Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) |
๘. อญฺญติตฺถิยสุตฺตวณฺณนา
8. Aññatitthiyasuttavaṇṇanā
๖๙. อฎฺฐเม ภควํมูลกาติ ภควา มูลํ เอเตสนฺติ ภควํมูลกาฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิเม, ภเนฺต, อมฺหากํ ธมฺมา ปุเพฺพ กสฺสปสมฺมาสมฺพุเทฺธน อุปฺปาทิตา, ตสฺมิํ ปรินิพฺพุเต เอกํ พุทฺธนฺตรํ อโญฺญ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อิเม ธเมฺม อุปฺปาเทตุํ สมโตฺถ นาม นาโหสิ, ภควโต ปน โน อิเม ธมฺมา อุปฺปาทิตาฯ ภควนฺตญฺหิ นิสฺสาย มยํ อิเม ธเมฺม อาชานาม ปฎิวิชฺฌามาติ เอวํ ภควํมูลกา โน, ภเนฺต, ธมฺมาติฯ ภควํเนตฺติกาติ ภควา ธมฺมานํ เนตา วิเนตา อนุเนตา ยถาสภาวโต ปาฎิเยกฺกํ ปาฎิเยกฺกํ นามํ คเหตฺวาว ทเสฺสตาติ ธมฺมา ภควํเนตฺติกา นาม โหนฺติฯ ภควํปฎิสรณาติ จตุภูมกธมฺมา สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺส อาปาถํ อาคจฺฉมานา ภควติ ปฎิสรนฺติ นามาติ ภควํปฎิสรณาฯ ปฎิสรนฺตีติ โอสรนฺติ สโมสรนฺติฯ อปิจ มหาโพธิมเณฺฑ นิสินฺนสฺส ภควโต ปฎิเวธวเสน ผโสฺส อาคจฺฉติ – ‘‘อหํ ภควา กินฺนาโม’’ติฯ ตฺวํ ผุสนเฎฺฐน ผโสฺส นามฯ เวทนา, สญฺญา, สงฺขารา, วิญฺญาณํ อาคจฺฉติ – ‘‘อหํ ภควา กินฺนาม’’นฺติฯ ตฺวํ วิชานนเฎฺฐน วิญฺญาณํ นามาติฯ เอวํ จตุภูมกธมฺมานํ ยถาสภาวโต ปาฎิเยกฺกํ ปาฎิเยกฺกํ นามํ คณฺหโนฺต ภควา ธเมฺม ปฎิสรตีติ ภควํปฎิสรณาฯ ภควนฺตํเยว ปฎิภาตูติ ภควโตว เอตสฺส ภาสิตสฺส อโตฺถ อุปฎฺฐาตุ, ตุเมฺหเยว โน กเถตฺวา เทถาติ อโตฺถฯ
69. Aṭṭhame bhagavaṃmūlakāti bhagavā mūlaṃ etesanti bhagavaṃmūlakā. Idaṃ vuttaṃ hoti – ime, bhante, amhākaṃ dhammā pubbe kassapasammāsambuddhena uppāditā, tasmiṃ parinibbute ekaṃ buddhantaraṃ añño samaṇo vā brāhmaṇo vā ime dhamme uppādetuṃ samattho nāma nāhosi, bhagavato pana no ime dhammā uppāditā. Bhagavantañhi nissāya mayaṃ ime dhamme ājānāma paṭivijjhāmāti evaṃ bhagavaṃmūlakā no, bhante, dhammāti. Bhagavaṃnettikāti bhagavā dhammānaṃ netā vinetā anunetā yathāsabhāvato pāṭiyekkaṃ pāṭiyekkaṃ nāmaṃ gahetvāva dassetāti dhammā bhagavaṃnettikā nāma honti. Bhagavaṃpaṭisaraṇāti catubhūmakadhammā sabbaññutaññāṇassa āpāthaṃ āgacchamānā bhagavati paṭisaranti nāmāti bhagavaṃpaṭisaraṇā. Paṭisarantīti osaranti samosaranti. Apica mahābodhimaṇḍe nisinnassa bhagavato paṭivedhavasena phasso āgacchati – ‘‘ahaṃ bhagavā kinnāmo’’ti. Tvaṃ phusanaṭṭhena phasso nāma. Vedanā, saññā, saṅkhārā, viññāṇaṃ āgacchati – ‘‘ahaṃ bhagavā kinnāma’’nti. Tvaṃ vijānanaṭṭhena viññāṇaṃ nāmāti. Evaṃ catubhūmakadhammānaṃ yathāsabhāvato pāṭiyekkaṃ pāṭiyekkaṃ nāmaṃ gaṇhanto bhagavā dhamme paṭisaratīti bhagavaṃpaṭisaraṇā. Bhagavantaṃyeva paṭibhātūti bhagavatova etassa bhāsitassa attho upaṭṭhātu, tumheyeva no kathetvā dethāti attho.
ราโค โขติ รชฺชนวเสน ปวตฺตราโคฯ อปฺปสาวโชฺชติ โลกวชฺชวเสนปิ วิปากวชฺชวเสนปีติ ทฺวีหิปิ วเชฺชหิ อปฺปสาวโชฺช, อปฺปโทโสติ อโตฺถฯ กถํ? มาตาปิตโร หิ ภาติภคินิอาทโย จ ปุตฺตภาติกานํ อาวาหวิวาหมงฺคลํ นาม กาเรนฺติฯ เอวํ ตาเวโส โลกวชฺชวเสน อปฺปสาวโชฺชฯ สทารสโนฺตสมูลิกา ปน อปาเย ปฎิสนฺธิ นาม น โหตีติ เอวํ วิปากวชฺชวเสน อปฺปสาวโชฺชฯ ทนฺธวิราคีติ วิรชฺชมาโน ปเนส สณิกํ วิรชฺชติ, น สีฆํ มุจฺจติฯ เตลมสิราโค วิย จิรํ อนุพนฺธติ, เทฺว ตีณิ ภวนฺตรานิ คนฺตฺวาปิ นาปคจฺฉตีติ ทนฺธวิราคีฯ
Rāgokhoti rajjanavasena pavattarāgo. Appasāvajjoti lokavajjavasenapi vipākavajjavasenapīti dvīhipi vajjehi appasāvajjo, appadosoti attho. Kathaṃ? Mātāpitaro hi bhātibhaginiādayo ca puttabhātikānaṃ āvāhavivāhamaṅgalaṃ nāma kārenti. Evaṃ tāveso lokavajjavasena appasāvajjo. Sadārasantosamūlikā pana apāye paṭisandhi nāma na hotīti evaṃ vipākavajjavasena appasāvajjo. Dandhavirāgīti virajjamāno panesa saṇikaṃ virajjati, na sīghaṃ muccati. Telamasirāgo viya ciraṃ anubandhati, dve tīṇi bhavantarāni gantvāpi nāpagacchatīti dandhavirāgī.
ตตฺริทํ วตฺถุ – เอโก กิร ปุริโส ภาตุ ชายาย มิจฺฉาจารํ จรติฯ ตสฺสาปิ อิตฺถิยา อตฺตโน สามิกโต โสเยว ปิยตโร อโหสิฯ สา ตมาห – ‘‘อิมสฺมิํ การเณ ปากเฎ ชาเต มหตี ครหา ภวิสฺสติ, ตว ภาติกํ ฆาเตหี’’ติฯ โส ‘‘นสฺส, วสลิ, มา เอวํ ปุน อวจา’’ติ อปสาเทสิฯ สา ตุณฺหี หุตฺวา กติปาหจฺจเยน ปุน กเถสิ, ตสฺส จิตฺตํ ทฺวชฺฌภาวํ อคมาสิฯ ตโต ตติยวารํ กถิโต ‘‘กินฺติ กตฺวา โอกาสํ ลภิสฺสามี’’ติ อาหฯ อถสฺส สา อุปายํ กเถนฺตี ‘‘ตฺวํ มยา วุตฺตเมว กโรหิ, อสุกฎฺฐาเน มหากกุธสมีเป ติตฺถํ อตฺถิ, ตตฺถ ติขิณํ ทณฺฑกวาสิํ คเหตฺวา ติฎฺฐาหี’’ติฯ โส ตถา อกาสิฯ เชฎฺฐภาตาปิสฺส อรเญฺญ กมฺมํ กตฺวา ฆรํ อาคโตฯ สา ตสฺมิํ มุทุจิตฺตา วิย หุตฺวา ‘‘เอหิ สามิ , สีเส เต โอลิขิสฺสามี’’ติ โอลิขนฺตี ‘‘อุปกฺกิลิฎฺฐํ เต สีส’’นฺติ อามลกปิณฺฑํ ทตฺวา ‘‘คจฺฉ อสุกฎฺฐาเน สีสํ โธวิตฺวา อาคจฺฉาหี’’ติ เปเสสิฯ โส ตาย วุตฺตติตฺถเมว คนฺตฺวา อามลกกเกฺกน สีสํ มเกฺขตฺวา อุทกํ โอรุยฺห โอนมิตฺวา สีสํ โธวิฯ อถ นํ อิตโร รุกฺขนฺตรโต นิกฺขมิตฺวา ขนฺธฎฺฐิเก ปหริตฺวา ชีวิตา โวโรเปตฺวา เคหํ อคมาสิฯ
Tatridaṃ vatthu – eko kira puriso bhātu jāyāya micchācāraṃ carati. Tassāpi itthiyā attano sāmikato soyeva piyataro ahosi. Sā tamāha – ‘‘imasmiṃ kāraṇe pākaṭe jāte mahatī garahā bhavissati, tava bhātikaṃ ghātehī’’ti. So ‘‘nassa, vasali, mā evaṃ puna avacā’’ti apasādesi. Sā tuṇhī hutvā katipāhaccayena puna kathesi, tassa cittaṃ dvajjhabhāvaṃ agamāsi. Tato tatiyavāraṃ kathito ‘‘kinti katvā okāsaṃ labhissāmī’’ti āha. Athassa sā upāyaṃ kathentī ‘‘tvaṃ mayā vuttameva karohi, asukaṭṭhāne mahākakudhasamīpe titthaṃ atthi, tattha tikhiṇaṃ daṇḍakavāsiṃ gahetvā tiṭṭhāhī’’ti. So tathā akāsi. Jeṭṭhabhātāpissa araññe kammaṃ katvā gharaṃ āgato. Sā tasmiṃ muducittā viya hutvā ‘‘ehi sāmi , sīse te olikhissāmī’’ti olikhantī ‘‘upakkiliṭṭhaṃ te sīsa’’nti āmalakapiṇḍaṃ datvā ‘‘gaccha asukaṭṭhāne sīsaṃ dhovitvā āgacchāhī’’ti pesesi. So tāya vuttatitthameva gantvā āmalakakakkena sīsaṃ makkhetvā udakaṃ oruyha onamitvā sīsaṃ dhovi. Atha naṃ itaro rukkhantarato nikkhamitvā khandhaṭṭhike paharitvā jīvitā voropetvā gehaṃ agamāsi.
อิตโร ภริยาย สิเนหํ ปริจฺจชิตุมสโกฺกโนฺต ตสฺมิํเยว เคเห มหาธมฺมนิ หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ โส ตสฺสา ฐิตายปิ นิสินฺนายปิ คนฺตฺวา สรีเร ปตติฯ อถ นํ สา ‘‘โสเยว อยํ ภวิสฺสตี’’ติ ฆาตาเปสิฯ โส ปุน ตสฺสา สิเนเหน ตสฺมิํเยว เคเห กุกฺกุโร หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ โส ปทสา คมนกาลโต ปฎฺฐาย ตสฺสา ปจฺฉโต ปจฺฉโต จรติฯ อรญฺญํ คจฺฉนฺติยาปิ สทฺธิํเยว คจฺฉติฯ ตํ ทิสฺวา มนุสฺสา ‘‘นิกฺขโนฺต สุนขลุทฺทโก, กตรฎฺฐานํ คมิสฺสตี’’ติ อุปฺปเณฺฑนฺติฯ สา ปุน ตํ ฆาตาเปสิฯ
Itaro bhariyāya sinehaṃ pariccajitumasakkonto tasmiṃyeva gehe mahādhammani hutvā nibbatti. So tassā ṭhitāyapi nisinnāyapi gantvā sarīre patati. Atha naṃ sā ‘‘soyeva ayaṃ bhavissatī’’ti ghātāpesi. So puna tassā sinehena tasmiṃyeva gehe kukkuro hutvā nibbatti. So padasā gamanakālato paṭṭhāya tassā pacchato pacchato carati. Araññaṃ gacchantiyāpi saddhiṃyeva gacchati. Taṃ disvā manussā ‘‘nikkhanto sunakhaluddako, kataraṭṭhānaṃ gamissatī’’ti uppaṇḍenti. Sā puna taṃ ghātāpesi.
โสปิ ปุน ตสฺมิํเยว เคเห วจฺฉโก หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ ตเถว ตสฺสา ปจฺฉโต ปจฺฉโต จรติฯ ตทาปิ นํ มนุสฺสา ทิสฺวา ‘‘นิกฺขโนฺต โคปาลโก, กตฺถ คาวิโย จริสฺสนฺตี’’ติ อุปฺปเณฺฑนฺติฯ สา ตสฺมิมฺปิ ฐาเน ตํ ฆาตาเปสิฯ โส ตทาปิ ตสฺสา อุปริ สิเนหํ ฉินฺทิตุํ อสโกฺกโนฺต จตุเตฺถ วาเร ตสฺสาเยว กุจฺฉิยํ ชาติสฺสโร หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ โส ปฎิปาฎิยา จตูสุ อตฺตภาเวสุ ตาย ฆาติตภาวํ ทิสฺวา ‘‘เอวรูปาย นาม ปจฺจตฺถิกาย กุจฺฉิสฺมิํ นิพฺพโตฺตสฺมี’’ติ ตโต ปฎฺฐาย ตสฺสา หเตฺถน อตฺตานํ ผุสิตุํ น เทติฯ สเจ นํ สา ผุสติ, กนฺทติ โรทติฯ อถ นํ อยฺยโกว ปฎิชคฺคติฯ ตํ อปรภาเค วุทฺธิปฺปตฺตํ อยฺยโก อาห – ‘‘ตาต, กสฺมา ตฺวํ มาตุ หเตฺถน อตฺตานํ ผุสิตุํ น เทสิฯ สเจปิ ตํ ผุสติ, มหาสเทฺทน โรทสิ กนฺทสี’’ติฯ อยฺยเกน ปุโฎฺฐ ‘‘น เอสา มยฺหํ มาตา, ปจฺจามิตฺตา เอสา’’ติ ตํ ปวตฺติํ สพฺพํ อาโรเจสิฯ โส ตํ อาลิงฺคิตฺวา โรทิตฺวา ‘‘เอหิ, ตาต, กิํ อมฺหากํ อีทิเส ฐาเน นิวาสกิจฺจ’’นฺติ ตํ อาทาย นิกฺขมิตฺวา เอกํ วิหารํ คนฺตฺวา ปพฺพชิตฺวา อุโภปิ ตตฺถ วสนฺตา อรหตฺตํ ปาปุณิํสุฯ
Sopi puna tasmiṃyeva gehe vacchako hutvā nibbatti. Tatheva tassā pacchato pacchato carati. Tadāpi naṃ manussā disvā ‘‘nikkhanto gopālako, kattha gāviyo carissantī’’ti uppaṇḍenti. Sā tasmimpi ṭhāne taṃ ghātāpesi. So tadāpi tassā upari sinehaṃ chindituṃ asakkonto catutthe vāre tassāyeva kucchiyaṃ jātissaro hutvā nibbatti. So paṭipāṭiyā catūsu attabhāvesu tāya ghātitabhāvaṃ disvā ‘‘evarūpāya nāma paccatthikāya kucchismiṃ nibbattosmī’’ti tato paṭṭhāya tassā hatthena attānaṃ phusituṃ na deti. Sace naṃ sā phusati, kandati rodati. Atha naṃ ayyakova paṭijaggati. Taṃ aparabhāge vuddhippattaṃ ayyako āha – ‘‘tāta, kasmā tvaṃ mātu hatthena attānaṃ phusituṃ na desi. Sacepi taṃ phusati, mahāsaddena rodasi kandasī’’ti. Ayyakena puṭṭho ‘‘na esā mayhaṃ mātā, paccāmittā esā’’ti taṃ pavattiṃ sabbaṃ ārocesi. So taṃ āliṅgitvā roditvā ‘‘ehi, tāta, kiṃ amhākaṃ īdise ṭhāne nivāsakicca’’nti taṃ ādāya nikkhamitvā ekaṃ vihāraṃ gantvā pabbajitvā ubhopi tattha vasantā arahattaṃ pāpuṇiṃsu.
มหาสาวโชฺชติ โลกวชฺชวเสนปิ วิปากวชฺชวเสนปีติ ทฺวีหิปิ การเณหิ มหาสาวโชฺชฯ กถํ? โทเสน หิ ทุโฎฺฐ หุตฺวา มาตริปิ อปรชฺฌติ, ปิตริปิ ภาติภคินิอาทีสุปิ ปพฺพชิเตสุปิฯ โส คตคตฎฺฐาเนสุ ‘‘อยํ ปุคฺคโล มาตาปิตูสุปิ อปรชฺฌติ, ภาติภคินิอาทีสุปิ, ปพฺพชิเตสุปี’’ติ มหติํ ครหํ ลภติฯ เอวํ ตาว โลกวชฺชวเสน มหาสาวโชฺชฯ โทสวเสน ปน กเตน อานนฺตริยกเมฺมน กปฺปํ นิรเย ปจฺจติฯ เอวํ วิปากวชฺชวเสน มหาสาวโชฺชฯ ขิปฺปวิราคีติ ขิปฺปํ วิรชฺชติฯ โทเสน หิ ทุโฎฺฐ มาตาปิตูสุปิ เจติเยปิ โพธิมฺหิปิ ปพฺพชิเตสุปิ อปรชฺฌิตฺวา ‘‘มยฺหํ ขมถา’’ติฯ อจฺจยํ เทเสติฯ ตสฺส สห ขมาปเนน ตํ กมฺมํ ปากติกเมว โหติฯ
Mahāsāvajjoti lokavajjavasenapi vipākavajjavasenapīti dvīhipi kāraṇehi mahāsāvajjo. Kathaṃ? Dosena hi duṭṭho hutvā mātaripi aparajjhati, pitaripi bhātibhaginiādīsupi pabbajitesupi. So gatagataṭṭhānesu ‘‘ayaṃ puggalo mātāpitūsupi aparajjhati, bhātibhaginiādīsupi, pabbajitesupī’’ti mahatiṃ garahaṃ labhati. Evaṃ tāva lokavajjavasena mahāsāvajjo. Dosavasena pana katena ānantariyakammena kappaṃ niraye paccati. Evaṃ vipākavajjavasena mahāsāvajjo. Khippavirāgīti khippaṃ virajjati. Dosena hi duṭṭho mātāpitūsupi cetiyepi bodhimhipi pabbajitesupi aparajjhitvā ‘‘mayhaṃ khamathā’’ti. Accayaṃ deseti. Tassa saha khamāpanena taṃ kammaṃ pākatikameva hoti.
โมโหปิ ทฺวีเหว การเณหิ มหาสาวโชฺชฯ โมเหน หิ มูโฬฺห หุตฺวา มาตาปิตูสุปิ เจติเยปิ โพธิมฺหิปิ ปพฺพชิเตสุปิ อปรชฺฌิตฺวา คตคตฎฺฐาเน ครหํ ลภติฯ เอวํ ตาว โลกวชฺชวเสน มหาสาวโชฺชฯ โมหวเสน ปน กเตน อานนฺตริยกเมฺมน กปฺปํ นิรเย ปจฺจติฯ เอวํ วิปากวชฺชวเสนปิ มหาสาวโชฺชฯ ทนฺธวิราคีติ สณิกํ วิรชฺชติฯ โมเหน มูเฬฺหน หิ กตกมฺมํ สณิกํ มุจฺจติฯ ยถา หิ อจฺฉจมฺมํ สตกฺขตฺตุมฺปิ โธวิยมานํ น ปณฺฑรํ โหติ, เอวเมว โมเหน มูเฬฺหน กตกมฺมํ สีฆํ น มุจฺจติ, สณิกเมว มุจฺจตีติฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ
Mohopi dvīheva kāraṇehi mahāsāvajjo. Mohena hi mūḷho hutvā mātāpitūsupi cetiyepi bodhimhipi pabbajitesupi aparajjhitvā gatagataṭṭhāne garahaṃ labhati. Evaṃ tāva lokavajjavasena mahāsāvajjo. Mohavasena pana katena ānantariyakammena kappaṃ niraye paccati. Evaṃ vipākavajjavasenapi mahāsāvajjo. Dandhavirāgīti saṇikaṃ virajjati. Mohena mūḷhena hi katakammaṃ saṇikaṃ muccati. Yathā hi acchacammaṃ satakkhattumpi dhoviyamānaṃ na paṇḍaraṃ hoti, evameva mohena mūḷhena katakammaṃ sīghaṃ na muccati, saṇikameva muccatīti. Sesamettha uttānamevāti.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๘. อญฺญติตฺถิยสุตฺตํ • 8. Aññatitthiyasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๘. อญฺญติตฺถิยสุตฺตวณฺณนา • 8. Aññatitthiyasuttavaṇṇanā