Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๒. อนุปทวโคฺค
2. Anupadavaggo
๑. อนุปทสุตฺตวณฺณนา
1. Anupadasuttavaṇṇanā
๙๓. อิทฺธิมาติ คุโณ ปากโฎ ปรโตโฆเสน วินา ปาสาทกมฺปนเทวจาริกาทีหิ สยเมว ปกาสภาวโต; ธุตวาทาทิคุณานมฺปิ ตถาภาเว เอเตเนว นเยน เตสํ คุณานํ ปากฎโยคโต จ ปเรสํ นิจฺฉิตภาวโต จฯ ปญฺญวโต คุณาติ ปญฺญาปเภทปภาวิเต คุณวิเสเส สนฺธาย วทติฯ เต หิ เยภุเยฺยน ปเรสํ อวิสยาฯ เตนาห – ‘‘น สกฺกา อกถิตา ชานิตุ’’นฺติฯ วิสภาคา สภาคา นาม อโยนิโสมนสิการพหุเลสุ ปุถุชฺชเนสุ, เต ปน อปฺปหีนราคโทสตาย ปรสฺส วิชฺชมานมฺปิ คุณํ มเกฺขตฺวา อวิชฺชมานํ อวณฺณเมว โฆเสนฺตีติ อาห – ‘‘วิสภาค…เป.… กเถนฺตี’’ติฯ
93.Iddhimātiguṇo pākaṭo paratoghosena vinā pāsādakampanadevacārikādīhi sayameva pakāsabhāvato; dhutavādādiguṇānampi tathābhāve eteneva nayena tesaṃ guṇānaṃ pākaṭayogato ca paresaṃ nicchitabhāvato ca. Paññavato guṇāti paññāpabhedapabhāvite guṇavisese sandhāya vadati. Te hi yebhuyyena paresaṃ avisayā. Tenāha – ‘‘na sakkā akathitā jānitu’’nti. Visabhāgā sabhāgā nāma ayonisomanasikārabahulesu puthujjanesu, te pana appahīnarāgadosatāya parassa vijjamānampi guṇaṃ makkhetvā avijjamānaṃ avaṇṇameva ghosentīti āha – ‘‘visabhāga…pe… kathentī’’ti.
ยา อฎฺฐารสนฺนํ ธาตูนํ สมุทยโต อตฺถงฺคมโต อสฺสาทโต อาทีนวโต ยถาภูตํ ปชานนา, อยํ ธาตุกุสลตาฯ อายตนกุสลตายปิ เอเสว นโยฯ อวิชฺชาทีสุ ทฺวาทสสุ ปฎิจฺจสมุปฺปาทเงฺคสุ โกสลฺลํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทกุสลตาฯ อิทํ อิมสฺส ผลสฺส ฐานํ การณํ, อิทํ อฎฺฐานํ อการณนฺติ เอวํ ฐานญฺจ ฐานโต, อฎฺฐานญฺจ อฎฺฐานโต ยถาภูตํ ปชานนา, อยํ ฐานาฎฺฐานกุสลตาฯ โย ปน อิเมสุ ธาตุอาทีสุ ปริญฺญาภิสมยาทิวเสน นิสฺสงฺคคติยา ปณฺฑาติ ลทฺธนาเมน ญาเณน อิโต คโต ปวโตฺต, อยํ ปณฺฑิโต นามาติ อาห – ‘‘อิเมหิ จตูหิ การเณหิ ปณฺฑิโต’’ติฯ มหนฺตานํ อตฺถานํ ปริคฺคณฺหนโต มหตี ปญฺญา เอตสฺสาติ มหาปโญฺญฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยติ อาห – ‘‘มหาปญฺญาทีหิ สมนฺนาคโตติ อโตฺถ’’ติฯ
Yā aṭṭhārasannaṃ dhātūnaṃ samudayato atthaṅgamato assādato ādīnavato yathābhūtaṃ pajānanā, ayaṃ dhātukusalatā. Āyatanakusalatāyapi eseva nayo. Avijjādīsu dvādasasu paṭiccasamuppādaṅgesu kosallaṃ paṭiccasamuppādakusalatā. Idaṃ imassa phalassa ṭhānaṃ kāraṇaṃ, idaṃ aṭṭhānaṃ akāraṇanti evaṃ ṭhānañca ṭhānato, aṭṭhānañca aṭṭhānato yathābhūtaṃ pajānanā, ayaṃ ṭhānāṭṭhānakusalatā. Yo pana imesu dhātuādīsu pariññābhisamayādivasena nissaṅgagatiyā paṇḍāti laddhanāmena ñāṇena ito gato pavatto, ayaṃ paṇḍito nāmāti āha – ‘‘imehi catūhi kāraṇehi paṇḍito’’ti. Mahantānaṃ atthānaṃ pariggaṇhanato mahatī paññā etassāti mahāpañño. Sesapadesupi eseva nayoti āha – ‘‘mahāpaññādīhi samannāgatoti attho’’ti.
นานตฺตนฺติ ยาหิ มหาปญฺญาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา เถโร ‘‘มหาปโญฺญ’’ติอาทินา กิตฺตียติ, ตาสํ มหาปญฺญาทีนํ อิทํ นานตฺตํ อยํ เวมตฺตตาฯ ยสฺส กสฺสจิ (ที. นิ. ฎี. ๓.๒๑๖; สํ. นิ. ฎี. ๑.๑.๑๑๐; อ. นิ. ฎี. ๑.๑.๕๘๔) วิเสสโต อรูปธมฺมสฺส มหตฺตํ นาม กิจฺจสิทฺธิยา เวทิตพฺพนฺติ ตทสฺส กิจฺจสิทฺธิยา ทเสฺสโนฺต, ‘‘มหเนฺต สีลกฺขเนฺธ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ เหตุมหนฺตตาย ปจฺจยมหนฺตตาย นิสฺสยมหนฺตตาย ปเภทมหนฺตตาย กิจฺจมหนฺตตาย ผลมหนฺตตาย อานิสํสมหนฺตตาย จ สีลกฺขนฺธสฺส มหนฺตภาโว เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ เหตู อโลภาทโย, ปจฺจยา หิโรตฺตปฺปสทฺธาสติวีริยาทโยฯ นิสฺสยา สาวกโพธิปเจฺจกโพธิสมฺมาสโมฺพธินิยตตา ตํสมงฺคิโน จ ปุริสวิเสสาฯ ปเภโท จาริตฺตาทิวิภาโคฯ กิจฺจํ ตทงฺคาทิวเสน ปฎิปกฺขสฺส วิธมนํฯ ผลํ สคฺคสมฺปทา นิพฺพานสมฺปทา จฯ อานิสํโส ปิยมนาปตาทิฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๙) อากเงฺขยฺยสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๑.๖๔ อาทโย) จ อาคตนเยน เวทิตโพฺพฯ อิมินา นเยน สมาธิกฺขนฺธาทีนมฺปิ มหนฺตตา ยถารหํ นิทฺธาเรตฺวา เวทิตพฺพา, ฐานาฎฺฐานาทีนํ ปน มหนฺตภาโว มหาวิสยตาย เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ ฐานาฎฺฐานานํ มหาวิสยตา พหุธาตุกสุเตฺต (ม. นิ. ๓.๑๒๔ อาทโย) สยเมว อาคมิสฺสติฯ วิหารสมาปตฺตีนํ สมาธิกฺขเนฺธ นิทฺธาริตนเยน เวทิตพฺพา, อริยสจฺจานํ สกลสาสนสงฺคหณโต สจฺจวิภเงฺค (วิภ. ๑๘๙ อาทโย) ตํสํวณฺณนาสุ (วิภ. อฎฺฐ. ๑๘๙ อาทโย) อาคตนเยนฯ สติปฎฺฐานาทีนํ วิภงฺคาทีสุ (วิภ. ๓๕๕ อาทโย) ตํสํวณฺณนาทีสุ (วิภ. อฎฺฐ. ๓๕๕ อาทโย) จ อาคตนเยนฯ สามญฺญผลานํ มหโต หิตสฺส มหโต สุขสฺส มหโต อตฺถสฺส มหโต โยคเกฺขมสฺส นิปฺผตฺติภาวโต สนฺตปณีตนิปุณอตกฺกาวจรปณฺฑิตเวทนียภาวโต จฯ อภิญฺญานํ มหาสมฺภารโต มหาวิสยโต มหากิจฺจโต มหานุภาวโต มหานิปฺผตฺติโต จฯ นิพฺพานสฺส มทนิมฺมทนาทิมหตฺถสิทฺธิโต มหนฺตตา เวทิตพฺพาฯ
Nānattanti yāhi mahāpaññādīhi samannāgatattā thero ‘‘mahāpañño’’tiādinā kittīyati, tāsaṃ mahāpaññādīnaṃ idaṃ nānattaṃ ayaṃ vemattatā. Yassa kassaci (dī. ni. ṭī. 3.216; saṃ. ni. ṭī. 1.1.110; a. ni. ṭī. 1.1.584) visesato arūpadhammassa mahattaṃ nāma kiccasiddhiyā veditabbanti tadassa kiccasiddhiyā dassento, ‘‘mahantesīlakkhandhe pariggaṇhātīti mahāpaññā’’tiādimāha. Tattha hetumahantatāya paccayamahantatāya nissayamahantatāya pabhedamahantatāya kiccamahantatāya phalamahantatāya ānisaṃsamahantatāya ca sīlakkhandhassa mahantabhāvo veditabbo. Tattha hetū alobhādayo, paccayā hirottappasaddhāsativīriyādayo. Nissayā sāvakabodhipaccekabodhisammāsambodhiniyatatā taṃsamaṅgino ca purisavisesā. Pabhedo cārittādivibhāgo. Kiccaṃ tadaṅgādivasena paṭipakkhassa vidhamanaṃ. Phalaṃ saggasampadā nibbānasampadā ca. Ānisaṃso piyamanāpatādi. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana visuddhimagge (visuddhi. 1.9) ākaṅkheyyasuttādīsu (ma. ni. 1.64 ādayo) ca āgatanayena veditabbo. Iminā nayena samādhikkhandhādīnampi mahantatā yathārahaṃ niddhāretvā veditabbā, ṭhānāṭṭhānādīnaṃ pana mahantabhāvo mahāvisayatāya veditabbo. Tattha ṭhānāṭṭhānānaṃ mahāvisayatā bahudhātukasutte (ma. ni. 3.124 ādayo) sayameva āgamissati. Vihārasamāpattīnaṃ samādhikkhandhe niddhāritanayena veditabbā, ariyasaccānaṃ sakalasāsanasaṅgahaṇato saccavibhaṅge (vibha. 189 ādayo) taṃsaṃvaṇṇanāsu (vibha. aṭṭha. 189 ādayo) āgatanayena. Satipaṭṭhānādīnaṃ vibhaṅgādīsu (vibha. 355 ādayo) taṃsaṃvaṇṇanādīsu (vibha. aṭṭha. 355 ādayo) ca āgatanayena. Sāmaññaphalānaṃ mahato hitassa mahato sukhassa mahato atthassa mahato yogakkhemassa nipphattibhāvato santapaṇītanipuṇaatakkāvacarapaṇḍitavedanīyabhāvato ca. Abhiññānaṃ mahāsambhārato mahāvisayato mahākiccato mahānubhāvato mahānipphattito ca. Nibbānassa madanimmadanādimahatthasiddhito mahantatā veditabbā.
ปุถุปญฺญาติ เอตฺถาปิ วุตฺตนยานุสาเรน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อยํ ปน วิเสโส – นานาขเนฺธสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ, ‘‘อยํ รูปกฺขโนฺธ นาม…เป.… อยํ วิญฺญาณกฺขโนฺธ นามา’’ติ, เอวํ ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํ นานากรณํ ปฎิจฺจ ญาณํ ปวตฺตติฯ เตสุปิ ‘‘เอกวิเธน รูปกฺขโนฺธ, เอกาทสวิเธน รูปกฺขโนฺธ, เอกวิเธน เวทนากฺขโนฺธ, พหุวิเธน เวทนากฺขโนฺธ, เอกวิเธน สญฺญากฺขโนฺธ…เป.… เอกวิเธน วิญฺญาณกฺขโนฺธ, พหุวิเธน วิญฺญาณกฺขโนฺธ’’ติ เอวํ เอเกกสฺส ขนฺธสฺส เอกวิธาทิวเสน อตีตาทิเภทวเสนปิ นานากรณํ ปฎิจฺจ ญาณํ ปวตฺตติฯ ตถา ‘‘อิทํ จกฺขายตนํ นาม…เป.… อิทํ ธมฺมายตนํ นามฯ ตตฺถ ทสายตนา กามาวจรา, เทฺว จตุภูมกา’’ติ เอวํ อายตนนานตฺตํ ปฎิจฺจ ญาณํ ปวตฺตติฯ
Puthupaññāti etthāpi vuttanayānusārena attho veditabbo. Ayaṃ pana viseso – nānākhandhesu ñāṇaṃ pavattatīti, ‘‘ayaṃ rūpakkhandho nāma…pe… ayaṃ viññāṇakkhandho nāmā’’ti, evaṃ pañcannaṃ khandhānaṃ nānākaraṇaṃ paṭicca ñāṇaṃ pavattati. Tesupi ‘‘ekavidhena rūpakkhandho, ekādasavidhena rūpakkhandho, ekavidhena vedanākkhandho, bahuvidhena vedanākkhandho, ekavidhena saññākkhandho…pe… ekavidhena viññāṇakkhandho, bahuvidhena viññāṇakkhandho’’ti evaṃ ekekassa khandhassa ekavidhādivasena atītādibhedavasenapi nānākaraṇaṃ paṭicca ñāṇaṃ pavattati. Tathā ‘‘idaṃ cakkhāyatanaṃ nāma…pe… idaṃ dhammāyatanaṃ nāma. Tattha dasāyatanā kāmāvacarā, dve catubhūmakā’’ti evaṃ āyatananānattaṃ paṭicca ñāṇaṃ pavattati.
นานาธาตูสูติ ‘‘อยํ จกฺขุธาตุ นาม…เป.… อยํ มโนวิญฺญาณธาตุ นามฯ ตตฺถ โสฬส ธาตุโย กามาวจรา, เทฺว จตุภูมกา’’ติ เอวํ นานาธาตูสุ ปฎิจฺจ ญาณํ ปวตฺตติฯ ตยิทํ อุปาทิณฺณกธาตุวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ปเจฺจกพุทฺธานญฺหิ ทฺวินฺนญฺจ อคฺคสาวกานํ อุปาทิณฺณกธาตูสุเยว นานากรณํ ปฎิจฺจ ญาณํ ปวตฺตติฯ ตญฺจ โข เอกเทสโตว, โน นิปฺปเทสโต, อนุปาทิณฺณกธาตูนํ ปน นานากรณํ น ชานนฺติเยวฯ สพฺพญฺญุพุทฺธานํเยว ปน, ‘‘อิมาย นาม ธาตุยา อุสฺสนฺนตฺตา อิมสฺส รุกฺขสฺส ขโนฺธ เสโต โหติ, อิมสฺส กโณฺห, อิมสฺส พหลตฺตโจ, อิมสฺส ตนุตฺตโจ, อิมสฺส ปตฺตํ วณฺณสณฺฐานาทิวเสน เอวรูปํ, อิมสฺส ปุปฺผํ นีลํ ปีตํ โลหิตํ โอทาตํ สุคนฺธํ ทุคฺคนฺธํ, ผลํ ขุทฺทกํ มหนฺตํ ทีฆํ วฎฺฎํ สุสณฺฐานํ มฎฺฐํ ผรุสํ สุคนฺธํ มธุรํ ติตฺตกํ อมฺพิลํ กฎุกํ กสาวํ, กณฺฎโก ติขิโณ อติขิโณ อุชุโก กุฎิโล โลหิโต โอทาโต โหตี’’ติ ธาตุนานตฺตํ ปฎิจฺจ ญาณํ ปวตฺตติฯ
Nānādhātūsūti ‘‘ayaṃ cakkhudhātu nāma…pe… ayaṃ manoviññāṇadhātu nāma. Tattha soḷasa dhātuyo kāmāvacarā, dve catubhūmakā’’ti evaṃ nānādhātūsu paṭicca ñāṇaṃ pavattati. Tayidaṃ upādiṇṇakadhātuvasena vuttanti veditabbaṃ. Paccekabuddhānañhi dvinnañca aggasāvakānaṃ upādiṇṇakadhātūsuyeva nānākaraṇaṃ paṭicca ñāṇaṃ pavattati. Tañca kho ekadesatova, no nippadesato, anupādiṇṇakadhātūnaṃ pana nānākaraṇaṃ na jānantiyeva. Sabbaññubuddhānaṃyeva pana, ‘‘imāya nāma dhātuyā ussannattā imassa rukkhassa khandho seto hoti, imassa kaṇho, imassa bahalattaco, imassa tanuttaco, imassa pattaṃ vaṇṇasaṇṭhānādivasena evarūpaṃ, imassa pupphaṃ nīlaṃ pītaṃ lohitaṃ odātaṃ sugandhaṃ duggandhaṃ, phalaṃ khuddakaṃ mahantaṃ dīghaṃ vaṭṭaṃ susaṇṭhānaṃ maṭṭhaṃ pharusaṃ sugandhaṃ madhuraṃ tittakaṃ ambilaṃ kaṭukaṃ kasāvaṃ, kaṇṭako tikhiṇo atikhiṇo ujuko kuṭilo lohito odāto hotī’’ti dhātunānattaṃ paṭicca ñāṇaṃ pavattati.
อเตฺถสูติ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุฯ นานาปฎิจฺจสมุปฺปาเทสูติ อชฺฌตฺตพหิทฺธาเภทโต สนฺตานเภทโต จ นานปฺปเภเทสุ ปฎิจฺจสมุปฺปาทเงฺคสุฯ อวิชฺชาทิองฺคานญฺหิ ปเจฺจกํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทสญฺญิตาติฯ เตนาห – สงฺขารปิฎเก ‘‘ทฺวาทส ปจฺจยา ทฺวาทส ปฎิจฺจสมุปฺปาทา’’ติฯ นานาสุญฺญตมนุปลเพฺภสูติ นานาสภาเวสุ นิจฺจสาราทิวิรหโต สุญฺญสภาเวสุ, ตโต เอว อิตฺถิปุริสอตฺตอตฺตนิยาทิวเสน อนุปลเพฺภสุ สภาเวสุฯ ม-กาโร เหตฺถ ปทสนฺธิกโรฯ นานาอเตฺถสูติ อตฺถปฎิสมฺภิทาวิสเยสุ ปจฺจยุปฺปนฺนาทินานาอเตฺถสุฯ ธเมฺมสูติ ธมฺมปฎิสมฺภิทาวิสเยสุ ปจฺจยาทินานาธเมฺมสุฯ นิรุตฺตีสูติ เตสํเยว อตฺถธมฺมานํ นิทฺธารณวจนสงฺขาตาสุ นานานิรุตฺตีสุฯ ปฎิภาเนสูติ เอตฺถ อตฺถปฎิสมฺภิทาทีสุ วิสยภูเตสุ, ‘‘อิมานิ อิทมตฺถโชตกานี’’ติ (วิภ. ๗๒๕-๗๔๕) ตถา ตถา ปฎิภานโต ปฎิภานานีติ ลทฺธนาเมสุ ญาเณสุฯ ปุถุ นานาสีลกฺขเนฺธสูติอาทีสุ สีลสฺส ปุถุตฺตํ นานตฺตญฺจ วุตฺตเมวฯ อิตเรสํ ปน วุตฺตนยานุสาเรน สุวิเญฺญยฺยตฺตา ปากฎเมวฯ ยํ ปน อภินฺนํ เอกเมว นิพฺพานํ, ตตฺถ อุปจารวเสน ปุถุตฺตํ คเหตพฺพนฺติ อาห – ‘‘ปุถุ นานาชนสาธารเณ ธเมฺม สมติกฺกมฺมา’’ติฯ เตนสฺส มทนิมฺมทนาทิปริยาเยน ปุถุตฺตํ ปริทีปิตํ โหติฯ
Atthesūti rūpādīsu ārammaṇesu. Nānāpaṭiccasamuppādesūti ajjhattabahiddhābhedato santānabhedato ca nānappabhedesu paṭiccasamuppādaṅgesu. Avijjādiaṅgānañhi paccekaṃ paṭiccasamuppādasaññitāti. Tenāha – saṅkhārapiṭake ‘‘dvādasa paccayā dvādasa paṭiccasamuppādā’’ti. Nānāsuññatamanupalabbhesūti nānāsabhāvesu niccasārādivirahato suññasabhāvesu, tato eva itthipurisaattaattaniyādivasena anupalabbhesu sabhāvesu. Ma-kāro hettha padasandhikaro. Nānāatthesūti atthapaṭisambhidāvisayesu paccayuppannādinānāatthesu. Dhammesūti dhammapaṭisambhidāvisayesu paccayādinānādhammesu. Niruttīsūti tesaṃyeva atthadhammānaṃ niddhāraṇavacanasaṅkhātāsu nānāniruttīsu. Paṭibhānesūti ettha atthapaṭisambhidādīsu visayabhūtesu, ‘‘imāni idamatthajotakānī’’ti (vibha. 725-745) tathā tathā paṭibhānato paṭibhānānīti laddhanāmesu ñāṇesu. Puthu nānāsīlakkhandhesūtiādīsu sīlassa puthuttaṃ nānattañca vuttameva. Itaresaṃ pana vuttanayānusārena suviññeyyattā pākaṭameva. Yaṃ pana abhinnaṃ ekameva nibbānaṃ, tattha upacāravasena puthuttaṃ gahetabbanti āha – ‘‘puthu nānājanasādhāraṇe dhamme samatikkammā’’ti. Tenassa madanimmadanādipariyāyena puthuttaṃ paridīpitaṃ hoti.
เอวํ วิสยวเสน ปญฺญาย มหตฺตํ ปุถุตฺตญฺจ ทเสฺสตฺวา อิทานิ สมฺปยุตฺตธมฺมวเสน หาสภาวํ, ปวตฺติอาการวเสน ชวนภาวํ, กิจฺจวเสน ติกฺขาทิภาวญฺจ ทเสฺสตุํ, ‘‘กตมา หาสปญฺญา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ หาสพหุโลติ ปีติพหุโลฯ เสสปทานิ ตเสฺสว เววจนานิฯ สีลํ ปริปูเรตีติ หฎฺฐปหโฎฺฐ อุทคฺคุทโคฺค หุตฺวา ปีติสหคตาย ปญฺญายฯ ปีติโสมนสฺสสหคตา หิ ปญฺญา อภิรติวเสน อารมฺมเณ ผุลฺลา วิกสิตา วิย ปวตฺตติ; น อุเปกฺขาสหคตาติ ปาติโมกฺขสีลํ ฐเปตฺวา หาสนียํ ปรํ ติวิธมฺปิ สีลํ ปริปูเรตีติ อโตฺถฯ วิสุํ วุตฺตตฺตา ปุน สีลกฺขนฺธมาหฯ สมาธิกฺขนฺธนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ
Evaṃ visayavasena paññāya mahattaṃ puthuttañca dassetvā idāni sampayuttadhammavasena hāsabhāvaṃ, pavattiākāravasena javanabhāvaṃ, kiccavasena tikkhādibhāvañca dassetuṃ, ‘‘katamā hāsapaññā’’tiādi vuttaṃ. Tattha hāsabahuloti pītibahulo. Sesapadāni tasseva vevacanāni. Sīlaṃ paripūretīti haṭṭhapahaṭṭho udaggudaggo hutvā pītisahagatāya paññāya. Pītisomanassasahagatā hi paññā abhirativasena ārammaṇe phullā vikasitā viya pavattati; na upekkhāsahagatāti pātimokkhasīlaṃ ṭhapetvā hāsanīyaṃ paraṃ tividhampi sīlaṃ paripūretīti attho. Visuṃ vuttattā puna sīlakkhandhamāha. Samādhikkhandhantiādīsupi eseva nayo.
รูปํ อนิจฺจโต ขิปฺปํ ชวตีติ รูปกฺขนฺธํ อนิจฺจนฺติ สีฆํ เวเคน ปวตฺติยา ปฎิปกฺขทูรีภาเวน ปุพฺพาภิสงฺขารสฺส สาติสยตฺตา อิเนฺทน วิสฺสฎฺฐวชิรํ วิย ลกฺขณํ ปฎิวิชฺฌนฺตี อทนฺธายนฺตี รูปกฺขเนฺธ อนิจฺจลกฺขณํ เวคสา ปฎิวิชฺฌติ, ตสฺมา สา ชวนปญฺญา นามาติ อโตฺถฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ เอวํ ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนาวเสน ชวนปญฺญํ ทเสฺสตฺวา พลววิปสฺสนาวเสน ทเสฺสตุํ, ‘‘รูป’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ขยเฎฺฐนาติ ยตฺถ ยตฺถ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ ตเตฺถว ภิชฺชนโต ขยสภาวตฺตาฯ ภยเฎฺฐนาติ ภยานกภาวโตฯ อสารกเฎฺฐนาติ อตฺตสารวิรหโต นิจฺจสาราทิวิรหโต จฯ ตุลยิตฺวาติ ตุลาภูตาย วิปสฺสนาปญฺญาย ตุเลตฺวาฯ ตีรยิตฺวาติ ตาย เอว ตีรณภูตาย ตีเรตฺวาฯ วิภาวยิตฺวาติ ยาถาวโต ปกาเสตฺวา ปญฺจกฺขนฺธํ วิภูตํ กตฺวาฯ รูปนิโรเธติ รูปกฺขนฺธสฺส นิโรธภูเต นิพฺพาเน นินฺนโปณปพฺภารวเสนฯ อิทานิ สิขาปฺปตฺตวิปสฺสนาวเสน ชวนปญฺญํ ทเสฺสตุํ, ปุน ‘‘รูป’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ วุฎฺฐานคามินิวิปสฺสนาวเสนาติ เกจิฯ
Rūpaṃaniccato khippaṃ javatīti rūpakkhandhaṃ aniccanti sīghaṃ vegena pavattiyā paṭipakkhadūrībhāvena pubbābhisaṅkhārassa sātisayattā indena vissaṭṭhavajiraṃ viya lakkhaṇaṃ paṭivijjhantī adandhāyantī rūpakkhandhe aniccalakkhaṇaṃ vegasā paṭivijjhati, tasmā sā javanapaññā nāmāti attho. Sesapadesupi eseva nayo. Evaṃ lakkhaṇārammaṇikavipassanāvasena javanapaññaṃ dassetvā balavavipassanāvasena dassetuṃ, ‘‘rūpa’’ntiādi vuttaṃ. Tattha khayaṭṭhenāti yattha yattha uppajjati, tattha tattheva bhijjanato khayasabhāvattā. Bhayaṭṭhenāti bhayānakabhāvato. Asārakaṭṭhenāti attasāravirahato niccasārādivirahato ca. Tulayitvāti tulābhūtāya vipassanāpaññāya tuletvā. Tīrayitvāti tāya eva tīraṇabhūtāya tīretvā. Vibhāvayitvāti yāthāvato pakāsetvā pañcakkhandhaṃ vibhūtaṃ katvā. Rūpanirodheti rūpakkhandhassa nirodhabhūte nibbāne ninnapoṇapabbhāravasena. Idāni sikhāppattavipassanāvasena javanapaññaṃ dassetuṃ, puna ‘‘rūpa’’ntiādi vuttaṃ. Vuṭṭhānagāminivipassanāvasenāti keci.
ญาณสฺส ติกฺขภาโว นาม สวิเสสํ ปฎิปกฺขสมุจฺฉินฺทเนน เวทิตโพฺพติ, ‘‘ขิปฺปํ กิเลเส ฉินฺทตีติ ติกฺขปญฺญา’’ติ วตฺวา เต ปน กิเลเส วิภาเคน ทเสฺสโนฺต, ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺก’’นฺติอาทิมาหฯ ติกฺขปโญฺญ หิ ขิปฺปาภิโญฺญ โหติ, ปฎิปทา จสฺส น จลตีติ อาห – ‘‘เอกสฺมิํ อาสเน จตฺตาโร อริยมคฺคา อธิคตา โหนฺตี’’ติอาทิฯ
Ñāṇassa tikkhabhāvo nāma savisesaṃ paṭipakkhasamucchindanena veditabboti, ‘‘khippaṃ kilese chindatīti tikkhapaññā’’ti vatvā te pana kilese vibhāgena dassento, ‘‘uppannaṃ kāmavitakka’’ntiādimāha. Tikkhapañño hi khippābhiñño hoti, paṭipadā cassa na calatīti āha – ‘‘ekasmiṃ āsane cattāro ariyamaggā adhigatā hontī’’tiādi.
‘‘สเพฺพ สงฺขารา อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา สงฺขตา ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนา ขยธมฺมา วยธมฺมา นิโรธธมฺมา’’ติ ยาถาวโต ทสฺสเนน สจฺจสมฺปฎิเวโธ อิชฺฌติ, น อญฺญถาติ การณมุเขน นิเพฺพธิกปญฺญํ ทเสฺสตุํ, ‘‘สพฺพสงฺขาเรสุ อุเพฺพคพหุโล โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อุเพฺพคพหุโลติ วุตฺตนเยน สพฺพสงฺขาเรสุ อภิณฺหํ ปวตฺตสํเวโคฯ อุตฺตาสพหุโลติ ญาณุตฺราสวเสน สพฺพสงฺขาเรสุ พหุโส อุตฺรสฺตมานโสฯ เตน อาทีนวานุปสฺสนมาหฯ อุกฺกณฺฐนพหุโลติ ปน อิมินา นิพฺพิทานุปสฺสนํ อาห – อรติพหุโลติอาทินา ตสฺสา เอว อปราปรุปฺปตฺติํฯ พหิมุโขติ สพฺพสงฺขารโต พหิภูตํ นิพฺพานํ อุทฺทิสฺส ปวตฺตญาณมุโข, ตถา วา ปวตฺติตวิโมกฺขมุโขฯ นิพฺพิชฺฌนํ นิเพฺพโธ, โส เอติสฺสา อตฺถิ, นิพฺพิชฺฌตีติ วา นิเพฺพธา, สาว ปญฺญา นิเพฺพธิกาฯ ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตนยตฺตา สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
‘‘Sabbe saṅkhārā aniccā dukkhā vipariṇāmadhammā saṅkhatā paṭiccasamuppannā khayadhammā vayadhammā nirodhadhammā’’ti yāthāvato dassanena saccasampaṭivedho ijjhati, na aññathāti kāraṇamukhena nibbedhikapaññaṃ dassetuṃ, ‘‘sabbasaṅkhāresuubbegabahulo hotī’’tiādi vuttaṃ. Tattha ubbegabahuloti vuttanayena sabbasaṅkhāresu abhiṇhaṃ pavattasaṃvego. Uttāsabahuloti ñāṇutrāsavasena sabbasaṅkhāresu bahuso utrastamānaso. Tena ādīnavānupassanamāha. Ukkaṇṭhanabahuloti pana iminā nibbidānupassanaṃ āha – aratibahulotiādinā tassā eva aparāparuppattiṃ. Bahimukhoti sabbasaṅkhārato bahibhūtaṃ nibbānaṃ uddissa pavattañāṇamukho, tathā vā pavattitavimokkhamukho. Nibbijjhanaṃ nibbedho, so etissā atthi, nibbijjhatīti vā nibbedhā, sāva paññā nibbedhikā. Yaṃ panettha atthato avibhattaṃ, taṃ heṭṭhā vuttanayattā suviññeyyameva.
ปชฺชติ เอเตน วิปสฺสนาทิโกติ ปทํ, สมาปตฺติ, ตสฺมา อนุปทนฺติ อนุสมาปตฺติโยติ อโตฺถฯ ปทํ วา สมฺมสนุปคา ธมฺมา วิปสฺสนาย ปวตฺติฎฺฐานภาวโตฯ เตนาห ‘‘สมาปตฺติวเสน วา’’ติ ฯ ฌานงฺควเสน วาติ ฌานงฺควเสนาติ จ อโตฺถฯ อฎฺฐกถายํ ปน กมโตฺถ อิธ ปทสโทฺท, ตสฺมา อนุปทํ อนุกฺกเมนาติ อยเมตฺถ อโตฺถติ อาห ‘‘อนุปฎิปาฎิยา’’ติฯ ธมฺมวิปสฺสนนฺติ ตํตํสมาปตฺติจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนานํ ธมฺมานํ วิปสฺสนํฯ วิปสฺสตีติ สมาปตฺติโย ฌานมุเขน เต เต ธเมฺม ยาถาวโต ปริคฺคเหตฺวา, ‘‘อิติปิ ทุกฺขา’’ติอาทินา สมฺมสติฯ อทฺธมาเสน อรหตฺตํ ปโตฺต อุกฺกํสคตสฺส สาวกานํ สมฺมสนจารสฺส นิปฺปเทเสน ปวตฺติยมานตฺตา, สาวกปารมีญาณสฺส จ ตถา ปฎิปาเทตพฺพตฺตาฯ เอวํ สเนฺตปีติ ยทิปิ มหาโมคฺคลฺลานเตฺถโร น จิรเสฺสว อรหตฺตํ ปโตฺต; ธมฺมเสนาปติ ปน ตโต จิเรน, เอวํ สเนฺตปิ ยสฺมา โมคฺคลฺลานเตฺถโรปิ มหาปโญฺญว, ตสฺมา สาริปุตฺตเตฺถโรว มหาปญฺญตโรติฯ อิทานิ ตมตฺถํ ปากฎตรํ กาตุํ, ‘‘มหาโมคฺคลฺลานเตฺถโร หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สมฺมสนํ จรติ เอตฺถาติ สมฺมสนจาโร, วิปสฺสนาภูมิ, ตํ สมฺมสนจารํฯ เอกเทสเมวาติ สกอตฺตภาเว สงฺขาเร อนวเสสโต ปริคฺคเหตุญฺจ สมฺมสิตุญฺจ อสโกฺกนฺตํ อตฺตโน อภินีหารสมุทาคตญาณพลานุรูปํ เอกเทสเมว ปริคฺคเหตฺวา สมฺมสโนฺตฯ นนุ จ ‘‘สพฺพํ, ภิกฺขเว, อนภิชานํ อปริชานํ อวิราชยํ อปฺปชหํ อภโพฺพ ทุกฺขกฺขยายา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๖) วจนโต วฎฺฎทุกฺขโต มุจฺจิตุกาเมน สพฺพํ ปริเญฺญยฺยํ ปริชานิตพฺพเมว? สจฺจเมตํ, ตญฺจ โข สมฺมสนุปคธมฺมวเสน วุตฺตํฯ ตสฺมา สสนฺตานคเต สพฺพธเมฺม , ปรสนฺตานคเต จ เตสํ สนฺตานวิภาคํ อกตฺวา พหิทฺธาภาวสามญฺญโต สมฺมสนํ, อยํ สาวกานํ สมฺมสนจาโรฯ เถโร ปน พหิทฺธาธเมฺมปิ สนฺตานวิภาเคน เกจิ เกจิ อุทฺธริตฺวา สมฺมสิ, ตญฺจ โข ญาเณน ผุฎฺฐมตฺตํ กตฺวาฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ยฎฺฐิโกฎิยา อุปฺปีเฬโนฺต วิย เอกเทสเมว สมฺมสโนฺต’’ติฯ ตตฺถ ญาเณน นาม ยาวตา เนยฺยํ ปวตฺติตพฺพํ, ตถา อปวตฺตนโต ‘‘ยฎฺฐิโกฎิยา อุปฺปีเฬโนฺต วิยา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อนุปทธมฺมวิปสฺสนาย อภาวโต ‘‘เอกเทสเมว สมฺมสโนฺต’’ติ วุตฺตํฯ
Pajjati etena vipassanādikoti padaṃ, samāpatti, tasmā anupadanti anusamāpattiyoti attho. Padaṃ vā sammasanupagā dhammā vipassanāya pavattiṭṭhānabhāvato. Tenāha ‘‘samāpattivasena vā’’ti . Jhānaṅgavasena vāti jhānaṅgavasenāti ca attho. Aṭṭhakathāyaṃ pana kamattho idha padasaddo, tasmā anupadaṃ anukkamenāti ayamettha atthoti āha ‘‘anupaṭipāṭiyā’’ti. Dhammavipassananti taṃtaṃsamāpatticittuppādapariyāpannānaṃ dhammānaṃ vipassanaṃ. Vipassatīti samāpattiyo jhānamukhena te te dhamme yāthāvato pariggahetvā, ‘‘itipi dukkhā’’tiādinā sammasati. Addhamāsena arahattaṃ patto ukkaṃsagatassa sāvakānaṃ sammasanacārassa nippadesena pavattiyamānattā, sāvakapāramīñāṇassa ca tathā paṭipādetabbattā. Evaṃ santepīti yadipi mahāmoggallānatthero na cirasseva arahattaṃ patto; dhammasenāpati pana tato cirena, evaṃ santepi yasmā moggallānattheropi mahāpaññova, tasmā sāriputtattherova mahāpaññataroti. Idāni tamatthaṃ pākaṭataraṃ kātuṃ, ‘‘mahāmoggallānatthero hī’’tiādi vuttaṃ. Sammasanaṃ carati etthāti sammasanacāro, vipassanābhūmi, taṃ sammasanacāraṃ. Ekadesamevāti sakaattabhāve saṅkhāre anavasesato pariggahetuñca sammasituñca asakkontaṃ attano abhinīhārasamudāgatañāṇabalānurūpaṃ ekadesameva pariggahetvā sammasanto. Nanu ca ‘‘sabbaṃ, bhikkhave, anabhijānaṃ aparijānaṃ avirājayaṃ appajahaṃ abhabbo dukkhakkhayāyā’’ti (saṃ. ni. 4.26) vacanato vaṭṭadukkhato muccitukāmena sabbaṃ pariññeyyaṃ parijānitabbameva? Saccametaṃ, tañca kho sammasanupagadhammavasena vuttaṃ. Tasmā sasantānagate sabbadhamme , parasantānagate ca tesaṃ santānavibhāgaṃ akatvā bahiddhābhāvasāmaññato sammasanaṃ, ayaṃ sāvakānaṃ sammasanacāro. Thero pana bahiddhādhammepi santānavibhāgena keci keci uddharitvā sammasi, tañca kho ñāṇena phuṭṭhamattaṃ katvā. Tena vuttaṃ – ‘‘yaṭṭhikoṭiyā uppīḷento viya ekadesameva sammasanto’’ti. Tattha ñāṇena nāma yāvatā neyyaṃ pavattitabbaṃ, tathā apavattanato ‘‘yaṭṭhikoṭiyā uppīḷento viyā’’tiādi vuttaṃ. Anupadadhammavipassanāya abhāvato ‘‘ekadesameva sammasanto’’ti vuttaṃ.
พุทฺธานํ สมฺมสนจาโร ทสสหสฺสิโลกธาตุยํ สตฺตสนฺตานคตา, อนินฺทฺริยพทฺธา จ สงฺขาราติ วทนฺติ, โกฎิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสูติ อปเรฯ ตถา หิ อทฺธตฺตยวเสน ปฎิจฺจสมุปฺปาทนยํ โอสริตฺวา ฉตฺติํสโกฎิสตสหสฺสมุเขน พุทฺธานํ มหาวชิรญาณํ ปวตฺตํฯ ปเจฺจกพุทฺธานํ สสนฺตานคเตหิ สทฺธิํ มชฺฌิมเทสวาสิสตฺตสนฺตานคตา อนินฺทฺริยพทฺธา จ สมฺมสนจาโรติ วทนฺติ, ชมฺพุทีปวาสิสตฺตสนฺตานคตาติ เกจิฯ ธมฺมเสนาปติโนปิ ยถาวุตฺตสาวกานํ วิปสฺสนาภูมิเยว สมฺมสนจาโรฯ ตตฺถ ปน เถโร สาติสยํ นิรวเสสํ อนุปทธมฺมํ วิปสฺสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘สาวกานํ สมฺมสนจารํ นิปฺปเทสํ สมฺมสี’’ติฯ
Buddhānaṃ sammasanacāro dasasahassilokadhātuyaṃ sattasantānagatā, anindriyabaddhā ca saṅkhārāti vadanti, koṭisatasahassacakkavāḷesūti apare. Tathā hi addhattayavasena paṭiccasamuppādanayaṃ osaritvā chattiṃsakoṭisatasahassamukhena buddhānaṃ mahāvajirañāṇaṃ pavattaṃ. Paccekabuddhānaṃ sasantānagatehi saddhiṃ majjhimadesavāsisattasantānagatā anindriyabaddhā ca sammasanacāroti vadanti, jambudīpavāsisattasantānagatāti keci. Dhammasenāpatinopi yathāvuttasāvakānaṃ vipassanābhūmiyeva sammasanacāro. Tattha pana thero sātisayaṃ niravasesaṃ anupadadhammaṃ vipassi. Tena vuttaṃ – ‘‘sāvakānaṃ sammasanacāraṃ nippadesaṃ sammasī’’ti.
ตตฺถ ‘‘สาวกานํ วิปสฺสนาภูมี’’ติ เอตฺถ สุกฺขวิปสฺสกา โลกิยาภิญฺญปฺปตฺตา ปกติสาวกา อคฺคสาวกา ปเจฺจกพุทฺธา สมฺมาสมฺพุทฺธาติ ฉสุ ชเนสุ สุกฺขวิปสฺสกานํ ฌานาภิญฺญาหิ อนธิคตปญฺญาเนปุญฺญตฺตา อนฺธานํ วิย อิจฺฉิตปเทโสกฺกมนํ วิปสฺสนากาเล อิจฺฉิกิจฺฉิตธมฺมวิปสฺสนา นตฺถิฯ เต ยถาปริคฺคหิตธมฺมมเตฺตเยว ฐตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒนฺติฯ โลกิยาภิญฺญปฺปตฺตา ปน ปกติสาวกา เยน มุเขน วิปสฺสนํ อารภนฺติ; ตโต อเญฺญน วิปสฺสนํ วิตฺถาริกํ กาตุํ สโกฺกนฺติ วิปุลญาณตฺตาฯ มหาสาวกา อภินีหารสมฺปนฺนตฺตา ตโต สาติสยํ วิปสฺสนํ วิตฺถาริกํ กาตุํ สโกฺกนฺติฯ อคฺคสาวเกสุ ทุติโย อภินีหารสมฺปตฺติยา สมาธานสฺส สาติสยตฺตา วิปสฺสนํ ตโตปิ วิตฺถาริกํ กโรติฯ ปฐโม ปน ตโต มหาปญฺญตาย สาวเกหิ อสาธารณํ วิตฺถาริกํ กโรติฯ ปเจฺจกพุโทฺธ เตหิปิ มหาภินีหารตาย อตฺตโน อภินีหารานุรูปํ ตโตปิ วิตฺถาริกวิปสฺสนํ กโรนฺติฯ พุทฺธานํ, สมฺมเทว, ปริปูริตปญฺญาปารมิปภาวิต-สพฺพญฺญุตญฺญาณาธิคมนสฺส อนุรูปายาติฯ ยถา นาม กตวาลเวธปริจเยน สรภงฺคสทิเสน ธนุคฺคเหน ขิโตฺต สโร อนฺตรา รุกฺขลตาทีสุ อสชฺชมาโน ลกฺขเณเยว ปตติ; น สชฺชติ น วิรชฺฌติ, เอวํ อนฺตรา อสชฺชมานา อวิรชฺฌมานา วิปสฺสนา สมฺมสนียธเมฺมสุ ยาถาวโต นานานเยหิ ปวตฺตติฯ ยํ มหาญาณนฺติ วุจฺจติ, ตสฺส ปวตฺติอาการเภโท คณโต วุโตฺตเยวฯ
Tattha ‘‘sāvakānaṃ vipassanābhūmī’’ti ettha sukkhavipassakā lokiyābhiññappattā pakatisāvakā aggasāvakā paccekabuddhā sammāsambuddhāti chasu janesu sukkhavipassakānaṃ jhānābhiññāhi anadhigatapaññānepuññattā andhānaṃ viya icchitapadesokkamanaṃ vipassanākāle icchikicchitadhammavipassanā natthi. Te yathāpariggahitadhammamatteyeva ṭhatvā vipassanaṃ vaḍḍhenti. Lokiyābhiññappattā pana pakatisāvakā yena mukhena vipassanaṃ ārabhanti; tato aññena vipassanaṃ vitthārikaṃ kātuṃ sakkonti vipulañāṇattā. Mahāsāvakā abhinīhārasampannattā tato sātisayaṃ vipassanaṃ vitthārikaṃ kātuṃ sakkonti. Aggasāvakesu dutiyo abhinīhārasampattiyā samādhānassa sātisayattā vipassanaṃ tatopi vitthārikaṃ karoti. Paṭhamo pana tato mahāpaññatāya sāvakehi asādhāraṇaṃ vitthārikaṃ karoti. Paccekabuddho tehipi mahābhinīhāratāya attano abhinīhārānurūpaṃ tatopi vitthārikavipassanaṃ karonti. Buddhānaṃ, sammadeva, paripūritapaññāpāramipabhāvita-sabbaññutaññāṇādhigamanassa anurūpāyāti. Yathā nāma katavālavedhaparicayena sarabhaṅgasadisena dhanuggahena khitto saro antarā rukkhalatādīsu asajjamāno lakkhaṇeyeva patati; na sajjati na virajjhati, evaṃ antarā asajjamānā avirajjhamānā vipassanā sammasanīyadhammesu yāthāvato nānānayehi pavattati. Yaṃ mahāñāṇanti vuccati, tassa pavattiākārabhedo gaṇato vuttoyeva.
เอเตสุ จ สุกฺขวิปสฺสกานํ วิปสฺสนาจาโร ขโชฺชตปภาสทิโส, อภิญฺญปฺปตฺตปกติสาวกานํ ทีปปภาสทิโส, มหาสาวกานํ โอกฺกาปภาสทิโส, อคฺคสาวกานํ โอสธิตารกาปภาสทิโส, ปเจฺจกพุทฺธานํ จนฺทปภาสทิโส, สมฺมาสมฺพุทฺธานํ รสฺมิสหสฺสปฎิมณฺฑิตสรทสูริยมณฺฑลสทิโส อุปฎฺฐาสิฯ ตถา สุกฺขวิปสฺสกานํ วิปสฺสนาจาโร อนฺธานํ ยฎฺฐิโกฎิยา คมนสทิโส, โลกิยาภิญฺญปฺปตฺตปกติสาวกานํ ทณฺฑกเสตุคมนสทิโส, มหาสาวกานํ ชงฺฆเสตุคมนสทิโส, อคฺคสาวกานํ สกฎเสตุคมนสทิโส, ปเจฺจกพุทฺธานํ มหาชงฺฆมคฺคคมนสทิโส, สมฺมาสมฺพุทฺธานํ มหาสกมคฺคคมนสทิโสติ เวทิตโพฺพฯ
Etesu ca sukkhavipassakānaṃ vipassanācāro khajjotapabhāsadiso, abhiññappattapakatisāvakānaṃ dīpapabhāsadiso, mahāsāvakānaṃ okkāpabhāsadiso, aggasāvakānaṃ osadhitārakāpabhāsadiso, paccekabuddhānaṃ candapabhāsadiso, sammāsambuddhānaṃ rasmisahassapaṭimaṇḍitasaradasūriyamaṇḍalasadiso upaṭṭhāsi. Tathā sukkhavipassakānaṃ vipassanācāro andhānaṃ yaṭṭhikoṭiyā gamanasadiso, lokiyābhiññappattapakatisāvakānaṃ daṇḍakasetugamanasadiso, mahāsāvakānaṃ jaṅghasetugamanasadiso, aggasāvakānaṃ sakaṭasetugamanasadiso, paccekabuddhānaṃ mahājaṅghamaggagamanasadiso, sammāsambuddhānaṃ mahāsakamaggagamanasadisoti veditabbo.
อรหตฺตญฺจ กิร ปตฺวาติ เอตฺถ กิร-สโทฺท อนุสฺสวลโทฺธยมโตฺถติ ทีเปตุํ วุโตฺตฯ ปตฺวา อญฺญาสิ อตฺตโน วิปสฺสนาจารสฺส มหาวิสยตฺตา ติกฺขวิสทสูรภาวสฺส จ สลฺลกฺขเณนฯ กถํ ปนายํ มหาเถโร ทนฺธํ อรหตฺตํ ปาปุณโนฺต สีฆํ อรหตฺตํ ปตฺตโต ปญฺญาย อตฺตานํ สาติสยํ กตฺวา อญฺญาสีติ อาห – ‘‘ยถา หี’’ติอาทิฯ มหาชฎนฺติ มหาชาลสาขํ อติวิย สิพฺพิตชาลํฯ ยฎฺฐิํ ปน สารํ วา อุชุํ วา น ลภติ เวณุคฺคหเณ อนุจฺจินิตฺวา เวณุสฺส คหิตตฺตาฯ เอวํสมฺปทนฺติ ยถา เตสุ ปุริเสสุ เอโก เวฬุคฺคหเณ อนุจฺจินิตฺวา เวฬุยฎฺฐิํ คณฺหาติ, เอโก อุจฺจินิตฺวา, เอวํ นิปฺผตฺติกํฯ ปธานนฺติ ภาวนานุยุญฺชนํฯ
Arahattañca kira patvāti ettha kira-saddo anussavaladdhoyamatthoti dīpetuṃ vutto. Patvā aññāsi attano vipassanācārassa mahāvisayattā tikkhavisadasūrabhāvassa ca sallakkhaṇena. Kathaṃ panāyaṃ mahāthero dandhaṃ arahattaṃ pāpuṇanto sīghaṃ arahattaṃ pattato paññāya attānaṃ sātisayaṃ katvā aññāsīti āha – ‘‘yathā hī’’tiādi. Mahājaṭanti mahājālasākhaṃ ativiya sibbitajālaṃ. Yaṭṭhiṃ pana sāraṃ vā ujuṃ vā na labhati veṇuggahaṇe anuccinitvā veṇussa gahitattā. Evaṃsampadanti yathā tesu purisesu eko veḷuggahaṇe anuccinitvā veḷuyaṭṭhiṃ gaṇhāti, eko uccinitvā, evaṃ nipphattikaṃ. Padhānanti bhāvanānuyuñjanaṃ.
สตฺตสฎฺฐิ ญาณานีติ ปฎิสมฺภิทามเคฺค (ปฎิ. ม. ๑.๗๓ มาติกา) อาคเตสุ เตสตฺตติยา ญาเณสุ ฐเปตฺวา ฉ อสาธารณญาณานิ สุตมยญาณาทีนิ ปฎิภานปฎิสมฺภิทาญาณปริโยสานานิ สตฺตสฎฺฐิ ญาณานิฯ ตานิ หิ สาวเกหิ ปวิจิตพฺพานิ, น อิตรานิฯ โสฬสวิธํ ปญฺญนฺติ (สํ. นิ. อฎฺฐ. ๓.๕.๓๗๙; สํ. นิ. ฎี. ๓.๕.๓๗๙) มหาปญฺญาทิกา, นวานุปุพฺพวิหารสมาปตฺติปญฺญาติ อิทํ โสฬสวิธํ ปญฺญํฯ
Sattasaṭṭhiñāṇānīti paṭisambhidāmagge (paṭi. ma. 1.73 mātikā) āgatesu tesattatiyā ñāṇesu ṭhapetvā cha asādhāraṇañāṇāni sutamayañāṇādīni paṭibhānapaṭisambhidāñāṇapariyosānāni sattasaṭṭhi ñāṇāni. Tāni hi sāvakehi pavicitabbāni, na itarāni. Soḷasavidhaṃ paññanti (saṃ. ni. aṭṭha. 3.5.379; saṃ. ni. ṭī. 3.5.379) mahāpaññādikā, navānupubbavihārasamāpattipaññāti idaṃ soḷasavidhaṃ paññaṃ.
ตตฺราติ ตสฺสฯ อิทํ โหตีติ อิทํ ทานิ วุจฺจมานํ อนุปุพฺพสมฺมสนํ โหติฯ วิปสฺสนาโกฎฺฐาสนฺติ วิตกฺกาทิสมฺมสิตพฺพธมฺมวิภาเคน วิภตฺตวิปสฺสนาภาคํฯ
Tatrāti tassa. Idaṃ hotīti idaṃ dāni vuccamānaṃ anupubbasammasanaṃ hoti. Vipassanākoṭṭhāsanti vitakkādisammasitabbadhammavibhāgena vibhattavipassanābhāgaṃ.
๙๔. ปฐเม ฌาเนติ อุปสิเลเส ภุมฺมํ, ตสฺมา เย ปฐเม ฌาเน ธมฺมาติ เย ปฐมชฺฌานสํสฎฺฐา ธมฺมาติ อโตฺถฯ อโนฺตสมาปตฺติยนฺติ จ สมาปตฺติสหคเต จิตฺตุปฺปาเท สมาปตฺติสมญฺญํ อาโรเปตฺวา วุตฺตํฯ ววตฺถิตาติ กตววตฺถนา นิจฺฉิตาฯ ปริจฺฉินฺนาติ ญาเณน ปริจฺฉินฺนา สลกฺขณโต ปริจฺฉิชฺช ญาตาฯ โอโลเกโนฺตติ ญาณจกฺขุนา ปจฺจกฺขโต ปสฺสโนฺตฯ อภินิโรปนํ อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อาโรปนํฯ อนุมชฺชนํ อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อนุวิจารณํฯ ผรณํ ปณีตรูเปหิ กายสฺส พฺยาปนํ, วิปฺผาริกภาโว วาฯ สาตนฺติ สาตมธุรตาฯ อธิเกฺขโป วิเกฺขปสฺส ปฎิปกฺขภูตํ สมาธานํฯ ผุสนํ อินฺทฺริยวิสยวิญฺญาณสฺส ตโต อุปฺปชฺชิตฺวา อารมฺมเณ ผุสนากาเรน วิย ปวตฺติฯ เวทยิตํ อารมฺมณานุภวนํฯ สญฺชานนํ นีลาทิวเสน อารมฺมณสฺส สลฺลกฺขณํฯ เจตยิตํ เจตโส พฺยาปาโรฯ วิชานนํ อารมฺมณูปลทฺธิฯ กตฺตุกมฺยตา จิตฺตสฺส อารมฺมเณน อตฺถิกตาฯ ตสฺมิํ อารมฺมเณ อธิมุจฺจนํ, สนฺนิฎฺฐานํ วา อธิโมโกฺขฯ โกสชฺชปเกฺข ปติตุํ อทตฺวา จิตฺตสฺส ปคฺคณฺหนํ ปคฺคาโห, อธิคฺคโหติ อโตฺถฯ อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา ฐานํ, อนิสฺสชฺชนํ วา อุปฎฺฐานํฯ สมปฺปวเตฺตสุ อเสฺสสุ สารถิ วิย สกิจฺจปสุเตสุ สมฺปยุเตฺตสุ อชฺฌุเปกฺขนํ มชฺฌตฺตตาฯ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อารมฺมเณ อนุนยนํ สํจรณํ อนุนโยฯ สภาวโตติ ยถาภูตสภาวโตฯ โสฬสนฺนํ เอว เจตฺถ ธมฺมานํ คหณํ เตสํเยว เถเรน ววตฺถาปิตภาวโต, เต เอวสฺส ตทา อุปฎฺฐหิํสุ, น อิตเรติ วทนฺติฯ วีริยสติคฺคหเณน เจตฺถ อินฺทฺริยภาวสามญฺญโต สทฺธาปญฺญา; สติคฺคหเณเนว เอกนฺตานวชฺชภาวสามญฺญโต ปสฺสทฺธิอาทโย ฉ ยุคฬา; อโลภาโทสา จ สงฺคหิตา ฌานจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนตฺตา เตสํ ธมฺมานํฯ เถเรน จ ธมฺมา ววตฺถานสามญฺญโต อารทฺธาฯ เต น อุปฎฺฐหิํสูติ น สกฺกา วตฺตุนฺติ อปเรฯ
94.Paṭhame jhāneti upasilese bhummaṃ, tasmā ye paṭhame jhāne dhammāti ye paṭhamajjhānasaṃsaṭṭhā dhammāti attho. Antosamāpattiyanti ca samāpattisahagate cittuppāde samāpattisamaññaṃ āropetvā vuttaṃ. Vavatthitāti katavavatthanā nicchitā. Paricchinnāti ñāṇena paricchinnā salakkhaṇato paricchijja ñātā. Olokentoti ñāṇacakkhunā paccakkhato passanto. Abhiniropanaṃ ārammaṇe cittassa āropanaṃ. Anumajjanaṃ ārammaṇe cittassa anuvicāraṇaṃ. Pharaṇaṃ paṇītarūpehi kāyassa byāpanaṃ, vipphārikabhāvo vā. Sātanti sātamadhuratā. Adhikkhepo vikkhepassa paṭipakkhabhūtaṃ samādhānaṃ. Phusanaṃ indriyavisayaviññāṇassa tato uppajjitvā ārammaṇe phusanākārena viya pavatti. Vedayitaṃ ārammaṇānubhavanaṃ. Sañjānanaṃ nīlādivasena ārammaṇassa sallakkhaṇaṃ. Cetayitaṃ cetaso byāpāro. Vijānanaṃ ārammaṇūpaladdhi. Kattukamyatā cittassa ārammaṇena atthikatā. Tasmiṃ ārammaṇe adhimuccanaṃ, sanniṭṭhānaṃ vā adhimokkho. Kosajjapakkhe patituṃ adatvā cittassa paggaṇhanaṃ paggāho, adhiggahoti attho. Ārammaṇaṃ upagantvā ṭhānaṃ, anissajjanaṃ vā upaṭṭhānaṃ. Samappavattesu assesu sārathi viya sakiccapasutesu sampayuttesu ajjhupekkhanaṃ majjhattatā. Sampayuttadhammānaṃ ārammaṇe anunayanaṃ saṃcaraṇaṃ anunayo. Sabhāvatoti yathābhūtasabhāvato. Soḷasannaṃ eva cettha dhammānaṃ gahaṇaṃ tesaṃyeva therena vavatthāpitabhāvato, te evassa tadā upaṭṭhahiṃsu, na itareti vadanti. Vīriyasatiggahaṇena cettha indriyabhāvasāmaññato saddhāpaññā; satiggahaṇeneva ekantānavajjabhāvasāmaññato passaddhiādayo cha yugaḷā; alobhādosā ca saṅgahitā jhānacittuppādapariyāpannattā tesaṃ dhammānaṃ. Therena ca dhammā vavatthānasāmaññato āraddhā. Te na upaṭṭhahiṃsūti na sakkā vattunti apare.
วิทิตา อุปฺปชฺชนฺตีติ อุปฺปาเทปิ เนสํ เวทนานํ ปชานนํ โหติเยวาติ อโตฺถฯ เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ ตํ ชานาตีติ ตํญาโณ, ตสฺส ภาโว ตํญาณตา, ญาณสฺส อตฺตสํเวทนนฺติ อโตฺถฯ ตํสมานโยคกฺขมาหิ สมฺปยุตฺตธมฺมาฯ ญาณพหุตาติ ญาณสฺส พหุภาโว, เอกจิตฺตุปฺปาเท อเนกญาณตาติ อโตฺถฯ อิทานิ ตเมวตฺถํ วิวริตุํ, ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ น สกฺกา ชานิตุํ อารมฺมณกรณสฺส อภาวโตฯ อสโมฺมหาวโพโธ จ อีทิสสฺส ญาณสฺส นตฺถิฯ เอเกกเมว ญาณํ อุปฺปชฺชติ ตสฺมิํ ขเณ เอกเสฺสว อาวชฺชนสฺส อุปฺปชฺชนโต, น จ อาวชฺชเนน วินา จิตฺตุปฺปตฺติ อตฺถิฯ วุตฺตเญฺหตํ –
Viditā uppajjantīti uppādepi nesaṃ vedanānaṃ pajānanaṃ hotiyevāti attho. Sesapadadvayepi eseva nayo. Taṃ jānātīti taṃñāṇo, tassa bhāvo taṃñāṇatā, ñāṇassa attasaṃvedananti attho. Taṃsamānayogakkhamāhi sampayuttadhammā. Ñāṇabahutāti ñāṇassa bahubhāvo, ekacittuppāde anekañāṇatāti attho. Idāni tamevatthaṃ vivarituṃ, ‘‘yathā hī’’tiādi vuttaṃ. Na sakkā jānituṃ ārammaṇakaraṇassa abhāvato. Asammohāvabodho ca īdisassa ñāṇassa natthi. Ekekameva ñāṇaṃ uppajjati tasmiṃ khaṇe ekasseva āvajjanassa uppajjanato, na ca āvajjanena vinā cittuppatti atthi. Vuttañhetaṃ –
‘‘จุลฺลาสีติสหสฺสานิ, กปฺปา ติฎฺฐนฺติ เย มรู;
‘‘Cullāsītisahassāni, kappā tiṭṭhanti ye marū;
น เตฺวว เตปิ ชีวนฺติ, ทฺวีหิ จิเตฺตหิ สํยุตา’’ติฯ (มหานิ. ๑๐, ๓๙) จ,
Na tveva tepi jīvanti, dvīhi cittehi saṃyutā’’ti. (mahāni. 10, 39) ca,
‘‘นตฺถิ จิเตฺต ยุคา คหี’’ติ จ –
‘‘Natthi citte yugā gahī’’ti ca –
วตฺถารมฺมณานํ ปริคฺคหิตตายาติ ยสฺมิญฺจ อารมฺมเณ เย ฌานธมฺมา ปวตฺตนฺติ, เตสํ วตฺถารมฺมณานํ ปเคว ญาเณน ปริจฺฉิชฺช คหิตตฺตาฯ ยถา นาม มิคสูกราทีนํ อาสเยปริคฺคหิเต ตตฺร ฐิตา มิคา วา สูกรา วา ตโต อุฎฺฐานโตปิ อาคมนโตปิ เนสาทสฺส สุขคฺคหณา โหนฺติ, เอวํสมฺปทมิทํฯ เตนาห ‘‘เถเรน หี’’ติอาทิฯ เตนาติ วตฺถารมฺมณานํ ปริคฺคหิตภาเวนฯ อสฺสาติ เถรสฺสฯ เตสํ ธมฺมานนฺติ ฌานจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนานํ ธมฺมานํฯ อุปฺปาทํ อาวชฺชนฺตสฺสาติอาทินา อุปฺปาทาทีสุ ยํ ยเทว อารพฺภ ญาณํ อุปฺปชฺชติ; ตสฺมิํ ตสฺมิํ ขเณ ตสฺส ตเสฺสว จสฺส ปากฎภาโว ทีปิโตฯ น หิ อาวชฺชเนน วินา ญาณํ อุปฺปชฺชติฯ อหุตฺวา สโมฺภนฺตีติ ปุเพฺพ อวิชฺชมานา หุตฺวา สมฺภวนฺติ, อนุปฺปนฺนา อุปฺปชฺชนฺตีติ อโตฺถฯ อุทยํ ปสฺสติ เตสํ ธมฺมานํ, ‘‘อหุตฺวา สโมฺภนฺตี’’ติ อุปฺปาทกฺขณสมงฺคิภาวทสฺสนโตฯ ปุเพฺพ อภาวโพธโก หิ อตฺตลาโภ ธมฺมานํ อุทโยฯ หุตฺวาติ อุปฺปชฺชิตฺวาฯ ปฎิเวนฺตีติ ปฎิ ขเณ ขเณ วินสฺสนฺติฯ วยํ ปสฺสติ, ‘‘หุตฺวา ปฎิเวนฺตี’’ติ เตสํ ธมฺมานํ ภงฺคกฺขณสมงฺคิภาวทสฺสนโตฯ วิทฺธํสภาวโพธโก หิ ธมฺมานํ วิชฺชมานโต วโยฯ
Vatthārammaṇānaṃ pariggahitatāyāti yasmiñca ārammaṇe ye jhānadhammā pavattanti, tesaṃ vatthārammaṇānaṃ pageva ñāṇena paricchijja gahitattā. Yathā nāma migasūkarādīnaṃ āsayepariggahite tatra ṭhitā migā vā sūkarā vā tato uṭṭhānatopi āgamanatopi nesādassa sukhaggahaṇā honti, evaṃsampadamidaṃ. Tenāha ‘‘therena hī’’tiādi. Tenāti vatthārammaṇānaṃ pariggahitabhāvena. Assāti therassa. Tesaṃ dhammānanti jhānacittuppādapariyāpannānaṃ dhammānaṃ. Uppādaṃ āvajjantassātiādinā uppādādīsu yaṃ yadeva ārabbha ñāṇaṃ uppajjati; tasmiṃ tasmiṃ khaṇe tassa tasseva cassa pākaṭabhāvo dīpito. Na hi āvajjanena vinā ñāṇaṃ uppajjati. Ahutvā sambhontīti pubbe avijjamānā hutvā sambhavanti, anuppannā uppajjantīti attho. Udayaṃ passati tesaṃ dhammānaṃ, ‘‘ahutvā sambhontī’’ti uppādakkhaṇasamaṅgibhāvadassanato. Pubbe abhāvabodhako hi attalābho dhammānaṃ udayo. Hutvāti uppajjitvā. Paṭiventīti paṭi khaṇe khaṇe vinassanti. Vayaṃ passati, ‘‘hutvā paṭiventī’’ti tesaṃ dhammānaṃ bhaṅgakkhaṇasamaṅgibhāvadassanato. Viddhaṃsabhāvabodhako hi dhammānaṃ vijjamānato vayo.
เตสุ ธเมฺมสุ นตฺถิ เอตสฺส อุปโย ราควเสน อุปคมนนฺติ อนุปโย, อนนุโรโธฯ หุตฺวา วิหรตีติ โยชนาฯ ตถา นตฺถิ เอตสฺส อปาโย ปฎิฆวเสน อปคมนนฺติ อนปาโย, อวิโรโธฯ ‘‘เอตํ มม, เอโส เม อตฺถา’’ติ ตสฺส ตณฺหาทิฎฺฐิอภินิเวสาภาวโต ตณฺหาทิฎฺฐินิสฺสเยหิ อนิสฺสิโตฯ อปฺปฎิพโทฺธติ อนุปยานิสฺสิตภาวโต วิปสฺสนาย ปริพนฺธวเสน ฉนฺทราเคน น ปฎิพโทฺธ น วิพนฺธิโตฯ วิปฺปมุโตฺตติ ตโต เอว วิกฺขมฺภนวิมุตฺติวเสน กามราคโต วิมุโตฺตฯ วิสํยุโตฺต วิกฺขมฺภนวเสเนว ปฎิปกฺขธเมฺมหิ วิสํยุโตฺตฯ
Tesu dhammesu natthi etassa upayo rāgavasena upagamananti anupayo, ananurodho. Hutvā viharatīti yojanā. Tathā natthi etassa apāyo paṭighavasena apagamananti anapāyo, avirodho. ‘‘Etaṃ mama, eso me atthā’’ti tassa taṇhādiṭṭhiabhinivesābhāvato taṇhādiṭṭhinissayehi anissito. Appaṭibaddhoti anupayānissitabhāvato vipassanāya paribandhavasena chandarāgena na paṭibaddho na vibandhito. Vippamuttoti tato eva vikkhambhanavimuttivasena kāmarāgato vimutto. Visaṃyutto vikkhambhanavaseneva paṭipakkhadhammehi visaṃyutto.
กิเลสมริยาทา เตน กตา ภเวยฺยาติ อโนฺตสมาปตฺติยํ ปวเตฺต โสฬส ธเมฺม อารพฺภ ปวตฺตมานํ วิปสฺสนาวีถิํ ภินฺทิตฺวา สเจ ราคาทโย อุปฺปเชฺชยฺยุํ; ตสฺส วิปสฺสนาวีถิยา กิเลสมริยาทา เตน จิเตฺตน, จิตฺตสมงฺคินา วา กตา ภเวยฺยฯ เตสูติ เตสุ ธเมฺมสุฯ อสฺสาติ เถรสฺสฯ เอโกปีติ ราคาทีสุ เอโกปีติ จ วทนฺติฯ วุตฺตากาเรน เอกจฺจานํ อนาปาถคมเน สติ วิปสฺสนา น เตสุ ธเมฺมสุ นิรนฺตรปฺปวตฺตาติ อารมฺมณมริยาทา ภเวยฺยฯ วิกฺขมฺภิตปจฺจนีกตฺตาติ วิปสฺสนาย ปฎิปกฺขธมฺมานํ ปเคว วิกฺขมฺภิตตฺตา อิทานิปิ วิกฺขเมฺภตพฺพา กิเลสา นตฺถีติ วุตฺตํฯ
Kilesamariyādā tena katā bhaveyyāti antosamāpattiyaṃ pavatte soḷasa dhamme ārabbha pavattamānaṃ vipassanāvīthiṃ bhinditvā sace rāgādayo uppajjeyyuṃ; tassa vipassanāvīthiyā kilesamariyādā tena cittena, cittasamaṅginā vā katā bhaveyya. Tesūti tesu dhammesu. Assāti therassa. Ekopīti rāgādīsu ekopīti ca vadanti. Vuttākārena ekaccānaṃ anāpāthagamane sati vipassanā na tesu dhammesu nirantarappavattāti ārammaṇamariyādā bhaveyya. Vikkhambhitapaccanīkattāti vipassanāya paṭipakkhadhammānaṃ pageva vikkhambhitattā idānipi vikkhambhetabbā kilesā natthīti vuttaṃ.
อิโตติ ปฐมชฺฌานโตฯ อนนฺตโรติ อุปริโม ฌานาทิวิเสโสฯ ตสฺส ปชานนสฺสาติ, ‘‘อตฺถิ อุตฺตริ นิสฺสรณ’’นฺติ เอวํ ปวตฺตชานนสฺสฯ พหุลีกรเณนาติ ปุนปฺปุนํ อุปฺปาทเนนฯ
Itoti paṭhamajjhānato. Anantaroti uparimo jhānādiviseso. Tassa pajānanassāti, ‘‘atthi uttari nissaraṇa’’nti evaṃ pavattajānanassa. Bahulīkaraṇenāti punappunaṃ uppādanena.
สมฺปสาทนเฎฺฐนาติ กิเลสกาลุสิยาปคมเนน, ตสฺส วิจารโกฺขภวิคเมน วา เจตโส สมฺมเทว ปาสาทิกภาเวนฯ
Sampasādanaṭṭhenāti kilesakālusiyāpagamanena, tassa vicārakkhobhavigamena vā cetaso sammadeva pāsādikabhāvena.
วีริยํ สติ อุเปกฺขาติ อาคตฎฺฐาเน ปาริสุทฺธิอุเปกฺขา, อทุกฺขมสุขาเวทนาติ เอตฺถ ฌานุเปกฺขาติ, ‘‘สุขฎฺฐาเน เวทนุเปกฺขาวา’’ติ วุตฺตํฯ สุขฎฺฐาเนติ จ ปฐมชฺฌานาทีสุ สุขสฺส วุตฺตฎฺฐาเนฯ ปสฺสทฺธตฺตาติ สมธุรเจตยิตภาเวน อารมฺมเณ วิสฎวิตฺถตภาวโต โย โส เจตโส อาโภโค วุโตฺตฯ สามญฺญผลาทีสุ สติยา ปาริสุทฺธิ, สา ถน อตฺถโต สติวินิมุตฺตา นตฺถีติ อาห ‘‘ปริสุทฺธาสติเยวา’’ติฯ ปาริสุทฺธิอุเปกฺขา, น ฌานุเปกฺขาทโยฯ
Vīriyaṃ sati upekkhāti āgataṭṭhāne pārisuddhiupekkhā, adukkhamasukhāvedanāti ettha jhānupekkhāti, ‘‘sukhaṭṭhāne vedanupekkhāvā’’ti vuttaṃ. Sukhaṭṭhāneti ca paṭhamajjhānādīsu sukhassa vuttaṭṭhāne. Passaddhattāti samadhuracetayitabhāvena ārammaṇe visaṭavitthatabhāvato yo so cetaso ābhogo vutto. Sāmaññaphalādīsu satiyā pārisuddhi, sā thana atthato sativinimuttā natthīti āha ‘‘parisuddhāsatiyevā’’ti. Pārisuddhiupekkhā, na jhānupekkhādayo.
๙๕. อีทิเสสุ ฐาเนสุ สติยา น กทาจิปิ ญาณวิรโห อตฺถีติ อาห – ‘‘ญาเณน สมฺปชาโน หุตฺวา’’ติฯ ตถา หิ ตติยชฺฌาเน, ‘‘สติมา สุขวิหารี’’ติ เอตฺถ สมฺปชาโนติ อยมโตฺถ วุโตฺต เอว โหติ ฯ น สาวกานํ อนุปทธมฺมวิปสฺสนา โหติ สงฺขาราวเสสสุขุมปฺปวตฺติยา ทุวิเญฺญยฺยตฺตา วินิพฺภุชิตฺวา คเหตุํ อสกฺกุเณยฺยภาวโตฯ เตนาห – ‘‘กลาปวิปสฺสนํ ทเสฺสโนฺต เอวมาหา’’ติฯ
95. Īdisesu ṭhānesu satiyā na kadācipi ñāṇaviraho atthīti āha – ‘‘ñāṇena sampajāno hutvā’’ti. Tathā hi tatiyajjhāne, ‘‘satimā sukhavihārī’’ti ettha sampajānoti ayamattho vutto eva hoti . Na sāvakānaṃ anupadadhammavipassanā hoti saṅkhārāvasesasukhumappavattiyā duviññeyyattā vinibbhujitvā gahetuṃ asakkuṇeyyabhāvato. Tenāha – ‘‘kalāpavipassanaṃ dassento evamāhā’’ti.
๙๖. ปญฺญาย จสฺสทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตีติ ทสฺสนสมกาลํ ขียมานา อาสวา, ‘‘ทิสฺวา ปริกฺขีณา โหนฺตี’’ติ วุตฺตาฯ สมานกาเลปิ หิ เอทิโส สทฺทปฺปโยโค ทิสฺสติ –
96.Paññāyacassadisvā āsavā parikkhīṇā hontīti dassanasamakālaṃ khīyamānā āsavā, ‘‘disvā parikkhīṇā hontī’’ti vuttā. Samānakālepi hi ediso saddappayogo dissati –
‘‘จกฺขุญฺจ ปฎิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิญฺญาณ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ๓.๔๒๑, ๔๒๕, ๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๓-๔๕; ๒.๔.๖๐; กถา. ๔๖๕, ๔๖๗)ฯ
‘‘Cakkhuñca paṭicca rūpe ca uppajjati cakkhuviññāṇa’’nti (ma. ni. 1.204, 400; 3.421, 425, 426; saṃ. ni. 2.43-45; 2.4.60; kathā. 465, 467).
‘‘นิหนฺตฺวา ติมิรํ สพฺพํ, อุคฺคเตโช สมุคฺคโต;
‘‘Nihantvā timiraṃ sabbaṃ, uggatejo samuggato;
เวโรจโน รสฺมิมาลี, โลกจกฺขุปภงฺกโร’’ติฯ (ปฎฺฐา. อนุฎี. ๑.๒๕-๓๔; วิสุทฺธิ. มหาฎี. ๒.๕๘๐) จ –
Verocano rasmimālī, lokacakkhupabhaṅkaro’’ti. (paṭṭhā. anuṭī. 1.25-34; visuddhi. mahāṭī. 2.580) ca –
เอวมาทีสุฯ เหตุอโตฺถ วา อยํ ทิสฺวาสโทฺท อสมานกตฺตุโก ยถา – ‘‘ฆตํ ปิวิตฺวา พลํ โหติ, สีหํ ทิสฺวา ภยํ โหตี’’ติ (วิสุทฺธิ. มหาฎี. ๒.๘๐๒)ฯ ทสฺสนเหตุโก หิ อาสวานํ ปริกฺขโย ปริญฺญาสจฺฉิกิริยาภาวนาภิสมเย สติ ปหานาภิสมยสฺส ลพฺภนโตฯ ยุคนทฺธํ อาหริตฺวาติ ปฐมชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาย ตตฺถ ฌานธเมฺม สมฺมสโนฺต สมถวิปสฺสนํ ยุคนทฺธํ ภาเวติฯ เอวํ ยาว เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาย ตตฺถ สมฺมสโนฺต สมถวิปสฺสนํ ยุคนทฺธํ กตฺวา ยถา เถโร อรหตฺตํ ปาปุณิฯ ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อรหตฺตํ ปตฺตวาโร อิธ คหิโต’’ติฯ อิธาติ อิมสฺมิํ สุเตฺตฯ ทีฆนขสุตฺตเทสนาย (ม. นิ. ๒.๒๐๕-๒๐๖) หิ เถโร อรหตฺตํ ปโตฺตฯ ตทา จ อนาคามี หุตฺวา นิโรธํ สมาปชฺชตีติ วจนอวสโร นตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘อรหตฺตํ ปตฺตวาโร อิธ คหิโต’’ติฯ ยทิ เอวํ – ‘‘สพฺพโส เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ สมติกฺกมฺม สญฺญาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ อิทํ กสฺมา วุตฺตนฺติ? เถเร วิชฺชมาเน ปณฺฑิตคุเณ อนวเสสโต ทเสฺสตฺวา อรหตฺตนิกูเฎน เทสนํ นิฎฺฐาเปตุํฯ นิโรธสมาปชฺชนํ ปน เถรสฺส อาจิณฺณสมาจิณฺณํฯ เตนาห ‘‘นิโรธํ ปน…เป.… วทนฺตี’’ติฯ เตน ผลสมาปตฺติมฺปิ อนฺตรา สมาปชฺชติเยวาติ ทเสฺสติฯ
Evamādīsu. Hetuattho vā ayaṃ disvāsaddo asamānakattuko yathā – ‘‘ghataṃ pivitvā balaṃ hoti, sīhaṃ disvā bhayaṃ hotī’’ti (visuddhi. mahāṭī. 2.802). Dassanahetuko hi āsavānaṃ parikkhayo pariññāsacchikiriyābhāvanābhisamaye sati pahānābhisamayassa labbhanato. Yuganaddhaṃ āharitvāti paṭhamajjhānaṃ samāpajjitvā vuṭṭhāya tattha jhānadhamme sammasanto samathavipassanaṃ yuganaddhaṃ bhāveti. Evaṃ yāva nevasaññānāsaññāyatanaṃ samāpajjitvā vuṭṭhāya tattha sammasanto samathavipassanaṃ yuganaddhaṃ katvā yathā thero arahattaṃ pāpuṇi. Taṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘arahattaṃ pattavāro idha gahito’’ti. Idhāti imasmiṃ sutte. Dīghanakhasuttadesanāya (ma. ni. 2.205-206) hi thero arahattaṃ patto. Tadā ca anāgāmī hutvā nirodhaṃ samāpajjatīti vacanaavasaro natthi, tasmā vuttaṃ – ‘‘arahattaṃ pattavāro idha gahito’’ti. Yadi evaṃ – ‘‘sabbaso nevasaññānāsaññāyatanaṃ samatikkamma saññāvedayitanirodhaṃ upasampajja viharatī’’ti idaṃ kasmā vuttanti? There vijjamāne paṇḍitaguṇe anavasesato dassetvā arahattanikūṭena desanaṃ niṭṭhāpetuṃ. Nirodhasamāpajjanaṃ pana therassa āciṇṇasamāciṇṇaṃ. Tenāha ‘‘nirodhaṃ pana…pe… vadantī’’ti. Tena phalasamāpattimpi antarā samāpajjatiyevāti dasseti.
โวมิสฺสํ วิวริตุํ ‘‘ตตฺถสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ‘‘นิโรธํ สมาปชฺชิสฺสามี’’ติ อาโภเคน สมถวิปสฺสนํ ยุคนทฺธํ อาหริตฺวา ฐิตสฺส นิโรธสมาปตฺติ สีสํ นาม โหติ, ตสฺส อาโภควเสน นิโรธสฺส วาโร อาคจฺฉติฯ ผลสมาปตฺติ คูโฬฺห โหติ, ‘‘ผลสมาปตฺติํ สมาปชฺชิสฺสามี’’ติ อาโภคสฺส อภาวโตฯ ผลสมาปตฺติ สีสํ โหตีติ เอตฺถาปิ วุตฺตนเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เอเตน อาโภคปฎิพทฺธเมเตสํ อาคมนนฺติ ทีปิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ชมฺพุทีปวาสิโน เถรา ปนาติอาทิ อฎฺฐกถารุฬฺหเมว ตํ วจนํฯ อโนฺตสมาปตฺติยนฺติ นิโรธํ สมาปนฺนกาเลฯ ติสมุฎฺฐานิกรูปธเมฺมติ อุตุกมฺมาหารวเสน ติสมุฎฺฐานิกรูปธเมฺมฯ
Vomissaṃ vivarituṃ ‘‘tatthassā’’tiādi vuttaṃ. Tattha ‘‘nirodhaṃ samāpajjissāmī’’ti ābhogena samathavipassanaṃ yuganaddhaṃ āharitvā ṭhitassa nirodhasamāpatti sīsaṃ nāma hoti, tassa ābhogavasena nirodhassa vāro āgacchati. Phalasamāpatti gūḷho hoti, ‘‘phalasamāpattiṃ samāpajjissāmī’’ti ābhogassa abhāvato. Phalasamāpatti sīsaṃ hotīti etthāpi vuttanayena attho veditabbo. Etena ābhogapaṭibaddhametesaṃ āgamananti dīpitanti veditabbaṃ. Jambudīpavāsino therā panātiādi aṭṭhakathāruḷhameva taṃ vacanaṃ. Antosamāpattiyanti nirodhaṃ samāpannakāle. Tisamuṭṭhānikarūpadhammeti utukammāhāravasena tisamuṭṭhānikarūpadhamme.
๙๗. จิณฺณวสิตนฺติ ปฎิปกฺขทูริภาเวน สุภาวิตวสีภาวํฯ นิปฺผตฺติํ ปโตฺตติ อุกฺกํสปรินิปฺผตฺติํ ปโตฺตฯ อุเร วายามชนิตาย โอรโสฯ ปภาวิตนฺติ อุปฺปาทิตํฯ ธเมฺมนาติ อริยมคฺคธเมฺมนฯ ตสฺส หิ อธิคเมน อริยาย ชาติยา ชาโต นิพฺพโตฺตติ กตฺวา, ‘‘ธมฺมโช ธมฺมนิมฺมิโต’’ติ วุจฺจติฯ ธมฺมทายสฺสาติ นววิธสฺส โลกุตฺตรธมฺมทายสฺสฯ อาทิยนโตติ คณฺหนโต, สสนฺตาเน อุปฺปาทนโตติ อโตฺถฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
97.Ciṇṇavasitanti paṭipakkhadūribhāvena subhāvitavasībhāvaṃ. Nipphattiṃ pattoti ukkaṃsaparinipphattiṃ patto. Ure vāyāmajanitāya oraso. Pabhāvitanti uppāditaṃ. Dhammenāti ariyamaggadhammena. Tassa hi adhigamena ariyāya jātiyā jāto nibbattoti katvā, ‘‘dhammajo dhammanimmito’’ti vuccati. Dhammadāyassāti navavidhassa lokuttaradhammadāyassa. Ādiyanatoti gaṇhanato, sasantāne uppādanatoti attho. Sesaṃ suviññeyyameva.
อนุปทสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Anupadasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๑. อนุปทสุตฺตํ • 1. Anupadasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๑. อนุปทสุตฺตวณฺณนา • 1. Anupadasuttavaṇṇanā