Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā

    ๗. อนุสยยมกํ

    7. Anusayayamakaṃ

    ปริเจฺฉทปริจฺฉินฺนุเทฺทสวารวณฺณนา

    Paricchedaparicchinnuddesavāravaṇṇanā

    . ‘‘อวิชฺชาสมุทยา รูปสมุทโย, ตณฺหาสมุทยา รูปสมุทโย, กมฺมสมุทยา รูปสมุทโยฯ โลโภ นิทานํ กมฺมานํ สมุทยายา’’ติ จ เอวมาทินา กุสลมูลกุสลาทีนํ ปจฺจยภาโว วุโตฺตติ อาห ‘‘ปจฺจยทีปเกน มูลยมเกนา’’ติฯ ‘‘โส ‘อนิจฺจํ รูปํ, อนิจฺจํ รูป’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติฯ จกฺขุ อนิจฺจํ, รูปา อนิจฺจา’’ติ จ อาทินา พหุลขนฺธาทิมุเขน อนิจฺจานุปสฺสนาทโย วิหิตาติ วุตฺตํ ‘‘ขนฺธาทีสุ ตีรณพาหุลฺลโต’’ติฯ กิเลสานํ สมุจฺฉินฺทนโต ปรํ ปหานกิจฺจํ นตฺถีติ อาห ‘‘อนุสยปหานนฺตา ปหานปริญฺญา’’ติฯ ยทิปิ อนุสเยหิ สมฺปโยคโต อารมฺมณโต วา ปหานปริญฺญา นปฺปวตฺตติ, อนุสยาภาเว ปน ตทารโมฺภ เอว นตฺถีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อนุสเยหิ ปหานปริญฺญํ วิภาเวตุ’’นฺติฯ อนุสยภาเวน ลพฺภมานานนฺติ อนุสยภาเวน วิชฺชมานานํ, อนุสยสภาวานนฺติ อโตฺถฯ ตีหากาเรหีติ ปริเจฺฉทาทีหิ ตีหิ ปกาเรหิฯ อนุสเยสุ คณนสรูปปฺปวตฺติฎฺฐานโต อโพธิเตสุ ปุคฺคโลกาสาทิวเสน ปวตฺติยมานา ตพฺพิสยา เทสนา น สุวิเญฺญยฺยา โหตีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘เตสุ ตถา…เป.… ทุรวโพธตฺตา’’ติฯ

    1. ‘‘Avijjāsamudayā rūpasamudayo, taṇhāsamudayā rūpasamudayo, kammasamudayā rūpasamudayo. Lobho nidānaṃ kammānaṃ samudayāyā’’ti ca evamādinā kusalamūlakusalādīnaṃ paccayabhāvo vuttoti āha ‘‘paccayadīpakena mūlayamakenā’’ti. ‘‘So ‘aniccaṃ rūpaṃ, aniccaṃ rūpa’nti yathābhūtaṃ pajānāti. Cakkhu aniccaṃ, rūpā aniccā’’ti ca ādinā bahulakhandhādimukhena aniccānupassanādayo vihitāti vuttaṃ ‘‘khandhādīsu tīraṇabāhullato’’ti. Kilesānaṃ samucchindanato paraṃ pahānakiccaṃ natthīti āha ‘‘anusayapahānantā pahānapariññā’’ti. Yadipi anusayehi sampayogato ārammaṇato vā pahānapariññā nappavattati, anusayābhāve pana tadārambho eva natthīti katvā vuttaṃ ‘‘anusayehi pahānapariññaṃ vibhāvetu’’nti. Anusayabhāvena labbhamānānanti anusayabhāvena vijjamānānaṃ, anusayasabhāvānanti attho. Tīhākārehīti paricchedādīhi tīhi pakārehi. Anusayesu gaṇanasarūpappavattiṭṭhānato abodhitesu puggalokāsādivasena pavattiyamānā tabbisayā desanā na suviññeyyā hotīti dassento āha ‘‘tesu tathā…pe… duravabodhattā’’ti.

    เอตฺถ ปุริเมสูติ ปทุทฺธาโร อนนฺตรสฺส วิธิ ปฎิเสโธ วาติ กตฺวา สานุสยวาราทิอเปโกฺข, น อนุสยวาราทิอเปโกฺข อนุสยวาเร ปาฬิววตฺถานสฺส ปเคว กตตฺตาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอเตสุ สานุสยวาราทีสุ ปุริเมสูติ อโตฺถ’’ติ อาหฯ สานุสยวาราทีสุ หิ ตีสุ ปุริเมสุ โอกาสวาเร ยโต ตโตติ เทสนา ปวตฺตา, น อนุสยวาราทีสุฯ อตฺถวิเสสาภาวโตติ ‘‘กามธาตุยา จุตสฺสา’’ติอาทินา (ยม. ๒.อนุสยยมก.๓๐๒) ปาฬิอาคตปทสฺส, ‘‘กามธาตุํ วา ปน อุปปชฺชนฺตสฺสา’’ติอาทินา ยมกภาเวน อฎฺฐกถาอาทิคตปทสฺส จ อตฺถวิเสสาภาวโตฯ กถมยํ ยมกเทสนา สิยา ทุติยสฺส ปทสฺส อภาวโตติ อโตฺถฯ ยทิ นายํ ยมกเทสนา, อถ กสฺมา อิธาคตาติ อาห ‘‘ปุริมวาเร หี’’ติอาทิฯ ตตฺถ อนุสยฎฺฐานปริเจฺฉททสฺสนนฺติ อนุสยฎฺฐานตาย ปริเจฺฉททสฺสนํฯ เอวมฺปิ กถมิทํ อนุสยยมกํ ยมกเทสนาสพฺภาวโตติ อาห ‘‘ยมกเทสนา…เป.… นามํ ทฎฺฐพฺพ’’นฺติ ฯ อตฺถวเสนาติ ปฎิโลมตฺถวเสนฯ ปฐมปเทน หิ วุตฺตสฺส วิปริวตฺตนวเสนปิ ยมกเทสนา โหติ ‘‘รูปํ รูปกฺขโนฺธ, รูปกฺขโนฺธ รูป’’นฺติอาทีสุ (ยม. ๑.ขนฺธยมก.๒), ตตฺถ ปน อตฺถวิเสโส อตฺถิ, อิธ นตฺถิ, ตสฺมา น ตถา เทสนา กตาติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อตฺถวิเสสาภาวโต ปน น วุตฺตา’’ติฯ ลพฺภมานตาวเสนาติ ปุจฺฉาย ลพฺภมานตาวเสนฯ

    Ettha purimesūti paduddhāro anantarassa vidhi paṭisedho vāti katvā sānusayavārādiapekkho, na anusayavārādiapekkho anusayavāre pāḷivavatthānassa pageva katattāti dassento ‘‘etesu sānusayavārādīsu purimesūti attho’’ti āha. Sānusayavārādīsu hi tīsu purimesu okāsavāre yato tatoti desanā pavattā, na anusayavārādīsu. Atthavisesābhāvatoti ‘‘kāmadhātuyā cutassā’’tiādinā (yama. 2.anusayayamaka.302) pāḷiāgatapadassa, ‘‘kāmadhātuṃ vā pana upapajjantassā’’tiādinā yamakabhāvena aṭṭhakathāādigatapadassa ca atthavisesābhāvato. Kathamayaṃ yamakadesanā siyā dutiyassa padassa abhāvatoti attho. Yadi nāyaṃ yamakadesanā, atha kasmā idhāgatāti āha ‘‘purimavāre hī’’tiādi. Tattha anusayaṭṭhānaparicchedadassananti anusayaṭṭhānatāya paricchedadassanaṃ. Evampi kathamidaṃ anusayayamakaṃ yamakadesanāsabbhāvatoti āha ‘‘yamakadesanā…pe… nāmaṃ daṭṭhabba’’nti . Atthavasenāti paṭilomatthavasena. Paṭhamapadena hi vuttassa viparivattanavasenapi yamakadesanā hoti ‘‘rūpaṃ rūpakkhandho, rūpakkhandho rūpa’’ntiādīsu (yama. 1.khandhayamaka.2), tattha pana atthaviseso atthi, idha natthi, tasmā na tathā desanā katāti dassento āha ‘‘atthavisesābhāvato pana na vuttā’’ti. Labbhamānatāvasenāti pucchāya labbhamānatāvasena.

    อุปฺปตฺติอรหตํ ทเสฺสตีติ อิมินา นิปฺปริยาเยน อนุสยา อนาคตาติ ทสฺสิตํ โหติ ยโต เต มคฺควชฺฌา, น จ อตีตปจฺจุปฺปนฺนา อุปฺปตฺติรหาติ วุจฺจนฺติ อุปฺปนฺนตฺตาฯ ยํสภาวา ปน ธมฺมา อนาคตา อนุสยาติ วุจฺจนฺติ, ตํสภาวา เอว เต อตีตปจฺจุปฺปนฺนา วุตฺตาฯ น หิ ธมฺมานํ อทฺธาเภเทน สภาวเภโท อตฺถิ, ตสฺมา อนุสยานํ อตีตปจฺจุปฺปนฺนภาวา ปริยายโต ลพฺภนฺตีติ อฎฺฐกถายํ (ยม. อฎฺฐ. อนุสยยมก ๑) ‘‘อตีโตปิ โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอวํปการาติ อนุสยปฺปการา, การณลาเภ สติ อุปฺปชฺชนารหาอิเจฺจว อโตฺถฯ โส เอวํปกาโร อุปฺปชฺชนวาเร อุปฺปชฺชติ-สเทฺทน คหิโต อุปฺปชฺชนารหตาย อวิจฺฉินฺนภาวทีปนตฺถนฺติ อธิปฺปาโยฯ เตนาห ‘‘น ขนฺธยมกาทีสุ วิย อุปฺปชฺชมานตา’’ติ, ปจฺจุปฺปนฺนตาติ อโตฺถฯ เตเนวาติอาทินา ยถาวุตฺตมตฺถํ ปากฎตรํ กโรติฯ ตตฺถ นินฺนานากรโณติ นิพฺพิเสโสฯ อุปฺปชฺชนานุสยานํ นินฺนานากรณตฺตา เอว หิ ‘‘เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสตี’’ติ วิภเงฺค (วิภ. ๒๐๓) อาคตํฯ อนุสยนญฺหิ เอตฺถ นิวิสนนฺติ อธิเปฺปตํฯ

    Uppattiarahataṃ dassetīti iminā nippariyāyena anusayā anāgatāti dassitaṃ hoti yato te maggavajjhā, na ca atītapaccuppannā uppattirahāti vuccanti uppannattā. Yaṃsabhāvā pana dhammā anāgatā anusayāti vuccanti, taṃsabhāvā eva te atītapaccuppannā vuttā. Na hi dhammānaṃ addhābhedena sabhāvabhedo atthi, tasmā anusayānaṃ atītapaccuppannabhāvā pariyāyato labbhantīti aṭṭhakathāyaṃ (yama. aṭṭha. anusayayamaka 1) ‘‘atītopi hotī’’tiādi vuttaṃ. Evaṃpakārāti anusayappakārā, kāraṇalābhe sati uppajjanārahāicceva attho. So evaṃpakāro uppajjanavāre uppajjati-saddena gahito uppajjanārahatāya avicchinnabhāvadīpanatthanti adhippāyo. Tenāha ‘‘na khandhayamakādīsu viya uppajjamānatā’’ti, paccuppannatāti attho. Tenevātiādinā yathāvuttamatthaṃ pākaṭataraṃ karoti. Tattha ninnānākaraṇoti nibbiseso. Uppajjanānusayānaṃ ninnānākaraṇattā eva hi ‘‘etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjati, ettha nivisamānā nivisatī’’ti vibhaṅge (vibha. 203) āgataṃ. Anusayanañhi ettha nivisananti adhippetaṃ.

    อิทานิ เยน ปริยาเยน อตีตปจฺจุปฺปเนฺนสุ อนุสยโวหาโร, ตํ ทเสฺสตุกาโม อนาคตมฺปิ เตหิ สทฺธิํ เอกชฺฌํ กตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘อนุรูปํ การณํ ปน…เป.… วุจฺจนฺตี’’ติ อาหฯ เอเตน ภูตปุพฺพคติยา อตีตปจฺจุปฺปเนฺนสุ อุปฺปตฺติรหตา เวทิตพฺพาติ ทเสฺสติฯ อุปฺปตฺติอรหตา นาม กิเลสานํ มเคฺคน อสมุจฺฉินฺนตาย เวทิตพฺพาฯ สา จ อตีตปจฺจุปฺปเนฺนสุปิ อเตฺถวาติ ปการนฺตเรนปิ เตสํ ปริยายโตว อนุสยภาวํ ปกาเสติฯ เตเนวาห ‘‘มคฺคสฺส ปนา’’ติอาทิฯ ตาทิสานนฺติ เย มคฺคภาวนาย อสติ อุปฺปตฺติรหา, ตาทิสานํฯ ธโมฺม เอว จ อุปฺปชฺชติ, น ธมฺมากาโรติ อธิปฺปาโยฯ น หิ ธมฺมาการา อนิจฺจตาทโย อุปฺปชฺชนฺตีติ วุจฺจนฺติฯ ยทิ ปน เต อุปฺปาทาทิสมงฺคิโน สิยุํ, ธมฺมา เอว สิยุํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อปฺปหีนากาโร จ อุปฺปชฺชตีติ วตฺตุํ น ยุชฺชตี’’ติฯ

    Idāni yena pariyāyena atītapaccuppannesu anusayavohāro, taṃ dassetukāmo anāgatampi tehi saddhiṃ ekajjhaṃ katvā dassento ‘‘anurūpaṃ kāraṇaṃ pana…pe… vuccantī’’ti āha. Etena bhūtapubbagatiyā atītapaccuppannesu uppattirahatā veditabbāti dasseti. Uppattiarahatā nāma kilesānaṃ maggena asamucchinnatāya veditabbā. Sā ca atītapaccuppannesupi atthevāti pakārantarenapi tesaṃ pariyāyatova anusayabhāvaṃ pakāseti. Tenevāha ‘‘maggassa panā’’tiādi. Tādisānanti ye maggabhāvanāya asati uppattirahā, tādisānaṃ. Dhammo eva ca uppajjati, na dhammākāroti adhippāyo. Na hi dhammākārā aniccatādayo uppajjantīti vuccanti. Yadi pana te uppādādisamaṅgino siyuṃ, dhammā eva siyuṃ. Tena vuttaṃ ‘‘appahīnākāro ca uppajjatīti vattuṃ na yujjatī’’ti.

    วุตฺตมฺปิ ถามคมนํ อคฺคเหตฺวา อปฺปหีนฎฺฐมตฺตเมว คเหตฺวา โจทโก โจเทตีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘สตฺตานุสย…เป.… อาปชฺชตีติ เจ’’ติฯ น หิ ถามคมเน คหิเต โจทนาย โอกาโส อตฺถิฯ เตนาห ‘‘นาปชฺชตี’’ติอาทิฯ วุตฺตํ อฎฺฐกถายํ, น เกวลมฎฺฐกถายเมว ปาฐคโตวายมโตฺถ, ตสฺมา เอวเมว คเหตโพฺพติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ถามคโต…เป.… ยุตฺต’’นฺติ วตฺวา กิํ ปน ตํ ถามคมนนฺติ ปราสงฺกํ นิวเตฺตโนฺต ‘‘ถามคตนฺติ จ…เป.… วุตฺตา’’ติ อาหฯ ตตฺถ อเญฺญหิ อสาธารโณติ กิเลสวตฺถุอาทีนํ กิเลสตาทิสภาโว วิย กามราคาทิโต อญฺญตฺถ อลพฺภมาโน เตสํเยว อาเวณิโก สภาโว, ยโต เต ภวพีชํ ภวมูลนฺติ จ วุจฺจนฺติฯ ยสฺมา จ ถามคมนํ เตสํ อนญฺญสาธารโณ สภาโว, ตสฺมา อนุสยนนฺติ วุตฺตํ โหตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ถามคโตติ อนุสยสมงฺคีติ อโตฺถ’’ติ อาหฯ

    Vuttampi thāmagamanaṃ aggahetvā appahīnaṭṭhamattameva gahetvā codako codetīti dassento āha ‘‘sattānusaya…pe… āpajjatīti ce’’ti. Na hi thāmagamane gahite codanāya okāso atthi. Tenāha ‘‘nāpajjatī’’tiādi. Vuttaṃ aṭṭhakathāyaṃ, na kevalamaṭṭhakathāyameva pāṭhagatovāyamattho, tasmā evameva gahetabboti dassento ‘‘thāmagato…pe… yutta’’nti vatvā kiṃ pana taṃ thāmagamananti parāsaṅkaṃ nivattento ‘‘thāmagatanti ca…pe… vuttā’’ti āha. Tattha aññehi asādhāraṇoti kilesavatthuādīnaṃ kilesatādisabhāvo viya kāmarāgādito aññattha alabbhamāno tesaṃyeva āveṇiko sabhāvo, yato te bhavabījaṃ bhavamūlanti ca vuccanti. Yasmā ca thāmagamanaṃ tesaṃ anaññasādhāraṇo sabhāvo, tasmā anusayananti vuttaṃ hotīti dassento ‘‘thāmagatoti anusayasamaṅgīti attho’’ti āha.

    ‘‘ยสฺส กามราคานุสโย อนุเสติ, ตสฺส ปฎิฆานุสโย อนุเสตีติ? อามนฺตา’’ติอาทินา (ยม. ๒.อนุสยยมก.๓) อนุสยวาเร วุโตฺต เอว อโตฺถ ‘‘ยสฺส กามราคานุสโย อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ปฎิฆานุสโย อุปฺปชฺชตีติ? อามนฺตา’’ติอาทินา (ยม. ๒.อนุสยยมก.๓๐๐) วุโตฺตติ อนุสยนากาโร เอว อุปฺปชฺชนวาเร อุปฺปชฺชติ-สเทฺทน คหิโตติ ‘‘อุปฺปชฺชนวาโร อนุสยวาเรน นินฺนานากรโณ วิภโตฺต’’ติ ยํ วุตฺตํ, ตตฺถ วิจารํ อารภติ ‘‘อนุสยอุปฺปชฺชนวารานํ สมานคติกตฺตา’’ติอาทินาฯ ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วจนํ สิยาติ อุปฺปชฺชนวาเร ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วจนํ อปฺปหีนาการทีปกํ สิยาฯ ตถา จ สติ ยถา ‘‘อิมสฺส อุปฺปาทา’’ติ เอตฺถ อิมสฺส อนิโรธาติ อยมโตฺถปิ ญายติ, เอวํ ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วุเตฺต อตฺถโต ‘‘น อุปฺปชฺชตี’’ติ อยมโตฺถ วุโตฺต โหติ อปฺปหีนาการสฺส อุปฺปตฺติรหภาวสฺส อนุปฺปชฺชมานสภาวตฺตาติ โจทนํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อุปฺปชฺชตีติ วจนสฺส อวุตฺตตา น สกฺกา วตฺตุนฺติ เจ’’ติ อาหฯ วจนตฺถวิเสเสน ตํทฺวยสฺส วุตฺตตฺตาติ เอเตน ธมฺมนานตฺตาภาเวปิ ปทตฺถนานเตฺถน วารนฺตรเทสนา โหติ ยถา สหชาตสํสฎฺฐวาเรสูติ ทเสฺสติฯ อนุรูปํ การณํ ลภิตฺวาติอาทิ ตเมว วจนตฺถวิเสสํ วิภาเวตุํ อารทฺธํฯ อุปฺปตฺติโยคฺคนฺติ อุปฺปตฺติยา โยคฺคํ, อุปฺปชฺชนสภาคตนฺติ อโตฺถฯ ยโต อนุสยา อุปฺปตฺติรหาติ วุจฺจนฺติ, เอกเนฺตน เจตเทว สมฺปฎิจฺฉิตพฺพํ ‘‘ยสฺส กามราคานุสโย อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ปฎิฆานุสโย อุปฺปชฺชตีติ? อามนฺตา’’ติอาทิวจนโต (ยม. ๒.อนุสยยมก.๓๐๐)ฯ ‘‘อนุเสนฺตีติ อนุสยา’’ติ เอตฺตเก วุเตฺต สทา วิชฺชมานา นุ โข เต อปรินิปฺผนฺนานุสยนเฎฺฐน ‘‘อนุสยา’’ติ วุจฺจนฺตีติ อยมโตฺถ อาปชฺชตีติ ตํนิเสธนตฺถํ ‘‘อนุรูปํ การณํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ อุปฺปตฺติอรหภาเวน ถามคตตา อนุสยโฎฺฐติ ยํ เตสํ อุปฺปตฺติโยควจนํ วุตฺตํ, ตํ สมฺมเทว วุตฺตนฺติ อิมมตฺถมาห ‘‘อนุสยสทฺทสฺสา’’ติอาทินาฯ เตน วารทฺวยเทสนุปฺปาทิกา อนุสยสทฺทตฺถนิทฺธารณาติ ทเสฺสติฯ ตมฺปิ สุวุตฺตเมว อิมินา ตนฺติปฺปมาเณนาติ อิทมฺปิ ‘‘อภิธเมฺม ตาวา’’ติอาทินา อาคตํ ติวิธเมว ตนฺติํ สนฺธายาหาติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ตนฺติตฺตเยนปิ หิ จิตฺตสมฺปยุตฺตตา ทีปิตา โหตี’’ติฯ

    ‘‘Yassa kāmarāgānusayo anuseti, tassa paṭighānusayo anusetīti? Āmantā’’tiādinā (yama. 2.anusayayamaka.3) anusayavāre vutto eva attho ‘‘yassa kāmarāgānusayo uppajjati, tassa paṭighānusayo uppajjatīti? Āmantā’’tiādinā (yama. 2.anusayayamaka.300) vuttoti anusayanākāro eva uppajjanavāre uppajjati-saddena gahitoti ‘‘uppajjanavāro anusayavārena ninnānākaraṇo vibhatto’’ti yaṃ vuttaṃ, tattha vicāraṃ ārabhati ‘‘anusayauppajjanavārānaṃ samānagatikattā’’tiādinā. ‘‘Uppajjatī’’ti vacanaṃ siyāti uppajjanavāre ‘‘uppajjatī’’ti vacanaṃ appahīnākāradīpakaṃ siyā. Tathā ca sati yathā ‘‘imassa uppādā’’ti ettha imassa anirodhāti ayamatthopi ñāyati, evaṃ ‘‘uppajjatī’’ti vutte atthato ‘‘na uppajjatī’’ti ayamattho vutto hoti appahīnākārassa uppattirahabhāvassa anuppajjamānasabhāvattāti codanaṃ dassento ‘‘uppajjatīti vacanassa avuttatā na sakkā vattunti ce’’ti āha. Vacanatthavisesena taṃdvayassa vuttattāti etena dhammanānattābhāvepi padatthanānatthena vārantaradesanā hoti yathā sahajātasaṃsaṭṭhavāresūti dasseti. Anurūpaṃ kāraṇaṃ labhitvātiādi tameva vacanatthavisesaṃ vibhāvetuṃ āraddhaṃ. Uppattiyogganti uppattiyā yoggaṃ, uppajjanasabhāgatanti attho. Yato anusayā uppattirahāti vuccanti, ekantena cetadeva sampaṭicchitabbaṃ ‘‘yassa kāmarāgānusayo uppajjati, tassa paṭighānusayo uppajjatīti? Āmantā’’tiādivacanato (yama. 2.anusayayamaka.300). ‘‘Anusentīti anusayā’’ti ettake vutte sadā vijjamānā nu kho te aparinipphannānusayanaṭṭhena ‘‘anusayā’’ti vuccantīti ayamattho āpajjatīti taṃnisedhanatthaṃ ‘‘anurūpaṃ kāraṇaṃ labhitvā uppajjantī’’ti vuttaṃ. Uppattiarahabhāvena thāmagatatā anusayaṭṭhoti yaṃ tesaṃ uppattiyogavacanaṃ vuttaṃ, taṃ sammadeva vuttanti imamatthamāha ‘‘anusayasaddassā’’tiādinā. Tena vāradvayadesanuppādikā anusayasaddatthaniddhāraṇāti dasseti. Tampi suvuttameva iminā tantippamāṇenāti idampi ‘‘abhidhamme tāvā’’tiādinā āgataṃ tividhameva tantiṃ sandhāyāhāti dassento āha ‘‘tantittayenapi hi cittasampayuttatā dīpitā hotī’’ti.

    ปริเจฺฉทปริจฺฉินฺนุเทฺทสวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paricchedaparicchinnuddesavāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    อุปฺปตฺติฎฺฐานวารวณฺณนา

    Uppattiṭṭhānavāravaṇṇanā

    . เอวํ สตีติ เวทนานํ วิเสสิตพฺพภาเว กามธาตุยา จ วิเสสนภาเว สติฯ กามาธาตุยา อนุสยนฎฺฐานตา น วุตฺตา โหติ อปฺปธานภาวโต, ปธานาปฺปธาเนสุ ปธาเน กิจฺจทสฺสนโต, วิเสสนภาเวน จริตพฺพตาย จาติ อธิปฺปาโยฯ โหตุ โก โทโสติ กทาจิ วเทยฺยาติ อาสงฺกมาโน อาห ‘‘ทฺวีสุ ปนา’’ติอาทิฯ ทฺวีสูติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํ, ตถา ‘‘ตีสุ ธาตูสู’’ติ เอตฺถาปิฯ ตสฺมาติ ยสฺมา ธาตุอาทิเภเทน ติวิธํ อนุสยฎฺฐานํ, ตตฺถ จ รูปารูปธาตูนํ ภวราคสฺส อนุสยฎฺฐานตา วุตฺตาติ กามธาตุยา กามราคสฺส อนุสยฎฺฐานตา เอกเนฺตน วตฺตพฺพา, ตสฺมาฯ ตีสุ ธาตูสุ ตีสุ เวทนาสูติ จ นิทฺธารเณ ภุมฺมํ, กามธาตุยา ทฺวีสุ เวทนาสูติ จ อาธาเรฯ

    2. Evaṃ satīti vedanānaṃ visesitabbabhāve kāmadhātuyā ca visesanabhāve sati. Kāmādhātuyā anusayanaṭṭhānatā na vuttā hoti appadhānabhāvato, padhānāppadhānesu padhāne kiccadassanato, visesanabhāvena caritabbatāya cāti adhippāyo. Hotu ko dosoti kadāci vadeyyāti āsaṅkamāno āha ‘‘dvīsu panā’’tiādi. Dvīsūti niddhāraṇe bhummaṃ, tathā ‘‘tīsu dhātūsū’’ti etthāpi. Tasmāti yasmā dhātuādibhedena tividhaṃ anusayaṭṭhānaṃ, tattha ca rūpārūpadhātūnaṃ bhavarāgassa anusayaṭṭhānatā vuttāti kāmadhātuyā kāmarāgassa anusayaṭṭhānatā ekantena vattabbā, tasmā. Tīsu dhātūsu tīsu vedanāsūti ca niddhāraṇe bhummaṃ, kāmadhātuyā dvīsu vedanāsūti ca ādhāre.

    ทฺวีเสฺววาติ ทฺวีสุ สุโขเปกฺขาสุ เอวฯ สพฺพาสุ ทฺวีสูติ ยาสุ กาสุจิ ทฺวีสุฯ เตนาติ ‘‘กามราโค ทฺวีสุ เวทนาสุ อนุเสตี’’ติ วจนสามตฺถิยลเทฺธน วิเสสนิจฺฉเยเนวฯ ภวราคานุสยฎฺฐานํ รูปารูปธาตุโย ตทนุรูปา จ เวทนาฯ น หิ ทฺวีสุ เวทนาสุ กามราคานุสโยว อนุเสตีติ อวธารณํ อิจฺฉิตํ, ทฺวีสุ เอว ปน เวทนาสูติ อิจฺฉิตํฯ เตเนวาห ‘‘ทฺวีเสฺวว อนุเสติ, น ตีสู’’ติฯ อฎฺฐานญฺจ อนุสยานํ, กิํ ตํ อปริยาปนฺนํ สกฺกาเย? สโพฺพ โลกุตฺตโร ธโมฺมฯ -สเทฺทน ปฎิฆานุสยฎฺฐานํ สงฺคณฺหาติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ยถา จา’’ติอาทิฯ อญฺญาติ กามราคานุสยฎฺฐานภูตา เทฺว เวทนาฯ

    Dvīsvevāti dvīsu sukhopekkhāsu eva. Sabbāsu dvīsūti yāsu kāsuci dvīsu. Tenāti ‘‘kāmarāgo dvīsu vedanāsu anusetī’’ti vacanasāmatthiyaladdhena visesanicchayeneva. Bhavarāgānusayaṭṭhānaṃ rūpārūpadhātuyo tadanurūpā ca vedanā. Na hi dvīsu vedanāsu kāmarāgānusayova anusetīti avadhāraṇaṃ icchitaṃ, dvīsu eva pana vedanāsūti icchitaṃ. Tenevāha ‘‘dvīsveva anuseti, na tīsū’’ti. Aṭṭhānañca anusayānaṃ, kiṃ taṃ apariyāpannaṃ sakkāye? Sabbo lokuttaro dhammo. Ca-saddena paṭighānusayaṭṭhānaṃ saṅgaṇhāti. Tena vuttaṃ ‘‘yathā cā’’tiādi. Aññāti kāmarāgānusayaṭṭhānabhūtā dve vedanā.

    อเญฺญสุ ทฺวีหิ เวทนาหิ วิปฺปยุเตฺตสุฯ ปิยรูปสาตรูเปสูติ ปิยายิตพฺพมธุรสภาเวสุฯ วิเสสนเญฺจตํ รูปาทีนํ สพฺพทฺวารสพฺพปุริเสสุ อิฎฺฐภาวสฺส อนิยตตาย กตํฯ สาตสนฺตสุขคิทฺธิยาติ สาตสุเข สนฺตสุเข จ คิชฺฌนากาเรน อภิกงฺขนากาเรนฯ ตตฺถ สาตสุขํ กายิกํ, สนฺตสุขํ เจตสิกํฯ สาตสุขํ วา กายิกสุขํ, สนฺตสุขํ อุเปกฺขาสุขํฯ ตถา จาหุ ‘‘อุเปกฺขา ปน สนฺตตฺตา, สุขมิเจฺจว ภาสิตา’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๖๔๔; มหานิ. อฎฺฐ. ๒๗)ฯ ปริตฺตํ วา โอฬาริกํ สุขํ สาตสุขํ, อโนฬาริกํ สนฺตสุขํฯ ปริตฺตคฺคหณเญฺจตฺถ กามราคานุสยสฺส อธิเปฺปตตฺตาฯ อญฺญตฺถาติ เวทนาหิ อญฺญตฺถฯ โสติ กามราคานุสโยฯ เวทนาสุ อนุคโต หุตฺวา เสตีติ เวทนาเปโกฺข เอว หุตฺวา ปวตฺตติ ยถา ปุตฺตาเปกฺขาย ธาติยา อนุคฺคณฺหนปฺปวตฺติ, สยนสงฺขาตา ปวตฺติ จ กามราคสฺส นิกามนเมวฯ เตนาห ‘‘สุขมิเจฺจว อภิลปตี’’ติฯ ยถา ตสฺส, เอวํ ปฎิฆานุสยาทีนมฺปิ วุตฺตนิยาเมน ยถาสกํ กิจฺจกรณเมว ทุกฺขเวทนาทีสุ อนุสยนํ ทฎฺฐพฺพํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘เอวํ ปฎิฆานุสโย จา’’ติอาทิฯ ตีสุ เวทนาสุ อนุสยนวจเนนาติ ตีสุ เวทนาสุ ยถารหํ อนุสยนวจเนนฯ อิฎฺฐาทิภาเวน คหิเตสูติ อิฎฺฐาทีสุ อารมฺมณปกติยา วเสน อิฎฺฐาทิภาเวน คหิเตสุ วิปรีตสญฺญาย วเสน อนิฎฺฐาทีสุ อิฎฺฐาทิภาเวน คหิเตสูติ โยชนาฯ น หิ อิฎฺฐาทิภาเวน คหณํ วิปรีตสญฺญาฯ

    Aññesu dvīhi vedanāhi vippayuttesu. Piyarūpasātarūpesūti piyāyitabbamadhurasabhāvesu. Visesanañcetaṃ rūpādīnaṃ sabbadvārasabbapurisesu iṭṭhabhāvassa aniyatatāya kataṃ. Sātasantasukhagiddhiyāti sātasukhe santasukhe ca gijjhanākārena abhikaṅkhanākārena. Tattha sātasukhaṃ kāyikaṃ, santasukhaṃ cetasikaṃ. Sātasukhaṃ vā kāyikasukhaṃ, santasukhaṃ upekkhāsukhaṃ. Tathā cāhu ‘‘upekkhā pana santattā, sukhamicceva bhāsitā’’ti (visuddhi. 2.644; mahāni. aṭṭha. 27). Parittaṃ vā oḷārikaṃ sukhaṃ sātasukhaṃ, anoḷārikaṃ santasukhaṃ. Parittaggahaṇañcettha kāmarāgānusayassa adhippetattā. Aññatthāti vedanāhi aññattha. Soti kāmarāgānusayo. Vedanāsu anugato hutvā setīti vedanāpekkho eva hutvā pavattati yathā puttāpekkhāya dhātiyā anuggaṇhanappavatti, sayanasaṅkhātā pavatti ca kāmarāgassa nikāmanameva. Tenāha ‘‘sukhamicceva abhilapatī’’ti. Yathā tassa, evaṃ paṭighānusayādīnampi vuttaniyāmena yathāsakaṃ kiccakaraṇameva dukkhavedanādīsu anusayanaṃ daṭṭhabbaṃ. Tena vuttaṃ ‘‘evaṃ paṭighānusayo cā’’tiādi. Tīsu vedanāsu anusayanavacanenāti tīsu vedanāsu yathārahaṃ anusayanavacanena. Iṭṭhādibhāvena gahitesūti iṭṭhādīsu ārammaṇapakatiyā vasena iṭṭhādibhāvena gahitesu viparītasaññāya vasena aniṭṭhādīsu iṭṭhādibhāvena gahitesūti yojanā. Na hi iṭṭhādibhāvena gahaṇaṃ viparītasaññā.

    ตตฺถาติ อิฎฺฐารมฺมณาทีสุฯ เอตฺถาติ อนุสยเนฯ กามสฺสาทาทิวตฺถุภูตานํ กามภวาทีนนฺติ กามสฺสาทภวสฺสาทวตฺถุภูตานํ กามรูปารูปภวานํ คหณํ เวทิตพฺพนฺติ โยชนาฯ ตตฺถาติ เวทนาตฺตยธาตุตฺตเยสุฯ นิทฺธารเณ เจตํ ภุมฺมํฯ ทุกฺขปฎิฆาโต ทุเกฺข อนภิรติฯ ยตฺถ ตตฺถาติ ทุกฺขเวทนาย ตํสมฺปยุเตฺตสุ อนิฎฺฐรูปาทีสุ วาติ ยตฺถ ตตฺถฯ มหคฺคตา อุปาทินฺนกฺขนฺธา รูปารูปภวา, อนุปาทินฺนกฺขนฺธา รูปารูปาวจรธมฺมาฯ ตตฺถาติ ยถาวุเตฺตสุ มหคฺคตธเมฺมสุ ภวราโคอิเจฺจว เวทิตโพฺพฯ เตน วุตฺตํ ‘‘รูปธาตุยา อรูปธาตุยา เอตฺถ กามราคานุสโย นานุเสตี’’ติฯ ทิฎฺฐานุสยาทีนนฺติ อาทิ-สเทฺทน วิจิกิจฺฉานุสยอวิชฺชานุสยาทีนํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ

    Tatthāti iṭṭhārammaṇādīsu. Etthāti anusayane. Kāmassādādivatthubhūtānaṃ kāmabhavādīnanti kāmassādabhavassādavatthubhūtānaṃ kāmarūpārūpabhavānaṃ gahaṇaṃ veditabbanti yojanā. Tatthāti vedanāttayadhātuttayesu. Niddhāraṇe cetaṃ bhummaṃ. Dukkhapaṭighāto dukkhe anabhirati. Yattha tatthāti dukkhavedanāya taṃsampayuttesu aniṭṭharūpādīsu vāti yattha tattha. Mahaggatā upādinnakkhandhā rūpārūpabhavā, anupādinnakkhandhā rūpārūpāvacaradhammā. Tatthāti yathāvuttesu mahaggatadhammesu bhavarāgoicceva veditabbo. Tena vuttaṃ ‘‘rūpadhātuyā arūpadhātuyā ettha kāmarāgānusayo nānusetī’’ti. Diṭṭhānusayādīnanti ādi-saddena vicikicchānusayaavijjānusayādīnaṃ saṅgaho daṭṭhabbo.

    ธาตุตฺตยเวทนาตฺตยวินิมุตฺตํ ทิฎฺฐานุสยาทีนํ อนุสยนฎฺฐานํ น วุตฺตนฺติ สุวุตฺตเมตํ ทิฎฺฐานุสยาทีนํ อุปฺปตฺติฎฺฐานปุจฺฉายํ ‘‘สพฺพสกฺกายปริยาปเนฺนสุ ธเมฺมสุ’’อิเจฺจว วิสฺสชฺชิตตฺตาฯ กามราโค ปน ยตฺถ นานุเสติ, ตํ ทุกฺขเวทนารูปารูปธาตุวินิมุตฺตํ ทิฎฺฐานุสยาทีนํ อนุสยนฎฺฐานํ อตฺถีติ ทเสฺสตุํ ‘‘นนุ จา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ตทนุสยนฎฺฐานโตติ ตสฺส กามราคานุสยสฺส อนุสยนฎฺฐานโตฯ อญฺญา เนกฺขมฺมสฺสิตโสมนสฺสุเปกฺขาสงฺขาตาฯ อยเมตฺถ สเงฺขปโตฺถ – เนกฺขมฺมสฺสิตโทมนเสฺส วิย ปฎิฆานุสโย เนกฺขมฺมสฺสิตโสมนสฺสุเปกฺขาสุ กามราคานุสโย นานุเสตีติ ‘‘ยตฺถ กามราคานุสโย นานุเสติ, ตตฺถ ทิฎฺฐานุสโย นานุเสตี’’ติ สกฺกา วตฺตุนฺติ ตสฺมา ตํ อุทฺธริตฺวา น วุตฺตนฺติฯ โหนฺตูติ ตาสํ เวทนานํ อตฺถิตํ ปฎิชานิตฺวา อุทฺธริตฺวา อวจนสฺส การณํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘น ปน…เป.… ตํ น วุตฺต’’นฺติฯ ตทนุสยนฎฺฐานนฺติ เตสํ ทิฎฺฐานุสยาทีนํ อนุสยนฎฺฐานํฯ ตสฺมาติ ยสฺมา สติปิ กามราคานุสยนฎฺฐานโต อญฺญสฺมิํ ทิฎฺฐานุสยาทีนํ อนุสยนฎฺฐาเน ตํ ปน ธาตุตฺตยเวทนาตฺตยวินิมุตฺตํ นตฺถิ เวทนาทฺวยภาวโต, ตสฺมาฯ ตํ เวทนาทฺวยํ น วุตฺตํ วิสุํ น อุทฺธฎนฺติ อโตฺถฯ ตสฺมาติ ยสฺมา ‘‘ยตฺถ กามราคาทโย นานุเสนฺติ, ตตฺถ ทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉา นานุเสนฺตี’’ติ อยมโตฺถ ‘‘อามนฺตา’’ติ อิมินา ปฎิวจนวิสฺสชฺชเนน อวิภาคโต วุโตฺตติ ‘‘ยตฺถ กามราคาทโย อนุเสนฺติ, ตตฺถ ทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉา อนุเสนฺตี’’ติ อยมฺปิ อโตฺถ อวิภาคโตว ลพฺภติ, ตสฺมาฯ อวิภาคโต จ ทุกฺขํ ปฎิฆสฺส อนุสยนฎฺฐานนฺติ ทีปิตํ โหติฯ เตนาห ‘‘อวิเสเสน…เป.… เวทิตพฺพ’’นฺติฯ ตตฺถ อวิเสเสนาติ เคหสฺสิตํ เนกฺขมฺมสฺสิตนฺติ วิเสสํ อกตฺวาฯ สมุทายวเสน คเหตฺวาติ ยถาวุตฺตอวยวานํ สมูหวเสน ทุกฺขเนฺตฺวว คเหตฺวาฯ ‘‘อวิเสเสน สมุทายวเสน คเหตฺวา’’ติ อิมมตฺถํ ตถา-สเทฺทน อนุกฑฺฒติ ‘‘ทฺวีสุ เวทนาสู’’ติ เอตฺถาปิ เคหสฺสิตาทิวิภาคสฺส อนิจฺฉิตตฺตาฯ

    Dhātuttayavedanāttayavinimuttaṃ diṭṭhānusayādīnaṃ anusayanaṭṭhānaṃ na vuttanti suvuttametaṃ diṭṭhānusayādīnaṃ uppattiṭṭhānapucchāyaṃ ‘‘sabbasakkāyapariyāpannesu dhammesu’’icceva vissajjitattā. Kāmarāgo pana yattha nānuseti, taṃ dukkhavedanārūpārūpadhātuvinimuttaṃ diṭṭhānusayādīnaṃ anusayanaṭṭhānaṃ atthīti dassetuṃ ‘‘nanu cā’’tiādi āraddhaṃ. Tattha tadanusayanaṭṭhānatoti tassa kāmarāgānusayassa anusayanaṭṭhānato. Aññā nekkhammassitasomanassupekkhāsaṅkhātā. Ayamettha saṅkhepattho – nekkhammassitadomanasse viya paṭighānusayo nekkhammassitasomanassupekkhāsu kāmarāgānusayo nānusetīti ‘‘yattha kāmarāgānusayo nānuseti, tattha diṭṭhānusayo nānusetī’’ti sakkā vattunti tasmā taṃ uddharitvā na vuttanti. Hontūti tāsaṃ vedanānaṃ atthitaṃ paṭijānitvā uddharitvā avacanassa kāraṇaṃ dassento āha ‘‘na pana…pe… taṃ na vutta’’nti. Tadanusayanaṭṭhānanti tesaṃ diṭṭhānusayādīnaṃ anusayanaṭṭhānaṃ. Tasmāti yasmā satipi kāmarāgānusayanaṭṭhānato aññasmiṃ diṭṭhānusayādīnaṃ anusayanaṭṭhāne taṃ pana dhātuttayavedanāttayavinimuttaṃ natthi vedanādvayabhāvato, tasmā. Taṃ vedanādvayaṃ na vuttaṃ visuṃ na uddhaṭanti attho. Tasmāti yasmā ‘‘yattha kāmarāgādayo nānusenti, tattha diṭṭhivicikicchā nānusentī’’ti ayamattho ‘‘āmantā’’ti iminā paṭivacanavissajjanena avibhāgato vuttoti ‘‘yattha kāmarāgādayo anusenti, tattha diṭṭhivicikicchā anusentī’’ti ayampi attho avibhāgatova labbhati, tasmā. Avibhāgato ca dukkhaṃ paṭighassa anusayanaṭṭhānanti dīpitaṃ hoti. Tenāha ‘‘avisesena…pe… veditabba’’nti. Tattha avisesenāti gehassitaṃ nekkhammassitanti visesaṃ akatvā. Samudāyavasenagahetvāti yathāvuttaavayavānaṃ samūhavasena dukkhantveva gahetvā. ‘‘Avisesena samudāyavasena gahetvā’’ti imamatthaṃ tathā-saddena anukaḍḍhati ‘‘dvīsu vedanāsū’’ti etthāpi gehassitādivibhāgassa anicchitattā.

    ยทิ เอวํ ‘‘ปฎิฆํ เตน ปชหติ, น ตตฺถ ปฎิฆานุสโย อนุเสตี’’ติ อิทํ สุตฺตปทํ กถนฺติ โจทนํ สนฺธาย ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถาติ ตสฺมิํ โทมนเสฺส, ตํสมฺปยุเตฺต วา ปฎิเฆฯ เนกฺขมฺมสฺสิตํ โทมนสฺสนฺติอาทินา เนยฺยตฺถมิทํ สุตฺตํ, น นีตตฺถนฺติ ทเสฺสติฯ ยถา ปน สุตฺตํ อุทาหฎํ, ตถา อิธ กสฺมา น วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ปฎิฆุปฺปตฺติรหฎฺฐานตายา’’ติอาทิฯ เอวมฺปิ สุตฺตาภิธมฺมปาฐานํ กถมวิโรโธติ อาห นิปฺปริยายเทสนา เหสา, สา ปน ปริยายเทสนาติฯ เอวญฺจ กตฺวาติ ปริยายเทสนตฺตา เอวฯ ราคานุสโยติ กามราคานุสโย อธิเปฺปโตฯ ยโต ‘‘อนาคามิมเคฺคน สมุคฺฆาตนํ สนฺธายา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตสฺส น มหคฺคตธมฺมา อนุสยนฎฺฐานนฺติ ตํ ปฐมชฺฌานญฺจ อนามสิตฺวา ‘‘น หิ โลกิยา…เป.… นานุเสตีติ สกฺกา วตฺตุ’’นฺติ วุตฺตํฯ อวตฺถุภาวโตติ สภาเวเนว อนุปฺปตฺติฎฺฐานตฺตาฯ อิธาติ อิมสฺมิํ อนุสยยมเกฯ วุตฺตนเยนาติ ‘‘เนกฺขมฺมสฺสิตํ โทมนสฺสํ อุปฺปาเทตฺวา’’ติอาทินา วุเตฺตน นเยน ฯ ตํปฎิปกฺขภาวโตติ เตสํ ปฎิฆาทีนํ ปฎิปกฺขสฺส มคฺคสฺส สพฺภาวโตฯ น เกวลํ มคฺคสพฺภาวโต, อถ โข พลววิปสฺสนาสพฺภาวโตปีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ตํสมุคฺฆา…เป.… ภาวโต จา’’ติฯ

    Yadi evaṃ ‘‘paṭighaṃ tena pajahati, na tattha paṭighānusayo anusetī’’ti idaṃ suttapadaṃ kathanti codanaṃ sandhāya ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ. Tatthāti tasmiṃ domanasse, taṃsampayutte vā paṭighe. Nekkhammassitaṃ domanassantiādinā neyyatthamidaṃ suttaṃ, na nītatthanti dasseti. Yathā pana suttaṃ udāhaṭaṃ, tathā idha kasmā na vuttanti āha ‘‘paṭighuppattirahaṭṭhānatāyā’’tiādi. Evampi suttābhidhammapāṭhānaṃ kathamavirodhoti āha nippariyāyadesanā hesā, sā pana pariyāyadesanāti. Evañca katvāti pariyāyadesanattā eva. Rāgānusayoti kāmarāgānusayo adhippeto. Yato ‘‘anāgāmimaggena samugghātanaṃ sandhāyā’’ti vuttaṃ, tasmā tassa na mahaggatadhammā anusayanaṭṭhānanti taṃ paṭhamajjhānañca anāmasitvā ‘‘na hi lokiyā…pe… nānusetīti sakkā vattu’’nti vuttaṃ. Avatthubhāvatoti sabhāveneva anuppattiṭṭhānattā. Idhāti imasmiṃ anusayayamake. Vuttanayenāti ‘‘nekkhammassitaṃ domanassaṃ uppādetvā’’tiādinā vuttena nayena . Taṃpaṭipakkhabhāvatoti tesaṃ paṭighādīnaṃ paṭipakkhassa maggassa sabbhāvato. Na kevalaṃ maggasabbhāvato, atha kho balavavipassanāsabbhāvatopīti dassento āha ‘‘taṃsamugghā…pe… bhāvato cā’’ti.

    อิทานิ ยเทตํ ตตฺถ ตตฺถ ‘‘อนุสยนฎฺฐาน’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ คเหตพฺพธมฺมวเสน วา สิยา คหณวิเสเสน วาติ เทฺว วิกปฺปา, เตสุ ปฐมํ สนฺธายาห ‘‘อารมฺมเณ อนุสยนฎฺฐาเน สตี’’ติฯ รูปาทิอารมฺมเณ อนุสยานํ อนุสยนฎฺฐานนฺติ คยฺหมาเน ยมตฺถํ สนฺธาย ‘‘น สกฺกา วตฺตุ’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ทุกฺขาย หี’’ติอาทิมาหฯ ยทิ สิยาติ ยทิ กามราคานุสโย สิยาฯ เอตสฺสปีติ ทิฎฺฐานุสยสมฺปยุตฺตโลภสฺสปิ ‘‘สพฺพสกฺกายปริยาปเนฺนสุ ธเมฺมสู’’ติ กามราคสฺส ฐานํ วตฺตพฺพํ สิยา, น จ วุตฺตํฯ อถ ปนาติอาทิ ทุติยวิกปฺปํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อชฺฌาสยวเสน ตํนินฺนตายาติ อสติปิ อารมฺมณกรเณ ยตฺถ กามราคาทโย อชฺฌาสยโต นินฺนา, ตํ เตสํ อนุสยนฎฺฐานํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อนุคโต หุตฺวา เสตี’’ติฯ อถ ปน วุตฺตนฺติ สมฺพโนฺธฯ ยถาติอาทิ ยถาวุตฺตสฺส อตฺถสฺส อุทาหรณวเสน นิรูปนํฯ ทุเกฺข ปฎิหญฺญนวเสเนว ปวตฺตติ, นารมฺมณกรณวเสนาติ อธิปฺปาโยฯ ทุกฺขเมว ตสฺส อนุสยนฎฺฐานํ วุตฺตนฺติ อชฺฌาสยสฺส ตตฺถ นินฺนตฺตา ทุกฺขเมว ตสฺส ปฎิฆสฺส อนุสยนฎฺฐานํ วุตฺตํ, นาลมฺพิตํ รูปาทิ สุขเวทนา จาติ อธิปฺปาโยฯ เอวนฺติ ยถา อญฺญารมฺมณสฺสปิ ปฎิฆสฺส อชฺฌาสยโต ทุกฺขนินฺนตาย ทุกฺขเมว อนุสยนฎฺฐานํ วุตฺตํ, เอวํฯ ทุกฺขาทีสุ…เป.… วุตฺตนฺติ ‘‘ทุเกฺขน สุขํ อธิคนฺตพฺพํฯ นตฺถิ ทินฺน’’นฺติ จ อาทินา กายกิลมนทุเกฺข ทานานุภาวาทิเก จ มิจฺฉาภินิเวสนวเสน อุปฺปชฺชมาเนน ทิฎฺฐานุสเยน สมฺปยุโตฺต อญฺญารมฺมโณปิ โลโภ ‘‘เอวํ สุขํ ภวิสฺสตี’’ติ อชฺฌาสยโต สุขาภิสงฺควเสเนว ปวตฺตตีติ สุขุเปกฺขาเภทํ สาตสนฺตสุขทฺวยเมว อสฺส โลภสฺส อนุสยนฎฺฐานํ วุตฺตํ ปาฬิยํ, น ยถาวุตฺตํ ทุกฺขาทิ, ตสฺมา ภวราค…เป.… น วิรุชฺฌติเอกสฺมิํเยว จาติอาทิ ทุติยวิกปฺปํเยว อุปพฺรูหนตฺถํ วุตฺตํฯ ตตฺถ ราคสฺส สุขชฺฌาสยตา ตํสมงฺคิโน ปุคฺคลสฺส วเสน เวทิตพฺพา, ตนฺนินฺนภาเวน วา จกฺขุสฺส วิสมชฺฌาสยตา วิยฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ เตสํ ราคปฎิฆานํ นานานุสยฎฺฐานตา โหติ เอกสฺมิมฺปิ อารมฺมเณติ อโตฺถฯ

    Idāni yadetaṃ tattha tattha ‘‘anusayanaṭṭhāna’’nti vuttaṃ, taṃ gahetabbadhammavasena vā siyā gahaṇavisesena vāti dve vikappā, tesu paṭhamaṃ sandhāyāha ‘‘ārammaṇe anusayanaṭṭhāne satī’’ti. Rūpādiārammaṇe anusayānaṃ anusayanaṭṭhānanti gayhamāne yamatthaṃ sandhāya ‘‘na sakkā vattu’’nti vuttaṃ, taṃ dassetuṃ ‘‘dukkhāya hī’’tiādimāha. Yadi siyāti yadi kāmarāgānusayo siyā. Etassapīti diṭṭhānusayasampayuttalobhassapi ‘‘sabbasakkāyapariyāpannesu dhammesū’’ti kāmarāgassa ṭhānaṃ vattabbaṃ siyā, na ca vuttaṃ. Atha panātiādi dutiyavikappaṃ sandhāya vuttaṃ. Ajjhāsayavasena taṃninnatāyāti asatipi ārammaṇakaraṇe yattha kāmarāgādayo ajjhāsayato ninnā, taṃ tesaṃ anusayanaṭṭhānaṃ. Tena vuttaṃ ‘‘anugato hutvā setī’’ti. Atha pana vuttanti sambandho. Yathātiādi yathāvuttassa atthassa udāharaṇavasena nirūpanaṃ. Dukkhe paṭihaññanavaseneva pavattati, nārammaṇakaraṇavasenāti adhippāyo. Dukkhameva tassa anusayanaṭṭhānaṃ vuttanti ajjhāsayassa tattha ninnattā dukkhameva tassa paṭighassa anusayanaṭṭhānaṃ vuttaṃ, nālambitaṃ rūpādi sukhavedanā cāti adhippāyo. Evanti yathā aññārammaṇassapi paṭighassa ajjhāsayato dukkhaninnatāya dukkhameva anusayanaṭṭhānaṃ vuttaṃ, evaṃ. Dukkhādīsu…pe… vuttanti ‘‘dukkhena sukhaṃ adhigantabbaṃ. Natthi dinna’’nti ca ādinā kāyakilamanadukkhe dānānubhāvādike ca micchābhinivesanavasena uppajjamānena diṭṭhānusayena sampayutto aññārammaṇopi lobho ‘‘evaṃ sukhaṃ bhavissatī’’ti ajjhāsayato sukhābhisaṅgavaseneva pavattatīti sukhupekkhābhedaṃ sātasantasukhadvayameva assa lobhassa anusayanaṭṭhānaṃ vuttaṃ pāḷiyaṃ, na yathāvuttaṃ dukkhādi, tasmā bhavarāga…pe… na virujjhati. Ekasmiṃyeva cātiādi dutiyavikappaṃyeva upabrūhanatthaṃ vuttaṃ. Tattha rāgassa sukhajjhāsayatā taṃsamaṅgino puggalassa vasena veditabbā, tanninnabhāvena vā cakkhussa visamajjhāsayatā viya. Esa nayo sesesupi. Tesaṃ rāgapaṭighānaṃ nānānusayaṭṭhānatā hoti ekasmimpi ārammaṇeti attho.

    เอวญฺจ กตฺวาติ อสติปิ คเหตพฺพเภเท คหณวิเสเสน อนุสยนฎฺฐานสฺส ภินฺนตฺตา เอวฯ ‘‘ยตฺถ…เป.… โน’’ติ วุตฺตํ, อญฺญถา วิรุเชฺฌยฺยฯ คเหตพฺพเภเทน หิ ราคปฎิฆานํ อนุสยนฎฺฐานเภเท คยฺหมาเน วิปากมเตฺต ฐาตพฺพํ สิยา, น จ ตํ ยุตฺตํ, นปิ สเพฺพสํ ปุริสทฺวารานํ อิฎฺฐานิฎฺฐํ นิยตนฺติฯ ยทิปิ ยถาวุตฺตโลภสฺส วุตฺตนเยน กามราคานุสยตา สมฺภวติ, ยถา ปน สุขุเปกฺขาสุ อิฎฺฐารมฺมเณ จ อุปฺปชฺชเนฺตน โทมนเสฺสน สห ปวโตฺต โทโส ทุพฺพลภาเวน ปฎิฆานุสโย น โหติ, เอวํ ยถาวุตฺตโลโภปิ กามราคานุสโย น โหตีติ อิมมตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘อฎฺฐกถายํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ น ปฎิฆานุสโยติ เอตฺถ -กาโร ปฎิเสธนโตฺถ, น อญฺญโตฺถ, อิตรตฺถ ปน สมฺภโว เอว นตฺถีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยํ ปเนต’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ‘‘น หิ โทมนสฺสสฺส ปฎิฆานุสยภาวาสงฺกา อตฺถี’’ติ อิมินา -การสฺส อญฺญตฺถตาภาวทสฺสนมุเขน อภาวตฺถตํ สมเตฺถติฯ

    Evañca katvāti asatipi gahetabbabhede gahaṇavisesena anusayanaṭṭhānassa bhinnattā eva. ‘‘Yattha…pe… no’’ti vuttaṃ, aññathā virujjheyya. Gahetabbabhedena hi rāgapaṭighānaṃ anusayanaṭṭhānabhede gayhamāne vipākamatte ṭhātabbaṃ siyā, na ca taṃ yuttaṃ, napi sabbesaṃ purisadvārānaṃ iṭṭhāniṭṭhaṃ niyatanti. Yadipi yathāvuttalobhassa vuttanayena kāmarāgānusayatā sambhavati, yathā pana sukhupekkhāsu iṭṭhārammaṇe ca uppajjantena domanassena saha pavatto doso dubbalabhāvena paṭighānusayo na hoti, evaṃ yathāvuttalobhopi kāmarāgānusayo na hotīti imamatthaṃ dassetuṃ ‘‘aṭṭhakathāyaṃ panā’’tiādi vuttaṃ. Na paṭighānusayoti ettha na-kāro paṭisedhanattho, na aññattho, itarattha pana sambhavo eva natthīti dassento ‘‘yaṃ paneta’’ntiādimāha. Tattha ‘‘na hi domanassassa paṭighānusayabhāvāsaṅkā atthī’’ti iminā na-kārassa aññatthatābhāvadassanamukhena abhāvatthataṃ samattheti.

    เทสนา สํกิณฺณา วิย ภเวยฺยาติ เอตฺถ เทสนาสงฺกรํ ทเสฺสตุํ ‘‘ภวราคสฺสปิ…เป.… ภเวยฺยา’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺสโตฺถ – ยถา กามราคสฺส กามธาตุยา ทฺวีสุ เวทนาสุ อารมฺมณกรณวเสน อุปฺปตฺติ วุตฺตา ‘‘กามราโค กามธาตุยา ทฺวีสุ เวทนาสุ อนุเสตี’’ติ, เอวํ ยทิ ‘‘ภวราโค กามธาตุยา ทฺวีสุ เวทนาสุ อนุเสตี’’ติ วุเจฺจยฺย, ภวราคสฺสปิ…เป.… ภเวยฺยฯ ตโต จ กามราเคน สทฺธิํ ภวราคสฺส เทสนา สํกิณฺณา ภเวยฺย, กามราคโต จ ภวราคสฺส วิเสโส ทเสฺสตโพฺพฯ โส จ สหชาตานุสยวเสน น สกฺกา ทเสฺสตุนฺติ อารมฺมณกรณวเสน ทเสฺสตโพฺพฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ตสฺมา อารมฺมณ…เป.… อธิปฺปาโย’’ติฯ ตตฺถ อารมฺมณวิเสเสนาติ รูปารูปธาตุสงฺขาตอารมฺมณวิเสเสนฯ วิเสสทสฺสนตฺถนฺติ กามราคโต ภวราคสฺส วิเสสทสฺสนตฺถํฯ เอวํ เทสนา กตาติ ‘‘รูปธาตุยา อรูปธาตุยา เอตฺถ ภวราคานุสโย อนุเสตี’’ติ เอวํ วิสเย ภุมฺมํ กตฺวา เทสนา กตาฯ เตนาห ‘‘สหชาตเวทนาวิเสสาภาวโต’’ติฯ

    Desanāsaṃkiṇṇā viya bhaveyyāti ettha desanāsaṅkaraṃ dassetuṃ ‘‘bhavarāgassapi…pe… bhaveyyā’’ti vuttaṃ. Tassattho – yathā kāmarāgassa kāmadhātuyā dvīsu vedanāsu ārammaṇakaraṇavasena uppatti vuttā ‘‘kāmarāgo kāmadhātuyā dvīsu vedanāsu anusetī’’ti, evaṃ yadi ‘‘bhavarāgo kāmadhātuyā dvīsu vedanāsu anusetī’’ti vucceyya, bhavarāgassapi…pe… bhaveyya. Tato ca kāmarāgena saddhiṃ bhavarāgassa desanā saṃkiṇṇā bhaveyya, kāmarāgato ca bhavarāgassa viseso dassetabbo. So ca sahajātānusayavasena na sakkā dassetunti ārammaṇakaraṇavasena dassetabbo. Tena vuttaṃ ‘‘tasmā ārammaṇa…pe… adhippāyo’’ti. Tattha ārammaṇavisesenāti rūpārūpadhātusaṅkhātaārammaṇavisesena. Visesadassanatthanti kāmarāgato bhavarāgassa visesadassanatthaṃ. Evaṃ desanā katāti ‘‘rūpadhātuyā arūpadhātuyā ettha bhavarāgānusayo anusetī’’ti evaṃ visaye bhummaṃ katvā desanā katā. Tenāha ‘‘sahajātavedanāvisesābhāvato’’ti.

    อุปฺปตฺติฎฺฐานวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Uppattiṭṭhānavāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    มหาวาโร

    Mahāvāro

    ๑. อนุสยวารวณฺณนา

    1. Anusayavāravaṇṇanā

    . ปวตฺตาวิรามวเสนาติ อนุสยปฺปวตฺติยา อวิรามวเสน, อวิเจฺฉทวเสนาติ อโตฺถฯ กถํ ปน กุสลาพฺยากตจิตฺตกฺขเณ อนุสยานํ ปวตฺตีติ อาห ‘‘มเคฺคเนว…เป.… ปุเพฺพ’’ติฯ

    3. Pavattāvirāmavasenāti anusayappavattiyā avirāmavasena, avicchedavasenāti attho. Kathaṃ pana kusalābyākatacittakkhaṇe anusayānaṃ pavattīti āha ‘‘maggeneva…pe… pubbe’’ti.

    ๒๐. จิตฺตเจตสิกานญฺจ ฐานํ นาม จิตฺตุปฺปาโทติ อาห ‘‘เอกสฺมิํ จิตฺตุปฺปาเท’’ติฯ เตสํ เตสํ ปุคฺคลานนฺติ ปุถุชฺชนาทีนํ ปุคฺคลานํฯ ปกติยา สภาเวนฯ สภาวสิทฺธา หิ ทุกฺขาย เวทนาย กามราคสฺส อนนุสยนฎฺฐานตาฯ เอวํ เสเสสุปิ ยถารหํ วตฺตพฺพํฯ วกฺขติ หิ ‘‘ปกติยา ทุกฺขาทีนํ กามราคาทีนํ อนนุสยนฎฺฐานตํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติฯ ปหาเนนาติ ตสฺส ตสฺส อนุสยสฺส สมุจฺฉินฺทเนนฯ ติณฺณํ ปุคฺคลานนฺติ ปุถุชฺชนโสตาปนฺนสกทาคามีนํฯ ทฺวินฺนํ ปุคฺคลานนฺติ อนาคามิอรหนฺตานํฯ เอตฺถาติ เอตสฺมิํ ปุคฺคโลกาสวาเรฯ ปุริมนเยติ ‘‘ติณฺณํ ปุคฺคลาน’’นฺติอาทิเก ปุริมสฺมิํ วิสฺสชฺชนนเยฯ โอกาสนฺติ อุปฺปตฺติฎฺฐานํ, อิธ ปน ทุกฺขเวทนา เวทิตพฺพาฯ ปจฺฉิมนเยติ ‘‘ทฺวินฺนํ ปุคฺคลาน’’นฺติอาทิเก วิสฺสชฺชนนเยฯ อโนกาสตา อนนุสยนฎฺฐานตาฯ

    20. Cittacetasikānañca ṭhānaṃ nāma cittuppādoti āha ‘‘ekasmiṃ cittuppāde’’ti. Tesaṃ tesaṃ puggalānanti puthujjanādīnaṃ puggalānaṃ. Pakatiyā sabhāvena. Sabhāvasiddhā hi dukkhāya vedanāya kāmarāgassa ananusayanaṭṭhānatā. Evaṃ sesesupi yathārahaṃ vattabbaṃ. Vakkhati hi ‘‘pakatiyā dukkhādīnaṃ kāmarāgādīnaṃ ananusayanaṭṭhānataṃ sandhāya vutta’’nti. Pahānenāti tassa tassa anusayassa samucchindanena. Tiṇṇaṃ puggalānanti puthujjanasotāpannasakadāgāmīnaṃ. Dvinnaṃ puggalānanti anāgāmiarahantānaṃ. Etthāti etasmiṃ puggalokāsavāre. Purimanayeti ‘‘tiṇṇaṃ puggalāna’’ntiādike purimasmiṃ vissajjananaye. Okāsanti uppattiṭṭhānaṃ, idha pana dukkhavedanā veditabbā. Pacchimanayeti ‘‘dvinnaṃ puggalāna’’ntiādike vissajjananaye. Anokāsatā ananusayanaṭṭhānatā.

    อนุสยวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Anusayavāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๒. สานุสยวารวณฺณนา

    2. Sānusayavāravaṇṇanā

    ๖๖-๑๓๑. ‘‘สานุสโย, ปชหติ, ปริชานาตี’’ติ ปุคฺคโล วุโตฺตติ ‘‘กามราเคน สานุสโย, กามราคํ ปชหติ, กามราคํ ปริชานาตี’’ติอาทีสุ อนุสยสมงฺคิภาเวน ปหานปริญฺญากิริยาย กตฺตุภาเวน จ ปุคฺคโล วุโตฺต, น ธโมฺมฯ ภววิเสเสน วาติ เกวเลน ภววิเสเสน วาฯ อิตเรสูติ ปฎิฆานุสยาทีสุฯ ภวานุสยวิเสเสน วาติ กามภวาทิภววิสิฎฺฐานุสยวิเสเสน วาฯ สานุสยตานิรนุสยตาทิกาติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน ปหานาปหานปริญฺญาปริญฺญา สงฺคยฺหนฺติฯ นนุ จ ภววิเสเส เกสญฺจิ อนุสยานํ อปฺปหานนฺติ? น ตํ อนุสยกตํ, อถ โข ปจฺจยเวกลฺลโต อโนกาสตาย จาติ นายํ วิโรโธฯ ทฺวีสุ เวทนาสูติ สุขอุเปกฺขาสุ เวทนาสุ ทุกฺขาย เวทนาย กามราคานุสเยน นิรนุสโยติ โยเชตพฺพํฯ อิทมฺปิ นตฺถิ ปุคฺคลวเสน วุจฺจมานตฺตาฯ เตนาห ‘‘น หิ ปุคฺคลสฺส…เป.… อนุสยาน’’นฺติฯ ยทิปิ ปุคฺคลสฺส อนุสยโนกาโส อโนกาโส, ตสฺส ปน สานุสยตาทิเหตุ โหตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อนุสยสฺส ปนา’’ติอาทิมาหฯ นิรนุสยตาทีนนฺติ อาทิ-สเทฺทน อปฺปหานาปริญฺญา สงฺคณฺหาติฯ ปริชานนํ สมติกฺกมนนฺติ ปริญฺญาวาเรปิ ‘‘อปาทาเน นิสฺสกฺกวจน’’นฺติ วุตฺตํฯ

    66-131. ‘‘Sānusayo, pajahati, parijānātī’’ti puggalo vuttoti ‘‘kāmarāgena sānusayo, kāmarāgaṃ pajahati, kāmarāgaṃ parijānātī’’tiādīsu anusayasamaṅgibhāvena pahānapariññākiriyāya kattubhāvena ca puggalo vutto, na dhammo. Bhavavisesena vāti kevalena bhavavisesena vā. Itaresūti paṭighānusayādīsu. Bhavānusayavisesena vāti kāmabhavādibhavavisiṭṭhānusayavisesena vā. Sānusayatāniranusayatādikāti ettha ādi-saddena pahānāpahānapariññāpariññā saṅgayhanti. Nanu ca bhavavisese kesañci anusayānaṃ appahānanti? Na taṃ anusayakataṃ, atha kho paccayavekallato anokāsatāya cāti nāyaṃ virodho. Dvīsu vedanāsūti sukhaupekkhāsu vedanāsu dukkhāya vedanāya kāmarāgānusayena niranusayoti yojetabbaṃ. Idampi natthi puggalavasena vuccamānattā. Tenāha ‘‘na hi puggalassa…pe… anusayāna’’nti. Yadipi puggalassa anusayanokāso anokāso, tassa pana sānusayatādihetu hotīti dassento ‘‘anusayassa panā’’tiādimāha. Niranusayatādīnanti ādi-saddena appahānāpariññā saṅgaṇhāti. Parijānanaṃ samatikkamananti pariññāvārepi ‘‘apādāne nissakkavacana’’nti vuttaṃ.

    อนุสยนฎฺฐานโตติ อนุสยนฎฺฐานเหตุฯ ‘‘อนนุสยนฎฺฐานโต’’ติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ นิมิตฺตาปาทานภาวทสฺสนตฺถนฺติ สานุสยวาเร นิมิตฺตภาวทสฺสนตฺถํ, ปชหนปริญฺญาวาเรสุ อปาทานภาวทสฺสนตฺถญฺจาติ โยเชตพฺพํฯ ปชหตีติ เอตฺถ ‘‘รูปธาตุยา อรูปธาตุยา ตโต มานานุสยํ ปชหตี’’ติ ปาฬิปทํ อาหริตฺวา โยเชตพฺพํ, น ปชหตีติ เอตฺถ ปน ‘‘ทุกฺขาย เวทนาย ตโต กามราคานุสยํ นปฺปชหตี’’ติฯ เอวมาทีสูติ อาทิ-สเทฺทน ปริญฺญาวารมฺปิ สงฺคณฺหาติฯ ภุมฺมนิเทฺทเสเนว เหตุอเตฺถเนว นิทฺทิฎฺฐาติ อโตฺถฯ

    Anusayanaṭṭhānatoti anusayanaṭṭhānahetu. ‘‘Ananusayanaṭṭhānato’’ti etthāpi eseva nayo. Nimittāpādānabhāvadassanatthanti sānusayavāre nimittabhāvadassanatthaṃ, pajahanapariññāvāresu apādānabhāvadassanatthañcāti yojetabbaṃ. Pajahatīti ettha ‘‘rūpadhātuyā arūpadhātuyā tato mānānusayaṃ pajahatī’’ti pāḷipadaṃ āharitvā yojetabbaṃ, na pajahatīti ettha pana ‘‘dukkhāya vedanāya tato kāmarāgānusayaṃ nappajahatī’’ti. Evamādīsūti ādi-saddena pariññāvārampi saṅgaṇhāti. Bhummaniddeseneva hetuattheneva niddiṭṭhāti attho.

    จตุตฺถปญฺหวิสฺสชฺชเนนาติ ‘‘ยโต วา ปน มานานุสเยน สานุสโย, ตโต กามราคานุสเยน สานุสโย’’ติ เอตสฺส ปญฺหสฺส วิสฺสชฺชเนนฯ ตตฺถ หิ ‘‘รูปธาตุยา อรูปธาตุยา’’ติอาทินา สรูปโต อนุสยนฎฺฐานานิ ทสฺสิตานิฯ ตทเตฺถติ ตํ อนุสยนฎฺฐานทสฺสนํ อโตฺถ เอตสฺสาติ ตทโตฺถ, ตสฺมิํ ตทเตฺถฯ ‘‘อนุสยสฺส อุปฺปตฺติฎฺฐานทสฺสนตฺถํ อยํ วาโร อารโทฺธ’’ติอาทินา ‘‘ยโต’’ติ เอเตน อนุสยนฎฺฐานํ วุตฺตนฺติ อิมมตฺถํ วิภาเวตฺวาฯ ปมาทลิขิตํ วิย ทิสฺสติ อุปฺปนฺน-สเทฺทน วตฺตมานุปฺปเนฺน วุจฺจมาเนฯ ยถา ปน อุปฺปชฺชนวาเร อุปฺปชฺชติ-สเทฺทน อุปฺปตฺติโยคทีปกตฺตา อุปฺปตฺติรหา วุจฺจนฺติ, เอวมิธาปิ อุปฺปตฺติอรเห วุจฺจมาเน น โกจิ วิโรโธฯ ยํ ปน วกฺขติ ‘‘น หิ อปริยาปนฺนานํ อนุสยุปฺปตฺติรหฎฺฐานตา’’ติ, โสปิ น โทโสฯ ยตฺถ ยตฺถ หิ อนุสยา อุปฺปตฺติรหา, ตเทว เอกชฺฌํ คเหตฺวา ‘‘สพฺพตฺถา’’ติ วุตฺตนฺติฯ ตเถว ทิสฺสตีติ ตํ ปมาทลิขิตํ วิย ทิสฺสตีติ อโตฺถฯ

    Catutthapañhavissajjanenāti ‘‘yato vā pana mānānusayena sānusayo, tato kāmarāgānusayena sānusayo’’ti etassa pañhassa vissajjanena. Tattha hi ‘‘rūpadhātuyā arūpadhātuyā’’tiādinā sarūpato anusayanaṭṭhānāni dassitāni. Tadattheti taṃ anusayanaṭṭhānadassanaṃ attho etassāti tadattho, tasmiṃ tadatthe. ‘‘Anusayassa uppattiṭṭhānadassanatthaṃ ayaṃ vāro āraddho’’tiādinā ‘‘yato’’ti etena anusayanaṭṭhānaṃ vuttanti imamatthaṃ vibhāvetvā. Pamādalikhitaṃ viya dissati uppanna-saddena vattamānuppanne vuccamāne. Yathā pana uppajjanavāre uppajjati-saddena uppattiyogadīpakattā uppattirahā vuccanti, evamidhāpi uppattiarahe vuccamāne na koci virodho. Yaṃ pana vakkhati ‘‘na hi apariyāpannānaṃ anusayuppattirahaṭṭhānatā’’ti, sopi na doso. Yattha yattha hi anusayā uppattirahā, tadeva ekajjhaṃ gahetvā ‘‘sabbatthā’’ti vuttanti. Tatheva dissatīti taṃ pamādalikhitaṃ viya dissatīti attho.

    ยโต อุปฺปเนฺนน ภวิตพฺพนฺติ ยโต อนุสยนฎฺฐานโต กามคารานุสเยน อุปฺปเนฺนน ภวิตพฺพํ, เตน กามราคานุสเยน อุปฺปตฺติรหฎฺฐาเน นิสฺสกฺกวจนํ กตํ ‘‘ยโต’’ติฯ ตถาติ เอตฺถ ตถา-สโทฺท ยถา ‘‘ยโต อุปฺปเนฺนนา’’ติ เอตฺถ อุปฺปตฺติรหฎฺฐานโต อนุสยสฺส อุปฺปตฺติรหตา วุตฺตา, ตถา ‘‘อุปฺปชฺชนเกนา’’ติ เอตฺถาปิ สา เอว วุจฺจตีติ ทีเปตีติ อาห ‘‘สพฺพธเมฺมสุ…เป.… อาปเนฺนนา’’ติฯ ตตฺถ ‘‘อุปฺปชฺชนโก’’ติ วุเตฺต อนุปฺปชฺชนโก น โหตีติ อยมโตฺถ วิญฺญายติ, ตถา จ สติ เตน อนุปฺปตฺติ นิจฺฉิตาติ อุปฺปนฺนสภาวตา จ ปกาสิตา โหตีติฯ เตนาห ‘‘สพฺพธเมฺมสุ…เป.… อปเนตี’’ติฯ ‘‘โย ยโต กามราคานุสเยน นิรนุสโย, โส ตโต มานานุสเยน นิรนุสโย’’ติ ปุจฺฉาย ‘‘ยโต ตโต’’ติ อาคตตฺตา วิสฺสชฺชเน ‘‘สพฺพตฺถา’’ติ ปทสฺส นิสฺสกฺกวเสเนว สกฺกา โยเชตุนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สพฺพตฺถาติ…เป.… น น สมฺภวตี’’ติ อาหฯ ภุมฺมโต อญฺญตฺถาปิ สทฺทวิทู อิจฺฉนฺติ, ยโต สเพฺพสํ ปาทกํ ‘‘สพฺพตฺถปาทก’’นฺติ วุจฺจติ, อิธ ปน นิสฺสกฺกวเสน เวทิตพฺพํฯ

    Yato uppannena bhavitabbanti yato anusayanaṭṭhānato kāmagārānusayena uppannena bhavitabbaṃ, tena kāmarāgānusayena uppattirahaṭṭhāne nissakkavacanaṃ kataṃ ‘‘yato’’ti. Tathāti ettha tathā-saddo yathā ‘‘yato uppannenā’’ti ettha uppattirahaṭṭhānato anusayassa uppattirahatā vuttā, tathā ‘‘uppajjanakenā’’ti etthāpi sā eva vuccatīti dīpetīti āha ‘‘sabbadhammesu…pe… āpannenā’’ti. Tattha ‘‘uppajjanako’’ti vutte anuppajjanako na hotīti ayamattho viññāyati, tathā ca sati tena anuppatti nicchitāti uppannasabhāvatā ca pakāsitā hotīti. Tenāha ‘‘sabbadhammesu…pe… apanetī’’ti. ‘‘Yo yato kāmarāgānusayena niranusayo, so tato mānānusayena niranusayo’’ti pucchāya ‘‘yato tato’’ti āgatattā vissajjane ‘‘sabbatthā’’ti padassa nissakkavaseneva sakkā yojetunti dassento ‘‘sabbatthāti…pe… na na sambhavatī’’ti āha. Bhummato aññatthāpi saddavidū icchanti, yato sabbesaṃ pādakaṃ ‘‘sabbatthapādaka’’nti vuccati, idha pana nissakkavasena veditabbaṃ.

    สานุสยวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sānusayavāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๓. ปชหนวารวณฺณนา

    3. Pajahanavāravaṇṇanā

    ๑๓๒-๑๙๗. อปฺปชหนสพฺภาวาติ อปฺปหานสฺส, อปฺปหียมานสฺส วา สพฺภาวาฯ ตสฺมาติ ยสฺมา โย กามราคานุสยํ ปชหติ, น โส มานานุสยํ นิรวเสสโต ปชหติ, โย จ มานานุสยํ นิรวเสสโต ปชหติ, น โส กามราคานุสยํ ปชหติ ปเคว ปหีนตฺตา, ตสฺมา ‘‘โย วา ปน มานานุสยํ ปชหติ, โส กามราคานุสยํ ปชหตีติ? โน’’ติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ยทิ เอวํ ปฐมปุจฺฉายํ กถนฺติ อาห ‘‘ยสฺมา ปน…เป.… วุตฺต’’นฺติฯ ตตฺถ ปหานกรณมตฺตเมวาติ ปหานกิริยาสมฺภวมตฺตเมว, น นิรวเสสปฺปหานนฺติ อธิปฺปาโยฯ เต ฐเปตฺวาติ ทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉานุสยาทีนํ นิรวเสสปชหนเก อฎฺฐมกาทิเก ฐเปตฺวาฯ อวเสสาติ ตสฺส ตสฺส อนุสยสฺส นิรวเสสปฺปชหนเกหิ อวสิฎฺฐาฯ เตสุ เยสํ เอกเจฺจ อนุสยา ปหีนา, เตปิ อปฺปชหนสพฺภาเวเนว นปฺปชหนฺตีติ วุตฺตาฯ น จ ยถาวิชฺชมาเนนาติ มคฺคกิจฺจภาเวน วิชฺชมานปฺปกาเรน ปหาเนน วชฺชิตา รหิตา เอว วุตฺตาติ โยชนาฯ

    132-197. Appajahanasabbhāvāti appahānassa, appahīyamānassa vā sabbhāvā. Tasmāti yasmā yo kāmarāgānusayaṃ pajahati, na so mānānusayaṃ niravasesato pajahati, yo ca mānānusayaṃ niravasesato pajahati, na so kāmarāgānusayaṃ pajahati pageva pahīnattā, tasmā ‘‘yo vā pana mānānusayaṃ pajahati, so kāmarāgānusayaṃ pajahatīti? No’’ti vuttanti veditabbaṃ. Yadi evaṃ paṭhamapucchāyaṃ kathanti āha ‘‘yasmā pana…pe… vutta’’nti. Tattha pahānakaraṇamattamevāti pahānakiriyāsambhavamattameva, na niravasesappahānanti adhippāyo. Te ṭhapetvāti diṭṭhivicikicchānusayādīnaṃ niravasesapajahanake aṭṭhamakādike ṭhapetvā. Avasesāti tassa tassa anusayassa niravasesappajahanakehi avasiṭṭhā. Tesu yesaṃ ekacce anusayā pahīnā, tepi appajahanasabbhāveneva nappajahantīti vuttā. Na ca yathāvijjamānenāti maggakiccabhāvena vijjamānappakārena pahānena vajjitā rahitā eva vuttāti yojanā.

    เกสญฺจีติ โสตาปนฺนสกทาคามิมคฺคสมงฺคิสกทาคามีนํฯ ปุน เกสญฺจีติ อนาคามิอคฺคมคฺคสมงฺคิอรหนฺตานํฯ อุภยนฺติ กามราควิจิกิจฺฉานุสยทฺวยํฯ เสสานนฺติ ‘‘เสสา’’ติ วุตฺตานํ ยถาวุตฺตปุคฺคลานํฯ เตสนฺติ วุตฺตปฺปการานํ ทฺวินฺนํ อนุสยานํฯ อุภยาปฺปชหนสฺสาติ กามราควิจิกิจฺฉานุสยาปฺปชหนสฺสฯ การณํ น โหตีติ เยสํ วิจิกิจฺฉานุสโย ปหีโน, เตสํ ตสฺส ปหีนตา, เยสํ ยถาวุตฺตํ อุภยปฺปหีนํ, เตสํ ตทปฺปชหนสฺส การณํ น โหตีติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘เตสํ ปหีนตฺตา ‘นปฺปชหนฺตี’ติ น สกฺกา วตฺตุ’’นฺติฯ อถ ปน น ตตฺถ การณํ วุตฺตํ, เยน การณวจเนน ยถาวุตฺตโทสาปตฺติ สิยา, เกวลํ ปน สนฺนิฎฺฐาเนน เตสํ ปุคฺคลานํ คหิตตาทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ ‘‘กามราคานุสยญฺจ นปฺปชหนฺตี’’ติ, เอวมฺปิ ปุจฺฉิตสฺส สํสยตฺถสฺส การณํ วตฺตพฺพํฯ ตถา จ สติ ‘‘เสสปุคฺคลา ตสฺส อนุสยสฺส ปหีนตฺตา นปฺปชหนฺตี’’ติ การณํ วตฺตพฺพเมวาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘น วตฺตพฺพ’’นฺติอาทิฯ ตตฺถ น วตฺตพฺพนฺติ วุตฺตนเยน การณํ น วตฺตพฺพํ การณภาวเสฺสว อภาวโตฯ ‘‘อุภยาปฺปชหนสฺส การณํ น โหตี’’ติ วุตฺตํ, ยถา ปน วตฺตพฺพํ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘โย กามราคานุสยํ…เป.… วตฺตพฺพตฺตา’’ติ อาหฯ เตน ปหีนาปฺปหีนวเสน การณํ น วตฺตพฺพํ, ปหีนานํเยว ปน วเสน วตฺตพฺพนฺติ ทเสฺสติฯ สํสยตฺถสงฺคหิเตติ สํสยเตฺถน ปเทน สงฺคหิเตฯ สนฺนิฎฺฐานปทสงฺคหิตํ ปน ปหียมานตฺตา ‘‘นปฺปชหตี’’ติ น สกฺกา วตฺตุนฺติฯ

    Kesañcīti sotāpannasakadāgāmimaggasamaṅgisakadāgāmīnaṃ. Puna kesañcīti anāgāmiaggamaggasamaṅgiarahantānaṃ. Ubhayanti kāmarāgavicikicchānusayadvayaṃ. Sesānanti ‘‘sesā’’ti vuttānaṃ yathāvuttapuggalānaṃ. Tesanti vuttappakārānaṃ dvinnaṃ anusayānaṃ. Ubhayāppajahanassāti kāmarāgavicikicchānusayāppajahanassa. Kāraṇaṃ na hotīti yesaṃ vicikicchānusayo pahīno, tesaṃ tassa pahīnatā, yesaṃ yathāvuttaṃ ubhayappahīnaṃ, tesaṃ tadappajahanassa kāraṇaṃ na hotīti attho. Tenāha ‘‘tesaṃ pahīnattā ‘nappajahantī’ti na sakkā vattu’’nti. Atha pana na tattha kāraṇaṃ vuttaṃ, yena kāraṇavacanena yathāvuttadosāpatti siyā, kevalaṃ pana sanniṭṭhānena tesaṃ puggalānaṃ gahitatādassanatthaṃ vuttaṃ ‘‘kāmarāgānusayañca nappajahantī’’ti, evampi pucchitassa saṃsayatthassa kāraṇaṃ vattabbaṃ. Tathā ca sati ‘‘sesapuggalā tassa anusayassa pahīnattā nappajahantī’’ti kāraṇaṃ vattabbamevāti codanaṃ sandhāyāha ‘‘na vattabba’’ntiādi. Tattha na vattabbanti vuttanayena kāraṇaṃ na vattabbaṃ kāraṇabhāvasseva abhāvato. ‘‘Ubhayāppajahanassa kāraṇaṃ na hotī’’ti vuttaṃ, yathā pana vattabbaṃ, taṃ dassetuṃ ‘‘yo kāmarāgānusayaṃ…pe… vattabbattā’’ti āha. Tena pahīnāppahīnavasena kāraṇaṃ na vattabbaṃ, pahīnānaṃyeva pana vasena vattabbanti dasseti. Saṃsayatthasaṅgahiteti saṃsayatthena padena saṅgahite. Sanniṭṭhānapadasaṅgahitaṃ pana pahīyamānattā ‘‘nappajahatī’’ti na sakkā vattunti.

    ปชหนวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pajahanavāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๕. ปหีนวารวณฺณนา

    5. Pahīnavāravaṇṇanā

    ๒๖๔-๒๗๔. ผลฎฺฐวเสเนว เทสนา อารทฺธา, น มคฺคฎฺฐวเสน, กุโต ปุถุชฺชนวเสนฯ กสฺมา? ผลกฺขเณ หิ อนุสยา ปหีนาติ วุจฺจนฺติ, มคฺคกฺขเณ ปน ปหียนฺตีติฯ เตเนวาห ‘‘มคฺคสมงฺคีนํ อคฺคหิตตํ ทีเปตี’’ติฯ ปฎิโลเม หิ ปุถุชฺชนวเสนปิ เทสนา คหิตา ‘‘ยสฺส ทิฎฺฐานุสโย อปฺปหีโน, ตสฺส วิจิกิจฺฉานุสโย อปฺปหีโนติ? อามนฺตา’’ติอาทินาฯ อนุสยจฺจนฺตปฎิปเกฺขกจิตฺตกฺขณิกานนฺติ อนุสยานํ อจฺจนฺตํ ปฎิปกฺขภูตเอกจิตฺตกฺขณิกานํฯ มคฺคสมงฺคีนนฺติ มคฺคฎฺฐานํฯ เอตฺถ จ อนุสยานํ อจฺจนฺตปฎิปกฺขตาคฺคหเณน อุปฺปตฺติรหตํ ปฎิกฺขิปติฯ น หิ เต อจฺจนฺตปฎิปกฺขสมุปฺปตฺติโต ปรโต อุปฺปตฺติรหา โหนฺติฯ มคฺคสมงฺคิตาคฺคหเณน อนุปฺปตฺติรหตาปาทิตตํ ปฎิกฺขิปติฯ น หิ มคฺคกฺขเณ เต อนุปฺปตฺติรหตํ อาปาทิตา นาม โหนฺติ, อถ โข อาปาทียนฺตีติฯ เอกจิตฺตกฺขณิกตาคฺคหเณน สนฺตานพฺยาปารํฯ เตนาห ‘‘น โกจี’’ติอาทิฯ ตตฺถ เตติ มคฺคสมงฺคิโนฯ น เกวลํ ปหีนวาเรเยว, อถ โข อเญฺญสุปีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อนุสย…เป.… คหิตา’’ติ อาหฯ

    264-274. Phalaṭṭhavaseneva desanā āraddhā, na maggaṭṭhavasena, kuto puthujjanavasena. Kasmā? Phalakkhaṇe hi anusayā pahīnāti vuccanti, maggakkhaṇe pana pahīyantīti. Tenevāha ‘‘maggasamaṅgīnaṃ aggahitataṃ dīpetī’’ti. Paṭilome hi puthujjanavasenapi desanā gahitā ‘‘yassa diṭṭhānusayo appahīno, tassa vicikicchānusayo appahīnoti? Āmantā’’tiādinā. Anusayaccantapaṭipakkhekacittakkhaṇikānanti anusayānaṃ accantaṃ paṭipakkhabhūtaekacittakkhaṇikānaṃ. Maggasamaṅgīnanti maggaṭṭhānaṃ. Ettha ca anusayānaṃ accantapaṭipakkhatāggahaṇena uppattirahataṃ paṭikkhipati. Na hi te accantapaṭipakkhasamuppattito parato uppattirahā honti. Maggasamaṅgitāggahaṇena anuppattirahatāpāditataṃ paṭikkhipati. Na hi maggakkhaṇe te anuppattirahataṃ āpāditā nāma honti, atha kho āpādīyantīti. Ekacittakkhaṇikatāggahaṇena santānabyāpāraṃ. Tenāha ‘‘na kocī’’tiādi. Tattha teti maggasamaṅgino. Na kevalaṃ pahīnavāreyeva, atha kho aññesupīti dassento ‘‘anusaya…pe… gahitā’’ti āha.

    ๒๗๕-๒๙๖. ยตฺถ อนุสโย อุปฺปตฺติรโห, ตเตฺถวสฺส อนุปฺปตฺติรหตาปาทนนฺติ ‘‘อตฺตโน อตฺตโน โอกาเส เอว อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาทิโต’’ติ อาหฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘จกฺขุํ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอเตฺถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสตี’’ติ (วิภ. ๒๐๓) วตฺวา ปุน วุตฺตํ ‘‘จกฺขุํ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอเตฺถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌตี’’ติ (วิภ. ๒๐๔)ฯ ตสฺมาติ ยสฺมา ตโทกาสตฺตเมว กามธาตุอาทิโอกาสตฺตเมว อนุสยานํ ทีเปนฺติ ปหีนาปฺปหีนวจนานิ, ตสฺมาฯ อโนกาเส ตทุภยาวตฺตพฺพตา วุตฺตาติ ยสฺมา กามราคปฎิฆานุสยานํ ทฺวินฺนํ อุปฺปตฺติฎฺฐานํ, โส เอว ปหาโนกาโสติ สฺวายํ เตสํ อญฺญมญฺญํ อโนกาโส, ตสฺมิํ อโนกาเส ตทุภยสฺส ปหานาปฺปหานสฺส นวตฺตพฺพตา วุตฺตาฯ กามราคานุสโยกาเส หิ ปฎิฆานุสยสฺส อปฺปหีนตฺตา โส ‘‘ตตฺถ ปหีโน’’ติ น วตฺตโพฺพ, อฎฺฐิตตฺตา ปน ‘‘ตตฺถ อปฺปหีโน’’ติ จ, ตสฺมา อโนกาเส ตทุภยาวตฺตพฺพตา วุตฺตาติฯ เตน สทฺธิํ สมาโนกาเสติ เตน กามราเคน สทฺธิํ สมาโนกาเสฯ ‘‘สาธารณฎฺฐาเน’’ติ วุเตฺต กามธาตุยํ สุขุเปกฺขาสุ ปหีโน นาม โหติ, น สมานกาเล ปหีโน ตติยจตุตฺถมคฺควชฺฌตฺตา กามราคมานานุสยานํฯ

    275-296. Yattha anusayo uppattiraho, tatthevassa anuppattirahatāpādananti ‘‘attano attano okāse eva anuppattidhammataṃ āpādito’’ti āha. Tathā hi vuttaṃ ‘‘cakkhuṃ loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ, etthesā taṇhā uppajjamānā uppajjati, ettha nivisamānā nivisatī’’ti (vibha. 203) vatvā puna vuttaṃ ‘‘cakkhuṃ loke piyarūpaṃ sātarūpaṃ, etthesā taṇhā pahīyamānā pahīyati, ettha nirujjhamānā nirujjhatī’’ti (vibha. 204). Tasmāti yasmā tadokāsattameva kāmadhātuādiokāsattameva anusayānaṃ dīpenti pahīnāppahīnavacanāni, tasmā. Anokāse tadubhayāvattabbatā vuttāti yasmā kāmarāgapaṭighānusayānaṃ dvinnaṃ uppattiṭṭhānaṃ, so eva pahānokāsoti svāyaṃ tesaṃ aññamaññaṃ anokāso, tasmiṃ anokāse tadubhayassa pahānāppahānassa navattabbatā vuttā. Kāmarāgānusayokāse hi paṭighānusayassa appahīnattā so ‘‘tattha pahīno’’ti na vattabbo, aṭṭhitattā pana ‘‘tattha appahīno’’ti ca, tasmā anokāse tadubhayāvattabbatā vuttāti. Tena saddhiṃ samānokāseti tena kāmarāgena saddhiṃ samānokāse. ‘‘Sādhāraṇaṭṭhāne’’ti vutte kāmadhātuyaṃ sukhupekkhāsu pahīno nāma hoti, na samānakāle pahīno tatiyacatutthamaggavajjhattā kāmarāgamānānusayānaṃ.

    ปหีนวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pahīnavāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๗. ธาตุวารวณฺณนา

    7. Dhātuvāravaṇṇanā

    ๓๓๒-๓๔๐. อปฺปหีนุปฺปตฺติรหภาวา อิธ อนุคมนสยนานีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยสฺมิํ …เป.… อโตฺถ’’ติ อาหฯ อิธาปิ ยุตฺตาติ ปุเพฺพ วุตฺตเมวตฺถํ ปรามสติฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘การณลาเภ อุปฺปตฺติอรหตํ ทเสฺสตี’’ติ (ยม. มูลฎี. อนุสยยมก ๑)ฯ ฉ ปฎิเสธวจนานีติ ติสฺสนฺนํ ธาตูนํ จุตูปปาตวิสิฎฺฐานํ ปฎิเสธนวเสน วุตฺตวจนานิ, ตโต เอว ธาตุวิเสสนิทฺธารณานิ น โหนฺติฯ ปฎิเสโธติ หิ อิธ สตฺตาปฎิเสโธ วุโตฺตติ อธิปฺปาเยน วทติฯ อญฺญเตฺถ ปน น-กาเร นายํ โทโสฯ อิมํ นาม ธาตุํฯ ตํมูลิกาสูติ ปฎิเสธมูลิกาสุฯ เอวญฺหีติ ‘‘น กามธาตุยา จุตสฺส กามธาตุํ อุปปชฺชนฺตสฺสา’’ติอาทินา ปฐมโยชนาย สติฯ นกามธาตุอาทีสุ อุปปตฺติกิตฺตเนเนว นกามธาตุอาทิคฺคหเณนปิ ธาตุวิเสสเสฺสว คหิตตาย อตฺถโต วิญฺญายมานตฺตาฯ เตนาห ‘‘น กามธาตุ…เป.… วิญฺญายตี’’ติฯ ภญฺชิตพฺพาติ วิภชิตพฺพาฯ วิภาโค ปเนตฺถ ทุวิโธ อิจฺฉิโตติ อาห ‘‘ทฺวิธา กาตพฺพาติ อโตฺถ’’ติฯ ปุจฺฉา จ วิสฺสชฺชนานิ จ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนานิฯ ยถา อวุเตฺต ภงฺคาภาวสฺส อวิญฺญาตตฺตา ‘‘อนุสยา ภงฺคา นตฺถี’’ติ วตฺตพฺพํ, ตถา ตยิทํ ‘‘กติ อนุสยา ภงฺคา’’ติ เอตทเปกฺขนฺติ ตทปิ วตฺตพฺพํฯ ปุจฺฉาเปกฺขญฺหิ วิสฺสชฺชนนฺติฯ

    332-340. Appahīnuppattirahabhāvā idha anugamanasayanānīti dassento ‘‘yasmiṃ…pe… attho’’ti āha. Idhāpi yuttāti pubbe vuttamevatthaṃ parāmasati. Tathā hi vuttaṃ ‘‘kāraṇalābhe uppattiarahataṃ dassetī’’ti (yama. mūlaṭī. anusayayamaka 1). Cha paṭisedhavacanānīti tissannaṃ dhātūnaṃ cutūpapātavisiṭṭhānaṃ paṭisedhanavasena vuttavacanāni, tato eva dhātuvisesaniddhāraṇāni na honti. Paṭisedhoti hi idha sattāpaṭisedho vuttoti adhippāyena vadati. Aññatthe pana na-kāre nāyaṃ doso. Imaṃ nāma dhātuṃ. Taṃmūlikāsūti paṭisedhamūlikāsu. Evañhīti ‘‘na kāmadhātuyā cutassa kāmadhātuṃ upapajjantassā’’tiādinā paṭhamayojanāya sati. Nakāmadhātuādīsu upapattikittaneneva nakāmadhātuādiggahaṇenapi dhātuvisesasseva gahitatāya atthato viññāyamānattā. Tenāha ‘‘na kāmadhātu…pe… viññāyatī’’ti. Bhañjitabbāti vibhajitabbā. Vibhāgo panettha duvidho icchitoti āha ‘‘dvidhā kātabbāti attho’’ti. Pucchā ca vissajjanāni ca pucchāvissajjanāni. Yathā avutte bhaṅgābhāvassa aviññātattā ‘‘anusayā bhaṅgā natthī’’ti vattabbaṃ, tathā tayidaṃ ‘‘kati anusayā bhaṅgā’’ti etadapekkhanti tadapi vattabbaṃ. Pucchāpekkhañhi vissajjananti.

    ธาตุวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dhātuvāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    อนุสยยมกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Anusayayamakavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ยมกปาฬิ • Yamakapāḷi / ๖. สงฺขารยมกํ • 6. Saṅkhārayamakaṃ

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๗. อนุสยยมกํ • 7. Anusayayamakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact