Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๙. อนุรุทฺธเตฺถรคาถาวณฺณนา

    9. Anuruddhattheragāthāvaṇṇanā

    ปหาย มาตาปิตโรติอาทิกา อายสฺมโต อนุรุทฺธเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล วิภวสมฺปโนฺน กุฎุมฺพิโก หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ โส เอกทิวสํ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณโนฺต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ทิพฺพจกฺขุกานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปนฺตํ ทิสฺวา สยมฺปิ ตํ ฐานนฺตรํ ปเตฺถตฺวา สตสหสฺสภิกฺขุปริวารสฺส ภควโต สตฺตาหํ มหาทานํ ปวเตฺตตฺวา สตฺตเม ทิวเส ภควโต, ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ อุตฺตมานิ วตฺถานิ ทตฺวา ปณิธานมกาสิฯ สตฺถาปิสฺส อนนฺตราเยน สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา ‘‘อนาคเต โคตมสฺส นาม สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสเน ทิพฺพจกฺขุกานํ อโคฺค ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิฯ โสปิ ตตฺถ ปุญฺญานิ กโรโนฺต สตฺถริ ปรินิพฺพุเต นิฎฺฐิเต สตฺตโยชนิเก สุวณฺณเจติเย อเนกสหเสฺสหิ ทีปรุเกฺขหิ ทีปกปลฺลิกาหิ จ ‘‘ทิพฺพจกฺขุญาณสฺส อุปนิสฺสยปจฺจโย โหตู’’ติ อุฬารํ ทีปปูชํ อกาสิฯ

    Pahāyamātāpitarotiādikā āyasmato anuruddhattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro padumuttarassa bhagavato kāle vibhavasampanno kuṭumbiko hutvā nibbatti. So ekadivasaṃ vihāraṃ gantvā satthu santike dhammaṃ suṇanto satthāraṃ ekaṃ bhikkhuṃ dibbacakkhukānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapentaṃ disvā sayampi taṃ ṭhānantaraṃ patthetvā satasahassabhikkhuparivārassa bhagavato sattāhaṃ mahādānaṃ pavattetvā sattame divase bhagavato, bhikkhusaṅghassa ca uttamāni vatthāni datvā paṇidhānamakāsi. Satthāpissa anantarāyena samijjhanabhāvaṃ disvā ‘‘anāgate gotamassa nāma sammāsambuddhassa sāsane dibbacakkhukānaṃ aggo bhavissatī’’ti byākāsi. Sopi tattha puññāni karonto satthari parinibbute niṭṭhite sattayojanike suvaṇṇacetiye anekasahassehi dīparukkhehi dīpakapallikāhi ca ‘‘dibbacakkhuñāṇassa upanissayapaccayo hotū’’ti uḷāraṃ dīpapūjaṃ akāsi.

    เอวํ ยาวชีวํ ปุญฺญานิ กตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล พาราณสิยํ กุฎุมฺพิกเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต สตฺถริ ปรินิพฺพุเต นิฎฺฐิเต โยชนิเก กนกถูเป พหู กํสปาติโย กาเรตฺวา สปฺปิมณฺฑสฺส ปูเรตฺวา มเชฺฌ เอเกกํ คุฬปิณฺฑํ ฐเปตฺวา มุขวฎฺฎิยา มุขวฎฺฎิํ ผุสาเปโนฺต เจติยํ ปริกฺขิปาเปตฺวา อตฺตนา เอกํ มหติํ กํสปาติํ กาเรตฺวา สปฺปิมณฺฑสฺส ปูเรตฺวา สหสฺสวฎฺฎิโย ชาลาเปตฺวา สีเส ฐเปตฺวา สพฺพรตฺติํ เจติยํ อนุปริยายิฯ

    Evaṃ yāvajīvaṃ puññāni katvā devamanussesu saṃsaranto kassapassa bhagavato kāle bārāṇasiyaṃ kuṭumbikagehe nibbattitvā viññutaṃ patto satthari parinibbute niṭṭhite yojanike kanakathūpe bahū kaṃsapātiyo kāretvā sappimaṇḍassa pūretvā majjhe ekekaṃ guḷapiṇḍaṃ ṭhapetvā mukhavaṭṭiyā mukhavaṭṭiṃ phusāpento cetiyaṃ parikkhipāpetvā attanā ekaṃ mahatiṃ kaṃsapātiṃ kāretvā sappimaṇḍassa pūretvā sahassavaṭṭiyo jālāpetvā sīse ṭhapetvā sabbarattiṃ cetiyaṃ anupariyāyi.

    เอวํ ตสฺมิมฺปิ อตฺตภาเว ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ฐตฺวา ตโต จุโต อนุปฺปเนฺน พุเทฺธ พาราณสิยํเยว ทุคฺคตกุเล นิพฺพตฺติ, อนฺนภาโรติสฺส นามํ อโหสิฯ โส สุมนเสฎฺฐิสฺส นาม เคเห กมฺมํ กโรโนฺต ชีวติฯ โส เอกทิวสํ อุปริฎฺฐํ นาม ปเจฺจกพุทฺธํ นิโรธสมาปตฺติโต วุฎฺฐาย คนฺธมาทนปพฺพตโต อากาเสนาคนฺตฺวา พาราณสีนครทฺวาเร โอตริตฺวา จีวรํ ปารุปิตฺวา นคเร ปิณฺฑาย ปวิสนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิโตฺต ปตฺตํ คเหตฺวา อตฺตโน อตฺถาย ฐปิตํ เอกํ ภาคภตฺตํ ปเตฺต ปกฺขิปิตฺวา ปเจฺจกพุทฺธสฺส ทาตุกาโม อารภิฯ ภริยาปิสฺส อตฺตโน ภาคภตฺตํ ตเตฺถว ปกฺขิปิฯ โส ตํ เนตฺวา ปเจฺจกพุทฺธสฺส หเตฺถ ฐเปสิฯ ปเจฺจกพุโทฺธ ตํ คเหตฺวา อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิฯ ตํ ทิสฺวา รตฺติํ สุมนเสฎฺฐิสฺส ฉเตฺต อธิวตฺถา เทวตา ‘‘อโห ทานํ ปรมทานํ, อุปริเฎฺฐ, สุปฺปติฎฺฐิต’’นฺติ มหาสเทฺทน อนุโมทิฯ ตํ สุตฺวา สุมนเสฎฺฐิ ‘‘เอวํ เทวตาย อนุโมทิตํ อิทเมว อุตฺตมทาน’’นฺติ จิเนฺตตฺวา ตตฺถ ปตฺติํ ยาจิฯ อนฺนภาโร ปน ตสฺส ปตฺติํ อทาสิฯ เตน ปสนฺนจิโตฺต สุมนเสฎฺฐิ ตสฺส สหสฺสํ ทตฺวา ‘‘อิโต ปฎฺฐาย ตุยฺหํ สหเตฺถน กมฺมกรณกิจฺจํ นตฺถิ, ปติรูปํ เคหํ กตฺวา นิจฺจํ วสาหี’’ติ อาหฯ

    Evaṃ tasmimpi attabhāve yāvajīvaṃ kusalaṃ katvā tato cuto devaloke nibbattitvā tattha yāvatāyukaṃ ṭhatvā tato cuto anuppanne buddhe bārāṇasiyaṃyeva duggatakule nibbatti, annabhārotissa nāmaṃ ahosi. So sumanaseṭṭhissa nāma gehe kammaṃ karonto jīvati. So ekadivasaṃ upariṭṭhaṃ nāma paccekabuddhaṃ nirodhasamāpattito vuṭṭhāya gandhamādanapabbatato ākāsenāgantvā bārāṇasīnagaradvāre otaritvā cīvaraṃ pārupitvā nagare piṇḍāya pavisantaṃ disvā pasannacitto pattaṃ gahetvā attano atthāya ṭhapitaṃ ekaṃ bhāgabhattaṃ patte pakkhipitvā paccekabuddhassa dātukāmo ārabhi. Bhariyāpissa attano bhāgabhattaṃ tattheva pakkhipi. So taṃ netvā paccekabuddhassa hatthe ṭhapesi. Paccekabuddho taṃ gahetvā anumodanaṃ katvā pakkāmi. Taṃ disvā rattiṃ sumanaseṭṭhissa chatte adhivatthā devatā ‘‘aho dānaṃ paramadānaṃ, upariṭṭhe, suppatiṭṭhita’’nti mahāsaddena anumodi. Taṃ sutvā sumanaseṭṭhi ‘‘evaṃ devatāya anumoditaṃ idameva uttamadāna’’nti cintetvā tattha pattiṃ yāci. Annabhāro pana tassa pattiṃ adāsi. Tena pasannacitto sumanaseṭṭhi tassa sahassaṃ datvā ‘‘ito paṭṭhāya tuyhaṃ sahatthena kammakaraṇakiccaṃ natthi, patirūpaṃ gehaṃ katvā niccaṃ vasāhī’’ti āha.

    ยสฺมา นิโรธโต วุฎฺฐิตสฺส ปเจฺจกพุทฺธสฺส ทินฺนปิณฺฑปาโต ตํทิวสเมว อุฬารตรวิปาโก โหติ, ตสฺมา ตํทิวสํ สุมนเสฎฺฐิ รโญฺญ สนฺติกํ คจฺฉโนฺต ตํ คเหตฺวา อคมาสิฯ ราชา ปน ตํ อาทรวเสน โอโลเกสิฯ เสฎฺฐิ ‘‘มหาราช, อยํ โอโลเกตพฺพยุโตฺตเยวา’’ติ วตฺวา ตทา เตน กตปุญฺญํ อตฺตนาปิสฺส สหสฺสํ ทินฺนภาวํ กเถสิฯ ตํ สุตฺวา ราชา ตุสฺสิตฺวา สหสฺสํ ทตฺวา อสุกสฺมิํ นาม ฐาเน เคหํ กตฺวา วสา’’ติ เคหฎฺฐานมสฺส อาณาเปสิฯ ตสฺส ตํ ฐานํ โสธาเปนฺตสฺส มหนฺติโย นิธิกุมฺภิโย อุฎฺฐหิํสุฯ ตา ทิสฺวา โส รโญฺญ อาโรเจสิฯ ราชา สพฺพํ ธนํ อุทฺธราเปตฺวา ราสิกตํ ทิสฺวา ‘‘เอตฺตกํ ธนํ อิมสฺมิํ นคเร กสฺส เคเห อตฺถี’’ติ? ‘‘น กสฺสจิ, เทวา’’ติฯ ‘‘เตน หิ อยํ อนฺนภาโร อิมสฺมิํ นคเร มหาธนเสฎฺฐิ นาม โหตู’’ติ ตํทิวสเมว ตสฺส เสฎฺฐิฉตฺตํ อุสฺสาเปสิฯ

    Yasmā nirodhato vuṭṭhitassa paccekabuddhassa dinnapiṇḍapāto taṃdivasameva uḷārataravipāko hoti, tasmā taṃdivasaṃ sumanaseṭṭhi rañño santikaṃ gacchanto taṃ gahetvā agamāsi. Rājā pana taṃ ādaravasena olokesi. Seṭṭhi ‘‘mahārāja, ayaṃ oloketabbayuttoyevā’’ti vatvā tadā tena katapuññaṃ attanāpissa sahassaṃ dinnabhāvaṃ kathesi. Taṃ sutvā rājā tussitvā sahassaṃ datvā asukasmiṃ nāma ṭhāne gehaṃ katvā vasā’’ti gehaṭṭhānamassa āṇāpesi. Tassa taṃ ṭhānaṃ sodhāpentassa mahantiyo nidhikumbhiyo uṭṭhahiṃsu. Tā disvā so rañño ārocesi. Rājā sabbaṃ dhanaṃ uddharāpetvā rāsikataṃ disvā ‘‘ettakaṃ dhanaṃ imasmiṃ nagare kassa gehe atthī’’ti? ‘‘Na kassaci, devā’’ti. ‘‘Tena hi ayaṃ annabhāro imasmiṃ nagare mahādhanaseṭṭhi nāma hotū’’ti taṃdivasameva tassa seṭṭhichattaṃ ussāpesi.

    โส ตโต ปฎฺฐาย ยาวชีวํ กุสลกมฺมํ กตฺวา ตโต จุโต เทวมนุเสฺสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุนคเร สุโกฺกทนสกฺกสฺส เคเห ปฎิสนฺธิํ คณฺหิ, อนุรุโทฺธติสฺส นามํ อโหสิฯ โส มหานามสฺส สกฺกสฺส กนิฎฺฐภาตา, สตฺถุ จูฬปิตุ ปุโตฺต ปรมสุขุมาโล มหาปุโญฺญ ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิเกสุ ตีสุ ปาสาเทสุ อลงฺกตนาฎกิตฺถีหิ ปริวุโต เทโว วิย สมฺปตฺติํ อนุภวโนฺต สุโทฺธทนมหาราเชน อุสฺสาหิเตหิ สกฺยราชูหิ สตฺถุ ปริวารตฺถํ เปสิเตหิ ภทฺทิยกุมาราทีหิ อนุปิยมฺพวเน วิหรนฺตํ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อโนฺตวเสฺสเยว ทิพฺพจกฺขุํ นิพฺพเตฺตตฺวา, ปุน ธมฺมเสนาปติสฺส สนฺติเก กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา เจติยรเฎฺฐ ปาจีนวํสทายํ คนฺตฺวา สมณธมฺมํ กโรโนฺต สตฺตมหาปุริสวิตเกฺก วิตเกฺกตฺวา อฎฺฐมํ ชานิตุํ นาสกฺขิฯ ตสฺส ตํ ปวตฺติํ ญตฺวา สตฺถา อฎฺฐมํ มหาปุริสวิตกฺกํ กเถตฺวา จตุปจฺจยสโนฺตสภาวนารามปฎิมณฺฑิตํ มหาอริยวํสปฎิปทํ เทเสติฯ โส เทสนานุสาเรน วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อภิญฺญาปฎิสมฺภิทาปริวารํ อรหตฺตํ สจฺฉากาสิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑.๔๒๑-๔๓๓) –

    So tato paṭṭhāya yāvajīvaṃ kusalakammaṃ katvā tato cuto devamanussesu saṃsaritvā imasmiṃ buddhuppāde kapilavatthunagare sukkodanasakkassa gehe paṭisandhiṃ gaṇhi, anuruddhotissa nāmaṃ ahosi. So mahānāmassa sakkassa kaniṭṭhabhātā, satthu cūḷapitu putto paramasukhumālo mahāpuñño tiṇṇaṃ utūnaṃ anucchavikesu tīsu pāsādesu alaṅkatanāṭakitthīhi parivuto devo viya sampattiṃ anubhavanto suddhodanamahārājena ussāhitehi sakyarājūhi satthu parivāratthaṃ pesitehi bhaddiyakumārādīhi anupiyambavane viharantaṃ satthāraṃ upasaṅkamitvā satthu santike pabbajitvā antovasseyeva dibbacakkhuṃ nibbattetvā, puna dhammasenāpatissa santike kammaṭṭhānaṃ gahetvā cetiyaraṭṭhe pācīnavaṃsadāyaṃ gantvā samaṇadhammaṃ karonto sattamahāpurisavitakke vitakketvā aṭṭhamaṃ jānituṃ nāsakkhi. Tassa taṃ pavattiṃ ñatvā satthā aṭṭhamaṃ mahāpurisavitakkaṃ kathetvā catupaccayasantosabhāvanārāmapaṭimaṇḍitaṃ mahāariyavaṃsapaṭipadaṃ deseti. So desanānusārena vipassanaṃ vaḍḍhetvā abhiññāpaṭisambhidāparivāraṃ arahattaṃ sacchākāsi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.1.421-433) –

    ‘‘สุเมธํ ภควนฺตาหํ, โลกเชฎฺฐํ นราสภํ;

    ‘‘Sumedhaṃ bhagavantāhaṃ, lokajeṭṭhaṃ narāsabhaṃ;

    วูปกฎฺฐํ วิหรนฺตํ, อทฺทสํ โลกนายกํฯ

    Vūpakaṭṭhaṃ viharantaṃ, addasaṃ lokanāyakaṃ.

    ‘‘อุปคนฺตฺวาน สมฺพุทฺธํ, สุเมธํ โลกนายกํ;

    ‘‘Upagantvāna sambuddhaṃ, sumedhaṃ lokanāyakaṃ;

    อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวาน, พุทฺธเสฎฺฐมยาจหํฯ

    Añjaliṃ paggahetvāna, buddhaseṭṭhamayācahaṃ.

    ‘‘อนุกมฺป มหาวีร, โลกเชฎฺฐ นราสภ;

    ‘‘Anukampa mahāvīra, lokajeṭṭha narāsabha;

    ปทีปํ เต ปทสฺสามิ, รุกฺขมูลมฺหิ ฌายโตฯ

    Padīpaṃ te padassāmi, rukkhamūlamhi jhāyato.

    ‘‘อธิวาเสสิ โส ธีโร, สยมฺภู วทตํ วโร;

    ‘‘Adhivāsesi so dhīro, sayambhū vadataṃ varo;

    ทุเมสุ วินิวิชฺฌิตฺวา, ยนฺตํ โยชิยหํ ตทาฯ

    Dumesu vinivijjhitvā, yantaṃ yojiyahaṃ tadā.

    ‘‘สหสฺสวฎฺฎิํ ปาทาสิํ, พุทฺธสฺส โลกพนฺธุโน;

    ‘‘Sahassavaṭṭiṃ pādāsiṃ, buddhassa lokabandhuno;

    สตฺตาหํ ปชฺชลิตฺวาน, ทีปา วูปสมิํสุ เมฯ

    Sattāhaṃ pajjalitvāna, dīpā vūpasamiṃsu me.

    ‘‘เตน จิตฺตปฺปสาเทน, เจตนาปณิธีหิ จ;

    ‘‘Tena cittappasādena, cetanāpaṇidhīhi ca;

    ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, วิมานมุปปชฺชหํฯ

    Jahitvā mānusaṃ dehaṃ, vimānamupapajjahaṃ.

    ‘‘อุปปนฺนสฺส เทวตฺตํ, พฺยมฺหํ อาสิ สุนิมฺมิตํ;

    ‘‘Upapannassa devattaṃ, byamhaṃ āsi sunimmitaṃ;

    สมนฺตโต ปชฺชลติ, ทีปทานสฺสิทํ ผลํฯ

    Samantato pajjalati, dīpadānassidaṃ phalaṃ.

    ‘‘สมนฺตา โยชนสตํ, วิโรเจสิมหํ ตทา;

    ‘‘Samantā yojanasataṃ, virocesimahaṃ tadā;

    สเพฺพ เทเว อภิโภมิ, ทีปทานสฺสิทํ ผลํฯ

    Sabbe deve abhibhomi, dīpadānassidaṃ phalaṃ.

    ‘‘ติํสกปฺปานิ เทวิโนฺท, เทวรชฺชมการยิํ;

    ‘‘Tiṃsakappāni devindo, devarajjamakārayiṃ;

    น มํ เกจีติมญฺญนฺติ, ทีปทานสฺสิทํ ผลํฯ

    Na maṃ kecītimaññanti, dīpadānassidaṃ phalaṃ.

    ‘‘อฎฺฐวีสติกฺขตฺตุญฺจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ;

    ‘‘Aṭṭhavīsatikkhattuñca, cakkavattī ahosahaṃ;

    ทิวา รตฺติญฺจ ปสฺสามิ, สมนฺตา โยชนํ ตทาฯ

    Divā rattiñca passāmi, samantā yojanaṃ tadā.

    ‘‘สหสฺสโลกํ ญาเณน, ปสฺสามิ สตฺถุ สาสเน;

    ‘‘Sahassalokaṃ ñāṇena, passāmi satthu sāsane;

    ทิพฺพจกฺขุมนุปฺปโตฺต, ทีปทานสฺสิทํ ผลํฯ

    Dibbacakkhumanuppatto, dīpadānassidaṃ phalaṃ.

    ‘‘สุเมโธ นาม สมฺพุโทฺธ, ติํสกปฺปสหสฺสิโต;

    ‘‘Sumedho nāma sambuddho, tiṃsakappasahassito;

    ตสฺส ทีโป มยา ทิโนฺน, วิปฺปสเนฺนน เจตสาฯ

    Tassa dīpo mayā dinno, vippasannena cetasā.

    ‘‘ปฎิสมฺภิทา จตโสฺส…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Paṭisambhidā catasso…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    อถ นํ สตฺถา อปรภาเค เชตวนมหาวิหาเร อริยคณมเชฺฌ นิสิโนฺน ทิพฺพจกฺขุกานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสิ ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ทิพฺพจกฺขุกานํ ยทิทํ อนุรุโทฺธ’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๘๐, ๑๙๒)ฯ

    Atha naṃ satthā aparabhāge jetavanamahāvihāre ariyagaṇamajjhe nisinno dibbacakkhukānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapesi ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ dibbacakkhukānaṃ yadidaṃ anuruddho’’ti (a. ni. 1.180, 192).

    โส วิมุตฺติสุขํ ปฎิสํเวที วิหรโนฺต เอกทิวสํ อตฺตโน ปฎิปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปีติโสมนสฺสชาโต อุทานวเสน ‘‘ปหาย มาตาปิตโร’’ติอาทิกา คาถา อภาสิฯ เกจิ ปน ‘‘เถรสฺส ปพฺพชฺชํ อรหตฺตปฺปตฺติญฺจ ปกาเสเนฺตหิ สงฺคีติกาเรหิ อาทิโต จตโสฺส คาถา ภาสิตาฯ ตโต ปรา เถรสฺส อริยวํสปฎิปตฺติยา อาราธิตจิเตฺตน ภควตา ภาสิตาฯ อิตรา สพฺพาปิ เตน เตน การเณน เถเรเนว ภาสิตา’’ติ วทนฺติฯ อิติ สพฺพถาปิ อิมา คาถา เถเรน ภาสิตาปิ, เถรํ อุทฺทิสฺส ภาสิตาปิ เถรสฺส เจตา คาถาติ เวทิตพฺพาฯ เสยฺยถิทํ –

    So vimuttisukhaṃ paṭisaṃvedī viharanto ekadivasaṃ attano paṭipattiṃ paccavekkhitvā pītisomanassajāto udānavasena ‘‘pahāya mātāpitaro’’tiādikā gāthā abhāsi. Keci pana ‘‘therassa pabbajjaṃ arahattappattiñca pakāsentehi saṅgītikārehi ādito catasso gāthā bhāsitā. Tato parā therassa ariyavaṃsapaṭipattiyā ārādhitacittena bhagavatā bhāsitā. Itarā sabbāpi tena tena kāraṇena thereneva bhāsitā’’ti vadanti. Iti sabbathāpi imā gāthā therena bhāsitāpi, theraṃ uddissa bhāsitāpi therassa cetā gāthāti veditabbā. Seyyathidaṃ –

    ๘๙๒.

    892.

    ‘‘ปหาย มาตาปิตโร, ภคินี ญาติภาตโร;

    ‘‘Pahāya mātāpitaro, bhaginī ñātibhātaro;

    ปญฺจ กามคุเณ หิตฺวา, อนุรุโทฺธว ฌายติฯ

    Pañca kāmaguṇe hitvā, anuruddhova jhāyati.

    ๘๙๓.

    893.

    ‘‘สเมโต นจฺจคีเตหิ, สมฺมตาฬปฺปโพธโน;

    ‘‘Sameto naccagītehi, sammatāḷappabodhano;

    น เตน สุทฺธิมชฺฌคํ, มารสฺส วิสเย รโตฯ

    Na tena suddhimajjhagaṃ, mārassa visaye rato.

    ๘๙๔.

    894.

    ‘‘เอตญฺจ สมติกฺกมฺม, รโต พุทฺธสฺส สาสเน;

    ‘‘Etañca samatikkamma, rato buddhassa sāsane;

    สโพฺพฆํ สมติกฺกมฺม, อนุรุโทฺธว ฌายติฯ

    Sabboghaṃ samatikkamma, anuruddhova jhāyati.

    ๘๙๕.

    895.

    ‘‘รูปา สทฺทา รสา คนฺธา, โผฎฺฐพฺพา จ มโนรมา;

    ‘‘Rūpā saddā rasā gandhā, phoṭṭhabbā ca manoramā;

    เอเต จ สมติกฺกมฺม, อนุรุโทฺธว ฌายติฯ

    Ete ca samatikkamma, anuruddhova jhāyati.

    ๘๙๖.

    896.

    ‘‘ปิณฺฑปาตมติกฺกโนฺต, เอโก อทุติโย มุนิ;

    ‘‘Piṇḍapātamatikkanto, eko adutiyo muni;

    เอสติ ปํสุกูลานิ อนุรุโทฺธ อนาสโวฯ

    Esati paṃsukūlāni anuruddho anāsavo.

    ๘๙๗.

    897.

    ‘‘วิจินี อคฺคหี โธวิ, รชยี ธารยี มุนิ;

    ‘‘Vicinī aggahī dhovi, rajayī dhārayī muni;

    ปํสุกูลานิ มติมา, อนุรุโทฺธ อนาสโวฯ

    Paṃsukūlāni matimā, anuruddho anāsavo.

    ๘๙๘.

    898.

    ‘‘มหิโจฺฉ จ อสนฺตุโฎฺฐ, สํสโฎฺฐ โย จ อุทฺธโต;

    ‘‘Mahiccho ca asantuṭṭho, saṃsaṭṭho yo ca uddhato;

    ตสฺส ธมฺมา อิเม โหนฺติ, ปาปกา สํกิเลสิกาฯ

    Tassa dhammā ime honti, pāpakā saṃkilesikā.

    ๘๙๙.

    899.

    ‘‘สโต จ โหติ อปฺปิโจฺฉ, สนฺตุโฎฺฐ อวิฆาตวา;

    ‘‘Sato ca hoti appiccho, santuṭṭho avighātavā;

    ปวิเวกรโต วิโตฺต, นิจฺจมารทฺธวีริโยฯ

    Pavivekarato vitto, niccamāraddhavīriyo.

    ๙๐๐.

    900.

    ‘‘ตสฺส ธมฺมา อิเม โหนฺติ, กุสลา โพธิปกฺขิกา;

    ‘‘Tassa dhammā ime honti, kusalā bodhipakkhikā;

    อนาสโว จ โส โหติ, อิติ วุตฺตํ มเหสินาฯ

    Anāsavo ca so hoti, iti vuttaṃ mahesinā.

    ๙๐๑.

    901.

    ‘‘มม สงฺกปฺปมญฺญาย, สตฺถา โลเก อนุตฺตโร;

    ‘‘Mama saṅkappamaññāya, satthā loke anuttaro;

    มโนมเยน กาเยน, อิทฺธิยา อุปสงฺกมิฯ

    Manomayena kāyena, iddhiyā upasaṅkami.

    ๙๐๒.

    902.

    ‘‘ยทา เม อหุ สงฺกโปฺป, ตโต อุตฺตริ เทสยิ;

    ‘‘Yadā me ahu saṅkappo, tato uttari desayi;

    นิปฺปปญฺจรโต พุโทฺธ, นิปฺปปญฺจมเทสยิฯ

    Nippapañcarato buddho, nippapañcamadesayi.

    ๙๐๓.

    903.

    ‘‘ตสฺสาหํ ธมฺมมญฺญาย, วิหาสิํ สาสเน รโต;

    ‘‘Tassāhaṃ dhammamaññāya, vihāsiṃ sāsane rato;

    ติโสฺส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํฯ

    Tisso vijjā anuppattā, kataṃ buddhassa sāsanaṃ.

    ๙๐๔.

    904.

    ‘‘ปญฺจปญฺญาสวสฺสานิ, ยโต เนสชฺชิโก อหํ;

    ‘‘Pañcapaññāsavassāni, yato nesajjiko ahaṃ;

    ปญฺจวีสติวสฺสานิ, ยโต มิทฺธํ สมูหตํฯ

    Pañcavīsativassāni, yato middhaṃ samūhataṃ.

    ๙๐๕.

    905.

    ‘‘นาหุ อสฺสาสปสฺสาสา, ฐิตจิตฺตสฺส ตาทิโน;

    ‘‘Nāhu assāsapassāsā, ṭhitacittassa tādino;

    อเนโช สนฺติมารพฺภ, จกฺขุมา ปรินิพฺพุโตฯ

    Anejo santimārabbha, cakkhumā parinibbuto.

    ๙๐๖.

    906.

    ‘‘อสลฺลีเนน จิเตฺตน, เวทนํ อชฺฌวาสยิ;

    ‘‘Asallīnena cittena, vedanaṃ ajjhavāsayi;

    ปโชฺชตเสฺสว นิพฺพานํ, วิโมโกฺข เจตโส อหุฯ

    Pajjotasseva nibbānaṃ, vimokkho cetaso ahu.

    ๙๐๗.

    907.

    ‘‘เอเต ปจฺฉิมกา ทานิ, มุนิโน ผสฺสปญฺจมา;

    ‘‘Ete pacchimakā dāni, munino phassapañcamā;

    นาเญฺญ ธมฺมา ภวิสฺสนฺติ, สมฺพุเทฺธ ปรินิพฺพุเตฯ

    Nāññe dhammā bhavissanti, sambuddhe parinibbute.

    ๙๐๘.

    908.

    ‘‘นตฺถิ ทานิ ปุนาวาโส, เทวกายสฺมิ ชาลินิ;

    ‘‘Natthi dāni punāvāso, devakāyasmi jālini;

    วิกฺขีโณ ชาติสํสาโร, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวฯ

    Vikkhīṇo jātisaṃsāro, natthi dāni punabbhavo.

    ๙๐๙.

    909.

    ‘‘ยสฺส มุหุเตฺตน สหสฺสธา, โลโก สํวิทิโต สพฺรหฺมกโปฺป;

    ‘‘Yassa muhuttena sahassadhā, loko saṃvidito sabrahmakappo;

    วสี อิทฺธิคุเณ จุตูปปาเต, กาเล ปสฺสติ เทวตา ส ภิกฺขุฯ

    Vasī iddhiguṇe cutūpapāte, kāle passati devatā sa bhikkhu.

    ๙๑๐.

    910.

    ‘‘อนฺนภาโร ปุเร อาสิํ, ทลิโทฺท ฆาสหารโก;

    ‘‘Annabhāro pure āsiṃ, daliddo ghāsahārako;

    สมณํ ปฎิปาเทสิํ, อุปริฎฺฐํ ยสสฺสินํฯ

    Samaṇaṃ paṭipādesiṃ, upariṭṭhaṃ yasassinaṃ.

    ๙๑๑.

    911.

    ‘‘โสมฺหิ สกฺยกุเล ชาโต, อนุรุโทฺธติ มํ วิทู;

    ‘‘Somhi sakyakule jāto, anuruddhoti maṃ vidū;

    อุเปโต นจฺจคีเตหิ, สมฺมตาฬปฺปโพธโนฯ

    Upeto naccagītehi, sammatāḷappabodhano.

    ๙๑๒.

    912.

    ‘‘อถทฺทสาสิํ สมฺพุทฺธํ, สตฺถารํ อกุโตภยํ;

    ‘‘Athaddasāsiṃ sambuddhaṃ, satthāraṃ akutobhayaṃ;

    ตสฺมิํ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, ปพฺพชิํ อนคาริยํฯ

    Tasmiṃ cittaṃ pasādetvā, pabbajiṃ anagāriyaṃ.

    ๙๑๓.

    913.

    ‘‘ปุเพฺพนิวาสํ ชานามิ, ยตฺถ เม วุสิตํ ปุเร;

    ‘‘Pubbenivāsaṃ jānāmi, yattha me vusitaṃ pure;

    ตาวติํเสสุ เทเวสุ, อฎฺฐาสิํ สกฺกชาติยาฯ

    Tāvatiṃsesu devesu, aṭṭhāsiṃ sakkajātiyā.

    ๙๑๔.

    914.

    ‘‘สตฺตกฺขตฺตุํ มนุสฺสิโนฺท, อหํ รชฺชมการยิํ;

    ‘‘Sattakkhattuṃ manussindo, ahaṃ rajjamakārayiṃ;

    จาตุรโนฺต วิชิตาวี, ชมฺพุสณฺฑสฺส อิสฺสโร;

    Cāturanto vijitāvī, jambusaṇḍassa issaro;

    อทเณฺฑน อสเตฺถน, ธเมฺมน อนุสาสยิํฯ

    Adaṇḍena asatthena, dhammena anusāsayiṃ.

    ๙๑๕.

    915.

    ‘‘อิโต สตฺต ตโต สตฺต, สํสารานิ จตุทฺทส;

    ‘‘Ito satta tato satta, saṃsārāni catuddasa;

    นิวาสมภิชานิสฺสํ, เทวโลเก ฐิโต ตทาฯ

    Nivāsamabhijānissaṃ, devaloke ṭhito tadā.

    ๙๑๖.

    916.

    ‘‘ปญฺจงฺคิเก สมาธิมฺหิ, สเนฺต เอโกทิภาวิเต;

    ‘‘Pañcaṅgike samādhimhi, sante ekodibhāvite;

    ปฎิปฺปสฺสทฺธิลทฺธมฺหิ, ทิพฺพจกฺขุ วิสุชฺฌิ เมฯ

    Paṭippassaddhiladdhamhi, dibbacakkhu visujjhi me.

    ๙๑๗.

    917.

    ‘‘จุตูปปาตํ ชานามิ, สตฺตานํ อาคติํ คติํ;

    ‘‘Cutūpapātaṃ jānāmi, sattānaṃ āgatiṃ gatiṃ;

    อิตฺถภาวญฺญถาภาวํ, ฌาเน ปญฺจงฺคิเก ฐิโตฯ

    Itthabhāvaññathābhāvaṃ, jhāne pañcaṅgike ṭhito.

    ๙๑๘.

    918.

    ‘‘ปริจิโณฺณ มยา สตฺถา…เป.… ภวเนตฺติ สมูหตาฯ

    ‘‘Pariciṇṇo mayā satthā…pe… bhavanetti samūhatā.

    ๙๑๙.

    919.

    ‘‘วชฺชีนํ เวฬุวคาเม, อหํ ชีวิตสงฺขยา;

    ‘‘Vajjīnaṃ veḷuvagāme, ahaṃ jīvitasaṅkhayā;

    เหฎฺฐโต เวฬุคุมฺพสฺมิํ, นิพฺพายิสฺสํ อนาสโว’’ติฯ

    Heṭṭhato veḷugumbasmiṃ, nibbāyissaṃ anāsavo’’ti.

    ตตฺถ ปหายาติ ปชหิตฺวาฯ มาตาปิตโรติ มาตรญฺจ ปิตรญฺจฯ อยเญฺหตฺถ อธิปฺปาโย – ยถา อเญฺญ เกจิ ญาติปาริชุเญฺญน วา โภคปาริชุเญฺญน วา อภิภูตา ปพฺพชนฺติ, ปพฺพชิตา จ กิจฺจนฺตรปสุตา วิหรนฺติ, น เอวํ มยํฯ มยํ ปน มหนฺตํ ญาติปริวฎฺฎํ, มหนฺตญฺจ โภคกฺขนฺธํ ปหาย กาเมสุ นิรเปกฺขา ปพฺพชิตาติฯ ฌายตีติ อารมฺมณูปนิชฺฌานํ ลกฺขณูปนิชฺฌานญฺจาติ, ทุวิธมฺปิ ฌานํ อนุยุโตฺต วิหรติฯ

    Tattha pahāyāti pajahitvā. Mātāpitaroti mātarañca pitarañca. Ayañhettha adhippāyo – yathā aññe keci ñātipārijuññena vā bhogapārijuññena vā abhibhūtā pabbajanti, pabbajitā ca kiccantarapasutā viharanti, na evaṃ mayaṃ. Mayaṃ pana mahantaṃ ñātiparivaṭṭaṃ, mahantañca bhogakkhandhaṃ pahāya kāmesu nirapekkhā pabbajitāti. Jhāyatīti ārammaṇūpanijjhānaṃ lakkhaṇūpanijjhānañcāti, duvidhampi jhānaṃ anuyutto viharati.

    สเมโต นจฺจคีเตหีติ นเจฺจหิ จ คีเตหิ จ สมงฺคีภูโต, นจฺจานิ ปสฺสโนฺต คีตานิ สุณโนฺตติ อโตฺถฯ ‘‘สมฺมโต’’ติ จ ปฐนฺติ, นจฺจคีเตหิ ปูชิโตติ อโตฺถฯ สมฺมตาฬปฺปโพธโนติ สมฺมตาฬสเทฺทหิ ปจฺจูสกาเล ปโพเธตโพฺพฯ น เตน สุทฺธิมชฺฌคนฺติ เตน กามโภเคน สํสารสุทฺธิํ นาธิคจฺฉิํฯ มารสฺส วิสเย รโตติ กิเลสมารสฺส วิสยภูเต กามคุเณ รโตฯ ‘‘กิเลสมารสฺส วิสยภูเตน กามคุณโภเคน สํสารสุทฺธิ โหตี’’ติ เอวํทิฎฺฐิโก อหุตฺวาติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘เอตญฺจ สมติกฺกมฺมา’’ติอาทิฯ ตตฺถ เอตนฺติ เอตํ ปญฺจวิธมฺปิ กามคุณํฯ สมติกฺกมฺมาติ สมติกฺกมิตฺวา, อนเปโกฺข ฉเฑฺฑตฺวาติ อโตฺถฯ สโพฺพฆนฺติ กาโมฆาทิกํ สพฺพมฺปิ โอฆํฯ

    Sameto naccagītehīti naccehi ca gītehi ca samaṅgībhūto, naccāni passanto gītāni suṇantoti attho. ‘‘Sammato’’ti ca paṭhanti, naccagītehi pūjitoti attho. Sammatāḷappabodhanoti sammatāḷasaddehi paccūsakāle pabodhetabbo. Na tena suddhimajjhaganti tena kāmabhogena saṃsārasuddhiṃ nādhigacchiṃ. Mārassa visaye ratoti kilesamārassa visayabhūte kāmaguṇe rato. ‘‘Kilesamārassa visayabhūtena kāmaguṇabhogena saṃsārasuddhi hotī’’ti evaṃdiṭṭhiko ahutvāti attho. Tenāha ‘‘etañca samatikkammā’’tiādi. Tattha etanti etaṃ pañcavidhampi kāmaguṇaṃ. Samatikkammāti samatikkamitvā, anapekkho chaḍḍetvāti attho. Sabboghanti kāmoghādikaṃ sabbampi oghaṃ.

    ปญฺจ กามคุเณ สรูปโต ทเสฺสตุํ ‘‘รูปา สทฺทา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ มโนรมาติ โลภนียเฎฺฐน มนํ รมยนฺตีติ มโนรมา, มนาปิยาติ วุตฺตํ โหติฯ ยถาห ‘‘กตเม ปญฺจ มนาปิยา รูปา, มนาปิยา สทฺทา’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๓๒๘ อตฺถโต สมานํ)ฯ

    Pañca kāmaguṇe sarūpato dassetuṃ ‘‘rūpā saddā’’tiādi vuttaṃ. Tattha manoramāti lobhanīyaṭṭhena manaṃ ramayantīti manoramā, manāpiyāti vuttaṃ hoti. Yathāha ‘‘katame pañca manāpiyā rūpā, manāpiyā saddā’’tiādi (ma. ni. 3.328 atthato samānaṃ).

    ปิณฺฑปาตมติกฺกโนฺตติ ปิณฺฑปาตคฺคหณํ อติกฺกโนฺต, ปิณฺฑปาตคฺคหณโต นิวเตฺตโนฺตติ อโตฺถฯ เอโกติ เอกากี อปจฺฉาสมโณฯ อทุติโยติ นิตฺตโณฺหฯ ตณฺหา หิ ปุริสสฺส ทุติโย นามฯ ยถาห ‘‘ตณฺหาทุติโย ปุริโส’’ติ (อิติวุ. ๑๕, ๑๐๕; มหานิ. ๑๙๑)ฯ เอสตีติ ปริเยสติฯ

    Piṇḍapātamatikkantoti piṇḍapātaggahaṇaṃ atikkanto, piṇḍapātaggahaṇato nivattentoti attho. Ekoti ekākī apacchāsamaṇo. Adutiyoti nittaṇho. Taṇhā hi purisassa dutiyo nāma. Yathāha ‘‘taṇhādutiyo puriso’’ti (itivu. 15, 105; mahāni. 191). Esatīti pariyesati.

    วิจินีติ เอสโนฺตว ตตฺถ ตตฺถ สงฺการกูฎาทิเก ปํสุกูลุปฺปตฺติฎฺฐาเน วิจินิฯ อคฺคหีติ วิจินิตฺวา อสุจิมกฺขิตมฺปิ อชิคุจฺฉโนฺต คณฺหิฯ โธวีติ, วิกฺขาเลสิฯ รชยีติ โธวิตฺวา คหิตํ สิพฺพิตฺวา กปฺปิยรชเนน รชยิฯ ธารยีติ รชิตฺวา กปฺปพินฺทุํ ทตฺวา ธาเรสิ, นิวาเสสิ เจว ปารุปิ จฯ

    Vicinīti esantova tattha tattha saṅkārakūṭādike paṃsukūluppattiṭṭhāne vicini. Aggahīti vicinitvā asucimakkhitampi ajigucchanto gaṇhi. Dhovīti, vikkhālesi. Rajayīti dhovitvā gahitaṃ sibbitvā kappiyarajanena rajayi. Dhārayīti rajitvā kappabinduṃ datvā dhāresi, nivāsesi ceva pārupi ca.

    อิทานิ ปาจีนวํสทาเย สตฺถารา ทินฺนโอวาทํ ตสฺส จ อตฺตนา มตฺถกปฺปตฺตภาวํ ทีเปโนฺต ‘‘มหิโจฺฉ จ อสนฺตุโฎฺฐ’’ติอาทิกา คาถา อภาสิฯ ตตฺถ มหิโจฺฉติ มหติยา ปจฺจยิจฺฉาย สมนฺนาคโต, อุฬารุฬาเร พหู จ ปจฺจเย อิจฺฉโนฺตติ อโตฺถฯ อสนฺตุโฎฺฐติ นิสฺสนฺตุโฎฺฐ, ยถาลาภสโนฺตสาทินา สโนฺตเสน วิรหิโตฯ สํสโฎฺฐติ คิหีหิ เจว ปพฺพชิเตหิ จ อนนุโลมิเกน สํสเคฺคน สํสโฎฺฐฯ อุทฺธโตติ อุกฺขิโตฺตฯ ตสฺสาติ ‘‘มหิโจฺฉ’’ติอาทินา วุตฺตปุคฺคลสฺสฯ ธมฺมาติ มหิจฺฉตา อสโนฺตโส, สํสฎฺฐตา วิเกฺขโปติ อีทิสาฯ ลามกเฎฺฐน ปาปกาฯ สํกิเลสิกาติ ตสฺส จิตฺตสฺส มลีนภาวกรณโต สํกิเลสิกา ธมฺมา โหนฺติฯ

    Idāni pācīnavaṃsadāye satthārā dinnaovādaṃ tassa ca attanā matthakappattabhāvaṃ dīpento ‘‘mahiccho ca asantuṭṭho’’tiādikā gāthā abhāsi. Tattha mahicchoti mahatiyā paccayicchāya samannāgato, uḷāruḷāre bahū ca paccaye icchantoti attho. Asantuṭṭhoti nissantuṭṭho, yathālābhasantosādinā santosena virahito. Saṃsaṭṭhoti gihīhi ceva pabbajitehi ca ananulomikena saṃsaggena saṃsaṭṭho. Uddhatoti ukkhitto. Tassāti ‘‘mahiccho’’tiādinā vuttapuggalassa. Dhammāti mahicchatā asantoso, saṃsaṭṭhatā vikkhepoti īdisā. Lāmakaṭṭhena pāpakā. Saṃkilesikāti tassa cittassa malīnabhāvakaraṇato saṃkilesikā dhammā honti.

    สโต จ โหติ อปฺปิโจฺฉติ ยทา ปนายํ ปุคฺคโล กลฺยาณมิเตฺต เสวโนฺต ภชโนฺต ปยิรุปาสโนฺต สทฺธมฺมํ สุณโนฺต โยนิโส มนสิ กโรโนฺต สติมา จ มหิจฺฉตํ ปหาย อปฺปิโจฺฉ จ โหติฯ อสโนฺตสํ ปหาย สนฺตุโฎฺฐ, จิตฺตสฺส วิฆาตกรํ วิเกฺขปํ ปหาย อวิฆาตวา อวิกฺขิโตฺต สมาหิโต, คณสงฺคณิกํ ปหาย ปวิเวกรโต, วิเวกาภิรติยา นิพฺพิทาย ธมฺมปีติยา วิโตฺต สุมโน ตุฎฺฐจิโตฺต, สพฺพโส โกสชฺชปหาเนน อารทฺธวีริโย

    Satoca hoti appicchoti yadā panāyaṃ puggalo kalyāṇamitte sevanto bhajanto payirupāsanto saddhammaṃ suṇanto yoniso manasi karonto satimā ca mahicchataṃ pahāya appiccho ca hoti. Asantosaṃ pahāya santuṭṭho, cittassa vighātakaraṃ vikkhepaṃ pahāya avighātavā avikkhitto samāhito, gaṇasaṅgaṇikaṃ pahāya pavivekarato, vivekābhiratiyā nibbidāya dhammapītiyā vitto sumano tuṭṭhacitto, sabbaso kosajjapahānena āraddhavīriyo.

    ตสฺส เอวํ อปฺปิจฺฉตาทิคุณสมนฺนาคตสฺส อิเม สติปฎฺฐานาทโย สตฺตติํสปฺปเภทา ติวิธวิปสฺสนาสงฺคหา โกสลฺลสมฺภูตเฎฺฐน กุสลา, มคฺคปริยาปนฺนา โพธิปกฺขิกา ธมฺมา โหนฺติฯ โส เตหิ สมนฺนาคโต สพฺพโส อาสวานํ เขปเนน อคฺคมคฺคกฺขณโต ปฎฺฐาย อนาสโว จ โหติฯ อิติ เอวํ วุตฺตํ มเหสินา สมฺมาสมฺพุเทฺธน ปาจีนวํสทาเย มหาปุริสวิตเกฺก มตฺถกํ ปาปนวเสนาติ อธิปฺปาโยฯ

    Tassa evaṃ appicchatādiguṇasamannāgatassa ime satipaṭṭhānādayo sattatiṃsappabhedā tividhavipassanāsaṅgahā kosallasambhūtaṭṭhena kusalā, maggapariyāpannā bodhipakkhikā dhammā honti. So tehi samannāgato sabbaso āsavānaṃ khepanena aggamaggakkhaṇato paṭṭhāya anāsavo ca hoti. Iti evaṃ vuttaṃ mahesinā sammāsambuddhena pācīnavaṃsadāye mahāpurisavitakke matthakaṃ pāpanavasenāti adhippāyo.

    มม สงฺกปฺปมญฺญายาติ ‘‘อปิจฺฉสฺสายํ, ภิกฺขเว, ธโมฺม, นายํ ธโมฺม มหิจฺฉสฺสา’’ติอาทินา (อ. นิ. ๘.๓๐) มหาปุริสวิตกฺกวเสน อารทฺธํ, เต จ มตฺถกํ ปาเปตุํ อสมตฺถภาเวน ฐิตํ มม สงฺกปฺปํ ชานิตฺวาฯ มโนมเยนาติ มโนมเยน วิย, มนสา นิมฺมิตสทิเสน ปริณามิเตนาติ อโตฺถฯ อิทฺธิยาติ ‘‘อยํ กาโย อิทํ จิตฺตํ วิย โหตู’’ติ เอวํ ปวตฺตอธิฎฺฐานิทฺธิยาฯ

    Mamasaṅkappamaññāyāti ‘‘apicchassāyaṃ, bhikkhave, dhammo, nāyaṃ dhammo mahicchassā’’tiādinā (a. ni. 8.30) mahāpurisavitakkavasena āraddhaṃ, te ca matthakaṃ pāpetuṃ asamatthabhāvena ṭhitaṃ mama saṅkappaṃ jānitvā. Manomayenāti manomayena viya, manasā nimmitasadisena pariṇāmitenāti attho. Iddhiyāti ‘‘ayaṃ kāyo idaṃ cittaṃ viya hotū’’ti evaṃ pavattaadhiṭṭhāniddhiyā.

    ยทา เม อหุ สงฺกโปฺปติ ยสฺมิํ กาเล มยฺหํ ‘‘กีทิโส นุ โข อฎฺฐโม มหาปุริสวิตโกฺก’’ติ ปริวิตโกฺก อโหสิฯ ตโต มม สงฺกปฺปมญฺญาย อิทฺธิยา อุปสงฺกมีติ โยชนาฯ อุตฺตริ เทสยีติ ‘‘นิปฺปปญฺจารามสฺสายํ, ภิกฺขเว, ธโมฺม นิปฺปปญฺจรติโน, นายํธโมฺม ปปญฺจารามสฺส ปปญฺจรติโน’’ติ (อ. นิ. ๘.๓๐) อิมมฎฺฐมํ มหาปุริสวิตกฺกํ ปูเรโนฺต อุปริ เทสยิฯ ตํ ปน เทสิตํ ธมฺมํ เทเสโนฺต อาห ‘‘นิปฺปปญฺจรโต พุโทฺธ, นิปฺปปญฺจมเทสยี’’ติฯ ปปญฺจา นาม ราคาทโย กิเลสา, เตสํ วูปสมตาย, ตทภาวโต จ โลกุตฺตรธมฺมา นิปฺปปญฺจา นามฯ ตสฺมิํ นิปฺปปเญฺจ รโต อภิรโต สมฺมาสมฺพุโทฺธ ยถา ตํ ปาปุณามิ, ตถา ตาทิสํ ธมฺมํ อเทสยิ, สามุกฺกํสิกํ จตุสจฺจธมฺมเทสนํ ปกาสยีติ อโตฺถฯ

    Yadāme ahu saṅkappoti yasmiṃ kāle mayhaṃ ‘‘kīdiso nu kho aṭṭhamo mahāpurisavitakko’’ti parivitakko ahosi. Tato mama saṅkappamaññāya iddhiyā upasaṅkamīti yojanā. Uttari desayīti ‘‘nippapañcārāmassāyaṃ, bhikkhave, dhammo nippapañcaratino, nāyaṃdhammo papañcārāmassa papañcaratino’’ti (a. ni. 8.30) imamaṭṭhamaṃ mahāpurisavitakkaṃ pūrento upari desayi. Taṃ pana desitaṃ dhammaṃ desento āha ‘‘nippapañcarato buddho, nippapañcamadesayī’’ti. Papañcā nāma rāgādayo kilesā, tesaṃ vūpasamatāya, tadabhāvato ca lokuttaradhammā nippapañcā nāma. Tasmiṃ nippapañce rato abhirato sammāsambuddho yathā taṃ pāpuṇāmi, tathā tādisaṃ dhammaṃ adesayi, sāmukkaṃsikaṃ catusaccadhammadesanaṃ pakāsayīti attho.

    ตสฺสาหํ ธมฺมมญฺญายาติ ตสฺสา สตฺถุ เทสนาย ธมฺมํ ชานิตฺวา ยถานุสิฎฺฐํ ปฎิปชฺชโนฺต วิหาสิํ สิกฺขตฺตยสงฺคเห สาสเน รโต อภิรโต หุตฺวาติ อโตฺถฯ

    Tassāhaṃ dhammamaññāyāti tassā satthu desanāya dhammaṃ jānitvā yathānusiṭṭhaṃ paṭipajjanto vihāsiṃ sikkhattayasaṅgahe sāsane rato abhirato hutvāti attho.

    สตฺถารา อตฺตโน สมาคมํ เตน สาธิตมตฺถํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อตฺตโน ปพฺพชิตกาลโต ปฎฺฐาย อารทฺธวีริยตํ, กาเย อนเปกฺขตาย เสยฺยสุขปสฺสสุขานํ ปริจฺจาคํ, อปฺปมิทฺธกาลโต ปฎฺฐาย อารทฺธวีริยตญฺจ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปญฺจปญฺญาสวสฺสานี’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ ยโต เนสชฺชิโก อหนฺติ ยโต ปฎฺฐาย ‘‘โยคานุกูลตา กมฺมฎฺฐานปริยุฎฺฐิตสปฺปุริสจริยา สเลฺลขวุตฺตี’’ติ เอวมาทิคุเณ ทิสฺวา เนสชฺชิโก อโหสิํ ตานิ ปญฺจปญฺญาส วสฺสานิฯ ยโต มิทฺธํ สมูหตนฺติ ยโต ปฎฺฐาย มยา นิทฺทา ปริจฺจตฺตา ตานิ ปญฺจวีสติวสฺสานิฯ ‘‘เถรสฺส ปญฺจปญฺญาสาย วเสฺสสุ เนสชฺชิกสฺส สโต อาทิโต ปญฺจวีสติวสฺสานิ นิทฺทา นาโหสิ, ตโต ปรํ สรีรกิลมเถน ปจฺฉิมยาเม นิทฺทา อโหสี’’ติ วทนฺติฯ

    Satthārā attano samāgamaṃ tena sādhitamatthaṃ dassetvā idāni attano pabbajitakālato paṭṭhāya āraddhavīriyataṃ, kāye anapekkhatāya seyyasukhapassasukhānaṃ pariccāgaṃ, appamiddhakālato paṭṭhāya āraddhavīriyatañca dassento ‘‘pañcapaññāsavassānī’’ti gāthamāha. Tattha yato nesajjiko ahanti yato paṭṭhāya ‘‘yogānukūlatā kammaṭṭhānapariyuṭṭhitasappurisacariyā sallekhavuttī’’ti evamādiguṇe disvā nesajjiko ahosiṃ tāni pañcapaññāsa vassāni. Yato middhaṃ samūhatanti yato paṭṭhāya mayā niddā pariccattā tāni pañcavīsativassāni. ‘‘Therassa pañcapaññāsāya vassesu nesajjikassa sato ādito pañcavīsativassāni niddā nāhosi, tato paraṃ sarīrakilamathena pacchimayāme niddā ahosī’’ti vadanti.

    ‘‘นาหุ อสฺสาสปสฺสาสา’’ ติอาทิกา ติโสฺส คาถา สตฺถุ ปรินิพฺพานกาเล ภิกฺขูหิ ‘‘กิํ ภควา ปรินิพฺพุโต’’ติ ปุโฎฺฐ ปรินิพฺพานภาวํ ปเวเทโนฺต อาหฯ ตตฺถ นาหุ อสฺสาสปสฺสาสา, ฐิตจิตฺตสฺส ตาทิโนติ อนุโลมปฎิโลมโต อเนกาการโวการา สพฺพา สมาปตฺติโย สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาย สพฺพปจฺฉา จตุตฺถชฺฌาเน ฐิตจิตฺตสฺส ตาทิโน พุทฺธสฺส ภควโต อสฺสาสปสฺสาสา นาหุ นาเหสุนฺติ อโตฺถฯ เอเตน ยสฺมา จตุตฺถชฺฌานํ สมาปนฺนสฺส กายสงฺขารา นิรุชฺฌนฺติฯ กายสงฺขาราติ จ อสฺสาสปสฺสาสา วุจฺจนฺติ, ตสฺมา จตุตฺถชฺฌานกฺขณโต ปฎฺฐาย อสฺสาสปสฺสาสา นาเหสุนฺติ ทเสฺสติฯ ตณฺหาสงฺขาตาย เอชาย อภาวโต อเนโช, สมาธิสฺมิํ ฐิตตฺตา วา อเนโชฯ สนฺติมารพฺภาติ อนุปาทิเสสํ นิพฺพานํ อารพฺภ ปฎิจฺจ สนฺธายฯ จกฺขุมาติ ปญฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมาฯ ปรินิพฺพุโตติ ปรินิพฺพายิฯ อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – นิพฺพานารมฺมณจตุตฺถชฺฌานผลสมาปตฺติํ สมาปชฺชิตฺวา ตทนนฺตรเมว อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุโตติฯ

    ‘‘Nāhu assāsapassāsā’’ tiādikā tisso gāthā satthu parinibbānakāle bhikkhūhi ‘‘kiṃ bhagavā parinibbuto’’ti puṭṭho parinibbānabhāvaṃ pavedento āha. Tattha nāhu assāsapassāsā, ṭhitacittassa tādinoti anulomapaṭilomato anekākāravokārā sabbā samāpattiyo samāpajjitvā vuṭṭhāya sabbapacchā catutthajjhāne ṭhitacittassa tādino buddhassa bhagavato assāsapassāsā nāhu nāhesunti attho. Etena yasmā catutthajjhānaṃ samāpannassa kāyasaṅkhārā nirujjhanti. Kāyasaṅkhārāti ca assāsapassāsā vuccanti, tasmā catutthajjhānakkhaṇato paṭṭhāya assāsapassāsā nāhesunti dasseti. Taṇhāsaṅkhātāya ejāya abhāvato anejo, samādhismiṃ ṭhitattā vā anejo. Santimārabbhāti anupādisesaṃ nibbānaṃ ārabbha paṭicca sandhāya. Cakkhumāti pañcahi cakkhūhi cakkhumā. Parinibbutoti parinibbāyi. Ayañhettha attho – nibbānārammaṇacatutthajjhānaphalasamāpattiṃ samāpajjitvā tadanantarameva anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbutoti.

    อสลฺลีเนนาติ อลีเนน อสํกุฎิเตน สุวิกสิเตเนว จิเตฺตนฯ เวทนํ อชฺฌวาสยีติ สโต สมฺปชาโน หุตฺวา มารณนฺติกํ เวทนํ อธิวาเสสิ, น เวทนานุวตฺตี หุตฺวา อิโต จิโต จ สมฺปริวตฺติฯ ปโชฺชตเสฺสว นิพฺพานํ, วิโมโกฺข เจตโส อหูติ ยถา เตลญฺจ ปฎิจฺจ, วฎฺฎิญฺจ ปฎิจฺจ ปชฺชลโนฺต ปโชฺชโต ปทีโป เตสํ ปริกฺขเย นิพฺพายติฯ นิพฺพุโต จ กตฺถจิ คนฺตฺวา น ติฎฺฐติ, อญฺญทตฺถุ อนฺตรธายติ, อทสฺสนเมว คจฺฉติ; เอวํ กิเลสาภิสงฺขาเร นิสฺสาย ปวตฺตมาโน ขนฺธสนฺตาโน เตสํ ปริกฺขเย นิพฺพายติ, นิพฺพุโต จ กตฺถจิ คนฺตฺวา น ติฎฺฐติ, อญฺญทตฺถุ อนฺตรธายติ, อทสฺสนเมว คจฺฉตีติ ทเสฺสติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘นิพฺพนฺติ ธีรา ยถายํ ปทีโป’’ติ (ขุ. ปา. ๖.๑๕), ‘‘อจฺจี ยถา วาตเวเคน ขิตฺตา’’ติ (สุ. นิ. ๑๐๘๐) จ อาทิฯ

    Asallīnenāti alīnena asaṃkuṭitena suvikasiteneva cittena. Vedanaṃ ajjhavāsayīti sato sampajāno hutvā māraṇantikaṃ vedanaṃ adhivāsesi, na vedanānuvattī hutvā ito cito ca samparivatti. Pajjotasseva nibbānaṃ, vimokkho cetaso ahūti yathā telañca paṭicca, vaṭṭiñca paṭicca pajjalanto pajjoto padīpo tesaṃ parikkhaye nibbāyati. Nibbuto ca katthaci gantvā na tiṭṭhati, aññadatthu antaradhāyati, adassanameva gacchati; evaṃ kilesābhisaṅkhāre nissāya pavattamāno khandhasantāno tesaṃ parikkhaye nibbāyati, nibbuto ca katthaci gantvā na tiṭṭhati, aññadatthu antaradhāyati, adassanameva gacchatīti dasseti. Tena vuttaṃ ‘‘nibbanti dhīrā yathāyaṃ padīpo’’ti (khu. pā. 6.15), ‘‘accī yathā vātavegena khittā’’ti (su. ni. 1080) ca ādi.

    เอเตติ ปรินิพฺพานกฺขเณ สตฺถุ สนฺตาเน ปวตฺตมานานํ ธมฺมานํ อตฺตโน ปจฺจกฺขตาย วุตฺตํฯ ปจฺฉิมกา ตโต ปรํ จิตฺตุปฺปาทาภาวโตฯ ทานีติ เอตรหิฯ ผสฺสปญฺจมาติ ผสฺสปญฺจมกานํ ธมฺมานํ ปากฎภาวโต วุตฺตํฯ ตถา หิ จิตฺตุปฺปาทกถายมฺปิ ผสฺสปญฺจมกาว อาทิโต วุตฺตาฯ อเญฺญ ธมฺมาติ สห นิสฺสเยน อเญฺญ จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา, น ปรินิพฺพานจิตฺตเจตสิกาฯ นนุ เตปิ น ภวิสฺสเนฺตวาติ? สจฺจํ น ภวิสฺสนฺติ, อาสงฺกาภาวโต ปน เต สนฺธาย ‘‘น ภวิสฺสนฺตี’’ติ น วตฺตพฺพเมวฯ ‘‘อิตเร ปน เสกฺขปุถุชฺชนานํ วิย ภวิสฺสนฺติ นุ โข’’ติ สิยา อาสงฺกาติ ตทาสงฺกานิวตฺตนตฺถํ ‘‘นาเญฺญ ธมฺมา ภวิสฺสนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ

    Eteti parinibbānakkhaṇe satthu santāne pavattamānānaṃ dhammānaṃ attano paccakkhatāya vuttaṃ. Pacchimakā tato paraṃ cittuppādābhāvato. Dānīti etarahi. Phassapañcamāti phassapañcamakānaṃ dhammānaṃ pākaṭabhāvato vuttaṃ. Tathā hi cittuppādakathāyampi phassapañcamakāva ādito vuttā. Aññe dhammāti saha nissayena aññe cittacetasikā dhammā, na parinibbānacittacetasikā. Nanu tepi na bhavissantevāti? Saccaṃ na bhavissanti, āsaṅkābhāvato pana te sandhāya ‘‘na bhavissantī’’ti na vattabbameva. ‘‘Itare pana sekkhaputhujjanānaṃ viya bhavissanti nu kho’’ti siyā āsaṅkāti tadāsaṅkānivattanatthaṃ ‘‘nāññe dhammā bhavissantī’’ti vuttaṃ.

    นตฺถิ ทานิ ปุนาวาโส, เทวกายสฺมิ ชาลินีติ, เอตฺถ ชาลินีติ เทวตํ อาลปติ, เทวเต เทวกายสฺมิํ เทวสมูเห อุปปชฺชนวเสน ปุน อาวาโส อาวสนํ อิทานิ มยฺหํ นตฺถีติ อโตฺถฯ ตตฺถ การณมาห ‘‘วิกฺขีโณ’’ติอาทินาฯ สา กิร เทวตา ปุริมตฺตภาเว เถรสฺส ปาทปริจาริกา, ตสฺมา อิทานิ เถรํ ชิณฺณํ วุทฺธํ ทิสฺวา ปุริมสิเนเหน อาคนฺตฺวา ‘‘ตตฺถ จิตฺตํ ปณิเธหิ, ยตฺถ เต วุสิตํ ปุเร’’ติ เทวูปปตฺติํ ยาจิฯ อถ ‘‘ทานิ นตฺถี’’ติอาทินา เถโร ตสฺสา ปฎิวจนํ อทาสิฯ ตํ สุตฺวา เทวตา วิหตาสา ตเตฺถวนฺตรธายิฯ

    Natthidāni punāvāso, devakāyasmi jālinīti, ettha jālinīti devataṃ ālapati, devate devakāyasmiṃ devasamūhe upapajjanavasena puna āvāso āvasanaṃ idāni mayhaṃ natthīti attho. Tattha kāraṇamāha ‘‘vikkhīṇo’’tiādinā. Sā kira devatā purimattabhāve therassa pādaparicārikā, tasmā idāni theraṃ jiṇṇaṃ vuddhaṃ disvā purimasinehena āgantvā ‘‘tattha cittaṃ paṇidhehi, yattha te vusitaṃ pure’’ti devūpapattiṃ yāci. Atha ‘‘dāni natthī’’tiādinā thero tassā paṭivacanaṃ adāsi. Taṃ sutvā devatā vihatāsā tatthevantaradhāyi.

    อถ เถโร เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา อตฺตโน อานุภาวํ สพฺรหฺมจารีนํ ปกาเสโนฺต ‘‘ยสฺส มุหุเตฺตนา’’ติ คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – ยสฺส ขีณาสวภิกฺขุโน มุหุตฺตมเตฺตน เอว สหสฺสธา สหสฺสปฺปกาโร ติสหสฺสิมหาสหสฺสิปเภโท, โลโก สพฺรหฺมกโปฺป สหพฺรหฺมโลโก, สํวิทิโต สมฺมเทว วิทิโต ญาโต ปจฺจกฺขํ กโต, เอวํ อิทฺธิคุเณ อิทฺธิสมฺปทาย จุตูปปาเต จ วสีภาวปฺปโตฺต โส ภิกฺขุ อุปคตกาเล เทวตา ปสฺสติ, น ตสฺส เทวตานํ ทสฺสเน ปริหานีติฯ เถเรน กิร ชาลินิยา เทวตาย ปฎิวจนทานวเสน ‘‘นตฺถิ ทานี’’ติ คาถาย วุตฺตาย ภิกฺขู ชาลินิํ อปสฺสนฺตา ‘‘กิํ นุ โข เถโร ธมฺมาลปนวเสน กิญฺจิ อาลปตี’’ติ จิเนฺตสุํฯ เตสํ จิตฺตาจารํ ญตฺวา เถโร ‘‘ยสฺส มุหุเตฺตนา’’ติ อิมํ คาถมาหฯ

    Atha thero vehāsaṃ abbhuggantvā attano ānubhāvaṃ sabrahmacārīnaṃ pakāsento ‘‘yassa muhuttenā’’ti gāthamāha. Tassattho – yassa khīṇāsavabhikkhuno muhuttamattena eva sahassadhā sahassappakāro tisahassimahāsahassipabhedo, loko sabrahmakappo sahabrahmaloko, saṃvidito sammadeva vidito ñāto paccakkhaṃ kato, evaṃ iddhiguṇe iddhisampadāya cutūpapāte ca vasībhāvappatto so bhikkhu upagatakāle devatā passati, na tassa devatānaṃ dassane parihānīti. Therena kira jāliniyā devatāya paṭivacanadānavasena ‘‘natthi dānī’’ti gāthāya vuttāya bhikkhū jāliniṃ apassantā ‘‘kiṃ nu kho thero dhammālapanavasena kiñci ālapatī’’ti cintesuṃ. Tesaṃ cittācāraṃ ñatvā thero ‘‘yassa muhuttenā’’ti imaṃ gāthamāha.

    อนฺนภาโร ปุเรติ เอวํนาโม ปุริมตฺตภาเวฯ ฆาสหารโกติ ฆาสมตฺตสฺส อตฺถาย ภตฺติํ กตฺวา ชีวนโกฯ สมณนฺติ สมิตปาปํฯ ปฎิปาเทสินฺติ ปฎิมุโข หุตฺวา ปาทาสิํ, ปสาเทน อภิมุโข หุตฺวา อาหารทานํ อทาสินฺติ อธิปฺปาโยฯ อุปริฎฺฐนฺติ เอวํนามกํ ปเจฺจกพุทฺธํฯ ยสสฺสินนฺติ กิตฺติมนฺตํ ปตฺถฎยสํฯ อิมาย คาถาย ยาว จริมตฺตภาวา อุฬารสมฺปตฺติเหตุภูตํ อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘โสมฺหิ สกฺยกุเล ชาโต’’ติอาทิฯ

    Annabhāro pureti evaṃnāmo purimattabhāve. Ghāsahārakoti ghāsamattassa atthāya bhattiṃ katvā jīvanako. Samaṇanti samitapāpaṃ. Paṭipādesinti paṭimukho hutvā pādāsiṃ, pasādena abhimukho hutvā āhāradānaṃ adāsinti adhippāyo. Upariṭṭhanti evaṃnāmakaṃ paccekabuddhaṃ. Yasassinanti kittimantaṃ patthaṭayasaṃ. Imāya gāthāya yāva carimattabhāvā uḷārasampattihetubhūtaṃ attano pubbakammaṃ dasseti. Tenāha ‘‘somhi sakyakule jāto’’tiādi.

    อิโต สตฺตาติ อิโต มนุสฺสโลกโต จวิตฺวา เทวโลเก ทิเพฺพน อาธิปเจฺจน สตฺตฯ ตโต สตฺตาติ ตโต เทวโลกโต จวิตฺวา มนุสฺสโลเก จกฺกวตฺติภาเวน สตฺตฯ สํสารานิ จตุทฺทสาติ จตุทฺทส ภวนฺตรสํสรณานิฯ นิวาสมภิชานิสฺสนฺติ ปุเพฺพนิวาสํ อญฺญาสิํฯ เทวโลเก ฐิโต ตทาติ ตญฺจ โข น อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเว, อปิ จ โข ยทา อิโต อนนฺตราตีเต อตฺตภาเว เทวโลเก ฐิโต, ตทา อญฺญาสินฺติ อโตฺถฯ

    Itosattāti ito manussalokato cavitvā devaloke dibbena ādhipaccena satta. Tato sattāti tato devalokato cavitvā manussaloke cakkavattibhāvena satta. Saṃsārāni catuddasāti catuddasa bhavantarasaṃsaraṇāni. Nivāsamabhijānissanti pubbenivāsaṃ aññāsiṃ. Devaloke ṭhito tadāti tañca kho na imasmiṃyeva attabhāve, api ca kho yadā ito anantarātīte attabhāve devaloke ṭhito, tadā aññāsinti attho.

    อิทานิ อตฺตนา ทิพฺพจกฺขุญาณจุตูปปาตญาณานํ อธิคตาการํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปญฺจงฺคิเก’’ติอาทินา เทฺว คาถา อภาสิฯ ตตฺถ ปญฺจงฺคิเก สมาธิมฺหีติ อภิญฺญาปาทกจตุตฺถชฺฌานสมาธิมฺหิฯ โส หิ ปีติผรณตา, สุขผรณตา, เจโตผรณตา, อาโลกผรณตา , ปจฺจเวกฺขณนิมิตฺตนฺติ อิเมหิ ปญฺจหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคตตฺตา ปญฺจงฺคิโก สมาธีติ วุจฺจติฯ สเนฺตติ ปฎิปกฺขวูปสเมน องฺคสนฺตตาย จ สเนฺตฯ เอโกทิภาวิเตติ เอโกทิภาวคเต, สุจิเณฺณ วสีภาวปฺปเตฺตติ อโตฺถฯ ปฎิปฺปสฺสทฺธิลทฺธมฺหีติ กิเลสานํ ปฎิปฺปสฺสทฺธิยา ลเทฺธฯ ทิพฺพจกฺขุ วิสุชฺฌิ เมติ เอวํวิเธ สมาธิมฺหิ สมฺปาทิเต มยฺหํ ทิพฺพจกฺขุญาณํ วิสุชฺฌิ, เอกาทสหิ อุปกฺกิเลเสหิ วิมุตฺติยา วิสุทฺธํ อโหสิฯ

    Idāni attanā dibbacakkhuñāṇacutūpapātañāṇānaṃ adhigatākāraṃ dassento ‘‘pañcaṅgike’’tiādinā dve gāthā abhāsi. Tattha pañcaṅgike samādhimhīti abhiññāpādakacatutthajjhānasamādhimhi. So hi pītipharaṇatā, sukhapharaṇatā, cetopharaṇatā, ālokapharaṇatā , paccavekkhaṇanimittanti imehi pañcahi aṅgehi samannāgatattā pañcaṅgiko samādhīti vuccati. Santeti paṭipakkhavūpasamena aṅgasantatāya ca sante. Ekodibhāviteti ekodibhāvagate, suciṇṇe vasībhāvappatteti attho. Paṭippassaddhiladdhamhīti kilesānaṃ paṭippassaddhiyā laddhe. Dibbacakkhu visujjhi meti evaṃvidhe samādhimhi sampādite mayhaṃ dibbacakkhuñāṇaṃ visujjhi, ekādasahi upakkilesehi vimuttiyā visuddhaṃ ahosi.

    จุตูปปาตํ ชานามีติ สตฺตานํ จุติญฺจ อุปปตฺติญฺจ ชานามิ, ชานโนฺต จ ‘‘อิเม สตฺตา อมุมฺหา โลกมฺหา อาคนฺตฺวา อิธูปปนฺนา, อิมมฺหา จ โลกา คนฺตฺวา อมุมฺหิ โลเก อุปปชฺชิสฺสนฺตี’’ติ สตฺตานํ อาคติํ คติญฺจ ชานามิ, ชานโนฺต เอว จ เนสํ อิตฺถภาวํ มนุสฺสภาวํ ตโต อญฺญถาภาวํ อญฺญถาติรจฺฉานภาวญฺจ อุปปตฺติโต ปุเรตรเมว ชานามิฯ ตยิทํ สพฺพมฺปิ ปญฺจงฺคิเก สมาธิมฺหิ สมฺปาทิเต เอวาติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ฌาเน ปญฺจงฺคิเก ฐิโต’’ติฯ ตตฺถ ปญฺจงฺคิเก ฌาเน ฐิโต ปติฎฺฐิโต หุตฺวา เอวํ ชานามีติ อโตฺถฯ

    Cutūpapātaṃ jānāmīti sattānaṃ cutiñca upapattiñca jānāmi, jānanto ca ‘‘ime sattā amumhā lokamhā āgantvā idhūpapannā, imamhā ca lokā gantvā amumhi loke upapajjissantī’’ti sattānaṃ āgatiṃ gatiñca jānāmi, jānanto eva ca nesaṃ itthabhāvaṃ manussabhāvaṃ tato aññathābhāvaṃ aññathātiracchānabhāvañca upapattito puretarameva jānāmi. Tayidaṃ sabbampi pañcaṅgike samādhimhi sampādite evāti dassento āha ‘‘jhāne pañcaṅgike ṭhito’’ti. Tattha pañcaṅgike jhāne ṭhito patiṭṭhito hutvā evaṃ jānāmīti attho.

    เอวํ วิชฺชาตฺตยํ ทเสฺสตฺวา ตปฺปสเงฺคน ปุเพฺพ ทสฺสิตมฺปิ ตติยวิชฺชํ สห กิจฺจนิปฺผตฺติยา ทเสฺสโนฺต ‘‘ปริจิโณฺณ มยา สตฺถา’’ติอาทินา คาถาทฺวยมาหฯ ตตฺถ วชฺชีนํ เวฬุวคาเมติ วชฺชิรฎฺฐสฺส เวฬุวคาเม, วชฺชิรเฎฺฐ ยตฺถ ปจฺฉิมวสฺสํ อุปคจฺฉิ เวฬุวคาเมฯ เหฎฺฐโต เวฬุคุมฺพสฺมินฺติ ตตฺถ อญฺญตรสฺส เวฬุคุมฺพสฺส เหฎฺฐาฯ นิพฺพายิสฺสนฺติ นิพฺพายิสฺสามิ, อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิสฺสามีติ อโตฺถฯ

    Evaṃ vijjāttayaṃ dassetvā tappasaṅgena pubbe dassitampi tatiyavijjaṃ saha kiccanipphattiyā dassento ‘‘pariciṇṇo mayā satthā’’tiādinā gāthādvayamāha. Tattha vajjīnaṃ veḷuvagāmeti vajjiraṭṭhassa veḷuvagāme, vajjiraṭṭhe yattha pacchimavassaṃ upagacchi veḷuvagāme. Heṭṭhato veḷugumbasminti tattha aññatarassa veḷugumbassa heṭṭhā. Nibbāyissanti nibbāyissāmi, anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbāyissāmīti attho.

    อนุรุทฺธเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Anuruddhattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๙. อนุรุทฺธเตฺถรคาถา • 9. Anuruddhattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact