Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๔. อญฺญติตฺถิยสุตฺตวณฺณนา
4. Aññatitthiyasuttavaṇṇanā
๒๔. จตุเตฺถ ปาวิสีติ ปวิโฎฺฐฯ โส จ น ตาว ปวิโฎฺฐ, ‘‘ปวิสิสฺสามี’’ติ นิกฺขนฺตตฺตา ปน เอวํ วุโตฺตฯ ยถา กิํ? ยถา ‘‘คามํ คมิสฺสามี’’ติ นิกฺขนฺตปุริโส ตํ คามํ อปฺปโตฺตปิ ‘‘กหํ อิตฺถนฺนาโม’’ติ วุเตฺต ‘‘คามํ คโต’’ติ วุจฺจติ, เอวํฯ อติปฺปโคติ ตทา กิร เถรสฺส อติปฺปโคเยว นิกฺขนฺตทิวโส อโหสิ, อติปฺปโคเยว นิกฺขนฺตภิกฺขู โพธิยงฺคเณ เจติยงฺคเณ นิวาสนปารุปนฎฺฐาเนติ อิเมสุ ฐาเนสุ ยาว ภิกฺขาจารเวลา โหติ, ตาว ปปญฺจํ กโรนฺติฯ เถรสฺส ปน ‘‘ยาว ภิกฺขาจารเวลา โหติ, ตาว ปริพฺพาชเกหิ สทฺธิํ เอกเทฺวกถาวาเร กริสฺสามี’’ติ จินฺตยโต ยํนูนาหนฺติ เอตทโหสิฯ ปริพฺพาชกานํ อาราโมติ โส กิร อาราโม ทกฺขิณทฺวารสฺส จ เวฬุวนสฺส จ อนฺตรา อโหสิฯ อิธาติ อิเมสุ จตูสุ วาเทสุฯ กิํวาที กิมกฺขายีติ กิํ วทติ กิํ อาจิกฺขติ, กิํ เอตฺถ สมณสฺส โคตมสฺส ทสฺสนนฺติ ปุจฺฉนฺติฯ ธมฺมสฺส จานุธมฺมํ พฺยากเรยฺยามาติ, โภตา โคตเมน ยํ วุตฺตํ การณํ, ตสฺส อนุการณํ กเถยฺยามฯ สหธมฺมิโก วาทานุปาโตติ ปเรหิ วุตฺตการเณน สการโณ หุตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส วาทานุปาโต วาทปฺปวตฺติ วิญฺญูหิ ครหิตพฺพํ การณํ โกจิ อปฺปมตฺตโกปิ กถํ นาคเจฺฉยฺย? อิทํ วุตฺตํ โหติ – กถํ สพฺพากาเรนปิ สมณสฺส โคตมสฺส วาเท คารยฺหํ การณํ น ภเวยฺยาติ?
24. Catutthe pāvisīti paviṭṭho. So ca na tāva paviṭṭho, ‘‘pavisissāmī’’ti nikkhantattā pana evaṃ vutto. Yathā kiṃ? Yathā ‘‘gāmaṃ gamissāmī’’ti nikkhantapuriso taṃ gāmaṃ appattopi ‘‘kahaṃ itthannāmo’’ti vutte ‘‘gāmaṃ gato’’ti vuccati, evaṃ. Atippagoti tadā kira therassa atippagoyeva nikkhantadivaso ahosi, atippagoyeva nikkhantabhikkhū bodhiyaṅgaṇe cetiyaṅgaṇe nivāsanapārupanaṭṭhāneti imesu ṭhānesu yāva bhikkhācāravelā hoti, tāva papañcaṃ karonti. Therassa pana ‘‘yāva bhikkhācāravelā hoti, tāva paribbājakehi saddhiṃ ekadvekathāvāre karissāmī’’ti cintayato yaṃnūnāhanti etadahosi. Paribbājakānaṃ ārāmoti so kira ārāmo dakkhiṇadvārassa ca veḷuvanassa ca antarā ahosi. Idhāti imesu catūsu vādesu. Kiṃvādī kimakkhāyīti kiṃ vadati kiṃ ācikkhati, kiṃ ettha samaṇassa gotamassa dassananti pucchanti. Dhammassa cānudhammaṃ byākareyyāmāti, bhotā gotamena yaṃ vuttaṃ kāraṇaṃ, tassa anukāraṇaṃ katheyyāma. Sahadhammiko vādānupātoti parehi vuttakāraṇena sakāraṇo hutvā samaṇassa gotamassa vādānupāto vādappavatti viññūhi garahitabbaṃ kāraṇaṃ koci appamattakopi kathaṃ nāgaccheyya? Idaṃ vuttaṃ hoti – kathaṃ sabbākārenapi samaṇassa gotamassa vāde gārayhaṃ kāraṇaṃ na bhaveyyāti?
อิติ วทนฺติ ผสฺสปจฺจยา ทุกฺขนฺติ เอวํ วทโนฺตติ อโตฺถฯ ตตฺราติ เตสุ จตูสุ วาเทสุฯ เต วต อญฺญตฺร ผสฺสาติ อิทํ ‘‘ตทปิ ผสฺสปจฺจยา’’ติ ปฎิญฺญาย สาธกวจนํฯ ยสฺมา หิ น วินา ผเสฺสน ทุกฺขปฎิสํเวทนา อตฺถิ, ตสฺมา ชานิตพฺพเมตํ ยถา ‘‘ตทปิ ผสฺสปจฺจยา’’ติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโยฯ
Itivadanti phassapaccayā dukkhanti evaṃ vadantoti attho. Tatrāti tesu catūsu vādesu. Te vata aññatra phassāti idaṃ ‘‘tadapi phassapaccayā’’ti paṭiññāya sādhakavacanaṃ. Yasmā hi na vinā phassena dukkhapaṭisaṃvedanā atthi, tasmā jānitabbametaṃ yathā ‘‘tadapi phassapaccayā’’ti ayamettha adhippāyo.
สาธุ , สาธุ, อานนฺทาติ อยํ สาธุกาโร สาริปุตฺตเตฺถรสฺส ทิโนฺน, อานนฺทเตฺถเรน ปน สทฺธิํ ภควา อามเนฺตสิฯ เอกมิทาหนฺติ เอตฺถ อิธาติ นิปาตมตฺตํ, เอกํ สมยนฺติ อโตฺถฯ อิทํ วจนํ ‘‘น เกวลํ สาริปุโตฺตว ราชคหํ ปวิโฎฺฐ, อหมฺปิ ปาวิสิํฯ น เกวลญฺจ ตเสฺสวายํ วิตโกฺก อุปฺปโนฺน, มยฺหมฺปิ อุปฺปชฺชิฯ น เกวลญฺจ ตเสฺสว สา ติตฺถิเยหิ สทฺธิํ กถา ชาตา, มยฺหมฺปิ ชาตปุพฺพา’’ติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ
Sādhu, sādhu, ānandāti ayaṃ sādhukāro sāriputtattherassa dinno, ānandattherena pana saddhiṃ bhagavā āmantesi. Ekamidāhanti ettha idhāti nipātamattaṃ, ekaṃ samayanti attho. Idaṃ vacanaṃ ‘‘na kevalaṃ sāriputtova rājagahaṃ paviṭṭho, ahampi pāvisiṃ. Na kevalañca tassevāyaṃ vitakko uppanno, mayhampi uppajji. Na kevalañca tasseva sā titthiyehi saddhiṃ kathā jātā, mayhampi jātapubbā’’ti dassanatthaṃ vuttaṃ.
อจฺฉริยํ อพฺภุตนฺติ อุภยเมฺปตํ วิมฺหยทีปนเมวฯ วจนโตฺถ ปเนตฺถ อจฺฉรํ ปหริตุํ ยุตฺตนฺติ อจฺฉริยํฯ อภูตปุพฺพํ ภูตนฺติ อพฺภุตํฯ เอเกน ปเทนาติ ‘‘ผสฺสปจฺจยา ทุกฺข’’นฺติ อิมินา เอเกน ปเทนฯ เอเตน หิ สพฺพวาทานํ ปฎิเกฺขปโตฺถ วุโตฺตฯ เอเสวโตฺถติ เอโสเยว ผสฺสปจฺจยา ทุกฺขนฺติ ปฎิจฺจสมุปฺปาทโตฺถฯ ตเญฺญเวตฺถ ปฎิภาตูติ ตเญฺญเวตฺถ อุปฎฺฐาตุฯ อิทานิ เถโร ชรามรณาทิกาย ปฎิจฺจสมุปฺปาทกถาย ตํ อตฺถคมฺภีรเญฺจว คมฺภีราวภาสญฺจ กโรโนฺต สเจ มํ, ภเนฺตติอาทิํ วตฺวา ยํมูลกา กถา อุปฺปนฺนา, ตเทว ปทํ คเหตฺวา วิวฎฺฎํ ทเสฺสโนฺต ฉนฺนํเตฺววาติอาทิมาหฯ เสสํ อุตฺตานเมวาติฯ จตุตฺถํฯ
Acchariyaṃabbhutanti ubhayampetaṃ vimhayadīpanameva. Vacanattho panettha accharaṃ paharituṃ yuttanti acchariyaṃ. Abhūtapubbaṃ bhūtanti abbhutaṃ. Ekena padenāti ‘‘phassapaccayā dukkha’’nti iminā ekena padena. Etena hi sabbavādānaṃ paṭikkhepattho vutto. Esevatthoti esoyeva phassapaccayā dukkhanti paṭiccasamuppādattho. Taññevettha paṭibhātūti taññevettha upaṭṭhātu. Idāni thero jarāmaraṇādikāya paṭiccasamuppādakathāya taṃ atthagambhīrañceva gambhīrāvabhāsañca karonto sace maṃ, bhantetiādiṃ vatvā yaṃmūlakā kathā uppannā, tadeva padaṃ gahetvā vivaṭṭaṃ dassento channaṃtvevātiādimāha. Sesaṃ uttānamevāti. Catutthaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๔. อญฺญติตฺถิยสุตฺตํ • 4. Aññatitthiyasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๔. อญฺญติตฺถิยสุตฺตวณฺณนา • 4. Aññatitthiyasuttavaṇṇanā