Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) |
๑๐. อปณฺณกสุตฺตวณฺณนา
10. Apaṇṇakasuttavaṇṇanā
๙๒. เอวํ เม สุตนฺติ อปณฺณกสุตฺตํฯ ตตฺถ จาริกนฺติ อตุริตจาริกํฯ
92.Evaṃme sutanti apaṇṇakasuttaṃ. Tattha cārikanti aturitacārikaṃ.
๙๓. อตฺถิ ปน โว คหปตโยติ กสฺมา อาห? โส กิร คาโม อฎวิทฺวาเร นิวิโฎฺฐฯ นานาวิธา สมณพฺราหฺมณา ทิวสํ มคฺคํ คนฺตฺวา สายํ ตํ คามํ วาสตฺถาย อุเปนฺติ, เตสํ เต มนุสฺสา มญฺจปีฐานิ ปตฺถริตฺวา ปาเท โธวิตฺวา ปาเท มเกฺขตฺวา กปฺปิยปานกานิ ทตฺวา ปุนทิวเส นิมเนฺตตฺวา ทานํ เทนฺติฯ เต ปสนฺนจิตฺตา เตหิ สทฺธิํ สมฺมนฺตยมานา เอวํ วทนฺติ ‘‘อตฺถิ ปน โว คหปตโย กิญฺจิ ทสฺสนํ คหิต’’นฺติ? นตฺถิ, ภเนฺตติฯ ‘‘คหปตโย วินา ทสฺสเนน โลโก น นิยฺยาติ, เอกํ ทสฺสนํ รุจฺจิตฺวา ขมาเปตฺวา คเหตุํ วฎฺฎติ, ‘สสฺสโต โลโก’ติ ทสฺสนํ คณฺหถา’’ติ วตฺวา ปกฺกนฺตาฯ อปรทิวเส อเญฺญ อาคตาฯ เตปิ ตเถว ปุจฺฉิํสุฯ เต เตสํ ‘‘อาม, ภเนฺต, ปุริเมสุ ทิวเสสุ ตุมฺหาทิสา สมณพฺราหฺมณา อาคนฺตฺวา ‘สสฺสโต โลโก’ติ อเมฺห อิทํ ทสฺสนํ คาหาเปตฺวา คตา’’ติ อาโรเจสุํฯ ‘‘เต พาลา กิํ ชานนฺติ? ‘อุจฺฉิชฺชติ อยํ โลโก’ติ อุเจฺฉททสฺสนํ คณฺหถา’’ติ เอวํ เตปิ อุเจฺฉททสฺสนํ คณฺหาเปตฺวา ปกฺกนฺตาฯ เอเตนุปาเยน อเญฺญ เอกจฺจสสฺสตํ, อเญฺญ อนฺตานนฺตํ , อเญฺญ อมราวิเกฺขปนฺติ เอวํ ทฺวาสฎฺฐิ ทิฎฺฐิโย อุคฺคณฺหาเปสุํฯ เต ปน เอกทิฎฺฐิยมฺปิ ปติฎฺฐาตุํ นาสกฺขิํสุฯ สพฺพปจฺฉา ภควา อคมาสิฯ โส เตสํ หิตตฺถาย ปุจฺฉโนฺต ‘‘อตฺถิ ปน โว คหปตโย’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อาการวตีติ การณวตี สเหตุกาฯ อปณฺณโกติ อวิรโทฺธ อเทฺวชฺฌคามี เอกํสคาหิโกฯ
93.Atthi pana vo gahapatayoti kasmā āha? So kira gāmo aṭavidvāre niviṭṭho. Nānāvidhā samaṇabrāhmaṇā divasaṃ maggaṃ gantvā sāyaṃ taṃ gāmaṃ vāsatthāya upenti, tesaṃ te manussā mañcapīṭhāni pattharitvā pāde dhovitvā pāde makkhetvā kappiyapānakāni datvā punadivase nimantetvā dānaṃ denti. Te pasannacittā tehi saddhiṃ sammantayamānā evaṃ vadanti ‘‘atthi pana vo gahapatayo kiñci dassanaṃ gahita’’nti? Natthi, bhanteti. ‘‘Gahapatayo vinā dassanena loko na niyyāti, ekaṃ dassanaṃ ruccitvā khamāpetvā gahetuṃ vaṭṭati, ‘sassato loko’ti dassanaṃ gaṇhathā’’ti vatvā pakkantā. Aparadivase aññe āgatā. Tepi tatheva pucchiṃsu. Te tesaṃ ‘‘āma, bhante, purimesu divasesu tumhādisā samaṇabrāhmaṇā āgantvā ‘sassato loko’ti amhe idaṃ dassanaṃ gāhāpetvā gatā’’ti ārocesuṃ. ‘‘Te bālā kiṃ jānanti? ‘Ucchijjati ayaṃ loko’ti ucchedadassanaṃ gaṇhathā’’ti evaṃ tepi ucchedadassanaṃ gaṇhāpetvā pakkantā. Etenupāyena aññe ekaccasassataṃ, aññe antānantaṃ , aññe amarāvikkhepanti evaṃ dvāsaṭṭhi diṭṭhiyo uggaṇhāpesuṃ. Te pana ekadiṭṭhiyampi patiṭṭhātuṃ nāsakkhiṃsu. Sabbapacchā bhagavā agamāsi. So tesaṃ hitatthāya pucchanto ‘‘atthi pana vo gahapatayo’’tiādimāha. Tattha ākāravatīti kāraṇavatī sahetukā. Apaṇṇakoti aviraddho advejjhagāmī ekaṃsagāhiko.
๙๔. นตฺถิ ทินฺนนฺติอาทิ ทสวตฺถุกา มิจฺฉาทิฎฺฐิ เหฎฺฐา สาเลยฺยกสุเตฺต วิตฺถาริตาฯ ตถา ตพฺพิปจฺจนีกภูตา สมฺมาทิฎฺฐิฯ
94.Natthi dinnantiādi dasavatthukā micchādiṭṭhi heṭṭhā sāleyyakasutte vitthāritā. Tathā tabbipaccanīkabhūtā sammādiṭṭhi.
๙๕. เนกฺขเมฺม อานิสํสนฺติ โย เนสํ อกุสลโต นิกฺขนฺตภาเว อานิสํโส, โย จ โวทานปโกฺข วิสุทฺธิปโกฺข, ตํ น ปสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ อสทฺธมฺมสญฺญตฺตีติ อภูตธมฺมสญฺญาปนา ฯ อตฺตานุกฺกํเสตีติ ฐเปตฺวา มํ โก อโญฺญ อตฺตโน ทสฺสนํ ปเร คณฺหาเปตุํ สโกฺกตีติ อตฺตานํ อุกฺขิปติฯ ปรํ วเมฺภตีติ เอตฺตเกสุ ชเนสุ เอโกปิ อตฺตโน ทสฺสนํ ปเร คณฺหาเปตุํ น สโกฺกตีติ เอวํ ปรํ เหฎฺฐา ขิปติฯ ปุเพฺพว โข ปนาติ ปุเพฺพ มิจฺฉาทสฺสนํ คณฺหนฺตเสฺสว สุสีลฺยํ ปหีนํ โหติ, ทุสฺสีลภาโว ปจฺจุปฎฺฐิโตฯ เอวมสฺสิเมติ เอวํ อสฺส อิเม มิจฺฉาทิฎฺฐิอาทโย สตฺตฯ อปราปรํ อุปฺปชฺชนวเสน ปน เตเยว มิจฺฉาทิฎฺฐิปจฺจยา อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ นามฯ
95.Nekkhamme ānisaṃsanti yo nesaṃ akusalato nikkhantabhāve ānisaṃso, yo ca vodānapakkho visuddhipakkho, taṃ na passantīti attho. Asaddhammasaññattīti abhūtadhammasaññāpanā . Attānukkaṃsetīti ṭhapetvā maṃ ko añño attano dassanaṃ pare gaṇhāpetuṃ sakkotīti attānaṃ ukkhipati. Paraṃ vambhetīti ettakesu janesu ekopi attano dassanaṃ pare gaṇhāpetuṃ na sakkotīti evaṃ paraṃ heṭṭhā khipati. Pubbeva kho panāti pubbe micchādassanaṃ gaṇhantasseva susīlyaṃ pahīnaṃ hoti, dussīlabhāvo paccupaṭṭhito. Evamassimeti evaṃ assa ime micchādiṭṭhiādayo satta. Aparāparaṃ uppajjanavasena pana teyeva micchādiṭṭhipaccayā aneke pāpakā akusalā dhammā uppajjanti nāma.
ตตฺราติ ตาสุ เตสํ สมณพฺราหฺมณานํ ลทฺธีสุฯ กลิคฺคโหติ ปราชยคฺคาโหฯ ทุสฺสมโตฺต สมาทิโนฺนติ ทุคฺคหิโต ทุปฺปรามโฎฺฐฯ เอกํสํ ผริตฺวา ติฎฺฐตีติ เอกนฺตํ เอกโกฎฺฐาสํ สกวาทเมว ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา ติฎฺฐติ, ‘‘สเจ โข นตฺถิ ปโร โลโก’’ติ เอวํ สเนฺตเยว โสตฺถิภาวาวโห โหติฯ ริญฺจตีติ วเชฺชติฯ
Tatrāti tāsu tesaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ laddhīsu. Kaliggahoti parājayaggāho. Dussamatto samādinnoti duggahito dupparāmaṭṭho. Ekaṃsaṃ pharitvā tiṭṭhatīti ekantaṃ ekakoṭṭhāsaṃ sakavādameva pharitvā adhimuccitvā tiṭṭhati, ‘‘sace kho natthi paro loko’’ti evaṃ santeyeva sotthibhāvāvaho hoti. Riñcatīti vajjeti.
๙๖. สทฺธมฺมสญฺญตฺตีติ ภูตธมฺมสญฺญาปนาฯ
96.Saddhammasaññattīti bhūtadhammasaññāpanā.
กฎคฺคโหติ ชยคฺคาโหฯ สุสมโตฺต สมาทิโนฺนติ สุคฺคหิโต สุปรามโฎฺฐฯ อุภยํสํ ผริตฺวา ติฎฺฐตีติ อุภยนฺตํ อุภยโกฎฺฐาสํ สกวาทํ ปรวาทญฺจ ผริตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา ติฎฺฐติ ‘‘สเจ โข อตฺถิ ปโร โลโก’’ติ เอวํ สเนฺตปิ ‘‘สเจ โข นตฺถิ ปโร โลโก’’ติ เอวํ สเนฺตปิ โสตฺถิภาวาวโห โหติฯ ปรโตปิ เอกํสอุภยํเสสุ อิมินาว นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Kaṭaggahoti jayaggāho. Susamatto samādinnoti suggahito suparāmaṭṭho. Ubhayaṃsaṃpharitvā tiṭṭhatīti ubhayantaṃ ubhayakoṭṭhāsaṃ sakavādaṃ paravādañca pharitvā adhimuccitvā tiṭṭhati ‘‘sace kho atthi paro loko’’ti evaṃ santepi ‘‘sace kho natthi paro loko’’ti evaṃ santepi sotthibhāvāvaho hoti. Paratopi ekaṃsaubhayaṃsesu imināva nayena attho veditabbo.
๙๗. กโรโตติ สหตฺถา กโรนฺตสฺสฯ การยโตติ อาณตฺติยา กาเรนฺตสฺสฯ ฉินฺทโตติ ปเรสํ หตฺถาทีนิ ฉินฺทนฺตสฺสฯ ปจโตติ ทเณฺฑน ปีเฬนฺตสฺส วา ตเชฺชนฺตสฺส วาฯ โสจยโตติ ปรสฺส ภณฺฑหรณาทีหิ โสกํ สยํ กโรนฺตสฺสปิ ปเรหิ กาเรนฺตสฺสปิฯ กิลมโตติ อาหารูปเจฺฉท-พนฺธนาคารปฺปเวสนาทีหิ สยํ กิลมนฺตสฺสาปิ ปเรหิ กิลมาเปนฺตสฺสาปิฯ ผนฺทโต ผนฺทาปยโตติ ปรํ ผนฺทนฺตํ ผนฺทนกาเล สยมฺปิ ผนฺทโต ปรมฺปิ ผนฺทาปยโตฯ ปาณมติปาตยโตติ ปาณํ หนนฺตสฺสปิ หนาเปนฺตสฺสปิฯ เอวํ สพฺพตฺถ กรณการาปนวเสเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
97.Karototi sahatthā karontassa. Kārayatoti āṇattiyā kārentassa. Chindatoti paresaṃ hatthādīni chindantassa. Pacatoti daṇḍena pīḷentassa vā tajjentassa vā. Socayatoti parassa bhaṇḍaharaṇādīhi sokaṃ sayaṃ karontassapi parehi kārentassapi. Kilamatoti āhārūpaccheda-bandhanāgārappavesanādīhi sayaṃ kilamantassāpi parehi kilamāpentassāpi. Phandato phandāpayatoti paraṃ phandantaṃ phandanakāle sayampi phandato parampi phandāpayato. Pāṇamatipātayatoti pāṇaṃ hanantassapi hanāpentassapi. Evaṃ sabbattha karaṇakārāpanavaseneva attho veditabbo.
สนฺธินฺติ ฆรสนฺธิํฯ นิโลฺลปนฺติ มหาวิโลปํฯ เอกาคาริกนฺติ เอกเมว ฆรํ ปริวาเรตฺวา วิลุมฺปนํฯ ปริปเนฺถ ติฎฺฐโตติ อาคตาคตานํ อจฺฉินฺทนตฺถํ มเคฺค ติฎฺฐโตฯ กโรโต น กรียติ ปาปนฺติ ยํกิญฺจิ ปาปํ กโรมีติ สญฺญาย กโรโตปิ ปาปํ น กรียติ, นตฺถิ ปาปํฯ สตฺตา ปน กโรมาติ เอวํสญฺญิโน โหนฺตีติ อโตฺถฯ ขุรปริยเนฺตนาติ ขุรเนมินา, ขุรธารสทิสปริยเนฺตน วาฯ เอกํ มํสขลนฺติ เอกํ มํสราสิํฯ ปุญฺชนฺติ ตเสฺสว เววจนํฯ ตโตนิทานนฺติ เอกมํสขลกรณนิทานํฯ ทกฺขิณตีเร มนุสฺสา กกฺขฬา ทารุณา, เต สนฺธาย หนโนฺตติอาทิ วุตฺตํฯ อุตฺตรตีเร สทฺธา โหนฺติ ปสนฺนา พุทฺธมามกา ธมฺมมามกา สงฺฆมามกา, เต สนฺธาย ททโนฺตติอาทิ วุตฺตํฯ
Sandhinti gharasandhiṃ. Nillopanti mahāvilopaṃ. Ekāgārikanti ekameva gharaṃ parivāretvā vilumpanaṃ. Paripanthetiṭṭhatoti āgatāgatānaṃ acchindanatthaṃ magge tiṭṭhato. Karoto na karīyati pāpanti yaṃkiñci pāpaṃ karomīti saññāya karotopi pāpaṃ na karīyati, natthi pāpaṃ. Sattā pana karomāti evaṃsaññino hontīti attho. Khurapariyantenāti khuraneminā, khuradhārasadisapariyantena vā. Ekaṃ maṃsakhalanti ekaṃ maṃsarāsiṃ. Puñjanti tasseva vevacanaṃ. Tatonidānanti ekamaṃsakhalakaraṇanidānaṃ. Dakkhiṇatīre manussā kakkhaḷā dāruṇā, te sandhāya hanantotiādi vuttaṃ. Uttaratīre saddhā honti pasannā buddhamāmakā dhammamāmakā saṅghamāmakā, te sandhāya dadantotiādi vuttaṃ.
ตตฺถ ยชโนฺตติ มหายาคํ กโรโนฺตฯ ทเมนาติ อินฺทฺริยทเมน อุโปสถกเมฺมนฯ สํยเมนาติ สีลสํยเมนฯ สจฺจวเชฺชนาติ สจฺจวจเนนฯ อาคโมติ อาคมนํ, ปวตฺตีติ อโตฺถฯ สพฺพถาปิ ปาปปุญฺญานํ กิริยเมว ปฎิกฺขิปนฺติฯ สุกฺกปโกฺขปิ วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ เสสเมตฺถ ปุริมวาเร วุตฺตสทิสเมวฯ
Tattha yajantoti mahāyāgaṃ karonto. Damenāti indriyadamena uposathakammena. Saṃyamenāti sīlasaṃyamena. Saccavajjenāti saccavacanena. Āgamoti āgamanaṃ, pavattīti attho. Sabbathāpi pāpapuññānaṃ kiriyameva paṭikkhipanti. Sukkapakkhopi vuttanayeneva veditabbo. Sesamettha purimavāre vuttasadisameva.
๑๐๐. นตฺถิ เหตุ นตฺถิ ปจฺจโยติ เอตฺถ ปจฺจโย เหตุเววจนํฯ อุภเยนาปิ วิชฺชมานกเมว กายทุจฺจริตาทิสํกิเลสปจฺจยํ กายสุจริตาทิวิสุทฺธิปจฺจยํ ปฎิกฺขิปนฺติฯ นตฺถิ พลํ, นตฺถิ วีริยํ, นตฺถิ ปุริสถาโม, นตฺถิ ปุริสปรกฺกโมติ สตฺตานํ สํกิเลสิตุํ วา วิสุชฺฌิตุํ วา พลํ วา วีริยํ วา ปุริเสน กาตโพฺพ นาม ปุริสถาโม วา ปุริสปรกฺกโม วา นตฺถิฯ
100.Natthi hetu natthi paccayoti ettha paccayo hetuvevacanaṃ. Ubhayenāpi vijjamānakameva kāyaduccaritādisaṃkilesapaccayaṃ kāyasucaritādivisuddhipaccayaṃ paṭikkhipanti. Natthibalaṃ, natthi vīriyaṃ, natthi purisathāmo, natthi purisaparakkamoti sattānaṃ saṃkilesituṃ vā visujjhituṃ vā balaṃ vā vīriyaṃ vā purisena kātabbo nāma purisathāmo vā purisaparakkamo vā natthi.
สเพฺพ สตฺตาติ โอฎฺฐโคณคทฺรภาทโย อนวเสเส นิทเสฺสนฺติฯ สเพฺพ ปาณาติ เอกินฺทฺริโย ปาโณ ทฺวินฺทฺริโย ปาโณติ อาทิวเสน วทนฺติฯ สเพฺพ ภูตาติ อณฺฑโกสวตฺถิโกเสสุ ภูเต สนฺธาย วทนฺติฯ สเพฺพ ชีวาติ สาลิยวโคธุมาทโย สนฺธาย วทนฺติฯ เตสุ เหเต วิรุหนภาเวน ชีวสญฺญิโนฯ อวสา อพลา อวีริยาติ เตสํ อตฺตโน วโส วา พลํ วา วีริยํ วา นตฺถิฯ นิยติสงฺคติภาวปริณตาติ เอตฺถ นิยตีติ นิยตตาฯ สงฺคตีติ ฉนฺนํ อภิชาตีนํ ตตฺถ ตตฺถ คมนํฯ ภาโวติ สภาโวเยวฯ เอวํ นิยติยา จ สงฺคติยา จ ภาเวน จ ปริณตา นานปฺปการตํ ปตฺตาฯ เยน หิ ยถา ภวิตพฺพํ, โส ตเถว ภวติฯ เยน โน ภวิตพฺพํ, โส น ภวตีติ ทเสฺสนฺติฯ ฉเสฺววาภิชาตีสูติ ฉสุ เอว อภิชาตีสุ ฐตฺวา สุขญฺจ ทุกฺขญฺจ ปฎิสํเวเทนฺติ, อญฺญา สุขทุกฺขภูมิ นตฺถีติ ทเสฺสนฺติฯ
Sabbe sattāti oṭṭhagoṇagadrabhādayo anavasese nidassenti. Sabbe pāṇāti ekindriyo pāṇo dvindriyo pāṇoti ādivasena vadanti. Sabbe bhūtāti aṇḍakosavatthikosesu bhūte sandhāya vadanti. Sabbe jīvāti sāliyavagodhumādayo sandhāya vadanti. Tesu hete viruhanabhāvena jīvasaññino. Avasā abalā avīriyāti tesaṃ attano vaso vā balaṃ vā vīriyaṃ vā natthi. Niyatisaṅgatibhāvapariṇatāti ettha niyatīti niyatatā. Saṅgatīti channaṃ abhijātīnaṃ tattha tattha gamanaṃ. Bhāvoti sabhāvoyeva. Evaṃ niyatiyā ca saṅgatiyā ca bhāvena ca pariṇatā nānappakārataṃ pattā. Yena hi yathā bhavitabbaṃ, so tatheva bhavati. Yena no bhavitabbaṃ, so na bhavatīti dassenti. Chasvevābhijātīsūti chasu eva abhijātīsu ṭhatvā sukhañca dukkhañca paṭisaṃvedenti, aññā sukhadukkhabhūmi natthīti dassenti.
ตตฺถ ฉ อภิชาติโย นาม กณฺหาภิชาติ นีลาภิชาติ โลหิตาภิชาติ หลิทฺทาภิชาติ สุกฺกาภิชาติ ปรมสุกฺกาภิชาตีติฯ ตตฺถ สากุณิโก สูกริโก ลุโทฺท มจฺฉฆาตโก โจโร โจรฆาตโก, เย วา ปนเญฺญปิ เกจิ กุรูรกมฺมนฺตา, อยํ กณฺหาภิชาติ นามฯ ภิกฺขู นีลาภิชาตีติ วทนฺติฯ เต กิร จตูสุ ปจฺจเยสุ กณฺฎเก ปกฺขิปิตฺวา ขาทนฺติฯ ‘‘ภิกฺขู จ กณฺฎกวุตฺติโน’’ติ อยญฺหิ เนสํ ปาฬิเยวฯ อถ วา กณฺฎกวุตฺติกา เอวํ นาม เอเก ปพฺพชิตาติ วทนฺติฯ ‘‘สมณกณฺฎกวุตฺติกา’’ติปิ หิ เนสํ ปาฬิฯ โลหิตาภิชาติ นาม นิคณฺฐา เอกสาฎกาติ วทนฺติฯ อิเม กิร ปุริเมหิ ทฺวีหิ ปณฺฑรตราฯ คิหี อเจลกสาวกา หลิทฺทาภิชาตีติ วทนฺติฯ อิติ อตฺตโน ปจฺจยทายเก นิคเณฺฐหิปิ เชฎฺฐกตเร กโรนฺติฯ นโนฺท, วโจฺฉ, สงฺกิโจฺจ, อยํ สุกฺกาภิชาตีติ วทนฺติฯ เต กิร ปุริเมหิ จตูหิ ปณฺฑรตราฯ อาชีวเก ปน ปรมสุกฺกาภิชาตีติ วทนฺติฯ เต กิร สเพฺพหิ ปณฺฑรตราฯ
Tattha cha abhijātiyo nāma kaṇhābhijāti nīlābhijāti lohitābhijāti haliddābhijāti sukkābhijāti paramasukkābhijātīti. Tattha sākuṇiko sūkariko luddo macchaghātako coro coraghātako, ye vā panaññepi keci kurūrakammantā, ayaṃ kaṇhābhijāti nāma. Bhikkhū nīlābhijātīti vadanti. Te kira catūsu paccayesu kaṇṭake pakkhipitvā khādanti. ‘‘Bhikkhū ca kaṇṭakavuttino’’ti ayañhi nesaṃ pāḷiyeva. Atha vā kaṇṭakavuttikā evaṃ nāma eke pabbajitāti vadanti. ‘‘Samaṇakaṇṭakavuttikā’’tipi hi nesaṃ pāḷi. Lohitābhijāti nāma nigaṇṭhā ekasāṭakāti vadanti. Ime kira purimehi dvīhi paṇḍaratarā. Gihī acelakasāvakā haliddābhijātīti vadanti. Iti attano paccayadāyake nigaṇṭhehipi jeṭṭhakatare karonti. Nando, vaccho, saṅkicco, ayaṃ sukkābhijātīti vadanti. Te kira purimehi catūhi paṇḍaratarā. Ājīvake pana paramasukkābhijātīti vadanti. Te kira sabbehi paṇḍaratarā.
ตตฺถ สเพฺพ สตฺตา ปฐมํ สากุณิกาทโยว โหนฺติ, ตโต วิสุชฺฌมานา สกฺยสมณา โหนฺติ, ตโต วิสุชฺฌมานา นิคณฺฐา, ตโต อาชีวกสาวกา, ตโต นนฺทาทโย, ตโต อาชีวกาติ อยเมเตสํ ลทฺธิฯ สุกฺกปโกฺข วุตฺตปจฺจนีเกน เวทิตโพฺพฯ เสสมิธาปิ ปุริมวาเร วุตฺตสทิสเมวฯ
Tattha sabbe sattā paṭhamaṃ sākuṇikādayova honti, tato visujjhamānā sakyasamaṇā honti, tato visujjhamānā nigaṇṭhā, tato ājīvakasāvakā, tato nandādayo, tato ājīvakāti ayametesaṃ laddhi. Sukkapakkho vuttapaccanīkena veditabbo. Sesamidhāpi purimavāre vuttasadisameva.
อิมาสุ ปน ตีสุ ทิฎฺฐีสุ นตฺถิกทิฎฺฐิ วิปากํ ปฎิพาหติ, อกิริยทิฎฺฐิ กมฺมํ ปฎิพาหติ, อเหตุกทิฎฺฐิ อุภยมฺปิ ปฎิพาหติฯ ตตฺถ กมฺมํ ปฎิพาหเนฺตนาปิ วิปาโก ปฎิพาหิโต โหติ, วิปากํ ปฎิพาหเนฺตนาปิ กมฺมํ ปฎิพาหิตํฯ อิติ สเพฺพเปเต อตฺถโต อุภยปฎิพาหกา นตฺถิกวาทา เจว อเหตุกวาทา อกิริยวาทา จ โหนฺติฯ เย ปน เตสํ ลทฺธิํ คเหตฺวา รตฺติฎฺฐาเน ทิวาฎฺฐาเน นิสินฺนา สชฺฌายนฺติ วีมํสนฺติ, เตสํ – ‘‘นตฺถิ ทินฺนํ นตฺถิ ยิฎฺฐํ, กโรโต น กริยติ ปาปํ, นตฺถิ เหตุ นตฺถิ ปจฺจโย’’ติ ตสฺมิํ อารมฺมเณ มิจฺฉาสติ สนฺติฎฺฐติ , จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ, ชวนานิ ชวนฺติ, ปฐมชวเน สเตกิจฺฉา โหนฺติ, ตถา ทุติยาทีสุฯ สตฺตเม พุทฺธานมฺปิ อเตกิจฺฉา อนิวตฺติโน อริฎฺฐกณฺฎกสทิสาฯ
Imāsu pana tīsu diṭṭhīsu natthikadiṭṭhi vipākaṃ paṭibāhati, akiriyadiṭṭhi kammaṃ paṭibāhati, ahetukadiṭṭhi ubhayampi paṭibāhati. Tattha kammaṃ paṭibāhantenāpi vipāko paṭibāhito hoti, vipākaṃ paṭibāhantenāpi kammaṃ paṭibāhitaṃ. Iti sabbepete atthato ubhayapaṭibāhakā natthikavādā ceva ahetukavādā akiriyavādā ca honti. Ye pana tesaṃ laddhiṃ gahetvā rattiṭṭhāne divāṭṭhāne nisinnā sajjhāyanti vīmaṃsanti, tesaṃ – ‘‘natthi dinnaṃ natthi yiṭṭhaṃ, karoto na kariyati pāpaṃ, natthi hetu natthi paccayo’’ti tasmiṃ ārammaṇe micchāsati santiṭṭhati , cittaṃ ekaggaṃ hoti, javanāni javanti, paṭhamajavane satekicchā honti, tathā dutiyādīsu. Sattame buddhānampi atekicchā anivattino ariṭṭhakaṇṭakasadisā.
ตตฺถ โกจิ เอกํ ทสฺสนํ โอกฺกมติ, โกจิ เทฺว, โกจิ ตีณิปิ, เอกสฺมิํ โอกฺกเนฺตปิ ทฺวีสุ ตีสุ โอกฺกเนฺตสุปิ นิยตมิจฺฉาทิฎฺฐิโกว โหติ, ปโตฺต สคฺคมคฺคาวรณเญฺจว โมกฺขมคฺคาวรณญฺจ, อภโพฺพ ตสฺส อตฺตภาวสฺส อนนฺตรํ สคฺคมฺปิ คนฺตุํ, ปเคว โมกฺขํฯ วฎฺฎขาณุ นาเมส สโตฺต ปถวีโคปโกฯ กิํ ปเนส เอกสฺมิํเยว อตฺตภาเว นิยโต โหติ, อุทาหุ อญฺญสฺมิมฺปีติ? เอกสฺมิเญฺญว นิยโต, อาเสวนวเสน ปน ภวนฺตเรปิ ตํ ตํ ทิฎฺฐิํ โรเจติเยวฯ เอวรูปสฺส หิ เยภุเยฺยน ภวโต วุฎฺฐานํ นาม นตฺถิฯ
Tattha koci ekaṃ dassanaṃ okkamati, koci dve, koci tīṇipi, ekasmiṃ okkantepi dvīsu tīsu okkantesupi niyatamicchādiṭṭhikova hoti, patto saggamaggāvaraṇañceva mokkhamaggāvaraṇañca, abhabbo tassa attabhāvassa anantaraṃ saggampi gantuṃ, pageva mokkhaṃ. Vaṭṭakhāṇu nāmesa satto pathavīgopako. Kiṃ panesa ekasmiṃyeva attabhāve niyato hoti, udāhu aññasmimpīti? Ekasmiññeva niyato, āsevanavasena pana bhavantarepi taṃ taṃ diṭṭhiṃ rocetiyeva. Evarūpassa hi yebhuyyena bhavato vuṭṭhānaṃ nāma natthi.
ตสฺมา อกลฺยาณชนํ, อาสีวิสมิโวรคํ;
Tasmā akalyāṇajanaṃ, āsīvisamivoragaṃ;
อารกา ปริวเชฺชยฺย, ภูติกาโม วิจกฺขโณติฯ
Ārakā parivajjeyya, bhūtikāmo vicakkhaṇoti.
๑๐๓. นตฺถิ สพฺพโส อารุปฺปาติ อรูปพฺรหฺมโลโก นาม สพฺพากาเรน นตฺถิฯ มโนมยาติ ฌานจิตฺตมยาฯ สญฺญามยาติ อรูปชฺฌานสญฺญาย สญฺญามยาฯ รูปานํเยว นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย ปฎิปโนฺน โหตีติ อยํ ลาภี วา โหติ ตกฺกี วาฯ ลาภี นาม รูปาวจรชฺฌานลาภีฯ ตสฺส รูปาวจเร กงฺขา นตฺถิ, อรูปาวจรโลเก อตฺถิ ฯ โส – ‘‘อหํ อารุปฺปา อตฺถีติ วทนฺตานมฺปิ นตฺถีติ วทนฺตานมฺปิ สุณามิ, อตฺถิ นตฺถีติ ปน น ชานามิฯ จตุตฺถชฺฌานํ ปทฎฺฐานํ กตฺวา อรูปาวจรชฺฌานํ นิพฺพเตฺตสฺสามิฯ สเจ อารุปฺปา อตฺถิ, ตตฺถ นิพฺพตฺติสฺสามิ, สเจ นตฺถิ, รูปาวจรพฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติสฺสามิฯ เอวํ เม อปณฺณโก ธโมฺม อปณฺณโกว อวิรโทฺธว ภวิสฺสตี’’ติ ตถา ปฎิปชฺชติฯ ตกฺกี ปน อปฺปฎิลทฺธชฺฌาโน, ตสฺสาปิ รูปชฺฌาเน กงฺขา นตฺถิ, อรูปโลเก ปน อตฺถิฯ โส – ‘‘อหํ อารุปฺปา อตฺถีติ วทนฺตานมฺปิ นตฺถีติ วทนฺตานมฺปิ สุณามิ, อตฺถิ นตฺถีติ ปน น ชานามิฯ กสิณปริกมฺมํ กตฺวา จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพเตฺตตฺวา ตํ ปทฎฺฐานํ กตฺวา อรูปาวจรชฺฌานํ นิพฺพเตฺตสฺสามิฯ สเจ อารุปฺปา อตฺถิ, ตตฺถ นิพฺพตฺติสฺสามิฯ สเจ นตฺถิ, รูปาวจรพฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติสฺสามิฯ เอวํ เม อปณฺณโก ธโมฺม อปณฺณโกว อวิรโทฺธว ภวิสฺสตี’’ติ ตถา ปฎิปชฺชติฯ
103.Natthi sabbaso āruppāti arūpabrahmaloko nāma sabbākārena natthi. Manomayāti jhānacittamayā. Saññāmayāti arūpajjhānasaññāya saññāmayā. Rūpānaṃyeva nibbidāya virāgāya nirodhāya paṭipanno hotīti ayaṃ lābhī vā hoti takkī vā. Lābhī nāma rūpāvacarajjhānalābhī. Tassa rūpāvacare kaṅkhā natthi, arūpāvacaraloke atthi . So – ‘‘ahaṃ āruppā atthīti vadantānampi natthīti vadantānampi suṇāmi, atthi natthīti pana na jānāmi. Catutthajjhānaṃ padaṭṭhānaṃ katvā arūpāvacarajjhānaṃ nibbattessāmi. Sace āruppā atthi, tattha nibbattissāmi, sace natthi, rūpāvacarabrahmaloke nibbattissāmi. Evaṃ me apaṇṇako dhammo apaṇṇakova aviraddhova bhavissatī’’ti tathā paṭipajjati. Takkī pana appaṭiladdhajjhāno, tassāpi rūpajjhāne kaṅkhā natthi, arūpaloke pana atthi. So – ‘‘ahaṃ āruppā atthīti vadantānampi natthīti vadantānampi suṇāmi, atthi natthīti pana na jānāmi. Kasiṇaparikammaṃ katvā catutthajjhānaṃ nibbattetvā taṃ padaṭṭhānaṃ katvā arūpāvacarajjhānaṃ nibbattessāmi. Sace āruppā atthi, tattha nibbattissāmi. Sace natthi, rūpāvacarabrahmaloke nibbattissāmi. Evaṃ me apaṇṇako dhammo apaṇṇakova aviraddhova bhavissatī’’ti tathā paṭipajjati.
๑๐๔. ภวนิโรโธติ นิพฺพานํฯ สาราคาย สนฺติเกติ ราควเสน วเฎฺฎ รชฺชนสฺส สนฺติเกฯ สํโยคายาติ ตณฺหาวเสน สํโยชนตฺถายฯ อภินนฺทนายาติ ตณฺหาทิฎฺฐิวเสน อภินนฺทนายฯ ปฎิปโนฺน โหตีติ อยมฺปิ ลาภี วา โหติ ตกฺกี วาฯ ลาภี นาม อฎฺฐสมาปตฺติลาภีฯ ตสฺส อารุเปฺป กงฺขา นตฺถิ, นิพฺพาเน อตฺถิฯ โส – ‘‘อหํ นิโรโธ อตฺถีติปิ นตฺถีติปิ สุณามิ, สยํ น ชานามิฯ สมาปตฺติํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒสฺสามิฯ สเจ นิโรโธ ภวิสฺสติ, อรหตฺตํ ปตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสามิฯ โน เจ ภวิสฺสติ, อารุเปฺป นิพฺพตฺติสฺสามี’’ติ เอวํ ปฎิปชฺชติฯ ตกฺกี ปน เอกสมาปตฺติยาปิ น ลาภี, อารุเปฺป ปนสฺส กงฺขา นตฺถิ, ภวนิโรเธ อตฺถิฯ โส – ‘‘อหํ นิโรโธ อตฺถีติปิ นตฺถีติปิ สุณามิ, สยํ น ชานามิ, กสิณปริกมฺมํ กตฺวา อฎฺฐสมาปตฺติโย นิพฺพเตฺตตฺวา สมาปตฺติปทฎฺฐานํ วิปสฺสนํ วเฑฺฒสฺสามิฯ สเจ นิโรโธ ภวิสฺสติ, อรหตฺตํ ปตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสามิฯ โน เจ ภวิสฺสติ, อารุเปฺป นิพฺพตฺติสฺสามี’’ติ เอวํ ปฎิปชฺชติฯ เอตฺถาห – ‘‘อตฺถิ ทินฺนนฺติอาทีนิ ตาว อปณฺณกานิ ภวนฺตุ, นตฺถิ ทินฺนนฺติอาทีนิ ปน กถํ อปณฺณกานี’’ติฯ คหณวเสนฯ ตานิ หิ อปณฺณกํ อปณฺณกนฺติ เอวํ คหิตตฺตา อปณฺณกานิ นาม ชาตานิฯ
104.Bhavanirodhoti nibbānaṃ. Sārāgāya santiketi rāgavasena vaṭṭe rajjanassa santike. Saṃyogāyāti taṇhāvasena saṃyojanatthāya. Abhinandanāyāti taṇhādiṭṭhivasena abhinandanāya. Paṭipanno hotīti ayampi lābhī vā hoti takkī vā. Lābhī nāma aṭṭhasamāpattilābhī. Tassa āruppe kaṅkhā natthi, nibbāne atthi. So – ‘‘ahaṃ nirodho atthītipi natthītipi suṇāmi, sayaṃ na jānāmi. Samāpattiṃ pādakaṃ katvā vipassanaṃ vaḍḍhessāmi. Sace nirodho bhavissati, arahattaṃ patvā parinibbāyissāmi. No ce bhavissati, āruppe nibbattissāmī’’ti evaṃ paṭipajjati. Takkī pana ekasamāpattiyāpi na lābhī, āruppe panassa kaṅkhā natthi, bhavanirodhe atthi. So – ‘‘ahaṃ nirodho atthītipi natthītipi suṇāmi, sayaṃ na jānāmi, kasiṇaparikammaṃ katvā aṭṭhasamāpattiyo nibbattetvā samāpattipadaṭṭhānaṃ vipassanaṃ vaḍḍhessāmi. Sace nirodho bhavissati, arahattaṃ patvā parinibbāyissāmi. No ce bhavissati, āruppe nibbattissāmī’’ti evaṃ paṭipajjati. Etthāha – ‘‘atthi dinnantiādīni tāva apaṇṇakāni bhavantu, natthi dinnantiādīni pana kathaṃ apaṇṇakānī’’ti. Gahaṇavasena. Tāni hi apaṇṇakaṃ apaṇṇakanti evaṃ gahitattā apaṇṇakāni nāma jātāni.
๑๐๕. จตฺตาโรเมติ อยํ ปาฎิเอโกฺก อนุสนฺธิฯ นตฺถิกวาโท, อเหตุกวาโท อกิริยวาโท, อารุปฺปา นตฺถิ นิโรโธ นตฺถีติ เอวํวาทิโน จ เทฺวติ อิเม ปญฺจ ปุคฺคลา เหฎฺฐา ตโย ปุคฺคลาว โหนฺติฯ อตฺถิกวาทาทโย ปญฺจ เอโก จตุตฺถปุคฺคโลว โหติฯ เอตมตฺถํ ทเสฺสตุํ ภควา อิมํ เทสนํ อารภิฯ ตตฺถ สพฺพํ อตฺถโต อุตฺตานเมวาติฯ
105.Cattārometi ayaṃ pāṭiekko anusandhi. Natthikavādo, ahetukavādo akiriyavādo, āruppā natthi nirodho natthīti evaṃvādino ca dveti ime pañca puggalā heṭṭhā tayo puggalāva honti. Atthikavādādayo pañca eko catutthapuggalova hoti. Etamatthaṃ dassetuṃ bhagavā imaṃ desanaṃ ārabhi. Tattha sabbaṃ atthato uttānamevāti.
ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย
Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya
อปณฺณกสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Apaṇṇakasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
ปฐมวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Paṭhamavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๑๐. อปณฺณกสุตฺตํ • 10. Apaṇṇakasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๑๐. อปณฺณกสุตฺตวณฺณนา • 10. Apaṇṇakasuttavaṇṇanā