Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๑๐. อนุรุทฺธมหาวิตกฺกสุตฺตํ

    10. Anuruddhamahāvitakkasuttaṃ

    ๓๐. เอกํ สมยํ ภควา ภเคฺคสุ วิหรติ สุํสุมารคิเร เภสกฬาวเน มิคทาเยฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อนุรุโทฺธ เจตีสุ วิหรติ ปาจีนวํสทาเยฯ อถ โข อายสฺมโต อนุรุทฺธสฺส รโหคตสฺส ปฎิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตโกฺก อุทปาทิ – ‘‘อปฺปิจฺฉสฺสายํ ธโมฺม, นายํ ธโมฺม มหิจฺฉสฺส; สนฺตุฎฺฐสฺสายํ ธโมฺม , นายํ ธโมฺม อสนฺตุฎฺฐสฺส; ปวิวิตฺตสฺสายํ ธโมฺม, นายํ ธโมฺม สงฺคณิการามสฺส; อารทฺธวีริยสฺสายํ ธโมฺม, นายํ ธโมฺม กุสีตสฺส; อุปฎฺฐิตสฺสติสฺสายํ 1 ธโมฺม, นายํ ธโมฺม มุฎฺฐสฺสติสฺส 2; สมาหิตสฺสายํ ธโมฺม, นายํ ธโมฺม อสมาหิตสฺส; ปญฺญวโต อยํ ธโมฺม, นายํ ธโมฺม ทุปฺปญฺญสฺสา’’ติฯ

    30. Ekaṃ samayaṃ bhagavā bhaggesu viharati suṃsumāragire bhesakaḷāvane migadāye. Tena kho pana samayena āyasmā anuruddho cetīsu viharati pācīnavaṃsadāye. Atha kho āyasmato anuruddhassa rahogatassa paṭisallīnassa evaṃ cetaso parivitakko udapādi – ‘‘appicchassāyaṃ dhammo, nāyaṃ dhammo mahicchassa; santuṭṭhassāyaṃ dhammo , nāyaṃ dhammo asantuṭṭhassa; pavivittassāyaṃ dhammo, nāyaṃ dhammo saṅgaṇikārāmassa; āraddhavīriyassāyaṃ dhammo, nāyaṃ dhammo kusītassa; upaṭṭhitassatissāyaṃ 3 dhammo, nāyaṃ dhammo muṭṭhassatissa 4; samāhitassāyaṃ dhammo, nāyaṃ dhammo asamāhitassa; paññavato ayaṃ dhammo, nāyaṃ dhammo duppaññassā’’ti.

    อถ โข ภควา อายสฺมโต อนุรุทฺธสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิญฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิเญฺชยฺย; เอวเมวํ – ภเคฺคสุ สุํสุมารคิเร เภสกฬาวเน มิคทาเย อนฺตรหิโต เจตีสุ ปาจีนวํสทาเย อายสฺมโต อนุรุทฺธสฺส สมฺมุเข ปาตุรโหสิฯ นิสีทิ ภควา ปญฺญเตฺต อาสเนฯ อายสฺมาปิ โข อนุรุโทฺธ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ

    Atha kho bhagavā āyasmato anuruddhassa cetasā cetoparivitakkamaññāya – seyyathāpi nāma balavā puriso samiñjitaṃ vā bāhaṃ pasāreyya, pasāritaṃ vā bāhaṃ samiñjeyya; evamevaṃ – bhaggesu suṃsumāragire bhesakaḷāvane migadāye antarahito cetīsu pācīnavaṃsadāye āyasmato anuruddhassa sammukhe pāturahosi. Nisīdi bhagavā paññatte āsane. Āyasmāpi kho anuruddho bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ

    นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ ภควา เอตทโวจ –

    Nisinnaṃ kho āyasmantaṃ anuruddhaṃ bhagavā etadavoca –

    ‘‘สาธุ สาธุ, อนุรุทฺธ! สาธุ โข ตฺวํ, อนุรุทฺธ, (ยํ ตํ มหาปุริสวิตกฺกํ) 5 วิตเกฺกสิ – ‘อปฺปิจฺฉสฺสายํ ธโมฺม, นายํ ธโมฺม มหิจฺฉสฺส; สนฺตุฎฺฐสฺสายํ ธโมฺม, นายํ ธโมฺม อสนฺตุฎฺฐสฺส; ปวิวิตฺตสฺสายํ ธโมฺม, นายํ ธโมฺม สงฺคณิการามสฺส; อารทฺธวีริยสฺสายํ ธโมฺม, นายํ ธโมฺม กุสีตสฺส; อุปฎฺฐิตสฺสติสฺสายํ ธโมฺม, นายํ ธโมฺม มุฎฺฐสฺสติสฺส; สมาหิตสฺสายํ ธโมฺม, นายํ ธโมฺม อสมาหิตสฺส; ปญฺญวโต อยํ ธโมฺม, นายํ ธโมฺม ทุปฺปญฺญสฺสา’ติฯ เตน หิ ตฺวํ, อนุรุทฺธ, อิมมฺปิ อฎฺฐมํ มหาปุริสวิตกฺกํ วิตเกฺกหิ – ‘นิปฺปปญฺจารามสฺสายํ ธโมฺม นิปฺปปญฺจรติโน, นายํ ธโมฺม ปปญฺจารามสฺส ปปญฺจรติโน’’’ติฯ

    ‘‘Sādhu sādhu, anuruddha! Sādhu kho tvaṃ, anuruddha, (yaṃ taṃ mahāpurisavitakkaṃ) 6 vitakkesi – ‘appicchassāyaṃ dhammo, nāyaṃ dhammo mahicchassa; santuṭṭhassāyaṃ dhammo, nāyaṃ dhammo asantuṭṭhassa; pavivittassāyaṃ dhammo, nāyaṃ dhammo saṅgaṇikārāmassa; āraddhavīriyassāyaṃ dhammo, nāyaṃ dhammo kusītassa; upaṭṭhitassatissāyaṃ dhammo, nāyaṃ dhammo muṭṭhassatissa; samāhitassāyaṃ dhammo, nāyaṃ dhammo asamāhitassa; paññavato ayaṃ dhammo, nāyaṃ dhammo duppaññassā’ti. Tena hi tvaṃ, anuruddha, imampi aṭṭhamaṃ mahāpurisavitakkaṃ vitakkehi – ‘nippapañcārāmassāyaṃ dhammo nippapañcaratino, nāyaṃ dhammo papañcārāmassa papañcaratino’’’ti.

    ‘‘ยโต โข ตฺวํ, อนุรุทฺธ, อิเม อฎฺฐ มหาปุริสวิตเกฺก วิตเกฺกสฺสสิ, ตโต ตฺวํ, อนุรุทฺธ, ยาวเทว 7 อากงฺขิสฺสสิ, วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสสิฯ

    ‘‘Yato kho tvaṃ, anuruddha, ime aṭṭha mahāpurisavitakke vitakkessasi, tato tvaṃ, anuruddha, yāvadeva 8 ākaṅkhissasi, vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi savitakkaṃ savicāraṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharissasi.

    ‘‘ยโต โข ตฺวํ, อนุรุทฺธ, อิเม อฎฺฐ มหาปุริสวิตเกฺก วิตเกฺกสฺสสิ, ตโต ตฺวํ, อนุรุทฺธ, ยาวเทว อากงฺขิสฺสสิ, วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสสิฯ

    ‘‘Yato kho tvaṃ, anuruddha, ime aṭṭha mahāpurisavitakke vitakkessasi, tato tvaṃ, anuruddha, yāvadeva ākaṅkhissasi, vitakkavicārānaṃ vūpasamā ajjhattaṃ sampasādanaṃ cetaso ekodibhāvaṃ avitakkaṃ avicāraṃ samādhijaṃ pītisukhaṃ dutiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharissasi.

    ‘‘ยโต โข ตฺวํ, อนุรุทฺธ, อิเม อฎฺฐ มหาปุริสวิตเกฺก วิตเกฺกสฺสสิ, ตโต ตฺวํ, อนุรุทฺธ , ยาวเทว อากงฺขิสฺสสิ, ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหริสฺสสิ สโต จ สมฺปชาโน สุขญฺจ กาเยน ปฎิสํเวทิสฺสสิ ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสสิฯ

    ‘‘Yato kho tvaṃ, anuruddha, ime aṭṭha mahāpurisavitakke vitakkessasi, tato tvaṃ, anuruddha , yāvadeva ākaṅkhissasi, pītiyā ca virāgā upekkhako ca viharissasi sato ca sampajāno sukhañca kāyena paṭisaṃvedissasi yaṃ taṃ ariyā ācikkhanti – ‘upekkhako satimā sukhavihārī’ti tatiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharissasi.

    ‘‘ยโต โข ตฺวํ, อนุรุทฺธ, อิเม อฎฺฐ มหาปุริสวิตเกฺก วิตเกฺกสฺสสิ, ตโต ตฺวํ, อนุรุทฺธ, ยาวเทว อากงฺขิสฺสสิ, สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุเพฺพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิํ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสสิฯ

    ‘‘Yato kho tvaṃ, anuruddha, ime aṭṭha mahāpurisavitakke vitakkessasi, tato tvaṃ, anuruddha, yāvadeva ākaṅkhissasi, sukhassa ca pahānā dukkhassa ca pahānā pubbeva somanassadomanassānaṃ atthaṅgamā adukkhamasukhaṃ upekkhāsatipārisuddhiṃ catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharissasi.

    ‘‘ยโต โข ตฺวํ, อนุรุทฺธ, อิเม จ อฎฺฐ มหาปุริสวิตเกฺก วิตเกฺกสฺสสิ, อิเมสญฺจ จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี ภวิสฺสสิ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, ตโต ตุยฺหํ, อนุรุทฺธ, เสยฺยถาปิ นาม คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา นานารตฺตานํ ทุสฺสานํ ทุสฺสกรณฺฑโก ปูโร; เอวเมวํ เต ปํสุกูลจีวรํ ขายิสฺสติ สนฺตุฎฺฐสฺส วิหรโต รติยา อปริตสฺสาย ผาสุวิหาราย โอกฺกมนาย นิพฺพานสฺสฯ

    ‘‘Yato kho tvaṃ, anuruddha, ime ca aṭṭha mahāpurisavitakke vitakkessasi, imesañca catunnaṃ jhānānaṃ ābhicetasikānaṃ diṭṭhadhammasukhavihārānaṃ nikāmalābhī bhavissasi akicchalābhī akasiralābhī, tato tuyhaṃ, anuruddha, seyyathāpi nāma gahapatissa vā gahapatiputtassa vā nānārattānaṃ dussānaṃ dussakaraṇḍako pūro; evamevaṃ te paṃsukūlacīvaraṃ khāyissati santuṭṭhassa viharato ratiyā aparitassāya phāsuvihārāya okkamanāya nibbānassa.

    ‘‘ยโต โข ตฺวํ, อนุรุทฺธ, อิเม จ อฎฺฐ มหาปุริสวิตเกฺก วิตเกฺกสฺสสิ, อิเมสญฺจ จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี ภวิสฺสสิ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, ตโต ตุยฺหํ, อนุรุทฺธ, เสยฺยถาปิ นาม คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา สาลีนํ โอทโน วิจิตกาฬโก อเนกสูโป อเนกพฺยญฺชโน; เอวเมวํ เต ปิณฺฑิยาโลปโภชนํ ขายิสฺสติ สนฺตุฎฺฐสฺส วิหรโต รติยา อปริตสฺสาย ผาสุวิหาราย โอกฺกมนาย นิพฺพานสฺสฯ

    ‘‘Yato kho tvaṃ, anuruddha, ime ca aṭṭha mahāpurisavitakke vitakkessasi, imesañca catunnaṃ jhānānaṃ ābhicetasikānaṃ diṭṭhadhammasukhavihārānaṃ nikāmalābhī bhavissasi akicchalābhī akasiralābhī, tato tuyhaṃ, anuruddha, seyyathāpi nāma gahapatissa vā gahapatiputtassa vā sālīnaṃ odano vicitakāḷako anekasūpo anekabyañjano; evamevaṃ te piṇḍiyālopabhojanaṃ khāyissati santuṭṭhassa viharato ratiyā aparitassāya phāsuvihārāya okkamanāya nibbānassa.

    ‘‘ยโต โข ตฺวํ, อนุรุทฺธ, อิเม จ อฎฺฐ มหาปุริสวิตเกฺก วิตเกฺกสฺสสิ, อิเมสญฺจ จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี ภวิสฺสสิ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, ตโต ตุยฺหํ, อนุรุทฺธ, เสยฺยถาปิ นาม คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา กูฎาคารํ อุลฺลิตฺตาวลิตฺตํ นิวาตํ ผุสิตคฺคฬํ ปิหิตวาตปานํ; เอวเมวํ เต รุกฺขมูลเสนาสนํ ขายิสฺสติ สนฺตุฎฺฐสฺส วิหรโต รติยา อปริตสฺสาย ผาสุวิหาราย โอกฺกมนาย นิพฺพานสฺสฯ

    ‘‘Yato kho tvaṃ, anuruddha, ime ca aṭṭha mahāpurisavitakke vitakkessasi, imesañca catunnaṃ jhānānaṃ ābhicetasikānaṃ diṭṭhadhammasukhavihārānaṃ nikāmalābhī bhavissasi akicchalābhī akasiralābhī, tato tuyhaṃ, anuruddha, seyyathāpi nāma gahapatissa vā gahapatiputtassa vā kūṭāgāraṃ ullittāvalittaṃ nivātaṃ phusitaggaḷaṃ pihitavātapānaṃ; evamevaṃ te rukkhamūlasenāsanaṃ khāyissati santuṭṭhassa viharato ratiyā aparitassāya phāsuvihārāya okkamanāya nibbānassa.

    ‘‘ยโต โข ตฺวํ, อนุรุทฺธ, อิเม จ อฎฺฐ มหาปุริสวิตเกฺก วิตเกฺกสฺสสิ, อิเมสญฺจ จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี ภวิสฺสสิ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, ตโต ตุยฺหํ, อนุรุทฺธ , เสยฺยถาปิ นาม คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา ปลฺลโงฺก โคนกตฺถโต ปฎิกตฺถโต ปฎลิกตฺถโต กทลิมิคปวรปจฺจตฺถรโณ 9 สอุตฺตรจฺฉโท อุภโตโลหิตกูปธาโน; เอวเมวํ เต ติณสนฺถารกสยนาสนํ ขายิสฺสติ สนฺตุฎฺฐสฺส วิหรโต รติยา อปริตสฺสาย ผาสุวิหาราย โอกฺกมนาย นิพฺพานสฺสฯ

    ‘‘Yato kho tvaṃ, anuruddha, ime ca aṭṭha mahāpurisavitakke vitakkessasi, imesañca catunnaṃ jhānānaṃ ābhicetasikānaṃ diṭṭhadhammasukhavihārānaṃ nikāmalābhī bhavissasi akicchalābhī akasiralābhī, tato tuyhaṃ, anuruddha , seyyathāpi nāma gahapatissa vā gahapatiputtassa vā pallaṅko gonakatthato paṭikatthato paṭalikatthato kadalimigapavarapaccattharaṇo 10 sauttaracchado ubhatolohitakūpadhāno; evamevaṃ te tiṇasanthārakasayanāsanaṃ khāyissati santuṭṭhassa viharato ratiyā aparitassāya phāsuvihārāya okkamanāya nibbānassa.

    ‘‘ยโต โข ตฺวํ, อนุรุทฺธ, อิเม จ อฎฺฐ มหาปุริสวิตเกฺก วิตเกฺกสฺสสิ, อิเมสญฺจ จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี ภวิสฺสสิ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, ตโต ตุยฺหํ, อนุรุทฺธ, เสยฺยถาปิ นาม คหปติสฺส วา คหปติปุตฺตสฺส วา นานาเภสชฺชานิ, เสยฺยถิทํ – สปฺปิ นวนีตํ เตลํ มธุ ผาณิตํ; เอวเมวํ เต ปูติมุตฺตเภสชฺชํ ขายิสฺสติ สนฺตุฎฺฐสฺส วิหรโต รติยา อปริตสฺสาย ผาสุวิหาราย โอกฺกมนาย นิพฺพานสฺสฯ เตน หิ ตฺวํ, อนุรุทฺธ, อายติกมฺปิ วสฺสาวาสํ อิเธว เจตีสุ ปาจีนวํสทาเย วิหเรยฺยาสี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อายสฺมา อนุรุโทฺธ ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ

    ‘‘Yato kho tvaṃ, anuruddha, ime ca aṭṭha mahāpurisavitakke vitakkessasi, imesañca catunnaṃ jhānānaṃ ābhicetasikānaṃ diṭṭhadhammasukhavihārānaṃ nikāmalābhī bhavissasi akicchalābhī akasiralābhī, tato tuyhaṃ, anuruddha, seyyathāpi nāma gahapatissa vā gahapatiputtassa vā nānābhesajjāni, seyyathidaṃ – sappi navanītaṃ telaṃ madhu phāṇitaṃ; evamevaṃ te pūtimuttabhesajjaṃ khāyissati santuṭṭhassa viharato ratiyā aparitassāya phāsuvihārāya okkamanāya nibbānassa. Tena hi tvaṃ, anuruddha, āyatikampi vassāvāsaṃ idheva cetīsu pācīnavaṃsadāye vihareyyāsī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho āyasmā anuruddho bhagavato paccassosi.

    อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ อิมินา โอวาเทน โอวทิตฺวา – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิญฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิเญฺชยฺย, เอวเมวํ – เจตีสุ ปาจีนวํสทาเย อนฺตรหิโต ภเคฺคสุ สุํสุมารคิเร เภสกฬาวเน มิคทาเย ปาตุรโหสีติฯ นิสีทิ ภควา ปญฺญเตฺต อาสเนฯ นิสชฺช โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อฎฺฐ โข, ภิกฺขเว, มหาปุริสวิตเกฺก เทเสสฺสามิ, ตํ สุณาถ…เป.… กตเม จ, ภิกฺขเว, อฎฺฐ มหาปุริสวิตกฺกา? อปฺปิจฺฉสฺสายํ, ภิกฺขเว, ธโมฺม, นายํ ธโมฺม มหิจฺฉสฺส; สนฺตุฎฺฐสฺสายํ, ภิกฺขเว, ธโมฺม, นายํ ธโมฺม อสนฺตุฎฺฐสฺส; ปวิวิตฺตสฺสายํ, ภิกฺขเว, ธโมฺม, นายํ ธโมฺม สงฺคณิการามสฺส; อารทฺธวีริยสฺสายํ, ภิกฺขเว, ธโมฺม, นายํ ธโมฺม กุสีตสฺส; อุปฎฺฐิตสฺสติสฺสายํ, ภิกฺขเว, ธโมฺม, นายํ ธโมฺม มุฎฺฐสฺสติสฺส; สมาหิตสฺสายํ, ภิกฺขเว, ธโมฺม, นายํ ธโมฺม อสมาหิตสฺส; ปญฺญวโต อยํ, ภิกฺขเว, ธโมฺม, นายํ ธโมฺม ทุปฺปญฺญสฺส; นิปฺปปญฺจารามสฺสายํ, ภิกฺขเว, ธโมฺม นิปฺปปญฺจรติโน, นายํ ธโมฺม ปปญฺจารามสฺส ปปญฺจรติโน’’ฯ

    Atha kho bhagavā āyasmantaṃ anuruddhaṃ iminā ovādena ovaditvā – seyyathāpi nāma balavā puriso samiñjitaṃ vā bāhaṃ pasāreyya, pasāritaṃ vā bāhaṃ samiñjeyya, evamevaṃ – cetīsu pācīnavaṃsadāye antarahito bhaggesu suṃsumāragire bhesakaḷāvane migadāye pāturahosīti. Nisīdi bhagavā paññatte āsane. Nisajja kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘aṭṭha kho, bhikkhave, mahāpurisavitakke desessāmi, taṃ suṇātha…pe… katame ca, bhikkhave, aṭṭha mahāpurisavitakkā? Appicchassāyaṃ, bhikkhave, dhammo, nāyaṃ dhammo mahicchassa; santuṭṭhassāyaṃ, bhikkhave, dhammo, nāyaṃ dhammo asantuṭṭhassa; pavivittassāyaṃ, bhikkhave, dhammo, nāyaṃ dhammo saṅgaṇikārāmassa; āraddhavīriyassāyaṃ, bhikkhave, dhammo, nāyaṃ dhammo kusītassa; upaṭṭhitassatissāyaṃ, bhikkhave, dhammo, nāyaṃ dhammo muṭṭhassatissa; samāhitassāyaṃ, bhikkhave, dhammo, nāyaṃ dhammo asamāhitassa; paññavato ayaṃ, bhikkhave, dhammo, nāyaṃ dhammo duppaññassa; nippapañcārāmassāyaṃ, bhikkhave, dhammo nippapañcaratino, nāyaṃ dhammo papañcārāmassa papañcaratino’’.

    ‘‘‘อปฺปิจฺฉสฺสายํ , ภิกฺขเว, ธโมฺม, นายํ ธโมฺม มหิจฺฉสฺสา’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อปฺปิโจฺฉ สมาโน ‘อปฺปิโจฺฉติ มํ ชาเนยฺยุ’นฺติ น อิจฺฉติ, สนฺตุโฎฺฐ สมาโน ‘สนฺตุโฎฺฐติ มํ ชาเนยฺยุ’นฺติ น อิจฺฉติ, ปวิวิโตฺต สมาโน ‘ปวิวิโตฺตติ มํ ชาเนยฺยุ’นฺติ น อิจฺฉติ, อารทฺธวีริโย สมาโน ‘อารทฺธวีริโยติ มํ ชาเนยฺยุ’นฺติ น อิจฺฉติ, อุปฎฺฐิตสฺสติ สมาโน ‘อุปฎฺฐิตสฺสตีติ มํ ชาเนยฺยุ’นฺติ น อิจฺฉติ, สมาหิโต สมาโน ‘สมาหิโตติ มํ ชาเนยฺยุ’นฺติ น อิจฺฉติ, ปญฺญวา สมาโน ‘ปญฺญวาติ มํ ชาเนยฺยุ’นฺติ น อิจฺฉติ, นิปฺปปญฺจาราโม สมาโน ‘นิปฺปปญฺจาราโมติ มํ ชาเนยฺยุ’นฺติ น อิจฺฉติฯ ‘อปฺปิจฺฉสฺสายํ, ภิกฺขเว, ธโมฺม, นายํ ธโมฺม มหิจฺฉสฺสา’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ

    ‘‘‘Appicchassāyaṃ , bhikkhave, dhammo, nāyaṃ dhammo mahicchassā’ti, iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Idha, bhikkhave, bhikkhu appiccho samāno ‘appicchoti maṃ jāneyyu’nti na icchati, santuṭṭho samāno ‘santuṭṭhoti maṃ jāneyyu’nti na icchati, pavivitto samāno ‘pavivittoti maṃ jāneyyu’nti na icchati, āraddhavīriyo samāno ‘āraddhavīriyoti maṃ jāneyyu’nti na icchati, upaṭṭhitassati samāno ‘upaṭṭhitassatīti maṃ jāneyyu’nti na icchati, samāhito samāno ‘samāhitoti maṃ jāneyyu’nti na icchati, paññavā samāno ‘paññavāti maṃ jāneyyu’nti na icchati, nippapañcārāmo samāno ‘nippapañcārāmoti maṃ jāneyyu’nti na icchati. ‘Appicchassāyaṃ, bhikkhave, dhammo, nāyaṃ dhammo mahicchassā’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.

    ‘‘‘สนฺตุฎฺฐสฺสายํ, ภิกฺขเว, ธโมฺม, นายํ ธโมฺม อสนฺตุฎฺฐสฺสา’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สนฺตุโฎฺฐ โหติ อิตรีตรจีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรนฯ ‘สนฺตุฎฺฐสฺสายํ, ภิกฺขเว, ธโมฺม, นายํ ธโมฺม อสนฺตุฎฺฐสฺสา’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ

    ‘‘‘Santuṭṭhassāyaṃ, bhikkhave, dhammo, nāyaṃ dhammo asantuṭṭhassā’ti, iti kho panetaṃ vuttaṃ, kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Idha, bhikkhave, bhikkhu santuṭṭho hoti itarītaracīvarapiṇḍapātasenāsanagilānapaccayabhesajjaparikkhārena. ‘Santuṭṭhassāyaṃ, bhikkhave, dhammo, nāyaṃ dhammo asantuṭṭhassā’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.

    ‘‘‘ปวิวิตฺตสฺสายํ, ภิกฺขเว, ธโมฺม, นายํ ธโมฺม สงฺคณิการามสฺสา’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต ภวนฺติ อุปสงฺกมิตาโร ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย อุปาสกา อุปาสิกาโย ราชาโน ราชมหามตฺตา ติตฺถิยา ติตฺถิยสาวกาฯ ตตฺร ภิกฺขุ วิเวกนิเนฺนน จิเตฺตน วิเวกโปเณน วิเวกปพฺภาเรน วิเวกเฎฺฐน เนกฺขมฺมาภิรเตน อญฺญทตฺถุ อุโยฺยชนิกปฎิสํยุตฺตํเยว กถํ กตฺตา 11 โหติฯ ‘ปวิวิตฺตสฺสายํ , ภิกฺขเว, ธโมฺม, นายํ ธโมฺม สงฺคณิการามสฺสา’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ

    ‘‘‘Pavivittassāyaṃ, bhikkhave, dhammo, nāyaṃ dhammo saṅgaṇikārāmassā’ti, iti kho panetaṃ vuttaṃ, kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Idha, bhikkhave, bhikkhuno pavivittassa viharato bhavanti upasaṅkamitāro bhikkhū bhikkhuniyo upāsakā upāsikāyo rājāno rājamahāmattā titthiyā titthiyasāvakā. Tatra bhikkhu vivekaninnena cittena vivekapoṇena vivekapabbhārena vivekaṭṭhena nekkhammābhiratena aññadatthu uyyojanikapaṭisaṃyuttaṃyeva kathaṃ kattā 12 hoti. ‘Pavivittassāyaṃ , bhikkhave, dhammo, nāyaṃ dhammo saṅgaṇikārāmassā’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.

    ‘‘‘อารทฺธวีริยสฺสายํ, ภิกฺขเว, ธโมฺม, นายํ ธโมฺม กุสีตสฺสา’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธเมฺมสุฯ ‘อารทฺธวีริยสฺสายํ , ภิกฺขเว, ธโมฺม, นายํ ธโมฺม กุสีตสฺสา’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ

    ‘‘‘Āraddhavīriyassāyaṃ, bhikkhave, dhammo, nāyaṃ dhammo kusītassā’ti, iti kho panetaṃ vuttaṃ, kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Idha, bhikkhave, bhikkhu āraddhavīriyo viharati akusalānaṃ dhammānaṃ pahānāya kusalānaṃ dhammānaṃ upasampadāya thāmavā daḷhaparakkamo anikkhittadhuro kusalesu dhammesu. ‘Āraddhavīriyassāyaṃ , bhikkhave, dhammo, nāyaṃ dhammo kusītassā’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.

    ‘‘‘อุปฎฺฐิตสฺสติสฺสายํ , ภิกฺขเว, ธโมฺม, นายํ ธโมฺม มุฎฺฐสฺสติสฺสา’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สติมา โหติ ปรเมน สติเนปเกฺกน สมนฺนาคโต, จิรกตมฺปิ จิรภาสิตมฺปิ สริตา อนุสฺสริตาฯ ‘อุปฎฺฐิตสฺสติสฺสายํ, ภิกฺขเว, ธโมฺม, นายํ ธโมฺม, มุฎฺฐสฺสติสฺสา’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ

    ‘‘‘Upaṭṭhitassatissāyaṃ , bhikkhave, dhammo, nāyaṃ dhammo muṭṭhassatissā’ti, iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Idha, bhikkhave, bhikkhu satimā hoti paramena satinepakkena samannāgato, cirakatampi cirabhāsitampi saritā anussaritā. ‘Upaṭṭhitassatissāyaṃ, bhikkhave, dhammo, nāyaṃ dhammo, muṭṭhassatissā’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.

    ‘‘‘สมาหิตสฺสายํ, ภิกฺขเว, ธโมฺม, นายํ ธโมฺม อสมาหิตสฺสา’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิเจฺจว กาเมหิ…เป.… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ‘สมาหิตสฺสายํ, ภิกฺขเว, ธโมฺม, นายํ ธโมฺม อสมาหิตสฺสา’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ

    ‘‘‘Samāhitassāyaṃ, bhikkhave, dhammo, nāyaṃ dhammo asamāhitassā’ti, iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Idha, bhikkhave, bhikkhu vivicceva kāmehi…pe… catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. ‘Samāhitassāyaṃ, bhikkhave, dhammo, nāyaṃ dhammo asamāhitassā’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.

    ‘‘‘ปญฺญวโต อยํ, ภิกฺขเว, ธโมฺม, นายํ ธโมฺม ทุปฺปญฺญสฺสา’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปญฺญวา โหติ อุทยตฺถคามินิยา ปญฺญาย สมนฺนาคโต อริยาย นิเพฺพธิกาย สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยาฯ ‘ปญฺญวโต อยํ, ภิกฺขเว, ธโมฺม, นายํ ธโมฺม ทุปฺปญฺญสฺสา’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ

    ‘‘‘Paññavato ayaṃ, bhikkhave, dhammo, nāyaṃ dhammo duppaññassā’ti, iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Idha, bhikkhave, bhikkhu paññavā hoti udayatthagāminiyā paññāya samannāgato ariyāya nibbedhikāya sammā dukkhakkhayagāminiyā. ‘Paññavato ayaṃ, bhikkhave, dhammo, nāyaṃ dhammo duppaññassā’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.

    ‘‘‘นิปฺปปญฺจารามสฺสายํ , ภิกฺขเว, ธโมฺม นิปฺปปญฺจรติโน, นายํ ธโมฺม ปปญฺจารามสฺส ปปญฺจรติโน’ติ, อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปปญฺจนิโรเธ จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ ปสีทติ สนฺติฎฺฐติ วิมุจฺจติฯ ‘นิปฺปปญฺจารามสฺสายํ, ภิกฺขเว, ธโมฺม, นิปฺปปญฺจรติโน, นายํ ธโมฺม ปปญฺจารามสฺส ปปญฺจรติโน’ติ, อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺต’’นฺติฯ

    ‘‘‘Nippapañcārāmassāyaṃ , bhikkhave, dhammo nippapañcaratino, nāyaṃ dhammo papañcārāmassa papañcaratino’ti, iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Idha, bhikkhave, bhikkhuno papañcanirodhe cittaṃ pakkhandati pasīdati santiṭṭhati vimuccati. ‘Nippapañcārāmassāyaṃ, bhikkhave, dhammo, nippapañcaratino, nāyaṃ dhammo papañcārāmassa papañcaratino’ti, iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vutta’’nti.

    อถ โข อายสฺมา อนุรุโทฺธ อายติกมฺปิ วสฺสาวาสํ ตเตฺถว เจตีสุ ปาจีนวํสทาเย วิหาสิฯ อถ โข อายสฺมา อนุรุโทฺธ เอโก วูปกโฎฺฐ อปฺปมโตฺต อาตาปี ปหิตโตฺต วิหรโนฺต นจิรเสฺสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิฯ ‘‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’’ติ อพฺภญฺญาสิฯ อญฺญตโร จ ปนายสฺมา อนุรุโทฺธ อรหตํ อโหสีติฯ อถ โข อายสฺมา อนุรุโทฺธ อรหตฺตปฺปโตฺต ตายํ เวลายํ อิมา คาถาโย อภาสิ –

    Atha kho āyasmā anuruddho āyatikampi vassāvāsaṃ tattheva cetīsu pācīnavaṃsadāye vihāsi. Atha kho āyasmā anuruddho eko vūpakaṭṭho appamatto ātāpī pahitatto viharanto nacirasseva – yassatthāya kulaputtā sammadeva agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti, tadanuttaraṃ – brahmacariyapariyosānaṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihāsi. ‘‘Khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’’ti abbhaññāsi. Aññataro ca panāyasmā anuruddho arahataṃ ahosīti. Atha kho āyasmā anuruddho arahattappatto tāyaṃ velāyaṃ imā gāthāyo abhāsi –

    13 ‘‘มม สงฺกปฺปมญฺญาย, สตฺถา โลเก อนุตฺตโร;

    14 ‘‘Mama saṅkappamaññāya, satthā loke anuttaro;

    มโนมเยน กาเยน, อิทฺธิยา อุปสงฺกมิฯ

    Manomayena kāyena, iddhiyā upasaṅkami.

    ‘‘ยถา เม อหุ สงฺกโปฺป, ตโต อุตฺตริ เทสยิ;

    ‘‘Yathā me ahu saṅkappo, tato uttari desayi;

    นิปฺปปญฺจรโต พุโทฺธ, นิปฺปปญฺจํ อเทสยิฯ

    Nippapañcarato buddho, nippapañcaṃ adesayi.

    ‘‘ตสฺสาหํ ธมฺมมญฺญาย, วิหาสิํ สาสเน รโต;

    ‘‘Tassāhaṃ dhammamaññāya, vihāsiṃ sāsane rato;

    ติโสฺส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ ทสมํ;

    Tisso vijjā anuppattā, kataṃ buddhassa sāsana’’nti. dasamaṃ;

    คหปติวโคฺค ตติโยฯ

    Gahapativaggo tatiyo.

    ตสฺสุทฺทานํ –

    Tassuddānaṃ –

    เทฺว อุคฺคา เทฺว จ หตฺถกา, มหานาเมน ชีวโก;

    Dve uggā dve ca hatthakā, mahānāmena jīvako;

    เทฺว พลา อกฺขณา วุตฺตา, อนุรุเทฺธน เต ทสาติฯ

    Dve balā akkhaṇā vuttā, anuruddhena te dasāti.







    Footnotes:
    1. อุปฎฺฐิตสติสฺสายํ (สี. สฺยา. ปี.)
    2. มุฎฺฐสติสฺส (สี. สฺยา. ปี.)
    3. upaṭṭhitasatissāyaṃ (sī. syā. pī.)
    4. muṭṭhasatissa (sī. syā. pī.)
    5. สตฺต มหาปุริสวิตเกฺก (สี. ปี.) ที. นิ. ๓.๓๕๘
    6. satta mahāpurisavitakke (sī. pī.) dī. ni. 3.358
    7. ยาวเท (สํ. นิ. ๒.๑๕๒)
    8. yāvade (saṃ. ni. 2.152)
    9. กาทลิ… ปจฺจตฺถรโณ (สี.)
    10. kādali… paccattharaṇo (sī.)
    11. ปวตฺตา (ก.)
    12. pavattā (ka.)
    13. เถรคา. ๙๐๑-๙๐๓
    14. theragā. 901-903



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. อนุรุทฺธมหาวิตกฺกสุตฺตวณฺณนา • 10. Anuruddhamahāvitakkasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑๐. อนุรุทฺธมหาวิตกฺกสุตฺตวณฺณนา • 10. Anuruddhamahāvitakkasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact