Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Majjhima Nikāya, English translation

    มชฺฌิม นิกาย ๑๕

    The Middle-Length Suttas Collection 15

    อนุมานสุตฺต

    Measuring Up

    เอวํ เม สุตํ—เอกํ สมยํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภคฺเคสุ วิหรติ สุสุมารคิเร เภสกฬาวเน มิคทาเยฯ ตตฺร โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภิกฺขู อามนฺเตสิ: “อาวุโส ภิกฺขโว”ติฯ

    So I have heard. At one time Venerable Mahāmoggallāna was staying in the land of the Bhaggas on Crocodile Hill, in the deer park at Bhesakaḷā’s Wood. There Venerable Mahāmoggallāna addressed the bhikkhus: “Friends, bhikkhus!”

    “อาวุโส”ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส ปจฺจโสฺสสุํฯ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เอตทโวจ:

    “Friend,” they replied. Venerable Mahāmoggallāna said this:

    “ปวาเรติ เจปิ, อาวุโส, ภิกฺขุ: ‘วทนฺตุ มํ อายสฺมนฺโต, วจนีโยมฺหิ อายสฺมนฺเตหี'ติ, โส จ โหติ ทุพฺพโจ, โทวจสฺสกรเณหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต, อกฺขโม อปฺปทกฺขิณคฺคาหี อนุสาสนึ, อถ โข นํ สพฺรหฺมจารี น เจว วตฺตพฺพํ มญฺญนฺติ, น จ อนุสาสิตพฺพํ มญฺญนฺติ, น จ ตสฺมึ ปุคฺคเล วิสฺสาสํ อาปชฺชิตพฺพํ มญฺญนฺติฯ

    “Suppose a bhikkhu invites other bhikkhus to admonish them. But they’re hard to admonish, having qualities that make them hard to admonish. They're impatient, and don't take instruction respectfully. So their spiritual companions don’t think it’s worth advising and instructing them, and that person doesn’t gain their trust.

    กตเม จาวุโส, โทวจสฺสกรณา ธมฺมา? อิธาวุโส, ภิกฺขุ ปาปิจฺโฉ โหติ, ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโตฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ ปาปิจฺโฉ โหติ, ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต—อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณฯ

    And what are the qualities that make them hard to admonish? Firstly, a bhikkhu has corrupt wishes, having fallen under the sway of corrupt wishes. This is a quality that makes them difficult to admonish.

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อตฺตุกฺกํสโก โหติ ปรวมฺภีฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ อตฺตุกฺกํสโก โหติ ปรวมฺภี—อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณฯ

    Furthermore, a bhikkhu glorifies themselves and puts others down. …

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธาภิภูโตฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธาภิภูโต—อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณฯ

    They’re irritable, overcome by anger …

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธเหตุ อุปนาหีฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธเหตุ อุปนาหี—อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณฯ

    They’re irritable, and hostile due to anger …

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธเหตุ อภิสงฺคีฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธเหตุ อภิสงฺคี—อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณฯ

    They’re irritable, and stubborn due to anger …

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตาฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตา—อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณฯ

    They’re irritable, and blurt out words bordering on anger …

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกํ ปฏิปฺผรติฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกํ ปฏิปฺผรติ—อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณฯ

    When accused, they object to the accuser …

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกํ อปสาเทติฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกํ อปสาเทติ—อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณฯ

    When accused, they rebuke the accuser …

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส ปจฺจาโรเปติฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส ปจฺจาโรเปติ—อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณฯ

    When accused, they retort to the accuser …

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน อญฺเญนญฺญํ ปฏิจรติ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ, โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตุกโรติฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน อญฺเญนญฺญํ ปฏิจรติ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ, โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตุกโรติ—อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณฯ

    When accused, they dodge the issue, distract the discussion with irrelevant points, and display annoyance, hate, and bitterness …

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน อปทาเน น สมฺปายติฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน อปทาเน น สมฺปายติ—อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณฯ

    When accused, they are unable to account for the evidence …

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ มกฺขี โหติ ปฬาสีฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ มกฺขี โหติ ปฬาสี—อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณฯ

    They are offensive and contemptuous …

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อิสฺสุกี โหติ มจฺฉรีฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ อิสฺสุกี โหติ มจฺฉรี—อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณฯ

    They’re jealous and stingy …

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ สโฐ โหติ มายาวีฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ สโฐ โหติ มายาวี—อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณฯ

    They’re devious and deceitful …

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ถทฺโธ โหติ อติมานีฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ ถทฺโธ โหติ อติมานี—อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณฯ

    They’re obstinate and vain …

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ สนฺทิฏฺฐิปรามาสี โหติ อาธานคฺคาหี ทุปฺปฏินิสฺสคฺคีฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ สนฺทิฏฺฐิปรามาสี โหติ อาธานคฺคาหี ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี—อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณฯ

    Furthermore, a bhikkhu is attached to their own views, holding them tight, and refusing to let go. This too is a quality that makes them difficult to admonish.

    อิเม วุจฺจนฺตาวุโส, โทวจสฺสกรณา ธมฺมาฯ

    These are the qualities that make them hard to admonish.

    โน เจปิ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปวาเรติ: ‘วทนฺตุ มํ อายสฺมนฺโต, วจนีโยมฺหิ อายสฺมนฺเตหี'ติ, โส จ โหติ สุวโจ, โสวจสฺสกรเณหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต, ขโม ปทกฺขิณคฺคาหี อนุสาสนึ, อถ โข นํ สพฺรหฺมจารี วตฺตพฺพญฺเจว มญฺญนฺติ, อนุสาสิตพฺพญฺจ มญฺญนฺติ, ตสฺมิญฺจ ปุคฺคเล วิสฺสาสํ อาปชฺชิตพฺพํ มญฺญนฺติฯ

    Suppose a bhikkhu doesn’t invite other bhikkhus to admonish them. But they’re easy to admonish, having qualities that make them easy to admonish. They're accepting, and take instruction respectfully. So their spiritual companions think it’s worth advising and instructing them, and that person gains their trust.

    กตเม จาวุโส, โสวจสฺสกรณา ธมฺมา? อิธาวุโส, ภิกฺขุ น ปาปิจฺโฉ โหติ, น ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโตฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ น ปาปิจฺโฉ โหติ น ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต—อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณฯ

    And what are the qualities that make them easy to admonish? Firstly, a bhikkhu doesn’t have corrupt wishes …

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อนตฺตุกฺกํสโก โหติ อปรวมฺภีฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ อนตฺตุกฺกํสโก โหติ อปรวมฺภี—อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณฯ

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธาภิภูโตฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธาภิภูโต—อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณฯ

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธเหตุ อุปนาหีฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธเหตุ อุปนาหี—อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณฯ

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธเหตุ อภิสงฺคีฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธเหตุ อภิสงฺคี—อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณฯ

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตาฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตา—อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณฯ

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกํ นปฺปฏิปฺผรติฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกํ นปฺปฏิปฺผรติ—อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณฯ

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกํ น อปสาเทติฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกํ น อปสาเทติ—อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณฯ

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส น ปจฺจาโรเปติฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส น ปจฺจาโรเปติ—อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณฯ

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน น อญฺเญนญฺญํ ปฏิจรติ, น พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ, น โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตุกโรติฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน น อญฺเญนญฺญํ ปฏิจรติ, น พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ, น โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตุกโรติ—อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณฯ

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน อปทาเน สมฺปายติฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน อปทาเน สมฺปายติ—อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณฯ

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อมกฺขี โหติ อปฬาสีฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ อมกฺขี โหติ อปฬาสี—อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณฯ

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อนิสฺสุกี โหติ อมจฺฉรีฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ อนิสฺสุกี โหติ อมจฺฉรี—อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณฯ

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อสโฐ โหติ อมายาวีฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ อสโฐ โหติ อมายาวี—อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณฯ

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อตฺถทฺโธ โหติ อนติมานีฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ อตฺถทฺโธ โหติ อนติมานี—อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณฯ

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อสนฺทิฏฺฐิปรามาสี โหติ อนาธานคฺคาหี สุปฺปฏินิสฺสคฺคีฯ ยํปาวุโส, ภิกฺขุ อสนฺทิฏฺฐิปรามาสี โหติ, อนาธานคฺคาหี สุปฺปฏินิสฺสคฺคี—อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณฯ

    Furthermore, a bhikkhu isn’t attached to their own views, not holding them tight, but letting them go easily.

    อิเม วุจฺจนฺตาวุโส, โสวจสฺสกรณา ธมฺมาฯ

    These are the qualities that make them easy to admonish.

    ตตฺราวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ อนุมินิตพฺพํ: ‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล ปาปิจฺโฉ, ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหญฺเจว โข ปนสฺสํ ปาปิจฺโฉ ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต, อหมฺปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป'ติฯ เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘น ปาปิจฺโฉ ภวิสฺสามิ, น ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต'ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    In such a case, a bhikkhu should measure themselves against another like this. ‘This person has corrupt wishes, having fallen under the sway of corrupt wishes. And I don’t like or approve of this person. And if I were to fall under the sway of corrupt wishes, others wouldn’t like or approve of me.’ A bhikkhu who knows this should give rise to the thought: ‘I will not fall under the sway of corrupt wishes.’ …

    ‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล อตฺตุกฺกํสโก ปรวมฺภี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหญฺเจว โข ปนสฺสํ อตฺตุกฺกํสโก ปรวมฺภี, อหมฺปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป'ติฯ เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘อนตฺตุกฺกํสโก ภวิสฺสามิ อปรวมฺภี'ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    ‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โกธโน โกธาภิภูโต, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโปฯ อหญฺเจว โข ปนสฺสํ โกธโน โกธาภิภูโต, อหมฺปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป'ติฯ เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘น โกธโน ภวิสฺสามิ น โกธาภิภูโต'ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    ‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โกธโน โกธเหตุ อุปนาหี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหญฺเจว โข ปนสฺสํ โกธโน โกธเหตุ อุปนาหี, อหมฺปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป'ติฯ เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘น โกธโน ภวิสฺสามิ น โกธเหตุ อุปนาหี'ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    ‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โกธโน โกธเหตุ อภิสงฺคี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหญฺเจว โข ปนสฺสํ โกธโน โกธเหตุ อภิสงฺคี, อหมฺปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป'ติฯ เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘น โกธโน ภวิสฺสามิ น โกธเหตุ อภิสงฺคี'ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    ‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โกธโน โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตา, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหญฺเจว โข ปนสฺสํ โกธโน โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตา, อหมฺปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป'ติฯ เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘น โกธโน ภวิสฺสามิ น โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรสฺสามี'ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    ‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โจทิโต โจทเกน โจทกํ ปฏิปฺผรติ, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหญฺเจว โข ปน โจทิโต โจทเกน โจทกํ ปฏิปฺผเรยฺยํ, อหมฺปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป'ติฯ เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘โจทิโต โจทเกน โจทกํ นปฺปฏิปฺผริสฺสามี'ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    ‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โจทิโต โจทเกน โจทกํ อปสาเทติ, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหญฺเจว โข ปน โจทิโต โจทเกน โจทกํ อปสาเทยฺยํ, อหมฺปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป'ติฯ เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘โจทิโต โจทเกน โจทกํ น อปสาเทสฺสามี'ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    ‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส ปจฺจาโรเปติ, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหญฺเจว โข ปน โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส ปจฺจาโรเปยฺยํ, อหมฺปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป'ติฯ เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส น ปจฺจาโรเปสฺสามี'ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    ‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โจทิโต โจทเกน อญฺเญนญฺญํ ปฏิจรติ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ, โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตุกโรติ, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหญฺเจว โข ปน โจทิโต โจทเกน อญฺเญนญฺญํ ปฏิจเรยฺยํ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมยฺยํ, โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตุกเรยฺยํ, อหมฺปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป'ติฯ เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘โจทิโต โจทเกน น อญฺเญนญฺญํ ปฏิจริสฺสามิ, น พหิทฺธา กถํ อปนาเมสฺสามิ, น โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตุกริสฺสามี'ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    ‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โจทิโต โจทเกน อปทาเน น สมฺปายติ, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหญฺเจว โข ปน โจทิโต โจทเกน อปทาเน น สมฺปาเยยฺยํ, อหมฺปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป'ติฯ เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘โจทิโต โจทเกน อปทาเน สมฺปายิสฺสามี'ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    ‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล มกฺขี ปฬาสี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหญฺเจว โข ปนสฺสํ มกฺขี ปฬาสี, อหมฺปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป'ติฯ เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘อมกฺขี ภวิสฺสามิ อปฬาสี'ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    ‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล อิสฺสุกี มจฺฉรี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหญฺเจว โข ปนสฺสํ อิสฺสุกี มจฺฉรี, อหมฺปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป'ติฯ เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘อนิสฺสุกี ภวิสฺสามิ อมจฺฉรี'ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    ‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล สโฐ มายาวี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหญฺเจว โข ปนสฺสํ สโฐ มายาวี, อหมฺปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป'ติฯ เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘อสโฐ ภวิสฺสามิ อมายาวี'ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    ‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล ถทฺโธ อติมานี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหญฺเจว โข ปนสฺสํ ถทฺโธ อติมานี, อหมฺปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป'ติฯ เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘อตฺถทฺโธ ภวิสฺสามิ อนติมานี'ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    ‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล สนฺทิฏฺฐิปรามาสี อาธานคฺคาหี ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหญฺเจว โข ปนสฺสํ สนฺทิฏฺฐิปรามาสี อาธานคฺคาหี ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี, อหมฺปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป'ติฯ เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘อสนฺทิฏฺฐิปรามาสี ภวิสฺสามิ อนาธานคฺคาหี สุปฺปฏินิสฺสคฺคี'ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    ‘This person is attached to their own views, holding them tight and refusing to let go. And I don’t like or approve of this person. And if I were to be attached to my own views, holding them tight and refusing to let go, others wouldn’t like or approve of me.’ A bhikkhu who knows this should give rise to the thought: ‘I will not be attached to my own views, holding them tight, but will let them go easily.’

    ตตฺราวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ: ‘กึ นุ โขมฺหิ ปาปิจฺโฉ, ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต'ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ: ‘ปาปิจฺโฉ โขมฺหิ, ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ: ‘น โขมฺหิ ปาปิจฺโฉ, น ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุฯ

    In such a case, a bhikkhu should check themselves like this: ‘Do I have corrupt wishes? Have I fallen under the sway of corrupt wishes?’ Suppose that, upon checking, a bhikkhu knows that they have fallen under the sway of corrupt wishes. Then they should make an effort to give up those bad, unskillful qualities. But suppose that, upon checking, a bhikkhu knows that they haven’t fallen under the sway of corrupt wishes. Then they should meditate with rapture and joy, training day and night in skillful qualities. …

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ: ‘กึ นุ โขมฺหิ อตฺตุกฺกํสโก ปรวมฺภี'ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ: ‘อตฺตุกฺกํสโก โขมฺหิ ปรวมฺภี'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ: ‘อนตฺตุกฺกํสโก โขมฺหิ อปรวมฺภี'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุฯ

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ: ‘กึ นุ โขมฺหิ โกธโน โกธาภิภูโต'ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ: ‘โกธโน โขมฺหิ โกธาภิภูโต'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ: ‘น โขมฺหิ โกธโน โกธาภิภูโต'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุฯ

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ: ‘กึ นุ โขมฺหิ โกธโน โกธเหตุ อุปนาหี'ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ ‘โกธโน โขมฺหิ โกธเหตุ อุปนาหี'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ ‘น โขมฺหิ โกธโน โกธเหตุ อุปนาหี'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุฯ

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ: ‘กึ นุ โขมฺหิ โกธโน โกธเหตุ อภิสงฺคี'ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ: ‘โกธโน โขมฺหิ โกธเหตุ อภิสงฺคี'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ: ‘น โขมฺหิ โกธโน โกธเหตุ อภิสงฺคี'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุฯ

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ: ‘กึ นุ โขมฺหิ โกธโน โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตา'ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ: ‘โกธโน โขมฺหิ โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตา'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ: ‘น โขมฺหิ โกธโน โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตา'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุฯ

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ: ‘กึ นุ โขมฺหิ โจทิโต โจทเกน โจทกํ ปฏิปฺผรามี'ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน โจทกํ ปฏิปฺผรามี'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ: ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน โจทกํ นปฺปฏิปฺผรามี'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุฯ

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ: ‘กึ นุ โขมฺหิ โจทิโต โจทเกน โจทกํ อปสาเทมี'ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน โจทกํ อปสาเทมี'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ: ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน โจทกํ น อปสาเทมี'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุฯ

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ: ‘กึ นุ โขมฺหิ โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส ปจฺจาโรเปมี'ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ: ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน โจทกสฺส ปจฺจาโรเปมี'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ: ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน โจทกสฺส น ปจฺจาโรเปมี'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุฯ

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ: ‘กึ นุ โขมฺหิ โจทิโต โจทเกน อญฺเญนญฺญํ ปฏิจรามิ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมมิ, โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตุกโรมี'ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ: ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน อญฺเญนญฺญํ ปฏิจรามิ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมมิ, โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตุกโรมี'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ: ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน น อญฺเญนญฺญํ ปฏิจรามิ, น พหิทฺธา กถํ อปนาเมมิ, น โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตุกโรมี'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุฯ

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ: ‘กึ นุ โขมฺหิ โจทิโต โจทเกน อปทาเน น สมฺปายามี'ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ: ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน อปทาเน น สมฺปายามี'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ: ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน อปทาเน สมฺปายามี'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุฯ

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ: ‘กึ นุ โขมฺหิ มกฺขี ปฬาสี'ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ: ‘มกฺขี โขมฺหิ ปฬาสี'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ: ‘อมกฺขี โขมฺหิ อปฬาสี'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุฯ

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ: ‘กึ นุ โขมฺหิ อิสฺสุกี มจฺฉรี'ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ: ‘อิสฺสุกี โขมฺหิ มจฺฉรี'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ: ‘อนิสฺสุกี โขมฺหิ อมจฺฉรี'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุฯ

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ: ‘กึ นุ โขมฺหิ สโฐ มายาวี'ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ: ‘สโฐ โขมฺหิ มายาวี'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ: ‘อสโฐ โขมฺหิ อมายาวี'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุฯ

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ: ‘กึ นุ โขมฺหิ ถทฺโธ อติมานี'ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ: ‘ถทฺโธ โขมฺหิ อติมานี'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ: ‘อตฺถทฺโธ โขมฺหิ อนติมานี'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุฯ

    ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ: ‘กึ นุ โขมฺหิ สนฺทิฏฺฐิปรามาสี อาธานคฺคาหี ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี'ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ: ‘สนฺทิฏฺฐิปรามาสี โขมฺหิ อาธานคฺคาหี ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ: ‘อสนฺทิฏฺฐิปรามาสี โขมฺหิ อนาธานคฺคาหี สุปฺปฏินิสฺสคฺคี'ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุฯ

    Suppose that, upon checking, a bhikkhu knows that they are attached to their own views, holding them tight, and refusing to let go. Then they should make an effort to give up those bad, unskillful qualities. Suppose that, upon checking, a bhikkhu knows that they’re not attached to their own views, holding them tight, but let them go easily. Then they should meditate with rapture and joy, training day and night in skillful qualities.

    สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน สพฺเพปิเม ปาปเก อกุสเล ธมฺเม อปฺปหีเน อตฺตนิ สมนุปสฺสติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา สพฺเพสํเยว อิเมสํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน สพฺเพปิเม ปาปเก อกุสเล ธมฺเม ปหีเน อตฺตนิ สมนุปสฺสติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ, อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุฯ

    Suppose that, upon checking, a bhikkhu sees that they haven’t given up all these bad, unskillful qualities. Then they should make an effort to give them all up. But suppose that, upon checking, a bhikkhu sees that they have given up all these bad, unskillful qualities. Then they should meditate with rapture and joy, training day and night in skillful qualities.

    เสยฺยถาปิ, อาวุโส, อิตฺถี วา ปุริโส วา, ทหโร ยุวา มณฺฑนชาติโก, อาทาเส วา ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต, อจฺเฉ วา อุทกปตฺเต, สกํ มุขนิมิตฺตํ ปจฺจเวกฺขมาโน, สเจ ตตฺถ ปสฺสติ รชํ วา องฺคณํ วา, ตเสฺสว รชสฺส วา องฺคณสฺส วา ปหานาย วายมติ; โน เจ ตตฺถ ปสฺสติ รชํ วา องฺคณํ วา, เตเนว อตฺตมโน โหติ: ‘ลาภา วต เม, ปริสุทฺธํ วต เม'ติฯ

    Suppose there was a woman or man who was young, youthful, and fond of adornments, and they check their own reflection in a clean bright mirror or a clear bowl of water. If they see any dirt or blemish there, they’d try to remove it. But if they don’t see any dirt or blemish there, they’re happy, thinking: ‘How fortunate that I’m clean!’

    เอวเมว โข, อาวุโส, สเจ ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน สพฺเพปิเม ปาปเก อกุสเล ธมฺเม อปฺปหีเน อตฺตนิ สมนุปสฺสติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา สพฺเพสํเยว อิเมสํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน สพฺเพปิเม ปาปเก อกุสเล ธมฺเม ปหีเน อตฺตนิ สมนุปสฺสติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ, อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสู”ติฯ

    In the same way, suppose that, upon checking, a bhikkhu sees that they haven’t given up all these bad, unskillful qualities. Then they should make an effort to give them all up. But suppose that, upon checking, a bhikkhu sees that they have given up all these bad, unskillful qualities. Then they should meditate with rapture and joy, training day and night in skillful qualities.”

    อิทมโวจายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโนฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ

    This is what Venerable Mahāmoggallāna said. Satisfied, the bhikkhus approved what Venerable Mahāmoggallāna said.

    อนุมานสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ ปญฺจมํฯ





    The authoritative text of the Majjhima Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]


    © 1991-2024 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact