Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปริวารปาฬิ • Parivārapāḷi |
๖. อนุวิชฺชกสฺส อนุโยคํ
6. Anuvijjakassa anuyogaṃ
๓๙๖. อนุวิชฺชเกน โจทโก ปุจฺฉิตโพฺพ – ‘‘ยํ โข ตฺวํ, อาวุโส, อิมสฺส ภิกฺขุโน ปวารณํ ฐเปสิ, กิมฺหิ นํ ฐเปสิ, สีลวิปตฺติยา วา ฐเปสิ, อาจารวิปตฺติยา วา ฐเปสิ, ทิฎฺฐิวิปตฺติยา วา ฐเปสี’’ติ? โส เจ เอวํ วเทยฺย – ‘‘สีลวิปตฺติยา วา ฐเปมิ อาจารวิปตฺติยา วา ฐเปมิ ทิฎฺฐิวิปตฺติยา วา ฐเปมี’’ติ, โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘‘ชานาติ ปนายสฺมา สีลวิปตฺติํ, ชานาติ อาจารวิปตฺติํ, ชานาติ ทิฎฺฐิวิปตฺติ’’นฺติ? โส เจ เอวํ วเทยฺย – ‘‘ชานามิ โข อหํ, อาวุโส, สีลวิปตฺติํ, ชานามิ อาจารวิปตฺติํ, ชานามิ ทิฎฺฐิวิปตฺติ’’นฺติ , โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘‘กตมา ปนาวุโส, สีลวิปตฺติ กตมา อาจารวิปตฺติ กตมา ทิฎฺฐิวิปตฺตี’’ติ? โส เจ เอวํ วเทยฺย – ‘‘จตฺตาริ ปาราชิกานิ เตรส สงฺฆาทิเสสา – อยํ สีลวิปตฺติฯ ถุลฺลจฺจยํ ปาจิตฺติยํ ปาฎิเทสนียํ ทุกฺกฎํ ทุพฺภาสิตํ – อยํ อาจารวิปตฺติฯ มิจฺฉาทิฎฺฐิ อนฺตคฺคาหิกาทิฎฺฐิ – อยํ ทิฎฺฐิวิปตฺตี’’ติ, โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘‘ยํ โข ตฺวํ, อาวุโส, อิมสฺส ภิกฺขุโน ปวารณํ ฐเปสิ, ทิเฎฺฐน วา ฐเปสิ, สุเตน วา ฐเปสิ, ปริสงฺกาย วา ฐเปสี’’ติ? โส เจ เอวํ วเทยฺย – ‘‘ทิเฎฺฐน วา ฐเปมิ, สุเตน วา ฐเปมิ, ปริสงฺกาย วา ฐเปมี’’ติ, โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘‘ยํ โข ตฺวํ, อาวุโส, อิมสฺส ภิกฺขุโน ทิเฎฺฐน ปวารณํ ฐเปสิ, กิํ เต ทิฎฺฐํ, กินฺติ เต ทิฎฺฐํ, กทา เต ทิฎฺฐํ, กตฺถ เต ทิฎฺฐํ, ปาราชิกํ อชฺฌาปชฺชโนฺต ทิโฎฺฐ, สงฺฆาทิเสสํ อชฺฌาปชฺชโนฺต ทิโฎฺฐ, ถุลฺลจฺจยํ… ปาจิตฺติยํ… ปาฎิเทสนียํ… ทุกฺกฎํ… ทุพฺภาสิตํ อชฺฌาปชฺชโนฺต ทิโฎฺฐ, กตฺถ จ ตฺวํ อโหสิ, กตฺถ จายํ ภิกฺขุ อโหสิ, กิญฺจ ตฺวํ กโรสิ, กิํ จายํ ภิกฺขุ กโรตี’’ติ? โส เจ เอวํ วเทยฺย – ‘‘น โข อหํ, อาวุโส, อิมสฺส ภิกฺขุโน ทิเฎฺฐน ปวารณํ ฐเปมิ, อปิ จ สุเตน ปวารณํ ฐเปมี’’ติ, โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘‘ยํ โข ตฺวํ, อาวุโส, อิมสฺส ภิกฺขุโน สุเตน ปวารณํ ฐเปสิ กิํ เต สุตํ, กินฺติ เต สุตํ, กทา เต สุตํ, กตฺถ เต สุตํ, ปาราชิกํ อชฺฌาปโนฺนติ สุตํ, สงฺฆาทิเสสํ อชฺฌาปโนฺนติ สุตํ, ถุลฺลจฺจยํ… ปาจิตฺติยํ… ปาฎิเทสนียํ… ทุกฺกฎํ… ทุพฺภาสิตํ อชฺฌาปโนฺนติ สุตํ, ภิกฺขุสฺส สุตํ, ภิกฺขุนิยา สุตํ, สิกฺขมานาย สุตํ, สามเณรสฺส สุตํ, สามเณริยา สุตํ, อุปาสกสฺส สุตํ, อุปาสิกาย สุตํ, ราชูนํ สุตํ, ราชมหามตฺตานํ สุตํ, ติตฺถิยานํ สุตํ, ติตฺถิยสาวกานํ สุต’’นฺติ? โส เจ เอวํ วเทยฺย – ‘‘น โข อหํ, อาวุโส, อิมสฺส ภิกฺขุโน สุเตน ปวารณํ ฐเปมิ, อปิ จ ปริสงฺกาย ปวารณํ ฐเปมี’’ติ, โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘‘ยํ โข ตฺวํ, อาวุโส, อิมสฺส ภิกฺขุโน ปริสงฺกาย ปวารณํ ฐเปสิ, กิํ ปริสงฺกสิ, กินฺติ ปริสงฺกสิ, กทา ปริสงฺกสิ, กตฺถ ปริสงฺกสิ, ปาราชิกํ อชฺฌาปโนฺนติ ปริสงฺกสิ, สงฺฆาทิเสสํ อชฺฌาปโนฺนติ ปริสงฺกสิ, ถุลฺลจฺจยํ… ปาจิตฺติยํ… ปาฎิเทสนียํ… ทุกฺกฎํ… ทุพฺภาสิตํ อชฺฌาปโนฺนติ ปริสงฺกสิ, ภิกฺขุสฺส สุตฺวา ปริสงฺกสิ, ภิกฺขุนิยา สุตฺวา ปริสงฺกสิ, สิกฺขมานาย สุตฺวา ปริสงฺกสิ, สามเณรสฺส สุตฺวา ปริสงฺกสิ, สามเณริยา สุตฺวา ปริสงฺกสิ, อุปาสกสฺส สุตฺวา ปริสงฺกสิ, อุปาสิกาย สุตฺวา ปริสงฺกสิ, ราชูนํ สุตฺวา ปริสงฺกสิ ราชมหามตฺตานํ สุตฺวา ปริสงฺกสิ, ติตฺถิยานํ สุตฺวา ปริสงฺกสิ, ติตฺถิยสาวกานํ สุตฺวา ปริสงฺกสี’’ติ?
396. Anuvijjakena codako pucchitabbo – ‘‘yaṃ kho tvaṃ, āvuso, imassa bhikkhuno pavāraṇaṃ ṭhapesi, kimhi naṃ ṭhapesi, sīlavipattiyā vā ṭhapesi, ācāravipattiyā vā ṭhapesi, diṭṭhivipattiyā vā ṭhapesī’’ti? So ce evaṃ vadeyya – ‘‘sīlavipattiyā vā ṭhapemi ācāravipattiyā vā ṭhapemi diṭṭhivipattiyā vā ṭhapemī’’ti, so evamassa vacanīyo – ‘‘jānāti panāyasmā sīlavipattiṃ, jānāti ācāravipattiṃ, jānāti diṭṭhivipatti’’nti? So ce evaṃ vadeyya – ‘‘jānāmi kho ahaṃ, āvuso, sīlavipattiṃ, jānāmi ācāravipattiṃ, jānāmi diṭṭhivipatti’’nti , so evamassa vacanīyo – ‘‘katamā panāvuso, sīlavipatti katamā ācāravipatti katamā diṭṭhivipattī’’ti? So ce evaṃ vadeyya – ‘‘cattāri pārājikāni terasa saṅghādisesā – ayaṃ sīlavipatti. Thullaccayaṃ pācittiyaṃ pāṭidesanīyaṃ dukkaṭaṃ dubbhāsitaṃ – ayaṃ ācāravipatti. Micchādiṭṭhi antaggāhikādiṭṭhi – ayaṃ diṭṭhivipattī’’ti, so evamassa vacanīyo – ‘‘yaṃ kho tvaṃ, āvuso, imassa bhikkhuno pavāraṇaṃ ṭhapesi, diṭṭhena vā ṭhapesi, sutena vā ṭhapesi, parisaṅkāya vā ṭhapesī’’ti? So ce evaṃ vadeyya – ‘‘diṭṭhena vā ṭhapemi, sutena vā ṭhapemi, parisaṅkāya vā ṭhapemī’’ti, so evamassa vacanīyo – ‘‘yaṃ kho tvaṃ, āvuso, imassa bhikkhuno diṭṭhena pavāraṇaṃ ṭhapesi, kiṃ te diṭṭhaṃ, kinti te diṭṭhaṃ, kadā te diṭṭhaṃ, kattha te diṭṭhaṃ, pārājikaṃ ajjhāpajjanto diṭṭho, saṅghādisesaṃ ajjhāpajjanto diṭṭho, thullaccayaṃ… pācittiyaṃ… pāṭidesanīyaṃ… dukkaṭaṃ… dubbhāsitaṃ ajjhāpajjanto diṭṭho, kattha ca tvaṃ ahosi, kattha cāyaṃ bhikkhu ahosi, kiñca tvaṃ karosi, kiṃ cāyaṃ bhikkhu karotī’’ti? So ce evaṃ vadeyya – ‘‘na kho ahaṃ, āvuso, imassa bhikkhuno diṭṭhena pavāraṇaṃ ṭhapemi, api ca sutena pavāraṇaṃ ṭhapemī’’ti, so evamassa vacanīyo – ‘‘yaṃ kho tvaṃ, āvuso, imassa bhikkhuno sutena pavāraṇaṃ ṭhapesi kiṃ te sutaṃ, kinti te sutaṃ, kadā te sutaṃ, kattha te sutaṃ, pārājikaṃ ajjhāpannoti sutaṃ, saṅghādisesaṃ ajjhāpannoti sutaṃ, thullaccayaṃ… pācittiyaṃ… pāṭidesanīyaṃ… dukkaṭaṃ… dubbhāsitaṃ ajjhāpannoti sutaṃ, bhikkhussa sutaṃ, bhikkhuniyā sutaṃ, sikkhamānāya sutaṃ, sāmaṇerassa sutaṃ, sāmaṇeriyā sutaṃ, upāsakassa sutaṃ, upāsikāya sutaṃ, rājūnaṃ sutaṃ, rājamahāmattānaṃ sutaṃ, titthiyānaṃ sutaṃ, titthiyasāvakānaṃ suta’’nti? So ce evaṃ vadeyya – ‘‘na kho ahaṃ, āvuso, imassa bhikkhuno sutena pavāraṇaṃ ṭhapemi, api ca parisaṅkāya pavāraṇaṃ ṭhapemī’’ti, so evamassa vacanīyo – ‘‘yaṃ kho tvaṃ, āvuso, imassa bhikkhuno parisaṅkāya pavāraṇaṃ ṭhapesi, kiṃ parisaṅkasi, kinti parisaṅkasi, kadā parisaṅkasi, kattha parisaṅkasi, pārājikaṃ ajjhāpannoti parisaṅkasi, saṅghādisesaṃ ajjhāpannoti parisaṅkasi, thullaccayaṃ… pācittiyaṃ… pāṭidesanīyaṃ… dukkaṭaṃ… dubbhāsitaṃ ajjhāpannoti parisaṅkasi, bhikkhussa sutvā parisaṅkasi, bhikkhuniyā sutvā parisaṅkasi, sikkhamānāya sutvā parisaṅkasi, sāmaṇerassa sutvā parisaṅkasi, sāmaṇeriyā sutvā parisaṅkasi, upāsakassa sutvā parisaṅkasi, upāsikāya sutvā parisaṅkasi, rājūnaṃ sutvā parisaṅkasi rājamahāmattānaṃ sutvā parisaṅkasi, titthiyānaṃ sutvā parisaṅkasi, titthiyasāvakānaṃ sutvā parisaṅkasī’’ti?
๓๙๗.
397.
ทิฎฺฐํ ทิเฎฺฐน สเมติ, ทิเฎฺฐน สํสนฺทเต ทิฎฺฐํ;
Diṭṭhaṃ diṭṭhena sameti, diṭṭhena saṃsandate diṭṭhaṃ;
ทิฎฺฐํ ปฎิจฺจ น อุเปติ, อสุทฺธปริสงฺกิโต;
Diṭṭhaṃ paṭicca na upeti, asuddhaparisaṅkito;
โส ปุคฺคโล ปฎิญฺญาย, กาตพฺพา เตน ปวารณาฯ
So puggalo paṭiññāya, kātabbā tena pavāraṇā.
สุตํ สุเตน สเมติ, สุเตน สํสนฺทเต สุตํ;
Sutaṃ sutena sameti, sutena saṃsandate sutaṃ;
สุตํ ปฎิจฺจ น อุเปติ, อสุทฺธปริสงฺกิโต;
Sutaṃ paṭicca na upeti, asuddhaparisaṅkito;
โส ปุคฺคโล ปฎิญฺญาย, กาตพฺพา เตน ปวารณาฯ
So puggalo paṭiññāya, kātabbā tena pavāraṇā.
มุตํ มุเตน สเมติ, มุเตน สํสนฺทเต มุตํ;
Mutaṃ mutena sameti, mutena saṃsandate mutaṃ;
มุตํ ปฎิจฺจ น อุเปติ, อสุทฺธปริสงฺกิโต;
Mutaṃ paṭicca na upeti, asuddhaparisaṅkito;
โส ปุคฺคโล ปฎิญฺญาย, กาตพฺพา เตน ปวารณาติฯ
So puggalo paṭiññāya, kātabbā tena pavāraṇāti.