Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā |
อนุปญฺญตฺติวณฺณนา
Anupaññattivaṇṇanā
ติรจฺฉาเนสุ คตายาติ ติรจฺฉาเนสุ อุปฺปนฺนายฯ ยสฺมา ติรจฺฉานคตา นาม อติขุทฺทกาปิ โหนฺติ, เยสํ มเคฺคสุ ติลผลมตฺตมฺปิ ปเวสนํ นปฺปโหติ, ตสฺมา น สพฺพาว ติรจฺฉานคติตฺถิโย ปาราชิกวตฺถุภูตาติ ปเวสนปฺปโหนกวเสน ลพฺภมานกติรจฺฉานคติตฺถิโย ปริจฺฉินฺทิตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘ปาราชิกวตฺถุภูตา เอว เจตฺถา’’ติอาทิมาหฯ อปทานํ อหิมจฺฉาติอาทิคาถา ปาราชิกวตฺถูนํ เหฎฺฐิมปริเจฺฉททสฺสนตฺถํ โปราเณหิ ฐปิตาฯ ตตฺถ อหีติ ชาตินิเทฺทเสน สพฺพาปิ สปฺปชาติ สงฺคหิตาติ อาห – ‘‘อหิคฺคหเณน…เป.… ทีฆชาติ สงฺคหิตา’’ติฯ ตตฺถ โคนสาติ สปฺปวิเสสา, เยสํ ปิฎฺฐีสุ มหนฺตานิ มณฺฑลานิ สนฺทิสฺสนฺติฯ มจฺฉคฺคหณํ โอทกชาติยา อุปลกฺขณปทนฺติ อาห – ‘‘มจฺฉคฺคหเณน…เป.… โอทกชาติ สงฺคหิตา’’ติฯ เตเนว มณฺฑูกกจฺฉปานํ สปาทกเตฺตปิ โอทกชาติกตฺตา สงฺคโห กโตฯ
Tiracchānesu gatāyāti tiracchānesu uppannāya. Yasmā tiracchānagatā nāma atikhuddakāpi honti, yesaṃ maggesu tilaphalamattampi pavesanaṃ nappahoti, tasmā na sabbāva tiracchānagatitthiyo pārājikavatthubhūtāti pavesanappahonakavasena labbhamānakatiracchānagatitthiyo paricchinditvā dassento ‘‘pārājikavatthubhūtā eva cetthā’’tiādimāha. Apadānaṃ ahimacchātiādigāthā pārājikavatthūnaṃ heṭṭhimaparicchedadassanatthaṃ porāṇehi ṭhapitā. Tattha ahīti jātiniddesena sabbāpi sappajāti saṅgahitāti āha – ‘‘ahiggahaṇena…pe… dīghajāti saṅgahitā’’ti. Tattha gonasāti sappavisesā, yesaṃ piṭṭhīsu mahantāni maṇḍalāni sandissanti. Macchaggahaṇaṃ odakajātiyā upalakkhaṇapadanti āha – ‘‘macchaggahaṇena…pe… odakajāti saṅgahitā’’ti. Teneva maṇḍūkakacchapānaṃ sapādakattepi odakajātikattā saṅgaho kato.
มุขสณฺฐานนฺติ โอฎฺฐจมฺมสณฺฐานํฯ วณสเงฺขปํ คจฺฉตีติ วณสงฺคหํ คจฺฉติ นวสุ วณมุเขสุ สงฺคหิตตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ วเณ ถุลฺลจฺจยญฺจ ‘‘อมเคฺคน อมคฺคํ ปเวเสติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ อิมสฺส วเสน เวทิตพฺพํฯ ตสฺมิญฺหิ สุเตฺต ทฺวีสุ สมฺภินฺนวเณสุ เอเกน วเณน ปเวเสตฺวา ทุติเยน นีหรนฺตสฺส ถุลฺลจฺจยํ วุตฺตํฯ วกฺขติ จ ‘‘อิมสฺส สุตฺตสฺส อนุโลมวเสน สพฺพตฺถ วณสเงฺขเป ถุลฺลจฺจยํ เวทิตพฺพ’’นฺติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๖๖)ฯ กุกฺกุฎิคฺคหณมฺปิ สพฺพาย ปกฺขิชาติยา อุปลกฺขณปทนฺติ อาห – ‘‘กุกฺกุฎิคฺคหเณน…เป.… ปกฺขิชาติ สงฺคหิตา’’ติฯ มชฺชาริคฺคหณมฺปิ จตุปฺปทชาติยา อุปลกฺขณปทนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ เตนาห – ‘‘มชฺชาริคฺคหเณน…เป.… จตุปฺปทชาติ สงฺคหิตา’’ติฯ รุกฺขสุนขา นาม กลนฺทกาติปิ วทนฺติฯ มงฺคุสาติ นงฺคุลาฯ
Mukhasaṇṭhānanti oṭṭhacammasaṇṭhānaṃ. Vaṇasaṅkhepaṃ gacchatīti vaṇasaṅgahaṃ gacchati navasu vaṇamukhesu saṅgahitattāti adhippāyo. Vaṇe thullaccayañca ‘‘amaggena amaggaṃ paveseti, āpatti thullaccayassā’’ti imassa vasena veditabbaṃ. Tasmiñhi sutte dvīsu sambhinnavaṇesu ekena vaṇena pavesetvā dutiyena nīharantassa thullaccayaṃ vuttaṃ. Vakkhati ca ‘‘imassa suttassa anulomavasena sabbattha vaṇasaṅkhepe thullaccayaṃ veditabba’’nti (pārā. aṭṭha. 1.66). Kukkuṭiggahaṇampi sabbāya pakkhijātiyā upalakkhaṇapadanti āha – ‘‘kukkuṭiggahaṇena…pe… pakkhijāti saṅgahitā’’ti. Majjāriggahaṇampi catuppadajātiyā upalakkhaṇapadanti daṭṭhabbaṃ. Tenāha – ‘‘majjāriggahaṇena…pe… catuppadajāti saṅgahitā’’ti. Rukkhasunakhā nāma kalandakātipi vadanti. Maṅgusāti naṅgulā.
ปราชิต-สโทฺท อุปสคฺคสฺส วุทฺธิํ กตฺวา ต-การสฺส จ ก-การํ กตฺวา ปาราชิโกติ นิทฺทิโฎฺฐติ อาห ‘‘ปาราชิโกติ ปราชิโต’’ติฯ ‘‘กตฺถจิ อาปตฺตีติ ‘ปาราชิเกน ธเมฺมน อนุทฺธํเสยฺยา’ติอาทีสุ (ปารา. ๓๘๔, ๓๙๑), กตฺถจิ สิกฺขาปทนฺติ อิทํ ปน ทิสฺวา ชานิตพฺพ’’นฺติ คณฺฐิปเทสุ วุตฺตํฯ ปราชยตีติ ปาราชิกํ, ปาราชิกาติ จ กตฺตุสาธเนน ปาราชิก-สเทฺทน สิกฺขาปทํ อาปตฺติ จ วุจฺจตีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘โย ตํ อติกฺกมตี’’ติอาทิฯ ปุคฺคโล ปน กมฺมสาธเนน ปาราชิก-สเทฺทน วุจฺจตีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ปุคฺคโล ยสฺมา ปราชิโต’’ติอาทิฯ
Parājita-saddo upasaggassa vuddhiṃ katvā ta-kārassa ca ka-kāraṃ katvā pārājikoti niddiṭṭhoti āha ‘‘pārājikoti parājito’’ti. ‘‘Katthaci āpattīti ‘pārājikena dhammena anuddhaṃseyyā’tiādīsu (pārā. 384, 391), katthaci sikkhāpadanti idaṃ pana disvā jānitabba’’nti gaṇṭhipadesu vuttaṃ. Parājayatīti pārājikaṃ, pārājikāti ca kattusādhanena pārājika-saddena sikkhāpadaṃ āpatti ca vuccatīti dassento āha ‘‘yo taṃ atikkamatī’’tiādi. Puggalo pana kammasādhanena pārājika-saddena vuccatīti dassento āha ‘‘puggalo yasmā parājito’’tiādi.
