Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๖. อนุรุทฺธสุตฺตํ
6. Anuruddhasuttaṃ
๔๖. เอกํ สมยํ ภควา โกสมฺพิยํ วิหรติ โฆสิตาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อนุรุโทฺธ ทิวาวิหารํ คโต โหติ ปฎิสลฺลีโนฯ อถ โข สมฺพหุลา มนาปกายิกา เทวตา เยนายสฺมา อนุรุโทฺธ เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐํสุฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข ตา เทวตา อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ เอตทโวจุํ – ‘‘มยํ, ภเนฺต อนุรุทฺธ, มนาปกายิกา นาม เทวตา ตีสุ ฐาเนสุ อิสฺสริยํ กาเรม วสํ วเตฺตมฯ มยํ, ภเนฺต อนุรุทฺธ, ยาทิสกํ วณฺณํ อากงฺขาม ตาทิสกํ วณฺณํ ฐานโส ปฎิลภาม; ยาทิสกํ สรํ อากงฺขาม ตาทิสกํ สรํ ฐานโส ปฎิลภาม; ยาทิสกํ สุขํ อากงฺขาม ตาทิสกํ สุขํ ฐานโส ปฎิลภามฯ มยํ, ภเนฺต อนุรุทฺธ, มนาปกายิกา นาม เทวตา อิเมสุ ตีสุ ฐาเนสุ อิสฺสริยํ กาเรม วสํ วเตฺตมา’’ติฯ
46. Ekaṃ samayaṃ bhagavā kosambiyaṃ viharati ghositārāme. Tena kho pana samayena āyasmā anuruddho divāvihāraṃ gato hoti paṭisallīno. Atha kho sambahulā manāpakāyikā devatā yenāyasmā anuruddho tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ anuruddhaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhaṃsu. Ekamantaṃ ṭhitā kho tā devatā āyasmantaṃ anuruddhaṃ etadavocuṃ – ‘‘mayaṃ, bhante anuruddha, manāpakāyikā nāma devatā tīsu ṭhānesu issariyaṃ kārema vasaṃ vattema. Mayaṃ, bhante anuruddha, yādisakaṃ vaṇṇaṃ ākaṅkhāma tādisakaṃ vaṇṇaṃ ṭhānaso paṭilabhāma; yādisakaṃ saraṃ ākaṅkhāma tādisakaṃ saraṃ ṭhānaso paṭilabhāma; yādisakaṃ sukhaṃ ākaṅkhāma tādisakaṃ sukhaṃ ṭhānaso paṭilabhāma. Mayaṃ, bhante anuruddha, manāpakāyikā nāma devatā imesu tīsu ṭhānesu issariyaṃ kārema vasaṃ vattemā’’ti.
อถ โข อายสฺมโต อนุรุทฺธสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อโห วติมา เทวตา สพฺพาว นีลา อสฺสุ นีลวณฺณา นีลวตฺถา นีลาลงฺการา’’ติฯ อถ โข ตา เทวตา อายสฺมโต อนุรุทฺธสฺส จิตฺตมญฺญาย สพฺพาว นีลา อเหสุํ นีลวณฺณา นีลวตฺถา นีลาลงฺการาฯ
Atha kho āyasmato anuruddhassa etadahosi – ‘‘aho vatimā devatā sabbāva nīlā assu nīlavaṇṇā nīlavatthā nīlālaṅkārā’’ti. Atha kho tā devatā āyasmato anuruddhassa cittamaññāya sabbāva nīlā ahesuṃ nīlavaṇṇā nīlavatthā nīlālaṅkārā.
อถ โข อายสฺมโต อนุรุทฺธสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อโห วติมา เทวตา สพฺพาว ปีตา อสฺสุ…เป.… สพฺพาว โลหิตกา อสฺสุ… สพฺพาว โอทาตา อสฺสุ โอทาตวณฺณา โอทาตวตฺถา โอทาตาลงฺการา’’ติฯ อถ โข ตา เทวตา อายสฺมโต อนุรุทฺธสฺส จิตฺตมญฺญาย สพฺพาว โอทาตา อเหสุํ โอทาตวณฺณา โอทาตวตฺถา โอทาตาลงฺการาฯ
Atha kho āyasmato anuruddhassa etadahosi – ‘‘aho vatimā devatā sabbāva pītā assu…pe… sabbāva lohitakā assu… sabbāva odātā assu odātavaṇṇā odātavatthā odātālaṅkārā’’ti. Atha kho tā devatā āyasmato anuruddhassa cittamaññāya sabbāva odātā ahesuṃ odātavaṇṇā odātavatthā odātālaṅkārā.
อถ โข ตา เทวตา เอกา จ 1 คายิ เอกา จ 2 นจฺจิ เอกา จ 3 อจฺฉรํ วาเทสิฯ เสยฺยถาปิ นาม ปญฺจงฺคิกสฺส ตูริยสฺส 4 สุวินีตสฺส สุปฺปฎิปตาฬิตสฺส กุสเลหิ สุสมนฺนาหตสฺส สโทฺท โหติ วคฺคุ จ รชนีโย จ กมนีโย จ เปมนีโย จ มทนีโย จ; เอวเมวํ ตาสํ เทวตานํ อลงฺการานํ สโทฺท โหติ วคฺคุ จ รชนีโย จ กมนีโย จ เปมนีโย จ มทนีโย จฯ อถ โข อายสฺมา อนุรุโทฺธ อินฺทฺริยานิ โอกฺขิปิฯ
Atha kho tā devatā ekā ca 5 gāyi ekā ca 6 nacci ekā ca 7 accharaṃ vādesi. Seyyathāpi nāma pañcaṅgikassa tūriyassa 8 suvinītassa suppaṭipatāḷitassa kusalehi susamannāhatassa saddo hoti vaggu ca rajanīyo ca kamanīyo ca pemanīyo ca madanīyo ca; evamevaṃ tāsaṃ devatānaṃ alaṅkārānaṃ saddo hoti vaggu ca rajanīyo ca kamanīyo ca pemanīyo ca madanīyo ca. Atha kho āyasmā anuruddho indriyāni okkhipi.
อถ โข ตา เทวตา ‘‘น ขฺวโยฺย อนุรุโทฺธ สาทิยตี’’ติ 9 ตเตฺถวนฺตรธายิํสุฯ อถ โข อายสฺมา อนุรุโทฺธ สายนฺหสมยํ ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา อนุรุโทฺธ ภควนฺตํ เอตทโวจ –
Atha kho tā devatā ‘‘na khvayyo anuruddho sādiyatī’’ti 10 tatthevantaradhāyiṃsu. Atha kho āyasmā anuruddho sāyanhasamayaṃ paṭisallānā vuṭṭhito yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā anuruddho bhagavantaṃ etadavoca –
‘‘อิธาหํ, ภเนฺต, ทิวาวิหารํ คโต โหมิ ปฎิสลฺลีโนฯ อถ โข, ภเนฺต, สมฺพหุลา มนาปกายิกา เทวตา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐํสุฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข, ภเนฺต, ตา เทวตา มํ เอตทโวจุํ – ‘มยํ, ภเนฺต อนุรุทฺธ, มนาปกายิกา นาม เทวตา ตีสุ ฐาเนสุ อิสฺสริยํ กาเรม วสํ วเตฺตมฯ มยํ, ภเนฺต อนุรุทฺธ, ยาทิสกํ วณฺณํ อากงฺขาม ตาทิสกํ วณฺณํ ฐานโส ปฎิลภาม; ยาทิสกํ สรํ อากงฺขาม ตาทิสกํ สรํ ฐานโส ปฎิลภาม; ยาทิสกํ สุขํ อากงฺขาม ตาทิสกํ สุขํ ฐานโส ปฎิลภามฯ มยํ, ภเนฺต อนุรุทฺธ, มนาปกายิกา นาม เทวตา อิเมสุ ตีสุ ฐาเนสุ อิสฺสริยํ กาเรม วสํ วเตฺตมา’ติฯ ตสฺส มยฺหํ, ภเนฺต, เอตทโหสิ – ‘อโห วติมา เทวตา สพฺพาว นีลา อสฺสุ นีลวณฺณา นีลวตฺถา นีลาลงฺการา’ติฯ อถ โข, ภเนฺต, ตา เทวตา มม จิตฺตมญฺญาย สพฺพาว นีลา อเหสุํ นีลวณฺณา นีลวตฺถา นีลาลงฺการาฯ
‘‘Idhāhaṃ, bhante, divāvihāraṃ gato homi paṭisallīno. Atha kho, bhante, sambahulā manāpakāyikā devatā yenāhaṃ tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā maṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhaṃsu. Ekamantaṃ ṭhitā kho, bhante, tā devatā maṃ etadavocuṃ – ‘mayaṃ, bhante anuruddha, manāpakāyikā nāma devatā tīsu ṭhānesu issariyaṃ kārema vasaṃ vattema. Mayaṃ, bhante anuruddha, yādisakaṃ vaṇṇaṃ ākaṅkhāma tādisakaṃ vaṇṇaṃ ṭhānaso paṭilabhāma; yādisakaṃ saraṃ ākaṅkhāma tādisakaṃ saraṃ ṭhānaso paṭilabhāma; yādisakaṃ sukhaṃ ākaṅkhāma tādisakaṃ sukhaṃ ṭhānaso paṭilabhāma. Mayaṃ, bhante anuruddha, manāpakāyikā nāma devatā imesu tīsu ṭhānesu issariyaṃ kārema vasaṃ vattemā’ti. Tassa mayhaṃ, bhante, etadahosi – ‘aho vatimā devatā sabbāva nīlā assu nīlavaṇṇā nīlavatthā nīlālaṅkārā’ti. Atha kho, bhante, tā devatā mama cittamaññāya sabbāva nīlā ahesuṃ nīlavaṇṇā nīlavatthā nīlālaṅkārā.
‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภเนฺต, เอตทโหสิ – ‘อโห วติมา เทวตา สพฺพาว ปีตา อสฺสุ…เป.… สพฺพาว โลหิตกา อสฺสุ…เป.… สพฺพาว โอทาตา อสฺสุ โอทาตวณฺณา โอทาตวตฺถา โอทาตาลงฺการา’ติ ฯ อถ โข, ภเนฺต, ตา เทวตา มม จิตฺตมญฺญาย สพฺพาว โอทาตา อเหสุํ โอทาตวณฺณา โอทาตวตฺถา โอทาตาลงฺการาฯ
‘‘Tassa mayhaṃ, bhante, etadahosi – ‘aho vatimā devatā sabbāva pītā assu…pe… sabbāva lohitakā assu…pe… sabbāva odātā assu odātavaṇṇā odātavatthā odātālaṅkārā’ti . Atha kho, bhante, tā devatā mama cittamaññāya sabbāva odātā ahesuṃ odātavaṇṇā odātavatthā odātālaṅkārā.
‘‘อถ โข, ภเนฺต, ตา เทวตา เอกา จ คายิ เอกา จ นจฺจิ เอกา จ อจฺฉรํ วาเทสิฯ เสยฺยถาปิ นาม ปญฺจงฺคิกสฺส ตูริยสฺส สุวินีตสฺส สุปฺปฎิปตาฬิตสฺส กุสเลหิ สุสมนฺนาหตสฺส สโทฺท โหติ วคฺคุ จ รชนีโย จ กมนีโย จ เปมนีโย จ มทนีโย จ; เอวเมวํ ตาสํ เทวตานํ อลงฺการานํ สโทฺท โหติ วคฺคุ จ รชนีโย จ กมนีโย จ เปมนีโย จ มทนีโย จฯ อถ ขฺวาหํ, ภเนฺต, อินฺทฺริยานิ โอกฺขิปิํฯ
‘‘Atha kho, bhante, tā devatā ekā ca gāyi ekā ca nacci ekā ca accharaṃ vādesi. Seyyathāpi nāma pañcaṅgikassa tūriyassa suvinītassa suppaṭipatāḷitassa kusalehi susamannāhatassa saddo hoti vaggu ca rajanīyo ca kamanīyo ca pemanīyo ca madanīyo ca; evamevaṃ tāsaṃ devatānaṃ alaṅkārānaṃ saddo hoti vaggu ca rajanīyo ca kamanīyo ca pemanīyo ca madanīyo ca. Atha khvāhaṃ, bhante, indriyāni okkhipiṃ.
‘‘อถ โข, ภเนฺต, ตา เทวตา ‘น ขฺวโยฺย อนุรุโทฺธ สาทิยตี’ติ ตเตฺถวนฺตรธายิํสุฯ กติหิ นุ โข, ภเนฺต, ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต มาตุคาโม กายสฺส เภทา ปรํ มรณา มนาปกายิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชตี’’ติ?
‘‘Atha kho, bhante, tā devatā ‘na khvayyo anuruddho sādiyatī’ti tatthevantaradhāyiṃsu. Katihi nu kho, bhante, dhammehi samannāgato mātugāmo kāyassa bhedā paraṃ maraṇā manāpakāyikānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjatī’’ti?
‘‘อฎฺฐหิ โข, อนุรุทฺธ, ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต มาตุคาโม กายสฺส เภทา ปรํ มรณา มนาปกายิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติฯ กตเมหิ อฎฺฐหิ? อิธ, อนุรุทฺธ, มาตุคาโม ยสฺส มาตาปิตโร ภตฺตุโน เทนฺติ อตฺถกามา หิเตสิโน อนุกมฺปกา อนุกมฺปํ อุปาทาย ตสฺส โหติ ปุพฺพุฎฺฐายินี ปจฺฉานิปาตินี กิงฺการปฎิสฺสาวินี มนาปจารินี ปิยวาทินีฯ
‘‘Aṭṭhahi kho, anuruddha, dhammehi samannāgato mātugāmo kāyassa bhedā paraṃ maraṇā manāpakāyikānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjati. Katamehi aṭṭhahi? Idha, anuruddha, mātugāmo yassa mātāpitaro bhattuno denti atthakāmā hitesino anukampakā anukampaṃ upādāya tassa hoti pubbuṭṭhāyinī pacchānipātinī kiṅkārapaṭissāvinī manāpacārinī piyavādinī.
‘‘เย เต ภตฺตุ อพฺภนฺตรา กมฺมนฺตา – อุณฺณาติ วา กปฺปาสาติ วา – ตตฺถ ทกฺขา โหติ อนลสา ตตฺรุปายาย 15 วีมํสาย สมนฺนาคตา อลํ กาตุํ อลํ สํวิธาตุํฯ
‘‘Ye te bhattu abbhantarā kammantā – uṇṇāti vā kappāsāti vā – tattha dakkhā hoti analasā tatrupāyāya 16 vīmaṃsāya samannāgatā alaṃ kātuṃ alaṃ saṃvidhātuṃ.
‘‘โย โส ภตฺตุ อพฺภนฺตโร อโนฺตชโน – ทาสาติ วา เปสฺสาติ วา กมฺมกราติ วา – เตสํ กตญฺจ กตโต ชานาติ อกตญฺจ อกตโต ชานาติ, คิลานกานญฺจ พลาพลํ ชานาติ ขาทนียํ โภชนียญฺจสฺส ปจฺจํเสน 17 สํวิภชติฯ
‘‘Yo so bhattu abbhantaro antojano – dāsāti vā pessāti vā kammakarāti vā – tesaṃ katañca katato jānāti akatañca akatato jānāti, gilānakānañca balābalaṃ jānāti khādanīyaṃ bhojanīyañcassa paccaṃsena 18 saṃvibhajati.
‘‘ยํ ภตฺตุ อาหรติ ธนํ วา ธญฺญํ วา ชาตรูปํ วา ตํ อารเกฺขน คุตฺติยา สมฺปาเทติ, ตตฺถ จ โหติ อธุตฺตี อเถนี อโสณฺฑี อวินาสิกาฯ
‘‘Yaṃ bhattu āharati dhanaṃ vā dhaññaṃ vā jātarūpaṃ vā taṃ ārakkhena guttiyā sampādeti, tattha ca hoti adhuttī athenī asoṇḍī avināsikā.
‘‘อุปาสิกา โข ปน โหติ พุทฺธํ สรณํ คตา ธมฺมํ สรณํ คตา สงฺฆํ สรณํ คตาฯ
‘‘Upāsikā kho pana hoti buddhaṃ saraṇaṃ gatā dhammaṃ saraṇaṃ gatā saṅghaṃ saraṇaṃ gatā.
‘‘สีลวตี โข ปน โหติ – ปาณาติปาตา ปฎิวิรตา, อทินฺนาทานา ปฎิวิรตา, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฎิวิรตา, มุสาวาทา ปฎิวิรตา, สุราเมรยมชฺชปมาทฎฺฐานา ปฎิวิรตาฯ
‘‘Sīlavatī kho pana hoti – pāṇātipātā paṭiviratā, adinnādānā paṭiviratā, kāmesumicchācārā paṭiviratā, musāvādā paṭiviratā, surāmerayamajjapamādaṭṭhānā paṭiviratā.
‘‘อิเมหิ โข, อนุรุทฺธ, อฎฺฐหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต มาตุคาโม กายสฺส เภทา ปรํ มรณา มนาปกายิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชตี’’ติฯ
‘‘Imehi kho, anuruddha, aṭṭhahi dhammehi samannāgato mātugāmo kāyassa bhedā paraṃ maraṇā manāpakāyikānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjatī’’ti.
‘‘โย นํ ภรติ สพฺพทา, นิจฺจํ อาตาปิ อุสฺสุโก;
‘‘Yo naṃ bharati sabbadā, niccaṃ ātāpi ussuko;
‘‘น จาปิ โสตฺถิ ภตฺตารํ, อิสฺสาวาเทน โรสเย;
‘‘Na cāpi sotthi bhattāraṃ, issāvādena rosaye;
ภตฺตุ จ ครุโน สเพฺพ, ปฎิปูเชติ ปณฺฑิตาฯ
Bhattu ca garuno sabbe, paṭipūjeti paṇḍitā.
ภตฺตุ มนาปํ จรติ, สมฺภตํ อนุรกฺขติฯ
Bhattu manāpaṃ carati, sambhataṃ anurakkhati.
‘‘ยา เอวํ วตฺตติ นารี, ภตฺตุ ฉนฺทวสานุคา;
‘‘Yā evaṃ vattati nārī, bhattu chandavasānugā;
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๖. อนุรุทฺธสุตฺตวณฺณนา • 6. Anuruddhasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑-๘. สํขิตฺตูโปสถสุตฺตาทิวณฺณนา • 1-8. Saṃkhittūposathasuttādivaṇṇanā