโก โหติ, เอวํ อนาราธโกติ อยมสฺส ปริวาสวตฺตทสฺสนตฺถํ มาติกาฯ กถญฺจ ภิกฺขเวติอาทิ ตเสฺสว วิภโงฺคฯ ตตฺถ อติกาเลน คามํ ปวิสตีติ ภิกฺขูนํ วตฺตกรณเวลายเมว คามํ ปิณฺฑาย ปวิสติฯ อติทิวา ปฎิกฺกมตีติ กุลฆเรสุ อิตฺถิปุริสทารกทาริกาทีหิ สทฺธิํ เคหสฺสิตกถํ กเถโนฺต ตเตฺถว ภุญฺชิตฺวา ภิกฺขูสุ ปตฺตจีวรํ ปฎิสาเมตฺวา อุเทฺทสปริปุจฺฉาทีนิ วา กโรเนฺตสุ ปฎิสลฺลีเนสุ วา อาคจฺฉติ; น อุปชฺฌายวตฺตํ นาจริยวตฺตํ กโรติ, อญฺญทตฺถุ วสนฎฺฐานํ ปวิสิตฺวา นิทฺทายติฯ เอวมฺปิ ภิกฺขเว อญฺญติตฺถิยปุโพฺพ อนาราธโก โหตีติ เอวมฺปิ กโรโนฺต ปริวาสวตฺตสฺส สมฺปาทโก ปูรโก น โหติฯ

    87.Evaṃ kho bhikkhave aññatitthiyapubbo ārādhako hoti, evaṃ anārādhakoti ayamassa parivāsavattadassanatthaṃ mātikā. Kathañca bhikkhavetiādi tasseva vibhaṅgo. Tattha atikālena gāmaṃ pavisatīti bhikkhūnaṃ vattakaraṇavelāyameva gāmaṃ piṇḍāya pavisati. Atidivā paṭikkamatīti kulagharesu itthipurisadārakadārikādīhi saddhiṃ gehassitakathaṃ kathento tattheva bhuñjitvā bhikkhūsu pattacīvaraṃ paṭisāmetvā uddesaparipucchādīni vā karontesu paṭisallīnesu vā āgacchati; na upajjhāyavattaṃ nācariyavattaṃ karoti, aññadatthu vasanaṭṭhānaṃ pavisitvā niddāyati. Evampi bhikkhave aññatitthiyapubbo anārādhako hotīti evampi karonto parivāsavattassa sampādako pūrako na hoti.

    เวสิยาโคจโร วาติอาทีสุ เวสิยาติ อามิสกิญฺจิกฺขสมฺปทานาทินา สุลภชฺฌาจารา รูปูปชีวิกา อิตฺถิโยฯ วิธวาติ มตปติกา วา ปวุตฺถปติกา วา อิตฺถิโย; ตา เยน เกนจิ สทฺธิํ มิตฺตภาวํ ปเตฺถนฺติฯ ถุลฺลกุมาริกาติ โยพฺพนฺนปฺปตฺตา โยพฺพนฺนาตีตา วา กุมาริโย; ตา ปุริสาธิปฺปายาว วิจรนฺติ, เยน เกนจิ สทฺธิํ มิตฺตภาวํ ปเตฺถนฺติฯ ปณฺฑกาติ อุสฺสนฺนกิเลสา อวูปสนฺตปริฬาหา นปุํสกา; เต ปริฬาหเวคาภิภูตา เยน เกนจิ สทฺธิํ มิตฺตภาวํ ปเตฺถนฺติ ฯ ภิกฺขุนิโยติ สมานปพฺพชฺชา อิตฺถิโย; ตาหิ สทฺธิํ ขิปฺปเมว วิสฺสาโส โหติ, ตโต สีลํ ภิชฺชติฯ

    Vesiyāgocaro vātiādīsu vesiyāti āmisakiñcikkhasampadānādinā sulabhajjhācārā rūpūpajīvikā itthiyo. Vidhavāti matapatikā vā pavutthapatikā vā itthiyo; tā yena kenaci saddhiṃ mittabhāvaṃ patthenti. Thullakumārikāti yobbannappattā yobbannātītā vā kumāriyo; tā purisādhippāyāva vicaranti, yena kenaci saddhiṃ mittabhāvaṃ patthenti. Paṇḍakāti ussannakilesā avūpasantapariḷāhā napuṃsakā; te pariḷāhavegābhibhūtā yena kenaci saddhiṃ mittabhāvaṃ patthenti . Bhikkhuniyoti samānapabbajjā itthiyo; tāhi saddhiṃ khippameva vissāso hoti, tato sīlaṃ bhijjati.

    ตตฺถ เวสิยานํ กุเลสุ กุลุปโก หุตฺวา ปิณฺฑปาตจริยาทีหิ วา อปทิสิตฺวา สิเนหสนฺถวชาเตน หทเยน อภิณฺหทสฺสนสลฺลาปกามตาย ตาสํ สนฺติกํ อุปสงฺกมโนฺต ‘‘เวสิยาโคจโร’’ติ วุจฺจติ, โส นจิรเสฺสว ‘‘อสุกเวสิยา สทฺธิํ คโต’’ติ วตฺตพฺพตํ ปาปุณาติฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ สเจ ปน เวสิยาทโย สลากภตฺตาทีนิ เทนฺติ, ภิกฺขูหิ สทฺธิํ คนฺตฺวา สทฺธิํเยว ภุญฺชิตฺวา วา คเหตฺวา วา อาคนฺตุํ วฎฺฎติฯ คิลานา ภิกฺขุนิโย โอวทิตุํ วา ธมฺมํ วา เทเสตุํ อุเทฺทสปริปุจฺฉาทีนิ วา ทาตุํ คจฺฉเนฺตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ คนฺตุํ วฎฺฎติฯ โย ปน ตถา อาคนฺตฺวา มิตฺตสนฺถววเสน คจฺฉติ, อยํ อนาราธโก โหติฯ

    Tattha vesiyānaṃ kulesu kulupako hutvā piṇḍapātacariyādīhi vā apadisitvā sinehasanthavajātena hadayena abhiṇhadassanasallāpakāmatāya tāsaṃ santikaṃ upasaṅkamanto ‘‘vesiyāgocaro’’ti vuccati, so nacirasseva ‘‘asukavesiyā saddhiṃ gato’’ti vattabbataṃ pāpuṇāti. Esa nayo sabbattha. Sace pana vesiyādayo salākabhattādīni denti, bhikkhūhi saddhiṃ gantvā saddhiṃyeva bhuñjitvā vā gahetvā vā āgantuṃ vaṭṭati. Gilānā bhikkhuniyo ovadituṃ vā dhammaṃ vā desetuṃ uddesaparipucchādīni vā dātuṃ gacchantehi bhikkhūhi saddhiṃ gantuṃ vaṭṭati. Yo pana tathā āgantvā mittasanthavavasena gacchati, ayaṃ anārādhako hoti.

    อุจฺจาวจานิ กรณียานีติ มหนฺตขุทฺทกานิ กมฺมานิฯ ตตฺถ ฆณฺฎิํ ปหริตฺวา สมเคฺคน สเงฺฆน สนฺนิปติตฺวา กตฺตพฺพานิ เจติยมหาปาสาทปฎิสงฺขรณาทีนิ กมฺมานิ อุจฺจานิ นามฯ จีวรโธวนรชนาทีนิ ขนฺธกปริยาปนฺนานิ จ อคฺคิสาลวตฺตาทีนิ อาภิสมาจาริกานิ อวจานิ นามฯ ตตฺถ น ทโกฺข โหตีติ เตสุ กเมฺมสุ เฉโก สุสิกฺขิโต น โหติฯ น อนลโสติ อุฎฺฐานวีริยสมฺปโนฺน น โหติ; ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส กมฺมํ อตฺถี’’ติ สุตฺวา ปเคว ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา คพฺภนฺตรํ ปวิสิตฺวา ยาวทตฺถํ สุปิตฺวา สายํ นิกฺขมติฯ ตตฺรุปายายาติ เตสุ กเมฺมสุ อุปายภูตายฯ วีมํสายาติ ฐานุปฺปตฺติกวีมํสายฯ ‘‘อิทเมวํ กตฺตพฺพํ, อิทเมวํ น กตฺตพฺพ’’นฺติ ตสฺมิํเยว ขเณ อุปฺปนฺนปญฺญาย สมนฺนาคโต น โหติฯ น อลํ กาตุํ น อลํ สํวิธาตุนฺติ สหตฺถาปิ กาตุํ สมโตฺถ น โหติ; ‘‘คณฺหถ ภเนฺต, คณฺห ทหร, คณฺห สามเณร, สเจ ตุเมฺห วา น กริสฺสถ, อเมฺห วา น กริสฺสาม, โก ทานิ อิมํ กริสฺสตี’’ติ เอวํ อุสฺสาหํ ชเนตฺวา สํวิธาตุํ อญฺญมญฺญํ กาเรตุมฺปิ สมโตฺถ น โหติฯ ภิกฺขูหิ ‘‘กมฺมํ กริสฺสามา’’ติ วุเตฺต กิญฺจิ โรคํ อปทิสติ, ภิกฺขูนํ กมฺมํ กโรนฺตานํ สมีเปเนว วิจรติ, สีสเมว ทเสฺสติ, อยมฺปิ อนาราธโก โหติฯ

    Uccāvacāni karaṇīyānīti mahantakhuddakāni kammāni. Tattha ghaṇṭiṃ paharitvā samaggena saṅghena sannipatitvā kattabbāni cetiyamahāpāsādapaṭisaṅkharaṇādīni kammāni uccāni nāma. Cīvaradhovanarajanādīni khandhakapariyāpannāni ca aggisālavattādīni ābhisamācārikāni avacāni nāma. Tattha na dakkho hotīti tesu kammesu cheko susikkhito na hoti. Na analasoti uṭṭhānavīriyasampanno na hoti; ‘‘bhikkhusaṅghassa kammaṃ atthī’’ti sutvā pageva bhattakiccaṃ katvā gabbhantaraṃ pavisitvā yāvadatthaṃ supitvā sāyaṃ nikkhamati. Tatrupāyāyāti tesu kammesu upāyabhūtāya. Vīmaṃsāyāti ṭhānuppattikavīmaṃsāya. ‘‘Idamevaṃ kattabbaṃ, idamevaṃ na kattabba’’nti tasmiṃyeva khaṇe uppannapaññāya samannāgato na hoti. Na alaṃ kātuṃ na alaṃ saṃvidhātunti sahatthāpi kātuṃ samattho na hoti; ‘‘gaṇhatha bhante, gaṇha dahara, gaṇha sāmaṇera, sace tumhe vā na karissatha, amhe vā na karissāma, ko dāni imaṃ karissatī’’ti evaṃ ussāhaṃ janetvā saṃvidhātuṃ aññamaññaṃ kāretumpi samattho na hoti. Bhikkhūhi ‘‘kammaṃ karissāmā’’ti vutte kiñci rogaṃ apadisati, bhikkhūnaṃ kammaṃ karontānaṃ samīpeneva vicarati, sīsameva dasseti, ayampi anārādhako hoti.

    น ติพฺพจฺฉโนฺท โหตีติ พลวจฺฉโนฺท น โหติฯ อุเทฺทเสติ ปาฬิปริยาปุณเนฯ ปริปุจฺฉายาติ อตฺถสวเนฯ อธิสีเลติ ปาติโมกฺขสีเลฯ อธิจิเตฺตติ โลกิยสมาธิภาวนายฯ อธิปญฺญายาติ โลกุตฺตรมคฺคภาวนายฯ

    Na tibbacchando hotīti balavacchando na hoti. Uddeseti pāḷipariyāpuṇane. Paripucchāyāti atthasavane. Adhisīleti pātimokkhasīle. Adhicitteti lokiyasamādhibhāvanāya. Adhipaññāyāti lokuttaramaggabhāvanāya.

    สงฺกโนฺต โหตีติ อิธาคโต โหติฯ ตสฺส สตฺถุโนติ ตสฺส ติตฺถายตนสามิกสฺสฯ ตสฺส ทิฎฺฐิยาติ ตสฺส สนฺตกาย ลทฺธิยาฯ อิทานิ สาเยว ลทฺธิ ยสฺมา ตสฺส ติตฺถกรสฺส ขมติ เจว รุจฺจติ จ ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ จ ทฬฺหคฺคาเหน คหิตา; ตสฺมา ตสฺส ขนฺติ รุจิ อาทาโยติ วุจฺจติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ตสฺส ขนฺติยา ตสฺส รุจิยา ตสฺส อาทายสฺสา’’ติฯ อวเณฺณ ภญฺญมาเนติ ครหาย ภญฺญมานายฯ อนภิรโทฺธติ อปริปุณฺณสงฺกโปฺป; โน ปคฺคหิตจิโตฺตฯ อุทโคฺคติ อพฺภุนฺนตกายจิโตฺตฯ อิทํ ภิกฺขเว สงฺฆาตนิกํ อญฺญติตฺถิยปุพฺพสฺส อนาราธนียสฺมินฺติ ภิกฺขเว ยมิทํ ตสฺส สตฺถุโน ตเสฺสว จ ลทฺธิยา อวเณฺณ ภญฺญมาเน ‘‘กิํ อิเม ปรํ ครหนฺตี’’ติ กายวจีวิการนิพฺพตฺตกํ อนตฺตมนตฺตํ, พุทฺธาทีนญฺจ อวเณฺณ ภญฺญมาเน อตฺตมนตฺตํ, ยญฺจ ตเสฺสว สตฺถุโน ตเสฺสว จ ลทฺธิยา วเณฺณ ภญฺญมาเน อตฺตมนตฺตํ, พุทฺธาทีนญฺจ วณฺณภณเน อนตฺตมนตฺตํ, อิทํ อญฺญติตฺถิยปุพฺพสฺส อนาราธนียสฺมิํ สงฺฆาตนิกํ, อนาราธเก ปริวาสวตฺตํ อปูรเก กเมฺม อิทํ ลิงฺคํ, อิทํ ลกฺขณํ, อิทมจลปฺปมาณนฺติ วุตฺตํ โหติฯ เอวํ อนาราธโก โข ภิกฺขเว อญฺญติตฺถิยปุโพฺพ อาคโต น อุปสมฺปาเทตโพฺพติ อิโต เอเกนปิ อเงฺคน สมนฺนาคโต น อุปสมฺปาเทตโพฺพฯ สุกฺกปเกฺข สพฺพํ วุตฺตวิปลฺลาเสน เวทิตพฺพํฯ

    Saṅkantohotīti idhāgato hoti. Tassa satthunoti tassa titthāyatanasāmikassa. Tassa diṭṭhiyāti tassa santakāya laddhiyā. Idāni sāyeva laddhi yasmā tassa titthakarassa khamati ceva ruccati ca ‘‘idameva sacca’’nti ca daḷhaggāhena gahitā; tasmā tassa khanti ruci ādāyoti vuccati. Tena vuttaṃ – ‘‘tassa khantiyā tassa ruciyā tassa ādāyassā’’ti. Avaṇṇe bhaññamāneti garahāya bhaññamānāya. Anabhiraddhoti aparipuṇṇasaṅkappo; no paggahitacitto. Udaggoti abbhunnatakāyacitto. Idaṃ bhikkhave saṅghātanikaṃ aññatitthiyapubbassa anārādhanīyasminti bhikkhave yamidaṃ tassa satthuno tasseva ca laddhiyā avaṇṇe bhaññamāne ‘‘kiṃ ime paraṃ garahantī’’ti kāyavacīvikāranibbattakaṃ anattamanattaṃ, buddhādīnañca avaṇṇe bhaññamāne attamanattaṃ, yañca tasseva satthuno tasseva ca laddhiyā vaṇṇe bhaññamāne attamanattaṃ, buddhādīnañca vaṇṇabhaṇane anattamanattaṃ, idaṃ aññatitthiyapubbassa anārādhanīyasmiṃ saṅghātanikaṃ, anārādhake parivāsavattaṃ apūrake kamme idaṃ liṅgaṃ, idaṃ lakkhaṇaṃ, idamacalappamāṇanti vuttaṃ hoti. Evaṃ anārādhako kho bhikkhave aññatitthiyapubbo āgato na upasampādetabboti ito ekenapi aṅgena samannāgato na upasampādetabbo. Sukkapakkhe sabbaṃ vuttavipallāsena veditabbaṃ.

    เอวํ อาราธโก โข ภิกฺขเวติ เอวํ นาติกาเลน คามปฺปเวสนา นาติทิวา ปฎิกฺกมนํ, น เวสิยาทิโคจรตา, สพฺรหฺมจารีนํ กิเจฺจสุ ทกฺขตาทิ, อุเทฺทสาทีสุ ติพฺพจฺฉนฺทตา, ติตฺถิยานํ อวณฺณภณเน อตฺตมนตา, พุทฺธาทีนํ อวณฺณภณเน อนตฺตมนตา, ติตฺถิยานํ วณฺณภณเน อนตฺตมนตา, พุทฺธาทีนํ วณฺณภณเน อตฺตมนตาติ อิเมสํ อฎฺฐนฺนํ ติตฺถิยวตฺตานํ ปริปูรเณน อาราธโก ปริโตสโก ภิกฺขูนํ อญฺญติตฺถิยปุโพฺพ อาคโต อุปสมฺปาเทตโพฺพฯ

    Evaṃ ārādhako kho bhikkhaveti evaṃ nātikālena gāmappavesanā nātidivā paṭikkamanaṃ, na vesiyādigocaratā, sabrahmacārīnaṃ kiccesu dakkhatādi, uddesādīsu tibbacchandatā, titthiyānaṃ avaṇṇabhaṇane attamanatā, buddhādīnaṃ avaṇṇabhaṇane anattamanatā, titthiyānaṃ vaṇṇabhaṇane anattamanatā, buddhādīnaṃ vaṇṇabhaṇane attamanatāti imesaṃ aṭṭhannaṃ titthiyavattānaṃ paripūraṇena ārādhako paritosako bhikkhūnaṃ aññatitthiyapubbo āgato upasampādetabbo.

    สเจ ปน อุปสมฺปทมาฬเกปิ เอกํ วตฺตํ ภินฺทติ, ปุน จตฺตาโร มาเส ปริวสิตพฺพํฯ ยถา ปน ภินฺนสิกฺขาย สิกฺขมานาย ปุน สิกฺขาปทานิ จ สิกฺขาสมฺมุติ จ ทิยฺยติ, เอวํ นยิมสฺส กิญฺจิ ปุน ทาตพฺพมตฺถิฯ ปุเพฺพ ทินฺนปริวาโสเยว หิ ตสฺส ปริวาโสฯ ตสฺมา ปุน จตฺตาโร มาเส ปริวสิตพฺพํฯ สเจ ปริวสโนฺต อนฺตรา อฎฺฐ สมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตติ, โลกิยธโมฺม นาม กุปฺปนสภาโว, น อุปสมฺปาเทตโพฺพฯ จตฺตาโร มาเส ปูริตวโตฺตว อุปสมฺปาเทตโพฺพฯ สเจ ปน ปริวสโนฺต จตฺตาริ มหาภูตานิ ปริคฺคณฺหติ, อุปาทารูปานิ ปริจฺฉินฺทติ, นามรูปํ ววตฺถเปติ, ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา วิปสฺสนํ อารภติ, โลกิยธโมฺม นาม กุปฺปนสภาโว, เนว อุปสมฺปาเทตโพฺพฯ สเจ ปน วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา โสตาปตฺติมคฺคํ ปฎิลภติ, ปริปุณฺณํเยว โหติ วตฺตํฯ สมูหตานิ สพฺพทิฎฺฐิคตานิ อพฺพุฬฺหํ วิจิกิจฺฉาสลฺลํ ตํทิวสเมว อุปสมฺปาเทตโพฺพฯ สเจปิ ติตฺถิยลิเงฺค ฐิโต โสตาปโนฺน โหติ, ปริวาสกิจฺจํ นตฺถิ, ตทเหว ปพฺพาเชตฺวา อุปสมฺปาเทตโพฺพฯ

    Sace pana upasampadamāḷakepi ekaṃ vattaṃ bhindati, puna cattāro māse parivasitabbaṃ. Yathā pana bhinnasikkhāya sikkhamānāya puna sikkhāpadāni ca sikkhāsammuti ca diyyati, evaṃ nayimassa kiñci puna dātabbamatthi. Pubbe dinnaparivāsoyeva hi tassa parivāso. Tasmā puna cattāro māse parivasitabbaṃ. Sace parivasanto antarā aṭṭha samāpattiyo nibbatteti, lokiyadhammo nāma kuppanasabhāvo, na upasampādetabbo. Cattāro māse pūritavattova upasampādetabbo. Sace pana parivasanto cattāri mahābhūtāni pariggaṇhati, upādārūpāni paricchindati, nāmarūpaṃ vavatthapeti, tilakkhaṇaṃ āropetvā vipassanaṃ ārabhati, lokiyadhammo nāma kuppanasabhāvo, neva upasampādetabbo. Sace pana vipassanaṃ vaḍḍhetvā sotāpattimaggaṃ paṭilabhati, paripuṇṇaṃyeva hoti vattaṃ. Samūhatāni sabbadiṭṭhigatāni abbuḷhaṃ vicikicchāsallaṃ taṃdivasameva upasampādetabbo. Sacepi titthiyaliṅge ṭhito sotāpanno hoti, parivāsakiccaṃ natthi, tadaheva pabbājetvā upasampādetabbo.

    อุปชฺฌายมูลกํ จีวรํ ปริเยสิตพฺพนฺติ อุปชฺฌายํ อิสฺสรํ กตฺวา ตสฺส จีวรํ ปริเยสิตพฺพํฯ ปตฺตมฺปิ ตเถวฯ ตสฺมา ยทิ อุปชฺฌายสฺส ปตฺตจีวรํ อตฺถิ, ‘‘อิมสฺส เทหี’’ติ วตฺตโพฺพฯ อถ นตฺถิ, อเญฺญ ทาตุกามา โหนฺติ, เตหิปิ อุปชฺฌายเสฺสว ทาตพฺพํ ‘‘อิทํ ตุมฺหากํ กตฺวา อิมสฺส เทถา’’ติฯ กสฺมา? ติตฺถิยา นาม วิโลมา โหนฺติ ‘‘สเงฺฆน เม ปตฺตจีวรํ ทินฺนํ, กิํ มยฺหํ ตุเมฺหสุ อายตฺต’’นฺติ วตฺวา โอวาทานุสาสนิํ น กเรยฺยุํ, อุปชฺฌาเยน ปน อายตฺตชีวิกตฺตา ตสฺส วจนกโร ภวิสฺสติฯ เตนสฺส ‘‘อุปชฺฌายมูลกํ จีวรํ ปริเยสิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ ภณฺฑุกมฺมายาติ เกโสโรปนตฺถํฯ ภณฺฑุกมฺมกถา ปรโต อาคมิสฺสติฯ

    Upajjhāyamūlakaṃ cīvaraṃ pariyesitabbanti upajjhāyaṃ issaraṃ katvā tassa cīvaraṃ pariyesitabbaṃ. Pattampi tatheva. Tasmā yadi upajjhāyassa pattacīvaraṃ atthi, ‘‘imassa dehī’’ti vattabbo. Atha natthi, aññe dātukāmā honti, tehipi upajjhāyasseva dātabbaṃ ‘‘idaṃ tumhākaṃ katvā imassa dethā’’ti. Kasmā? Titthiyā nāma vilomā honti ‘‘saṅghena me pattacīvaraṃ dinnaṃ, kiṃ mayhaṃ tumhesu āyatta’’nti vatvā ovādānusāsaniṃ na kareyyuṃ, upajjhāyena pana āyattajīvikattā tassa vacanakaro bhavissati. Tenassa ‘‘upajjhāyamūlakaṃ cīvaraṃ pariyesitabba’’nti vuttaṃ. Bhaṇḍukammāyāti kesoropanatthaṃ. Bhaṇḍukammakathā parato āgamissati.

    อคฺคิกาติ อคฺคิปริจรณกาฯ ชฎิลกาติ ตาปสาฯ เอเต ภิกฺขเว กิริยวาทิโนติ เอเต กิริยํ น ปฎิพาหนฺติ, ‘‘อตฺถิ กมฺมํ, อตฺถิ กมฺมวิปาโก’’ติ เอวํทิฎฺฐิกาฯ สพฺพพุทฺธา หิ เนกฺขมฺมปารมิํ ปูรยมานา เอตเทว ปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ปูเรสุํ, มยาปิ ตเถว ปูริตา, น เอเตสํ สาสเน ปพฺพชฺชา วิโลมา, ตสฺมา อุปสมฺปาเทตพฺพา, น เตสํ ปริวาโส ทาตโพฺพติฯ อิมาหํ ภิกฺขเว ญาตีนํ อาเวณิกํ ปริหารํ ทมฺมีติ อิมํ อหํ เตสํ ปาเฎกฺกํ โอทิสฺสกํ ปริหารํ ททามิฯ กสฺมา เอวมาห? เต หิ ติตฺถายตเน ปพฺพชิตาปิ สาสนสฺส อวณฺณกามา น โหนฺติ, อมฺหากํ ญาติเสฎฺฐสฺส สาสนนฺติ วณฺณวาทิโนว โหนฺติ, ตสฺมา เอวมาหาติฯ

    Aggikāti aggiparicaraṇakā. Jaṭilakāti tāpasā. Ete bhikkhave kiriyavādinoti ete kiriyaṃ na paṭibāhanti, ‘‘atthi kammaṃ, atthi kammavipāko’’ti evaṃdiṭṭhikā. Sabbabuddhā hi nekkhammapāramiṃ pūrayamānā etadeva pabbajjaṃ pabbajitvā pūresuṃ, mayāpi tatheva pūritā, na etesaṃ sāsane pabbajjā vilomā, tasmā upasampādetabbā, na tesaṃ parivāso dātabboti. Imāhaṃ bhikkhave ñātīnaṃ āveṇikaṃ parihāraṃ dammīti imaṃ ahaṃ tesaṃ pāṭekkaṃ odissakaṃ parihāraṃ dadāmi. Kasmā evamāha? Te hi titthāyatane pabbajitāpi sāsanassa avaṇṇakāmā na honti, amhākaṃ ñātiseṭṭhassa sāsananti vaṇṇavādinova honti, tasmā evamāhāti.

    อญฺญติตฺถิยปุพฺพวตฺถุกถา นิฎฺฐิตาฯ

    Aññatitthiyapubbavatthukathā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi / ๒๕. อญฺญติตฺถิยปุพฺพกถา • 25. Aññatitthiyapubbakathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / อญฺญติตฺถิยปุพฺพวตฺถุกถาวณฺณนา • Aññatitthiyapubbavatthukathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / อญฺญติตฺถิยปุพฺพวตฺถุกถาวณฺณนา • Aññatitthiyapubbavatthukathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / อญฺญติตฺถิยปุพฺพวตฺถุกถาวณฺณนา • Aññatitthiyapubbavatthukathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๒๕. อญฺญติตฺถิยปุพฺพวตฺถุกถา • 25. Aññatitthiyapubbavatthukathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact