Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๔. อนุราธสุตฺตวณฺณนา
4. Anurādhasuttavaṇṇanā
๘๖. จตุเตฺถ อรญฺญกุฎิกายนฺติ ตเสฺสว วิหารสฺส ปจฺจเนฺต ปณฺณสาลายํฯ ตํ ตถาคโตติ ตุมฺหากํ สตฺถา ตถาคโต ตํ สตฺตํ ตถาคตํฯ อญฺญตฺร อิเมหีติ ตสฺส กิร เอวํ อโหสิ ‘‘อิเม สาสนสฺส ปฎิปกฺขา ปฎิวิโลมา, ยถา อิเม ภณนฺติ, น เอวํ สตฺถา ปญฺญาเปสฺสติ, อญฺญถา ปญฺญาเปสฺสตี’’ติฯ ตสฺมา เอวมาหฯ เอวํ วุเตฺต เต อญฺญติตฺถิยาติ เอวํ เถเรน อตฺตโน จ ปเรสญฺจ สมยํ อชานิตฺวา วุเตฺต เอกเทเสน สาสนสมยํ ชานนฺตา เถรสฺส วาเท โทสํ ทาตุกามา เต อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา อายสฺมนฺตํ อนุราธํ เอตทโวจุํฯ
86. Catutthe araññakuṭikāyanti tasseva vihārassa paccante paṇṇasālāyaṃ. Taṃ tathāgatoti tumhākaṃ satthā tathāgato taṃ sattaṃ tathāgataṃ. Aññatra imehīti tassa kira evaṃ ahosi ‘‘ime sāsanassa paṭipakkhā paṭivilomā, yathā ime bhaṇanti, na evaṃ satthā paññāpessati, aññathā paññāpessatī’’ti. Tasmā evamāha. Evaṃ vutte te aññatitthiyāti evaṃ therena attano ca paresañca samayaṃ ajānitvā vutte ekadesena sāsanasamayaṃ jānantā therassa vāde dosaṃ dātukāmā te aññatitthiyā paribbājakā āyasmantaṃ anurādhaṃ etadavocuṃ.
ตํ กิํ มญฺญสิ อนุราธาติ สตฺถา ตสฺส กถํ สุตฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘อยํ ภิกฺขุ อตฺตโน ลทฺธิยํ โทสํ น ชานาติ, การโก ปเนส ยุตฺตโยโค, ธมฺมเทสนาย เอว นํ ชานาเปสฺสามี’’ติ ติปริวฎฺฎํ เทสนํ เทเสตุกาโม ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อนุราธา’’ติอาทิมาหฯ อถสฺส ตาย เทสนาย อรหตฺตปฺปตฺตสฺส อนุโยควตฺตํ อาโรเปโนฺต ตํ กิํ มญฺญสิ, อนุราธ? รูปํ ตถาคโตติอาทิมาหฯ ทุกฺขเญฺจว ปญฺญเปมิ, ทุกฺขสฺส จ นิโรธนฺติ วฎฺฎทุกฺขเญฺจว วฎฺฎทุกฺขสฺส จ นิโรธํ นิพฺพานํ ปญฺญเปมิฯ ทุกฺขนฺติ วา วจเนน ทุกฺขสจฺจํ คหิตํฯ ตสฺมิํ คหิเต สมุทยสจฺจํ คหิตเมว โหติ, ตสฺส มูลตฺตาฯ นิโรธนฺติ วจเนน นิโรธสจฺจํ คหิตํฯ ตสฺมิํ คหิเต มคฺคสจฺจํ คหิตเมว โหติ ตสฺส อุปายตฺตาฯ อิติ ปุเพฺพ จาหํ, อนุราธ, เอตรหิ จ จตุสจฺจเมว ปญฺญเปมีติ ทเสฺสติฯ เอวํ อิมสฺมิํ สุเตฺต วฎฺฎวิวฎฺฎเมว กถิตํฯ จตุตฺถํฯ
Taṃ kiṃ maññasi anurādhāti satthā tassa kathaṃ sutvā cintesi – ‘‘ayaṃ bhikkhu attano laddhiyaṃ dosaṃ na jānāti, kārako panesa yuttayogo, dhammadesanāya eva naṃ jānāpessāmī’’ti tiparivaṭṭaṃ desanaṃ desetukāmo ‘‘taṃ kiṃ maññasi, anurādhā’’tiādimāha. Athassa tāya desanāya arahattappattassa anuyogavattaṃ āropento taṃ kiṃ maññasi, anurādha? Rūpaṃ tathāgatotiādimāha. Dukkhañceva paññapemi, dukkhassa ca nirodhanti vaṭṭadukkhañceva vaṭṭadukkhassa ca nirodhaṃ nibbānaṃ paññapemi. Dukkhanti vā vacanena dukkhasaccaṃ gahitaṃ. Tasmiṃ gahite samudayasaccaṃ gahitameva hoti, tassa mūlattā. Nirodhanti vacanena nirodhasaccaṃ gahitaṃ. Tasmiṃ gahite maggasaccaṃ gahitameva hoti tassa upāyattā. Iti pubbe cāhaṃ, anurādha, etarahi ca catusaccameva paññapemīti dasseti. Evaṃ imasmiṃ sutte vaṭṭavivaṭṭameva kathitaṃ. Catutthaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๔. อนุราธสุตฺตํ • 4. Anurādhasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๔. อนุราธสุตฺตวณฺณนา • 4. Anurādhasuttavaṇṇanā