เอตเมว หิ อตฺถํ สนฺธายาติ ‘‘ตํ อาปตฺติํ อาปโนฺน ปุคฺคโล ปราชิโต โหติ ปราชยมาปโนฺน’’ติ เอตมตฺถํ สนฺธายฯ จุโต ปรโทฺธติอาทินา หิ ตํ อาปตฺติํ อาปนฺนปุคฺคโล จุโต โหติ ปราชิโต ปราชยํ อาปโนฺนติ อยมโตฺถ วิญฺญายติ, น ปน ปุคฺคโล ปาราชิโก นาม โหตีติ เอตมตฺถํ สนฺธายาติ เอวมโตฺถ คเหตโพฺพฯ น หิ ปริวาเรปิ คาถา ปุคฺคลวุตฺติปาราชิกสทฺทนิพฺพจนทสฺสนตฺถํ วุตฺตา อาปตฺติวุตฺตีนํ ปาราชิกา-ทิสทฺทานํ นิพฺพจนวิภาคปฺปสเงฺค วุตฺตตฺตาฯ อยญฺหิ ปริวารคาถาย อโตฺถ (ปริ. อฎฺฐ. ๓๓๙) – ยทิทํ ปุคฺคลาปตฺติสิกฺขาปทปาราชิเกสุ อาปตฺติปาราชิกํ นาม วุตฺตํ, ตํ อาปชฺชโนฺต ปุคฺคโล ยสฺมา ปราชิโต ปราชยมาปโนฺน สทฺธมา จุโต ปรโทฺธ ภโฎฺฐ นิรงฺกโต จ โหติ, อนีหเฎ ตสฺมิํ ปุคฺคเล ปุน อุโปสถปวารณาทิเภโท สํวาโส นตฺถิ, เตเนตํ อิติ วุจฺจติ เตน การเณน เอตํ อาปตฺติปาราชิกํ อิติ วุจฺจตีติฯ อยํ ปเนตฺถ สเงฺขปโตฺถ – ยสฺมา ปราชิโต โหติ เอเตน, ตสฺมา เอตํ ปาราชิกนฺติ วุจฺจตีติฯ ปริภโฎฺฐติ สาสนโต ภโฎฺฐ, ปริหีโนติ อโตฺถฯ ฉิโนฺนติ อนฺตรา ขณฺฑิโตฯ
Etameva hi atthaṃ sandhāyāti ‘‘taṃ āpattiṃ āpanno puggalo parājito hoti parājayamāpanno’’ti etamatthaṃ sandhāya. Cuto paraddhotiādinā hi taṃ āpattiṃ āpannapuggalo cuto hoti parājito parājayaṃ āpannoti ayamattho viññāyati, na pana puggalo pārājiko nāma hotīti etamatthaṃ sandhāyāti evamattho gahetabbo. Na hi parivārepi gāthā puggalavuttipārājikasaddanibbacanadassanatthaṃ vuttā āpattivuttīnaṃ pārājikā-disaddānaṃ nibbacanavibhāgappasaṅge vuttattā. Ayañhi parivāragāthāya attho (pari. aṭṭha. 339) – yadidaṃ puggalāpattisikkhāpadapārājikesu āpattipārājikaṃ nāma vuttaṃ, taṃ āpajjanto puggalo yasmā parājito parājayamāpanno saddhamā cuto paraddho bhaṭṭho niraṅkato ca hoti, anīhaṭe tasmiṃ puggale puna uposathapavāraṇādibhedo saṃvāso natthi, tenetaṃ iti vuccati tena kāraṇena etaṃ āpattipārājikaṃ iti vuccatīti. Ayaṃ panettha saṅkhepattho – yasmā parājito hoti etena, tasmā etaṃ pārājikanti vuccatīti. Paribhaṭṭhoti sāsanato bhaṭṭho, parihīnoti attho. Chinnoti antarā khaṇḍito.
สทฺธิํ โยชนายาติ ปทโยชนาย สทฺธิํฯ จตุพฺพิธํ สงฺฆกมฺมนฺติ อปโลกนาทิวเสน จตุพฺพิธํ กมฺมํฯ สีมาปริจฺฉิเนฺนหีติ เอกสีมาปริยาปเนฺนหิฯ ปกตตฺตา นาม ปาราชิกํ อนาปนฺนา อนุกฺขิตฺตา จฯ ปญฺจวิโธปีติ นิทานุเทฺทสาทิวเสน ปญฺจวิโธปิฯ นหาปิตปุพฺพกานํ วิย โอธิสอนุญฺญาตํ ฐเปตฺวา อวเสสํ สพฺพมฺปิ สิกฺขาปทํ สเพฺพหิปิ ลชฺชีปุคฺคเลหิ อนติกฺกมนียตฺตา วุตฺตํ ‘‘สเพฺพหิปิ ลชฺชีปุคฺคเลหิ สมํ สิกฺขิตพฺพภาวโต’’ติฯ สมนฺติ สทฺธิํ, เอกปฺปหาเรน วาฯ สิกฺขิตพฺพภาวโตติ อนติกฺกมนวเสน อุคฺคหปริปุจฺฉาทินา จ สิกฺขิตพฺพภาวโตฯ สามญฺญสิกฺขาปเทสุ ‘‘อิทํ ตยา น สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ เอวํ อพหิกาตพฺพโต ‘‘น เอโกปิ ตโต พหิทฺธา สนฺทิสฺสตี’’ติ วุตฺตํฯ ยํ ตํ วุตฺตนฺติ สมฺพโนฺธฯ
Saddhiṃ yojanāyāti padayojanāya saddhiṃ. Catubbidhaṃ saṅghakammanti apalokanādivasena catubbidhaṃ kammaṃ. Sīmāparicchinnehīti ekasīmāpariyāpannehi. Pakatattā nāma pārājikaṃ anāpannā anukkhittā ca. Pañcavidhopīti nidānuddesādivasena pañcavidhopi. Nahāpitapubbakānaṃ viya odhisaanuññātaṃ ṭhapetvā avasesaṃ sabbampi sikkhāpadaṃ sabbehipi lajjīpuggalehi anatikkamanīyattā vuttaṃ ‘‘sabbehipi lajjīpuggalehi samaṃ sikkhitabbabhāvato’’ti. Samanti saddhiṃ, ekappahārena vā. Sikkhitabbabhāvatoti anatikkamanavasena uggahaparipucchādinā ca sikkhitabbabhāvato. Sāmaññasikkhāpadesu ‘‘idaṃ tayā na sikkhitabba’’nti evaṃ abahikātabbato ‘‘na ekopi tato bahiddhā sandissatī’’ti vuttaṃ. Yaṃ taṃ vuttanti sambandho.
๕๖. น เกวลํ อิตฺถิยา เอว นิมิตฺตํ ปาราชิกวตฺถูติ อิมินา เกวลํ อิตฺถิยา เอว นิมิตฺตํ ปาราชิกวตฺถุ น โหติ, อถ โข อุภโตพฺยญฺชนกปณฺฑกปุริสานมฺปิ นิมิตฺตํ ปาราชิกวตฺถูติ ทเสฺสติฯ น จ มนุสฺสิตฺถิยา เอวาติ อิมินา ปน มนุสฺสิตฺถิยา เอว นิมิตฺตํ ปาราชิกวตฺถุ น โหติ, อมนุสฺสิตฺถิติรจฺฉานคติตฺถิอมนุสฺสุภโตพฺยญฺชนกาทีนมฺปิ นิมิตฺตํ ปาราชิกวตฺถูติ ทเสฺสติฯ ‘‘วตฺถุเมว น โหตีติ อมนุสฺสิตฺถิปสเงฺคน อาคตํ สุวณฺณรชตาทิมยํ ปฎิกฺขิปตี’’ติ ตีสุปิ คณฺฐิปเทสุ วุตฺตํ, ตํ ยุตฺตํ วิย น ทิสฺสติฯ น หิ อิโต ปุเพฺพ อมนุสฺสิตฺถิคฺคหณํ กตํ อตฺถิ, เยน ตปฺปสโงฺค สิยาฯ อิทาเนว หิ ‘‘ติโสฺส อิตฺถิโย’’ติอาทินา อมนุสฺสิตฺถิคฺคหณํ กตํ, น จ อมนุสฺสิตฺถิคฺคหเณน สุวณฺณรชตาทิมยานํ ปสโงฺค ยุโตฺตฯ มนุสฺสามนุสฺสติรจฺฉานชาติวเสน ติวิธา กตฺวา ปาราชิกวตฺถุภูตสตฺตานํ นิเทฺทเสน สุวณฺณรชตาทิมยานํ ปสงฺคสฺส นิวตฺติตตฺตาฯ ตถา หิ อิตฺถิปุริสาทีสุ มนุสฺสามนุสฺสาทีสุ วา กญฺจิ อนามสิตฺวา อวิเสเสน ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสเวยฺยา’’ติ เอตฺตกเมว มาติกายํ วุตฺตํฯ ตสฺส ปทภาชเน จ ‘‘ปฎิเสวติ นามา’’ติ มาติกํ ปทํ อุทฺธริตฺวา ‘‘โย นิมิเตฺตน นิมิตฺตํ องฺคชาเตน องฺคชาตํ อนฺตมโส ติลผลมตฺตมฺปิ ปเวเสติ, เอโส ปฎิเสวติ นามา’’ติ ปฎิเสวนากาโรว ทสฺสิโต, น ปน ปาราชิกวตฺถุภูตนิมิตฺตนิสฺสยา มนุสฺสามนุสฺสติรจฺฉานคตา อิตฺถิปุริสปณฺฑกอุภโตพฺยญฺชนกา นิยเมตฺวา ทสฺสิตา, ตสฺมา ‘‘อิตฺถิยา เอว นุ โข นิมิตฺตํ ปาราชิกวตฺถุ, อุทาหุ อเญฺญสมฺปี’’ติ เอวมาทิ สเนฺทโห สิยา, นิมิตฺตโวหาโร จ สุวณฺณรชตาทิมยรูปเกสุ จ ลพฺภติเยวฯ เตเนว วินีตวตฺถูสุ (ปารา. ๗๑) ‘‘เลปจิตฺตสฺส นิมิตฺตํ องฺคชาเตน ฉุปิ, ทารุธีตลิกาย นิมิตฺตํ องฺคชาเตน ฉุปี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา นิมิตฺตสามญฺญโต ‘‘สุวณฺณรชตาทิมยานมฺปิ นิมิตฺตํ ปาราชิกวตฺถุ โหติ, น โหตี’’ติ กสฺสจิ อาสงฺกา สิยาฯ เตเนว ‘‘เลปจิตฺตาทิวตฺถูสุ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสี’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺมา ตทาสงฺกานิวตฺตนตฺถํ ปาราชิกวตฺถุภูตสตฺตนิยมนตฺถญฺจ ชาติวเสน มนุสฺสามนุสฺสาทิโต ติธา กตฺวา ปาราชิกวตฺถุภูเต สเตฺต ภควา วิภชิตฺวา ทเสฺสติ, ตสฺมา ‘‘วตฺถุเมว น โหตี’’ติ นิมิตฺตสามญฺญโต ปสงฺคาคตํ สุวณฺณรชตาทิมยานํ นิมิตฺตํ ปฎิกฺขิปตีติ วตฺตพฺพํฯ
56.Na kevalaṃ itthiyā eva nimittaṃ pārājikavatthūti iminā kevalaṃ itthiyā eva nimittaṃ pārājikavatthu na hoti, atha kho ubhatobyañjanakapaṇḍakapurisānampi nimittaṃ pārājikavatthūti dasseti. Na ca manussitthiyā evāti iminā pana manussitthiyā eva nimittaṃ pārājikavatthu na hoti, amanussitthitiracchānagatitthiamanussubhatobyañjanakādīnampi nimittaṃ pārājikavatthūti dasseti. ‘‘Vatthumeva na hotīti amanussitthipasaṅgena āgataṃ suvaṇṇarajatādimayaṃ paṭikkhipatī’’ti tīsupi gaṇṭhipadesu vuttaṃ, taṃ yuttaṃ viya na dissati. Na hi ito pubbe amanussitthiggahaṇaṃ kataṃ atthi, yena tappasaṅgo siyā. Idāneva hi ‘‘tisso itthiyo’’tiādinā amanussitthiggahaṇaṃ kataṃ, na ca amanussitthiggahaṇena suvaṇṇarajatādimayānaṃ pasaṅgo yutto. Manussāmanussatiracchānajātivasena tividhā katvā pārājikavatthubhūtasattānaṃ niddesena suvaṇṇarajatādimayānaṃ pasaṅgassa nivattitattā. Tathā hi itthipurisādīsu manussāmanussādīsu vā kañci anāmasitvā avisesena ‘‘methunaṃ dhammaṃ paṭiseveyyā’’ti ettakameva mātikāyaṃ vuttaṃ. Tassa padabhājane ca ‘‘paṭisevati nāmā’’ti mātikaṃ padaṃ uddharitvā ‘‘yo nimittena nimittaṃ aṅgajātena aṅgajātaṃ antamaso tilaphalamattampi paveseti, eso paṭisevati nāmā’’ti paṭisevanākārova dassito, na pana pārājikavatthubhūtanimittanissayā manussāmanussatiracchānagatā itthipurisapaṇḍakaubhatobyañjanakā niyametvā dassitā, tasmā ‘‘itthiyā eva nu kho nimittaṃ pārājikavatthu, udāhu aññesampī’’ti evamādi sandeho siyā, nimittavohāro ca suvaṇṇarajatādimayarūpakesu ca labbhatiyeva. Teneva vinītavatthūsu (pārā. 71) ‘‘lepacittassa nimittaṃ aṅgajātena chupi, dārudhītalikāya nimittaṃ aṅgajātena chupī’’ti vuttaṃ, tasmā nimittasāmaññato ‘‘suvaṇṇarajatādimayānampi nimittaṃ pārājikavatthu hoti, na hotī’’ti kassaci āsaṅkā siyā. Teneva ‘‘lepacittādivatthūsu tassa kukkuccaṃ ahosī’’ti vuttaṃ. Tasmā tadāsaṅkānivattanatthaṃ pārājikavatthubhūtasattaniyamanatthañca jātivasena manussāmanussādito tidhā katvā pārājikavatthubhūte satte bhagavā vibhajitvā dasseti, tasmā ‘‘vatthumeva na hotī’’ti nimittasāmaññato pasaṅgāgataṃ suvaṇṇarajatādimayānaṃ nimittaṃ paṭikkhipatīti vattabbaṃ.
ตโย มเคฺคติ ภุมฺมเตฺถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘ตีสุ มเคฺคสูติ อโตฺถ เวทิตโพฺพ’’ติฯ เอวํ สพฺพตฺถาติ อิมินา ‘‘เทฺว มเคฺค’’ติ เอตฺถาปิ ทฺวีสุ มเคฺคสูติ อโตฺถ เวทิตโพฺพติ อติทิสฺสติฯ
Tayo maggeti bhummatthe upayogavacananti āha ‘‘tīsu maggesūti attho veditabbo’’ti. Evaṃ sabbatthāti iminā ‘‘dve magge’’ti etthāpi dvīsu maggesūti attho veditabboti atidissati.
อนุปญฺญตฺติวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Anupaññattivaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๑. ปฐมปาราชิกํ • 1. Paṭhamapārājikaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๑. ปฐมปาราชิกํ • 1. Paṭhamapārājikaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / อนุปญฺญตฺติวณฺณนา • Anupaññattivaṇṇanā