Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi

    ๔. อนุมานวโคฺค

    4. Anumānavaggo

    ๑. อนุมานปโญฺห

    1. Anumānapañho

    . อถ โข มิลิโนฺท ราชา เยนายสฺมา นาคเสโน เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ, เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข มิลิโนฺท ราชา ญาตุกาโม โสตุกาโม ธาเรตุกาโม ญาณาโลกํ ทฎฺฐุกาโม อญฺญาณํ ภินฺทิตุกาโม ญาณาโลกํ อุปฺปาเทตุกาโม อวิชฺชนฺธการํ นาเสตุกาโม อธิมตฺตํ ธิติญฺจ อุสฺสาหญฺจ สติญฺจ สมฺปชญฺญญฺจ อุปฎฺฐเปตฺวา อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ เอตทโวจ ‘‘ภเนฺต นาคเสน, กิํ ปน พุโทฺธ ตยา ทิโฎฺฐ’’ติฯ ‘‘น หิ, มหาราชา’’ติฯ ‘‘กิํ ปน เต อาจริเยหิ พุโทฺธ ทิโฎฺฐ’’ติ? ‘‘น หิ, มหาราชา’’ติฯ ‘‘ภเนฺต นาคเสน, น กิร ตยา พุโทฺธ ทิโฎฺฐ, นาปิ กิร เต อาจริเยหิ พุโทฺธ ทิโฎฺฐ, เตน หิ, ภเนฺต นาคเสน, นตฺถิ พุโทฺธ, น เหตฺถ พุโทฺธ ปญฺญายตี’’ติฯ

    1. Atha kho milindo rājā yenāyasmā nāgaseno tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā āyasmantaṃ nāgasenaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi, ekamantaṃ nisinno kho milindo rājā ñātukāmo sotukāmo dhāretukāmo ñāṇālokaṃ daṭṭhukāmo aññāṇaṃ bhinditukāmo ñāṇālokaṃ uppādetukāmo avijjandhakāraṃ nāsetukāmo adhimattaṃ dhitiñca ussāhañca satiñca sampajaññañca upaṭṭhapetvā āyasmantaṃ nāgasenaṃ etadavoca ‘‘bhante nāgasena, kiṃ pana buddho tayā diṭṭho’’ti. ‘‘Na hi, mahārājā’’ti. ‘‘Kiṃ pana te ācariyehi buddho diṭṭho’’ti? ‘‘Na hi, mahārājā’’ti. ‘‘Bhante nāgasena, na kira tayā buddho diṭṭho, nāpi kira te ācariyehi buddho diṭṭho, tena hi, bhante nāgasena, natthi buddho, na hettha buddho paññāyatī’’ti.

    ‘‘อตฺถิ ปน เต, มหาราช, ปุพฺพกา ขตฺติยา, เย เต ตว ขตฺติยวํสสฺส ปุพฺพงฺคมา’’ติ? ‘‘อาม, ภเนฺตฯ โก สํสโย, อตฺถิ ปุพฺพกา ขตฺติยา, เย มม ขตฺติยวํสสฺส ปุพฺพงฺคมา’’ติฯ ‘‘ทิฎฺฐปุพฺพา ตยา, มหาราช, ปุพฺพกา ขตฺติยา’’ติ? ‘‘น หิ ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เย ปน ตํ, มหาราช, อนุสาสนฺติ ปุโรหิตา เสนาปติโน อกฺขทสฺสา มหามตฺตา, เตหิ ปุพฺพกา ขตฺติยา ทิฎฺฐปุพฺพา’’ติ? ‘‘น หิ ภเนฺต’’ติฯ ‘‘ยทิ ปน เต, มหาราช, ปุพฺพกา ขตฺติยา น ทิฎฺฐา, นาปิ กิร เต อนุสาสเกหิ ปุพฺพกา ขตฺติยา ทิฎฺฐา, เตน หิ นตฺถิ ปุพฺพกา ขตฺติยา, น เหตฺถ ปุพฺพกา ขตฺติยา ปญฺญายนฺตี’’ติฯ

    ‘‘Atthi pana te, mahārāja, pubbakā khattiyā, ye te tava khattiyavaṃsassa pubbaṅgamā’’ti? ‘‘Āma, bhante. Ko saṃsayo, atthi pubbakā khattiyā, ye mama khattiyavaṃsassa pubbaṅgamā’’ti. ‘‘Diṭṭhapubbā tayā, mahārāja, pubbakā khattiyā’’ti? ‘‘Na hi bhante’’ti. ‘‘Ye pana taṃ, mahārāja, anusāsanti purohitā senāpatino akkhadassā mahāmattā, tehi pubbakā khattiyā diṭṭhapubbā’’ti? ‘‘Na hi bhante’’ti. ‘‘Yadi pana te, mahārāja, pubbakā khattiyā na diṭṭhā, nāpi kira te anusāsakehi pubbakā khattiyā diṭṭhā, tena hi natthi pubbakā khattiyā, na hettha pubbakā khattiyā paññāyantī’’ti.

    ‘‘ทิสฺสนฺติ, ภเนฺต นาคเสน, ปุพฺพกานํ ขตฺติยานํ อนุภูตานิ ปริโภคภณฺฑานิฯ เสยฺยถิทํ, เสตจฺฉตฺตํ อุณฺหีสํ ปาทุกา วาลพีชนี ขคฺครตนํ มหารหานิ จ สยนานิฯ เยหิ มยํ ชาเนยฺยาม สทฺทเหยฺยาม ‘อตฺถิ ปุพฺพกา ขตฺติยา’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, มยเมฺปตํ ภควนฺตํ ชาเนยฺยาม สทฺทเหยฺยามฯ อตฺถิ ตํ การณํ, เยน มยํ การเณน ชาเนยฺยาม สทฺทเหยฺยาม ‘อตฺถิ โส ภควา’ติฯ กตมํ ตํ การณํ? อตฺถิ โข, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน อนุภูตานิ ปริโภคภณฺฑานิฯ เสยฺยถิทํ, จตฺตาโร สติปฎฺฐานา จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ปญฺจินฺทฺริยานิ ปญฺจ พลานิ สตฺต โพชฺฌงฺคา อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค, เยหิ สเทวโก โลโก ชานาติ สทฺทหติ ‘อตฺถิ โส ภควา’ติฯ อิมินา, มหาราช, การเณน อิมินา เหตุนา อิมินา นเยน อิมินา อนุมาเนน ญาตโพฺพ ‘อตฺถิ โส ภควา’ติฯ

    ‘‘Dissanti, bhante nāgasena, pubbakānaṃ khattiyānaṃ anubhūtāni paribhogabhaṇḍāni. Seyyathidaṃ, setacchattaṃ uṇhīsaṃ pādukā vālabījanī khaggaratanaṃ mahārahāni ca sayanāni. Yehi mayaṃ jāneyyāma saddaheyyāma ‘atthi pubbakā khattiyā’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, mayampetaṃ bhagavantaṃ jāneyyāma saddaheyyāma. Atthi taṃ kāraṇaṃ, yena mayaṃ kāraṇena jāneyyāma saddaheyyāma ‘atthi so bhagavā’ti. Katamaṃ taṃ kāraṇaṃ? Atthi kho, mahārāja, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena anubhūtāni paribhogabhaṇḍāni. Seyyathidaṃ, cattāro satipaṭṭhānā cattāro sammappadhānā cattāro iddhipādā pañcindriyāni pañca balāni satta bojjhaṅgā ariyo aṭṭhaṅgiko maggo, yehi sadevako loko jānāti saddahati ‘atthi so bhagavā’ti. Iminā, mahārāja, kāraṇena iminā hetunā iminā nayena iminā anumānena ñātabbo ‘atthi so bhagavā’ti.

    ‘‘‘พหู ชเน ตารยิตฺวา, นิพฺพุโต อุปธิกฺขเย;

    ‘‘‘Bahū jane tārayitvā, nibbuto upadhikkhaye;

    อนุมาเนน ญาตพฺพํ, อตฺถิ โส ทฺวิปทุตฺตโม’’’ติฯ

    Anumānena ñātabbaṃ, atthi so dvipaduttamo’’’ti.

    ‘‘ภเนฺต นาคเสน, โอปมฺมํ กโรหี’’ติฯ ‘‘ยถา, มหาราช, นครวฑฺฒกี นครํ มาเปตุกาโม ปฐมํ ตาว สมํ อนุนฺนตมโนนตํ อสกฺขรปาสาณํ นิรุปทฺทวมนวชฺชํ รมณียํ ภูมิภาคํ อนุวิโลเกตฺวา ยํ ตตฺถ วิสมํ, ตํ สมํ การาเปตฺวา ขาณุกณฺฎกํ วิโสธาเปตฺวา ตตฺถ นครํ มาเปยฺย โสภนํ วิภตฺตํ ภาคโส มิตํ อุกฺกิณฺณปริขาปาการํ ทฬฺหโคปุรฎฺฎาลโกฎฺฎกํ ปุถุจจฺจรจตุกฺกสนฺธิสิงฺฆาฎกํ สุจิสมตลราชมคฺคํ สุวิภตฺตอนฺตราปณํ อารามุยฺยานตฬากโปกฺขรณิอุทปานสมฺปนฺนํ พหุวิธเทวฎฺฐานปฺปฎิมณฺฑิตํ สพฺพโทสวิรหิตํ, โส ตสฺมิํ นคเร สพฺพถา เวปุลฺลตฺตํ ปเตฺต อญฺญํ เทสํ อุปคเจฺฉยฺย, อถ ตํ นครํ อปเรน สมเยน อิทฺธํ ภเวยฺย ผีตํ สุภิกฺขํ เขมํ สมิทฺธํ สิวํ อนีติกํ นิรุปทฺทวํ นานาชนสมากุลํ, ปุถู ขตฺติยา พฺราหฺมณา เวสฺสา สุทฺทา หตฺถาโรหา อสฺสาโรหา รถิกา ปตฺติกา ธนุคฺคหา ถรุคฺคหา เจลกา จลกา ปิณฺฑทายกา อุคฺคา ราชปุตฺตา ปกฺขนฺทิโน มหานาคา สูรา วมฺมิโน โยธิโน ทาสิกปุตฺตา ภฎิปุตฺตา 1 มลฺลกา คณกา อาฬาริกา สูทา กปฺปกา นหาปกา จุนฺทา มาลาการา สุวณฺณการา สชฺฌุการา สีสการา ติปุการา โลหการา วฎฺฎการา อโยการา มณิการา เปสการา กุมฺภการา เวณุการา โลณการา จมฺมการา รถการา ทนฺตการา รชฺชุการา โกจฺฉการา สุตฺตการา วิลีวการา ธนุการา ชิยการา อุสุการา จิตฺตการา รงฺคการา รชกา ตนฺตวายา ตุนฺนวายา เหรญฺญิกา ทุสฺสิกา คนฺธิกา ติณหารกา กฎฺฐหารกา ภตกา ปณฺณิกา ผลิกา 2 มูลิกา โอทนิกา ปูวิกา มจฺฉิกา มํสิกา มชฺชิกา นฎกา นจฺจกา ลงฺฆกา อินฺทชาลิกา เวตาลิกา มลฺลา ฉวฑาหกา ปุปฺผฉฑฺฑกา เวนา เนสาทา คณิกา ลาสิกา กุมฺภทาสิโย สกฺกยวนจีนวิลาตา อุเชฺชนกา ภารุกจฺฉกา กาสิโกสลา ปรนฺตกา มาคธกา สาเกตกา โสเรยฺยกา 3 ปาเวยฺยกา โกฎุมฺพรมาถุรกา อลสนฺทกสฺมีรคนฺธารา ตํ นครํ วาสาย อุปคตา นานาวิสยิโน ชนา นวํ สุวิภตฺตํ อโทสมนวชฺชํ รมณียํ ตํ นครํ ปสฺสิตฺวา อนุมาเนน ชานนฺติ ‘เฉโก วต โภ โส นครวฑฺฒกี, โย อิมสฺส นครสฺส มาเปตา’ติฯ เอวเมว โข, มหาราช, โส ภควา อสโม อสมสโม อปฺปฎิสโม อสทิโส อตุโล อสเงฺขฺยโย อปฺปเมโยฺย อปริเมโยฺย อมิตคุโณ คุณปารมิปฺปโตฺต อนนฺตธิติ อนนฺตเตโช อนนฺตวีริโย อนนฺตพโล พุทฺธพลปารมิํ คโต สเสนมารํ ปราเชตฺวา ทิฎฺฐิชาลํ ปทาเลตฺวา อวิชฺชํ เขเปตฺวา วิชฺชํ อุปฺปาเทตฺวา ธมฺมุกฺกํ ธารยิตฺวา สพฺพญฺญุตํ ปาปุณิตฺวา วิชิตสงฺคาโม ธมฺมนครํ มาเปสิฯ

    ‘‘Bhante nāgasena, opammaṃ karohī’’ti. ‘‘Yathā, mahārāja, nagaravaḍḍhakī nagaraṃ māpetukāmo paṭhamaṃ tāva samaṃ anunnatamanonataṃ asakkharapāsāṇaṃ nirupaddavamanavajjaṃ ramaṇīyaṃ bhūmibhāgaṃ anuviloketvā yaṃ tattha visamaṃ, taṃ samaṃ kārāpetvā khāṇukaṇṭakaṃ visodhāpetvā tattha nagaraṃ māpeyya sobhanaṃ vibhattaṃ bhāgaso mitaṃ ukkiṇṇaparikhāpākāraṃ daḷhagopuraṭṭālakoṭṭakaṃ puthucaccaracatukkasandhisiṅghāṭakaṃ sucisamatalarājamaggaṃ suvibhattaantarāpaṇaṃ ārāmuyyānataḷākapokkharaṇiudapānasampannaṃ bahuvidhadevaṭṭhānappaṭimaṇḍitaṃ sabbadosavirahitaṃ, so tasmiṃ nagare sabbathā vepullattaṃ patte aññaṃ desaṃ upagaccheyya, atha taṃ nagaraṃ aparena samayena iddhaṃ bhaveyya phītaṃ subhikkhaṃ khemaṃ samiddhaṃ sivaṃ anītikaṃ nirupaddavaṃ nānājanasamākulaṃ, puthū khattiyā brāhmaṇā vessā suddā hatthārohā assārohā rathikā pattikā dhanuggahā tharuggahā celakā calakā piṇḍadāyakā uggā rājaputtā pakkhandino mahānāgā sūrā vammino yodhino dāsikaputtā bhaṭiputtā 4 mallakā gaṇakā āḷārikā sūdā kappakā nahāpakā cundā mālākārā suvaṇṇakārā sajjhukārā sīsakārā tipukārā lohakārā vaṭṭakārā ayokārā maṇikārā pesakārā kumbhakārā veṇukārā loṇakārā cammakārā rathakārā dantakārā rajjukārā kocchakārā suttakārā vilīvakārā dhanukārā jiyakārā usukārā cittakārā raṅgakārā rajakā tantavāyā tunnavāyā heraññikā dussikā gandhikā tiṇahārakā kaṭṭhahārakā bhatakā paṇṇikā phalikā 5 mūlikā odanikā pūvikā macchikā maṃsikā majjikā naṭakā naccakā laṅghakā indajālikā vetālikā mallā chavaḍāhakā pupphachaḍḍakā venā nesādā gaṇikā lāsikā kumbhadāsiyo sakkayavanacīnavilātā ujjenakā bhārukacchakā kāsikosalā parantakā māgadhakā sāketakā soreyyakā 6 pāveyyakā koṭumbaramāthurakā alasandakasmīragandhārā taṃ nagaraṃ vāsāya upagatā nānāvisayino janā navaṃ suvibhattaṃ adosamanavajjaṃ ramaṇīyaṃ taṃ nagaraṃ passitvā anumānena jānanti ‘cheko vata bho so nagaravaḍḍhakī, yo imassa nagarassa māpetā’ti. Evameva kho, mahārāja, so bhagavā asamo asamasamo appaṭisamo asadiso atulo asaṅkhyeyo appameyyo aparimeyyo amitaguṇo guṇapāramippatto anantadhiti anantatejo anantavīriyo anantabalo buddhabalapāramiṃ gato sasenamāraṃ parājetvā diṭṭhijālaṃ padāletvā avijjaṃ khepetvā vijjaṃ uppādetvā dhammukkaṃ dhārayitvā sabbaññutaṃ pāpuṇitvā vijitasaṅgāmo dhammanagaraṃ māpesi.

    ‘‘ภควโต โข, มหาราช, ธมฺมนครํ สีลปาการํ หิริปริขํ ญาณทฺวารโกฎฺฐกํ วีริยอฎฺฎาลกํ สทฺธาเอสิกํ สติโทวาริกํ ปญฺญาปาสาทํ สุตฺตนฺตจจฺจรํ อภิธมฺมสิงฺฆาฎกํ วินยวินิจฺฉยํ สติปฎฺฐานวีถิกํ, ตสฺส โข ปน, มหาราช, สติปฎฺฐานวีถิยํ เอวรูปา อาปณา ปสาริตา โหนฺติฯ เสยฺยถีทํ, ปุปฺผาปณํ คนฺธาปณํ ผลาปณํ อคทาปณํ โอสธาปณํ อมตาปณํ รตนาปณํ สพฺพาปณ’’นฺติฯ

    ‘‘Bhagavato kho, mahārāja, dhammanagaraṃ sīlapākāraṃ hiriparikhaṃ ñāṇadvārakoṭṭhakaṃ vīriyaaṭṭālakaṃ saddhāesikaṃ satidovārikaṃ paññāpāsādaṃ suttantacaccaraṃ abhidhammasiṅghāṭakaṃ vinayavinicchayaṃ satipaṭṭhānavīthikaṃ, tassa kho pana, mahārāja, satipaṭṭhānavīthiyaṃ evarūpā āpaṇā pasāritā honti. Seyyathīdaṃ, pupphāpaṇaṃ gandhāpaṇaṃ phalāpaṇaṃ agadāpaṇaṃ osadhāpaṇaṃ amatāpaṇaṃ ratanāpaṇaṃ sabbāpaṇa’’nti.

    ‘‘ภเนฺต นาคเสน, กตมํ พุทฺธสฺส ภควโต ปุปฺผาปณ’’นฺติ? ‘‘อตฺถิ โข ปน, มหาราช, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน อารมฺมณวิภตฺติโย อกฺขาตาฯ เสยฺยถีทํ, อนิจฺจสญฺญา ทุกฺขสญฺญา อนตฺตสญฺญา อสุภสญฺญา อาทีนวสญฺญา ปหานสญฺญา วิราคสญฺญา นิโรธสญฺญา สพฺพโลเก อนภิรติสญฺญา สพฺพสงฺขาเรสุ อนิจฺจสญฺญา อานาปานสฺสติ อุทฺธุมาตกสญฺญา วินีลกสญฺญา วิปุพฺพกสญฺญา วิจฺฉิทฺทกสญฺญา วิกฺขายิตกสญฺญา วิกฺขิตฺตกสญฺญา หตวิกฺขิตฺตกสญฺญา โลหิตกสญฺญา ปุฬวกสญฺญา อฎฺฐิกสญฺญา เมตฺตาสญฺญา กรุณาสญฺญา มุทิตาสญฺญา อุเปกฺขาสญฺญา มรณานุสฺสติ กายคตาสติ, อิเม โข, มหาราช, พุเทฺธน ภควตา อารมฺมณวิภตฺติโย อกฺขาตาฯ ตตฺถ โย โกจิ ชรามรณา มุจฺจิตุกาโม, โส เตสุ อญฺญตรํ อารมฺมณํ คณฺหาติ, เตน อารมฺมเณน ราคา วิมุจฺจติ, โทสา วิมุจฺจติ, โมหา วิมุจฺจติ, มานโต วิมุจฺจติ, ทิฎฺฐิโต วิมุจฺจติ, สํสารํ ตรติ, ตณฺหาโสตํ นิวาเรติ, ติวิธํ มลํ วิโสเธติ, สพฺพกิเลเส อุปหนฺตฺวา อมลํ วิรชํ สุทฺธํ ปณฺฑรํ อชาติํ อชรํ อมรํ สุขํ สีติภูตํ อภยํ นครุตฺตมํ นิพฺพานนครํ ปวิสิตฺวา อรหเตฺต จิตฺตํ วิโมเจติ, อิทํ วุจฺจติ มหาราช ‘ภควโต ปุปฺผาปณ’นฺติฯ

    ‘‘Bhante nāgasena, katamaṃ buddhassa bhagavato pupphāpaṇa’’nti? ‘‘Atthi kho pana, mahārāja, tena bhagavatā jānatā passatā arahatā sammāsambuddhena ārammaṇavibhattiyo akkhātā. Seyyathīdaṃ, aniccasaññā dukkhasaññā anattasaññā asubhasaññā ādīnavasaññā pahānasaññā virāgasaññā nirodhasaññā sabbaloke anabhiratisaññā sabbasaṅkhāresu aniccasaññā ānāpānassati uddhumātakasaññā vinīlakasaññā vipubbakasaññā vicchiddakasaññā vikkhāyitakasaññā vikkhittakasaññā hatavikkhittakasaññā lohitakasaññā puḷavakasaññā aṭṭhikasaññā mettāsaññā karuṇāsaññā muditāsaññā upekkhāsaññā maraṇānussati kāyagatāsati, ime kho, mahārāja, buddhena bhagavatā ārammaṇavibhattiyo akkhātā. Tattha yo koci jarāmaraṇā muccitukāmo, so tesu aññataraṃ ārammaṇaṃ gaṇhāti, tena ārammaṇena rāgā vimuccati, dosā vimuccati, mohā vimuccati, mānato vimuccati, diṭṭhito vimuccati, saṃsāraṃ tarati, taṇhāsotaṃ nivāreti, tividhaṃ malaṃ visodheti, sabbakilese upahantvā amalaṃ virajaṃ suddhaṃ paṇḍaraṃ ajātiṃ ajaraṃ amaraṃ sukhaṃ sītibhūtaṃ abhayaṃ nagaruttamaṃ nibbānanagaraṃ pavisitvā arahatte cittaṃ vimoceti, idaṃ vuccati mahārāja ‘bhagavato pupphāpaṇa’nti.

    ‘‘‘กมฺมมูลํ คเหตฺวาน, อาปณํ อุปคจฺฉถ;

    ‘‘‘Kammamūlaṃ gahetvāna, āpaṇaṃ upagacchatha;

    อารมฺมณํ กิณิตฺวาน, ตโต มุจฺจถ มุตฺติยา’’’ติฯ

    Ārammaṇaṃ kiṇitvāna, tato muccatha muttiyā’’’ti.

    ‘‘ภเนฺต นาคเสน, กตมํ พุทฺธสฺส ภควโต คนฺธาปณ’’นฺติ? ‘‘อตฺถิ โข ปน, มหาราช, เตน ภควตา สีลวิภตฺติโย อกฺขาตา, เยน สีลคเนฺธน อนุลิตฺตา ภควโต ปุตฺตา สเทวกํ โลกํ สีลคเนฺธน ธูเปนฺติ สมฺปธูเปนฺติ, ทิสมฺปิ อนุทิสมฺปิ อนุวาตมฺปิ ปฎิวาตมฺปิ วายนฺติ อติวายนฺติ, ผริตฺวา ติฎฺฐนฺติฯ กตมา ตา สีลวิภตฺติโย? สรณสีลํ ปญฺจงฺคสีลํ อฎฺฐงฺคสีลํ ทสงฺคสีลํ ปญฺจุเทฺทสปริยาปนฺนํ ปาติโมกฺขสํวรสีลํฯ อิทํ วุจฺจติ, มหาราช, ‘ภควโต คนฺธาปณ’นฺติฯ ภาสิตเมฺปตํ, มหาราช, ภควตา เทวาติเทเวน –

    ‘‘Bhante nāgasena, katamaṃ buddhassa bhagavato gandhāpaṇa’’nti? ‘‘Atthi kho pana, mahārāja, tena bhagavatā sīlavibhattiyo akkhātā, yena sīlagandhena anulittā bhagavato puttā sadevakaṃ lokaṃ sīlagandhena dhūpenti sampadhūpenti, disampi anudisampi anuvātampi paṭivātampi vāyanti ativāyanti, pharitvā tiṭṭhanti. Katamā tā sīlavibhattiyo? Saraṇasīlaṃ pañcaṅgasīlaṃ aṭṭhaṅgasīlaṃ dasaṅgasīlaṃ pañcuddesapariyāpannaṃ pātimokkhasaṃvarasīlaṃ. Idaṃ vuccati, mahārāja, ‘bhagavato gandhāpaṇa’nti. Bhāsitampetaṃ, mahārāja, bhagavatā devātidevena –

    ‘‘‘น ปุปฺผคโนฺธ ปฎิวาตเมติ, น จนฺทนํ ตคฺครมลฺลิกา วา;

    ‘‘‘Na pupphagandho paṭivātameti, na candanaṃ taggaramallikā vā;

    สตญฺจ คโนฺธ ปฎิวาตเมติ, สพฺพา ทิสา สปฺปุริโส ปวายติ 7

    Satañca gandho paṭivātameti, sabbā disā sappuriso pavāyati 8.

    ‘‘‘จนฺทนํ ตครํ วาปิ, อุปฺปลํ อถ วสฺสิกี;

    ‘‘‘Candanaṃ tagaraṃ vāpi, uppalaṃ atha vassikī;

    เอเตสํ คนฺธชาตานํ, สีลคโนฺธ อนุตฺตโรฯ

    Etesaṃ gandhajātānaṃ, sīlagandho anuttaro.

    ‘‘‘อปฺปมโตฺต อยํ คโนฺธ, ยฺวายํ ตครจนฺทนํ;

    ‘‘‘Appamatto ayaṃ gandho, yvāyaṃ tagaracandanaṃ;

    โย จ สีลวตํ คโนฺธ, วาติ เทเวสุ อุตฺตโม’’’ติฯ

    Yo ca sīlavataṃ gandho, vāti devesu uttamo’’’ti.

    ‘‘ภเนฺต นาคเสน, กตมํ พุทฺธสฺส ภควโต ผลาปณ’’นฺติ? ‘‘ผลานิ โข, มหาราช, ภควตา อกฺขาตานิฯ เสยฺยถีทํ, โสตาปตฺติผลํ สกทาคามิผลํ อนาคามิผลํ อรหตฺตผลํ สุญฺญตผลสมาปตฺติ อนิมิตฺตผลสมาปตฺติ อปฺปณิหิตผลสมาปตฺติ ฯ ตตฺถ โย โกจิ ยํ ผลํ อิจฺฉติ, โส กมฺมมูลํ ทตฺวา ปตฺถิตํ ผลํ กิณาติฯ ยทิ โสตาปตฺติผลํ, ยทิ สกทาคามิผลํ, ยทิ อนาคามิผลํ, ยทิ อรหตฺตผลํ, ยทิ สุญฺญตผลสมาปตฺติํ, ยทิ อนิมิตฺตผลสมาปตฺติํ, ยทิ อปฺปณิหิตผลสมาปตฺติํฯ ยถา, มหาราช, กสฺสจิ ปุริสสฺส ธุวผโล อโมฺพ ภเวยฺย, โส น ตาว ตโต ผลานิ ปาเตติ, ยาว กยิกา น อาคจฺฉนฺติ, อนุปฺปเตฺต ปน กยิเก มูลํ คเหตฺวา เอวํ อาจิกฺขติ ‘อโมฺภ ปุริส เอโส โข ธุวผโล อโมฺพ, ตโต ยํ อิจฺฉสิ, เอตฺตกํ ผลํ คณฺหาหิ สลาฎุกํ วา โทวิลํ วา เกสิกํ วา อามํ วา ปกฺกํ วา’ติ, โส เตน อตฺตนา ทินฺนมูเลน ยทิ สลาฎุกํ อิจฺฉติ, สลาฎุกํ คณฺหาติ, ยทิ โทวิลํ อิจฺฉติ, โทวิลํ คณฺหาติ, ยทิ เกสิกํ อิจฺฉติ, เกสิกํ คณฺหาติ, ยทิ อามกํ อิจฺฉติ, อามกํ คณฺหาติ, ยทิ ปกฺกํ อิจฺฉติ, ปกฺกํ คณฺหาติฯ เอวเมว โข, มหาราช, โย ยํ ผลํ อิจฺฉติ, โส กมฺมมูลํ ทตฺวา ปตฺถิตํ ผลํ คณฺหาติ, ยทิ โสตาปตฺติผลํ…เป.… ยทิ อปฺปณิหิตผลสมาปตฺติํ, อิทํ วุจฺจติ, มหาราช, ‘ภควโต ผลาปณ’นฺติฯ

    ‘‘Bhante nāgasena, katamaṃ buddhassa bhagavato phalāpaṇa’’nti? ‘‘Phalāni kho, mahārāja, bhagavatā akkhātāni. Seyyathīdaṃ, sotāpattiphalaṃ sakadāgāmiphalaṃ anāgāmiphalaṃ arahattaphalaṃ suññataphalasamāpatti animittaphalasamāpatti appaṇihitaphalasamāpatti . Tattha yo koci yaṃ phalaṃ icchati, so kammamūlaṃ datvā patthitaṃ phalaṃ kiṇāti. Yadi sotāpattiphalaṃ, yadi sakadāgāmiphalaṃ, yadi anāgāmiphalaṃ, yadi arahattaphalaṃ, yadi suññataphalasamāpattiṃ, yadi animittaphalasamāpattiṃ, yadi appaṇihitaphalasamāpattiṃ. Yathā, mahārāja, kassaci purisassa dhuvaphalo ambo bhaveyya, so na tāva tato phalāni pāteti, yāva kayikā na āgacchanti, anuppatte pana kayike mūlaṃ gahetvā evaṃ ācikkhati ‘ambho purisa eso kho dhuvaphalo ambo, tato yaṃ icchasi, ettakaṃ phalaṃ gaṇhāhi salāṭukaṃ vā dovilaṃ vā kesikaṃ vā āmaṃ vā pakkaṃ vā’ti, so tena attanā dinnamūlena yadi salāṭukaṃ icchati, salāṭukaṃ gaṇhāti, yadi dovilaṃ icchati, dovilaṃ gaṇhāti, yadi kesikaṃ icchati, kesikaṃ gaṇhāti, yadi āmakaṃ icchati, āmakaṃ gaṇhāti, yadi pakkaṃ icchati, pakkaṃ gaṇhāti. Evameva kho, mahārāja, yo yaṃ phalaṃ icchati, so kammamūlaṃ datvā patthitaṃ phalaṃ gaṇhāti, yadi sotāpattiphalaṃ…pe… yadi appaṇihitaphalasamāpattiṃ, idaṃ vuccati, mahārāja, ‘bhagavato phalāpaṇa’nti.

    ‘‘‘กมฺมมูลํ ชนา ทตฺวา, คณฺหนฺติ อมตมฺผลํ;

    ‘‘‘Kammamūlaṃ janā datvā, gaṇhanti amatamphalaṃ;

    เตน เต สุขิตา โหนฺติ, เย กีตา อมตปฺผล’’’นฺติฯ

    Tena te sukhitā honti, ye kītā amatapphala’’’nti.

    ‘‘ภเนฺต นาคเสน, กตมํ พุทฺธสฺส ภควโต อคทาปณ’’นฺติ? ‘‘อคทานิ โข, มหาราช, ภควตา อกฺขาตานิ, เยหิ อคเทหิ โส ภควา สเทวกํ โลกํ กิเลสวิสโต ปริโมเจติฯ กตมานิ ปน ตานิ อคทานิ? ยานิมานิ, มหาราช, ภควตา จตฺตาริ อริยสจฺจานิ อกฺขาตานิฯ เสยฺยถีทํ, ทุกฺขํ อริยสจฺจํ ทุกฺขสมุทยํ อริยสจฺจํ ทุกฺขนิโรธํ อริยสจฺจํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา อริยสจฺจํ, ตตฺถ เย เกจิ อญฺญาเปกฺขา จตุสจฺจํ ธมฺมํ สุณนฺติ, เต ชาติยา ปริมุจฺจนฺติ , ชราย ปริมุจฺจนฺติ, มรณา ปริมุจฺจนฺติ, โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาเสหิ ปริมุจฺจนฺติ, อิทํ วุจฺจติ มหาราช ‘ภควโต อคทาปณ’นฺติฯ

    ‘‘Bhante nāgasena, katamaṃ buddhassa bhagavato agadāpaṇa’’nti? ‘‘Agadāni kho, mahārāja, bhagavatā akkhātāni, yehi agadehi so bhagavā sadevakaṃ lokaṃ kilesavisato parimoceti. Katamāni pana tāni agadāni? Yānimāni, mahārāja, bhagavatā cattāri ariyasaccāni akkhātāni. Seyyathīdaṃ, dukkhaṃ ariyasaccaṃ dukkhasamudayaṃ ariyasaccaṃ dukkhanirodhaṃ ariyasaccaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadā ariyasaccaṃ, tattha ye keci aññāpekkhā catusaccaṃ dhammaṃ suṇanti, te jātiyā parimuccanti , jarāya parimuccanti, maraṇā parimuccanti, sokaparidevadukkhadomanassupāyāsehi parimuccanti, idaṃ vuccati mahārāja ‘bhagavato agadāpaṇa’nti.

    ‘‘‘เย เกจิ อคทา โลเก 9, วิสานํ ปฎิพาหกา;

    ‘‘‘Ye keci agadā loke 10, visānaṃ paṭibāhakā;

    ธมฺมาคทสมํ นตฺถิ, เอตํ ปิวถ ภิกฺขโว’’’ติฯ

    Dhammāgadasamaṃ natthi, etaṃ pivatha bhikkhavo’’’ti.

    ‘‘ภเนฺต นาคเสน, กตมํ พุทฺธสฺส ภควโต โอสธาปณ’’นฺติ? ‘‘โอสธานิ โข, มหาราช, ภควตา อกฺขาตานิ, เยหิ โอสเธหิ โส ภควา เทวมนุเสฺส ติกิจฺฉติฯ เสยฺยถีทํ, จตฺตาโร สติปฎฺฐานา จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ปญฺจินฺทฺริยานิ ปญฺจ พลานิ สตฺต โพชฺฌงฺคา อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค, เอเตหิ โอสเธหิ ภควา มิจฺฉาทิฎฺฐิํ วิเรเจติ, มิจฺฉาสงฺกปฺปํ วิเรเจติ, มิจฺฉาวาจํ วิเรเจติ, มิจฺฉากมฺมนฺตํ วิเรเจติ, มิจฺฉาอาชีวํ วิเรเจติ, มิจฺฉาวายามํ วิเรเจติ, มิจฺฉาสติํ วิเรเจติ, มิจฺฉาสมาธิํ วิเรเจติ, โลภวมนํ กาเรติ, โทสวมนํ กาเรติ, โมหวมนํ กาเรติ, มานวมนํ กาเรติ, ทิฎฺฐิวมนํ กาเรติ, วิจิกิจฺฉาวมนํ กาเรติ, อุทฺธจฺจวมนํ กาเรติ, ถินมิทฺธวมนํ กาเรติ, อหิริกาโนตฺตปฺปวมนํ กาเรติ, สพฺพกิเลสวมนํ กาเรติ, อิทํ วุจฺจติ, มหาราช, ‘ภควโต โอสธาปณ’นฺติฯ

    ‘‘Bhante nāgasena, katamaṃ buddhassa bhagavato osadhāpaṇa’’nti? ‘‘Osadhāni kho, mahārāja, bhagavatā akkhātāni, yehi osadhehi so bhagavā devamanusse tikicchati. Seyyathīdaṃ, cattāro satipaṭṭhānā cattāro sammappadhānā cattāro iddhipādā pañcindriyāni pañca balāni satta bojjhaṅgā ariyo aṭṭhaṅgiko maggo, etehi osadhehi bhagavā micchādiṭṭhiṃ vireceti, micchāsaṅkappaṃ vireceti, micchāvācaṃ vireceti, micchākammantaṃ vireceti, micchāājīvaṃ vireceti, micchāvāyāmaṃ vireceti, micchāsatiṃ vireceti, micchāsamādhiṃ vireceti, lobhavamanaṃ kāreti, dosavamanaṃ kāreti, mohavamanaṃ kāreti, mānavamanaṃ kāreti, diṭṭhivamanaṃ kāreti, vicikicchāvamanaṃ kāreti, uddhaccavamanaṃ kāreti, thinamiddhavamanaṃ kāreti, ahirikānottappavamanaṃ kāreti, sabbakilesavamanaṃ kāreti, idaṃ vuccati, mahārāja, ‘bhagavato osadhāpaṇa’nti.

    ‘‘‘เย เกจิ โอสธา โลเก, วิชฺชนฺติ วิวิธา พหู;

    ‘‘‘Ye keci osadhā loke, vijjanti vividhā bahū;

    ธโมฺมสธสมํ นตฺถิ, เอตํ ปิวถ ภิกฺขโวฯ

    Dhammosadhasamaṃ natthi, etaṃ pivatha bhikkhavo.

    ‘‘‘ธโมฺมสธํ ปิวิตฺวาน, อชรามรณา สิยุํ;

    ‘‘‘Dhammosadhaṃ pivitvāna, ajarāmaraṇā siyuṃ;

    ภาวยิตฺวา จ ปสฺสิตฺวา, นิพฺพุตา อุปธิกฺขเย’’’ติฯ

    Bhāvayitvā ca passitvā, nibbutā upadhikkhaye’’’ti.

    ‘‘ภเนฺต นาคเสน, กตมํ พุทฺธสฺส ภควโต อมตาปณ’’นฺติ? ‘‘อมตํ โข, มหาราช, ภควตา อกฺขาตํ, เยน อมเตน โส ภควา สเทวกํ โลกํ อภิสิญฺจิ , เยน อมเตน อภิสิตฺตา เทวมนุสฺสา ชาติชราพฺยาธิมรณโสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาเสหิ ปริมุจฺจิํสุฯ กตมํ ตํ อมตํ? ยทิทํ กายคตาสติฯ ภาสิตเมฺปตํ, มหาราช, ภควตา เทวาติเทเวน ‘อมตํ เต, ภิกฺขเว, ปริภุญฺชนฺติ, เย กายคตาสติํ ปริภุญฺชนฺตี’ติฯ อิทํ วุจฺจติ, มหาราช, ‘ภควโต อมตาปณ’นฺติฯ

    ‘‘Bhante nāgasena, katamaṃ buddhassa bhagavato amatāpaṇa’’nti? ‘‘Amataṃ kho, mahārāja, bhagavatā akkhātaṃ, yena amatena so bhagavā sadevakaṃ lokaṃ abhisiñci , yena amatena abhisittā devamanussā jātijarābyādhimaraṇasokaparidevadukkhadomanassupāyāsehi parimucciṃsu. Katamaṃ taṃ amataṃ? Yadidaṃ kāyagatāsati. Bhāsitampetaṃ, mahārāja, bhagavatā devātidevena ‘amataṃ te, bhikkhave, paribhuñjanti, ye kāyagatāsatiṃ paribhuñjantī’ti. Idaṃ vuccati, mahārāja, ‘bhagavato amatāpaṇa’nti.

    ‘‘‘พฺยาธิตํ ชนตํ ทิสฺวา, อมตาปณํ ปสารยิ;

    ‘‘‘Byādhitaṃ janataṃ disvā, amatāpaṇaṃ pasārayi;

    กเมฺมน ตํ กิณิตฺวาน, อมตํ อาเทถ ภิกฺขโว’’’ติฯ

    Kammena taṃ kiṇitvāna, amataṃ ādetha bhikkhavo’’’ti.

    ‘‘ภเนฺต นาคเสน, กตมํ พุทฺธสฺส ภควโต รตนาปณ’’นฺติ? ‘‘รตนานิ โข, มหาราช, ภควตา อกฺขาตานิ, เยหิ รตเนหิ วิภูสิตา ภควโต ปุตฺตา สเทวกํ โลกํ วิโรจนฺติ โอภาเสนฺติ ปภาเสนฺติ ชลนฺติ ปชฺชลนฺติ อุทฺธํ อโธ ติริยํ อาโลกํ ทเสฺสนฺติฯ กตมานิ ตานิ รตนานิ? สีลรตนํ สมาธิรตนํ ปญฺญารตนํ วิมุตฺติรตนํ วิมุตฺติญาณทสฺสนรตนํ ปฎิสมฺภิทารตนํ โพชฺฌงฺครตนํฯ

    ‘‘Bhante nāgasena, katamaṃ buddhassa bhagavato ratanāpaṇa’’nti? ‘‘Ratanāni kho, mahārāja, bhagavatā akkhātāni, yehi ratanehi vibhūsitā bhagavato puttā sadevakaṃ lokaṃ virocanti obhāsenti pabhāsenti jalanti pajjalanti uddhaṃ adho tiriyaṃ ālokaṃ dassenti. Katamāni tāni ratanāni? Sīlaratanaṃ samādhiratanaṃ paññāratanaṃ vimuttiratanaṃ vimuttiñāṇadassanaratanaṃ paṭisambhidāratanaṃ bojjhaṅgaratanaṃ.

    ‘‘กตมํ, มหาราช, ภควโต สีลรตนํ? ปาติโมกฺขสํวรสีลํ อินฺทฺริยสํวรสีลํ อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ จูฬสีลํ มชฺฌิมสีลํ มหาสีลํ มคฺคสีลํ ผลสีลํฯ สีลรตเนน โข, มหาราช, วิภูสิตสฺส ปุคฺคลสฺส สเทวโก โลโก สมารโก สพฺรหฺมโก สสฺสมณพฺราหฺมณี ปชา ปิหยติ ปเตฺถติ, สีลรตนปิฬโนฺธ โข, มหาราช, ภิกฺขุ ทิสมฺปิ อนุทิสมฺปิ อุทฺธมฺปิ อโธปิ ติริยมฺปิ วิโรจติ อติวิโรจติ 11, เหฎฺฐโต อวีจิํ อุปริโต ภวคฺคํ อุปาทาย เอตฺถนฺตเร สพฺพรตนานิ อติกฺกมิตฺวา 12 อภิภวิตฺวา อโชฺฌตฺถริตฺวา ติฎฺฐติ, เอวรูปานิ โข, มหาราช, สีลรตนานิ ภควโต รตนาปเณ ปสาริตานิ, อิทํ วุจฺจติ มหาราช ‘ภควโต สีลรตน’นฺติฯ

    ‘‘Katamaṃ, mahārāja, bhagavato sīlaratanaṃ? Pātimokkhasaṃvarasīlaṃ indriyasaṃvarasīlaṃ ājīvapārisuddhisīlaṃ paccayasannissitasīlaṃ cūḷasīlaṃ majjhimasīlaṃ mahāsīlaṃ maggasīlaṃ phalasīlaṃ. Sīlaratanena kho, mahārāja, vibhūsitassa puggalassa sadevako loko samārako sabrahmako sassamaṇabrāhmaṇī pajā pihayati pattheti, sīlaratanapiḷandho kho, mahārāja, bhikkhu disampi anudisampi uddhampi adhopi tiriyampi virocati ativirocati 13, heṭṭhato avīciṃ uparito bhavaggaṃ upādāya etthantare sabbaratanāni atikkamitvā 14 abhibhavitvā ajjhottharitvā tiṭṭhati, evarūpāni kho, mahārāja, sīlaratanāni bhagavato ratanāpaṇe pasāritāni, idaṃ vuccati mahārāja ‘bhagavato sīlaratana’nti.

    ‘‘‘เอวรูปานิ สีลานิ, สนฺติ พุทฺธสฺส อาปเณ;

    ‘‘‘Evarūpāni sīlāni, santi buddhassa āpaṇe;

    กเมฺมน ตํ กิณิตฺวาน, รตนํ โว ปิฬนฺธถา’ติฯ

    Kammena taṃ kiṇitvāna, ratanaṃ vo piḷandhathā’ti.

    ‘‘กตมํ, มหาราช, ภควโต สมาธิรตนํ? สวิตกฺกสวิจาโร สมาธิ, อวิตกฺกวิจารมโตฺต สมาธิ, อวิตกฺกอวิจาโร สมาธิ, สุญฺญโต สมาธิ, อนิมิโตฺต สมาธิ, อปฺปณิหิโต สมาธิฯ สมาธิรตนํ โข, มหาราช, ปิฬนฺธสฺส ภิกฺขุโน เย เต กามวิตกฺกพฺยาปาทวิตกฺกวิหิํสาวิตกฺกมานุทฺธจฺจทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉากิเลสวตฺถูนิ วิวิธานิ จ กุวิตกฺกานิ, เต สเพฺพ สมาธิํ อาสชฺช วิกิรนฺติ วิธมนฺติ วิทฺธํสนฺติ น สณฺฐนฺติ 15 น อุปลิมฺปนฺติ 16ฯ ยถา, มหาราช, วาริ โปกฺขรปเตฺต วิกิรติ วิธมติ วิทฺธํสติ น สณฺฐาติ น อุปลิมฺปติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ปริสุทฺธตฺตา ปทุมสฺสฯ เอวเมว โข, มหาราช, สมาธิรตนํ ปิฬนฺธสฺส ภิกฺขุโน เย เต กามวิตกฺกพฺยาปาทวิตกฺกวิหิํสาวิตกฺกมานุทฺธจฺจ ทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉากิเลสวตฺถูนิ วิวิธานิ จ กุวิตกฺกานิ, เต สเพฺพ สมาธิํ อาสชฺช วิกิรนฺติ วิธมนฺติ วิทฺธํสนฺติ น สณฺฐนฺติ น อุปลิมฺปนฺติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? ปริสุทฺธตฺตา สมาธิสฺสฯ อิทํ วุจฺจติ, มหาราช, ‘ภควโต สมาธิรตน’นฺติ, เอวรูปานิ โข, มหาราช, สมาธิรตนานิ ภควโต รตนาปเณ ปสาริตานิฯ

    ‘‘Katamaṃ, mahārāja, bhagavato samādhiratanaṃ? Savitakkasavicāro samādhi, avitakkavicāramatto samādhi, avitakkaavicāro samādhi, suññato samādhi, animitto samādhi, appaṇihito samādhi. Samādhiratanaṃ kho, mahārāja, piḷandhassa bhikkhuno ye te kāmavitakkabyāpādavitakkavihiṃsāvitakkamānuddhaccadiṭṭhivicikicchākilesavatthūni vividhāni ca kuvitakkāni, te sabbe samādhiṃ āsajja vikiranti vidhamanti viddhaṃsanti na saṇṭhanti 17 na upalimpanti 18. Yathā, mahārāja, vāri pokkharapatte vikirati vidhamati viddhaṃsati na saṇṭhāti na upalimpati. Taṃ kissa hetu? Parisuddhattā padumassa. Evameva kho, mahārāja, samādhiratanaṃ piḷandhassa bhikkhuno ye te kāmavitakkabyāpādavitakkavihiṃsāvitakkamānuddhacca diṭṭhivicikicchākilesavatthūni vividhāni ca kuvitakkāni, te sabbe samādhiṃ āsajja vikiranti vidhamanti viddhaṃsanti na saṇṭhanti na upalimpanti. Taṃ kissa hetu? Parisuddhattā samādhissa. Idaṃ vuccati, mahārāja, ‘bhagavato samādhiratana’nti, evarūpāni kho, mahārāja, samādhiratanāni bhagavato ratanāpaṇe pasāritāni.

    ‘‘‘สมาธิรตนมาลสฺส , กุวิตกฺกา น ชายเร;

    ‘‘‘Samādhiratanamālassa , kuvitakkā na jāyare;

    น จ วิกฺขิปเต จิตฺตํ, เอตํ ตุเมฺห ปิฬนฺธถา’ติฯ

    Na ca vikkhipate cittaṃ, etaṃ tumhe piḷandhathā’ti.

    ‘‘กตมํ, มหาราช, ภควโต ปญฺญารตนํ? ยาย, มหาราช, ปญฺญาย อริยสาวโก ‘อิทํ กุสล’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อิทํ อกุสล’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อิทํ สาวชฺชํ, อิทํ อนวชฺชํ, อิทํ เสวิตพฺพํ, อิทํ น เสวิตพฺพํ, อิทํ หีนํ, อิทํ ปณีตํ, อิทํ กณฺหํ, อิทํ สุกฺกํ, อิทํ กณฺหสุกฺกสปฺปฎิภาค’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติฯ อิทํ วุจฺจติ มหาราช ‘ภควโต ปญฺญารตน’นฺติฯ

    ‘‘Katamaṃ, mahārāja, bhagavato paññāratanaṃ? Yāya, mahārāja, paññāya ariyasāvako ‘idaṃ kusala’nti yathābhūtaṃ pajānāti, ‘idaṃ akusala’nti yathābhūtaṃ pajānāti, ‘idaṃ sāvajjaṃ, idaṃ anavajjaṃ, idaṃ sevitabbaṃ, idaṃ na sevitabbaṃ, idaṃ hīnaṃ, idaṃ paṇītaṃ, idaṃ kaṇhaṃ, idaṃ sukkaṃ, idaṃ kaṇhasukkasappaṭibhāga’nti yathābhūtaṃ pajānāti, ‘idaṃ dukkha’nti yathābhūtaṃ pajānāti, ‘ayaṃ dukkhasamudayo’ti yathābhūtaṃ pajānāti, ‘ayaṃ dukkhanirodho’ti yathābhūtaṃ pajānāti, ‘ayaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadā’ti yathābhūtaṃ pajānāti. Idaṃ vuccati mahārāja ‘bhagavato paññāratana’nti.

    ‘‘‘ปญฺญารตนมาลสฺส, น จิรํ วตฺตเต ภโว;

    ‘‘‘Paññāratanamālassa, na ciraṃ vattate bhavo;

    ขิปฺปํ ผเสฺสติ 19 อมตํ, น จ โส โรจเต ภเว’ติฯ

    Khippaṃ phasseti 20 amataṃ, na ca so rocate bhave’ti.

    ‘‘กตมํ , มหาราช, ภควโต วิมุตฺติรตนํ’’? ‘‘วิมุตฺติรตนํ 21 โข, มหาราช, อรหตฺตํ วุจฺจติ, อรหตฺตํ ปโตฺต โข, มหาราช, ภิกฺขุ ‘วิมุตฺติรตนํ ปิฬโนฺธ’ติ วุจฺจติฯ ยถา, มหาราช, ปุริโส มุตฺตากลาปมณิกลาปปวาฬกลาปาภรณปฺปฎิมณฺฑิโต 22 อคลุตครตาลีสกโลหิตจนฺทนานุลิตฺตคโตฺต นาคปุนฺนาคสาลสลฬจมฺปกยูถิกาติมุตฺตกปาฎลุปฺปลวสฺสิกมลฺลิกาวิจิโตฺต เสสชเน อติกฺกมิตฺวา วิโรจติ อติวิโรจติ โอภาสติ ปภาสติ สมฺปภาสติ ชลติ ปชฺชลติ อภิภวติ อโชฺฌตฺถรติ มาลาคนฺธรตนาภรเณหิ, เอวเมว โข, มหาราช, อรหตฺตํ ปโตฺต ขีณาสโว วิมุตฺติรตนปิฬโนฺธ อุปาทายุปาทาย วิมุตฺตานํ ภิกฺขูนํ อติกฺกมิตฺวา สมติกฺกมิตฺวา วิโรจติ อติวิโรจติ โอภาสติ ปภาสติ สมฺปภาสติ ชลติ ปชฺชลติ อภิภวติ อโชฺฌตฺถรติ วิมุตฺติยาฯ ตํ กิสฺส เหตุ? อคฺคํ, มหาราช, เอตํ ปิฬนฺธนํ สพฺพปิฬนฺธนานํ, ยทิทํ วิมุตฺติปิฬนฺธนํฯ อิทํ วุจฺจติ, มหาราช, ‘ภควโต วิมุตฺติรตน’นฺติฯ

    ‘‘Katamaṃ , mahārāja, bhagavato vimuttiratanaṃ’’? ‘‘Vimuttiratanaṃ 23 kho, mahārāja, arahattaṃ vuccati, arahattaṃ patto kho, mahārāja, bhikkhu ‘vimuttiratanaṃ piḷandho’ti vuccati. Yathā, mahārāja, puriso muttākalāpamaṇikalāpapavāḷakalāpābharaṇappaṭimaṇḍito 24 agalutagaratālīsakalohitacandanānulittagatto nāgapunnāgasālasalaḷacampakayūthikātimuttakapāṭaluppalavassikamallikāvicitto sesajane atikkamitvā virocati ativirocati obhāsati pabhāsati sampabhāsati jalati pajjalati abhibhavati ajjhottharati mālāgandharatanābharaṇehi, evameva kho, mahārāja, arahattaṃ patto khīṇāsavo vimuttiratanapiḷandho upādāyupādāya vimuttānaṃ bhikkhūnaṃ atikkamitvā samatikkamitvā virocati ativirocati obhāsati pabhāsati sampabhāsati jalati pajjalati abhibhavati ajjhottharati vimuttiyā. Taṃ kissa hetu? Aggaṃ, mahārāja, etaṃ piḷandhanaṃ sabbapiḷandhanānaṃ, yadidaṃ vimuttipiḷandhanaṃ. Idaṃ vuccati, mahārāja, ‘bhagavato vimuttiratana’nti.

    ‘‘‘มณิมาลาธรํ เคห, ชโน 25 สามิํ อุทิกฺขติ;

    ‘‘‘Maṇimālādharaṃ geha, jano 26 sāmiṃ udikkhati;

    วิมุตฺติรตนมาลนฺตุ, อุทิกฺขนฺติ สเทวกา’ติฯ

    Vimuttiratanamālantu, udikkhanti sadevakā’ti.

    ‘‘กตมํ มหาราช, ภควโต วิมุตฺติญาณทสฺสนรตนํ? ปจฺจเวกฺขณญาณํ, มหาราช, ภควโต วิมุตฺติญาณทสฺสนรตนนฺติ วุจฺจติ, เยน ญาเณน อริยสาวโก มคฺคผลนิพฺพานานิ ปหีนกิเลสาวสิฎฺฐกิเลเส จ ปจฺจเวกฺขติฯ

    ‘‘Katamaṃ mahārāja, bhagavato vimuttiñāṇadassanaratanaṃ? Paccavekkhaṇañāṇaṃ, mahārāja, bhagavato vimuttiñāṇadassanaratananti vuccati, yena ñāṇena ariyasāvako maggaphalanibbānāni pahīnakilesāvasiṭṭhakilese ca paccavekkhati.

    ‘‘‘เย ญาเณน พุชฺฌนฺติ, อริยา กตกิจฺจตํ;

    ‘‘‘Ye ñāṇena bujjhanti, ariyā katakiccataṃ;

    ตํ ญาณรตนํ ลทฺธุํ, วายเมถ ชิโนรสา’ติฯ

    Taṃ ñāṇaratanaṃ laddhuṃ, vāyametha jinorasā’ti.

    ‘‘กตมํ, มหาราช, ภควโต ปฎิสมฺภิทารตนํ? จตโสฺส โข, มหาราช, ปฎิสมฺภิทาโย อตฺถปฎิสมฺภิทา ธมฺมปฎิสมฺภิทา นิรุตฺติปฎิสมฺภิทา ปฎิภานปฎิสมฺภิทาติฯ อิเมหิ โข, มหาราช, จตูหิ ปฎิสมฺภิทารตเนหิ สมลงฺกโต ภิกฺขุ ยํ ยํ ปริสํ อุปสงฺกมติ, ยทิ ขตฺติยปริสํ, ยทิ พฺราหฺมณปริสํ, ยทิ คหปติปริสํ, ยทิ สมณปริสํ, วิสารโท อุปสงฺกมติ อมงฺกุภูโต อภีรุ อจฺฉมฺภี อนุตฺราสี วิคตโลมหํโส ปริสํ อุปสงฺกมติฯ

    ‘‘Katamaṃ, mahārāja, bhagavato paṭisambhidāratanaṃ? Catasso kho, mahārāja, paṭisambhidāyo atthapaṭisambhidā dhammapaṭisambhidā niruttipaṭisambhidā paṭibhānapaṭisambhidāti. Imehi kho, mahārāja, catūhi paṭisambhidāratanehi samalaṅkato bhikkhu yaṃ yaṃ parisaṃ upasaṅkamati, yadi khattiyaparisaṃ, yadi brāhmaṇaparisaṃ, yadi gahapatiparisaṃ, yadi samaṇaparisaṃ, visārado upasaṅkamati amaṅkubhūto abhīru acchambhī anutrāsī vigatalomahaṃso parisaṃ upasaṅkamati.

    ‘‘ยถา, มหาราช, โยโธ สงฺคามสูโร สนฺนทฺธปญฺจาวุโธ อจฺฉมฺภิโต 27 สงฺคามํ โอตรติ, ‘สเจ อมิตฺตา ทูเร ภวิสฺสนฺติ อุสุนา ปาตยิสฺสามิ, ตโต โอรโต ภวิสฺสนฺติ สตฺติยา ปหริสฺสามิ, ตโต โอรโต ภวิสฺสนฺติ กณเยน ปหริสฺสามิ, อุปคตํ สนฺตํ มณฺฑลเคฺคน ทฺวิธา ฉินฺทิสฺสามิ, กายูปคตํ ฉุริกาย วินิวิชฺฌิสฺสามี’ติ 28, เอวเมว โข, มหาราช, จตุปฎิสมฺภิทารตนมณฺฑิโต ภิกฺขุ อจฺฉมฺภิโต ปริสํ อุปสงฺกมติฯ โย โกจิ มํ อตฺถปฎิสมฺภิเท ปญฺหํ ปุจฺฉิสฺสติ, ตสฺส อเตฺถน อตฺถํ กถยิสฺสามิ, การเณน การณํ กถยิสฺสามิ, เหตุนา เหตุํ กถยิสฺสามิ, นเยน นยํ กถยิสฺสามิ, นิสฺสํสยํ กริสฺสามิ, วิมติํ วิเวเจสฺสามิ, โตสยิสฺสามิ ปญฺหเวยฺยากรเณนฯ

    ‘‘Yathā, mahārāja, yodho saṅgāmasūro sannaddhapañcāvudho acchambhito 29 saṅgāmaṃ otarati, ‘sace amittā dūre bhavissanti usunā pātayissāmi, tato orato bhavissanti sattiyā paharissāmi, tato orato bhavissanti kaṇayena paharissāmi, upagataṃ santaṃ maṇḍalaggena dvidhā chindissāmi, kāyūpagataṃ churikāya vinivijjhissāmī’ti 30, evameva kho, mahārāja, catupaṭisambhidāratanamaṇḍito bhikkhu acchambhito parisaṃ upasaṅkamati. Yo koci maṃ atthapaṭisambhide pañhaṃ pucchissati, tassa atthena atthaṃ kathayissāmi, kāraṇena kāraṇaṃ kathayissāmi, hetunā hetuṃ kathayissāmi, nayena nayaṃ kathayissāmi, nissaṃsayaṃ karissāmi, vimatiṃ vivecessāmi, tosayissāmi pañhaveyyākaraṇena.

    ‘‘โย โกจิ มํ ธมฺมปฎิสมฺภิเท ปญฺหํ ปุจฺฉิสฺสติ, ตสฺส ธเมฺมน ธมฺมํ กถยิสฺสามิ, อมเตน อมตํ กถยิสฺสามิ, อสงฺขเตน อสงฺขตํ กถยิสฺสามิ, นิพฺพาเนน นิพฺพานํ กถยิสฺสามิ, สุญฺญเตน สุญฺญตํ กถยิสฺสามิ , อนิมิเตฺตน อนิมิตฺตํ กถยิสฺสามิ, อปฺปณิหิเตน อปฺปณิหิตํ กถยิสฺสามิ, อเนเชน อเนชํ กถยิสฺสามิ, นิสฺสํสยํ กริสฺสามิ, วิมติํ วิเวเจสฺสามิ, โตสยิสฺสามิ ปญฺหาเวยฺยากรเณนฯ

    ‘‘Yo koci maṃ dhammapaṭisambhide pañhaṃ pucchissati, tassa dhammena dhammaṃ kathayissāmi, amatena amataṃ kathayissāmi, asaṅkhatena asaṅkhataṃ kathayissāmi, nibbānena nibbānaṃ kathayissāmi, suññatena suññataṃ kathayissāmi , animittena animittaṃ kathayissāmi, appaṇihitena appaṇihitaṃ kathayissāmi, anejena anejaṃ kathayissāmi, nissaṃsayaṃ karissāmi, vimatiṃ vivecessāmi, tosayissāmi pañhāveyyākaraṇena.

    ‘‘โย โกจิ มํ นิรุตฺติปฎิสมฺภิเท ปญฺหํ ปุจฺฉิสฺสติ, ตสฺส นิรุตฺติยา นิรุตฺติํ กถยิสฺสามิ, ปเทน ปทํ กถยิสฺสามิ, อนุปเทน อนุปทํ กถยิสฺสามิ, อกฺขเรน อกฺขรํ กถยิสฺสามิ, สนฺธิยา สนฺธิํ กถยิสฺสามิ, พฺยญฺชเนน พฺยญฺชนํ กถยิสฺสามิ, อนุพฺยญฺชเนน อนุพฺยญฺชนํ กถยิสฺสามิ, วเณฺณน วณฺณํ กถยิสฺสามิ, สเรน สรํ กถยิสฺสามิ, ปญฺญตฺติยา ปญฺญตฺติํ กถยิสฺสามิ, โวหาเรน โวหารํ กถยิสฺสามิ, นิสฺสํสยํ กริสฺสามิ, วิมติํ วิเวเจสฺสามิ, โตสยิสฺสามิ ปญฺหเวยฺยากรเณนฯ

    ‘‘Yo koci maṃ niruttipaṭisambhide pañhaṃ pucchissati, tassa niruttiyā niruttiṃ kathayissāmi, padena padaṃ kathayissāmi, anupadena anupadaṃ kathayissāmi, akkharena akkharaṃ kathayissāmi, sandhiyā sandhiṃ kathayissāmi, byañjanena byañjanaṃ kathayissāmi, anubyañjanena anubyañjanaṃ kathayissāmi, vaṇṇena vaṇṇaṃ kathayissāmi, sarena saraṃ kathayissāmi, paññattiyā paññattiṃ kathayissāmi, vohārena vohāraṃ kathayissāmi, nissaṃsayaṃ karissāmi, vimatiṃ vivecessāmi, tosayissāmi pañhaveyyākaraṇena.

    ‘‘โย โกจิ มํ ปฎิภานปฎิสมฺภิเท ปญฺหํ ปุจฺฉิสฺสติ, ตสฺส ปฎิภาเนน ปฎิภานํ กถยิสฺสามิ, โอปเมฺมน โอปมฺมํ กถยิสฺสามิ, ลกฺขเณน ลกฺขณํ กถยิสฺสามิ, รเสน รสํ กถยิสฺสามิ, นิสฺสํสยํ กริสฺสามิ, วิมติํ วิเวเจสฺสามิ, โตสยิสฺสามิ ปญฺหเวยฺยากรเณนาติ, อิทํ วุจฺจติ, มหาราช, ‘ภควโต ปฎิสมฺภิทารตน’นฺติฯ

    ‘‘Yo koci maṃ paṭibhānapaṭisambhide pañhaṃ pucchissati, tassa paṭibhānena paṭibhānaṃ kathayissāmi, opammena opammaṃ kathayissāmi, lakkhaṇena lakkhaṇaṃ kathayissāmi, rasena rasaṃ kathayissāmi, nissaṃsayaṃ karissāmi, vimatiṃ vivecessāmi, tosayissāmi pañhaveyyākaraṇenāti, idaṃ vuccati, mahārāja, ‘bhagavato paṭisambhidāratana’nti.

    ‘‘‘ปฎิสมฺภิทา กิณิตฺวาน, ญาเณน ผสฺสเยยฺย โย;

    ‘‘‘Paṭisambhidā kiṇitvāna, ñāṇena phassayeyya yo;

    อจฺฉมฺภิโต อนุพฺพิโคฺค, อติโรจติ สเทวเก’ติฯ

    Acchambhito anubbiggo, atirocati sadevake’ti.

    ‘‘กตมํ, มหาราช, ภควโต โพชฺฌงฺครตนํ? สตฺติเม, มหาราช, โพชฺฌงฺคา, สติสโมฺพชฺฌโงฺค ธมฺมวิจยสโมฺพชฺฌโงฺค วีริยสโมฺพชฺฌโงฺค ปีติสโมฺพชฺฌโงฺค ปสฺสทฺธิสโมฺพชฺฌโงฺค สมาธิสโมฺพชฺฌโงฺค อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌโงฺคฯ อิเมหิ โข, มหาราช, สตฺตหิ โพชฺฌงฺครตเนหิ ปฎิมณฺฑิโต ภิกฺขุ สพฺพํ ตมํ อภิภุยฺย สเทวกํ โลกํ โอภาเสติ ปภาเสติ อาโลกํ ชเนติฯ อิทํ วุจฺจติ, มหาราช, ‘ภควโต โพชฺฌงฺครตน’นฺติฯ

    ‘‘Katamaṃ, mahārāja, bhagavato bojjhaṅgaratanaṃ? Sattime, mahārāja, bojjhaṅgā, satisambojjhaṅgo dhammavicayasambojjhaṅgo vīriyasambojjhaṅgo pītisambojjhaṅgo passaddhisambojjhaṅgo samādhisambojjhaṅgo upekkhāsambojjhaṅgo. Imehi kho, mahārāja, sattahi bojjhaṅgaratanehi paṭimaṇḍito bhikkhu sabbaṃ tamaṃ abhibhuyya sadevakaṃ lokaṃ obhāseti pabhāseti ālokaṃ janeti. Idaṃ vuccati, mahārāja, ‘bhagavato bojjhaṅgaratana’nti.

    ‘‘‘โพชฺฌงฺครตนมาลสฺส , อุฎฺฐหนฺติ 31 สเทวกา;

    ‘‘‘Bojjhaṅgaratanamālassa , uṭṭhahanti 32 sadevakā;

    กเมฺมน ตํ กิณิตฺวาน, รตนํ โว ปิฬนฺธถา’’’ติฯ

    Kammena taṃ kiṇitvāna, ratanaṃ vo piḷandhathā’’’ti.

    ‘‘ภเนฺต นาคเสน, กตมํ พุทฺธสฺส ภควโต สพฺพาปณ’’นฺติ? ‘‘สพฺพาปณํ โข, มหาราช, ภควโต นวงฺคํ พุทฺธวจนํ สารีริกานิ ปาริโภคิกานิ เจติยานิ สงฺฆรตนญฺจฯ สพฺพาปเณ, มหาราช, ภควตา ชาติสมฺปตฺติ ปสาริตา, โภคสมฺปตฺติ ปสาริตา, อายุสมฺปตฺติ ปสาริตา, อาโรคฺยสมฺปตฺติ ปสาริตา, วณฺณสมฺปตฺติ ปสาริตา, ปญฺญาสมฺปตฺติ ปสาริตา, มานุสิกสมฺปตฺติ ปสาริตา, ทิพฺพสมฺปตฺติ ปสาริตา, นิพฺพานสมฺปตฺติ ปสาริตาฯ ตตฺถ เย ตํ ตํ สมฺปตฺติํ อิจฺฉนฺติ, เต กมฺมมูลํ ทตฺวา ปตฺถิตปตฺถิตํ สมฺปตฺติํ กิณนฺติ, เกจิ สีลสมาทาเนน กิณนฺติ, เกจิ อุโปสถกเมฺมน กิณนฺติ, อปฺปมตฺตเกนปิ กมฺมมูเลน อุปาทายุปาทาย สมฺปตฺติโย ปฎิลภนฺติฯ ยถา, มหาราช, อาปณิกสฺส อาปเณ ติลมุคฺคมาเส ปริตฺตเกนปิ ตณฺฑุลมุคฺคมาเสน อปฺปเกนปิ มูเลน อุปาทายุปาทาย คณฺหนฺติ, เอวเมว โข, มหาราช, ภควโต สพฺพาปเณ อปฺปมตฺตเกนปิ กมฺมมูเลน อุปาทายุปาทาย สมฺปตฺติโย ปฎิลภนฺติฯ อิทํ วุจฺจติ, มหาราช, ‘ภควโต สพฺพาปณ’นฺติฯ

    ‘‘Bhante nāgasena, katamaṃ buddhassa bhagavato sabbāpaṇa’’nti? ‘‘Sabbāpaṇaṃ kho, mahārāja, bhagavato navaṅgaṃ buddhavacanaṃ sārīrikāni pāribhogikāni cetiyāni saṅgharatanañca. Sabbāpaṇe, mahārāja, bhagavatā jātisampatti pasāritā, bhogasampatti pasāritā, āyusampatti pasāritā, ārogyasampatti pasāritā, vaṇṇasampatti pasāritā, paññāsampatti pasāritā, mānusikasampatti pasāritā, dibbasampatti pasāritā, nibbānasampatti pasāritā. Tattha ye taṃ taṃ sampattiṃ icchanti, te kammamūlaṃ datvā patthitapatthitaṃ sampattiṃ kiṇanti, keci sīlasamādānena kiṇanti, keci uposathakammena kiṇanti, appamattakenapi kammamūlena upādāyupādāya sampattiyo paṭilabhanti. Yathā, mahārāja, āpaṇikassa āpaṇe tilamuggamāse parittakenapi taṇḍulamuggamāsena appakenapi mūlena upādāyupādāya gaṇhanti, evameva kho, mahārāja, bhagavato sabbāpaṇe appamattakenapi kammamūlena upādāyupādāya sampattiyo paṭilabhanti. Idaṃ vuccati, mahārāja, ‘bhagavato sabbāpaṇa’nti.

    ‘‘‘อายุ อโรคตา วณฺณํ, สคฺคํ อุจฺจากุลีนตา;

    ‘‘‘Āyu arogatā vaṇṇaṃ, saggaṃ uccākulīnatā;

    อสงฺขตญฺจ อมตํ, อตฺถิ สพฺพาปเณ ชิเนฯ

    Asaṅkhatañca amataṃ, atthi sabbāpaṇe jine.

    ‘‘‘อเปฺปน พหุเกนาปิ, กมฺมมูเลน คยฺหติ;

    ‘‘‘Appena bahukenāpi, kammamūlena gayhati;

    กิณิตฺวา สทฺธามูเลน, สมิทฺธา โหถ ภิกฺขโว’ติฯ

    Kiṇitvā saddhāmūlena, samiddhā hotha bhikkhavo’ti.

    ‘‘ภควโต โข, มหาราช, ธมฺมนคเร เอวรูปา ชนา ปฎิวสนฺติ, สุตฺตนฺติกา เวนยิกา อาภิธมฺมิกา ธมฺมกถิกา ชาตกภาณกา ทีฆภาณกา มชฺฌิมภาณกา สํยุตฺตภาณกา องฺคุตฺตรภาณกา ขุทฺทกภาณกา สีลสมฺปนฺนา สมาธิสมฺปนฺนา ปญฺญาสมฺปนฺนา โพชฺฌงฺคภาวนารตา วิปสฺสกา สทตฺถมนุยุตฺตา อารญฺญิกา รุกฺขมูลิกา อโพฺภกาสิกา ปลาลปุญฺชิกา โสสานิกา เนสชฺชิกา ปฎิปนฺนกา ผลฎฺฐา เสกฺขา ผลสมงฺคิโน โสตาปนฺนา สกทาคามิโน อนาคามิโน อรหโนฺต เตวิชฺชา ฉฬภิญฺญา อิทฺธิมโนฺต ปญฺญาย ปารมิํคตา สติปฎฺฐานสมฺมปฺปธานอิทฺธิปาทอินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคมคฺควรฌานวิโมกฺขรู ปารูปสนฺตสุขสมาปตฺติกุสลา, เตหิ อรหเนฺตหิ อากุลํ สมากุลํ อากิณฺณํ สมากิณฺณํ นฬวนสรวนมิว ธมฺมนครํ อโหสิฯ ภวตีห –

    ‘‘Bhagavato kho, mahārāja, dhammanagare evarūpā janā paṭivasanti, suttantikā venayikā ābhidhammikā dhammakathikā jātakabhāṇakā dīghabhāṇakā majjhimabhāṇakā saṃyuttabhāṇakā aṅguttarabhāṇakā khuddakabhāṇakā sīlasampannā samādhisampannā paññāsampannā bojjhaṅgabhāvanāratā vipassakā sadatthamanuyuttā āraññikā rukkhamūlikā abbhokāsikā palālapuñjikā sosānikā nesajjikā paṭipannakā phalaṭṭhā sekkhā phalasamaṅgino sotāpannā sakadāgāmino anāgāmino arahanto tevijjā chaḷabhiññā iddhimanto paññāya pāramiṃgatā satipaṭṭhānasammappadhānaiddhipādaindriyabalabojjhaṅgamaggavarajhānavimokkharū pārūpasantasukhasamāpattikusalā, tehi arahantehi ākulaṃ samākulaṃ ākiṇṇaṃ samākiṇṇaṃ naḷavanasaravanamiva dhammanagaraṃ ahosi. Bhavatīha –

    ‘‘‘วีตราคา วีตโทสา, วีตโมหา อนาสวา;

    ‘‘‘Vītarāgā vītadosā, vītamohā anāsavā;

    วีตตณฺหา อนาทานา, ธมฺมนคเร วสนฺติ เตฯ

    Vītataṇhā anādānā, dhammanagare vasanti te.

    ‘‘‘อารญฺญิกา ธุตธรา, ฌายิโน ลูขจีวรา;

    ‘‘‘Āraññikā dhutadharā, jhāyino lūkhacīvarā;

    วิเวกาภิรตา ธีรา, ธมฺมนคเร วสนฺติ เตฯ

    Vivekābhiratā dhīrā, dhammanagare vasanti te.

    ‘‘‘เนสชฺชิกา สนฺถติกา, อโถปิ ฐานจงฺกมา;

    ‘‘‘Nesajjikā santhatikā, athopi ṭhānacaṅkamā;

    ปํสุกูลธรา สเพฺพ, ธมฺมนคเร วสนฺติ เตฯ

    Paṃsukūladharā sabbe, dhammanagare vasanti te.

    ‘‘‘ติจีวรธรา สนฺตา, จมฺมขณฺฑจตุตฺถกา;

    ‘‘‘Ticīvaradharā santā, cammakhaṇḍacatutthakā;

    รตา เอกาสเน วิญฺญู, ธมฺมนคเร วสนฺติ เตฯ

    Ratā ekāsane viññū, dhammanagare vasanti te.

    ‘‘‘อปฺปิจฺฉา นิปกา ธีรา, อปฺปาหารา อโลลุปา;

    ‘‘‘Appicchā nipakā dhīrā, appāhārā alolupā;

    ลาภาลาเภน สนฺตุฎฺฐา, ธมฺมนคเร วสนฺติ เตฯ

    Lābhālābhena santuṭṭhā, dhammanagare vasanti te.

    ‘‘‘ฌายี ฌานรตา ธีรา, สนฺตจิตฺตา สมาหิตา;

    ‘‘‘Jhāyī jhānaratā dhīrā, santacittā samāhitā;

    อากิญฺจญฺญํ ปตฺถยานา, ธมฺมนคเร วสนฺติ เตฯ

    Ākiñcaññaṃ patthayānā, dhammanagare vasanti te.

    ‘‘‘ปฎิปนฺนา ผลฎฺฐา จ, เสกฺขา ผลสมงฺคิโน;

    ‘‘‘Paṭipannā phalaṭṭhā ca, sekkhā phalasamaṅgino;

    อาสีสกา 33 อุตฺตมตฺถํ, ธมฺมนคเร วสนฺติ เตฯ

    Āsīsakā 34 uttamatthaṃ, dhammanagare vasanti te.

    ‘‘‘โสตาปนฺนา จ วิมลา, สกทาคามิโน จ เย;

    ‘‘‘Sotāpannā ca vimalā, sakadāgāmino ca ye;

    อนาคามี จ อรหโนฺต, ธมฺมนคเร วสนฺติ เตฯ

    Anāgāmī ca arahanto, dhammanagare vasanti te.

    ‘‘‘สติปฎฺฐานกุสลา , โพชฺฌงฺคภาวนารตา;

    ‘‘‘Satipaṭṭhānakusalā , bojjhaṅgabhāvanāratā;

    วิปสฺสกา ธมฺมธรา, ธมฺมนคเร วสนฺติ เตฯ

    Vipassakā dhammadharā, dhammanagare vasanti te.

    ‘‘‘อิทฺธิปาเทสุ กุสลา, สมาธิภาวนารตา;

    ‘‘‘Iddhipādesu kusalā, samādhibhāvanāratā;

    สมฺมปฺปธานานุยุตฺตา, ธมฺมนคเร วสนฺติ เตฯ

    Sammappadhānānuyuttā, dhammanagare vasanti te.

    ‘‘‘อภิญฺญาปารมิปฺปตฺตา, เปตฺติเก โคจเร รตา;

    ‘‘‘Abhiññāpāramippattā, pettike gocare ratā;

    อนฺตลิกฺขมฺหิ จรณา, ธมฺมนคเร วสนฺติ เตฯ

    Antalikkhamhi caraṇā, dhammanagare vasanti te.

    ‘‘‘โอกฺขิตฺตจกฺขู มิตภาณี, คุตฺตทฺวารา สุสํวุตา;

    ‘‘‘Okkhittacakkhū mitabhāṇī, guttadvārā susaṃvutā;

    สุทนฺตา อุตฺตเม ทเมฺม 35, ธมฺมนคเร วสนฺติ เตฯ

    Sudantā uttame damme 36, dhammanagare vasanti te.

    ‘‘‘เตวิชฺชา ฉฬภิญฺญา จ, อิทฺธิยา ปารมิํ คตา;

    ‘‘‘Tevijjā chaḷabhiññā ca, iddhiyā pāramiṃ gatā;

    ปญฺญาย ปารมิปฺปตฺตา, ธมฺมนคเร วสนฺติ เต’ติฯ

    Paññāya pāramippattā, dhammanagare vasanti te’ti.

    ‘‘เย โข เต, มหาราช, ภิกฺขู อปริมิตญาณวรธรา อสงฺคา อตุลคุณา 37 อตุลยสา อตุลพลา อตุลเตชา ธมฺมจกฺกานุปฺปวตฺตกา ปญฺญาปารมิํ คตา, เอวรูปา โข, มหาราช, ภิกฺขู ภควโต ธมฺมนคเร ‘ธมฺมเสนาปติโน’ติ วุจฺจนฺติฯ

    ‘‘Ye kho te, mahārāja, bhikkhū aparimitañāṇavaradharā asaṅgā atulaguṇā 38 atulayasā atulabalā atulatejā dhammacakkānuppavattakā paññāpāramiṃ gatā, evarūpā kho, mahārāja, bhikkhū bhagavato dhammanagare ‘dhammasenāpatino’ti vuccanti.

    ‘‘เย ปน เต, มหาราช, ภิกฺขู อิทฺธิมโนฺต อธิคตปฺปฎิสมฺภิทาปตฺตเวสารชฺชา คคนจรา ทุราสทา ทุปฺปสหา อนาลมฺพจรา สสาครมหิธรปถวิกมฺปโก จนฺทสูริยปริมชฺชกา วิกุพฺพนาธิฎฺฐานาภินีหารกุสลา อิทฺธิยา ปารมิํ คตา, เอวรูปา โข, มหาราช, ภิกฺขู ภควโต ธมฺมนคเร ‘ปุโรหิตา’ติ วุจฺจนฺติฯ

    ‘‘Ye pana te, mahārāja, bhikkhū iddhimanto adhigatappaṭisambhidāpattavesārajjā gaganacarā durāsadā duppasahā anālambacarā sasāgaramahidharapathavikampako candasūriyaparimajjakā vikubbanādhiṭṭhānābhinīhārakusalā iddhiyā pāramiṃ gatā, evarūpā kho, mahārāja, bhikkhū bhagavato dhammanagare ‘purohitā’ti vuccanti.

    ‘‘เย ปน เต, มหาราช, ภิกฺขู ธุตงฺคมนุคตา อปฺปิจฺฉา สนฺตุฎฺฐา วิญฺญตฺติมเนสนชิคุจฺฉกา ปิณฺฑาย สปทานจาริโน ภมราว คนฺธมนุฆายิตฺวา ปวิสนฺติ วิวิตฺตกานนํ, กาเย จ ชีวิเต จ นิรเปกฺขา อรหตฺตมนุปฺปตฺตา ธุตงฺคคุเณ อคฺคนิกฺขิตฺตา, เอวรูปา โข, มหาราช, ภิกฺขู ภควโต ธมฺมนคเร ‘อกฺขทสฺสา’ติ วุจฺจนฺติฯ

    ‘‘Ye pana te, mahārāja, bhikkhū dhutaṅgamanugatā appicchā santuṭṭhā viññattimanesanajigucchakā piṇḍāya sapadānacārino bhamarāva gandhamanughāyitvā pavisanti vivittakānanaṃ, kāye ca jīvite ca nirapekkhā arahattamanuppattā dhutaṅgaguṇe agganikkhittā, evarūpā kho, mahārāja, bhikkhū bhagavato dhammanagare ‘akkhadassā’ti vuccanti.

    ‘‘เย ปน เต, มหาราช, ภิกฺขู ปริสุทฺธา วิมลา นิกฺกิเลสา จุตูปปาตกุสลา ทิพฺพจกฺขุมฺหิ ปารมิํ คตา, เอวรูปา โข, มหาราช, ภิกฺขู ภควโต ธมฺมนคเร ‘นครโชตกา’ติ วุจฺจนฺติฯ

    ‘‘Ye pana te, mahārāja, bhikkhū parisuddhā vimalā nikkilesā cutūpapātakusalā dibbacakkhumhi pāramiṃ gatā, evarūpā kho, mahārāja, bhikkhū bhagavato dhammanagare ‘nagarajotakā’ti vuccanti.

    ‘‘เย ปน เต, มหาราช, ภิกฺขู พหุสฺสุตา อาคตาคมา ธมฺมธรา วินยธรา มาติกาธรา สิถิลธนิตทีฆรสฺสครุกลหุกกฺขรปริเจฺฉทกุสลา นวงฺคสาสนธรา, เอวรูปา โข, มหาราช, ภิกฺขู ภควโต ธมฺมนคเร ‘ธมฺมรกฺขา’ติ วุจฺจนฺติฯ

    ‘‘Ye pana te, mahārāja, bhikkhū bahussutā āgatāgamā dhammadharā vinayadharā mātikādharā sithiladhanitadīgharassagarukalahukakkharaparicchedakusalā navaṅgasāsanadharā, evarūpā kho, mahārāja, bhikkhū bhagavato dhammanagare ‘dhammarakkhā’ti vuccanti.

    ‘‘เย ปน เต, มหาราช, ภิกฺขู วินยญฺญู วินยโกวิทา ฐานาฎฺฐานกุสลา 39 อาปตฺตานาปตฺติครุกลหุกสเตกิจฺฉอเตกิจฺฉวุฎฺฐานเทสนานิคฺคห- ปฎิกมฺมโอสารณนิสฺสารณปฎิสารณกุสลา วินเย ปารมิํ คตา, เอวรูปา โข, มหาราช, ภิกฺขู ภควโต ธมฺมนคเร ‘รูปรกฺขา’ติ 40 วุจฺจนฺติฯ

    ‘‘Ye pana te, mahārāja, bhikkhū vinayaññū vinayakovidā ṭhānāṭṭhānakusalā 41 āpattānāpattigarukalahukasatekicchaatekicchavuṭṭhānadesanāniggaha- paṭikammaosāraṇanissāraṇapaṭisāraṇakusalā vinaye pāramiṃ gatā, evarūpā kho, mahārāja, bhikkhū bhagavato dhammanagare ‘rūparakkhā’ti 42 vuccanti.

    ‘‘เย ปน เต, มหาราช, ภิกฺขู วิมุตฺติวรกุสุมมาลพทฺธา วรปวรมหคฺฆเสฎฺฐภาวมนุปฺปตฺตา พหุชนกนฺตมภิปตฺถิตา, เอวรูปา โข, มหาราช, ภิกฺขู ภควโต ธมฺมนคเร ‘ปุปฺผาปณิกา’ติ วุจฺจนฺติฯ

    ‘‘Ye pana te, mahārāja, bhikkhū vimuttivarakusumamālabaddhā varapavaramahagghaseṭṭhabhāvamanuppattā bahujanakantamabhipatthitā, evarūpā kho, mahārāja, bhikkhū bhagavato dhammanagare ‘pupphāpaṇikā’ti vuccanti.

    ‘‘เย ปน เต, มหาราช, ภิกฺขู จตุสจฺจาภิสมยปฺปฎิวิทฺธา ทิฎฺฐสจฺจา วิญฺญาตสาสนา จตูสุ สามญฺญผเลสุ ติณฺณวิจิกิจฺฉา ปฎิลทฺธผลสุขา อเญฺญสมฺปิ ปฎิปนฺนานํ เต ผเล สํวิภชนฺติ, เอวรูปา โข, มหาราช, ภิกฺขู ภควโต ธมฺมนคเร ‘ผลาปณิกา’ติ วุจฺจนฺติฯ

    ‘‘Ye pana te, mahārāja, bhikkhū catusaccābhisamayappaṭividdhā diṭṭhasaccā viññātasāsanā catūsu sāmaññaphalesu tiṇṇavicikicchā paṭiladdhaphalasukhā aññesampi paṭipannānaṃ te phale saṃvibhajanti, evarūpā kho, mahārāja, bhikkhū bhagavato dhammanagare ‘phalāpaṇikā’ti vuccanti.

    ‘‘เย ปน เต, มหาราช, ภิกฺขู สีลสํวรคนฺธมนุลิตฺตา 43 อเนกวิธพหุคุณธรา กิเลสมลทุคฺคนฺธวิธมกา, เอวรูปา โข, มหาราช, ภิกฺขู ภควโต ธมฺมนคเร ‘คนฺธาปณิกา’ติ วุจฺจนฺติฯ

    ‘‘Ye pana te, mahārāja, bhikkhū sīlasaṃvaragandhamanulittā 44 anekavidhabahuguṇadharā kilesamaladuggandhavidhamakā, evarūpā kho, mahārāja, bhikkhū bhagavato dhammanagare ‘gandhāpaṇikā’ti vuccanti.

    ‘‘เย ปน เต, มหาราช, ภิกฺขู ธมฺมกามา ปิยสมุทาหารา อภิธเมฺม อภิวินเย อุฬารปาโมชฺชา อรญฺญคตาปิ รุกฺขมูลคตาปิ สุญฺญาคารคตาปิ ธมฺมวรรสํ ปิวนฺติ, กาเยน วาจาย มนสา ธมฺมวรรสโมคาฬฺหา อธิมตฺตปฎิภานา ธเมฺมสุ ธเมฺมสนปฺปฎิปนฺนา อิโต วา ตโต วา ยตฺถ ยตฺถ อปฺปิจฺฉกถา สนฺตุฎฺฐิกถา ปวิเวกกถา อสํสคฺคกถา วีริยารมฺภกถา สีลกถา สมาธิกถา ปญฺญากถา วิมุตฺติกถา วิมุตฺติญาณทสฺสนกถา , ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ ตํ กถารสํ ปิวนฺติ, เอวรูปา โข, มหาราช, ภิกฺขู ภควโต ธมฺมนคเร ‘โสณฺฑา ปิปาสา’ติ วุจฺจนฺติฯ

    ‘‘Ye pana te, mahārāja, bhikkhū dhammakāmā piyasamudāhārā abhidhamme abhivinaye uḷārapāmojjā araññagatāpi rukkhamūlagatāpi suññāgāragatāpi dhammavararasaṃ pivanti, kāyena vācāya manasā dhammavararasamogāḷhā adhimattapaṭibhānā dhammesu dhammesanappaṭipannā ito vā tato vā yattha yattha appicchakathā santuṭṭhikathā pavivekakathā asaṃsaggakathā vīriyārambhakathā sīlakathā samādhikathā paññākathā vimuttikathā vimuttiñāṇadassanakathā , tattha tattha gantvā taṃ taṃ kathārasaṃ pivanti, evarūpā kho, mahārāja, bhikkhū bhagavato dhammanagare ‘soṇḍā pipāsā’ti vuccanti.

    ‘‘เย ปน เต, มหาราช, ภิกฺขู ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ ชาคริยานุโยคมนุยุตฺตา นิสชฺชฎฺฐานจงฺกเมหิ รตฺตินฺทิวํ วีตินาเมนฺติ, ภาวนานุโยคมนุยุตฺตา กิเลสปฎิพาหนาย สทตฺถปฺปสุตา, เอวรูปา โข, มหาราช, ภิกฺขู ภควโต ธมฺมนคเร ‘นครคุตฺติกา’ติ วุจฺจนฺติฯ

    ‘‘Ye pana te, mahārāja, bhikkhū pubbarattāpararattaṃ jāgariyānuyogamanuyuttā nisajjaṭṭhānacaṅkamehi rattindivaṃ vītināmenti, bhāvanānuyogamanuyuttā kilesapaṭibāhanāya sadatthappasutā, evarūpā kho, mahārāja, bhikkhū bhagavato dhammanagare ‘nagaraguttikā’ti vuccanti.

    ‘‘เย ปน เต, มหาราช, ภิกฺขู นวงฺคํ พุทฺธวจนํ อตฺถโต จ พฺยญฺชนโต จ นยโต จ การณโต จ เหตุโต จ อุทาหรณโต จ วาเจนฺติ อนุวาเจนฺติ ภาสนฺติ อนุภาสนฺติ, เอวรูปา โข, มหาราช, ภิกฺขู ภควโต ธมฺมนคเร ‘ธมฺมาปณิกา’ติ วุจฺจนฺติฯ

    ‘‘Ye pana te, mahārāja, bhikkhū navaṅgaṃ buddhavacanaṃ atthato ca byañjanato ca nayato ca kāraṇato ca hetuto ca udāharaṇato ca vācenti anuvācenti bhāsanti anubhāsanti, evarūpā kho, mahārāja, bhikkhū bhagavato dhammanagare ‘dhammāpaṇikā’ti vuccanti.

    ‘‘เย ปน เต, มหาราช, ภิกฺขู ธมฺมรตนโภเคน อาคมปริยตฺติสุตโภเคน โภคิโน ธนิโน นิทฺทิฎฺฐสรพฺยญฺชนลกฺขณปฺปฎิเวธา วิญฺญู ผรณา, เอวรูปา โข, มหาราช, ภิกฺขู ภควโต ธมฺมนคเร ‘ธมฺมเสฎฺฐิโน’ติ วุจฺจนฺติฯ

    ‘‘Ye pana te, mahārāja, bhikkhū dhammaratanabhogena āgamapariyattisutabhogena bhogino dhanino niddiṭṭhasarabyañjanalakkhaṇappaṭivedhā viññū pharaṇā, evarūpā kho, mahārāja, bhikkhū bhagavato dhammanagare ‘dhammaseṭṭhino’ti vuccanti.

    ‘‘เย ปน เต, มหาราช, ภิกฺขู อุฬารเทสนาปฎิเวธา ปริจิณฺณารมฺมณวิภตฺตินิเทฺทสา สิกฺขาคุณปารมิปฺปตฺตา, เอวรูปา โข, มหาราช, ภิกฺขู ภควโต ธมฺมนคเร ‘วิสฺสุตธมฺมิกา’ติ วุจฺจนฺติฯ

    ‘‘Ye pana te, mahārāja, bhikkhū uḷāradesanāpaṭivedhā pariciṇṇārammaṇavibhattiniddesā sikkhāguṇapāramippattā, evarūpā kho, mahārāja, bhikkhū bhagavato dhammanagare ‘vissutadhammikā’ti vuccanti.

    ‘‘เอวํ สุวิภตฺตํ โข, มหาราช, ภควโต ธมฺมนครํ เอวํ สุมาปิตํ เอวํ สุวิหิตํ เอวํ สุปริปูริตํ เอวํ สุววตฺถาปิตํ เอวํ สุรกฺขิตํ เอวํ สุโคปิตํ เอวํ ทุปฺปสยฺหํ ปจฺจตฺถิเกหิ ปจฺจามิเตฺตหิ, อิมินา, มหาราช, การเณน อิมินา เหตุนา อิมินา นเยน อิมินา อนุมาเนน ญาตพฺพํ อตฺถิ โส ภควาติฯ

    ‘‘Evaṃ suvibhattaṃ kho, mahārāja, bhagavato dhammanagaraṃ evaṃ sumāpitaṃ evaṃ suvihitaṃ evaṃ suparipūritaṃ evaṃ suvavatthāpitaṃ evaṃ surakkhitaṃ evaṃ sugopitaṃ evaṃ duppasayhaṃ paccatthikehi paccāmittehi, iminā, mahārāja, kāraṇena iminā hetunā iminā nayena iminā anumānena ñātabbaṃ atthi so bhagavāti.

    ‘‘‘ยถาปิ นครํ ทิสฺวา, สุวิภตฺตํ มโนรมํ;

    ‘‘‘Yathāpi nagaraṃ disvā, suvibhattaṃ manoramaṃ;

    อนุมาเนน ชานนฺติ, วฑฺฒกิสฺส มหตฺตนํฯ

    Anumānena jānanti, vaḍḍhakissa mahattanaṃ.

    ‘‘‘ตเถว โลกนาถสฺส, ทิสฺวา ธมฺมปุรํ วรํ;

    ‘‘‘Tatheva lokanāthassa, disvā dhammapuraṃ varaṃ;

    อนุมาเนน ชานนฺติ, อตฺถิ โส ภควา อิติฯ

    Anumānena jānanti, atthi so bhagavā iti.

    ‘‘‘อนุมาเนน ชานนฺติ, อูมิํ ทิสฺวาน สาคเร;

    ‘‘‘Anumānena jānanti, ūmiṃ disvāna sāgare;

    ยถายํ ทิสฺสเต อูมิ, มหโนฺต โส ภวิสฺสติฯ

    Yathāyaṃ dissate ūmi, mahanto so bhavissati.

    ‘‘‘ตถา พุทฺธํ โสกนุทํ, สพฺพตฺถมปราชิตํ;

    ‘‘‘Tathā buddhaṃ sokanudaṃ, sabbatthamaparājitaṃ;

    ตณฺหกฺขยมนุปฺปตฺตํ, ภวสํสารโมจนํฯ

    Taṇhakkhayamanuppattaṃ, bhavasaṃsāramocanaṃ.

    ‘‘‘อนุมาเนน ญาตพฺพํ, อูมิํ ทิสฺวา สเทวเก;

    ‘‘‘Anumānena ñātabbaṃ, ūmiṃ disvā sadevake;

    ยถา ธมฺมูมิวิปฺผาโร, อโคฺค พุโทฺธ ภวิสฺสติฯ

    Yathā dhammūmivipphāro, aggo buddho bhavissati.

    ‘‘‘อนุมาเนน ชานนฺติ, ทิสฺวา อจฺจุคฺคตํ คิริํ;

    ‘‘‘Anumānena jānanti, disvā accuggataṃ giriṃ;

    ยถา อจฺจุคฺคโต เอโส, หิมวา โส ภวิสฺสติฯ

    Yathā accuggato eso, himavā so bhavissati.

    ‘‘‘ตถา ทิสฺวา ธมฺมคิริํ, สีตีภูตํ นิรูปธิํ;

    ‘‘‘Tathā disvā dhammagiriṃ, sītībhūtaṃ nirūpadhiṃ;

    อจฺจุคฺคตํ ภควโต, อจลํ สุปฺปติฎฺฐิตํฯ

    Accuggataṃ bhagavato, acalaṃ suppatiṭṭhitaṃ.

    ‘‘‘อนุมาเนน ญาตพฺพํ, ทิสฺวาน ธมฺมปพฺพตํ;

    ‘‘‘Anumānena ñātabbaṃ, disvāna dhammapabbataṃ;

    ตถา หิ โส มหาวีโร, อโคฺค พุโทฺธ ภวิสฺสติฯ

    Tathā hi so mahāvīro, aggo buddho bhavissati.

    ‘‘‘ยถาปิ คชราชสฺส, ปทํ ทิสฺวาน มานุสา;

    ‘‘‘Yathāpi gajarājassa, padaṃ disvāna mānusā;

    อนุมาเนน ชานนฺติ, มหา เอโส คโช อิติฯ

    Anumānena jānanti, mahā eso gajo iti.

    ‘‘‘ตเถว พุทฺธนาคสฺส, ปทํ ทิสฺวา วิภาวิโน;

    ‘‘‘Tatheva buddhanāgassa, padaṃ disvā vibhāvino;

    อนุมาเนน ชานนฺติ, อุฬาโร โส ภวิสฺสติฯ

    Anumānena jānanti, uḷāro so bhavissati.

    ‘‘‘อนุมาเนน ชานนฺติ, ภีเต ทิสฺวาน กุมฺมิเค;

    ‘‘‘Anumānena jānanti, bhīte disvāna kummige;

    มิคราชสฺส สเทฺทน, ภีตาเม กุมฺมิคา อิติฯ

    Migarājassa saddena, bhītāme kummigā iti.

    ‘‘‘ตเถว ติตฺถิเย ทิสฺวา, วิตฺถเต ภีตมานเส;

    ‘‘‘Tatheva titthiye disvā, vitthate bhītamānase;

    อนุมาเนน ญาตพฺพํ, ธมฺมราเชน คชฺชิตํฯ

    Anumānena ñātabbaṃ, dhammarājena gajjitaṃ.

    ‘‘‘นิพฺพุตํ ปถวิํ ทิสฺวา, หริตปตฺตํ มโหทิกํ;

    ‘‘‘Nibbutaṃ pathaviṃ disvā, haritapattaṃ mahodikaṃ;

    อนุมาเนน ชานนฺติ, มหาเมเฆน นิพฺพุตํฯ

    Anumānena jānanti, mahāmeghena nibbutaṃ.

    ‘‘‘ตเถวิมํ ชนํ ทิสฺวา, อาโมทิตปโมทิตํ;

    ‘‘‘Tathevimaṃ janaṃ disvā, āmoditapamoditaṃ;

    อนุมาเนน ญาตพฺพํ, ธมฺมเมเฆน ตปฺปิตํฯ

    Anumānena ñātabbaṃ, dhammameghena tappitaṃ.

    ‘‘‘ลคฺคํ ทิสฺวา ภุสํ ปงฺกํ, กลลทฺทคตํ มหิํ;

    ‘‘‘Laggaṃ disvā bhusaṃ paṅkaṃ, kalaladdagataṃ mahiṃ;

    อนุมาเนน ชานนฺติ, วาริกฺขโนฺธ มหา คโตฯ

    Anumānena jānanti, vārikkhandho mahā gato.

    ‘‘‘ตเถวิมํ ชนํ ทิสฺวา, รชปงฺกสโมหิตํ;

    ‘‘‘Tathevimaṃ janaṃ disvā, rajapaṅkasamohitaṃ;

    วหิตํ ธมฺมนทิยา, วิสฎฺฐํ ธมฺมสาคเรฯ

    Vahitaṃ dhammanadiyā, visaṭṭhaṃ dhammasāgare.

    ‘‘‘ธมฺมามตคตํ ทิสฺวา, สเทวกมิมํ มหิํ;

    ‘‘‘Dhammāmatagataṃ disvā, sadevakamimaṃ mahiṃ;

    อนุมาเนน ญาตพฺพํ, ธมฺมกฺขโนฺธ มหา คโตฯ

    Anumānena ñātabbaṃ, dhammakkhandho mahā gato.

    ‘‘‘อนุมาเนน ชานนฺติ, ฆายิตฺวา คนฺธมุตฺตมํ;

    ‘‘‘Anumānena jānanti, ghāyitvā gandhamuttamaṃ;

    ยถายํ วายเต คโนฺธ, เหสฺสนฺติ ปุปฺผิตา ทุมาฯ

    Yathāyaṃ vāyate gandho, hessanti pupphitā dumā.

    ‘‘‘ตเถวายํ สีลคโนฺธ, ปวายติ สเทวเก;

    ‘‘‘Tathevāyaṃ sīlagandho, pavāyati sadevake;

    อนุมาเนน ญาตพฺพํ, อตฺถิ พุโทฺธ อนุตฺตโร’ติฯ

    Anumānena ñātabbaṃ, atthi buddho anuttaro’ti.

    ‘‘เอวรูเปน โข, มหาราช, การณสเตน การณสหเสฺสน เหตุสเตน เหตุสหเสฺสน นยสเตน นยสหเสฺสน โอปมฺมสเตน โอปมฺมสหเสฺสน สกฺกา พุทฺธพลํ อุปทสฺสยิตุํฯ ยถา, มหาราช, ทโกฺข มาลากาโร นานาปุปฺผราสิมฺหา อาจริยานุสิฎฺฐิยา ปจฺจตฺตปุริสกาเรน วิจิตฺตํ มาลาคุณราสิํ กเรยฺย, เอวเมว โข, มหาราช, โส ภควา วิจิตฺตปุปฺผราสิ วิย อนนฺตคุโณ อปฺปเมยฺยคุโณ, อหเมตรหิ ชินสาสเน มาลากาโร วิย ปุปฺผคนฺถโก ปุพฺพกานํ อาจริยานํ มเคฺคนปิ มยฺหํ พุทฺธิพเลนปิ อสเงฺขฺยเยฺยนปิ การเณน อนุมาเนน พุทฺธพลํ ทีปยิสฺสามิ, ตฺวํ ปเนตฺถ ฉนฺทํ ชเนหิ สวนายา’’ติฯ

    ‘‘Evarūpena kho, mahārāja, kāraṇasatena kāraṇasahassena hetusatena hetusahassena nayasatena nayasahassena opammasatena opammasahassena sakkā buddhabalaṃ upadassayituṃ. Yathā, mahārāja, dakkho mālākāro nānāpuppharāsimhā ācariyānusiṭṭhiyā paccattapurisakārena vicittaṃ mālāguṇarāsiṃ kareyya, evameva kho, mahārāja, so bhagavā vicittapuppharāsi viya anantaguṇo appameyyaguṇo, ahametarahi jinasāsane mālākāro viya pupphaganthako pubbakānaṃ ācariyānaṃ maggenapi mayhaṃ buddhibalenapi asaṅkhyeyyenapi kāraṇena anumānena buddhabalaṃ dīpayissāmi, tvaṃ panettha chandaṃ janehi savanāyā’’ti.

    ‘‘ทุกฺกรํ , ภเนฺต นาคเสน, อเญฺญสํ เอวรูเปน การเณน อนุมาเนน พุทฺธพลํ อุปทสฺสยิตุํ, นิพฺพุโตสฺมิ, ภเนฺต นาคเสน, ตุมฺหากํ ปรมวิจิเตฺตน ปญฺหเวยฺยากรเณนา’’ติฯ

    ‘‘Dukkaraṃ , bhante nāgasena, aññesaṃ evarūpena kāraṇena anumānena buddhabalaṃ upadassayituṃ, nibbutosmi, bhante nāgasena, tumhākaṃ paramavicittena pañhaveyyākaraṇenā’’ti.

    อนุมานปโญฺห ปฐโมฯ

    Anumānapañho paṭhamo.







    Footnotes:
    1. ทาสปุตฺตา ภฎฺฎิปุตฺตา (สี. ปี.)
    2. ผลฺลิกา (สี. ปี.)
    3. โสรฎฺฐกา (สี. ปี.)
    4. dāsaputtā bhaṭṭiputtā (sī. pī.)
    5. phallikā (sī. pī.)
    6. soraṭṭhakā (sī. pī.)
    7. ปวาติ (สี. ปี.) ธ. ป. ๕๔ ปสฺสิตพฺพํ
    8. pavāti (sī. pī.) dha. pa. 54 passitabbaṃ
    9. โลเก อคทา (ปี.)
    10. loke agadā (pī.)
    11. อติโรจติ (สี. ปี.)
    12. อติสยิตฺวา (สี. ปี.)
    13. atirocati (sī. pī.)
    14. atisayitvā (sī. pī.)
    15. น สณฺฐหนฺติ (สี.)
    16. น อุปลิปฺปนฺติ (สี. ปี.)
    17. na saṇṭhahanti (sī.)
    18. na upalippanti (sī. pī.)
    19. ผุเสฺสติ (สฺยา.), ปสฺสติ (ก.)
    20. phusseti (syā.), passati (ka.)
    21. วิมุตฺติรตนนฺติ (สี. ปี.)
    22. ปวาฬาภรณปฎิปณฺฑิโต (สี. ปี.)
    23. vimuttiratananti (sī. pī.)
    24. pavāḷābharaṇapaṭipaṇḍito (sī. pī.)
    25. เคหํ, ชโน (ก.)
    26. gehaṃ, jano (ka.)
    27. อสมฺภีโต (สี. ปี.)
    28. วิชฺฌิสฺสามีติ (สี.)
    29. asambhīto (sī. pī.)
    30. vijjhissāmīti (sī.)
    31. อุปฎฺฐหนฺติ (ก.), อุทิกฺขนฺติ (สฺยา.)
    32. upaṭṭhahanti (ka.), udikkhanti (syā.)
    33. อาสิํสกา (สี. ปี.)
    34. āsiṃsakā (sī. pī.)
    35. ธเมฺม (สี. ปี.)
    36. dhamme (sī. pī.)
    37. อตุลิยคุณา (สี. ปี. ก.)
    38. atuliyaguṇā (sī. pī. ka.)
    39. นิทานปฐนกุสลา (สี. ปี.), นิทานวตฺถุกุสลา (สฺยา.)
    40. รูปทกฺขาติ (สี. สฺยา. ปี.)
    41. nidānapaṭhanakusalā (sī. pī.), nidānavatthukusalā (syā.)
    42. rūpadakkhāti (sī. syā. pī.)
    43. สีลวรสุคนฺธมนุลิตฺตา (สี. ปี.)
    44. sīlavarasugandhamanulittā (sī. pī.)

    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact