Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๘. อญฺญติตฺถิยสุตฺตํ

    8. Aññatitthiyasuttaṃ

    ๖๙. ‘‘สเจ, ภิกฺขเว, อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘ตโยเม, อาวุโส, ธมฺมาฯ กตเม ตโย? ราโค, โทโส, โมโห – อิเม โข, อาวุโส, ตโย ธมฺมาฯ อิเมสํ, อาวุโส, ติณฺณํ ธมฺมานํ โก วิเสโส โก อธิปฺปยาโส 1 กิํ นานากรณ’นฺติ? เอวํ ปุฎฺฐา ตุเมฺห, ภิกฺขเว, เตสํ อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ กินฺติ พฺยากเรยฺยาถา’’ติ? ‘‘ภควํมูลกา โน, ภเนฺต, ธมฺมา ภควํเนตฺติกา ภควํปฎิสรณาฯ สาธุ วต, ภเนฺต, ภควนฺตํเยว ปฎิภาตุ เอตสฺส ภาสิตสฺส อโตฺถฯ ภควโต สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ; ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –

    69. ‘‘Sace, bhikkhave, aññatitthiyā paribbājakā evaṃ puccheyyuṃ – ‘tayome, āvuso, dhammā. Katame tayo? Rāgo, doso, moho – ime kho, āvuso, tayo dhammā. Imesaṃ, āvuso, tiṇṇaṃ dhammānaṃ ko viseso ko adhippayāso 2 kiṃ nānākaraṇa’nti? Evaṃ puṭṭhā tumhe, bhikkhave, tesaṃ aññatitthiyānaṃ paribbājakānaṃ kinti byākareyyāthā’’ti? ‘‘Bhagavaṃmūlakā no, bhante, dhammā bhagavaṃnettikā bhagavaṃpaṭisaraṇā. Sādhu vata, bhante, bhagavantaṃyeva paṭibhātu etassa bhāsitassa attho. Bhagavato sutvā bhikkhū dhāressantī’’ti. ‘‘Tena hi, bhikkhave, suṇātha, sādhukaṃ manasi karotha; bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –

    ‘‘สเจ , ภิกฺขเว, อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘ตโยเม, อาวุโส, ธมฺมาฯ กตเม ตโย? ราโค, โทโส, โมโห – อิเม โข, อาวุโส, ตโย ธมฺมา; อิเมสํ, อาวุโส, ติณฺณํ ธมฺมานํ โก วิเสโส โก อธิปฺปยาโส กิํ นานากรณ’นฺติ? เอวํ ปุฎฺฐา ตุเมฺห, ภิกฺขเว, เตสํ อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ เอวํ พฺยากเรยฺยาถ – ‘ราโค โข, อาวุโส, อปฺปสาวโชฺช ทนฺธวิราคี, โทโส มหาสาวโชฺช ขิปฺปวิราคี, โมโห มหาสาวโชฺช ทนฺธวิราคี’’’ ติฯ

    ‘‘Sace , bhikkhave, aññatitthiyā paribbājakā evaṃ puccheyyuṃ – ‘tayome, āvuso, dhammā. Katame tayo? Rāgo, doso, moho – ime kho, āvuso, tayo dhammā; imesaṃ, āvuso, tiṇṇaṃ dhammānaṃ ko viseso ko adhippayāso kiṃ nānākaraṇa’nti? Evaṃ puṭṭhā tumhe, bhikkhave, tesaṃ aññatitthiyānaṃ paribbājakānaṃ evaṃ byākareyyātha – ‘rāgo kho, āvuso, appasāvajjo dandhavirāgī, doso mahāsāvajjo khippavirāgī, moho mahāsāvajjo dandhavirāgī’’’ ti.

    ‘‘‘โก ปนาวุโส, เหตุ โก ปจฺจโย เยน อนุปฺปโนฺน วา ราโค อุปฺปชฺชติ อุปฺปโนฺน วา ราโค ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย สํวตฺตตี’ติ? ‘สุภนิมิตฺตนฺติสฺส วจนียํฯ ตสฺส สุภนิมิตฺตํ อโยนิโส มนสิ กโรโต อนุปฺปโนฺน วา ราโค อุปฺปชฺชติ อุปฺปโนฺน วา ราโค ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย สํวตฺตติฯ อยํ โข, อาวุโส, เหตุ อยํ ปจฺจโย เยน อนุปฺปโนฺน วา ราโค อุปฺปชฺชติ อุปฺปโนฺน วา ราโค ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย สํวตฺตตี’’’ติฯ

    ‘‘‘Ko panāvuso, hetu ko paccayo yena anuppanno vā rāgo uppajjati uppanno vā rāgo bhiyyobhāvāya vepullāya saṃvattatī’ti? ‘Subhanimittantissa vacanīyaṃ. Tassa subhanimittaṃ ayoniso manasi karoto anuppanno vā rāgo uppajjati uppanno vā rāgo bhiyyobhāvāya vepullāya saṃvattati. Ayaṃ kho, āvuso, hetu ayaṃ paccayo yena anuppanno vā rāgo uppajjati uppanno vā rāgo bhiyyobhāvāya vepullāya saṃvattatī’’’ti.

    ‘‘‘โก ปนาวุโส, เหตุ โก ปจฺจโย เยน อนุปฺปโนฺน วา โทโส อุปฺปชฺชติ อุปฺปโนฺน วา โทโส ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย สํวตฺตตี’ติ? ‘ปฎิฆนิมิตฺตํ ติสฺส วจนียํฯ ตสฺส ปฎิฆนิมิตฺตํ อโยนิโส มนสิ กโรโต อนุปฺปโนฺน วา โทโส อุปฺปชฺชติ อุปฺปโนฺน วา โทโส ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย สํวตฺตติฯ อยํ โข, อาวุโส, เหตุ อยํ ปจฺจโย เยน อนุปฺปโนฺน วา โทโส อุปฺปชฺชติ อุปฺปโนฺน วา โทโส ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย สํวตฺตตี’’’ติฯ

    ‘‘‘Ko panāvuso, hetu ko paccayo yena anuppanno vā doso uppajjati uppanno vā doso bhiyyobhāvāya vepullāya saṃvattatī’ti? ‘Paṭighanimittaṃ tissa vacanīyaṃ. Tassa paṭighanimittaṃ ayoniso manasi karoto anuppanno vā doso uppajjati uppanno vā doso bhiyyobhāvāya vepullāya saṃvattati. Ayaṃ kho, āvuso, hetu ayaṃ paccayo yena anuppanno vā doso uppajjati uppanno vā doso bhiyyobhāvāya vepullāya saṃvattatī’’’ti.

    ‘‘‘โก ปนาวุโส, เหตุ โก ปจฺจโย เยน อนุปฺปโนฺน วา โมโห อุปฺปชฺชติ อุปฺปโนฺน วา โมโห ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย สํวตฺตตี’ติ? ‘อโยนิโส มนสิกาโร ติสฺส วจนียํฯ ตสฺส อโยนิโส มนสิ กโรโต อนุปฺปโนฺน วา โมโห อุปฺปชฺชติ อุปฺปโนฺน วา โมโห ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย สํวตฺตติฯ อยํ โข, อาวุโส, เหตุ อยํ ปจฺจโย เยน อนุปฺปโนฺน วา โมโห อุปฺปชฺชติ อุปฺปโนฺน วา โมโห ภิโยฺยภาวาย เวปุลฺลาย สํวตฺตตี’’’ติฯ

    ‘‘‘Ko panāvuso, hetu ko paccayo yena anuppanno vā moho uppajjati uppanno vā moho bhiyyobhāvāya vepullāya saṃvattatī’ti? ‘Ayoniso manasikāro tissa vacanīyaṃ. Tassa ayoniso manasi karoto anuppanno vā moho uppajjati uppanno vā moho bhiyyobhāvāya vepullāya saṃvattati. Ayaṃ kho, āvuso, hetu ayaṃ paccayo yena anuppanno vā moho uppajjati uppanno vā moho bhiyyobhāvāya vepullāya saṃvattatī’’’ti.

