Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā)

    ๒. อนุปทวโคฺค

    2. Anupadavaggo

    ๑. อนุปทสุตฺตวณฺณนา

    1. Anupadasuttavaṇṇanā

    ๙๓. เอวํ เม สุตนฺติ อนุปทสุตฺตํฯ ตตฺถ เอตทโวจาติ เอตํ (ปฎิ. ม. ๓.๔) ‘‘ปณฺฑิโต’’ติอาทินา นเยน ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตเตฺถรสฺส คุณกถํ อโวจฯ กสฺมา? อวเสสเตฺถเรสุ หิ มหาโมคฺคลฺลานเตฺถรสฺส อิทฺธิมาติ คุโณ ปากโฎ, มหากสฺสปสฺส ธุตวาโทติ, อนุรุทฺธเตฺถรสฺส ทิพฺพจกฺขุโกติ, อุปาลิเตฺถรสฺส วินยธโรติ, เรวตเตฺถรสฺส ฌายี ฌานาภิรโตติ, อานนฺทเตฺถรสฺส พหุสฺสุโตติฯ เอวํ เตสํ เตสํ เถรานํ เต เต คุณา ปากฎา, สาริปุตฺตเตฺถรสฺส ปน อปากฎาฯ กสฺมา? ปญฺญวโต หิ คุณา น สกฺกา อกถิตา ชานิตุํฯ อิติ ภควา ‘‘สาริปุตฺตสฺส คุเณ กเถสฺสามี’’ติ สภาคปริสาย สนฺนิปาตํ อาคเมสิฯ วิสภาคปุคฺคลานญฺหิ สนฺติเก วณฺณํ กเถตุํ น วฎฺฎติ, เต วเณฺณ กถิยมาเน อวณฺณเมว กเถนฺติฯ อิมสฺมิํ ปน ทิวเส เถรสฺส สภาคปริสา สนฺนิปติ, ตสฺสา สนฺนิปติตภาวํ ทิสฺวา สตฺถา วณฺณํ กเถโนฺต อิมํ เทสนํ อารภิฯ

    93.Evaṃme sutanti anupadasuttaṃ. Tattha etadavocāti etaṃ (paṭi. ma. 3.4) ‘‘paṇḍito’’tiādinā nayena dhammasenāpatisāriputtattherassa guṇakathaṃ avoca. Kasmā? Avasesattheresu hi mahāmoggallānattherassa iddhimāti guṇo pākaṭo, mahākassapassa dhutavādoti, anuruddhattherassa dibbacakkhukoti, upālittherassa vinayadharoti, revatattherassa jhāyī jhānābhiratoti, ānandattherassa bahussutoti. Evaṃ tesaṃ tesaṃ therānaṃ te te guṇā pākaṭā, sāriputtattherassa pana apākaṭā. Kasmā? Paññavato hi guṇā na sakkā akathitā jānituṃ. Iti bhagavā ‘‘sāriputtassa guṇe kathessāmī’’ti sabhāgaparisāya sannipātaṃ āgamesi. Visabhāgapuggalānañhi santike vaṇṇaṃ kathetuṃ na vaṭṭati, te vaṇṇe kathiyamāne avaṇṇameva kathenti. Imasmiṃ pana divase therassa sabhāgaparisā sannipati, tassā sannipatitabhāvaṃ disvā satthā vaṇṇaṃ kathento imaṃ desanaṃ ārabhi.

    ตตฺถ ปณฺฑิโตติ ธาตุกุสลตา อายตนกุสลตา ปฎิจฺจสมุปฺปาทกุสลตา ฐานาฎฺฐานกุสลตาติ อิเมหิ จตูหิ การเณหิ ปณฺฑิโตฯ มหาปโญฺญติอาทีสุ มหาปญฺญาทีหิ สมนฺนาคโตติ อโตฺถฯ

    Tattha paṇḍitoti dhātukusalatā āyatanakusalatā paṭiccasamuppādakusalatā ṭhānāṭṭhānakusalatāti imehi catūhi kāraṇehi paṇḍito. Mahāpaññotiādīsu mahāpaññādīhi samannāgatoti attho.

    ตตฺริทํ มหาปญฺญาทีนํ นานตฺตํ – ตตฺถ กตมา มหาปญฺญา? มหเนฺต สีลกฺขเนฺธ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญา, มหเนฺต สมาธิกฺขเนฺธ, ปญฺญากฺขเนฺธ, วิมุตฺติกฺขเนฺธ, วิมุตฺติญาณทสฺสนกฺขเนฺธ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญา, มหนฺตานิ ฐานาฎฺฐานานิ, มหนฺตา วิหารสมาปตฺติโย , มหนฺตานิ อริยสจฺจานิ, มหเนฺต สติปฎฺฐาเน, สมฺมปฺปธาเน, อิทฺธิปาเท, มหนฺตานิ อินฺทฺริยานิ, พลานิ, โพชฺฌงฺคานิ, มหเนฺต อริยมเคฺค, มหนฺตานิ สามญฺญผลานิ, มหนฺตา อภิญฺญาโย, มหนฺตํ ปรมตฺถํ นิพฺพานํ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญาฯ

    Tatridaṃ mahāpaññādīnaṃ nānattaṃ – tattha katamā mahāpaññā? Mahante sīlakkhandhe pariggaṇhātīti mahāpaññā, mahante samādhikkhandhe, paññākkhandhe, vimuttikkhandhe, vimuttiñāṇadassanakkhandhe pariggaṇhātīti mahāpaññā, mahantāni ṭhānāṭṭhānāni, mahantā vihārasamāpattiyo , mahantāni ariyasaccāni, mahante satipaṭṭhāne, sammappadhāne, iddhipāde, mahantāni indriyāni, balāni, bojjhaṅgāni, mahante ariyamagge, mahantāni sāmaññaphalāni, mahantā abhiññāyo, mahantaṃ paramatthaṃ nibbānaṃ pariggaṇhātīti mahāpaññā.

    กตมา ปุถุปญฺญา, ปุถุ นานาขเนฺธสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญาฯ ปุถุ นานาธาตูสุ, ปุถุ นานาอายตเนสุ, ปุถุ นานาอเตฺถสุ, ปุถุ นานาปฎิจฺจสมุปฺปาเทสุ, ปุถุ นานาสุญฺญตมนุปลเพฺภสุ, ปุถุ นานาอเตฺถสุ, ธเมฺมสุ, นิรุตฺตีสุ, ปฎิภาเนสุ, ปุถุ นานาสีลกฺขเนฺธสุ, ปุถุ นานาสมาธิ-ปญฺญา-วิมุตฺติ-วิมุตฺติญาณทสฺสนกฺขเนฺธสุ, ปุถุ นานาฐานาฎฺฐาเนสุ, ปุถุ นานาวิหารสมาปตฺตีสุ, ปุถุ นานาอริยสเจฺจสุ, ปุถุ นานาสติปฎฺฐาเนสุ, สมฺมปฺปธาเนสุ, อิทฺธิปาเทสุ, อินฺทฺริเยสุ, พเลสุ, โพชฺฌเงฺคสุ, ปุถุ นานาอริยมเคฺคสุ, สามญฺญผเลสุ, อภิญฺญาสุ, ปุถุ นานาชนสาธารเณ ธเมฺม สมติกฺกมฺม ปรมเตฺถ นิพฺพาเน ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญาฯ

    Katamā puthupaññā, puthu nānākhandhesu ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā. Puthu nānādhātūsu, puthu nānāāyatanesu, puthu nānāatthesu, puthu nānāpaṭiccasamuppādesu, puthu nānāsuññatamanupalabbhesu, puthu nānāatthesu, dhammesu, niruttīsu, paṭibhānesu, puthu nānāsīlakkhandhesu, puthu nānāsamādhi-paññā-vimutti-vimuttiñāṇadassanakkhandhesu, puthu nānāṭhānāṭṭhānesu, puthu nānāvihārasamāpattīsu, puthu nānāariyasaccesu, puthu nānāsatipaṭṭhānesu, sammappadhānesu, iddhipādesu, indriyesu, balesu, bojjhaṅgesu, puthu nānāariyamaggesu, sāmaññaphalesu, abhiññāsu, puthu nānājanasādhāraṇe dhamme samatikkamma paramatthe nibbāne ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā.

    กตมา หาสปญฺญา, อิเธกโจฺจ หาสพหุโล เวทพหุโล ตุฎฺฐิพหุโล ปาโมชฺชพหุโล สีลํ ปริปูเรติ, อินฺทฺริยสํวรํ ปริปูเรติ, โภชเน มตฺตญฺญุตํ, ชาคริยานุโยคํ, สีลกฺขนฺธํ, สมาธิกฺขนฺธํ, ปญฺญากฺขนฺธํ, วิมุตฺติกฺขนฺธํ, วิมุตฺติญาณทสฺสนกฺขนฺธํ ปริปูเรตีติ หาสปญฺญาฯ หาสพหุโล ปาโมชฺชพหุโล ฐานาฎฺฐานํ ปฎิวิชฺฌติ, หาสพหุโล วิหารสมาปตฺติโย ปริปูเรตีติ หาสปญฺญา, หาสพหุโล อริยสจฺจานิ ปฎิวิชฺฌติฯ สติปฎฺฐาเน, สมฺมปฺปธาเน, อิทฺธิปาเท, อินฺทฺริยานิ, พลานิ, โพชฺฌงฺคานิ, อริยมคฺคํ ภาเวตีติ หาสปญฺญา, หาสพหุโล สามญฺญผลานิ สจฺฉิกโรติ, อภิญฺญาโย ปฎิวิชฺฌตีติ หาสปญฺญา, หาสพหุโล เวทตุฎฺฐิปาโมชฺชพหุโล ปรมตฺถํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรตีติ หาสปญฺญาฯ

    Katamā hāsapaññā, idhekacco hāsabahulo vedabahulo tuṭṭhibahulo pāmojjabahulo sīlaṃ paripūreti, indriyasaṃvaraṃ paripūreti, bhojane mattaññutaṃ, jāgariyānuyogaṃ, sīlakkhandhaṃ, samādhikkhandhaṃ, paññākkhandhaṃ, vimuttikkhandhaṃ, vimuttiñāṇadassanakkhandhaṃ paripūretīti hāsapaññā. Hāsabahulo pāmojjabahulo ṭhānāṭṭhānaṃ paṭivijjhati, hāsabahulo vihārasamāpattiyo paripūretīti hāsapaññā, hāsabahulo ariyasaccāni paṭivijjhati. Satipaṭṭhāne, sammappadhāne, iddhipāde, indriyāni, balāni, bojjhaṅgāni, ariyamaggaṃ bhāvetīti hāsapaññā, hāsabahulo sāmaññaphalāni sacchikaroti, abhiññāyo paṭivijjhatīti hāsapaññā, hāsabahulo vedatuṭṭhipāmojjabahulo paramatthaṃ nibbānaṃ sacchikarotīti hāsapaññā.

    กตมา ชวนปญฺญา, ยํกิญฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ…เป.… ยํ ทูเร สนฺติเก วา, สพฺพํ รูปํ อนิจฺจโต ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ ทุกฺขโต ขิปฺปํ… อนตฺตโต ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ ยา กาจิ เวทนา…เป.… ยํกิญฺจิ วิญฺญาณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ…เป.… สพฺพํ วิญฺญาณํ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ จกฺขุ…เป.… ชรามรณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจํ ขยเฎฺฐน, ทุกฺขํ ภยเฎฺฐน, อนตฺตา อสารกเฎฺฐนาติ ตุลยิตฺวา ตีรยิตฺวา วิภาวยิตฺวา วิภูตํ กตฺวา รูปนิโรเธ นิพฺพาเน ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ เวทนา, สญฺญา, สงฺขารา, วิญฺญาณํ , จกฺขุ…เป.… ชรามรณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจํ ขยเฎฺฐน…เป.… วิภูตํ กตฺวา ชรามรณนิโรเธ นิพฺพาเน ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ…เป.… วิญฺญาณํฯ จกฺขุ…เป.… ชรามรณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจํ สงฺขตํ ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนํ ขยธมฺมํ วยธมฺมํ วิราคธมฺมํ นิโรธธมฺมนฺติ ตุลยิตฺวา ตีรยิตฺวา วิภาวยิตฺวา วิภูตํ กตฺวา ชรามรณนิโรเธ นิพฺพาเน ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ

    Katamā javanapaññā, yaṃkiñci rūpaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ…pe… yaṃ dūre santike vā, sabbaṃ rūpaṃ aniccato khippaṃ javatīti javanapaññā. Dukkhato khippaṃ… anattato khippaṃ javatīti javanapaññā. Yā kāci vedanā…pe… yaṃkiñci viññāṇaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ…pe… sabbaṃ viññāṇaṃ aniccato dukkhato anattato khippaṃ javatīti javanapaññā. Cakkhu…pe… jarāmaraṇaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ aniccato dukkhato anattato khippaṃ javatīti javanapaññā. Rūpaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ aniccaṃ khayaṭṭhena, dukkhaṃ bhayaṭṭhena, anattā asārakaṭṭhenāti tulayitvā tīrayitvā vibhāvayitvā vibhūtaṃ katvā rūpanirodhe nibbāne khippaṃ javatīti javanapaññā. Vedanā, saññā, saṅkhārā, viññāṇaṃ , cakkhu…pe… jarāmaraṇaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ aniccaṃ khayaṭṭhena…pe… vibhūtaṃ katvā jarāmaraṇanirodhe nibbāne khippaṃ javatīti javanapaññā. Rūpaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ…pe… viññāṇaṃ. Cakkhu…pe… jarāmaraṇaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ aniccaṃ saṅkhataṃ paṭiccasamuppannaṃ khayadhammaṃ vayadhammaṃ virāgadhammaṃ nirodhadhammanti tulayitvā tīrayitvā vibhāvayitvā vibhūtaṃ katvā jarāmaraṇanirodhe nibbāne khippaṃ javatīti javanapaññā.

    กตมา ติกฺขปญฺญา, ขิปฺปํ กิเลเส ฉินฺทตีติ ติกฺขปญฺญาฯ อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสติ, อุปฺปนฺนํ พฺยาปาทวิตกฺกํ, อุปฺปนฺนํ วิหิํสาวิตกฺกํ, อุปฺปนฺนุปฺปเนฺน ปาปเก อกุสเล ธเมฺม, อุปฺปนฺนํ ราคํ, โทสํ, โมหํ, โกธํ, อุปนาหํ, มกฺขํ, ปฬาสํ, อิสฺสํ, มจฺฉริยํ, มายํ, สาเฐยฺยํ, ถมฺภํ, สารมฺภํ, มานํ, อติมานํ, มทํ, ปมาทํ, สเพฺพ กิเลเส, สเพฺพ ทุจฺจริเต, สเพฺพ อภิสงฺขาเร, สเพฺพ ภวคามิกเมฺม นาธิวาเสติ ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตีกโรติ อนภาวํ คเมตีติ ติกฺขปญฺญาฯ เอกสฺมิํ อาสเน จตฺตาโร อริยมคฺคา, จตฺตาริ สามญฺญผลานิ, จตโสฺส ปฎิสมฺภิทาโย, ฉ จ อภิญฺญาโย อธิคตา โหนฺติ สจฺฉิกตา ปสฺสิตา ปญฺญายาติ ติกฺขปญฺญาฯ

    Katamā tikkhapaññā, khippaṃ kilese chindatīti tikkhapaññā. Uppannaṃ kāmavitakkaṃ nādhivāseti, uppannaṃ byāpādavitakkaṃ, uppannaṃ vihiṃsāvitakkaṃ, uppannuppanne pāpake akusale dhamme, uppannaṃ rāgaṃ, dosaṃ, mohaṃ, kodhaṃ, upanāhaṃ, makkhaṃ, paḷāsaṃ, issaṃ, macchariyaṃ, māyaṃ, sāṭheyyaṃ, thambhaṃ, sārambhaṃ, mānaṃ, atimānaṃ, madaṃ, pamādaṃ, sabbe kilese, sabbe duccarite, sabbe abhisaṅkhāre, sabbe bhavagāmikamme nādhivāseti pajahati vinodeti byantīkaroti anabhāvaṃ gametīti tikkhapaññā. Ekasmiṃ āsane cattāro ariyamaggā, cattāri sāmaññaphalāni, catasso paṭisambhidāyo, cha ca abhiññāyo adhigatā honti sacchikatā passitā paññāyāti tikkhapaññā.

    กตมา นิเพฺพธิกปญฺญา, อิเธกโจฺจ สพฺพสงฺขาเรสุ อุเพฺพคพหุโล โหติ อุตฺตาสพหุโล อุกฺกณฺฐนพหุโล อรติพหุโล อนภิรติพหุโล พหิมุโข น รมติ สพฺพสงฺขาเรสุ, อนิพฺพิทฺธปุพฺพํ อปฺปทาลิตปุพฺพํ โลภกฺขนฺธํ นิพฺพิชฺฌติ ปทาเลตีติ นิเพฺพธิกปญฺญาฯ อนิพฺพิทฺธปุพฺพํ อปฺปทาลิตปุพฺพํ โทสกฺขนฺธํ, โมหกฺขนฺธํ, โกธํ, อุปนาหํ…เป.… สเพฺพ ภวคามิกเมฺม นิพฺพิชฺฌติ ปทาเลตีติ นิเพฺพธิกปญฺญาฯ

    Katamā nibbedhikapaññā, idhekacco sabbasaṅkhāresu ubbegabahulo hoti uttāsabahulo ukkaṇṭhanabahulo aratibahulo anabhiratibahulo bahimukho na ramati sabbasaṅkhāresu, anibbiddhapubbaṃ appadālitapubbaṃ lobhakkhandhaṃ nibbijjhati padāletīti nibbedhikapaññā. Anibbiddhapubbaṃ appadālitapubbaṃ dosakkhandhaṃ, mohakkhandhaṃ, kodhaṃ, upanāhaṃ…pe… sabbe bhavagāmikamme nibbijjhati padāletīti nibbedhikapaññā.

    อนุปทธมฺมวิปสฺสนนฺติ สมาปตฺติวเสน วา ฌานงฺควเสน วา อนุปฎิปาฎิยา ธมฺมวิปสฺสนํ วิปสฺสติ, เอวํ วิปสฺสโนฺต อทฺธมาเสน อรหตฺตํ ปโตฺตฯ มหาโมคฺคลฺลานเตฺถโร ปน สตฺตหิ ทิวเสหิฯ เอวํ สเนฺตปิ สาริปุตฺตเตฺถโร มหาปญฺญวนฺตตโรฯ มหาโมคฺคลฺลานเตฺถโร หิ สาวกานํ สมฺมสนจารํ ยฎฺฐิโกฎิยา อุปฺปีเฬโนฺต วิย เอกเทสเมว สมฺมสโนฺต สตฺต ทิวเส วายมิตฺวา อรหตฺตํ ปโตฺตฯ สาริปุตฺตเตฺถโร ฐเปตฺวา พุทฺธานํ ปเจฺจกพุทฺธานญฺจ สมฺมสนจารํ สาวกานํ สมฺมสนจารํ นิปฺปเทสํ สมฺมสิฯ เอวํ สมฺมสโนฺต อทฺธมาสํ วายมิฯ อรหตฺตญฺจ กิร ปตฺวา อญฺญาสิ – ‘‘ฐเปตฺวา พุเทฺธ จ ปเจฺจกพุเทฺธ จ อโญฺญ สาวโก นาม ปญฺญาย มยา ปตฺตพฺพํ ปตฺตุํ สมโตฺถ นาม น ภวิสฺสตี’’ติฯ ยถา หิ ปุริโส เวฬุยฎฺฐิํ คณฺหิสฺสามีติ มหาชฎํ เวฬุํ ทิสฺวา ชฎํ ฉินฺทนฺตสฺส ปปโญฺจ ภวิสฺสตีติ อนฺตเรน หตฺถํ ปเวเสตฺวา สมฺปตฺตเมว ยฎฺฐิํ มูเล จ อเคฺค จ ฉินฺทิตฺวา อาทาย ปกฺกเมยฺย, โส กิญฺจาปิ ปฐมตรํ คจฺฉติ, ยฎฺฐิํ ปน สารํ วา อุชุํ วา น ลภติฯ อปโร จ ตถารูปเมว เวณุํ ทิสฺวา ‘‘สเจ สมฺปตฺตํ ยฎฺฐิํ คณฺหิสฺสามิ, สารํ วา อุชุํ วา น ลภิสฺสามี’’ติ กจฺฉํ พนฺธิตฺวา มหเนฺตน สเตฺถน เวณุชฎํ ฉินฺทิตฺวา สารา เจว อุชู จ ยฎฺฐิโย อุจฺจินิตฺวา อาทาย ปกฺกเมยฺยฯ อยํ กิญฺจาปิ ปจฺฉา คจฺฉติ, ยฎฺฐิโย ปน สารา เจว อุชู จ ลภติฯ เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํ อิเมสํ ทฺวินฺนํ เถรานํ ปธานํฯ

    Anupadadhammavipassananti samāpattivasena vā jhānaṅgavasena vā anupaṭipāṭiyā dhammavipassanaṃ vipassati, evaṃ vipassanto addhamāsena arahattaṃ patto. Mahāmoggallānatthero pana sattahi divasehi. Evaṃ santepi sāriputtatthero mahāpaññavantataro. Mahāmoggallānatthero hi sāvakānaṃ sammasanacāraṃ yaṭṭhikoṭiyā uppīḷento viya ekadesameva sammasanto satta divase vāyamitvā arahattaṃ patto. Sāriputtatthero ṭhapetvā buddhānaṃ paccekabuddhānañca sammasanacāraṃ sāvakānaṃ sammasanacāraṃ nippadesaṃ sammasi. Evaṃ sammasanto addhamāsaṃ vāyami. Arahattañca kira patvā aññāsi – ‘‘ṭhapetvā buddhe ca paccekabuddhe ca añño sāvako nāma paññāya mayā pattabbaṃ pattuṃ samattho nāma na bhavissatī’’ti. Yathā hi puriso veḷuyaṭṭhiṃ gaṇhissāmīti mahājaṭaṃ veḷuṃ disvā jaṭaṃ chindantassa papañco bhavissatīti antarena hatthaṃ pavesetvā sampattameva yaṭṭhiṃ mūle ca agge ca chinditvā ādāya pakkameyya, so kiñcāpi paṭhamataraṃ gacchati, yaṭṭhiṃ pana sāraṃ vā ujuṃ vā na labhati. Aparo ca tathārūpameva veṇuṃ disvā ‘‘sace sampattaṃ yaṭṭhiṃ gaṇhissāmi, sāraṃ vā ujuṃ vā na labhissāmī’’ti kacchaṃ bandhitvā mahantena satthena veṇujaṭaṃ chinditvā sārā ceva ujū ca yaṭṭhiyo uccinitvā ādāya pakkameyya. Ayaṃ kiñcāpi pacchā gacchati, yaṭṭhiyo pana sārā ceva ujū ca labhati. Evaṃsampadamidaṃ veditabbaṃ imesaṃ dvinnaṃ therānaṃ padhānaṃ.

    เอวํ ปน อทฺธมาสํ วายมิตฺวา ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺตเตฺถโร สูกรขตเลณทฺวาเร ภาคิเนยฺยสฺส ทีฆนขปริพฺพาชกสฺส เวทนาปริคฺคหสุตฺตเนฺต เทสิยมาเน ทสพลํ พีชยมาโน ฐิโต เทสนานุสาเรน ญาณํ เปเสตฺวา ปพฺพชิตทิวสโต ปนฺนรสเม ทิวเส สาวกปารมิญาณสฺส มตฺถกํ ปตฺวา สตฺตสฎฺฐิ ญาณานิ ปฎิวิชฺฌิตฺวา โสฬสวิธํ ปญฺญํ อนุปฺปโตฺตฯ

    Evaṃ pana addhamāsaṃ vāyamitvā dhammasenāpati sāriputtatthero sūkarakhataleṇadvāre bhāgineyyassa dīghanakhaparibbājakassa vedanāpariggahasuttante desiyamāne dasabalaṃ bījayamāno ṭhito desanānusārena ñāṇaṃ pesetvā pabbajitadivasato pannarasame divase sāvakapāramiñāṇassa matthakaṃ patvā sattasaṭṭhi ñāṇāni paṭivijjhitvā soḷasavidhaṃ paññaṃ anuppatto.

    ตตฺริทํ, ภิกฺขเว, สาริปุตฺตสฺส อนุปทธมฺมวิปสฺสนายาติ ยา อนุปทธมฺมวิปสฺสนํ วิปสฺสตีติ อนุปทธมฺมวิปสฺสนา วุตฺตา, ตตฺร อนุปทธมฺมวิปสฺสนาย สาริปุตฺตสฺส อิทํ โหติฯ อิทานิ วตฺตพฺพํ ตํ ตํ วิปสฺสนาโกฎฺฐาสํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ

    Tatridaṃ, bhikkhave, sāriputtassa anupadadhammavipassanāyāti yā anupadadhammavipassanaṃ vipassatīti anupadadhammavipassanā vuttā, tatra anupadadhammavipassanāya sāriputtassa idaṃ hoti. Idāni vattabbaṃ taṃ taṃ vipassanākoṭṭhāsaṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ.

    ๙๔. ปฐเม ฌาเนติ เย ปฐเม ฌาเน อโนฺตสมาปตฺติยํ ธมฺมาฯ ตฺยาสฺสาติ เต อสฺสฯ อนุปทววตฺถิตา โหนฺตีติ อนุปฎิปาฎิยา ววตฺถิตา ปริจฺฉินฺนา ญาตา วิทิตา โหนฺติฯ กถํ? เถโร หิ เต ธเมฺม โอโลเกโนฺต อภินิโรปนลกฺขโณ วิตโกฺก วตฺตตีติ ชานาติฯ ตถา อนุมชฺชนลกฺขโณ วิจาโร, ผรณลกฺขณา ปีติ, สาตลกฺขณํ สุขํ, อวิเกฺขปลกฺขณา จิเตฺตกคฺคตา, ผุสนลกฺขโณ ผโสฺส เวทยิตลกฺขณา เวทนา, สญฺชานนลกฺขณา สญฺญา, เจตยิตลกฺขณา เจตนา, วิชานนลกฺขณํ วิญฺญาณํ, กตฺตุกมฺยตาลกฺขโณ ฉโนฺท, อธิโมกฺขลกฺขโณ อธิโมโกฺข, ปคฺคาหลกฺขณํ วีริยํ อุปฎฺฐานลกฺขณา สติ, มชฺฌตฺตลกฺขณา อุเปกฺขา, อนุนยมนสิการลกฺขโณ มนสิกาโร วตฺตตีติ ชานาติฯ เอวํ ชานํ อภินิโรปนเฎฺฐน วิตกฺกํ สภาวโต ววตฺถเปติ…เป.… อนุนยมนสิการณเฎฺฐน มนสิการํ สภาวภาวโต ววตฺถเปติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ตฺยาสฺส ธมฺมา อนุปทววตฺถิตา โหนฺตี’’ติฯ

    94.Paṭhame jhāneti ye paṭhame jhāne antosamāpattiyaṃ dhammā. Tyāssāti te assa. Anupadavavatthitā hontīti anupaṭipāṭiyā vavatthitā paricchinnā ñātā viditā honti. Kathaṃ? Thero hi te dhamme olokento abhiniropanalakkhaṇo vitakko vattatīti jānāti. Tathā anumajjanalakkhaṇo vicāro, pharaṇalakkhaṇā pīti, sātalakkhaṇaṃ sukhaṃ, avikkhepalakkhaṇā cittekaggatā, phusanalakkhaṇo phasso vedayitalakkhaṇā vedanā, sañjānanalakkhaṇā saññā, cetayitalakkhaṇā cetanā, vijānanalakkhaṇaṃ viññāṇaṃ, kattukamyatālakkhaṇo chando, adhimokkhalakkhaṇo adhimokkho, paggāhalakkhaṇaṃ vīriyaṃ upaṭṭhānalakkhaṇā sati, majjhattalakkhaṇā upekkhā, anunayamanasikāralakkhaṇo manasikāro vattatīti jānāti. Evaṃ jānaṃ abhiniropanaṭṭhena vitakkaṃ sabhāvato vavatthapeti…pe… anunayamanasikāraṇaṭṭhena manasikāraṃ sabhāvabhāvato vavatthapeti. Tena vuttaṃ ‘‘tyāssa dhammā anupadavavatthitā hontī’’ti.

    วิทิตา อุปฺปชฺชนฺตีติ อุปฺปชฺชมานา วิทิตา ปากฎาว หุตฺวา อุปฺปชฺชนฺติฯ วิทิตา อุปฎฺฐหนฺตีติ ติฎฺฐมานาปิ วิทิตา ปากฎาว หุตฺวา ติฎฺฐนฺติฯ วิทิตา อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺตีติ นิรุชฺฌมานาปิ วิทิตา ปากฎาว หุตฺวา นิรุชฺฌนฺติฯ เอตฺถ ปน ตํญาณตา เจว ญาณพหุตา จ โมเจตพฺพาฯ ยถา หิ เตเนว องฺคุลเคฺคน ตํ องฺคุลคฺคํ น สกฺกา ผุสิตุํ, เอวเมว เตเนว จิเตฺตน ตสฺส จิตฺตสฺส อุปฺปาโท วา ฐิติ วา ภโงฺค วา น สกฺกา ชานิตุนฺติฯ เอวํ ตาว ตํญาณตา โมเจตพฺพาฯ ยทิ ปน เทฺว จิตฺตานิ เอกโต อุปฺปเชฺชยฺยุํ, เอเกน จิเตฺตน เอกสฺส อุปฺปาโท วา ฐิติ วา ภโงฺค วา สกฺกา ภเวยฺย ชานิตุํฯ เทฺว ปน ผสฺสา วา เวทนา วา สญฺญา วา เจตนา วา จิตฺตานิ วา เอกโต อุปฺปชฺชนกานิ นาม นตฺถิ, เอเกกเมว อุปฺปชฺชติฯ เอวํ ญาณพหุตา โมเจตพฺพาฯ เอวํ สเนฺต กถํ? มหาเถรสฺส อโนฺตสมาปตฺติยํ โสฬส ธมฺมา วิทิตา ปากฎา โหนฺตีติฯ วตฺถารมฺมณานํ ปริคฺคหิตตายฯ เถเรน หิ วตฺถุ เจว อารมฺมณญฺจ ปริคฺคหิตํ, เตนสฺส เตสํ ธมฺมานํ อุปฺปาทํ อาวชฺชนฺตสฺส อุปฺปาโท ปากโฎ โหติ, ฐานํ อาวชฺชนฺตสฺส ฐานํ ปากฎํ โหติ, เภทํ อาวชฺชนฺตสฺส เภโท ปากโฎ โหติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘วิทิตา อุปฺปชฺชนฺติ วิทิตา อุปฎฺฐหนฺติ วิทิตา อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺตี’’ติฯ อหุตฺวา สโมฺภนฺตีติ อิมินา อุทยํ ปสฺสติฯ หุตฺวา ปฎิเวนฺตีติ อิมินา วยํ ปสฺสติฯ

    Viditā uppajjantīti uppajjamānā viditā pākaṭāva hutvā uppajjanti. Viditā upaṭṭhahantīti tiṭṭhamānāpi viditā pākaṭāva hutvā tiṭṭhanti. Viditā abbhatthaṃ gacchantīti nirujjhamānāpi viditā pākaṭāva hutvā nirujjhanti. Ettha pana taṃñāṇatā ceva ñāṇabahutā ca mocetabbā. Yathā hi teneva aṅgulaggena taṃ aṅgulaggaṃ na sakkā phusituṃ, evameva teneva cittena tassa cittassa uppādo vā ṭhiti vā bhaṅgo vā na sakkā jānitunti. Evaṃ tāva taṃñāṇatā mocetabbā. Yadi pana dve cittāni ekato uppajjeyyuṃ, ekena cittena ekassa uppādo vā ṭhiti vā bhaṅgo vā sakkā bhaveyya jānituṃ. Dve pana phassā vā vedanā vā saññā vā cetanā vā cittāni vā ekato uppajjanakāni nāma natthi, ekekameva uppajjati. Evaṃ ñāṇabahutā mocetabbā. Evaṃ sante kathaṃ? Mahātherassa antosamāpattiyaṃ soḷasa dhammā viditā pākaṭā hontīti. Vatthārammaṇānaṃ pariggahitatāya. Therena hi vatthu ceva ārammaṇañca pariggahitaṃ, tenassa tesaṃ dhammānaṃ uppādaṃ āvajjantassa uppādo pākaṭo hoti, ṭhānaṃ āvajjantassa ṭhānaṃ pākaṭaṃ hoti, bhedaṃ āvajjantassa bhedo pākaṭo hoti. Tena vuttaṃ ‘‘viditā uppajjanti viditā upaṭṭhahanti viditā abbhatthaṃ gacchantī’’ti. Ahutvā sambhontīti iminā udayaṃ passati. Hutvā paṭiventīti iminā vayaṃ passati.

    อนุปาโยติ ราควเสน อนุปคมโน หุตฺวาฯ อนปาโยติ ปฎิฆวเสน อนปคโตฯ อนิสฺสิโตติ ตณฺหาทิฎฺฐินิสฺสเยหิ อนิสฺสิโตฯ อปฺปฎิพโทฺธติ ฉนฺทราเคน อพโทฺธฯ วิปฺปมุโตฺตติ กามราคโต วิปฺปมุโตฺตฯ วิสํยุโตฺตติ จตูหิ โยเคหิ สพฺพกิเลเสหิ วา วิสํยุโตฺตฯ วิมริยาทีกเตนาติ นิมฺมริยาทีกเตนฯ เจตสาติ เอวํวิเธน จิเตฺตน วิหรติฯ

    Anupāyoti rāgavasena anupagamano hutvā. Anapāyoti paṭighavasena anapagato. Anissitoti taṇhādiṭṭhinissayehi anissito. Appaṭibaddhoti chandarāgena abaddho. Vippamuttoti kāmarāgato vippamutto. Visaṃyuttoti catūhi yogehi sabbakilesehi vā visaṃyutto. Vimariyādīkatenāti nimmariyādīkatena. Cetasāti evaṃvidhena cittena viharati.

    ตตฺถ เทฺว มริยาทา กิเลสมริยาทา จ อารมฺมณมริยาทา จฯ สเจ หิสฺส อโนฺตสมาปตฺติยํ ปวเตฺต โสฬส ธเมฺม อารพฺภ ราคาทโย อุปฺปเชฺชยฺยุํ, กิเลสมริยาทา เตน กตา ภเวยฺย, เตสุ ปนสฺส เอโกปิ น อุปฺปโนฺนติ กิเลสมริยาทา นตฺถิฯ สเจ ปนสฺส อโนฺตสมาปตฺติยํ ปวเตฺต โสฬส ธเมฺม อาวชฺชนฺตสฺส เอกเจฺจ อาปาถํ นาคเจฺฉยฺยุํฯ เอวมสฺส อารมฺมณมริยาทา ภเวยฺยุํฯ เต ปนสฺส โสฬส ธเมฺม อาวชฺชนฺตสฺส อาปาถํ อนาคตธโมฺม นาม นตฺถีติ อารมฺมณมริยาทาปิ นตฺถิฯ

    Tattha dve mariyādā kilesamariyādā ca ārammaṇamariyādā ca. Sace hissa antosamāpattiyaṃ pavatte soḷasa dhamme ārabbha rāgādayo uppajjeyyuṃ, kilesamariyādā tena katā bhaveyya, tesu panassa ekopi na uppannoti kilesamariyādā natthi. Sace panassa antosamāpattiyaṃ pavatte soḷasa dhamme āvajjantassa ekacce āpāthaṃ nāgaccheyyuṃ. Evamassa ārammaṇamariyādā bhaveyyuṃ. Te panassa soḷasa dhamme āvajjantassa āpāthaṃ anāgatadhammo nāma natthīti ārammaṇamariyādāpi natthi.

    อปราปิ เทฺว มริยาทา วิกฺขมฺภนมริยาทา จ สมุเจฺฉทมริยาทา จฯ ตาสุ สมุเจฺฉทมริยาทา อุปริ อาคมิสฺสติ, อิมสฺมิํ ปน ฐาเน วิกฺขมฺภนมริยาทา อธิเปฺปตาฯ ตสฺส วิกฺขมฺภิตปจฺจนีกตฺตา นตฺถีติ วิมริยาทิกเตน เจตสา วิหรติฯ

    Aparāpi dve mariyādā vikkhambhanamariyādā ca samucchedamariyādā ca. Tāsu samucchedamariyādā upari āgamissati, imasmiṃ pana ṭhāne vikkhambhanamariyādā adhippetā. Tassa vikkhambhitapaccanīkattā natthīti vimariyādikatena cetasā viharati.

    อุตฺตริ นิสฺสรณนฺติ อิโต อุตฺตริ นิสฺสรณํฯ อเญฺญสุ จ สุเตฺตสุ ‘‘อุตฺตริ นิสฺสรณ’’นฺติ นิพฺพานํ วุตฺตํ, อิธ ปน อนนฺตโร วิเสโส อธิเปฺปโตติ เวทิตโพฺพฯ ตพฺพหุลีการาติ ตสฺส ปชานนสฺส พหุลีกรเณนฯ อตฺถิเตฺววสฺส โหตีติ ตสฺส เถรสฺส อตฺถีติเยว ทฬฺหตรํ โหติฯ อิมินา นเยน เสสวาเรสุปิ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Uttarinissaraṇanti ito uttari nissaraṇaṃ. Aññesu ca suttesu ‘‘uttari nissaraṇa’’nti nibbānaṃ vuttaṃ, idha pana anantaro viseso adhippetoti veditabbo. Tabbahulīkārāti tassa pajānanassa bahulīkaraṇena. Atthitvevassa hotīti tassa therassa atthītiyeva daḷhataraṃ hoti. Iminā nayena sesavāresupi attho veditabbo.

    ทุติยวาเร ปน สมฺปสาทนเฎฺฐน สมฺปสาโทฯ สภาวโต ววตฺถเปติฯ

    Dutiyavāre pana sampasādanaṭṭhena sampasādo. Sabhāvato vavatthapeti.

    จตุตฺถวาเร อุเปกฺขาติ สุขฎฺฐาเน เวทนุเปกฺขาวฯ ปสฺสทฺธตฺตา เจตโส อนาโภโคติ โย โส ‘‘ยเทว ตตฺถ สุข’’นฺติ เจตโส อาโภโค, เอเตเนตํ โอฬาริกมกฺขายตีติ เอวํ ปสฺสทฺธตฺตา เจตโส อนาโภโค วุโตฺต, ตสฺส อภาวาติ อโตฺถฯ สติปาริสุทฺธีติ ปริสุทฺธาสติเยวฯ อุเปกฺขาปิ ปาริสุทฺธิอุเปกฺขาฯ

    Catutthavāre upekkhāti sukhaṭṭhāne vedanupekkhāva. Passaddhattā cetaso anābhogoti yo so ‘‘yadeva tattha sukha’’nti cetaso ābhogo, etenetaṃ oḷārikamakkhāyatīti evaṃ passaddhattā cetaso anābhogo vutto, tassa abhāvāti attho. Satipārisuddhīti parisuddhāsatiyeva. Upekkhāpi pārisuddhiupekkhā.

    ๙๕. สโต วุฎฺฐหตีติ สติยา สมนฺนาคโต ญาเณน สมฺปชาโน หุตฺวา วุฎฺฐาติฯ เต ธเมฺม สมนุปสฺสตีติ ยสฺมา เนวสญฺญานาสญฺญายตเน พุทฺธานํเยว อนุปทธมฺมวิปสฺสนา โหติ, น สาวกานํ, ตสฺมา เอตฺถ กลาปวิปสฺสนํ ทเสฺสโนฺต เอวมาหฯ

    95.Sato vuṭṭhahatīti satiyā samannāgato ñāṇena sampajāno hutvā vuṭṭhāti. Te dhamme samanupassatīti yasmā nevasaññānāsaññāyatane buddhānaṃyeva anupadadhammavipassanā hoti, na sāvakānaṃ, tasmā ettha kalāpavipassanaṃ dassento evamāha.

    ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตีติ มคฺคปญฺญาย จตฺตาริ สจฺจานิ ทิสฺวา จตฺตาโร อาสวา ขีณา โหนฺติฯ สาริปุตฺตเตฺถรสฺส สมถวิปสฺสนํ ยุคนทฺธํ อาหริตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตวาโรปิ อตฺถิ, นิโรธสมาปตฺติสมาปนฺนวาโรปิฯ อรหตฺตํ ปตฺตวาโร อิธ คหิโต, นิโรธํ ปน จิณฺณวสิตาย อปราปรํ สมาปชฺชิสฺสตีติ วทนฺติฯ

    Paññāyacassa disvā āsavā parikkhīṇā hontīti maggapaññāya cattāri saccāni disvā cattāro āsavā khīṇā honti. Sāriputtattherassa samathavipassanaṃ yuganaddhaṃ āharitvā arahattaṃ pattavāropi atthi, nirodhasamāpattisamāpannavāropi. Arahattaṃ pattavāro idha gahito, nirodhaṃ pana ciṇṇavasitāya aparāparaṃ samāpajjissatīti vadanti.

    ตตฺถสฺส ยสฺมิํ กาเล นิโรธสมาปตฺติ สีสํ โหติ, นิโรธสฺส วาโร อาคจฺฉติ, ผลสมาปตฺติ คูฬฺหา โหติฯ ยสฺมิํ กาเล ผลสมาปตฺติ สีสํ โหติ, ผลสมาปตฺติยา วาโร อาคจฺฉติ, นิโรธสมาปตฺติ คูฬฺหา โหติฯ ชมฺพุทีปวาสิโน เถรา ปน วทนฺติ ‘‘สาริปุตฺตเตฺถโร สมถวิปสฺสนํ ยุคนทฺธํ อาหริตฺวา อนาคามิผลํ สจฺฉิกตฺวา นิโรธํ สมาปชฺชิ, นิโรธา วุฎฺฐาย อรหตฺตํ ปโตฺต’’ติฯ เต ธเมฺมติ อโนฺตสมาปตฺติยํ ปวเตฺต ติสมุฎฺฐานิกรูปธเมฺม, เหฎฺฐา เนวสญฺญานาสญฺญายตนสมาปตฺติยํ ปวตฺตธเมฺม วาฯ เตปิ หิ อิมสฺมิํ วาเร วิปสฺสิตพฺพธมฺมาว, ตสฺมา เต วา วิปสฺสตีติ ทเสฺสตุํ อิทํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Tatthassa yasmiṃ kāle nirodhasamāpatti sīsaṃ hoti, nirodhassa vāro āgacchati, phalasamāpatti gūḷhā hoti. Yasmiṃ kāle phalasamāpatti sīsaṃ hoti, phalasamāpattiyā vāro āgacchati, nirodhasamāpatti gūḷhā hoti. Jambudīpavāsino therā pana vadanti ‘‘sāriputtatthero samathavipassanaṃ yuganaddhaṃ āharitvā anāgāmiphalaṃ sacchikatvā nirodhaṃ samāpajji, nirodhā vuṭṭhāya arahattaṃ patto’’ti. Te dhammeti antosamāpattiyaṃ pavatte tisamuṭṭhānikarūpadhamme, heṭṭhā nevasaññānāsaññāyatanasamāpattiyaṃ pavattadhamme vā. Tepi hi imasmiṃ vāre vipassitabbadhammāva, tasmā te vā vipassatīti dassetuṃ idaṃ vuttanti veditabbaṃ.

    ๙๗. วสิปฺปโตติ จิณฺณวสิตํ ปโตฺตฯ ปารมิปฺปโตฺตติ นิปฺผตฺติํ ปโตฺตฯ โอรโสติอาทีสุ เถโร ภควโต อุเร นิพฺพตฺตสทฺทํ สุตฺวา ชาโตติ โอรโส, มุเขน ปภาวิตํ สทฺทํ สุตฺวา ชาโตติ มุขโต ชาโต, ธเมฺมน ปน ชาตตฺตา นิมฺมิตตฺตา ธมฺมโช ธมฺมนิมฺมิโต, ธมฺมทายสฺส อาทิยนโต ธมฺมทายาโท, อามิสทายสฺส อนาทิยนโต โน อามิสทายาโทติ เวทิตโพฺพฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ

    97.Vasippatoti ciṇṇavasitaṃ patto. Pāramippattoti nipphattiṃ patto. Orasotiādīsu thero bhagavato ure nibbattasaddaṃ sutvā jātoti oraso, mukhena pabhāvitaṃ saddaṃ sutvā jātoti mukhato jāto, dhammena pana jātattā nimmitattā dhammajo dhammanimmito, dhammadāyassa ādiyanato dhammadāyādo, āmisadāyassa anādiyanato no āmisadāyādoti veditabbo. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.

    ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย

    Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya

    อนุปทสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Anupadasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๑. อนุปทสุตฺตํ • 1. Anupadasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๑. อนุปทสุตฺตวณฺณนา • 1. Anupadasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact