Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya

    ๕. อนุมานสุตฺตํ

    5. Anumānasuttaṃ

    ๑๘๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภเคฺคสุ วิหรติ สุสุมารคิเร 1 เภสกฬาวเน มิคทาเยฯ ตตฺร โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อาวุโส, ภิกฺขโว’’ติฯ ‘‘อาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส ปจฺจโสฺสสุํฯ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เอตทโวจ –

    181. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ āyasmā mahāmoggallāno bhaggesu viharati susumāragire 2 bhesakaḷāvane migadāye. Tatra kho āyasmā mahāmoggallāno bhikkhū āmantesi – ‘‘āvuso, bhikkhavo’’ti. ‘‘Āvuso’’ti kho te bhikkhū āyasmato mahāmoggallānassa paccassosuṃ. Āyasmā mahāmoggallāno etadavoca –

    ‘‘ปวาเรติ เจปิ, อาวุโส, ภิกฺขุ – ‘วทนฺตุ มํ อายสฺมโนฺต, วจนีโยมฺหิ อายสฺมเนฺตหี’ติ, โส จ โหติ ทุพฺพโจ, โทวจสฺสกรเณหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต, อกฺขโม อปฺปทกฺขิณคฺคาหี อนุสาสนิํ, อถ โข นํ สพฺรหฺมจารี น เจว วตฺตพฺพํ มญฺญนฺติ, น จ อนุสาสิตพฺพํ มญฺญนฺติ, น จ ตสฺมิํ ปุคฺคเล วิสฺสาสํ อาปชฺชิตพฺพํ มญฺญนฺติฯ

    ‘‘Pavāreti cepi, āvuso, bhikkhu – ‘vadantu maṃ āyasmanto, vacanīyomhi āyasmantehī’ti, so ca hoti dubbaco, dovacassakaraṇehi dhammehi samannāgato, akkhamo appadakkhiṇaggāhī anusāsaniṃ, atha kho naṃ sabrahmacārī na ceva vattabbaṃ maññanti, na ca anusāsitabbaṃ maññanti, na ca tasmiṃ puggale vissāsaṃ āpajjitabbaṃ maññanti.

    ‘‘กตเม จาวุโส, โทวจสฺสกรณา ธมฺมา? อิธาวุโส, ภิกฺขุ ปาปิโจฺฉ โหติ, ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโตฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ ปาปิโจฺฉ โหติ, ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต – อยมฺปิ ธโมฺม โทวจสฺสกรโณฯ

    ‘‘Katame cāvuso, dovacassakaraṇā dhammā? Idhāvuso, bhikkhu pāpiccho hoti, pāpikānaṃ icchānaṃ vasaṃ gato. Yampāvuso, bhikkhu pāpiccho hoti, pāpikānaṃ icchānaṃ vasaṃ gato – ayampi dhammo dovacassakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อตฺตุกฺกํสโก โหติ ปรวมฺภีฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ อตฺตุกฺกํสโก โหติ ปรวมฺภี – อยมฺปิ ธโมฺม โทวจสฺสกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu attukkaṃsako hoti paravambhī. Yampāvuso, bhikkhu attukkaṃsako hoti paravambhī – ayampi dhammo dovacassakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธาภิภูโตฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธาภิภูโต – อยมฺปิ ธโมฺม โทวจสฺสกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu kodhano hoti kodhābhibhūto. Yampāvuso, bhikkhu kodhano hoti kodhābhibhūto – ayampi dhammo dovacassakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส , ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธเหตุ อุปนาหีฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธเหตุ อุปนาหี – อยมฺปิ ธโมฺม โทวจสฺสกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso , bhikkhu kodhano hoti kodhahetu upanāhī. Yampāvuso, bhikkhu kodhano hoti kodhahetu upanāhī – ayampi dhammo dovacassakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธเหตุ อภิสงฺคีฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธเหตุ อภิสงฺคี – อยมฺปิ ธโมฺม โทวจสฺสกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu kodhano hoti kodhahetu abhisaṅgī. Yampāvuso, bhikkhu kodhano hoti kodhahetu abhisaṅgī – ayampi dhammo dovacassakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธสามนฺตา 3 วาจํ นิจฺฉาเรตาฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตา – อยมฺปิ ธโมฺม โทวจสฺสกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu kodhano hoti kodhasāmantā 4 vācaṃ nicchāretā. Yampāvuso, bhikkhu kodhano hoti kodhasāmantā vācaṃ nicchāretā – ayampi dhammo dovacassakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต 5 โจทเกน โจทกํ ปฎิปฺผรติฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกํ ปฎิปฺผรติ – อยมฺปิ ธโมฺม โทวจสฺสกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu codito 6 codakena codakaṃ paṭippharati. Yampāvuso, bhikkhu codito codakena codakaṃ paṭippharati – ayampi dhammo dovacassakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกํ อปสาเทติฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกํ อปสาเทติ – อยมฺปิ ธโมฺม โทวจสฺสกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu codito codakena codakaṃ apasādeti. Yampāvuso, bhikkhu codito codakena codakaṃ apasādeti – ayampi dhammo dovacassakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ , อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส ปจฺจาโรเปติฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส ปจฺจาโรเปติ – อยมฺปิ ธโมฺม โทวจสฺสกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ , āvuso, bhikkhu codito codakena codakassa paccāropeti. Yampāvuso, bhikkhu codito codakena codakassa paccāropeti – ayampi dhammo dovacassakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน อเญฺญนญฺญํ ปฎิจรติ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ, โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตุกโรติฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน อเญฺญนญฺญํ ปฎิจรติ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ, โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตุกโรติ – อยมฺปิ ธโมฺม โทวจสฺสกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu codito codakena aññenaññaṃ paṭicarati, bahiddhā kathaṃ apanāmeti, kopañca dosañca appaccayañca pātukaroti. Yampāvuso, bhikkhu codito codakena aññenaññaṃ paṭicarati, bahiddhā kathaṃ apanāmeti, kopañca dosañca appaccayañca pātukaroti – ayampi dhammo dovacassakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน อปทาเน น สมฺปายติฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน อปทาเน น สมฺปายติ – อยมฺปิ ธโมฺม โทวจสฺสกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu codito codakena apadāne na sampāyati. Yampāvuso, bhikkhu codito codakena apadāne na sampāyati – ayampi dhammo dovacassakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ มกฺขี โหติ ปฬาสีฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ มกฺขี โหติ ปฬาสี – อยมฺปิ ธโมฺม โทวจสฺสกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu makkhī hoti paḷāsī. Yampāvuso, bhikkhu makkhī hoti paḷāsī – ayampi dhammo dovacassakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อิสฺสุกี โหติ มจฺฉรีฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ อิสฺสุกี โหติ มจฺฉรี – อยมฺปิ ธโมฺม โทวจสฺสกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu issukī hoti maccharī. Yampāvuso, bhikkhu issukī hoti maccharī – ayampi dhammo dovacassakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ สโฐ โหติ มายาวีฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ สโฐ โหติ มายาวี – อยมฺปิ ธโมฺม โทวจสฺสกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu saṭho hoti māyāvī. Yampāvuso, bhikkhu saṭho hoti māyāvī – ayampi dhammo dovacassakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ถโทฺธ โหติ อติมานีฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ ถโทฺธ โหติ อติมานี – อยมฺปิ ธโมฺม โทวจสฺสกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu thaddho hoti atimānī. Yampāvuso, bhikkhu thaddho hoti atimānī – ayampi dhammo dovacassakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ สนฺทิฎฺฐิปรามาสี โหติ อาธานคฺคาหี ทุปฺปฎินิสฺสคฺคีฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ สนฺทิฎฺฐิปรามาสี โหติ อาธานคฺคาหี ทุปฺปฎินิสฺสคฺคี – อยมฺปิ ธโมฺม โทวจสฺสกรโณฯ อิเม วุจฺจนฺตาวุโส, โทวจสฺสกรณา ธมฺมาฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu sandiṭṭhiparāmāsī hoti ādhānaggāhī duppaṭinissaggī. Yampāvuso, bhikkhu sandiṭṭhiparāmāsī hoti ādhānaggāhī duppaṭinissaggī – ayampi dhammo dovacassakaraṇo. Ime vuccantāvuso, dovacassakaraṇā dhammā.

    ๑๘๒. ‘‘โน เจปิ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปวาเรติ – ‘วทนฺตุ มํ อายสฺมโนฺต, วจนีโยมฺหิ อายสฺมเนฺตหี’ติ, โส จ โหติ สุวโจ, โสวจสฺสกรเณหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต, ขโม ปทกฺขิณคฺคาหี อนุสาสนิํ, อถ โข นํ สพฺรหฺมจารี วตฺตพฺพเญฺจว มญฺญนฺติ, อนุสาสิตพฺพญฺจ มญฺญนฺติ, ตสฺมิญฺจ ปุคฺคเล วิสฺสาสํ อาปชฺชิตพฺพํ มญฺญนฺติฯ

    182. ‘‘No cepi, āvuso, bhikkhu pavāreti – ‘vadantu maṃ āyasmanto, vacanīyomhi āyasmantehī’ti, so ca hoti suvaco, sovacassakaraṇehi dhammehi samannāgato, khamo padakkhiṇaggāhī anusāsaniṃ, atha kho naṃ sabrahmacārī vattabbañceva maññanti, anusāsitabbañca maññanti, tasmiñca puggale vissāsaṃ āpajjitabbaṃ maññanti.

    ‘‘กตเม จาวุโส, โสวจสฺสกรณา ธมฺมา? อิธาวุโส, ภิกฺขุ น ปาปิโจฺฉ โหติ, น ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโตฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ น ปาปิโจฺฉ โหติ น ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต – อยมฺปิ ธโมฺม โสวจสฺสกรโณฯ

    ‘‘Katame cāvuso, sovacassakaraṇā dhammā? Idhāvuso, bhikkhu na pāpiccho hoti, na pāpikānaṃ icchānaṃ vasaṃ gato. Yampāvuso, bhikkhu na pāpiccho hoti na pāpikānaṃ icchānaṃ vasaṃ gato – ayampi dhammo sovacassakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อนตฺตุกฺกํสโก โหติ อปรวมฺภีฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ อนตฺตุกฺกํสโก โหติ อปรวมฺภี – อยมฺปิ ธโมฺม โสวจสฺสกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu anattukkaṃsako hoti aparavambhī. Yampāvuso, bhikkhu anattukkaṃsako hoti aparavambhī – ayampi dhammo sovacassakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธาภิภูโตฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธาภิภูโต – อยมฺปิ ธโมฺม โสวจสฺสกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu na kodhano hoti na kodhābhibhūto. Yampāvuso, bhikkhu na kodhano hoti na kodhābhibhūto – ayampi dhammo sovacassakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธเหตุ อุปนาหีฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธเหตุ อุปนาหี – อยมฺปิ ธโมฺม โสวจสฺสกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu na kodhano hoti na kodhahetu upanāhī. Yampāvuso, bhikkhu na kodhano hoti na kodhahetu upanāhī – ayampi dhammo sovacassakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธเหตุ อภิสงฺคีฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธเหตุ อภิสงฺคี – อยมฺปิ ธโมฺม โสวจสฺสกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu na kodhano hoti na kodhahetu abhisaṅgī. Yampāvuso, bhikkhu na kodhano hoti na kodhahetu abhisaṅgī – ayampi dhammo sovacassakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตาฯ ยมฺปาวุโส , ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตา – อยมฺปิ ธโมฺม โสวจสฺสกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu na kodhano hoti na kodhasāmantā vācaṃ nicchāretā. Yampāvuso , bhikkhu na kodhano hoti na kodhasāmantā vācaṃ nicchāretā – ayampi dhammo sovacassakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกํ นปฺปฎิปฺผรติฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกํ นปฺปฎิปฺผรติ – อยมฺปิ ธโมฺม โสวจสฺสกรโณ ฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu codito codakena codakaṃ nappaṭippharati. Yampāvuso, bhikkhu codito codakena codakaṃ nappaṭippharati – ayampi dhammo sovacassakaraṇo .

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกํ น อปสาเทติฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกํ น อปสาเทติ – อยมฺปิ ธโมฺม โสวจสฺสกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu codito codakena codakaṃ na apasādeti. Yampāvuso, bhikkhu codito codakena codakaṃ na apasādeti – ayampi dhammo sovacassakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส น ปจฺจาโรเปติฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส น ปจฺจาโรเปติ – อยมฺปิ ธโมฺม โสวจสฺสกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu codito codakena codakassa na paccāropeti. Yampāvuso, bhikkhu codito codakena codakassa na paccāropeti – ayampi dhammo sovacassakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน น อเญฺญนญฺญํ ปฎิจรติ, น พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ, น โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตุกโรติฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน น อเญฺญนญฺญํ ปฎิจรติ, น พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ, น โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตุกโรติ – อยมฺปิ ธโมฺม โสวจสฺสกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu codito codakena na aññenaññaṃ paṭicarati, na bahiddhā kathaṃ apanāmeti, na kopañca dosañca appaccayañca pātukaroti. Yampāvuso, bhikkhu codito codakena na aññenaññaṃ paṭicarati, na bahiddhā kathaṃ apanāmeti, na kopañca dosañca appaccayañca pātukaroti – ayampi dhammo sovacassakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน อปทาเน สมฺปายติฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน อปทาเน สมฺปายติ – อยมฺปิ ธโมฺม โสวจสฺสกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu codito codakena apadāne sampāyati. Yampāvuso, bhikkhu codito codakena apadāne sampāyati – ayampi dhammo sovacassakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อมกฺขี โหติ อปฬาสีฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ อมกฺขี โหติ อปฬาสี – อยมฺปิ ธโมฺม โสวจสฺสกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu amakkhī hoti apaḷāsī. Yampāvuso, bhikkhu amakkhī hoti apaḷāsī – ayampi dhammo sovacassakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อนิสฺสุกี โหติ อมจฺฉรีฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ อนิสฺสุกี โหติ อมจฺฉรี – อยมฺปิ ธโมฺม โสวจสฺสกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu anissukī hoti amaccharī. Yampāvuso, bhikkhu anissukī hoti amaccharī – ayampi dhammo sovacassakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อสโฐ โหติ อมายาวีฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ อสโฐ โหติ อมายาวี – อยมฺปิ ธโมฺม โสวจสฺสกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu asaṭho hoti amāyāvī. Yampāvuso, bhikkhu asaṭho hoti amāyāvī – ayampi dhammo sovacassakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อตฺถโทฺธ โหติ อนติมานีฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ อตฺถโทฺธ โหติ อนติมานี – อยมฺปิ ธโมฺม โสวจสฺสกรโณฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu atthaddho hoti anatimānī. Yampāvuso, bhikkhu atthaddho hoti anatimānī – ayampi dhammo sovacassakaraṇo.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อสนฺทิฎฺฐิปรามาสี โหติ อนาธานคฺคาหี สุปฺปฎินิสฺสคฺคีฯ ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ อสนฺทิฎฺฐิปรามาสี โหติ, อนาธานคฺคาหี สุปฺปฎินิสฺสคฺคี – อยมฺปิ ธโมฺม โสวจสฺสกรโณฯ อิเม วุจฺจนฺตาวุโส, โสวจสฺสกรณา ธมฺมาฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu asandiṭṭhiparāmāsī hoti anādhānaggāhī suppaṭinissaggī. Yampāvuso, bhikkhu asandiṭṭhiparāmāsī hoti, anādhānaggāhī suppaṭinissaggī – ayampi dhammo sovacassakaraṇo. Ime vuccantāvuso, sovacassakaraṇā dhammā.

    ๑๘๓. ‘‘ตตฺราวุโส , ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ อนุมินิตพฺพํ 7 – ‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล ปาปิโจฺฉ, ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหเญฺจว โข ปนสฺสํ ปาปิโจฺฉ ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติฯ เอวํ ชานเนฺตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘น ปาปิโจฺฉ ภวิสฺสามิ, น ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    183. ‘‘Tatrāvuso , bhikkhunā attanāva attānaṃ evaṃ anuminitabbaṃ 8 – ‘yo khvāyaṃ puggalo pāpiccho, pāpikānaṃ icchānaṃ vasaṃ gato, ayaṃ me puggalo appiyo amanāpo; ahañceva kho panassaṃ pāpiccho pāpikānaṃ icchānaṃ vasaṃ gato, ahaṃpāssaṃ paresaṃ appiyo amanāpo’ti. Evaṃ jānantenāvuso, bhikkhunā ‘na pāpiccho bhavissāmi, na pāpikānaṃ icchānaṃ vasaṃ gato’ti cittaṃ uppādetabbaṃ.

    ‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล อตฺตุกฺกํสโก ปรวมฺภี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหเญฺจว โข ปนสฺสํ อตฺตุกฺกํสโก ปรวมฺภี, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติฯ เอวํ ชานเนฺตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘อนตฺตุกฺกํสโก ภวิสฺสามิ อปรวมฺภี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    ‘‘‘Yo khvāyaṃ puggalo attukkaṃsako paravambhī, ayaṃ me puggalo appiyo amanāpo; ahañceva kho panassaṃ attukkaṃsako paravambhī, ahaṃpāssaṃ paresaṃ appiyo amanāpo’ti. Evaṃ jānantenāvuso, bhikkhunā ‘anattukkaṃsako bhavissāmi aparavambhī’ti cittaṃ uppādetabbaṃ.

    ‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โกธโน โกธาภิภูโต, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโปฯ อหเญฺจว โข ปนสฺสํ โกธโน โกธาภิภูโต, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติฯ เอวํ ชานเนฺตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘น โกธโน ภวิสฺสามิ น โกธาภิภูโต’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    ‘‘‘Yo khvāyaṃ puggalo kodhano kodhābhibhūto, ayaṃ me puggalo appiyo amanāpo. Ahañceva kho panassaṃ kodhano kodhābhibhūto, ahaṃpāssaṃ paresaṃ appiyo amanāpo’ti. Evaṃ jānantenāvuso, bhikkhunā ‘na kodhano bhavissāmi na kodhābhibhūto’ti cittaṃ uppādetabbaṃ.

    ‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โกธโน โกธเหตุ อุปนาหี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหเญฺจว โข ปนสฺสํ โกธโน โกธเหตุ อุปนาหี, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติฯ เอวํ ชานเนฺตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘น โกธโน ภวิสฺสามิ น โกธเหตุ อุปนาหี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    ‘‘‘Yo khvāyaṃ puggalo kodhano kodhahetu upanāhī, ayaṃ me puggalo appiyo amanāpo; ahañceva kho panassaṃ kodhano kodhahetu upanāhī, ahaṃpāssaṃ paresaṃ appiyo amanāpo’ti. Evaṃ jānantenāvuso, bhikkhunā ‘na kodhano bhavissāmi na kodhahetu upanāhī’ti cittaṃ uppādetabbaṃ.

    ‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โกธโน โกธเหตุ อภิสงฺคี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหเญฺจว โข ปนสฺสํ โกธโน โกธเหตุ อภิสงฺคี, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติฯ เอวํ ชานเนฺตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘น โกธโน ภวิสฺสามิ น โกธเหตุ อภิสงฺคี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    ‘‘‘Yo khvāyaṃ puggalo kodhano kodhahetu abhisaṅgī, ayaṃ me puggalo appiyo amanāpo; ahañceva kho panassaṃ kodhano kodhahetu abhisaṅgī, ahaṃpāssaṃ paresaṃ appiyo amanāpo’ti. Evaṃ jānantenāvuso, bhikkhunā ‘na kodhano bhavissāmi na kodhahetu abhisaṅgī’ti cittaṃ uppādetabbaṃ.

    ‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โกธโน โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตา, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหเญฺจว โข ปนสฺสํ โกธโน โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตา, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติฯ เอวํ ชานเนฺตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘น โกธโน ภวิสฺสามิ น โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรสฺสามี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    ‘‘‘Yo khvāyaṃ puggalo kodhano kodhasāmantā vācaṃ nicchāretā, ayaṃ me puggalo appiyo amanāpo; ahañceva kho panassaṃ kodhano kodhasāmantā vācaṃ nicchāretā, ahaṃpāssaṃ paresaṃ appiyo amanāpo’ti. Evaṃ jānantenāvuso, bhikkhunā ‘na kodhano bhavissāmi na kodhasāmantā vācaṃ nicchāressāmī’ti cittaṃ uppādetabbaṃ.

    ‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โจทิโต โจทเกน โจทกํ ปฎิปฺผรติ, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหเญฺจว โข ปน โจทิโต โจทเกน โจทกํ ปฎิปฺผเรยฺยํ , อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติฯ เอวํ ชานเนฺตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘โจทิโต โจทเกน โจทกํ นปฺปฎิปฺผริสฺสามี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    ‘‘‘Yo khvāyaṃ puggalo codito codakena codakaṃ paṭippharati, ayaṃ me puggalo appiyo amanāpo; ahañceva kho pana codito codakena codakaṃ paṭipphareyyaṃ , ahaṃpāssaṃ paresaṃ appiyo amanāpo’ti. Evaṃ jānantenāvuso, bhikkhunā ‘codito codakena codakaṃ nappaṭippharissāmī’ti cittaṃ uppādetabbaṃ.

    ‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โจทิโต โจทเกน โจทกํ อปสาเทติ, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหเญฺจว โข ปน โจทิโต โจทเกน โจทกํ อปสาเทยฺยํ, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติฯ เอวํ ชานเนฺตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘โจทิโต โจทเกน โจทกํ น อปสาเทสฺสามี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    ‘‘‘Yo khvāyaṃ puggalo codito codakena codakaṃ apasādeti, ayaṃ me puggalo appiyo amanāpo; ahañceva kho pana codito codakena codakaṃ apasādeyyaṃ, ahaṃpāssaṃ paresaṃ appiyo amanāpo’ti. Evaṃ jānantenāvuso, bhikkhunā ‘codito codakena codakaṃ na apasādessāmī’ti cittaṃ uppādetabbaṃ.

    ‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส ปจฺจาโรเปติ, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหเญฺจว โข ปน โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส ปจฺจาโรเปยฺยํ, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติฯ เอวํ ชานเนฺตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส น ปจฺจาโรเปสฺสามี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    ‘‘‘Yo khvāyaṃ puggalo codito codakena codakassa paccāropeti, ayaṃ me puggalo appiyo amanāpo; ahañceva kho pana codito codakena codakassa paccāropeyyaṃ, ahaṃpāssaṃ paresaṃ appiyo amanāpo’ti. Evaṃ jānantenāvuso, bhikkhunā ‘codito codakena codakassa na paccāropessāmī’ti cittaṃ uppādetabbaṃ.

    ‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โจทิโต โจทเกน อเญฺญนญฺญํ ปฎิจรติ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ, โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตุกโรติ, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหเญฺจว โข ปน โจทิโต โจทเกน อเญฺญนญฺญํ ปฎิจเรยฺยํ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมยฺยํ , โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตุกเรยฺยํ, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติฯ เอวํ ชานเนฺตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘โจทิโต โจทเกน น อเญฺญนญฺญํ ปฎิจริสฺสามิ, น พหิทฺธา กถํ อปนาเมสฺสามิ, น โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตุกริสฺสามี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    ‘‘‘Yo khvāyaṃ puggalo codito codakena aññenaññaṃ paṭicarati, bahiddhā kathaṃ apanāmeti, kopañca dosañca appaccayañca pātukaroti, ayaṃ me puggalo appiyo amanāpo; ahañceva kho pana codito codakena aññenaññaṃ paṭicareyyaṃ, bahiddhā kathaṃ apanāmeyyaṃ , kopañca dosañca appaccayañca pātukareyyaṃ, ahaṃpāssaṃ paresaṃ appiyo amanāpo’ti. Evaṃ jānantenāvuso, bhikkhunā ‘codito codakena na aññenaññaṃ paṭicarissāmi, na bahiddhā kathaṃ apanāmessāmi, na kopañca dosañca appaccayañca pātukarissāmī’ti cittaṃ uppādetabbaṃ.

    ‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โจทิโต โจทเกน อปทาเน น สมฺปายติ, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหเญฺจว โข ปน โจทิโต โจทเกน อปทาเน น สมฺปาเยยฺยํ, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติฯ เอวํ ชานเนฺตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘โจทิโต โจทเกน อปทาเน สมฺปายิสฺสามี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    ‘‘‘Yo khvāyaṃ puggalo codito codakena apadāne na sampāyati, ayaṃ me puggalo appiyo amanāpo; ahañceva kho pana codito codakena apadāne na sampāyeyyaṃ, ahaṃpāssaṃ paresaṃ appiyo amanāpo’ti. Evaṃ jānantenāvuso, bhikkhunā ‘codito codakena apadāne sampāyissāmī’ti cittaṃ uppādetabbaṃ.

    ‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล มกฺขี ปฬาสี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหเญฺจว โข ปนสฺสํ มกฺขี ปฬาสี, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติฯ เอวํ ชานเนฺตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘อมกฺขี ภวิสฺสามิ อปฬาสี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    ‘‘‘Yo khvāyaṃ puggalo makkhī paḷāsī, ayaṃ me puggalo appiyo amanāpo; ahañceva kho panassaṃ makkhī paḷāsī, ahaṃpāssaṃ paresaṃ appiyo amanāpo’ti. Evaṃ jānantenāvuso, bhikkhunā ‘amakkhī bhavissāmi apaḷāsī’ti cittaṃ uppādetabbaṃ.

    ‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล อิสฺสุกี มจฺฉรี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหเญฺจว โข ปนสฺสํ อิสฺสุกี มจฺฉรี, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติฯ เอวํ ชานเนฺตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘อนิสฺสุกี ภวิสฺสามิ อมจฺฉรี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    ‘‘‘Yo khvāyaṃ puggalo issukī maccharī, ayaṃ me puggalo appiyo amanāpo; ahañceva kho panassaṃ issukī maccharī, ahaṃpāssaṃ paresaṃ appiyo amanāpo’ti. Evaṃ jānantenāvuso, bhikkhunā ‘anissukī bhavissāmi amaccharī’ti cittaṃ uppādetabbaṃ.

    ‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล สโฐ มายาวี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหเญฺจว โข ปนสฺสํ สโฐ มายาวี, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติฯ เอวํ ชานเนฺตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘อสโฐ ภวิสฺสามิ อมายาวี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    ‘‘‘Yo khvāyaṃ puggalo saṭho māyāvī, ayaṃ me puggalo appiyo amanāpo; ahañceva kho panassaṃ saṭho māyāvī, ahaṃpāssaṃ paresaṃ appiyo amanāpo’ti. Evaṃ jānantenāvuso, bhikkhunā ‘asaṭho bhavissāmi amāyāvī’ti cittaṃ uppādetabbaṃ.

    ‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล ถโทฺธ อติมานี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหเญฺจว โข ปนสฺสํ ถโทฺธ อติมานี, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติฯ เอวํ ชานเนฺตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘อตฺถโทฺธ ภวิสฺสามิ อนติมานี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    ‘‘‘Yo khvāyaṃ puggalo thaddho atimānī, ayaṃ me puggalo appiyo amanāpo; ahañceva kho panassaṃ thaddho atimānī, ahaṃpāssaṃ paresaṃ appiyo amanāpo’ti. Evaṃ jānantenāvuso, bhikkhunā ‘atthaddho bhavissāmi anatimānī’ti cittaṃ uppādetabbaṃ.

    ‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล สนฺทิฎฺฐิปรามาสี อาธานคฺคาหี ทุปฺปฎินิสฺสคฺคี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหเญฺจว โข ปนสฺสํ สนฺทิฎฺฐิปรามาสี อาธานคฺคาหี ทุปฺปฎินิสฺสคฺคี, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติฯ เอวํ ชานเนฺตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘อสนฺทิฎฺฐิปรามาสี ภวิสฺสามิ อนาธานคฺคาหี สุปฺปฎินิสฺสคฺคี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํฯ

    ‘‘‘Yo khvāyaṃ puggalo sandiṭṭhiparāmāsī ādhānaggāhī duppaṭinissaggī, ayaṃ me puggalo appiyo amanāpo; ahañceva kho panassaṃ sandiṭṭhiparāmāsī ādhānaggāhī duppaṭinissaggī, ahaṃpāssaṃ paresaṃ appiyo amanāpo’ti. Evaṃ jānantenāvuso, bhikkhunā ‘asandiṭṭhiparāmāsī bhavissāmi anādhānaggāhī suppaṭinissaggī’ti cittaṃ uppādetabbaṃ.

    ๑๘๔. ‘‘ตตฺราวุโส , ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กิํ นุ โขมฺหิ ปาปิโจฺฉ, ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต’ติ? สเจ, อาวุโส , ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘ปาปิโจฺฉ โขมฺหิ, ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘น โขมฺหิ ปาปิโจฺฉ, น ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมเชฺชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ

    184. ‘‘Tatrāvuso , bhikkhunā attanāva attānaṃ evaṃ paccavekkhitabbaṃ – ‘kiṃ nu khomhi pāpiccho, pāpikānaṃ icchānaṃ vasaṃ gato’ti? Sace, āvuso , bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘pāpiccho khomhi, pāpikānaṃ icchānaṃ vasaṃ gato’ti, tenāvuso, bhikkhunā tesaṃyeva pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya vāyamitabbaṃ. Sace panāvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘na khomhi pāpiccho, na pāpikānaṃ icchānaṃ vasaṃ gato’ti, tenāvuso, bhikkhunā teneva pītipāmojjena vihātabbaṃ ahorattānusikkhinā kusalesu dhammesu.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กิํ นุ โขมฺหิ อตฺตุกฺกํสโก ปรวมฺภี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อตฺตุกฺกํสโก โขมฺหิ ปรวมฺภี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อนตฺตุกฺกํสโก โขมฺหิ อปรวมฺภี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมเชฺชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhunā attanāva attānaṃ evaṃ paccavekkhitabbaṃ – ‘kiṃ nu khomhi attukkaṃsako paravambhī’ti? Sace, āvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘attukkaṃsako khomhi paravambhī’ti, tenāvuso, bhikkhunā tesaṃyeva pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya vāyamitabbaṃ. Sace panāvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘anattukkaṃsako khomhi aparavambhī’ti, tenāvuso, bhikkhunā teneva pītipāmojjena vihātabbaṃ ahorattānusikkhinā kusalesu dhammesu.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กิํ นุ โขมฺหิ โกธโน โกธาภิภูโต’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โกธโน โขมฺหิ โกธาภิภูโต’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘น โขมฺหิ โกธโน โกธาภิภูโต’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมเชฺชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhunā attanāva attānaṃ evaṃ paccavekkhitabbaṃ – ‘kiṃ nu khomhi kodhano kodhābhibhūto’ti? Sace, āvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘kodhano khomhi kodhābhibhūto’ti, tenāvuso, bhikkhunā tesaṃyeva pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya vāyamitabbaṃ. Sace panāvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘na khomhi kodhano kodhābhibhūto’ti, tenāvuso, bhikkhunā teneva pītipāmojjena vihātabbaṃ ahorattānusikkhinā kusalesu dhammesu.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กิํ นุ โขมฺหิ โกธโน โกธเหตุ อุปนาหี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ ‘โกธโน โขมฺหิ โกธเหตุ อุปนาหี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ ‘น โขมฺหิ โกธโน โกธเหตุ อุปนาหี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมเชฺชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhunā attanāva attānaṃ evaṃ paccavekkhitabbaṃ – ‘kiṃ nu khomhi kodhano kodhahetu upanāhī’ti? Sace, āvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti ‘kodhano khomhi kodhahetu upanāhī’ti, tenāvuso, bhikkhunā tesaṃyeva pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya vāyamitabbaṃ. Sace panāvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti ‘na khomhi kodhano kodhahetu upanāhī’ti, tenāvuso, bhikkhunā teneva pītipāmojjena vihātabbaṃ ahorattānusikkhinā kusalesu dhammesu.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กิํ นุ โขมฺหิ โกธโน โกธเหตุ อภิสงฺคี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โกธโน โขมฺหิ โกธเหตุ อภิสงฺคี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘น โขมฺหิ โกธโน โกธเหตุ อภิสงฺคี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมเชฺชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhunā attanāva attānaṃ evaṃ paccavekkhitabbaṃ – ‘kiṃ nu khomhi kodhano kodhahetu abhisaṅgī’ti? Sace, āvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘kodhano khomhi kodhahetu abhisaṅgī’ti, tenāvuso, bhikkhunā tesaṃyeva pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya vāyamitabbaṃ. Sace panāvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘na khomhi kodhano kodhahetu abhisaṅgī’ti, tenāvuso, bhikkhunā teneva pītipāmojjena vihātabbaṃ ahorattānusikkhinā kusalesu dhammesu.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กิํ นุ โขมฺหิ โกธโน โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตา’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โกธโน โขมฺหิ โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตา’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘น โขมฺหิ โกธโน โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตา’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมเชฺชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhunā attanāva attānaṃ evaṃ paccavekkhitabbaṃ – ‘kiṃ nu khomhi kodhano kodhasāmantā vācaṃ nicchāretā’ti? Sace, āvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘kodhano khomhi kodhasāmantā vācaṃ nicchāretā’ti, tenāvuso, bhikkhunā tesaṃyeva pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya vāyamitabbaṃ. Sace panāvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘na khomhi kodhano kodhasāmantā vācaṃ nicchāretā’ti, tenāvuso, bhikkhunā teneva pītipāmojjena vihātabbaṃ ahorattānusikkhinā kusalesu dhammesu.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กิํ นุ โขมฺหิ โจทิโต โจทเกน โจทกํ ปฎิปฺผรามี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน โจทกํ ปฎิปฺผรามี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน โจทกํ นปฺปฎิปฺผรามี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมเชฺชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhunā attanāva attānaṃ evaṃ paccavekkhitabbaṃ – ‘kiṃ nu khomhi codito codakena codakaṃ paṭippharāmī’ti? Sace, āvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti ‘codito khomhi codakena codakaṃ paṭippharāmī’ti, tenāvuso, bhikkhunā tesaṃyeva pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya vāyamitabbaṃ. Sace panāvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘codito khomhi codakena codakaṃ nappaṭippharāmī’ti, tenāvuso, bhikkhunā teneva pītipāmojjena vihātabbaṃ ahorattānusikkhinā kusalesu dhammesu.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กิํ นุ โขมฺหิ โจทิโต โจทเกน โจทกํ อปสาเทมี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน โจทกํ อปสาเทมี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน โจทกํ น อปสาเทมี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมเชฺชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhunā attanāva attānaṃ evaṃ paccavekkhitabbaṃ – ‘kiṃ nu khomhi codito codakena codakaṃ apasādemī’ti? Sace, āvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti ‘codito khomhi codakena codakaṃ apasādemī’ti, tenāvuso, bhikkhunā tesaṃyeva pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya vāyamitabbaṃ. Sace panāvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘codito khomhi codakena codakaṃ na apasādemī’ti, tenāvuso, bhikkhunā teneva pītipāmojjena vihātabbaṃ ahorattānusikkhinā kusalesu dhammesu.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กิํ นุ โขมฺหิ โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส ปจฺจาโรเปมี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน โจทกสฺส ปจฺจาโรเปมี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน โจทกสฺส น ปจฺจาโรเปมี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมเชฺชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhunā attanāva attānaṃ evaṃ paccavekkhitabbaṃ – ‘kiṃ nu khomhi codito codakena codakassa paccāropemī’ti? Sace, āvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘codito khomhi codakena codakassa paccāropemī’ti, tenāvuso, bhikkhunā tesaṃyeva pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya vāyamitabbaṃ. Sace panāvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘codito khomhi codakena codakassa na paccāropemī’ti, tenāvuso, bhikkhunā teneva pītipāmojjena vihātabbaṃ ahorattānusikkhinā kusalesu dhammesu.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กิํ นุ โขมฺหิ โจทิโต โจทเกน อเญฺญนญฺญํ ปฎิจรามิ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมมิ, โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตุกโรมี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน อเญฺญนญฺญํ ปฎิจรามิ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมมิ, โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตุกโรมี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน น อเญฺญนญฺญํ ปฎิจรามิ, น พหิทฺธา กถํ อปนาเมมิ, น โกปญฺจ โทสญฺจ อปฺปจฺจยญฺจ ปาตุกโรมี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมเชฺชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhunā attanāva attānaṃ evaṃ paccavekkhitabbaṃ – ‘kiṃ nu khomhi codito codakena aññenaññaṃ paṭicarāmi, bahiddhā kathaṃ apanāmemi, kopañca dosañca appaccayañca pātukaromī’ti? Sace, āvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘codito khomhi codakena aññenaññaṃ paṭicarāmi, bahiddhā kathaṃ apanāmemi, kopañca dosañca appaccayañca pātukaromī’ti, tenāvuso, bhikkhunā tesaṃyeva pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya vāyamitabbaṃ. Sace panāvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘codito khomhi codakena na aññenaññaṃ paṭicarāmi, na bahiddhā kathaṃ apanāmemi, na kopañca dosañca appaccayañca pātukaromī’ti, tenāvuso, bhikkhunā teneva pītipāmojjena vihātabbaṃ ahorattānusikkhinā kusalesu dhammesu.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กิํ นุ โขมฺหิ โจทิโต โจทเกน อปทาเน น สมฺปายามี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน อปทาเน น สมฺปายามี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน อปทาเน สมฺปายามี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมเชฺชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhunā attanāva attānaṃ evaṃ paccavekkhitabbaṃ – ‘kiṃ nu khomhi codito codakena apadāne na sampāyāmī’ti? Sace, āvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘codito khomhi codakena apadāne na sampāyāmī’ti, tenāvuso, bhikkhunā tesaṃyeva pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya vāyamitabbaṃ. Sace panāvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘codito khomhi codakena apadāne sampāyāmī’ti, tenāvuso, bhikkhunā teneva pītipāmojjena vihātabbaṃ ahorattānusikkhinā kusalesu dhammesu.

    ‘‘ปุน จปรํ , อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กิํ นุ โขมฺหิ มกฺขี ปฬาสี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘มกฺขี โขมฺหิ ปฬาสี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อมกฺขี โขมฺหิ อปฬาสี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมเชฺชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ , āvuso, bhikkhunā attanāva attānaṃ evaṃ paccavekkhitabbaṃ – ‘kiṃ nu khomhi makkhī paḷāsī’ti? Sace, āvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘makkhī khomhi paḷāsī’ti, tenāvuso, bhikkhunā tesaṃyeva pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya vāyamitabbaṃ. Sace panāvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘amakkhī khomhi apaḷāsī’ti, tenāvuso, bhikkhunā teneva pītipāmojjena vihātabbaṃ ahorattānusikkhinā kusalesu dhammesu.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กิํ นุ โขมฺหิ อิสฺสุกี มจฺฉรี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อิสฺสุกี โขมฺหิ มจฺฉรี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อนิสฺสุกี โขมฺหิ อมจฺฉรี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมเชฺชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhunā attanāva attānaṃ evaṃ paccavekkhitabbaṃ – ‘kiṃ nu khomhi issukī maccharī’ti? Sace, āvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘issukī khomhi maccharī’ti, tenāvuso, bhikkhunā tesaṃyeva pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya vāyamitabbaṃ. Sace panāvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘anissukī khomhi amaccharī’ti, tenāvuso, bhikkhunā teneva pītipāmojjena vihātabbaṃ ahorattānusikkhinā kusalesu dhammesu.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กิํ นุ โขมฺหิ สโฐ มายาวี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘สโฐ โขมฺหิ มายาวี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อสโฐ โขมฺหิ อมายาวี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมเชฺชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhunā attanāva attānaṃ evaṃ paccavekkhitabbaṃ – ‘kiṃ nu khomhi saṭho māyāvī’ti? Sace, āvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘saṭho khomhi māyāvī’ti, tenāvuso, bhikkhunā tesaṃyeva pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya vāyamitabbaṃ. Sace panāvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘asaṭho khomhi amāyāvī’ti, tenāvuso, bhikkhunā teneva pītipāmojjena vihātabbaṃ ahorattānusikkhinā kusalesu dhammesu.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กิํ นุ โขมฺหิ ถโทฺธ อติมานี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘ถโทฺธ โขมฺหิ อติมานี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อตฺถโทฺธ โขมฺหิ อนติมานี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมเชฺชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhunā attanāva attānaṃ evaṃ paccavekkhitabbaṃ – ‘kiṃ nu khomhi thaddho atimānī’ti? Sace, āvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘thaddho khomhi atimānī’ti, tenāvuso, bhikkhunā tesaṃyeva pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya vāyamitabbaṃ. Sace panāvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘atthaddho khomhi anatimānī’ti, tenāvuso, bhikkhunā teneva pītipāmojjena vihātabbaṃ ahorattānusikkhinā kusalesu dhammesu.

    ‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กิํ นุ โขมฺหิ สนฺทิฎฺฐิปรามาสี อาธานคฺคาหี ทุปฺปฎินิสฺสคฺคี’ติ? สเจ, อาวุโส , ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘สนฺทิฎฺฐิปรามาสี โขมฺหิ อาธานคฺคาหี ทุปฺปฎินิสฺสคฺคี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อสนฺทิฎฺฐิปรามาสี โขมฺหิ อนาธานคฺคาหี สุปฺปฎินิสฺสคฺคี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมเชฺชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhunā attanāva attānaṃ evaṃ paccavekkhitabbaṃ – ‘kiṃ nu khomhi sandiṭṭhiparāmāsī ādhānaggāhī duppaṭinissaggī’ti? Sace, āvuso , bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘sandiṭṭhiparāmāsī khomhi ādhānaggāhī duppaṭinissaggī’ti, tenāvuso, bhikkhunā tesaṃyeva pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya vāyamitabbaṃ. Sace panāvuso, bhikkhu paccavekkhamāno evaṃ jānāti – ‘asandiṭṭhiparāmāsī khomhi anādhānaggāhī suppaṭinissaggī’ti, tenāvuso, bhikkhunā teneva pītipāmojjena vihātabbaṃ ahorattānusikkhinā kusalesu dhammesu.

    ‘‘สเจ , อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน สเพฺพปิเม ปาปเก อกุสเล ธเมฺม อปฺปหีเน อตฺตนิ สมนุปสฺสติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา สเพฺพสํเยว อิเมสํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน สเพฺพปิเม ปาปเก อกุสเล ธเมฺม ปหีเน อตฺตนิ สมนุปสฺสติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมเชฺชน วิหาตพฺพํ, อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ

    ‘‘Sace , āvuso, bhikkhu paccavekkhamāno sabbepime pāpake akusale dhamme appahīne attani samanupassati, tenāvuso, bhikkhunā sabbesaṃyeva imesaṃ pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya vāyamitabbaṃ. Sace panāvuso, bhikkhu paccavekkhamāno sabbepime pāpake akusale dhamme pahīne attani samanupassati, tenāvuso, bhikkhunā teneva pītipāmojjena vihātabbaṃ, ahorattānusikkhinā kusalesu dhammesu.

    ‘‘เสยฺยถาปิ, อาวุโส, อิตฺถี วา ปุริโส วา, ทหโร ยุวา มณฺฑนชาติโก, อาทาเส วา ปริสุเทฺธ ปริโยทาเต, อเจฺฉ วา อุทกปเตฺต, สกํ มุขนิมิตฺตํ ปจฺจเวกฺขมาโน, สเจ ตตฺถ ปสฺสติ รชํ วา องฺคณํ วา, ตเสฺสว รชสฺส วา องฺคณสฺส วา ปหานาย วายมติ; โน เจ ตตฺถ ปสฺสติ รชํ วา องฺคณํ วา, เตเนว อตฺตมโน โหติ – ‘ลาภา วต เม, ปริสุทฺธํ วต เม’ติฯ เอวเมว โข, อาวุโส, สเจ ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน สเพฺพปิเม ปาปเก อกุสเล ธเมฺม อปฺปหีเน อตฺตนิ สมนุปสฺสติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา สเพฺพสํเยว อิเมสํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํฯ สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน สเพฺพปิเม ปาปเก อกุสเล ธเมฺม ปหีเน อตฺตนิ สมนุปสฺสติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมเชฺชน วิหาตพฺพํ, อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธเมฺมสู’’ติฯ

    ‘‘Seyyathāpi, āvuso, itthī vā puriso vā, daharo yuvā maṇḍanajātiko, ādāse vā parisuddhe pariyodāte, acche vā udakapatte, sakaṃ mukhanimittaṃ paccavekkhamāno, sace tattha passati rajaṃ vā aṅgaṇaṃ vā, tasseva rajassa vā aṅgaṇassa vā pahānāya vāyamati; no ce tattha passati rajaṃ vā aṅgaṇaṃ vā, teneva attamano hoti – ‘lābhā vata me, parisuddhaṃ vata me’ti. Evameva kho, āvuso, sace bhikkhu paccavekkhamāno sabbepime pāpake akusale dhamme appahīne attani samanupassati, tenāvuso, bhikkhunā sabbesaṃyeva imesaṃ pāpakānaṃ akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya vāyamitabbaṃ. Sace panāvuso, bhikkhu paccavekkhamāno sabbepime pāpake akusale dhamme pahīne attani samanupassati, tenāvuso, bhikkhunā teneva pītipāmojjena vihātabbaṃ, ahorattānusikkhinā kusalesu dhammesū’’ti.

    อิทมโวจายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโนฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ

    Idamavocāyasmā mahāmoggallāno. Attamanā te bhikkhū āyasmato mahāmoggallānassa bhāsitaṃ abhinandunti.

    อนุมานสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ปญฺจมํฯ

    Anumānasuttaṃ niṭṭhitaṃ pañcamaṃ.







    Footnotes:
    1. สุํสุมารคิเร (สี. สฺยา. ปี.)
    2. suṃsumāragire (sī. syā. pī.)
    3. โกธสามนฺตํ (สฺยา. ปี. ก.)
    4. kodhasāmantaṃ (syā. pī. ka.)
    5. จุทิโต (สี. สฺยา. ปี.)
    6. cudito (sī. syā. pī.)
    7. อนุมานิตพฺพํ (สี.)
    8. anumānitabbaṃ (sī.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๕. อนุมานสุตฺตวณฺณนา • 5. Anumānasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๕. อนุมานสุตฺตวณฺณนา • 5. Anumānasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact