Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā)

    ๗. อนุรุทฺธสุตฺตวณฺณนา

    7. Anuruddhasuttavaṇṇanā

    ๒๓๐. อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสูติ วุตฺตํ อุปสงฺกมนการณํ ทเสฺสโนฺต, ‘‘ตสฺส อุปาสกสฺส อผาสุกกาโล อโหสี’’ติ อาหฯ อวิราธิตนฺติ อวิรชฺฌนกํฯ ยทิ วา เต ธมฺมา นานตฺถา, ยทิ วา เอกตฺถา, ยํ ตตฺถ อวิรชฺฌนกํ, ตํ ตํเยว ปฎิภาตูติ โยชนาฯ ฌานเมวาติ อปฺปมาณชฺฌานเมว, ‘‘เจโตวิมุตฺตี’’ติ ปน วุตฺตตฺตา จิเตฺตกคฺคตาเยว เอวํ วุจฺจตีติ อุปาสกสฺส อธิปฺปาโยฯ

    230.Upasaṅkamitvāevamāhaṃsūti vuttaṃ upasaṅkamanakāraṇaṃ dassento, ‘‘tassa upāsakassa aphāsukakālo ahosī’’ti āha. Avirādhitanti avirajjhanakaṃ. Yadi vā te dhammā nānatthā, yadi vā ekatthā, yaṃ tattha avirajjhanakaṃ, taṃ taṃyeva paṭibhātūti yojanā. Jhānamevāti appamāṇajjhānameva, ‘‘cetovimuttī’’ti pana vuttattā cittekaggatāyeva evaṃ vuccatīti upāsakassa adhippāyo.

    ๒๓๑. ยาวตา มชฺฌนฺหิเก กาเล ฉายา ผรติ, นิวาเต ปณฺณานิ ปตนฺติ, เอตฺตาวตา ‘‘รุกฺขมูล’’นฺติ วุจฺจตีติ เอวํ วุตฺตํ เอกรุกฺขมูลปฺปมาณฎฺฐานํฯ กสิณนิมิเตฺตน โอตฺถริตฺวาติ กสิณารมฺมณํ ฌานํ สมาปชฺชโนฺต ตสฺมิํ กสิณ…เป.… วิหรตีติ วุโตฺตฯ อาโภโค นตฺถิ ฌานกฺขเณฯ กามํ สมาปตฺติกฺขเณ อาโภโค นตฺถิ ตโต ปน ปุเพฺพ วา สิยา โส อาโภโค, ตมฺปิ สนฺธาย มหคฺคตนฺติ เกจิฯ อิทานิ ตาสํ เจโตวิมุตฺตีนํ สติปิ เกนจิ วิเสเสน อเภเท วิสยาทิโต ลพฺภมานเภทํ ทเสฺสตุํ, ‘‘เอตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ นิมิตฺตํ น วฑฺฒติ วเฑฺฒตพฺพสฺส นิมิตฺตเสฺสว อภาวโตฯ ปถวีกสิณาทีนํ วิย อากาสภาวนาย อุคฺฆาฎนํ น ชายติฯ ตานิ ฌานานีติ พฺรหฺมวิหารชฺฌานานิฯ จุทฺทสวิเธน ปริทมนาภาวโต อภิญฺญานํ ปาทกานิ น โหนฺติฯ นิมิตฺตุคฺฆาฎเสฺสว อภาวโต อรูปชฺฌานานํ อนธิฎฺฐานตาย นิโรธสฺส ปาทกานิ น โหนฺตีติฯ กมฺมวฎฺฎภาเวน กิเลสวฎฺฎวิปากวฎฺฎานํ ติณฺณํ วฎฺฎานํ ปจฺจยภาโว วฎฺฎปาทกตาฯ อุปปชฺชนวเสเนว ตํ ตํ ภวํ โอกฺกมติ เอเตหีติ ภโวกฺกมนานิฯ ทุติยนยสฺส วุตฺตวิปริยาเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อุคฺฆาฎนสฺส ลพฺภนโต อรูปชฺฌาโนปริ สมติกฺกโม โหตีติ อยเมว วิเสโสฯ เอวนฺติ ยถาวุเตฺตน นิมิตฺตาวฑฺฒนนิมิตฺตวฑฺฒนาทิปฺปกาเรนฯ นานตฺถาติ นานาสภาวาฯ เอวนฺติ อปฺปมาณมหคฺคตสทฺทวจนียตาย นานาพฺยญฺชนาฯ กามเญฺจตฺถ อปฺปมาณสมาปตฺติโตปิ นีหริตฺวา วกฺขมานภวูปปตฺติการณํ ทเสฺสตุํ สกฺกา, อฎฺฐกถายํ ปน กสิณฌานโตว นีหริตฺวา โยชนา กตาติ ตถา วุตฺตํฯ อถ วา มหคฺคตคหเณเนตฺถ อปฺปมาณาติ วุตฺตพฺรหฺมวิหารานมฺปิ สงฺคโห เวทิตโพฺพ ตสฺสา สมญฺญาย อุภเยสมฺปิ สาธารณภาวโตฯ

    231. Yāvatā majjhanhike kāle chāyā pharati, nivāte paṇṇāni patanti, ettāvatā ‘‘rukkhamūla’’nti vuccatīti evaṃ vuttaṃ ekarukkhamūlappamāṇaṭṭhānaṃ. Kasiṇanimittena ottharitvāti kasiṇārammaṇaṃ jhānaṃ samāpajjanto tasmiṃ kasiṇa…pe… viharatīti vutto. Ābhogo natthi jhānakkhaṇe. Kāmaṃ samāpattikkhaṇe ābhogo natthi tato pana pubbe vā siyā so ābhogo, tampi sandhāya mahaggatanti keci. Idāni tāsaṃ cetovimuttīnaṃ satipi kenaci visesena abhede visayādito labbhamānabhedaṃ dassetuṃ, ‘‘etthā’’tiādi vuttaṃ. Nimittaṃ na vaḍḍhati vaḍḍhetabbassa nimittasseva abhāvato. Pathavīkasiṇādīnaṃ viya ākāsabhāvanāya ugghāṭanaṃ na jāyati. Tāni jhānānīti brahmavihārajjhānāni. Cuddasavidhena paridamanābhāvato abhiññānaṃ pādakāni na honti. Nimittugghāṭasseva abhāvato arūpajjhānānaṃ anadhiṭṭhānatāya nirodhassa pādakāni na hontīti. Kammavaṭṭabhāvena kilesavaṭṭavipākavaṭṭānaṃ tiṇṇaṃ vaṭṭānaṃ paccayabhāvo vaṭṭapādakatā. Upapajjanavaseneva taṃ taṃ bhavaṃ okkamati etehīti bhavokkamanāni. Dutiyanayassa vuttavipariyāyena attho veditabbo. Ugghāṭanassa labbhanato arūpajjhānopari samatikkamo hotīti ayameva viseso. Evanti yathāvuttena nimittāvaḍḍhananimittavaḍḍhanādippakārena. Nānatthāti nānāsabhāvā. Evanti appamāṇamahaggatasaddavacanīyatāya nānābyañjanā. Kāmañcettha appamāṇasamāpattitopi nīharitvā vakkhamānabhavūpapattikāraṇaṃ dassetuṃ sakkā, aṭṭhakathāyaṃ pana kasiṇajhānatova nīharitvā yojanā katāti tathā vuttaṃ. Atha vā mahaggatagahaṇenettha appamāṇāti vuttabrahmavihārānampi saṅgaho veditabbo tassā samaññāya ubhayesampi sādhāraṇabhāvato.

    ๒๓๒. เอวํ วุโตฺตติ อสติปิ ตถารูเป อาโภเค ‘‘ปริตฺตาภาติ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหรตี’’ติ วุโตฺตฯ อปฺปมาณํ กตฺวา กสิณํ วเฑฺฒนฺตสฺส กสิณวฑฺฒนวเสน พหุลีการสมฺภวโต สิยา ฌานสฺส พลวตรตา, ตทภาเว จ ทุพฺพลตา, อาจิณฺณวสิตาย ปน ปจฺจนีกธมฺมานํ สมฺมา อปริโสธเน วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ปญฺจหากาเรหิ ฌานสฺส อปฺปคุณตํ ทเสฺสโนฺต, ‘‘สุปฺปมเตฺต วา’’ติอาทิมาหฯ ฌานสฺส อปฺปานุภาวตาย เอว ตนฺนิมิตฺตา ปภาปิ อปฺปตรา อปริสุทฺธาว โหตีติ อาห – ‘‘วโณฺณ…เป.… สํกิลิโฎฺฐ จา’’ติฯ ทุติยนโย วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตโพฺพฯ ตตฺถาปิ กสิณสฺส ปริตฺตภาเวน วณฺณสฺส ปริตฺตตา, ปริตฺตารมฺมณาย อนุรูปตาย วา นิมิตฺตํ ปภามณฺฑลกมฺปิ ปริตฺตเมว สิยาติ อธิปฺปาโยฯ วิปุลปริกมฺมนฺติ วิปุลภาเวน ปริกมฺมํฯ เสสํ ตติยจตุตฺถนเยสุ วตฺตพฺพํ ปฐมทุติยนเยสุ วุตฺตสทิสเมวฯ

    232.Evaṃvuttoti asatipi tathārūpe ābhoge ‘‘parittābhāti pharitvā adhimuccitvā viharatī’’ti vutto. Appamāṇaṃ katvā kasiṇaṃ vaḍḍhentassa kasiṇavaḍḍhanavasena bahulīkārasambhavato siyā jhānassa balavataratā, tadabhāve ca dubbalatā, āciṇṇavasitāya pana paccanīkadhammānaṃ sammā aparisodhane vattabbameva natthīti pañcahākārehi jhānassa appaguṇataṃ dassento, ‘‘suppamatte vā’’tiādimāha. Jhānassa appānubhāvatāya eva tannimittā pabhāpi appatarā aparisuddhāva hotīti āha – ‘‘vaṇṇo…pe… saṃkiliṭṭho cā’’ti. Dutiyanayo vuttavipariyāyena veditabbo. Tatthāpi kasiṇassa parittabhāvena vaṇṇassa parittatā, parittārammaṇāya anurūpatāya vā nimittaṃ pabhāmaṇḍalakampi parittameva siyāti adhippāyo. Vipulaparikammanti vipulabhāvena parikammaṃ. Sesaṃ tatiyacatutthanayesu vattabbaṃ paṭhamadutiyanayesu vuttasadisameva.

    วณฺณนานตฺตนฺติ ยทิ ปีตํ ยทิ โลหิตํ ยทิ วา โอทาตนฺติ สรีรวณฺณนานตฺตํฯ อาภานานตฺตนฺติ ปริตฺตวิปุลตาวเสน ปภาย นานตฺตํฯ อจฺจินานตฺตนฺติ เตโชธาตุสฺส ทีฆาทิวเสน เวมตฺตตาฯ อภินิวิสนฺตีติ อภิรติวเสน นิวิสนฺติ นิสีทนฺติ ติฎฺฐนฺติฯ เตนาห ‘‘วสนฺตี’’ติฯ

    Vaṇṇanānattanti yadi pītaṃ yadi lohitaṃ yadi vā odātanti sarīravaṇṇanānattaṃ. Ābhānānattanti parittavipulatāvasena pabhāya nānattaṃ. Accinānattanti tejodhātussa dīghādivasena vemattatā. Abhinivisantīti abhirativasena nivisanti nisīdanti tiṭṭhanti. Tenāha ‘‘vasantī’’ti.

    ๒๓๔. อาภนฺติ ทิพฺพนฺตีติ อาภาติ อาห ‘‘อาภาสมฺปนฺนา’’ติฯ ตทเงฺคนาติ วา ตสฺสา ปริตฺตตาย อปฺปมาณตาย จ อาภาการณํ, ตํ ปน อตฺถโต ภวูปปตฺติการณเมวาติ อาห – ‘‘ตสฺสา ภวูปปตฺติยา อเงฺคนา’’ติฯ กายาลสิยภาโว ตนฺทีอาทีนํ เหตุภูตา กายสฺส วิตฺถายิตตาฯ

    234. Ābhanti dibbantīti ābhāti āha ‘‘ābhāsampannā’’ti. Tadaṅgenāti vā tassā parittatāya appamāṇatāya ca ābhākāraṇaṃ, taṃ pana atthato bhavūpapattikāraṇamevāti āha – ‘‘tassā bhavūpapattiyā aṅgenā’’ti. Kāyālasiyabhāvo tandīādīnaṃ hetubhūtā kāyassa vitthāyitatā.

    ๒๓๕. ปารมิโยติ มหาสาวกสํวตฺตนิกา สาวกปารมิโย ปูเรโนฺตฯ พฺรหฺมโลเกติ พฺรหฺมตฺตภาเว, พฺรหฺมโลเก วา อุปฺปตฺติํ ปฎิลภิ, วุตฺตมฺปิ เจตํ เถรคาถาสุฯ อโวกิณฺณนฺติ อเญฺญหิ อสมฺมิสฺสนฺติ อโตฺถฯ ปุเพฺพ สญฺจริตนฺติ อตีตภเวสุ ชาติวเสน สญฺจรณํ มม, สญฺจริตนฺติ ตํ มมสฺสาติ อโตฺถฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    235.Pāramiyoti mahāsāvakasaṃvattanikā sāvakapāramiyo pūrento. Brahmaloketi brahmattabhāve, brahmaloke vā uppattiṃ paṭilabhi, vuttampi cetaṃ theragāthāsu. Avokiṇṇanti aññehi asammissanti attho. Pubbe sañcaritanti atītabhavesu jātivasena sañcaraṇaṃ mama, sañcaritanti taṃ mamassāti attho. Sesaṃ suviññeyyameva.

    อนุรุทฺธสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ

    Anuruddhasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๗. อนุรุทฺธสุตฺตํ • 7. Anuruddhasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๗. อนุรุทฺธสุตฺตวณฺณนา • 7. Anuruddhasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact