Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๗. (อปร)-โคตมเตฺถรคาถาวณฺณนา
7. (Apara)-gotamattheragāthāvaṇṇanā
วิชาเนยฺย สกํ อตฺถนฺติอาทิกา อายสฺมโต อปรสฺส โคตมเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินิตฺวา อมฺหากํ ภควโต อุปฺปตฺติโต ปุเรตรเมว สาวตฺถิยํ อุทิจฺจพฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต ติณฺณํ เวทานํ ปารคู หุตฺวา, วาทมคฺคํ อุคฺคเหตฺวา อตฺตโน วาทสฺส อุปริ อุตฺตริํ วทนฺตํ อลภโนฺต เตหิ เตหิ วิคฺคาหิกกถํ อนุยุโตฺต วิจรติฯ อถ อมฺหากํ ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจโกฺก อนุปุเพฺพน ยสาทิเก เวเนเยฺย วิเนตฺวา อนาถปิณฺฑิกสฺส อภิยาจนาย สาวตฺถิํ อุปคจฺฉิฯ ตทา สตฺถุ เชตวนปฎิคฺคเห ปฎิลทฺธสโทฺธ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิฯ สตฺถา อญฺญตรํ ปิณฺฑจาริกํ ภิกฺขุํ อาณาเปสิ – ‘‘ภิกฺขุ, อิมํ ปพฺพาเชหี’’ติฯ โส เตน ปพฺพาชิยมาโน ขุรเคฺคเยว อรหตฺตํ ปาปุณิตฺวา โกสลชนปทํ คนฺตฺวา ตตฺถ จิรํ วสิตฺวา ปุน สาวตฺถิํ ปจฺจาคมิฯ ตํ พหู ญาตกา พฺราหฺมณมหาสาลา อุปสงฺกมิตฺวา ปยิรุปาสิตฺวา นิสินฺนา ‘‘อิมสฺมิํ โลเก พหู สมณพฺราหฺมณา สํสาเร สุทฺธิวาทา, เตสุ กตเมสํ นุ โข วาโท นิยฺยานิโก, กถํ ปฎิปชฺชโนฺต สํสารโต สุชฺฌตี’’ติ ปุจฺฉิํสุฯ เถโร เตสํ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต –
Vijāneyya sakaṃ atthantiādikā āyasmato aparassa gotamattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ kusalaṃ upacinitvā amhākaṃ bhagavato uppattito puretarameva sāvatthiyaṃ udiccabrāhmaṇakule nibbattitvā vayappatto tiṇṇaṃ vedānaṃ pāragū hutvā, vādamaggaṃ uggahetvā attano vādassa upari uttariṃ vadantaṃ alabhanto tehi tehi viggāhikakathaṃ anuyutto vicarati. Atha amhākaṃ bhagavā loke uppajjitvā pavattitavaradhammacakko anupubbena yasādike veneyye vinetvā anāthapiṇḍikassa abhiyācanāya sāvatthiṃ upagacchi. Tadā satthu jetavanapaṭiggahe paṭiladdhasaddho satthāraṃ upasaṅkamitvā dhammaṃ sutvā pabbajjaṃ yāci. Satthā aññataraṃ piṇḍacārikaṃ bhikkhuṃ āṇāpesi – ‘‘bhikkhu, imaṃ pabbājehī’’ti. So tena pabbājiyamāno khuraggeyeva arahattaṃ pāpuṇitvā kosalajanapadaṃ gantvā tattha ciraṃ vasitvā puna sāvatthiṃ paccāgami. Taṃ bahū ñātakā brāhmaṇamahāsālā upasaṅkamitvā payirupāsitvā nisinnā ‘‘imasmiṃ loke bahū samaṇabrāhmaṇā saṃsāre suddhivādā, tesu katamesaṃ nu kho vādo niyyāniko, kathaṃ paṭipajjanto saṃsārato sujjhatī’’ti pucchiṃsu. Thero tesaṃ tamatthaṃ pakāsento –
๕๘๗.
587.
‘‘วิชาเนยฺย สกํ อตฺถํ, อวโลเกยฺยาถ ปาวจนํ;
‘‘Vijāneyya sakaṃ atthaṃ, avalokeyyātha pāvacanaṃ;
ยเญฺจตฺถ อสฺส ปติรูปํ, สามญฺญํ อชฺฌูปคตสฺสฯ
Yañcettha assa patirūpaṃ, sāmaññaṃ ajjhūpagatassa.
๕๘๘.
588.
‘‘มิตฺตํ อิธ จ กลฺยาณํ, สิกฺขา วิปุลํ สมาทานํ;
‘‘Mittaṃ idha ca kalyāṇaṃ, sikkhā vipulaṃ samādānaṃ;
สุสฺสูสา จ ครูนํ, เอตํ สมณสฺส ปติรูปํฯ
Sussūsā ca garūnaṃ, etaṃ samaṇassa patirūpaṃ.
๕๘๙.
589.
‘‘พุเทฺธสุ สคารวตา, ธเมฺม อปจิติ ยถาภูตํ;
‘‘Buddhesu sagāravatā, dhamme apaciti yathābhūtaṃ;
สเงฺฆ จ จิตฺตีกาโร, เอตํ สมณสฺส ปติรูปํฯ
Saṅghe ca cittīkāro, etaṃ samaṇassa patirūpaṃ.
๕๙๐.
590.
‘‘อาจารโคจเร ยุโตฺต, อาชีโว โสธิโต อคารโยฺห;
‘‘Ācāragocare yutto, ājīvo sodhito agārayho;
จิตฺตสฺส จ สณฺฐปนํ, เอตํ สมณสฺส ปติรูปํฯ
Cittassa ca saṇṭhapanaṃ, etaṃ samaṇassa patirūpaṃ.
๕๙๑.
591.
‘‘จาริตฺตํ อถ วาริตฺตํ, อิริยาปถิยํ ปสาทนิยํ;
‘‘Cārittaṃ atha vārittaṃ, iriyāpathiyaṃ pasādaniyaṃ;
อธิจิเตฺต จ อาโยโค, เอตํ สมณสฺส ปติรูปํฯ
Adhicitte ca āyogo, etaṃ samaṇassa patirūpaṃ.
๕๙๒.
592.
‘‘อารญฺญกานิ เสนาสนานิ, ปนฺตานิ อปฺปสทฺทานิ;
‘‘Āraññakāni senāsanāni, pantāni appasaddāni;
ภชิตพฺพานิ มุนินา, เอตํ สมณสฺส ปติรูปํฯ
Bhajitabbāni muninā, etaṃ samaṇassa patirūpaṃ.
๕๙๓.
593.
‘‘สีลญฺจ พาหุสจฺจญฺจ, ธมฺมานํ ปวิจโย ยถาภูตํ;
‘‘Sīlañca bāhusaccañca, dhammānaṃ pavicayo yathābhūtaṃ;
สจฺจานํ อภิสมโย, เอตํ สมณสฺส ปติรูปํฯ
Saccānaṃ abhisamayo, etaṃ samaṇassa patirūpaṃ.
๕๙๔.
594.
‘‘ภาเวยฺย จ อนิจฺจนฺติ, อนตฺตสญฺญํ อสุภสญฺญญฺจ;
‘‘Bhāveyya ca aniccanti, anattasaññaṃ asubhasaññañca;
โลกมฺหิ จ อนภิรติํ, เอตํ สมณสฺส ปติรูปํฯ
Lokamhi ca anabhiratiṃ, etaṃ samaṇassa patirūpaṃ.
๕๙๕.
595.
‘‘ภาเวยฺย จ โพชฺฌเงฺค, อิทฺธิปาทานิ อินฺทฺริยานิ พลานิ;
‘‘Bhāveyya ca bojjhaṅge, iddhipādāni indriyāni balāni;
อฎฺฐงฺคมคฺคมริยํ, เอตํ สมณสฺส ปติรูปํฯ
Aṭṭhaṅgamaggamariyaṃ, etaṃ samaṇassa patirūpaṃ.
๕๙๖.
596.
‘‘ตณฺหํ ปชเหยฺย มุนิ, สมูลเก อาสเว ปทาเลยฺย;
‘‘Taṇhaṃ pajaheyya muni, samūlake āsave padāleyya;
วิหเรยฺย วิปฺปมุโตฺต, เอตํ สมณสฺส ปติรูป’’นฺติฯ –
Vihareyya vippamutto, etaṃ samaṇassa patirūpa’’nti. –
อิมา คาถา อภาสิฯ
Imā gāthā abhāsi.
ตตฺถ วิชาเนยฺย สกํ อตฺถนฺติ, วิญฺญูชาติโก ปุริโส อตฺตโน อตฺถํ ยาถาวโต วิจาเรตฺวา ชาเนยฺยฯ วิจาเรโนฺต จ อวโลเกยฺยาถ ปาวจนํ อิธ โลเก ปุถุสมณพฺราหฺมเณหิ สมฺมาสมฺพุเทฺธน จ ปวุตฺตํ ปาวจนํ, สมโยฯ ตตฺถ ยํ นิยฺยานิกํ, ตํ โอโลเกยฺย ปญฺญาจกฺขุนา ปเสฺสยฺยฯ อิเม หิ นานาติตฺถิยา สมณพฺราหฺมณา อนิเจฺจ ‘‘นิจฺจ’’นฺติ, อนตฺตนิ ‘‘อตฺตา’’ติ, อสุทฺธิมคฺคญฺจ ‘‘สุทฺธิมโคฺค’’ติ มิจฺฉาภินิเวสิโน อญฺญมญฺญญฺจ วิรุทฺธวาทา, ตสฺมา เนสํ วาโท อนิยฺยานิโกฯ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ปน ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อนิจฺจา, สเพฺพ ธมฺมา อนตฺตา, สนฺตํ นิพฺพาน’’นฺติ สยมฺภูญาเณน ยถาภูตํ อพฺภญฺญาย ปเวเทติ, ตสฺมา ‘‘ตสฺส วาโท นิยฺยานิโก’’ติ สตฺถุ สาสนมหนฺตตํ โอโลเกยฺยาติ อโตฺถฯ ยเญฺจตฺถ อสฺส ปติรูปํ, สามญฺญํ อชฺฌูปคตสฺสาติ, สามญฺญํ สมณภาวํ ปพฺพชฺชํ อุปคตสฺส กุลปุตฺตสฺส ยํ เอตฺถ สาสเน ปพฺพชิตภาเว วา ปติรูปํ ยุตฺตรูปํ สารุปฺปํ อสฺส สิยา, ตมฺปิ อปโลเกยฺยฯ
Tattha vijāneyya sakaṃ atthanti, viññūjātiko puriso attano atthaṃ yāthāvato vicāretvā jāneyya. Vicārento ca avalokeyyātha pāvacanaṃ idha loke puthusamaṇabrāhmaṇehi sammāsambuddhena ca pavuttaṃ pāvacanaṃ, samayo. Tattha yaṃ niyyānikaṃ, taṃ olokeyya paññācakkhunā passeyya. Ime hi nānātitthiyā samaṇabrāhmaṇā anicce ‘‘nicca’’nti, anattani ‘‘attā’’ti, asuddhimaggañca ‘‘suddhimaggo’’ti micchābhinivesino aññamaññañca viruddhavādā, tasmā nesaṃ vādo aniyyāniko. Sammāsambuddho pana ‘‘sabbe saṅkhārā aniccā, sabbe dhammā anattā, santaṃ nibbāna’’nti sayambhūñāṇena yathābhūtaṃ abbhaññāya pavedeti, tasmā ‘‘tassa vādo niyyāniko’’ti satthu sāsanamahantataṃ olokeyyāti attho. Yañcettha assa patirūpaṃ, sāmaññaṃ ajjhūpagatassāti, sāmaññaṃ samaṇabhāvaṃ pabbajjaṃ upagatassa kulaputtassa yaṃ ettha sāsane pabbajitabhāve vā patirūpaṃ yuttarūpaṃ sāruppaṃ assa siyā, tampi apalokeyya.
กิํ ปน ตนฺติ อาห ‘‘มิตฺตํ อิธ จ กลฺยาณ’’นฺติอาทิฯ อิมสฺมิํ สาสเน กลฺยาณมิตฺตํ เสวิยมานํ สมณสฺส ปติรูปนฺติ โยชนาฯ เอส นโย อิตเรสุปิฯ กลฺยาณมิตฺตญฺหิ นิสฺสาย อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวติ, สุทฺธมตฺตานํ ปริหรติฯ สิกฺขา วิปุลํ สมาทานนฺติ วิปุลํ สิกฺขาสมาทานํ, มหติยา นิพฺพานาวหาย อธิสีลาทิสิกฺขาย อนุฎฺฐานนฺติ อโตฺถฯ สุสฺสูสา จ ครูนนฺติ ครูนํ อาจริยุปชฺฌายาทีนํ กลฺยาณมิตฺตานํ โอวาทสฺส โสตุกมฺยตา ปาริจริยา จฯ เอตนฺติ กลฺยาณมิตฺตเสวนาทิฯ
Kiṃ pana tanti āha ‘‘mittaṃ idha ca kalyāṇa’’ntiādi. Imasmiṃ sāsane kalyāṇamittaṃ seviyamānaṃ samaṇassa patirūpanti yojanā. Esa nayo itaresupi. Kalyāṇamittañhi nissāya akusalaṃ pajahati, kusalaṃ bhāveti, suddhamattānaṃ pariharati. Sikkhā vipulaṃ samādānanti vipulaṃ sikkhāsamādānaṃ, mahatiyā nibbānāvahāya adhisīlādisikkhāya anuṭṭhānanti attho. Sussūsā ca garūnanti garūnaṃ ācariyupajjhāyādīnaṃ kalyāṇamittānaṃ ovādassa sotukamyatā pāricariyā ca. Etanti kalyāṇamittasevanādi.
พุเทฺธสุ สคารวตาติ สพฺพญฺญุพุเทฺธสุ ‘‘สมฺมาสมฺพุโทฺธ ภควา’’ติ คารวโยโค ครุจิตฺตีกาโรฯ ธเมฺม อปจิติ ยถาภูตนฺติ อริยธเมฺม ยาถาวโต อปจายนํ อาทเรน อภิปูชนํฯ สเงฺฆติ อริยสเงฺฆฯ จิตฺตีกาโรติ สกฺกาโร สมฺมานนํฯ เอตนฺติ รตนตฺตยครุกรณํฯ
Buddhesu sagāravatāti sabbaññubuddhesu ‘‘sammāsambuddho bhagavā’’ti gāravayogo garucittīkāro. Dhamme apaciti yathābhūtanti ariyadhamme yāthāvato apacāyanaṃ ādarena abhipūjanaṃ. Saṅgheti ariyasaṅghe. Cittīkāroti sakkāro sammānanaṃ. Etanti ratanattayagarukaraṇaṃ.
อาจารโคจเร ยุโตฺตติ กายิกวาจสิกวีติกฺกมนสงฺขาตํ อนาจารํ, ปิณฺฑปาตาทีนํ อตฺถาย อุปสงฺกมิตุํ อยุตฺตฎฺฐานภูตํ เวสิยาทิอโคจรญฺจ ปหาย กายิกวาจสิกอวีติกฺกมนสงฺขาเตน อาจาเรน ปิณฺฑปาตาทีนํ อตฺถาย อุปสงฺกมิตุํ ยุตฺตฎฺฐานภูเตน โคจเรน จ ยุโตฺต สมฺปโนฺน, สมฺปนฺนอาจารโคจโรติ อโตฺถฯ อาชีโว โสธิโตติ เวฬุทานาทิํ พุทฺธปฎิกุฎฺฐํ อเนสนํ ปหาย อนวชฺชุปฺปาเท ปจฺจเย เสวนฺตสฺส อาชีโว โสธิโต โหติ สุวิสุโทฺธ, โสธิตตฺตา เอว อคารโยฺห วิญฺญูหิฯ จิตฺตสฺส จ สณฺฐปนนฺติ ยถา จกฺขาทิทฺวาเรหิ รูปาทิอารมฺมเณสุ อภิชฺฌาทโย นปฺปวตฺตนฺติ, เอวํ ทิเฎฺฐ ทิฎฺฐมตฺตาทิวเสน จิตฺตสฺส สมฺมา ฐปนํฯ เอตนฺติ อาจารโคจรสมฺปตฺติ อาชีวปาริสุทฺธิ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตาติ เอตํ ตยํฯ
Ācāragocare yuttoti kāyikavācasikavītikkamanasaṅkhātaṃ anācāraṃ, piṇḍapātādīnaṃ atthāya upasaṅkamituṃ ayuttaṭṭhānabhūtaṃ vesiyādiagocarañca pahāya kāyikavācasikaavītikkamanasaṅkhātena ācārena piṇḍapātādīnaṃ atthāya upasaṅkamituṃ yuttaṭṭhānabhūtena gocarena ca yutto sampanno, sampannaācāragocaroti attho. Ājīvo sodhitoti veḷudānādiṃ buddhapaṭikuṭṭhaṃ anesanaṃ pahāya anavajjuppāde paccaye sevantassa ājīvo sodhito hoti suvisuddho, sodhitattā eva agārayho viññūhi. Cittassa ca saṇṭhapananti yathā cakkhādidvārehi rūpādiārammaṇesu abhijjhādayo nappavattanti, evaṃ diṭṭhe diṭṭhamattādivasena cittassa sammā ṭhapanaṃ. Etanti ācāragocarasampatti ājīvapārisuddhi indriyesu guttadvāratāti etaṃ tayaṃ.
จาริตฺตนฺติ จริตฺวา ปริปูเรตพฺพสีลํฯ วาริตฺตนฺติ วิรติยา อกรเณน ปริปูเรตพฺพสีลํฯ อิริยาปถิยํ ปสาทนิยนฺติ ปเรสํ ปสาทาวหํ อากปฺปสมฺปตฺตินิมิตฺตํ อิริยาปถนิสฺสิตํ สมฺปชญฺญํฯ อธิจิเตฺต จ อาโยโคติ สมถวิปสฺสนาสุ อนุโยโค ภาวนาฯ
Cārittanti caritvā paripūretabbasīlaṃ. Vārittanti viratiyā akaraṇena paripūretabbasīlaṃ. Iriyāpathiyaṃ pasādaniyanti paresaṃ pasādāvahaṃ ākappasampattinimittaṃ iriyāpathanissitaṃ sampajaññaṃ. Adhicitte ca āyogoti samathavipassanāsu anuyogo bhāvanā.
อารญฺญกานีติ อรเญฺญ ปริยาปนฺนานิฯ ปนฺตานีติ วิวิตฺตานิฯ
Āraññakānīti araññe pariyāpannāni. Pantānīti vivittāni.
สีลนฺติ จตุปาริสุทฺธิสีลํฯ เหฎฺฐา หิ ภินฺทิตฺวา วุตฺตํ, อิธ อภินฺทิตฺวา วทติฯ พาหุสจฺจนฺติ พหุสฺสุตภาโวฯ โส หิ ภาวนานุโยคสฺส พหุกาโร, โพชฺฌงฺคโกสลฺลอนุตฺตรสีติภาวอธิจิตฺตยุตฺตตาทีสุ สมฺมา ปวิจยพหุลสฺส สมถวิปสฺสนานุโยโค สมฺปชฺชติฯ ธมฺมานํ ปวิจโย ยถาภูตนฺติ รูปารูปธมฺมานํ อวิปรีตสลกฺขณโต สามญฺญลกฺขณโต จ ปริวีมํสาฯ อิมินา อธิปญฺญาธมฺมวิปสฺสนมาหฯ สจฺจานํ อภิสมโยติ ทุกฺขาทีนํ อริยสจฺจานํ ปริญฺญาภิสมยาทิวเสน ปฎิเวโธฯ
Sīlanti catupārisuddhisīlaṃ. Heṭṭhā hi bhinditvā vuttaṃ, idha abhinditvā vadati. Bāhusaccanti bahussutabhāvo. So hi bhāvanānuyogassa bahukāro, bojjhaṅgakosallaanuttarasītibhāvaadhicittayuttatādīsu sammā pavicayabahulassa samathavipassanānuyogo sampajjati. Dhammānaṃ pavicayo yathābhūtanti rūpārūpadhammānaṃ aviparītasalakkhaṇato sāmaññalakkhaṇato ca parivīmaṃsā. Iminā adhipaññādhammavipassanamāha. Saccānaṃ abhisamayoti dukkhādīnaṃ ariyasaccānaṃ pariññābhisamayādivasena paṭivedho.
สฺวายํ สจฺจาภิสมโย ยถา โหติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ภาเวยฺยา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ภาเวยฺย จ อนิจฺจนฺติ ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติอาทินา (ธ. ป. ๒๗๗) อวิภาคโต ‘‘ยํ กิญฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺน’’นฺติอาทินา (วิภ. ๒; สํ. นิ. ๓.๔๙) วิภาคโต วา สพฺพสงฺขาเรสุ อนิจฺจสญฺญํ ภาเวยฺย อุปฺปาเทยฺย เจว วเฑฺฒยฺย จาติ อโตฺถฯ อนตฺตสญฺญนฺติ, ‘‘สเพฺพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ ปวตฺตํ อนตฺตสญฺญญฺจ ภาเวยฺยาติ โยชนาฯ เอวํ เสเสสุปิฯ อสุภสญฺญนฺติ, กรชกาเย สพฺพสฺมิมฺปิ วา เตภูมกสงฺขาเร กิเลสาสุจิปคฺฆรณโต ‘‘อสุภา’’ติ ปวตฺตสญฺญํฯ ทุกฺขสญฺญาปริวารา หิ อยํ, เอเตเนว เจตฺถ ทุกฺขสญฺญาปิ คหิตาติ เวทิตพฺพํฯ โลกมฺหิ จ อนภิรตินฺติ สพฺพโลเก เตภูมเกสุ สงฺขาเรสุ อนาภิรติสญฺญํฯ เอเตน อาทีนวานุปสฺสนํ นิพฺพิทานุปสฺสนญฺจ วทติฯ
Svāyaṃ saccābhisamayo yathā hoti, taṃ dassetuṃ ‘‘bhāveyyā’’tiādi vuttaṃ. Tattha bhāveyya ca aniccanti ‘‘sabbe saṅkhārā aniccā’’tiādinā (dha. pa. 277) avibhāgato ‘‘yaṃ kiñci rūpaṃ atītānāgatapaccuppanna’’ntiādinā (vibha. 2; saṃ. ni. 3.49) vibhāgato vā sabbasaṅkhāresu aniccasaññaṃ bhāveyya uppādeyya ceva vaḍḍheyya cāti attho. Anattasaññanti, ‘‘sabbe dhammā anattā’’ti pavattaṃ anattasaññañca bhāveyyāti yojanā. Evaṃ sesesupi. Asubhasaññanti, karajakāye sabbasmimpi vā tebhūmakasaṅkhāre kilesāsucipaggharaṇato ‘‘asubhā’’ti pavattasaññaṃ. Dukkhasaññāparivārā hi ayaṃ, eteneva cettha dukkhasaññāpi gahitāti veditabbaṃ. Lokamhi ca anabhiratinti sabbaloke tebhūmakesu saṅkhāresu anābhiratisaññaṃ. Etena ādīnavānupassanaṃ nibbidānupassanañca vadati.
เอวํ ปน วิปสฺสนาภาวนํ อนุยุโตฺต ตํ อุสฺสุกฺกาเปโนฺต อิเม ธเมฺม วเฑฺฒยฺยาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ภาเวยฺย จ โพชฺฌเงฺค’’ติ คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – โพธิยา สติอาทิสตฺตวิธธมฺมสามคฺคิยา, โพธิสฺส วา ตํสมงฺคิโน ปุคฺคลสฺส องฺคาติ โพชฺฌงฺคา, สติอาทโย ธมฺมาฯ เต สติอาทิเก สตฺตโพชฺฌเงฺค, ฉนฺทอาทีนิ จตฺตาริ อิทฺธิปาทานิ, สทฺธาทีนิ ปญฺจินฺทฺริยานิ, สทฺธาทีนิเยว ปญฺจ พลานิ, สมฺมาทิฎฺฐิอาทีนํ วเสน อฎฺฐงฺคอริยมคฺคญฺจฯ จ-สเทฺทน สติปฎฺฐานานิ สมฺมปฺปธานานิ จ คหิตานีติ สเพฺพปิ สตฺตติํสปฺปเภเท โพธิปกฺขิยธเมฺม ภาเวยฺย อุปฺปาเทยฺย เจว วเฑฺฒยฺย จฯ ตตฺถ ยเทเตสํ ปฐมมคฺคกฺขเณ อุปฺปาทนํ, อุปริมคฺคกฺขเณ จ วฑฺฒนํ, เอตํ สมณสฺส ภิกฺขุโน สารุปฺปนฺติฯ
Evaṃ pana vipassanābhāvanaṃ anuyutto taṃ ussukkāpento ime dhamme vaḍḍheyyāti dassento ‘‘bhāveyya ca bojjhaṅge’’ti gāthamāha. Tassattho – bodhiyā satiādisattavidhadhammasāmaggiyā, bodhissa vā taṃsamaṅgino puggalassa aṅgāti bojjhaṅgā, satiādayo dhammā. Te satiādike sattabojjhaṅge, chandaādīni cattāri iddhipādāni, saddhādīni pañcindriyāni, saddhādīniyeva pañca balāni, sammādiṭṭhiādīnaṃ vasena aṭṭhaṅgaariyamaggañca. Ca-saddena satipaṭṭhānāni sammappadhānāni ca gahitānīti sabbepi sattatiṃsappabhede bodhipakkhiyadhamme bhāveyya uppādeyya ceva vaḍḍheyya ca. Tattha yadetesaṃ paṭhamamaggakkhaṇe uppādanaṃ, uparimaggakkhaṇe ca vaḍḍhanaṃ, etaṃ samaṇassa bhikkhuno sāruppanti.
เอวํ โพธิปกฺขิยสตฺตติํสธเมฺม ภาเวโนฺต ยถา มคฺคสจฺจํ ภาวนาภิสมยวเสน อภิสเมติ, เอวํ สมุทยสจฺจํ ปหานาภิสมยวเสน, นิโรธสจฺจํ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน อภิสเมตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตณฺหํ ปชเหยฺยา’’ติ โอสานคาถมาหฯ ตตฺถ ตณฺหํ ปชเหยฺยาติ, กามตณฺหาทิปเภทํ สพฺพํ ตณฺหํ อริยมเคฺคน อนวเสสโต สมุจฺฉิเนฺทยฺย, โมนํ วุจฺจติ ญาณํ, เตน สมนฺนาคตตฺตา มุนิฯ สมูลเก อาสเว ปทาเลยฺยาติ กามราคานุสยาทิสมูลเก กามาสวาทิเก สเพฺพปิ อาสเว ภิเนฺทยฺย สมุจฺฉิเนฺทยฺยฯ วิหเรยฺย วิปฺปมุโตฺตติ เอวํ สพฺพโส กิเลสานํ ปหีนตฺตา สพฺพธิ วิมุโตฺต สพฺพูปธิปฎินิสฺสคฺคํ นิโรธํ นิพฺพานํ สจฺฉิกตฺวา วิหเรยฺยฯ เอตนฺติ ยเทตํ วิหรณํ, เอตํ สมณสฺส สมิตปาปสฺส ภิกฺขุโน ปติรูปํ สารุปฺปนฺติ อโตฺถฯ
Evaṃ bodhipakkhiyasattatiṃsadhamme bhāvento yathā maggasaccaṃ bhāvanābhisamayavasena abhisameti, evaṃ samudayasaccaṃ pahānābhisamayavasena, nirodhasaccaṃ sacchikiriyābhisamayavasena abhisametīti dassento ‘‘taṇhaṃ pajaheyyā’’ti osānagāthamāha. Tattha taṇhaṃ pajaheyyāti, kāmataṇhādipabhedaṃ sabbaṃ taṇhaṃ ariyamaggena anavasesato samucchindeyya, monaṃ vuccati ñāṇaṃ, tena samannāgatattā muni. Samūlake āsave padāleyyāti kāmarāgānusayādisamūlake kāmāsavādike sabbepi āsave bhindeyya samucchindeyya. Vihareyya vippamuttoti evaṃ sabbaso kilesānaṃ pahīnattā sabbadhi vimutto sabbūpadhipaṭinissaggaṃ nirodhaṃ nibbānaṃ sacchikatvā vihareyya. Etanti yadetaṃ viharaṇaṃ, etaṃ samaṇassa samitapāpassa bhikkhuno patirūpaṃ sāruppanti attho.
เอวํ เถโร สมณสารุปฺปปฎิปตฺติกิตฺตนมุเขน สาสนสฺส นิยฺยานิกภาวํ ตพฺพิโลมโต พาหิรกสมยสฺส อนิยฺยานิกตญฺจ วิภาเวสิฯ ตํ สุตฺวา เต พฺราหฺมณมหาสาลา สาสเน อภิปฺปสนฺนา สรณาทีสุ ปติฎฺฐหิํสุฯ
Evaṃ thero samaṇasāruppapaṭipattikittanamukhena sāsanassa niyyānikabhāvaṃ tabbilomato bāhirakasamayassa aniyyānikatañca vibhāvesi. Taṃ sutvā te brāhmaṇamahāsālā sāsane abhippasannā saraṇādīsu patiṭṭhahiṃsu.
(อปร)-โคตมเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
(Apara)-gotamattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
ทสกนิปาตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dasakanipātavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๗. (อปร)-โคตมเตฺถรคาถา • 7. (Apara)-gotamattheragāthā