Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya

    ๗. อนุรุทฺธสุตฺตํ

    7. Anuruddhasuttaṃ

    ๒๒๙. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ อถ โข ปญฺจกโงฺค ถปติ อญฺญตรํ ปุริสํ อามเนฺตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, อโมฺภ ปุริส, เยนายสฺมา อนุรุโทฺธ เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน อายสฺมโต อนุรุทฺธสฺส ปาเท สิรสา วนฺทาหิ 1 – ‘ปญฺจกโงฺค, ภเนฺต, ถปติ อายสฺมโต อนุรุทฺธสฺส ปาเท สิรสา วนฺทตี’ติ; เอวญฺจ วเทหิ 2 – ‘อธิวาเสตุ กิร, ภเนฺต, อายสฺมา อนุรุโทฺธ ปญฺจกงฺคสฺส ถปติสฺส สฺวาตนาย อตฺตจตุโตฺถ ภตฺตํ; เยน จ กิร, ภเนฺต, อายสฺมา อนุรุโทฺธ ปเควตรํ อาคเจฺฉยฺย; ปญฺจกโงฺค, ภเนฺต, ถปติ 3 พหุกิโจฺจ พหุกรณีโย ราชกรณีเยนา’’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข โส ปุริโส ปญฺจกงฺคสฺส ถปติสฺส ปฎิสฺสุตฺวา เยนายสฺมา อนุรุโทฺธ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข โส ปุริโส อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ เอตทโวจ – ‘‘ปญฺจกโงฺค, ภเนฺต, ถปติ อายสฺมโต อนุรุทฺธสฺส ปาเท สิรสา วนฺทติ, เอวญฺจ วเทติ – ‘อธิวาเสตุ กิร, ภเนฺต, อายสฺมา อนุรุโทฺธ ปญฺจกงฺคสฺส ถปติสฺส สฺวาตนาย อตฺตจตุโตฺถ ภตฺตํ; เยน จ กิร, ภเนฺต, อายสฺมา อนุรุโทฺธ ปเควตรํ อาคเจฺฉยฺย; ปญฺจกโงฺค, ภเนฺต, ถปติ พหุกิโจฺจ พหุกรณีโย ราชกรณีเยนา’’’ติฯ อธิวาเสสิ โข อายสฺมา อนุรุโทฺธ ตุณฺหีภาเวนฯ

    229. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Atha kho pañcakaṅgo thapati aññataraṃ purisaṃ āmantesi – ‘‘ehi tvaṃ, ambho purisa, yenāyasmā anuruddho tenupasaṅkama; upasaṅkamitvā mama vacanena āyasmato anuruddhassa pāde sirasā vandāhi 4 – ‘pañcakaṅgo, bhante, thapati āyasmato anuruddhassa pāde sirasā vandatī’ti; evañca vadehi 5 – ‘adhivāsetu kira, bhante, āyasmā anuruddho pañcakaṅgassa thapatissa svātanāya attacatuttho bhattaṃ; yena ca kira, bhante, āyasmā anuruddho pagevataraṃ āgaccheyya; pañcakaṅgo, bhante, thapati 6 bahukicco bahukaraṇīyo rājakaraṇīyenā’’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho so puriso pañcakaṅgassa thapatissa paṭissutvā yenāyasmā anuruddho tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ anuruddhaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho so puriso āyasmantaṃ anuruddhaṃ etadavoca – ‘‘pañcakaṅgo, bhante, thapati āyasmato anuruddhassa pāde sirasā vandati, evañca vadeti – ‘adhivāsetu kira, bhante, āyasmā anuruddho pañcakaṅgassa thapatissa svātanāya attacatuttho bhattaṃ; yena ca kira, bhante, āyasmā anuruddho pagevataraṃ āgaccheyya; pañcakaṅgo, bhante, thapati bahukicco bahukaraṇīyo rājakaraṇīyenā’’’ti. Adhivāsesi kho āyasmā anuruddho tuṇhībhāvena.

    ๒๓๐. อถ โข อายสฺมา อนุรุโทฺธ ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน ปญฺจกงฺคสฺส ถปติสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ อถ โข ปญฺจกโงฺค ถปติ อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตเปฺปสิ สมฺปวาเรสิฯ อถ โข ปญฺจกโงฺค ถปติ อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ ภุตฺตาวิํ โอนีตปตฺตปาณิํ อญฺญตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข ปญฺจกโงฺค ถปติ อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ เอตทโวจ –

    230. Atha kho āyasmā anuruddho tassā rattiyā accayena pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya yena pañcakaṅgassa thapatissa nivesanaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Atha kho pañcakaṅgo thapati āyasmantaṃ anuruddhaṃ paṇītena khādanīyena bhojanīyena sahatthā santappesi sampavāresi. Atha kho pañcakaṅgo thapati āyasmantaṃ anuruddhaṃ bhuttāviṃ onītapattapāṇiṃ aññataraṃ nīcaṃ āsanaṃ gahetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho pañcakaṅgo thapati āyasmantaṃ anuruddhaṃ etadavoca –

    ‘‘อิธ มํ, ภเนฺต, เถรา ภิกฺขู อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสุ – ‘อปฺปมาณํ, คหปติ, เจโตวิมุตฺติํ ภาเวหี’ติ 7ฯ เอกเจฺจ เถรา เอวมาหํสุ – ‘มหคฺคตํ, คหปติ, เจโตวิมุตฺติํ ภาเวหี’ติฯ ยา จายํ, ภเนฺต, อปฺปมาณา เจโตวิมุตฺติ ยา จ มหคฺคตา เจโตวิมุตฺติ – อิเม ธมฺมา นานตฺถา เจว นานาพฺยญฺชนา จ, อุทาหุ เอกตฺถา พฺยญฺชนเมว นาน’’นฺติ? ‘‘เตน หิ, คหปติ, ตํ เยเวตฺถ ปฎิภาตุฯ อปณฺณกเนฺต อิโต ภวิสฺสตี’’ติฯ ‘‘มยฺหํ โข, ภเนฺต, เอวํ โหติ – ‘ยา จายํ อปฺปมาณา เจโตวิมุตฺติ ยา จ มหคฺคตา เจโตวิมุตฺติ อิเม ธมฺมา เอกตฺถา พฺยญฺชนเมว นาน’’’นฺติฯ ‘‘ยา จายํ, คหปติ, อปฺปมาณา เจโตวิมุตฺติ ยา จ มหคฺคตา เจโตวิมุตฺติ อิเม ธมฺมา นานตฺถา เจว นานาพฺยญฺชนา จ ฯ ตทมินาเปตํ, คหปติ, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา อิเม ธมฺมา นานตฺถา เจว นานาพฺยญฺชนา จ’’ฯ

    ‘‘Idha maṃ, bhante, therā bhikkhū upasaṅkamitvā evamāhaṃsu – ‘appamāṇaṃ, gahapati, cetovimuttiṃ bhāvehī’ti 8. Ekacce therā evamāhaṃsu – ‘mahaggataṃ, gahapati, cetovimuttiṃ bhāvehī’ti. Yā cāyaṃ, bhante, appamāṇā cetovimutti yā ca mahaggatā cetovimutti – ime dhammā nānatthā ceva nānābyañjanā ca, udāhu ekatthā byañjanameva nāna’’nti? ‘‘Tena hi, gahapati, taṃ yevettha paṭibhātu. Apaṇṇakante ito bhavissatī’’ti. ‘‘Mayhaṃ kho, bhante, evaṃ hoti – ‘yā cāyaṃ appamāṇā cetovimutti yā ca mahaggatā cetovimutti ime dhammā ekatthā byañjanameva nāna’’’nti. ‘‘Yā cāyaṃ, gahapati, appamāṇā cetovimutti yā ca mahaggatā cetovimutti ime dhammā nānatthā ceva nānābyañjanā ca . Tadamināpetaṃ, gahapati, pariyāyena veditabbaṃ yathā ime dhammā nānatthā ceva nānābyañjanā ca’’.

    ‘‘กตมา จ, คหปติ, อปฺปมาณา เจโตวิมุตฺติ? อิธ, คหปติ, ภิกฺขุ เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ ตถา ตติยํ ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพเชฺฌน ผริตฺวา วิหรติฯ กรุณาสหคเตน เจตสา… มุทิตาสหคเตน เจตสา… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ ตถา ตติยํ ตถา จตุตฺถํ; อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพเชฺฌน ผริตฺวา วิหรติฯ อยํ วุจฺจติ, คหปติ, อปฺปมาณา เจโตวิมุตฺติฯ

    ‘‘Katamā ca, gahapati, appamāṇā cetovimutti? Idha, gahapati, bhikkhu mettāsahagatena cetasā ekaṃ disaṃ pharitvā viharati, tathā dutiyaṃ tathā tatiyaṃ tathā catutthaṃ; iti uddhamadho tiriyaṃ sabbadhi sabbattatāya sabbāvantaṃ lokaṃ mettāsahagatena cetasā vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyābajjhena pharitvā viharati. Karuṇāsahagatena cetasā… muditāsahagatena cetasā… upekkhāsahagatena cetasā ekaṃ disaṃ pharitvā viharati, tathā dutiyaṃ tathā tatiyaṃ tathā catutthaṃ; iti uddhamadho tiriyaṃ sabbadhi sabbattatāya sabbāvantaṃ lokaṃ upekkhāsahagatena cetasā vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyābajjhena pharitvā viharati. Ayaṃ vuccati, gahapati, appamāṇā cetovimutti.

    ๒๓๑. ‘‘กตมา จ, คหปติ, มหคฺคตา เจโตวิมุตฺติ? อิธ, คหปติ, ภิกฺขุ ยาวตา เอกํ รุกฺขมูลํ มหคฺคตนฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติฯ อยํ วุจฺจติ, คหปติ, มหคฺคตา เจโตวิมุตฺติฯ อิธ ปน, คหปติ, ภิกฺขุ ยาวตา เทฺว วา ตีณิ วา รุกฺขมูลานิ มหคฺคตนฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติฯ อยมฺปิ 9 วุจฺจติ, คหปติ, มหคฺคตา เจโตวิมุตฺติฯ อิธ ปน, คหปติ, ภิกฺขุ ยาวตา เอกํ คามเกฺขตฺตํ มหคฺคตนฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติฯ อยมฺปิ วุจฺจติ, คหปติ, มหคฺคตา เจโตวิมุตฺติฯ อิธ ปน, คหปติ , ภิกฺขุ ยาวตา เทฺว วา ตีณิ วา คามเกฺขตฺตานิ มหคฺคตนฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติฯ อยมฺปิ วุจฺจติ, คหปติ, มหคฺคตา เจโตวิมุตฺติฯ อิธ ปน, คหปติ, ภิกฺขุ ยาวตา เอกํ มหารชฺชํ มหคฺคตนฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติฯ อยมฺปิ วุจฺจติ, คหปติ, มหคฺคตา เจโตวิมุตฺติฯ อิธ ปน, คหปติ, ภิกฺขุ ยาวตา เทฺว วา ตีณิ วา มหารชฺชานิ มหคฺคตนฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติฯ อยมฺปิ วุจฺจติ, คหปติ, มหคฺคตา เจโตวิมุตฺติฯ อิธ ปน, คหปติ, ภิกฺขุ ยาวตา สมุทฺทปริยนฺตํ ปถวิํ มหคฺคตนฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติฯ อยมฺปิ วุจฺจติ, คหปติ, มหคฺคตา เจโตวิมุตฺติฯ อิมินา โข เอตํ, คหปติ, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ ยถา อิเม ธมฺมา นานตฺถา เจว นานาพฺยญฺชนา จฯ

    231. ‘‘Katamā ca, gahapati, mahaggatā cetovimutti? Idha, gahapati, bhikkhu yāvatā ekaṃ rukkhamūlaṃ mahaggatanti pharitvā adhimuccitvā viharati. Ayaṃ vuccati, gahapati, mahaggatā cetovimutti. Idha pana, gahapati, bhikkhu yāvatā dve vā tīṇi vā rukkhamūlāni mahaggatanti pharitvā adhimuccitvā viharati. Ayampi 10 vuccati, gahapati, mahaggatā cetovimutti. Idha pana, gahapati, bhikkhu yāvatā ekaṃ gāmakkhettaṃ mahaggatanti pharitvā adhimuccitvā viharati. Ayampi vuccati, gahapati, mahaggatā cetovimutti. Idha pana, gahapati , bhikkhu yāvatā dve vā tīṇi vā gāmakkhettāni mahaggatanti pharitvā adhimuccitvā viharati. Ayampi vuccati, gahapati, mahaggatā cetovimutti. Idha pana, gahapati, bhikkhu yāvatā ekaṃ mahārajjaṃ mahaggatanti pharitvā adhimuccitvā viharati. Ayampi vuccati, gahapati, mahaggatā cetovimutti. Idha pana, gahapati, bhikkhu yāvatā dve vā tīṇi vā mahārajjāni mahaggatanti pharitvā adhimuccitvā viharati. Ayampi vuccati, gahapati, mahaggatā cetovimutti. Idha pana, gahapati, bhikkhu yāvatā samuddapariyantaṃ pathaviṃ mahaggatanti pharitvā adhimuccitvā viharati. Ayampi vuccati, gahapati, mahaggatā cetovimutti. Iminā kho etaṃ, gahapati, pariyāyena veditabbaṃ yathā ime dhammā nānatthā ceva nānābyañjanā ca.

    ๒๓๒. ‘‘จตโสฺส โข อิมา คหปติ, ภวูปปตฺติโยฯ กตมา จตโสฺส? อิธ, คหปติ, เอกโจฺจ ‘ปริตฺตาภา’ติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติฯ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปริตฺตาภานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติฯ อิธ ปน, คหปติ, เอกโจฺจ ‘อปฺปมาณาภา’ติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติฯ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปฺปมาณาภานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติฯ อิธ ปน, คหปติ, เอกโจฺจ ‘สํกิลิฎฺฐาภา’ติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติฯ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สํกิลิฎฺฐาภานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติฯ อิธ ปน, คหปติ, เอกโจฺจ ‘ปริสุทฺธาภา’ติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติฯ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปริสุทฺธาภานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติฯ อิมา โข, คหปติ, จตโสฺส ภวูปปตฺติโยฯ

    232. ‘‘Catasso kho imā gahapati, bhavūpapattiyo. Katamā catasso? Idha, gahapati, ekacco ‘parittābhā’ti pharitvā adhimuccitvā viharati. So kāyassa bhedā paraṃ maraṇā parittābhānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjati. Idha pana, gahapati, ekacco ‘appamāṇābhā’ti pharitvā adhimuccitvā viharati. So kāyassa bhedā paraṃ maraṇā appamāṇābhānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjati. Idha pana, gahapati, ekacco ‘saṃkiliṭṭhābhā’ti pharitvā adhimuccitvā viharati. So kāyassa bhedā paraṃ maraṇā saṃkiliṭṭhābhānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjati. Idha pana, gahapati, ekacco ‘parisuddhābhā’ti pharitvā adhimuccitvā viharati. So kāyassa bhedā paraṃ maraṇā parisuddhābhānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjati. Imā kho, gahapati, catasso bhavūpapattiyo.

    ‘‘โหติ โข โส, คหปติ, สมโย, ยา ตา เทวตา เอกชฺฌํ สนฺนิปตนฺติ, ตาสํ เอกชฺฌํ สนฺนิปติตานํ วณฺณนานตฺตญฺหิ โข ปญฺญายติ โน จ อาภานานตฺตํ ฯ เสยฺยถาปิ, คหปติ, ปุริโส สมฺพหุลานิ เตลปฺปทีปานิ เอกํ ฆรํ ปเวเสยฺยฯ เตสํ เอกํ ฆรํ ปเวสิตานํ อจฺจินานตฺตญฺหิ โข ปญฺญาเยถ, โน จ อาภานานตฺตํ; เอวเมว โข, คหปติ, โหติ โข โส สมโย, ยา ตา เทวตา เอกชฺฌํ สนฺนิปตนฺติ ตาสํ เอกชฺฌํ สนฺนิปติตานํ วณฺณนานตฺตญฺหิ โข ปญฺญายติ, โน จ อาภานานตฺตํฯ

    ‘‘Hoti kho so, gahapati, samayo, yā tā devatā ekajjhaṃ sannipatanti, tāsaṃ ekajjhaṃ sannipatitānaṃ vaṇṇanānattañhi kho paññāyati no ca ābhānānattaṃ . Seyyathāpi, gahapati, puriso sambahulāni telappadīpāni ekaṃ gharaṃ paveseyya. Tesaṃ ekaṃ gharaṃ pavesitānaṃ accinānattañhi kho paññāyetha, no ca ābhānānattaṃ; evameva kho, gahapati, hoti kho so samayo, yā tā devatā ekajjhaṃ sannipatanti tāsaṃ ekajjhaṃ sannipatitānaṃ vaṇṇanānattañhi kho paññāyati, no ca ābhānānattaṃ.

    ‘‘โหติ โข โส, คหปติ, สมโย, ยา ตา เทวตา ตโต วิปกฺกมนฺติ, ตาสํ ตโต วิปกฺกมนฺตีนํ วณฺณนานตฺตเญฺจว ปญฺญายติ อาภานานตฺตญฺจฯ เสยฺยถาปิ, คหปติ, ปุริโส ตานิ สมฺพหุลานิ เตลปฺปทีปานิ ตมฺหา ฆรา นีหเรยฺยฯ เตสํ ตโต นีหตานํ 11 อจฺจินานตฺตเญฺจว ปญฺญาเยถ อาภานานตฺตญฺจ; เอวเมว โข, คหปติ, โหติ โข โส สมโย, ยา ตา เทวตา ตโต วิปกฺกมนฺติ, ตาสํ ตโต วิปกฺกมนฺตีนํ วณฺณนานตฺตเญฺจว ปญฺญายติ อาภานานตฺตญฺจฯ

    ‘‘Hoti kho so, gahapati, samayo, yā tā devatā tato vipakkamanti, tāsaṃ tato vipakkamantīnaṃ vaṇṇanānattañceva paññāyati ābhānānattañca. Seyyathāpi, gahapati, puriso tāni sambahulāni telappadīpāni tamhā gharā nīhareyya. Tesaṃ tato nīhatānaṃ 12 accinānattañceva paññāyetha ābhānānattañca; evameva kho, gahapati, hoti kho so samayo, yā tā devatā tato vipakkamanti, tāsaṃ tato vipakkamantīnaṃ vaṇṇanānattañceva paññāyati ābhānānattañca.

    ‘‘น โข, คหปติ, ตาสํ เทวตานํ เอวํ โหติ – ‘อิทํ อมฺหากํ นิจฺจนฺติ วา ธุวนฺติ วา สสฺสต’นฺติ วา, อปิ จ ยตฺถ ยเตฺถว ตา 13 เทวตา อภินิวิสนฺติ ตตฺถ ตเตฺถว ตา เทวตา อภิรมนฺติฯ เสยฺยถาปิ, คหปติ, มกฺขิกานํ กาเชน วา ปิฎเกน วา หรียมานานํ น เอวํ โหติ – ‘อิทํ อมฺหากํ นิจฺจนฺติ วา ธุวนฺติ วา สสฺสต’นฺติ วา, อปิ จ ยตฺถ ยเตฺถว ตา 14 มกฺขิกา อภินิวิสนฺติ ตตฺถ ตเตฺถว ตา มกฺขิกา อภิรมนฺติ; เอวเมว โข, คหปติ, ตาสํ เทวตานํ น เอวํ โหติ – ‘อิทํ อมฺหากํ นิจฺจนฺติ วา ธุวนฺติ วา สสฺสต’นฺติ วา, อปิ จ ยตฺถ ยเตฺถว ตา เทวตา อภินิวิสนฺติ ตตฺถ ตเตฺถว ตา เทวตา อภิรมนฺตี’’ติฯ

    ‘‘Na kho, gahapati, tāsaṃ devatānaṃ evaṃ hoti – ‘idaṃ amhākaṃ niccanti vā dhuvanti vā sassata’nti vā, api ca yattha yattheva tā 15 devatā abhinivisanti tattha tattheva tā devatā abhiramanti. Seyyathāpi, gahapati, makkhikānaṃ kājena vā piṭakena vā harīyamānānaṃ na evaṃ hoti – ‘idaṃ amhākaṃ niccanti vā dhuvanti vā sassata’nti vā, api ca yattha yattheva tā 16 makkhikā abhinivisanti tattha tattheva tā makkhikā abhiramanti; evameva kho, gahapati, tāsaṃ devatānaṃ na evaṃ hoti – ‘idaṃ amhākaṃ niccanti vā dhuvanti vā sassata’nti vā, api ca yattha yattheva tā devatā abhinivisanti tattha tattheva tā devatā abhiramantī’’ti.

    ๒๓๓. เอวํ วุเตฺต, อายสฺมา สภิโย กจฺจาโน 17 อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ เอตทโวจ – ‘‘สาธุ, ภเนฺต อนุรุทฺธ! อตฺถิ จ เม เอตฺถ อุตฺตริํ ปฎิปุจฺฉิตพฺพํฯ ยา ตา, ภเนฺต, เทวตา อาภา สพฺพา ตา ปริตฺตาภา อุทาหุ สเนฺตตฺถ เอกจฺจา เทวตา อปฺปมาณาภา’’ติ? ‘‘ตทเงฺคน โข, อาวุโส กจฺจาน, สเนฺตตฺถ เอกจฺจา เทวตา ปริตฺตาภา, สนฺติ ปเนตฺถ เอกจฺจา เทวตา อปฺปมาณาภา’’ติฯ ‘‘โก นุ โข, ภเนฺต อนุรุทฺธ, เหตุ โก ปจฺจโย เยน ตาสํ เทวตานํ เอกํ เทวนิกายํ อุปปนฺนานํ สเนฺตตฺถ เอกจฺจา เทวตา ปริตฺตาภา, สนฺติ ปเนตฺถ เอกจฺจา เทวตา อปฺปมาณาภา’’ติ?

    233. Evaṃ vutte, āyasmā sabhiyo kaccāno 18 āyasmantaṃ anuruddhaṃ etadavoca – ‘‘sādhu, bhante anuruddha! Atthi ca me ettha uttariṃ paṭipucchitabbaṃ. Yā tā, bhante, devatā ābhā sabbā tā parittābhā udāhu santettha ekaccā devatā appamāṇābhā’’ti? ‘‘Tadaṅgena kho, āvuso kaccāna, santettha ekaccā devatā parittābhā, santi panettha ekaccā devatā appamāṇābhā’’ti. ‘‘Ko nu kho, bhante anuruddha, hetu ko paccayo yena tāsaṃ devatānaṃ ekaṃ devanikāyaṃ upapannānaṃ santettha ekaccā devatā parittābhā, santi panettha ekaccā devatā appamāṇābhā’’ti?

    ‘‘เตน หาวุโส กจฺจาน, ตํเยเวตฺถ ปฎิปุจฺฉิสฺสามิฯ ยถา เต ขเมยฺย ตถา นํ พฺยากเรยฺยาสิฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, อาวุโส กจฺจาน , ยฺวายํ ภิกฺขุ ยาวตา เอกํ รุกฺขมูลํ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ, โยจายํ 19 ภิกฺขุ ยาวตา เทฺว วา ตีณิ วา รุกฺขมูลานิ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ – อิมาสํ อุภินฺนํ จิตฺตภาวนานํ กตมา จิตฺตภาวนา มหคฺคตตรา’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, ภเนฺต, ภิกฺขุ ยาวตา เทฺว วา ตีณิ วา รุกฺขมูลานิ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ – อยํ อิมาสํ อุภินฺนํ จิตฺตภาวนานํ มหคฺคตตรา’’ติฯ

    ‘‘Tena hāvuso kaccāna, taṃyevettha paṭipucchissāmi. Yathā te khameyya tathā naṃ byākareyyāsi. Taṃ kiṃ maññasi, āvuso kaccāna , yvāyaṃ bhikkhu yāvatā ekaṃ rukkhamūlaṃ ‘mahaggata’nti pharitvā adhimuccitvā viharati, yocāyaṃ 20 bhikkhu yāvatā dve vā tīṇi vā rukkhamūlāni ‘mahaggata’nti pharitvā adhimuccitvā viharati – imāsaṃ ubhinnaṃ cittabhāvanānaṃ katamā cittabhāvanā mahaggatatarā’’ti? ‘‘Yvāyaṃ, bhante, bhikkhu yāvatā dve vā tīṇi vā rukkhamūlāni ‘mahaggata’nti pharitvā adhimuccitvā viharati – ayaṃ imāsaṃ ubhinnaṃ cittabhāvanānaṃ mahaggatatarā’’ti.

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อาวุโส กจฺจาน, ยฺวายํ ภิกฺขุ ยาวตา เทฺว วา ตีณิ วา รุกฺขมูลานิ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ, โยจายํ ภิกฺขุ ยาวตา เอกํ คามเกฺขตฺตํ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ – อิมาสํ อุภินฺนํ จิตฺตภาวนานํ กตมา จิตฺตภาวนา มหคฺคตตรา’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, ภเนฺต, ภิกฺขุ ยาวตา เอกํ คามเกฺขตฺตํ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ – อยํ อิมาสํ อุภินฺนํ จิตฺตภาวนานํ มหคฺคตตรา’’ติฯ

    ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, āvuso kaccāna, yvāyaṃ bhikkhu yāvatā dve vā tīṇi vā rukkhamūlāni ‘mahaggata’nti pharitvā adhimuccitvā viharati, yocāyaṃ bhikkhu yāvatā ekaṃ gāmakkhettaṃ ‘mahaggata’nti pharitvā adhimuccitvā viharati – imāsaṃ ubhinnaṃ cittabhāvanānaṃ katamā cittabhāvanā mahaggatatarā’’ti? ‘‘Yvāyaṃ, bhante, bhikkhu yāvatā ekaṃ gāmakkhettaṃ ‘mahaggata’nti pharitvā adhimuccitvā viharati – ayaṃ imāsaṃ ubhinnaṃ cittabhāvanānaṃ mahaggatatarā’’ti.

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อาวุโส กจฺจาน, ยฺวายํ ภิกฺขุ ยาวตา เอกํ คามเกฺขตฺตํ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ, โยจายํ ภิกฺขุ ยาวตา เทฺว วา ตีณิ วา คามเกฺขตฺตานิ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ – อิมาสํ อุภินฺนํ จิตฺตภาวนานํ กตมา จิตฺตภาวนา มหคฺคตตรา’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, ภเนฺต, ภิกฺขุ ยาวตา เทฺว วา ตีณิ วา คามเกฺขตฺตานิ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ – อยํ อิมาสํ อุภินฺนํ จิตฺตภาวนานํ มหคฺคตตรา’’ติฯ

    ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, āvuso kaccāna, yvāyaṃ bhikkhu yāvatā ekaṃ gāmakkhettaṃ ‘mahaggata’nti pharitvā adhimuccitvā viharati, yocāyaṃ bhikkhu yāvatā dve vā tīṇi vā gāmakkhettāni ‘mahaggata’nti pharitvā adhimuccitvā viharati – imāsaṃ ubhinnaṃ cittabhāvanānaṃ katamā cittabhāvanā mahaggatatarā’’ti? ‘‘Yvāyaṃ, bhante, bhikkhu yāvatā dve vā tīṇi vā gāmakkhettāni ‘mahaggata’nti pharitvā adhimuccitvā viharati – ayaṃ imāsaṃ ubhinnaṃ cittabhāvanānaṃ mahaggatatarā’’ti.

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อาวุโส กจฺจาน, ยฺวายํ ภิกฺขุ ยาวตา เทฺว วา ตีณิ วา คามเกฺขตฺตานิ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ, โยจายํ ภิกฺขุ ยาวตา เอกํ มหารชฺชํ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ – อิมาสํ อุภินฺนํ จิตฺตภาวนานํ กตมา จิตฺตภาวนา มหคฺคตตรา’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, ภเนฺต, ภิกฺขุ ยาวตา เอกํ มหารชฺชํ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ – อยํ อิมาสํ อุภินฺนํ จิตฺตภาวนานํ มหคฺคตตรา’’ติฯ

    ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, āvuso kaccāna, yvāyaṃ bhikkhu yāvatā dve vā tīṇi vā gāmakkhettāni ‘mahaggata’nti pharitvā adhimuccitvā viharati, yocāyaṃ bhikkhu yāvatā ekaṃ mahārajjaṃ ‘mahaggata’nti pharitvā adhimuccitvā viharati – imāsaṃ ubhinnaṃ cittabhāvanānaṃ katamā cittabhāvanā mahaggatatarā’’ti? ‘‘Yvāyaṃ, bhante, bhikkhu yāvatā ekaṃ mahārajjaṃ ‘mahaggata’nti pharitvā adhimuccitvā viharati – ayaṃ imāsaṃ ubhinnaṃ cittabhāvanānaṃ mahaggatatarā’’ti.

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อาวุโส กจฺจาน, ยฺวายํ ภิกฺขุ ยาวตา เอกํ มหารชฺชํ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ, โยจายํ ภิกฺขุ ยาวตา เทฺว วา ตีณิ วา มหารชฺชานิ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ – อิมาสํ อุภินฺนํ จิตฺตภาวนานํ กตมา จิตฺตภาวนา มหคฺคตตรา’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, ภเนฺต, ภิกฺขุ ยาวตา เทฺว วา ตีณิ วา มหารชฺชานิ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ – อยํ อิมาสํ อุภินฺนํ จิตฺตภาวนานํ มหคฺคตตรา’’ติฯ

    ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, āvuso kaccāna, yvāyaṃ bhikkhu yāvatā ekaṃ mahārajjaṃ ‘mahaggata’nti pharitvā adhimuccitvā viharati, yocāyaṃ bhikkhu yāvatā dve vā tīṇi vā mahārajjāni ‘mahaggata’nti pharitvā adhimuccitvā viharati – imāsaṃ ubhinnaṃ cittabhāvanānaṃ katamā cittabhāvanā mahaggatatarā’’ti? ‘‘Yvāyaṃ, bhante, bhikkhu yāvatā dve vā tīṇi vā mahārajjāni ‘mahaggata’nti pharitvā adhimuccitvā viharati – ayaṃ imāsaṃ ubhinnaṃ cittabhāvanānaṃ mahaggatatarā’’ti.

    ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, อาวุโส กจฺจาน, ยฺวายํ ภิกฺขุ ยาวตา เทฺว วา ตีณิ วา มหารชฺชานิ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ, โยจายํ ภิกฺขุ ยาวตา สมุทฺทปริยนฺตํ ปถวิํ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ – อิมาสํ อุภินฺนํ จิตฺตภาวนานํ กตมา จิตฺตภาวนา มหคฺคตตรา’’ติ? ‘‘ยฺวายํ, ภเนฺต, ภิกฺขุ ยาวตา สมุทฺทปริยนฺตํ ปถวิํ ‘มหคฺคต’นฺติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ – อยํ อิมาสํ อุภินฺนํ จิตฺตภาวนานํ มหคฺคตตรา’’ติ? ‘‘อยํ โข, อาวุโส กจฺจาน, เหตุ อยํ ปจฺจโย, เยน ตาสํ เทวตานํ เอกํ เทวนิกายํ อุปปนฺนานํ สเนฺตตฺถ เอกจฺจา เทวตา ปริตฺตาภา, สนฺติ ปเนตฺถ เอกจฺจา เทวตา อปฺปมาณาภา’’ติฯ

    ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, āvuso kaccāna, yvāyaṃ bhikkhu yāvatā dve vā tīṇi vā mahārajjāni ‘mahaggata’nti pharitvā adhimuccitvā viharati, yocāyaṃ bhikkhu yāvatā samuddapariyantaṃ pathaviṃ ‘mahaggata’nti pharitvā adhimuccitvā viharati – imāsaṃ ubhinnaṃ cittabhāvanānaṃ katamā cittabhāvanā mahaggatatarā’’ti? ‘‘Yvāyaṃ, bhante, bhikkhu yāvatā samuddapariyantaṃ pathaviṃ ‘mahaggata’nti pharitvā adhimuccitvā viharati – ayaṃ imāsaṃ ubhinnaṃ cittabhāvanānaṃ mahaggatatarā’’ti? ‘‘Ayaṃ kho, āvuso kaccāna, hetu ayaṃ paccayo, yena tāsaṃ devatānaṃ ekaṃ devanikāyaṃ upapannānaṃ santettha ekaccā devatā parittābhā, santi panettha ekaccā devatā appamāṇābhā’’ti.

    ๒๓๔. ‘‘สาธุ, ภเนฺต อนุรุทฺธ! อตฺถิ จ เม เอตฺถ อุตฺตริํ ปฎิปุจฺฉิตพฺพํฯ ยาวตา 21, ภเนฺต, เทวตา อาภา สพฺพา ตา สํกิลิฎฺฐาภา อุทาหุ สเนฺตตฺถ เอกจฺจา เทวตา ปริสุทฺธาภา’’ติ? ‘‘ตทเงฺคน โข, อาวุโส กจฺจาน, สเนฺตตฺถ เอกจฺจา เทวตา สํกิลิฎฺฐาภา, สนฺติ ปเนตฺถ เอกจฺจา เทวตา ปริสุทฺธาภา’’ติฯ ‘‘โก นุ โข, ภเนฺต, อนุรุทฺธ, เหตุ โก ปจฺจโย, เยน ตาสํ เทวตานํ เอกํ เทวนิกายํ อุปปนฺนานํ สเนฺตตฺถ เอกจฺจา เทวตา สํกิลิฎฺฐาภา, สนฺติ ปเนตฺถ เอกจฺจา เทวตา ปริสุทฺธาภา’’ติ?

    234. ‘‘Sādhu, bhante anuruddha! Atthi ca me ettha uttariṃ paṭipucchitabbaṃ. Yāvatā 22, bhante, devatā ābhā sabbā tā saṃkiliṭṭhābhā udāhu santettha ekaccā devatā parisuddhābhā’’ti? ‘‘Tadaṅgena kho, āvuso kaccāna, santettha ekaccā devatā saṃkiliṭṭhābhā, santi panettha ekaccā devatā parisuddhābhā’’ti. ‘‘Ko nu kho, bhante, anuruddha, hetu ko paccayo, yena tāsaṃ devatānaṃ ekaṃ devanikāyaṃ upapannānaṃ santettha ekaccā devatā saṃkiliṭṭhābhā, santi panettha ekaccā devatā parisuddhābhā’’ti?

    ‘‘เตน , หาวุโส กจฺจาน, อุปมํ เต กริสฺสามิฯ อุปมายปิเธกเจฺจ 23 วิญฺญู ปุริสา ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานนฺติฯ เสยฺยถาปิ, อาวุโส กจฺจาน, เตลปฺปทีปสฺส ฌายโต เตลมฺปิ อปริสุทฺธํ วฎฺฎิปิ อปริสุทฺธาฯ โส เตลสฺสปิ อปริสุทฺธตฺตา วฎฺฎิยาปิ อปริสุทฺธตฺตา อนฺธนฺธํ วิย ฌายติ; เอวเมว โข, อาวุโส กจฺจาน, อิเธกโจฺจ ภิกฺขุ ‘สํกิลิฎฺฐาภา’ติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติ, ตสฺส กายทุฎฺฐุลฺลมฺปิ น สุปฺปฎิปฺปสฺสทฺธํ โหติ, ถินมิทฺธมฺปิ น สุสมูหตํ โหติ , อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจมฺปิ น สุปฺปฎิวินีตํ โหติฯ โส กายทุฎฺฐุลฺลสฺสปิ น สุปฺปฎิปฺปสฺสทฺธตฺตา ถินมิทฺธสฺสปิ น สุสมูหตตฺตา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺสปิ น สุปฺปฎิวินีตตฺตา อนฺธนฺธํ วิย ฌายติฯ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สํกิลิฎฺฐาภานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติฯ เสยฺยถาปิ, อาวุโส กจฺจาน, เตลปฺปทีปสฺส ฌายโต เตลมฺปิ ปริสุทฺธํ วฎฺฎิปิ ปริสุทฺธาฯ โส เตลสฺสปิ ปริสุทฺธตฺตา วฎฺฎิยาปิ ปริสุทฺธตฺตา น อนฺธนฺธํ วิย ฌายติ; เอวเมว โข, อาวุโส กจฺจาน, อิเธกโจฺจ ภิกฺขุ ‘ปริสุทฺธาภา’ติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรติฯ ตสฺส กายทุฎฺฐุลฺลมฺปิ สุปฺปฎิปฺปสฺสทฺธํ โหติ, ถินมิทฺธมฺปิ สุสมูหตํ โหติ, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจมฺปิ สุปฺปฎิวินีตํ โหติฯ โส กายทุฎฺฐุลฺลสฺสปิ สุปฺปฎิปฺปสฺสทฺธตฺตา ถินมิทฺธสฺสปิ สุสมูหตตฺตา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺสปิ สุปฺปฎิวินีตตฺตา น อนฺธนฺธํ วิย ฌายติฯ โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ปริสุทฺธาภานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติฯ อยํ โข, อาวุโส กจฺจาน, เหตุ อยํ ปจฺจโย เยน ตาสํ เทวตานํ เอกํ เทวนิกายํ อุปปนฺนานํ สเนฺตตฺถ เอกจฺจา เทวตา สํกิลิฎฺฐาภา, สนฺติ ปเนตฺถ เอกจฺจา เทวตา ปริสุทฺธาภา’’ติฯ

    ‘‘Tena , hāvuso kaccāna, upamaṃ te karissāmi. Upamāyapidhekacce 24 viññū purisā bhāsitassa atthaṃ ājānanti. Seyyathāpi, āvuso kaccāna, telappadīpassa jhāyato telampi aparisuddhaṃ vaṭṭipi aparisuddhā. So telassapi aparisuddhattā vaṭṭiyāpi aparisuddhattā andhandhaṃ viya jhāyati; evameva kho, āvuso kaccāna, idhekacco bhikkhu ‘saṃkiliṭṭhābhā’ti pharitvā adhimuccitvā viharati, tassa kāyaduṭṭhullampi na suppaṭippassaddhaṃ hoti, thinamiddhampi na susamūhataṃ hoti , uddhaccakukkuccampi na suppaṭivinītaṃ hoti. So kāyaduṭṭhullassapi na suppaṭippassaddhattā thinamiddhassapi na susamūhatattā uddhaccakukkuccassapi na suppaṭivinītattā andhandhaṃ viya jhāyati. So kāyassa bhedā paraṃ maraṇā saṃkiliṭṭhābhānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjati. Seyyathāpi, āvuso kaccāna, telappadīpassa jhāyato telampi parisuddhaṃ vaṭṭipi parisuddhā. So telassapi parisuddhattā vaṭṭiyāpi parisuddhattā na andhandhaṃ viya jhāyati; evameva kho, āvuso kaccāna, idhekacco bhikkhu ‘parisuddhābhā’ti pharitvā adhimuccitvā viharati. Tassa kāyaduṭṭhullampi suppaṭippassaddhaṃ hoti, thinamiddhampi susamūhataṃ hoti, uddhaccakukkuccampi suppaṭivinītaṃ hoti. So kāyaduṭṭhullassapi suppaṭippassaddhattā thinamiddhassapi susamūhatattā uddhaccakukkuccassapi suppaṭivinītattā na andhandhaṃ viya jhāyati. So kāyassa bhedā paraṃ maraṇā parisuddhābhānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjati. Ayaṃ kho, āvuso kaccāna, hetu ayaṃ paccayo yena tāsaṃ devatānaṃ ekaṃ devanikāyaṃ upapannānaṃ santettha ekaccā devatā saṃkiliṭṭhābhā, santi panettha ekaccā devatā parisuddhābhā’’ti.

    ๒๓๕. เอวํ วุเตฺต, อายสฺมา สภิโย กจฺจาโน อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ เอตทโวจ – ‘‘สาธุ, ภเนฺต อนุรุทฺธ! น, ภเนฺต, อายสฺมา อนุรุโทฺธ เอวมาห – ‘เอวํ เม สุต’นฺติ วา ‘เอวํ อรหติ ภวิตุ’นฺติ วา; อถ จ ปน, ภเนฺต, อายสฺมา อนุรุโทฺธ ‘เอวมฺปิ ตา เทวตา , อิติปิ ตา เทวตา’เตฺวว ภาสติฯ ตสฺส มยฺหํ, ภเนฺต, เอวํ โหติ – ‘อทฺธา อายสฺมตา อนุรุเทฺธน ตาหิ เทวตาหิ สทฺธิํ สนฺนิวุตฺถปุพฺพเญฺจว สลฺลปิตปุพฺพญฺจ สากจฺฉา จ สมาปชฺชิตปุพฺพา’’’ติฯ ‘‘อทฺธา โข อยํ, อาวุโส กจฺจาน, อาสชฺช อุปนีย วาจา ภาสิตา, อปิ จ เต อหํ พฺยากริสฺสามิ – ‘ทีฆรตฺตํ โข เม, อาวุโส กจฺจาน, ตาหิ เทวตาหิ สทฺธิํ สนฺนิวุตฺถปุพฺพเญฺจว สลฺลปิตปุพฺพญฺจ สากจฺฉา จ สมาปชฺชิตปุพฺพา’’’ติฯ

    235. Evaṃ vutte, āyasmā sabhiyo kaccāno āyasmantaṃ anuruddhaṃ etadavoca – ‘‘sādhu, bhante anuruddha! Na, bhante, āyasmā anuruddho evamāha – ‘evaṃ me suta’nti vā ‘evaṃ arahati bhavitu’nti vā; atha ca pana, bhante, āyasmā anuruddho ‘evampi tā devatā , itipi tā devatā’tveva bhāsati. Tassa mayhaṃ, bhante, evaṃ hoti – ‘addhā āyasmatā anuruddhena tāhi devatāhi saddhiṃ sannivutthapubbañceva sallapitapubbañca sākacchā ca samāpajjitapubbā’’’ti. ‘‘Addhā kho ayaṃ, āvuso kaccāna, āsajja upanīya vācā bhāsitā, api ca te ahaṃ byākarissāmi – ‘dīgharattaṃ kho me, āvuso kaccāna, tāhi devatāhi saddhiṃ sannivutthapubbañceva sallapitapubbañca sākacchā ca samāpajjitapubbā’’’ti.

    เอวํ วุเตฺต, อายสฺมา สภิโย กจฺจาโน ปญฺจกงฺคํ ถปติํ เอตทโวจ – ‘‘ลาภา เต, คหปติ, สุลทฺธํ เต, คหปติ, ยํ ตฺวเญฺจว ตํ กงฺขาธมฺมํ ปหาสิ 25, มยญฺจิมํ 26 ธมฺมปริยายํ อลตฺถมฺหา สวนายา’’ติฯ

    Evaṃ vutte, āyasmā sabhiyo kaccāno pañcakaṅgaṃ thapatiṃ etadavoca – ‘‘lābhā te, gahapati, suladdhaṃ te, gahapati, yaṃ tvañceva taṃ kaṅkhādhammaṃ pahāsi 27, mayañcimaṃ 28 dhammapariyāyaṃ alatthamhā savanāyā’’ti.

    อนุรุทฺธสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ สตฺตมํฯ

    Anuruddhasuttaṃ niṭṭhitaṃ sattamaṃ.







    Footnotes:
    1. วนฺทาหิ, เอวญฺจ วเทหิ (สี. ปี.)
    2. เอวญฺจ วเทติ (สี. ปี.)
    3. ปญฺจกโงฺค ถปติ (สี. ปี.)
    4. vandāhi, evañca vadehi (sī. pī.)
    5. evañca vadeti (sī. pī.)
    6. pañcakaṅgo thapati (sī. pī.)
    7. อปฺปมาณา คหปติ เจโตวิมุตฺติ ภาเวตพฺพาติ (ก.)
    8. appamāṇā gahapati cetovimutti bhāvetabbāti (ka.)
    9. อยํ (สฺยา. กํ. ก.)
    10. ayaṃ (syā. kaṃ. ka.)
    11. นีหรนฺตานํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    12. nīharantānaṃ (sī. syā. kaṃ. pī.)
    13. ยา (ก.)
    14. ยา (ก.)
    15. yā (ka.)
    16. yā (ka.)
    17. กจฺจายโน (สี.)
    18. kaccāyano (sī.)
    19. โยปายํ (ก.)
    20. yopāyaṃ (ka.)
    21. ยา ตา (ก.)
    22. yā tā (ka.)
    23. อุปมายมิเธกเจฺจ (ก.)
    24. upamāyamidhekacce (ka.)
    25. ปชหสิ (ก.)
    26. ยมฺปิมํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    27. pajahasi (ka.)
    28. yampimaṃ (sī. syā. kaṃ. pī.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๗. อนุรุทฺธสุตฺตวณฺณนา • 7. Anuruddhasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๗. อนุรุทฺธสุตฺตวณฺณนา • 7. Anuruddhasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact