Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā

    อปโลกนกมฺมกถาวณฺณนา

    Apalokanakammakathāvaṇṇanā

    ๔๙๖. เอตรหิ สเจปิ สามเณโรติอาทีสุ พุทฺธาทีนํ อวณฺณภาสนมฺปิ อกปฺปิยาทิํ กปฺปิยาทิภาเวน ทีปนมฺปิ ทิฎฺฐิวิปตฺติยเญฺญว ปวิสติฯ เตเนว วกฺขติ ‘‘ตํ ลทฺธิํ นิสฺสชฺชาเปตโพฺพ’’ติฯ ภิกฺขูนมฺปิ เอเสว นโยฯ มิจฺฉาทิฎฺฐิโกติ พุทฺธวจนาธิปฺปายํ วิปรีตโต คณฺหโนฺต, โส เอว อนฺตคฺคาหิกาย ทิฎฺฐิยา สมนฺนาคโตติ จ วุโตฺตฯ เกจิ ปน ‘‘สสฺสตุเจฺฉทานํ อญฺญตรทิฎฺฐิยา สมนฺนาคโต’’ติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ, สสฺสตุเจฺฉทคฺคาหสฺส สามเณรานํ ลิงฺคนาสนาย การณเตฺตน เหฎฺฐา อฎฺฐกถายเมว (มหาว. อฎฺฐ. ๑๐๘) วุตฺตตฺตา, อิธ จ ทณฺฑกมฺมนาสนาย เอว อธิเปฺปตตฺตาฯ

    496.Etarahi sacepi sāmaṇerotiādīsu buddhādīnaṃ avaṇṇabhāsanampi akappiyādiṃ kappiyādibhāvena dīpanampi diṭṭhivipattiyaññeva pavisati. Teneva vakkhati ‘‘taṃ laddhiṃ nissajjāpetabbo’’ti. Bhikkhūnampi eseva nayo. Micchādiṭṭhikoti buddhavacanādhippāyaṃ viparītato gaṇhanto, so eva antaggāhikāya diṭṭhiyā samannāgatoti ca vutto. Keci pana ‘‘sassatucchedānaṃ aññataradiṭṭhiyā samannāgato’’ti vadanti, taṃ na yuttaṃ, sassatucchedaggāhassa sāmaṇerānaṃ liṅganāsanāya kāraṇattena heṭṭhā aṭṭhakathāyameva (mahāva. aṭṭha. 108) vuttattā, idha ca daṇḍakammanāsanāya eva adhippetattā.

    ตสฺสาปิ ทาตโพฺพติ วิชฺชมานํ มุขราทิภาวํ นิสฺสาย อปฺปฎิปุจฺฉิตฺวาปิ ปฎิญฺญํ อคฺคเหตฺวาปิ อาปตฺติํ อนาโรเปตฺวาปิ เทสิตายปิ อาปตฺติยา ขุํสนาทิโต อโนรมนฺตสฺส ทาตโพฺพวฯ โอรมนฺตสฺส ปน ขมาเปนฺตสฺส น ทาตโพฺพฯ

    Tassāpi dātabboti vijjamānaṃ mukharādibhāvaṃ nissāya appaṭipucchitvāpi paṭiññaṃ aggahetvāpi āpattiṃ anāropetvāpi desitāyapi āpattiyā khuṃsanādito anoramantassa dātabbova. Oramantassa pana khamāpentassa na dātabbo.

    พฺรหฺมทณฺฑสฺส ทานนฺติ ขรทณฺฑสฺส อุกฺกฎฺฐทณฺฑสฺส ทานํฯ ตชฺชนียาทิกเมฺม หิ กเต โอวาทานุสาสนิปฺปทานปฎิเกฺขโป นตฺถิฯ ทินฺนพฺรหฺมทเณฺฑ ปน ตสฺมิํ สทฺธิํ ตชฺชนียาทิกมฺมกเตหิ ปฎิกฺขิตฺตมฺปิ กาตุํ น วฎฺฎติ, ‘‘เนว วตฺตโพฺพ’’ติอาทินา อาลาปสลฺลาปาทิมตฺตสฺสาปิ นกาเรน ปฎิกฺขิตฺตตฺตาฯ ตญฺหิ ทิสฺวา ภิกฺขู คีวํ ปริวเตฺตตฺวา โอโลกนมตฺตมฺปิ น กโรนฺติ, เอวํ วิวเชฺชตพฺพํ นิมฺมทนกรณตฺถเมว ตสฺส ทณฺฑสฺส อนุญฺญาตตฺตาฯ เตเนว ฉนฺนเตฺถโรปิ อุเกฺขปนียาทิกมฺมกโตปิ อภายิตฺวา พฺรหฺมทเณฺฑ ทิเนฺน ‘‘สเงฺฆนาหํ สพฺพถา วิวชฺชิโต’’ติ มุจฺฉิโต ปปติฯ โย ปน พฺรหฺมทณฺฑกเตน สทฺธิํ ญตฺวา สํสโฎฺฐ อวิวเชฺชตฺวา วิหรติ, ตสฺส ทุกฺกฎเมวาติ คเหตพฺพํ อญฺญถา พฺรหฺมทณฺฑวิธานสฺส นิรตฺถกตาปสงฺคโตฯ เตนาติ พฺรหฺมทณฺฑกเตนฯ ยถา ตชฺชนียาทิกมฺมกเตหิ, เอวเมว ตโต อธิกมฺปิ สงฺฆํอาราเธเนฺตน สมฺมาวตฺติตพฺพํฯ ตญฺจ ‘‘โสรโต นิวาตวุตฺตี’’ติอาทินา สรูปโต ทสฺสิตเมวฯ เตนาห ‘‘สมฺมาวตฺติตฺวา ขมาเปนฺตสฺส พฺรหฺมทโณฺฑ ปฎิปฺปสฺสเมฺภตโพฺพ’’ติฯ

    Brahmadaṇḍassa dānanti kharadaṇḍassa ukkaṭṭhadaṇḍassa dānaṃ. Tajjanīyādikamme hi kate ovādānusāsanippadānapaṭikkhepo natthi. Dinnabrahmadaṇḍe pana tasmiṃ saddhiṃ tajjanīyādikammakatehi paṭikkhittampi kātuṃ na vaṭṭati, ‘‘neva vattabbo’’tiādinā ālāpasallāpādimattassāpi nakārena paṭikkhittattā. Tañhi disvā bhikkhū gīvaṃ parivattetvā olokanamattampi na karonti, evaṃ vivajjetabbaṃ nimmadanakaraṇatthameva tassa daṇḍassa anuññātattā. Teneva channattheropi ukkhepanīyādikammakatopi abhāyitvā brahmadaṇḍe dinne ‘‘saṅghenāhaṃ sabbathā vivajjito’’ti mucchito papati. Yo pana brahmadaṇḍakatena saddhiṃ ñatvā saṃsaṭṭho avivajjetvā viharati, tassa dukkaṭamevāti gahetabbaṃ aññathā brahmadaṇḍavidhānassa niratthakatāpasaṅgato. Tenāti brahmadaṇḍakatena. Yathā tajjanīyādikammakatehi, evameva tato adhikampi saṅghaṃārādhentena sammāvattitabbaṃ. Tañca ‘‘sorato nivātavuttī’’tiādinā sarūpato dassitameva. Tenāha ‘‘sammāvattitvā khamāpentassa brahmadaṇḍo paṭippassambhetabbo’’ti.

    ยํ ตํ ภควตา อวนฺทิยกมฺมํ อนุญฺญาตนฺติ สมฺพโนฺธฯ ‘‘ตสฺส ภิกฺขุโน ทณฺฑกมฺมํ กาตุ’’นฺติ สามญฺญโต อนุญฺญาตปฺปการํ ทเสฺสตฺวา ปุน วิเสสโต อนุญฺญาตปฺปการํ ทเสฺสตุํ ‘‘อถ โข’’ติอาทิปาฬิ อุทฺธฎาติ เวทิตพฺพํฯ อิมสฺส อปโลกนกมฺมสฺส ฐานํ โหตีติ อปโลกนกมฺมสฺส สามญฺญสฺส ปวตฺติฎฺฐานํ โหตีติฯ วิเสสพฺยติเรเกน อวิชฺชมานมฺปิ ตทญฺญตฺถ อปฺปวตฺติํ ทเสฺสตุํ วิเสสนิสฺสิตํ วิย โวหรียติฯ ‘‘กมฺมเญฺญว ลกฺขณ’’นฺติ อิมินา โอสารณาทิวเสน คหิตาวเสสานํ สเพฺพสํ อปโลกนกมฺมสฺส สามญฺญลกฺขณวเสน คหิตตฺตา กมฺมเญฺญว ลกฺขณมสฺสาติ กมฺมลกฺขณนฺติ นิพฺพจนํ ทเสฺสติฯ อิทญฺจ วุตฺตาวเสสานํ กมฺมานํ นิฎฺฐานฎฺฐานํ, สงฺขารกฺขนฺธธมฺมายตนานิ วิย วุตฺตาวเสสขนฺธายตนานนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ เตเนว วกฺขติ ‘‘อยํ ปเนตฺถ ปาฬิมุตฺตโกปิ กมฺมลกฺขณวินิจฺฉโย’’ติอาทิ (ปริ. อฎฺฐ. ๔๙๕-๔๙๖)ฯ ยถา เจตฺถ, เอวํ อุปริ ญตฺติกมฺมาทีสุปิ กมฺมลกฺขณํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ตสฺส กรณนฺติ อวนฺทิยกมฺมสฺส กรณวิธานํฯ

    Yaṃ taṃ bhagavatā avandiyakammaṃ anuññātanti sambandho. ‘‘Tassa bhikkhuno daṇḍakammaṃ kātu’’nti sāmaññato anuññātappakāraṃ dassetvā puna visesato anuññātappakāraṃ dassetuṃ ‘‘atha kho’’tiādipāḷi uddhaṭāti veditabbaṃ. Imassa apalokanakammassa ṭhānaṃ hotīti apalokanakammassa sāmaññassa pavattiṭṭhānaṃ hotīti. Visesabyatirekena avijjamānampi tadaññattha appavattiṃ dassetuṃ visesanissitaṃ viya voharīyati. ‘‘Kammaññeva lakkhaṇa’’nti iminā osāraṇādivasena gahitāvasesānaṃ sabbesaṃ apalokanakammassa sāmaññalakkhaṇavasena gahitattā kammaññeva lakkhaṇamassāti kammalakkhaṇanti nibbacanaṃ dasseti. Idañca vuttāvasesānaṃ kammānaṃ niṭṭhānaṭṭhānaṃ, saṅkhārakkhandhadhammāyatanāni viya vuttāvasesakhandhāyatanānanti daṭṭhabbaṃ. Teneva vakkhati ‘‘ayaṃ panettha pāḷimuttakopi kammalakkhaṇavinicchayo’’tiādi (pari. aṭṭha. 495-496). Yathā cettha, evaṃ upari ñattikammādīsupi kammalakkhaṇaṃ vuttanti veditabbaṃ. Tassa karaṇanti avandiyakammassa karaṇavidhānaṃ.

    ‘‘น วนฺทิตโพฺพ’’ติ อิมินา วนฺทนฺติยา ทุกฺกฎนฺติ ทเสฺสตีติ ทฎฺฐพฺพํฯ สเงฺฆน กตํ กติกํ ญตฺวา มทฺทนํ วิย หิ สงฺฆสมฺมุติํ อนาทเรน อติกฺกมนฺตสฺส อาปตฺติ เอว โหติฯ

    ‘‘Na vanditabbo’’ti iminā vandantiyā dukkaṭanti dassetīti daṭṭhabbaṃ. Saṅghena kataṃ katikaṃ ñatvā maddanaṃ viya hi saṅghasammutiṃ anādarena atikkamantassa āpatti eva hoti.

    ภิกฺขุสงฺฆสฺสาปิ ปเนตํ ลพฺภติเยวาติ อวนฺทิยกมฺมสฺส อุปลกฺขณมเตฺตน คหิตตฺตา ภิกฺขุสงฺฆสฺสาปิ กมฺมลกฺขณํ ลพฺภติ เอวฯ

    Bhikkhusaṅghassāpi panetaṃ labbhatiyevāti avandiyakammassa upalakkhaṇamattena gahitattā bhikkhusaṅghassāpi kammalakkhaṇaṃ labbhati eva.

    สลากทานฎฺฐานํ สลากคฺคํ นามฯ ยาคุภตฺตานํ ภาชนฎฺฐานานิ ยาคคฺคภตฺตคฺคานิ นามฯ เอเตสุปิ หิ ฐาเนสุ สโพฺพ สโงฺฆ อุโปสเถ วิย สนฺนิปติโต, กมฺมญฺจ วคฺคกมฺมํ น โหติ, ‘‘มยเมตํ น ชานิมฺหา’’ติ ปจฺฉา ขิยฺยนฺตาปิ น โหนฺติฯ ขณฺฑสีมาย ปน กเต ขิยฺยนฺติฯ สงฺฆิกปจฺจยญฺหิ อจฺฉินฺนจีวราทีนํ ทาตุํ อปโลเกเนฺตหิ อุปจารสีมฎฺฐานํ สเพฺพสํ อนุมติํ คเหตฺวาว กาตพฺพํฯ โย ปน วิสภาคปุคฺคโล ธมฺมิกํ อปโลกนํ ปฎิพาหติ, ตํ อุปาเยน พหิอุปจารสีมาคตํ วา กตฺวา ขณฺฑสีมํ วา ปวิสิตฺวา กาตุํ วฎฺฎติฯ

    Salākadānaṭṭhānaṃ salākaggaṃ nāma. Yāgubhattānaṃ bhājanaṭṭhānāni yāgaggabhattaggāni nāma. Etesupi hi ṭhānesu sabbo saṅgho uposathe viya sannipatito, kammañca vaggakammaṃ na hoti, ‘‘mayametaṃ na jānimhā’’ti pacchā khiyyantāpi na honti. Khaṇḍasīmāya pana kate khiyyanti. Saṅghikapaccayañhi acchinnacīvarādīnaṃ dātuṃ apalokentehi upacārasīmaṭṭhānaṃ sabbesaṃ anumatiṃ gahetvāva kātabbaṃ. Yo pana visabhāgapuggalo dhammikaṃ apalokanaṃ paṭibāhati, taṃ upāyena bahiupacārasīmāgataṃ vā katvā khaṇḍasīmaṃ vā pavisitvā kātuṃ vaṭṭati.

    ยํ สนฺธาย ‘‘อปโลกนกมฺมํ กโรตี’’ติ สามญฺญโต ทเสฺสติ, ตํ อปโลกนกมฺมํ สรูปโต ทเสฺสตุมาห ‘‘อจฺฉินฺนจีวรํ’’อิจฺจาทิฯ ยทิ อปโลเกตฺวาว จีวรํ ทาตพฺพํ, กิํ ปน อปฺปมตฺตกวิสฺสชฺชกสมฺมุติยาติ อาห ‘‘อปฺปมตฺตกวิสฺสชฺชนเกน ปนา’’ติอาทิฯ นาฬิ วา อุปฑฺฒนาฬิ วาติ ทิวเส ทิวเส อปโลเกตฺวา ทาตพฺพสฺส ปมาณทสฺสนํฯ เตน ยาปนมตฺตเมว อปโลเกตพฺพํ, น อธิกนฺติ ทเสฺสติฯ เอกทิวสํเยว วาติอาทิ ทสวีสติทิวสานํ เอกสฺมิํ ทิวเสเยว ทาตพฺพปริเจฺฉททสฺสนํ, เตน ยาว ชีวนฺติ วา ยาว โรคา วุฎฺฐหตีติ วา เอวํ อปโลเกตุํ น วฎฺฎตีติ ทเสฺสติฯ อิณปลิโพธนฺติ อิณวตฺถุํ ทาตุํ วฎฺฎตีติ สมฺพโนฺธฯ ตญฺจ อิณายิเกหิ ปลิพุทฺธสฺส ลชฺชิเปสลสฺส สาสนุปการกสฺส ปมาณยุตฺตเมว กปฺปิยภณฺฑํ นิยเมตฺวา อปโลเกตฺวา ทาตพฺพํ, น ปน สหสฺสํ วา สตสหสฺสํ วา มหาอิณํฯ ตาทิสญฺหิ ภิกฺขาจริยวเตฺตน สเพฺพหิ ภิกฺขูหิ ตาทิสสฺส ภิกฺขุโน ปริเยสิตฺวา ทาตพฺพํฯ

    Yaṃ sandhāya ‘‘apalokanakammaṃ karotī’’ti sāmaññato dasseti, taṃ apalokanakammaṃ sarūpato dassetumāha ‘‘acchinnacīvaraṃ’’iccādi. Yadi apaloketvāva cīvaraṃ dātabbaṃ, kiṃ pana appamattakavissajjakasammutiyāti āha ‘‘appamattakavissajjanakena panā’’tiādi. Nāḷi vā upaḍḍhanāḷi vāti divase divase apaloketvā dātabbassa pamāṇadassanaṃ. Tena yāpanamattameva apaloketabbaṃ, na adhikanti dasseti. Ekadivasaṃyeva vātiādi dasavīsatidivasānaṃ ekasmiṃ divaseyeva dātabbaparicchedadassanaṃ, tena yāva jīvanti vā yāva rogā vuṭṭhahatīti vā evaṃ apaloketuṃ na vaṭṭatīti dasseti. Iṇapalibodhanti iṇavatthuṃ dātuṃ vaṭṭatīti sambandho. Tañca iṇāyikehi palibuddhassa lajjipesalassa sāsanupakārakassa pamāṇayuttameva kappiyabhaṇḍaṃ niyametvā apaloketvā dātabbaṃ, na pana sahassaṃ vā satasahassaṃ vā mahāiṇaṃ. Tādisañhi bhikkhācariyavattena sabbehi bhikkhūhi tādisassa bhikkhuno pariyesitvā dātabbaṃ.

    อุปนิเกฺขปโตติ เจติยปฎิชคฺคนตฺถาย วฑฺฒิยา ปโยเชตฺวา กปฺปิยการเกหิ ฐปิตวตฺถุโตฯ สงฺฆิเกนปีติ น เกวลญฺจ ตตฺรุปฺปาทโต ปจฺจยทายเกหิ จตุปจฺจยตฺถาย สงฺฆสฺส ทินฺนวตฺถุนาปีติ อโตฺถฯ

    Upanikkhepatoti cetiyapaṭijagganatthāya vaḍḍhiyā payojetvā kappiyakārakehi ṭhapitavatthuto. Saṅghikenapīti na kevalañca tatruppādato paccayadāyakehi catupaccayatthāya saṅghassa dinnavatthunāpīti attho.

    สงฺฆภตฺตํ กาตุํ น วฎฺฎตีติ มหาทานํ เทเนฺตหิปิ กริยมานํ สงฺฆภตฺตํ วิย กาเรตุํ น วฎฺฎตีติ อธิปฺปาโยฯ

    Saṅghabhattaṃ kātuṃ na vaṭṭatīti mahādānaṃ dentehipi kariyamānaṃ saṅghabhattaṃ viya kāretuṃ na vaṭṭatīti adhippāyo.

    ‘‘ยถาสุขํ ปริภุญฺชิตุํ รุจฺจตี’’ติ วุตฺตตฺตา อตฺตโน ปริโภคปฺปโหนกํ อปฺปํ วา พหุํ วา คเหตพฺพํ, อธิกํ ปน คเหตุํ น ลภติฯ อุโปสถทิวเสติ นิทสฺสนมตฺตํ, ยสฺมิํ กิสฺมิญฺจิ ทิวเสปิ กตํ สุกตเมว โหติฯ กโรเนฺตน ‘‘ยํ อิมสฺมิํ วิหาเร อโนฺตสีมาย สงฺฆสนฺตกํ…เป.… ยถาสุขํ ปริภุญฺชิตุํ มยฺหํ รุจฺจตี’’ติ เอวํ กติกา กาตพฺพา, ตถา ทฺวีหิ ตีหิปิ ‘‘อายสฺมนฺตานํ รุจฺจตี’’ติ วจนเมว เหตฺถ วิเสโสฯ เตสมฺปีติ รุกฺขานํฯ สา เอว กติกาติ วิสุํ กติกา น กาตพฺพาติ อโตฺถฯ

    ‘‘Yathāsukhaṃ paribhuñjituṃ ruccatī’’ti vuttattā attano paribhogappahonakaṃ appaṃ vā bahuṃ vā gahetabbaṃ, adhikaṃ pana gahetuṃ na labhati. Uposathadivaseti nidassanamattaṃ, yasmiṃ kismiñci divasepi kataṃ sukatameva hoti. Karontena ‘‘yaṃ imasmiṃ vihāre antosīmāya saṅghasantakaṃ…pe… yathāsukhaṃ paribhuñjituṃ mayhaṃ ruccatī’’ti evaṃ katikā kātabbā, tathā dvīhi tīhipi ‘‘āyasmantānaṃ ruccatī’’ti vacanameva hettha viseso. Tesampīti rukkhānaṃ. Sā eva katikāti visuṃ katikā na kātabbāti attho.

    เตสนฺติ รุกฺขานํฯ สโงฺฆ สามีติ สมฺพโนฺธฯ ปุริมวิหาเรติ ปุริเม ยถาสุขํ ปริโภคตฺถาย กตกติเก วิหาเรฯ ปริเวณานิ กตฺวา ชคฺคนฺตีติ ยตฺถ อรกฺขิยมาเน ผลาผลานิ, รุกฺขา จ วินสฺสนฺติ, ตาทิสํ ฐานํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตตฺถ สงฺฆสฺส กติกา น ปวตฺตีติ อธิปฺปาโยฯ เย ปน รุกฺขา พีชานิ โรเปตฺวา อาทิโต ปฎฺฐาย ปฎิชคฺคิตา, เตปิ ทสมภาคํ ทตฺวา โรปเกเหว ปริภุญฺชิตพฺพาฯ เตหีติ ชคฺคเกหิฯ

    Tesanti rukkhānaṃ. Saṅgho sāmīti sambandho. Purimavihāreti purime yathāsukhaṃ paribhogatthāya katakatike vihāre. Pariveṇāni katvā jaggantīti yattha arakkhiyamāne phalāphalāni, rukkhā ca vinassanti, tādisaṃ ṭhānaṃ sandhāya vuttaṃ, tattha saṅghassa katikā na pavattīti adhippāyo. Ye pana rukkhā bījāni ropetvā ādito paṭṭhāya paṭijaggitā, tepi dasamabhāgaṃ datvā ropakeheva paribhuñjitabbā. Tehīti jaggakehi.

    ตตฺถาติ ตสฺมิํ วิหาเรฯ มูเลติ อาทิกาเล, ปุเพฺพติ อโตฺถฯ ทีฆา กติกาติ อปริจฺฉินฺนกาลา ยถาสุขํ ปริโภคตฺถาย กติกาฯ นิกฺกุกฺกุเจฺจนาติ ‘‘อภาชิตมิท’’นฺติ กุกฺกุจฺจํ อกตฺวาติ อโตฺถฯ ขิยฺยนมตฺตเมเวตนฺติ เตน ขิยฺยเนน พหุํ ขาทนฺตานํ โทโส นตฺถิ อตฺตโน ปริโภคปฺปมาณเสฺสว คหิตตฺตา, ขิยฺยเนฺตปิ อตฺตโน ปโหนกํ คเหตฺวา ขาทิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโยฯ

    Tatthāti tasmiṃ vihāre. Mūleti ādikāle, pubbeti attho. Dīghā katikāti aparicchinnakālā yathāsukhaṃ paribhogatthāya katikā. Nikkukkuccenāti ‘‘abhājitamida’’nti kukkuccaṃ akatvāti attho. Khiyyanamattamevetanti tena khiyyanena bahuṃ khādantānaṃ doso natthi attano paribhogappamāṇasseva gahitattā, khiyyantepi attano pahonakaṃ gahetvā khāditabbanti adhippāyo.

    คณฺหถาติ น วตฺตพฺพาติ ตถาวุเตฺต เตเนว ภิกฺขุนา ทินฺนํ วิย มเญฺญยฺยุํ, ตํ นิสฺสาย มิจฺฉาชีวสมฺภโว โหตีติ วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘อนุวิจริตฺวา’’ติอาทิฯ อุปฑฺฒภาโคติ เอกภิกฺขุโน ปฎิวีสโต อุปฑฺฒภาโคฯ เทเนฺตน จ ‘‘เอตฺตกํ ทาตุํ สโงฺฆ อนุญฺญาสี’’ติ เอวํ อตฺตานํ ปริโมเจตฺวา ยถา เต สเงฺฆ เอว ปสีทนฺติ, เอวํ วตฺวา ทาตพฺพํฯ

    Gaṇhathāti na vattabbāti tathāvutte teneva bhikkhunā dinnaṃ viya maññeyyuṃ, taṃ nissāya micchājīvasambhavo hotīti vuttaṃ. Tenāha ‘‘anuvicaritvā’’tiādi. Upaḍḍhabhāgoti ekabhikkhuno paṭivīsato upaḍḍhabhāgo. Dentena ca ‘‘ettakaṃ dātuṃ saṅgho anuññāsī’’ti evaṃ attānaṃ parimocetvā yathā te saṅghe eva pasīdanti, evaṃ vatvā dātabbaṃ.

    อปจฺจาสีสเนฺตนาติ คิลานคมิกิสฺสราทีนํ อนุญฺญาตปุคฺคลานมฺปิ อตฺตโน สนฺตกํ เทเนฺตน อปจฺจาสีสเนฺตเนว ทาตพฺพํ, อนนุญฺญาตปุคฺคลานํ ปน อปจฺจาสีสเนฺตนาปิ ทาตุํ น วฎฺฎตีติฯ สงฺฆิกเมว ยถากติตาย ทาเปตพฺพํฯ อตฺตโน สนฺตกมฺปิ ปจฺจยทายกาที สยเมว วิสฺสาเสน คณฺหนฺติ, น วาเรตพฺพา, ลทฺธกปฺปิยนฺติ ตุณฺหี ภวิตพฺพํฯ ปุเพฺพ วุตฺตเมวาติ ‘‘กุโทฺธ หิ โส รุเกฺขปิ ฉิเนฺทยฺยา’’ติอาทินา ตุณฺหีภาเว การณํ ปุเพฺพ วุตฺตเมวฯ เตหิ กตอนตฺถาภาเวปิ การุเญฺญน ตุณฺหี ภวิตุํ วฎฺฎติ, ‘‘คณฺหถา’’ติอาทิ ปน วตฺตุํ น วฎฺฎติฯ

    Apaccāsīsantenāti gilānagamikissarādīnaṃ anuññātapuggalānampi attano santakaṃ dentena apaccāsīsanteneva dātabbaṃ, ananuññātapuggalānaṃ pana apaccāsīsantenāpi dātuṃ na vaṭṭatīti. Saṅghikameva yathākatitāya dāpetabbaṃ. Attano santakampi paccayadāyakādī sayameva vissāsena gaṇhanti, na vāretabbā, laddhakappiyanti tuṇhī bhavitabbaṃ. Pubbe vuttamevāti ‘‘kuddho hi so rukkhepi chindeyyā’’tiādinā tuṇhībhāve kāraṇaṃ pubbe vuttameva. Tehi kataanatthābhāvepi kāruññena tuṇhī bhavituṃ vaṭṭati, ‘‘gaṇhathā’’tiādi pana vattuṃ na vaṭṭati.

    ครุภณฺฑตฺตา…เป.… น ทาตพฺพนฺติ ชีวรุกฺขานํ อารามฎฺฐานียตฺตา, ทารูนญฺจ เคหสมฺภารานุปคตตฺตา ‘‘สพฺพํ ตฺวเมว คณฺหา’’ติ ทาตุํ น วฎฺฎตีติ วุตฺตํฯ อกตาวาสํ วา กตฺวาติ ปุเพฺพ อวิชฺชมานํ เสนาสนํ กตฺวา ชคฺคิตกาเล ผลวาเร สมฺปเตฺตฯ

    Garubhaṇḍattā…pe… na dātabbanti jīvarukkhānaṃ ārāmaṭṭhānīyattā, dārūnañca gehasambhārānupagatattā ‘‘sabbaṃ tvameva gaṇhā’’ti dātuṃ na vaṭṭatīti vuttaṃ. Akatāvāsaṃ vā katvāti pubbe avijjamānaṃ senāsanaṃ katvā jaggitakāle phalavāre sampatte.

    อปโลกนกมฺมกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Apalokanakammakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / ปริวารปาฬิ • Parivārapāḷi / ๑. กมฺมวโคฺค • 1. Kammavaggo

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / ปริวาร-อฎฺฐกถา • Parivāra-aṭṭhakathā / อปโลกนกมฺมกถา • Apalokanakammakathā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / อปโลกนกมฺมกถาวณฺณนา • Apalokanakammakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / อปโลกนกมฺมกถาวณฺณนา • Apalokanakammakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / อปโลกนกมฺมกถา • Apalokanakammakathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact