Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปริวาร-อฎฺฐกถา • Parivāra-aṭṭhakathā

    จูฬสงฺคาโม

    Cūḷasaṅgāmo

    อนุวิชฺชกสฺส ปฎิปตฺติวณฺณนา

    Anuvijjakassa paṭipattivaṇṇanā

    ๓๖๕. จูฬสงฺคาเม สงฺคามาวจเรน ภิกฺขุนาติ สงฺคาโม วุจฺจติ อธิกรณวินิจฺฉยตฺถาย สงฺฆสนฺนิปาโตฯ ตตฺร หิ อตฺตปจฺจตฺถิกา เจว สาสนปจฺจตฺถิกา จ อุทฺธมฺมํ อุพฺพินยํ สตฺถุ สาสนํ ทีเปนฺตา สโมสรนฺติ เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา วิยฯ โย ภิกฺขุ เตสํ ปจฺจตฺถิกานํ ลทฺธิํ มทฺทิตฺวา สกวาททีปนตฺถาย ตตฺถ อวจรติ, อโชฺฌคาเหตฺวา วินิจฺฉยํ ปวเตฺตติ, โส สงฺคามาวจโร นาม ยสเตฺถโร วิยฯ เตน สงฺคามาวจเรน ภิกฺขุนา สงฺฆํ อุปสงฺกมเนฺตน นีจจิเตฺตน สโงฺฆ อุปสงฺกมิตโพฺพฯ นีจจิเตฺตนาติ มานทฺธชํ นิปาเตตฺวา นิหตมานจิเตฺตนฯ รโชหรณสเมนาติ ปาทปุญฺฉนสเมน; ยถา รโชหรณสฺส สํกิลิเฎฺฐ วา อสํกิลิเฎฺฐ วา ปาเท ปุญฺฉิยมาเน เนว ราโค น โทโส; เอวํ อิฎฺฐานิเฎฺฐสุ อรชฺชเนฺตน อทุสฺสเนฺตนาติ อโตฺถฯ ยถาปติรูเป อาสเนติ ยถาปติรูปํ อาสนํ ญตฺวา อตฺตโน ปาปุณนฎฺฐาเน เถรานํ ภิกฺขูนํ ปิฎฺฐิํ อทเสฺสตฺวา นิสีทิตพฺพํฯ อนานากถิเกนาติ นานาวิธํ ตํ ตํ อนตฺถกถํ อกเถเนฺตนฯ อติรจฺฉานกถิเกนาติ ทิฎฺฐสุตมุตมฺปิ ราชกถาทิกํ ติรจฺฉานกถํ อกเถเนฺตนฯ สามํ วา ธโมฺม ภาสิตโพฺพติ สงฺฆสนฺนิปาตฎฺฐาเน กปฺปิยากปฺปิยนิสฺสิตา วา รูปารูปปริเจฺฉทสมถาจารวิปสฺสนาจารฎฺฐานนิสชฺชวตฺตาทินิสฺสิตา วา กถา ธโมฺม นามฯ เอวรูโป ธโมฺม สยํ วา ภาสิตโพฺพ, ปโร วา อเชฺฌสิตโพฺพฯ โย ภิกฺขุ ตถารูปิํ กถํ กเถตุํ ปโหติ, โส วตฺตโพฺพ – ‘‘อาวุโส สงฺฆมชฺฌมฺหิ ปเญฺห อุปฺปเนฺน ตฺวํ กเถยฺยาสี’’ติฯ อริโย วา ตุณฺหีภาโว นาติมญฺญิตโพฺพติ อริยา ตุณฺหี นิสีทนฺตา น พาลปุถุชฺชนา วิย นิสีทนฺติฯ อญฺญตรํ กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวาว นิสีทนฺติฯ อิติ กมฺมฎฺฐานมนสิการวเสน ตุณฺหีภาโว อริโย ตุณฺหีภาโว นาม, โส นาติมญฺญิตโพฺพ, กิํ กมฺมฎฺฐานานุโยเคนาติ นาวชานิตโพฺพ; อตฺตโน ปติรูปํ กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวาว นิสีทิตพฺพนฺติ อโตฺถฯ

    365. Cūḷasaṅgāme saṅgāmāvacarena bhikkhunāti saṅgāmo vuccati adhikaraṇavinicchayatthāya saṅghasannipāto. Tatra hi attapaccatthikā ceva sāsanapaccatthikā ca uddhammaṃ ubbinayaṃ satthu sāsanaṃ dīpentā samosaranti vesālikā vajjiputtakā viya. Yo bhikkhu tesaṃ paccatthikānaṃ laddhiṃ madditvā sakavādadīpanatthāya tattha avacarati, ajjhogāhetvā vinicchayaṃ pavatteti, so saṅgāmāvacaro nāma yasatthero viya. Tena saṅgāmāvacarena bhikkhunā saṅghaṃ upasaṅkamantena nīcacittena saṅgho upasaṅkamitabbo. Nīcacittenāti mānaddhajaṃ nipātetvā nihatamānacittena. Rajoharaṇasamenāti pādapuñchanasamena; yathā rajoharaṇassa saṃkiliṭṭhe vā asaṃkiliṭṭhe vā pāde puñchiyamāne neva rāgo na doso; evaṃ iṭṭhāniṭṭhesu arajjantena adussantenāti attho. Yathāpatirūpe āsaneti yathāpatirūpaṃ āsanaṃ ñatvā attano pāpuṇanaṭṭhāne therānaṃ bhikkhūnaṃ piṭṭhiṃ adassetvā nisīditabbaṃ. Anānākathikenāti nānāvidhaṃ taṃ taṃ anatthakathaṃ akathentena. Atiracchānakathikenāti diṭṭhasutamutampi rājakathādikaṃ tiracchānakathaṃ akathentena. Sāmaṃ vā dhammo bhāsitabboti saṅghasannipātaṭṭhāne kappiyākappiyanissitā vā rūpārūpaparicchedasamathācāravipassanācāraṭṭhānanisajjavattādinissitā vā kathā dhammo nāma. Evarūpo dhammo sayaṃ vā bhāsitabbo, paro vā ajjhesitabbo. Yo bhikkhu tathārūpiṃ kathaṃ kathetuṃ pahoti, so vattabbo – ‘‘āvuso saṅghamajjhamhi pañhe uppanne tvaṃ katheyyāsī’’ti. Ariyo vā tuṇhībhāvo nātimaññitabboti ariyā tuṇhī nisīdantā na bālaputhujjanā viya nisīdanti. Aññataraṃ kammaṭṭhānaṃ gahetvāva nisīdanti. Iti kammaṭṭhānamanasikāravasena tuṇhībhāvo ariyo tuṇhībhāvo nāma, so nātimaññitabbo, kiṃ kammaṭṭhānānuyogenāti nāvajānitabbo; attano patirūpaṃ kammaṭṭhānaṃ gahetvāva nisīditabbanti attho.

    น อุปชฺฌาโย ปุจฺฉิตโพฺพติ ‘‘โก นาโม ตุยฺหํ อุปชฺฌาโย’’ติ น ปุจฺฉิตโพฺพฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ น ชาตีติ ‘‘ขตฺติยชาติโย ตฺวํ พฺราหฺมณชาติโย’’ติ เอวํ ชาติ น ปุจฺฉิตพฺพาฯ น อาคโมติ ‘‘ทีฆภาณโกสิ ตฺวํ มชฺฌิมภาณโก’’ติ เอวํ อาคโม น ปุจฺฉิตโพฺพฯ กุลปเทโสติ ขตฺติยกุลาทิวเสเนว เวทิตโพฺพฯ อตฺรสฺส เปมํ วา โทโส วาติ อตฺร ปุคฺคเล เอเตสํ การณานํ อญฺญตรวเสน เปมํ วา ภเวยฺย โทโส วาฯ

    Na upajjhāyo pucchitabboti ‘‘ko nāmo tuyhaṃ upajjhāyo’’ti na pucchitabbo. Esa nayo sabbattha. Na jātīti ‘‘khattiyajātiyo tvaṃ brāhmaṇajātiyo’’ti evaṃ jāti na pucchitabbā. Na āgamoti ‘‘dīghabhāṇakosi tvaṃ majjhimabhāṇako’’ti evaṃ āgamo na pucchitabbo. Kulapadesoti khattiyakulādivaseneva veditabbo. Atrassa pemaṃ vā doso vāti atra puggale etesaṃ kāraṇānaṃ aññataravasena pemaṃ vā bhaveyya doso vā.

    โน ปริสกปฺปิเกนาติ ปริสกปฺปเกน ปริสานุวิธายเกน น ภวิตพฺพํ; ยํ ปริสาย รุจฺจติ, ตเทว เจเตตฺวา กเปฺปตฺวา น กเถตพฺพนฺติ อโตฺถฯ น หตฺถมุทฺทา ทเสฺสตพฺพาติ กเถตเพฺพ จ อกเถตเพฺพ จ สญฺญาชนนตฺถํ หตฺถวิกาโร น กาตโพฺพฯ

    No parisakappikenāti parisakappakena parisānuvidhāyakena na bhavitabbaṃ; yaṃ parisāya ruccati, tadeva cetetvā kappetvā na kathetabbanti attho. Na hatthamuddā dassetabbāti kathetabbe ca akathetabbe ca saññājananatthaṃ hatthavikāro na kātabbo.

    อตฺถํ อนุวิธิยเนฺตนาติ วินิจฺฉยปฎิเวธเมว สลฺลเกฺขเนฺตน ‘‘อิทํ สุตฺตํ อุปลพฺภติ, อิมสฺมิํ วินิจฺฉเย อิทํ วกฺขามี’’ติ เอวํ ปริตุลยเนฺตน นิสีทิตพฺพนฺติ อโตฺถฯ น จ อาสนา วุฎฺฐาตพฺพนฺติ น อาสนา วุฎฺฐาย สนฺนิปาตมณฺฑเล วิจริตพฺพํ, วินยธเร อุฎฺฐิเต สพฺพา ปริสา อุฎฺฐหติฯ น วีติหาตพฺพนฺติ น วินิจฺฉโย หาเปตโพฺพฯ น กุมฺมโคฺค เสวิตโพฺพติ น อาปตฺติ ทีเปตพฺพาฯ อสาหสิเกน ภวิตพฺพนฺติ น สหสาการินา ภวิตพฺพํ; สหสา ทุรุตฺตวจนํ น กเถตพฺพนฺติ อโตฺถฯ วจนกฺขเมนาติ ทุรุตฺตวาจํ ขมนสีเลนฯ หิตปริสกฺกินาติ หิเตสินา หิตคเวสินา กรุณา จ กรุณาปุพฺพภาโค จ อุปฎฺฐาเปตโพฺพติ อยํ ปททฺวเยปิ อธิปฺปาโยฯ อนสุรุเตฺตนาติ น อสุรุเตฺตนฯ อสุรุตฺตํ วุจฺจติ วิคฺคาหิกกถาสงฺขาตํ อสุนฺทรวจนํ; ตํ น กเถตพฺพนฺติ อโตฺถฯ อตฺตา ปริคฺคเหตโพฺพติ ‘‘วินิจฺฉินิตุํ วูปสเมตุํ สกฺขิสฺสามิ นุ โข โน’’ติ เอวํ อตฺตา ปริคฺคเหตโพฺพ; อตฺตโน ปมาณํ ชานิตพฺพนฺติ อโตฺถฯ ปโร ปริคฺคเหตโพฺพติ ‘‘ลชฺชิยา นุ โข อยํ ปริสา, สกฺกา สญฺญาเปตุํ อุทาหุ โน’’ติ เอวํ ปโร ปริคฺคเหตโพฺพฯ

    Atthaṃ anuvidhiyantenāti vinicchayapaṭivedhameva sallakkhentena ‘‘idaṃ suttaṃ upalabbhati, imasmiṃ vinicchaye idaṃ vakkhāmī’’ti evaṃ paritulayantena nisīditabbanti attho. Na ca āsanā vuṭṭhātabbanti na āsanā vuṭṭhāya sannipātamaṇḍale vicaritabbaṃ, vinayadhare uṭṭhite sabbā parisā uṭṭhahati. Na vītihātabbanti na vinicchayo hāpetabbo. Na kummaggo sevitabboti na āpatti dīpetabbā. Asāhasikena bhavitabbanti na sahasākārinā bhavitabbaṃ; sahasā duruttavacanaṃ na kathetabbanti attho. Vacanakkhamenāti duruttavācaṃ khamanasīlena. Hitaparisakkināti hitesinā hitagavesinā karuṇā ca karuṇāpubbabhāgo ca upaṭṭhāpetabboti ayaṃ padadvayepi adhippāyo. Anasuruttenāti na asuruttena. Asuruttaṃ vuccati viggāhikakathāsaṅkhātaṃ asundaravacanaṃ; taṃ na kathetabbanti attho. Attā pariggahetabboti ‘‘vinicchinituṃ vūpasametuṃ sakkhissāmi nu kho no’’ti evaṃ attā pariggahetabbo; attano pamāṇaṃ jānitabbanti attho. Paro pariggahetabboti ‘‘lajjiyā nu kho ayaṃ parisā, sakkā saññāpetuṃ udāhu no’’ti evaṃ paro pariggahetabbo.

    โจทโก ปริคฺคเหตโพฺพติ ‘‘ธมฺมโจทโก นุ โข โน’’ติ เอวํ ปริคฺคเหตโพฺพฯ จุทิตโก ปริคฺคเหตโพฺพติ ‘‘ธมฺมจุทิตโก นุ โข โน’’ติ เอวํ ปริคฺคเหตโพฺพฯ อธมฺมโจทโก ปริคฺคเหตโพฺพติ ตสฺส ปมาณํ ชานิตพฺพํฯ เสเสสุปิ เอเสว นโยฯ วุตฺตํ อหาเปเนฺตนาติ โจทกจุทิตเกหิ วุตฺตวจนํ อหาเปเนฺตนฯ อวุตฺตํ อปกาเสเนฺตนาติ อโนสฎํ วตฺถุํ อปฺปกาเสเนฺตนฯ มโนฺท หาเสตโพฺพติ มโนฺท โมมูโห ปคฺคณฺหิตโพฺพ, ‘‘นนุ ตฺวํ กุลปุโตฺต’’ติ อุเตฺตเชตฺวา อนุโยควตฺตํ กถาเปตฺวา ตสฺส อนุโยโค คณฺหิตโพฺพฯ ภีรู อสฺสาเสตโพฺพติ ยสฺส สงฺฆมชฺฌํ วา คณมชฺฌํ วา อโนสฎปุพฺพตฺตา สารชฺชํ อุปฺปชฺชติ, ตาทิโส ‘‘มา ภายิ, วิสฺสโฎฺฐ กเถหิ, มยํ เต อุปตฺถมฺภา ภวิสฺสามา’’ติ วตฺวาปิ อนุโยควตฺตํ กถาเปตโพฺพฯ จโณฺฑ นิเสเธตโพฺพติ อปสาเทตโพฺพ ตเชฺชตโพฺพฯ อสุจิ วิภาเวตโพฺพติ อลชฺชิํ ปกาเสตฺวา อาปตฺติํ เทสาเปตโพฺพฯ อุชุมทฺทเวนาติ โย ภิกฺขุ อุชุ สีลวา กายวงฺกาทิรหิโต, โส มทฺทเวเนว อุปจริตโพฺพฯ ธเมฺมสุ จ ปุคฺคเลสุ จาติ เอตฺถ โย ธมฺมครุโก โหติ น ปุคฺคลครุโก, อยเมว ธเมฺมสุ จ ปุคฺคเลสุ จ มชฺฌโตฺตติ เวทิตโพฺพฯ

    Codako pariggahetabboti ‘‘dhammacodako nu kho no’’ti evaṃ pariggahetabbo. Cuditako pariggahetabboti ‘‘dhammacuditako nu kho no’’ti evaṃ pariggahetabbo. Adhammacodako pariggahetabboti tassa pamāṇaṃ jānitabbaṃ. Sesesupi eseva nayo. Vuttaṃahāpentenāti codakacuditakehi vuttavacanaṃ ahāpentena. Avuttaṃ apakāsentenāti anosaṭaṃ vatthuṃ appakāsentena. Mando hāsetabboti mando momūho paggaṇhitabbo, ‘‘nanu tvaṃ kulaputto’’ti uttejetvā anuyogavattaṃ kathāpetvā tassa anuyogo gaṇhitabbo. Bhīrū assāsetabboti yassa saṅghamajjhaṃ vā gaṇamajjhaṃ vā anosaṭapubbattā sārajjaṃ uppajjati, tādiso ‘‘mā bhāyi, vissaṭṭho kathehi, mayaṃ te upatthambhā bhavissāmā’’ti vatvāpi anuyogavattaṃ kathāpetabbo. Caṇḍo nisedhetabboti apasādetabbo tajjetabbo. Asuci vibhāvetabboti alajjiṃ pakāsetvā āpattiṃ desāpetabbo. Ujumaddavenāti yo bhikkhu uju sīlavā kāyavaṅkādirahito, so maddaveneva upacaritabbo. Dhammesu ca puggalesu cāti ettha yo dhammagaruko hoti na puggalagaruko, ayameva dhammesu ca puggalesu ca majjhattoti veditabbo.

    ๓๖๖. สุตฺตํ สํสนฺทนตฺถายาติอาทีสุ เตน จ ปน เอวํ สพฺรหฺมจารีนํ ปิยมนาปครุภาวนีเยน อนุวิชฺชเกน สมุทาหเฎสุ สุตฺตาทีสุ สุตฺตํ สํสนฺทนตฺถาย; อาปตฺตานาปตฺตีนํ สํสนฺทนตฺถนฺติ เวทิตพฺพํฯ โอปมฺมํ นิทสฺสนตฺถายาติ โอปมฺมํ อตฺถทสฺสนตฺถายฯ อโตฺถ วิญฺญาปนตฺถายาติ อโตฺถ ชานาปนตฺถายฯ ปฎิปุจฺฉา ฐปนตฺถายาติ ปุจฺฉา ปุคฺคลสฺส ฐปนตฺถายฯ โอกาสกมฺมํ โจทนตฺถายาติ วตฺถุนา วา อาปตฺติยา วา โจทนตฺถายฯ โจทนา สารณตฺถายาติ โทสาโทสํ สราปนตฺถายฯ สารณา สวจนียตฺถายาติ โทสาโทสสารณา สวจนียกรณตฺถายฯ สวจนียํ ปลิโพธตฺถายาติ สวจนียํ ‘‘อิมมฺหา อาวาสา ปรํ มา ปกฺกมี’’ติ เอวํ ปลิโพธตฺถายฯ ปลิโพโธ วินิจฺฉยตฺถายาติ วินิจฺฉยํ ปาปนตฺถายฯ วินิจฺฉโย สนฺตีรณตฺถายาติ โทสาโทสํ สนฺตีรณตฺถาย ตุลนตฺถายฯ สนฺตีรณํ ฐานาฎฺฐานคมนตฺถายาติ อาปตฺติอนาปตฺติครุกลหุกาปตฺติชานนตฺถาย ฯ สโงฺฆ สมฺปริคฺคหสมฺปฎิจฺฉนตฺถายาติ วินิจฺฉยสมฺปฎิคฺคหณตฺถาย จ; สุวินิจฺฉิตทุพฺพินิจฺฉิตภาวชานนตฺถาย จาติ อโตฺถฯ ปเจฺจกฎฺฐายิโน อวิสํวาทกฎฺฐายิโนติ อิสฺสริยาธิปจฺจเชฎฺฐกฎฺฐาเน จ อวิสํวาทกฎฺฐาเน จ ฐิตา; น เต อปสาเทตพฺพาติ อโตฺถฯ

    366.Suttaṃ saṃsandanatthāyātiādīsu tena ca pana evaṃ sabrahmacārīnaṃ piyamanāpagarubhāvanīyena anuvijjakena samudāhaṭesu suttādīsu suttaṃ saṃsandanatthāya; āpattānāpattīnaṃ saṃsandanatthanti veditabbaṃ. Opammaṃ nidassanatthāyāti opammaṃ atthadassanatthāya. Attho viññāpanatthāyāti attho jānāpanatthāya. Paṭipucchā ṭhapanatthāyāti pucchā puggalassa ṭhapanatthāya. Okāsakammaṃ codanatthāyāti vatthunā vā āpattiyā vā codanatthāya. Codanā sāraṇatthāyāti dosādosaṃ sarāpanatthāya. Sāraṇā savacanīyatthāyāti dosādosasāraṇā savacanīyakaraṇatthāya. Savacanīyaṃ palibodhatthāyāti savacanīyaṃ ‘‘imamhā āvāsā paraṃ mā pakkamī’’ti evaṃ palibodhatthāya. Palibodho vinicchayatthāyāti vinicchayaṃ pāpanatthāya. Vinicchayo santīraṇatthāyāti dosādosaṃ santīraṇatthāya tulanatthāya. Santīraṇaṃ ṭhānāṭṭhānagamanatthāyāti āpattianāpattigarukalahukāpattijānanatthāya . Saṅgho sampariggahasampaṭicchanatthāyāti vinicchayasampaṭiggahaṇatthāya ca; suvinicchitadubbinicchitabhāvajānanatthāya cāti attho. Paccekaṭṭhāyino avisaṃvādakaṭṭhāyinoti issariyādhipaccajeṭṭhakaṭṭhāne ca avisaṃvādakaṭṭhāne ca ṭhitā; na te apasādetabbāti attho.

    อิทานิ เย มนฺทา มนฺทพุทฺธิโน เอวํ วเทยฺยุํ ‘‘วินโย นาม กิมตฺถายา’’ติ เตสํ วจโนกาสปิทหนตฺถมตฺตํ ทเสฺสตุํ วินโย สํวรตฺถายาติอาทิมาหฯ ตตฺถ วินโย สํวรตฺถายาติ สกลาปิ วินยปญฺญตฺติ กายวจีทฺวารสํวรตฺถายฯ อาชีววิสุทฺธิปริโยสานสฺส สีลสฺส อุปนิสฺสโย โหติ; ปจฺจโย โหตีติ อโตฺถฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ อปิเจตฺถ อวิปฺปฎิสาโรติ ปาปปุญฺญานํ กตากตวเสน จิตฺตวิปฺปฎิสาราภาโวฯ ปามุชฺชนฺติ ทุพฺพลา ตรุณปีติฯ ปีตีติ พลวา พหลปีติฯ ปสฺสทฺธีติ กายจิตฺตทรถปฎิปฺปสฺสทฺธิฯ สุขนฺติ กายิกเจตสิกสุขํฯ ตญฺหิ ทุวิธมฺปิ สมาธิสฺส อุปนิสฺสยปจฺจโย โหติฯ สมาธีติ จิเตฺตกคฺคตาฯ ยถาภูตญาณทสฺสนนฺติ ตรุณวิปสฺสนา; อุทยพฺพยญาณเสฺสตํ อธิวจนํฯ จิเตฺตกคฺคตา หิ ตรุณวิปสฺสนาย อุปนิสฺสยปจฺจโย โหติฯ นิพฺพิทาติ สิขาปตฺตา วุฎฺฐานคามินิพลววิปสฺสนาฯ วิราโคติ อริยมโคฺคฯ วิมุตฺตีติ อรหตฺตผลํฯ จตุพฺพิโธปิ หิ อริยมโคฺค อรหตฺตผลสฺส อุปนิสฺสยปจฺจโย โหติฯ วิมุตฺติญาณทสฺสนนฺติ ปจฺจเวกฺขณาญาณํฯ วิมุตฺติญาณทสฺสนํ อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถายาติ อปจฺจยปรินิพฺพานตฺถายฯ อปจฺจยปรินิพฺพานสฺส หิ ตํ ปจฺจโย โหติ, ตสฺมิํ อนุปฺปเตฺต อวสฺสํ ปรินิพฺพายิตพฺพโตติฯ เอตทตฺถา กถาติ อยํ วินยกถา นาม เอตทตฺถาฯ มนฺตนาติ วินยมนฺตนา เอวฯ อุปนิสาติ อยํ ‘‘วินโย สํวรตฺถายา’’ติอาทิกา ปรมฺปรปจฺจยตาปิ เอตทตฺถายฯ โสตาวธานนฺติ อิมิสฺสา ปรมฺปรปจฺจยกถาย โสตาวธานํฯ อิมํ กถํ สุตฺวา ยํ อุปฺปชฺชติ ญาณํ, ตมฺปิ เอตทตฺถายฯ ยทิทํ อนุปาทา จิตฺตสฺส วิโมโกฺขติ โย อยํ จตูหิ อุปาทาเนหิ อนุปาทิยิตฺวา จิตฺตสฺส อรหตฺตผลสงฺขาโต วิโมโกฺข, โสปิ เอตทตฺถาย; อปจฺจยปรินิพฺพานตฺถาย เอวาติ อโตฺถฯ

    Idāni ye mandā mandabuddhino evaṃ vadeyyuṃ ‘‘vinayo nāma kimatthāyā’’ti tesaṃ vacanokāsapidahanatthamattaṃ dassetuṃ vinayo saṃvaratthāyātiādimāha. Tattha vinayo saṃvaratthāyāti sakalāpi vinayapaññatti kāyavacīdvārasaṃvaratthāya. Ājīvavisuddhipariyosānassa sīlassa upanissayo hoti; paccayo hotīti attho. Esa nayo sabbattha. Apicettha avippaṭisāroti pāpapuññānaṃ katākatavasena cittavippaṭisārābhāvo. Pāmujjanti dubbalā taruṇapīti. Pītīti balavā bahalapīti. Passaddhīti kāyacittadarathapaṭippassaddhi. Sukhanti kāyikacetasikasukhaṃ. Tañhi duvidhampi samādhissa upanissayapaccayo hoti. Samādhīti cittekaggatā. Yathābhūtañāṇadassananti taruṇavipassanā; udayabbayañāṇassetaṃ adhivacanaṃ. Cittekaggatā hi taruṇavipassanāya upanissayapaccayo hoti. Nibbidāti sikhāpattā vuṭṭhānagāminibalavavipassanā. Virāgoti ariyamaggo. Vimuttīti arahattaphalaṃ. Catubbidhopi hi ariyamaggo arahattaphalassa upanissayapaccayo hoti. Vimuttiñāṇadassananti paccavekkhaṇāñāṇaṃ. Vimuttiñāṇadassanaṃ anupādāparinibbānatthāyāti apaccayaparinibbānatthāya. Apaccayaparinibbānassa hi taṃ paccayo hoti, tasmiṃ anuppatte avassaṃ parinibbāyitabbatoti. Etadatthā kathāti ayaṃ vinayakathā nāma etadatthā. Mantanāti vinayamantanā eva. Upanisāti ayaṃ ‘‘vinayo saṃvaratthāyā’’tiādikā paramparapaccayatāpi etadatthāya. Sotāvadhānanti imissā paramparapaccayakathāya sotāvadhānaṃ. Imaṃ kathaṃ sutvā yaṃ uppajjati ñāṇaṃ, tampi etadatthāya. Yadidaṃ anupādā cittassa vimokkhoti yo ayaṃ catūhi upādānehi anupādiyitvā cittassa arahattaphalasaṅkhāto vimokkho, sopi etadatthāya; apaccayaparinibbānatthāya evāti attho.

    ๓๖๗. อนุโยควตฺตคาถาสุ ปฐมคาถา วุตฺตตฺถา เอวฯ

    367. Anuyogavattagāthāsu paṭhamagāthā vuttatthā eva.

    วตฺถุํ วิปตฺติํ อาปตฺติํ, นิทานํ อาการอโกวิโท ปุพฺพาปรํ น ชานาตีติ ‘‘วตฺถุ’’นฺติอาทีนิ ‘‘น ชานาตี’’ติ ปเทน สมฺพโนฺธฯ ‘‘อโกวิโท’’ติ ปทสฺส ‘‘ส เว ตาทิสโก’’ติ อิมินา สมฺพโนฺธฯ ตสฺมา อยเมตฺถ โยชนา – โย ภิกฺขุ ปาราชิกาทีนํ วตฺถุํ น ชานาติ, จตุพฺพิธํ วิปตฺติํ น ชานาติ, สตฺตวิธํ อาปตฺติํ น ชานาติ, ‘‘อิทํ สิกฺขาปทํ อสุกสฺมิํ นาม นคเร ปญฺญตฺต’’นฺติ เอวํ นิทานํ น ชานาติ, ‘‘อิทํ ปุริมวจนํ อิทํ ปจฺฉิมวจน’’นฺติ ปุพฺพาปรํ น ชานาติ, ‘‘อิทํ กตํ อิทํ อกต’’นฺติ กตากตํ น ชานาติฯ สเมน จาติ เตเนว ปุพฺพาปรํ อชานนสฺส สเมน อญฺญาเณน, ‘‘กตากตํ น ชานาตี’’ติ วุตฺตํ โหติ; เอวํ ตาว นชานาติ-ปเทน สทฺธิํ สมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพฯ ยํ ปเนตํ ‘‘อาการอโกวิโท’’ติ วุตฺตํ, ตตฺถ อาการอโกวิโทติ การณาการเณ อโกวิโทฯ อิติ ยฺวายํ วตฺถุอาทีนิปิ น ชานาติ, อาการสฺส จ อโกวิโท, ส เว ตาทิสโก ภิกฺขุ อปฎิโกฺขติ วุจฺจติฯ

    Vatthuṃ vipattiṃ āpattiṃ, nidānaṃ ākāraakovido pubbāparaṃ na jānātīti ‘‘vatthu’’ntiādīni ‘‘na jānātī’’ti padena sambandho. ‘‘Akovido’’ti padassa ‘‘sa ve tādisako’’ti iminā sambandho. Tasmā ayamettha yojanā – yo bhikkhu pārājikādīnaṃ vatthuṃ na jānāti, catubbidhaṃ vipattiṃ na jānāti, sattavidhaṃ āpattiṃ na jānāti, ‘‘idaṃ sikkhāpadaṃ asukasmiṃ nāma nagare paññatta’’nti evaṃ nidānaṃ na jānāti, ‘‘idaṃ purimavacanaṃ idaṃ pacchimavacana’’nti pubbāparaṃ na jānāti, ‘‘idaṃ kataṃ idaṃ akata’’nti katākataṃ na jānāti. Samena cāti teneva pubbāparaṃ ajānanassa samena aññāṇena, ‘‘katākataṃ na jānātī’’ti vuttaṃ hoti; evaṃ tāva najānāti-padena saddhiṃ sambandho veditabbo. Yaṃ panetaṃ ‘‘ākāraakovido’’ti vuttaṃ, tattha ākāraakovidoti kāraṇākāraṇe akovido. Iti yvāyaṃ vatthuādīnipi na jānāti, ākārassa ca akovido, sa ve tādisako bhikkhu apaṭikkhoti vuccati.

    กมฺมญฺจ อธิกรณญฺจาติ อิเมสมฺปิ ปทานํ ‘‘น ชานาตี’’ติ ปเทเนว สมฺพโนฺธฯ อยํ ปเนตฺถ โยชนา – ตเถว อิติ ยฺวายํ กมฺมญฺจ น ชานาติ, อธิกรณญฺจ น ชานาติ, สตฺตปฺปกาเร สมเถ จาปิ อโกวิโท, ราคาทีหิ ปน รโตฺต ทุโฎฺฐ จ มูโฬฺห จ, ภเยน ภยา คจฺฉติ, สโมฺมเหน โมหา คจฺฉติ, รตฺตตฺตา ปน ทุฎฺฐตฺตา จ ฉนฺทา โทสา จ คจฺฉติ, ปรํ สญฺญาเปตุํ อสมตฺถตาย น จ สญฺญตฺติกุสโล, การณาการณทสฺสเน อสมตฺถตาย นิชฺฌตฺติยา จ อโกวิโท อตฺตโน สทิสาย ปริสาย ลทฺธตฺตา ลทฺธปโกฺข, หิริยา ปริพาหิรตฺตา อหิริโก, กาฬเกหิ กเมฺมหิ สมนฺนาคตตฺตา กณฺหกโมฺม, ธมฺมาทริยปุคฺคลาทริยานํ อภาวโต อนาทโร, ส เว ตาทิสโก ภิกฺขุ อปฎิโกฺขติ วุจฺจติ, น ปฎิกฺขิตโพฺพ น โอโลเกตโพฺพ, น สมฺมนฺนิตฺวา อิสฺสริยาธิปจฺจเชฎฺฐกฎฺฐาเน ฐเปตโพฺพติ อโตฺถฯ สุกฺกปกฺขคาถานมฺปิ โยชนานโย วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพติฯ

    Kammañca adhikaraṇañcāti imesampi padānaṃ ‘‘na jānātī’’ti padeneva sambandho. Ayaṃ panettha yojanā – tatheva iti yvāyaṃ kammañca na jānāti, adhikaraṇañca na jānāti, sattappakāre samathe cāpi akovido, rāgādīhi pana ratto duṭṭho ca mūḷho ca, bhayena bhayā gacchati, sammohena mohā gacchati, rattattā pana duṭṭhattā ca chandā dosā ca gacchati, paraṃ saññāpetuṃ asamatthatāya na ca saññattikusalo, kāraṇākāraṇadassane asamatthatāya nijjhattiyā ca akovido attano sadisāya parisāya laddhattā laddhapakkho, hiriyā paribāhirattā ahiriko, kāḷakehi kammehi samannāgatattā kaṇhakammo, dhammādariyapuggalādariyānaṃ abhāvato anādaro, sa ve tādisako bhikkhu apaṭikkhoti vuccati, na paṭikkhitabbo na oloketabbo, na sammannitvā issariyādhipaccajeṭṭhakaṭṭhāne ṭhapetabboti attho. Sukkapakkhagāthānampi yojanānayo vuttanayeneva veditabboti.

    จูฬสงฺคามวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Cūḷasaṅgāmavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / ปริวารปาฬิ • Parivārapāḷi / ๑. อนุวิชฺชกสฺสปฎิปตฺติ • 1. Anuvijjakassapaṭipatti

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / สงฺคามทฺวยวณฺณนา • Saṅgāmadvayavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / อนุวิชฺชกสฺสปฎิปตฺติวณฺณนา • Anuvijjakassapaṭipattivaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / อนุวิชฺชกสฺส ปฎิปตฺติวณฺณนา • Anuvijjakassa paṭipattivaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / อนุวิชฺชกสฺส ปฎิปตฺติวณฺณนา • Anuvijjakassa paṭipattivaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact