Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๔. อญฺญติตฺถิยสุตฺตํ
4. Aññatitthiyasuttaṃ
๒๔. ราชคเห วิหรติ เวฬุวเนฯ อถ โข อายสฺมา สาริปุโตฺต ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ อถ โข อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อติปฺปโค โข ตาว ราชคเห ปิณฺฑาย จริตุํฯ ยํนูนาหํ เยน อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ อาราโม เตนุปสงฺกเมยฺย’’นฺติฯ
24. Rājagahe viharati veḷuvane. Atha kho āyasmā sāriputto pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya rājagahaṃ piṇḍāya pāvisi. Atha kho āyasmato sāriputtassa etadahosi – ‘‘atippago kho tāva rājagahe piṇḍāya carituṃ. Yaṃnūnāhaṃ yena aññatitthiyānaṃ paribbājakānaṃ ārāmo tenupasaṅkameyya’’nti.
อถ โข อายสฺมา สาริปุโตฺต เยน อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ อาราโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เตหิ อญฺญติตฺถิเยหิ ปริพฺพาชเกหิ สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เต อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอตทโวจุํ –
Atha kho āyasmā sāriputto yena aññatitthiyānaṃ paribbājakānaṃ ārāmo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā tehi aññatitthiyehi paribbājakehi saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho āyasmantaṃ sāriputtaṃ te aññatitthiyā paribbājakā etadavocuṃ –
‘‘สนฺตาวุโส, สาริปุตฺต, เอเก สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา สยํกตํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติฯ สนฺติ ปนาวุโส สาริปุตฺต, เอเก สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา ปรํกตํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติฯ สนฺตาวุโส สาริปุตฺต, เอเก สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา สยํกตญฺจ ปรํกตญฺจ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติฯ สนฺติ ปนาวุโส สาริปุตฺต, เอเก สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา อสยํการํ อปรํการํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติฯ อิธ, ปนาวุโส สาริปุตฺต, สมโณ โคตโม กิํวาที กิมกฺขายี? กถํ พฺยากรมานา จ มยํ วุตฺตวาทิโน เจว สมณสฺส โคตมสฺส อสฺสาม, น จ สมณํ โคตมํ อภูเตน อพฺภาจิเกฺขยฺยาม, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากเรยฺยาม, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุปาโต 1 คารยฺหํ ฐานํ อาคเจฺฉยฺยา’’ติ?
‘‘Santāvuso, sāriputta, eke samaṇabrāhmaṇā kammavādā sayaṃkataṃ dukkhaṃ paññapenti. Santi panāvuso sāriputta, eke samaṇabrāhmaṇā kammavādā paraṃkataṃ dukkhaṃ paññapenti. Santāvuso sāriputta, eke samaṇabrāhmaṇā kammavādā sayaṃkatañca paraṃkatañca dukkhaṃ paññapenti. Santi panāvuso sāriputta, eke samaṇabrāhmaṇā kammavādā asayaṃkāraṃ aparaṃkāraṃ adhiccasamuppannaṃ dukkhaṃ paññapenti. Idha, panāvuso sāriputta, samaṇo gotamo kiṃvādī kimakkhāyī? Kathaṃ byākaramānā ca mayaṃ vuttavādino ceva samaṇassa gotamassa assāma, na ca samaṇaṃ gotamaṃ abhūtena abbhācikkheyyāma, dhammassa cānudhammaṃ byākareyyāma, na ca koci sahadhammiko vādānupāto 2 gārayhaṃ ṭhānaṃ āgaccheyyā’’ti?
‘‘ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนํ โข, อาวุโส, ทุกฺขํ วุตฺตํ ภควตาฯ กิํ ปฎิจฺจ? ผสฺสํ ปฎิจฺจฯ อิติ วทํ วุตฺตวาที เจว ภควโต อสฺส, น จ ภควนฺตํ อภูเตน อพฺภาจิเกฺขยฺย, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากเรยฺย, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุปาโต คารยฺหํ ฐานํ อาคเจฺฉยฺยฯ
‘‘Paṭiccasamuppannaṃ kho, āvuso, dukkhaṃ vuttaṃ bhagavatā. Kiṃ paṭicca? Phassaṃ paṭicca. Iti vadaṃ vuttavādī ceva bhagavato assa, na ca bhagavantaṃ abhūtena abbhācikkheyya, dhammassa cānudhammaṃ byākareyya, na ca koci sahadhammiko vādānupāto gārayhaṃ ṭhānaṃ āgaccheyya.
‘‘ตตฺราวุโส, เย เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา สยํกตํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ ตทปิ ผสฺสปจฺจยาฯ เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา ปรํกตํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ ตทปิ ผสฺสปจฺจยาฯ เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา สยํกตญฺจ ปรํกตญฺจ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ ตทปิ ผสฺสปจฺจยาฯ เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา อสยํการํ อปรํการํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ ตทปิ ผสฺสปจฺจยาฯ
‘‘Tatrāvuso, ye te samaṇabrāhmaṇā kammavādā sayaṃkataṃ dukkhaṃ paññapenti tadapi phassapaccayā. Yepi te samaṇabrāhmaṇā kammavādā paraṃkataṃ dukkhaṃ paññapenti tadapi phassapaccayā. Yepi te samaṇabrāhmaṇā kammavādā sayaṃkatañca paraṃkatañca dukkhaṃ paññapenti tadapi phassapaccayā. Yepi te samaṇabrāhmaṇā kammavādā asayaṃkāraṃ aparaṃkāraṃ adhiccasamuppannaṃ dukkhaṃ paññapenti tadapi phassapaccayā.
‘‘ตตฺราวุโส, เย เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา สยํกตํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ, เต วต อญฺญตฺร ผสฺสา ปฎิสํเวทิสฺสนฺตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา ปรํกตํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ, เต วต อญฺญตฺร ผสฺสา ปฎิสํเวทิสฺสนฺตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา สยํกตญฺจ ปรํกตญฺจ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ, เต วต อญฺญตฺร ผสฺสา ปฎิสํเวทิสฺสนฺตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา อสยํการํ อปรํการํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ, เต วต อญฺญตฺร ผสฺสา ปฎิสํเวทิสฺสนฺตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’’ติฯ
‘‘Tatrāvuso, ye te samaṇabrāhmaṇā kammavādā sayaṃkataṃ dukkhaṃ paññapenti, te vata aññatra phassā paṭisaṃvedissantīti netaṃ ṭhānaṃ vijjati. Yepi te samaṇabrāhmaṇā kammavādā paraṃkataṃ dukkhaṃ paññapenti, te vata aññatra phassā paṭisaṃvedissantīti netaṃ ṭhānaṃ vijjati. Yepi te samaṇabrāhmaṇā kammavādā sayaṃkatañca paraṃkatañca dukkhaṃ paññapenti, te vata aññatra phassā paṭisaṃvedissantīti netaṃ ṭhānaṃ vijjati. Yepi te samaṇabrāhmaṇā kammavādā asayaṃkāraṃ aparaṃkāraṃ adhiccasamuppannaṃ dukkhaṃ paññapenti, te vata aññatra phassā paṭisaṃvedissantīti netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’’ti.
อโสฺสสิ โข อายสฺมา อานโนฺท อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส เตหิ อญฺญติตฺถิเยหิ ปริพฺพาชเกหิ สทฺธิํ อิมํ กถาสลฺลาปํฯ อถ โข อายสฺมา อานโนฺท ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา อานโนฺท ยาวตโก อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส เตหิ อญฺญติตฺถิเยหิ ปริพฺพาชเกหิ สทฺธิํ อโหสิ กถาสลฺลาโป ตํ สพฺพํ ภควโต อาโรเจสิฯ
Assosi kho āyasmā ānando āyasmato sāriputtassa tehi aññatitthiyehi paribbājakehi saddhiṃ imaṃ kathāsallāpaṃ. Atha kho āyasmā ānando rājagahe piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā ānando yāvatako āyasmato sāriputtassa tehi aññatitthiyehi paribbājakehi saddhiṃ ahosi kathāsallāpo taṃ sabbaṃ bhagavato ārocesi.
‘‘สาธุ สาธุ, อานนฺท, ยถา ตํ สาริปุโตฺต สมฺมา พฺยากรมาโน พฺยากเรยฺยฯ ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนํ โข, อานนฺท, ทุกฺขํ วุตฺตํ มยาฯ กิํ ปฎิจฺจ? ผสฺสํ ปฎิจฺจฯ อิติ วทํ วุตฺตวาที เจว เม อสฺส, น จ มํ อภูเตน อพฺภาจิเกฺขยฺย, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากเรยฺย, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุปาโต คารยฺหํ ฐานํ อาคเจฺฉยฺยฯ
‘‘Sādhu sādhu, ānanda, yathā taṃ sāriputto sammā byākaramāno byākareyya. Paṭiccasamuppannaṃ kho, ānanda, dukkhaṃ vuttaṃ mayā. Kiṃ paṭicca? Phassaṃ paṭicca. Iti vadaṃ vuttavādī ceva me assa, na ca maṃ abhūtena abbhācikkheyya, dhammassa cānudhammaṃ byākareyya, na ca koci sahadhammiko vādānupāto gārayhaṃ ṭhānaṃ āgaccheyya.
‘‘ตตฺรานนฺท , เย เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา สยํกตํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ ตทปิ ผสฺสปจฺจยาฯ เยปิ เต…เป.… เยปิ เต…เป.… เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา อสยํการํ อปรํการํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ ตทปิ ผสฺสปจฺจยาฯ
‘‘Tatrānanda , ye te samaṇabrāhmaṇā kammavādā sayaṃkataṃ dukkhaṃ paññapenti tadapi phassapaccayā. Yepi te…pe… yepi te…pe… yepi te samaṇabrāhmaṇā kammavādā asayaṃkāraṃ aparaṃkāraṃ adhiccasamuppannaṃ dukkhaṃ paññapenti tadapi phassapaccayā.
‘‘ตตฺรานนฺท, เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา สยํกตํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ, เต วต อญฺญตฺร ผสฺสา ปฎิสํเวทิสฺสนฺตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ เยปิ เต…เป.… เยปิ เต…เป.… เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา อสยํการํ อปรํการํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ, เต วต อญฺญตฺร ผสฺสา ปฎิสํเวทิสฺสนฺตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ
‘‘Tatrānanda, yepi te samaṇabrāhmaṇā kammavādā sayaṃkataṃ dukkhaṃ paññapenti, te vata aññatra phassā paṭisaṃvedissantīti netaṃ ṭhānaṃ vijjati. Yepi te…pe… yepi te…pe… yepi te samaṇabrāhmaṇā kammavādā asayaṃkāraṃ aparaṃkāraṃ adhiccasamuppannaṃ dukkhaṃ paññapenti, te vata aññatra phassā paṭisaṃvedissantīti netaṃ ṭhānaṃ vijjati.
‘‘เอกมิทาหํ, อานนฺท, สมยํ อิเธว ราชคเห วิหรามิ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปฯ อถ ขฺวาหํ, อานนฺท, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิํฯ ตสฺส มยฺหํ, อานนฺท, เอตทโหสิ – ‘อติปฺปโค โข ตาว ราชคเห ปิณฺฑาย จริตุํฯ ยํนูนาหํ เยน อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ อาราโม เตนุปสงฺกเมยฺย’’’นฺติฯ
‘‘Ekamidāhaṃ, ānanda, samayaṃ idheva rājagahe viharāmi veḷuvane kalandakanivāpe. Atha khvāhaṃ, ānanda, pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya rājagahaṃ piṇḍāya pāvisiṃ. Tassa mayhaṃ, ānanda, etadahosi – ‘atippago kho tāva rājagahe piṇḍāya carituṃ. Yaṃnūnāhaṃ yena aññatitthiyānaṃ paribbājakānaṃ ārāmo tenupasaṅkameyya’’’nti.
‘‘อถ ขฺวาหํ, อานนฺท, เยน อญฺญติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ อาราโม เตนุปสงฺกมิํ; อุปสงฺกมิตฺวา เตหิ อญฺญติตฺถิเยหิ ปริพฺพาชเกหิ สทฺธิํ สโมฺมทิํฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข มํ, อานนฺท, เต อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอตทโวจุํ –
‘‘Atha khvāhaṃ, ānanda, yena aññatitthiyānaṃ paribbājakānaṃ ārāmo tenupasaṅkamiṃ; upasaṅkamitvā tehi aññatitthiyehi paribbājakehi saddhiṃ sammodiṃ. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdiṃ. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho maṃ, ānanda, te aññatitthiyā paribbājakā etadavocuṃ –
‘สนฺตาวุโส โคตม, เอเก สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา สยํกตํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติฯ สนฺติ ปนาวุโส โคตม, เอเก สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา ปรํกตํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติฯ สนฺตาวุโส โคตม, เอเก สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา สยํกตญฺจ ปรํกตญฺจ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติฯ สนฺติ ปนาวุโส โคตม, เอเก สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา อสยํการํ อปรํการํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติฯ อิธ โน อายสฺมา โคตโม กิํวาที กิมกฺขายี? กถํ พฺยากรมานา จ มยํ วุตฺตวาทิโน เจว อายสฺมโต โคตมสฺส อสฺสาม, น จ อายสฺมนฺตํ โคตมํ อภูเตน อพฺภาจิเกฺขยฺยาม , ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากเรยฺยาม, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุปาโต คารยฺหํ ฐานํ อาคเจฺฉยฺยา’’’ติ?
‘Santāvuso gotama, eke samaṇabrāhmaṇā kammavādā sayaṃkataṃ dukkhaṃ paññapenti. Santi panāvuso gotama, eke samaṇabrāhmaṇā kammavādā paraṃkataṃ dukkhaṃ paññapenti. Santāvuso gotama, eke samaṇabrāhmaṇā kammavādā sayaṃkatañca paraṃkatañca dukkhaṃ paññapenti. Santi panāvuso gotama, eke samaṇabrāhmaṇā kammavādā asayaṃkāraṃ aparaṃkāraṃ adhiccasamuppannaṃ dukkhaṃ paññapenti. Idha no āyasmā gotamo kiṃvādī kimakkhāyī? Kathaṃ byākaramānā ca mayaṃ vuttavādino ceva āyasmato gotamassa assāma, na ca āyasmantaṃ gotamaṃ abhūtena abbhācikkheyyāma , dhammassa cānudhammaṃ byākareyyāma, na ca koci sahadhammiko vādānupāto gārayhaṃ ṭhānaṃ āgaccheyyā’’’ti?
‘‘เอวํ วุตฺตาหํ, อานนฺท, เต อญฺญติตฺถิเย ปริพฺพาชเก เอตทโวจํ – ‘ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนํ โข, อาวุโส, ทุกฺขํ วุตฺตํ มยาฯ กิํ ปฎิจฺจ? ผสฺสํ ปฎิจฺจฯ อิติ วทํ วุตฺตวาที เจว เม อสฺส, น จ มํ อภูเตน อพฺภาจิเกฺขยฺย, ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากเรยฺย, น จ โกจิ สหธมฺมิโก วาทานุปาโต คารยฺหํ ฐานํ อาคเจฺฉยฺยา’’’ติฯ
‘‘Evaṃ vuttāhaṃ, ānanda, te aññatitthiye paribbājake etadavocaṃ – ‘paṭiccasamuppannaṃ kho, āvuso, dukkhaṃ vuttaṃ mayā. Kiṃ paṭicca? Phassaṃ paṭicca. Iti vadaṃ vuttavādī ceva me assa, na ca maṃ abhūtena abbhācikkheyya, dhammassa cānudhammaṃ byākareyya, na ca koci sahadhammiko vādānupāto gārayhaṃ ṭhānaṃ āgaccheyyā’’’ti.
‘‘ตตฺราวุโส, เย เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา สยํกตํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ ตทปิ ผสฺสปจฺจยาฯ เยปิ เต…เป.… เยปิ เต…เป.… เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา อสยํการํ อปรํการํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ ตทปิ ผสฺสปจฺจยาฯ
‘‘Tatrāvuso, ye te samaṇabrāhmaṇā kammavādā sayaṃkataṃ dukkhaṃ paññapenti tadapi phassapaccayā. Yepi te…pe… yepi te…pe… yepi te samaṇabrāhmaṇā kammavādā asayaṃkāraṃ aparaṃkāraṃ adhiccasamuppannaṃ dukkhaṃ paññapenti tadapi phassapaccayā.
‘‘ตตฺราวุโส, เย เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา สยํกตํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ, เต วต อญฺญตฺร ผสฺสา ปฎิสํเวทิสฺสนฺตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ เยปิ เต…เป.… เยปิ เต…เป.… เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา กมฺมวาทา อสยํการํ อปรํการํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ ทุกฺขํ ปญฺญเปนฺติ, เต วต อญฺญตฺร ผสฺสา ปฎิสํเวทิสฺสนฺตีติ เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’’ติฯ ‘‘อจฺฉริยํ ภเนฺต, อพฺภุตํ ภเนฺต ! ยตฺร หิ นาม เอเกน ปเทน สโพฺพ อโตฺถ วุโตฺต ภวิสฺสติฯ สิยา นุ โข, ภเนฺต, เอเสวโตฺถ วิตฺถาเรน วุจฺจมาโน คมฺภีโร เจว อสฺส คมฺภีราวภาโส จา’’ติ?
‘‘Tatrāvuso, ye te samaṇabrāhmaṇā kammavādā sayaṃkataṃ dukkhaṃ paññapenti, te vata aññatra phassā paṭisaṃvedissantīti netaṃ ṭhānaṃ vijjati. Yepi te…pe… yepi te…pe… yepi te samaṇabrāhmaṇā kammavādā asayaṃkāraṃ aparaṃkāraṃ adhiccasamuppannaṃ dukkhaṃ paññapenti, te vata aññatra phassā paṭisaṃvedissantīti netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’’ti. ‘‘Acchariyaṃ bhante, abbhutaṃ bhante ! Yatra hi nāma ekena padena sabbo attho vutto bhavissati. Siyā nu kho, bhante, esevattho vitthārena vuccamāno gambhīro ceva assa gambhīrāvabhāso cā’’ti?
‘‘เตน หานนฺท, ตเญฺญเวตฺถ ปฎิภาตู’’ติฯ ‘‘สเจ มํ, ภเนฺต, เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘ชรามรณํ, อาวุโส อานนฺท, กิํนิทานํ กิํสมุทยํ กิํชาติกํ กิํปภว’นฺติ? เอวํ ปุโฎฺฐหํ, ภเนฺต, เอวํ พฺยากเรยฺยํ – ‘ชรามรณํ โข, อาวุโส, ชาตินิทานํ ชาติสมุทยํ ชาติชาติกํ ชาติปภว’นฺติฯ เอวํ ปุโฎฺฐหํ, ภเนฺต, เอวํ พฺยากเรยฺยํฯ
‘‘Tena hānanda, taññevettha paṭibhātū’’ti. ‘‘Sace maṃ, bhante, evaṃ puccheyyuṃ – ‘jarāmaraṇaṃ, āvuso ānanda, kiṃnidānaṃ kiṃsamudayaṃ kiṃjātikaṃ kiṃpabhava’nti? Evaṃ puṭṭhohaṃ, bhante, evaṃ byākareyyaṃ – ‘jarāmaraṇaṃ kho, āvuso, jātinidānaṃ jātisamudayaṃ jātijātikaṃ jātipabhava’nti. Evaṃ puṭṭhohaṃ, bhante, evaṃ byākareyyaṃ.
‘‘สเจ มํ, ภเนฺต, เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘ชาติ ปนาวุโส อานนฺท, กิํนิทานา กิํสมุทยา กิํชาติกา กิํปภวา’ติ? เอวํ ปุโฎฺฐหํ, ภเนฺต, เอวํ พฺยากเรยฺยํ – ‘ชาติ โข, อาวุโส, ภวนิทานา ภวสมุทยา ภวชาติกา ภวปฺปภวา’ติฯ เอวํ ปุโฎฺฐหํ, ภเนฺต, เอวํ พฺยากเรยฺยํ ฯ
‘‘Sace maṃ, bhante, evaṃ puccheyyuṃ – ‘jāti panāvuso ānanda, kiṃnidānā kiṃsamudayā kiṃjātikā kiṃpabhavā’ti? Evaṃ puṭṭhohaṃ, bhante, evaṃ byākareyyaṃ – ‘jāti kho, āvuso, bhavanidānā bhavasamudayā bhavajātikā bhavappabhavā’ti. Evaṃ puṭṭhohaṃ, bhante, evaṃ byākareyyaṃ .
‘‘สเจ มํ, ภเนฺต, เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘ภโว ปนาวุโส อานนฺท, กิํนิทาโน กิํสมุทโย กิํชาติโก กิํปภโว’ติ? เอวํ ปุโฎฺฐหํ, ภเนฺต, เอวํ พฺยากเรยฺยํ – ‘ภโว โข, อาวุโส, อุปาทานนิทาโน อุปาทานสมุทโย อุปาทานชาติโก อุปาทานปฺปภโว’ติฯ เอวํ ปุโฎฺฐหํ, ภเนฺต, เอวํ พฺยากเรยฺยํฯ
‘‘Sace maṃ, bhante, evaṃ puccheyyuṃ – ‘bhavo panāvuso ānanda, kiṃnidāno kiṃsamudayo kiṃjātiko kiṃpabhavo’ti? Evaṃ puṭṭhohaṃ, bhante, evaṃ byākareyyaṃ – ‘bhavo kho, āvuso, upādānanidāno upādānasamudayo upādānajātiko upādānappabhavo’ti. Evaṃ puṭṭhohaṃ, bhante, evaṃ byākareyyaṃ.
‘‘สเจ มํ, ภเนฺต, เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – อุปาทานํ ปนาวุโส…เป.… ตณฺหา ปนาวุโส…เป.… เวทนา ปนาวุโส…เป.… สเจ มํ, ภเนฺต, เอวํ ปุเจฺฉยฺยุํ – ‘ผโสฺส ปนาวุโส อานนฺท, กิํนิทาโน กิํสมุทโย กิํชาติโก กิํปภโว’ติ? เอวํ ปุโฎฺฐหํ, ภเนฺต, เอวํ พฺยากเรยฺยํ – ‘ผโสฺส โข, อาวุโส, สฬายตนนิทาโน สฬายตนสมุทโย สฬายตนชาติโก สฬายตนปฺปภโว’ติฯ ‘ฉนฺนํเตฺวว, อาวุโส, ผสฺสายตนานํ อเสสวิราคนิโรธา ผสฺสนิโรโธ; ผสฺสนิโรธา เวทนานิโรโธ; เวทนานิโรธา ตณฺหานิโรโธ; ตณฺหานิโรธา อุปาทานนิโรโธ; อุปาทานนิโรธา ภวนิโรโธ; ภวนิโรธา ชาตินิโรโธ; ชาตินิโรธา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา นิรุชฺฌนฺติฯ เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหตี’ติฯ เอวํ ปุโฎฺฐหํ, ภเนฺต, เอวํ พฺยากเรยฺย’’นฺติฯ จตุตฺถํฯ
‘‘Sace maṃ, bhante, evaṃ puccheyyuṃ – upādānaṃ panāvuso…pe… taṇhā panāvuso…pe… vedanā panāvuso…pe… sace maṃ, bhante, evaṃ puccheyyuṃ – ‘phasso panāvuso ānanda, kiṃnidāno kiṃsamudayo kiṃjātiko kiṃpabhavo’ti? Evaṃ puṭṭhohaṃ, bhante, evaṃ byākareyyaṃ – ‘phasso kho, āvuso, saḷāyatananidāno saḷāyatanasamudayo saḷāyatanajātiko saḷāyatanappabhavo’ti. ‘Channaṃtveva, āvuso, phassāyatanānaṃ asesavirāganirodhā phassanirodho; phassanirodhā vedanānirodho; vedanānirodhā taṇhānirodho; taṇhānirodhā upādānanirodho; upādānanirodhā bhavanirodho; bhavanirodhā jātinirodho; jātinirodhā jarāmaraṇaṃ sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā nirujjhanti. Evametassa kevalassa dukkhakkhandhassa nirodho hotī’ti. Evaṃ puṭṭhohaṃ, bhante, evaṃ byākareyya’’nti. Catutthaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๔. อญฺญติตฺถิยสุตฺตวณฺณนา • 4. Aññatitthiyasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๔. อญฺญติตฺถิยสุตฺตวณฺณนา • 4. Aññatitthiyasuttavaṇṇanā