    ‘‘‘โก ปนาวุโส, เหตุ โก ปจฺจโย เยน อนุปฺปโนฺน เจว ราโค นุปฺปชฺชติ อุปฺปโนฺน จ ราโค ปหียตี’ติ? ‘อสุภนิมิตฺตนฺติสฺส วจนียํฯ ตสฺส อสุภนิมิตฺตํ โยนิโส มนสิ กโรโต อนุปฺปโนฺน เจว ราโค นุปฺปชฺชติ อุปฺปโนฺน จ ราโค ปหียติฯ อยํ โข, อาวุโส , เหตุ อยํ ปจฺจโย เยน อนุปฺปโนฺน เจว ราโค นุปฺปชฺชติ อุปฺปโนฺน จ ราโค ปหียตี’’’ติฯ

    ‘‘‘Ko panāvuso, hetu ko paccayo yena anuppanno ceva rāgo nuppajjati uppanno ca rāgo pahīyatī’ti? ‘Asubhanimittantissa vacanīyaṃ. Tassa asubhanimittaṃ yoniso manasi karoto anuppanno ceva rāgo nuppajjati uppanno ca rāgo pahīyati. Ayaṃ kho, āvuso , hetu ayaṃ paccayo yena anuppanno ceva rāgo nuppajjati uppanno ca rāgo pahīyatī’’’ti.

    ‘‘‘โก ปนาวุโส, เหตุ โก ปจฺจโย เยน อนุปฺปโนฺน เจว โทโส นุปฺปชฺชติ อุปฺปโนฺน จ โทโส ปหียตี’ติ? ‘เมตฺตา เจโตวิมุตฺตี ติสฺส วจนียํฯ ตสฺส เมตฺตํ เจโตวิมุตฺติํ โยนิโส มนสิ กโรโต อนุปฺปโนฺน เจว โทโส นุปฺปชฺชติ อุปฺปโนฺน จ โทโส ปหียติฯ อยํ โข, อาวุโส, เหตุ อยํ ปจฺจโย เยน อนุปฺปโนฺน เจว โทโส นุปฺปชฺชติ อุปฺปโนฺน จ โทโส ปหียตี’’’ติฯ

    ‘‘‘Ko panāvuso, hetu ko paccayo yena anuppanno ceva doso nuppajjati uppanno ca doso pahīyatī’ti? ‘Mettā cetovimuttī tissa vacanīyaṃ. Tassa mettaṃ cetovimuttiṃ yoniso manasi karoto anuppanno ceva doso nuppajjati uppanno ca doso pahīyati. Ayaṃ kho, āvuso, hetu ayaṃ paccayo yena anuppanno ceva doso nuppajjati uppanno ca doso pahīyatī’’’ti.

    ‘‘‘โก ปนาวุโส, เหตุ โก ปจฺจโย เยน อนุปฺปโนฺน เจว โมโห นุปฺปชฺชติ อุปฺปโนฺน จ โมโห ปหียตี’ติ? ‘โยนิโสมนสิกาโร ติสฺส วจนียํฯ ตสฺส โยนิโส มนสิ กโรโต อนุปฺปโนฺน เจว โมโห นุปฺปชฺชติ อุปฺปโนฺน จ โมโห ปหียติฯ อยํ โข, อาวุโส, เหตุ อยํ ปจฺจโย เยน อนุปฺปโนฺน วา โมโห นุปฺปชฺชติ อุปฺปโนฺน จ โมโห ปหียตี’’’ติฯ อฎฺฐมํฯ

    ‘‘‘Ko panāvuso, hetu ko paccayo yena anuppanno ceva moho nuppajjati uppanno ca moho pahīyatī’ti? ‘Yonisomanasikāro tissa vacanīyaṃ. Tassa yoniso manasi karoto anuppanno ceva moho nuppajjati uppanno ca moho pahīyati. Ayaṃ kho, āvuso, hetu ayaṃ paccayo yena anuppanno vā moho nuppajjati uppanno ca moho pahīyatī’’’ti. Aṭṭhamaṃ.







    Footnotes:
    1. อธิปฺปาโย (สี.) อธิปฺปายาโส (สฺยา. กํ. ปี.) อธิ + ป + ยสุ + ณ = อธิปฺปยาโส
    2. adhippāyo (sī.) adhippāyāso (syā. kaṃ. pī.) adhi + pa + yasu + ṇa = adhippayāso



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๘. อญฺญติตฺถิยสุตฺตวณฺณนา • 8. Aññatitthiyasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๘. อญฺญติตฺถิยสุตฺตวณฺณนา • 8. Aññatitthiyasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact