Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรีคาถา-อฎฺฐกถา • Therīgāthā-aṭṭhakathā

    ๓. อปรา อุตฺตมาเถรีคาถาวณฺณนา

    3. Aparā uttamātherīgāthāvaṇṇanā

    เย อิเม สตฺต โพชฺฌงฺคาติอาทิกา อปราย อุตฺตมาย เถริยา คาถาฯ อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺตี วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล พนฺธุมตีนคเร กุลทาสี หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ สา เอกทิวสํ สตฺถุ สาวกํ เอกํ ขีณาสวเตฺถรํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานสา ตีณิ โมทกานิ อทาสิฯ สา เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรนฺตี อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท โกสลชนปเท อญฺญตรสฺมิํ พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปตฺตา ชนปทจาริกํ จรนฺตสฺส สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสทฺธา ปพฺพชิตฺวา นจิรเสฺสว สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถรี ๒.๒.๓๐-๓๖) –

    Ye ime satta bojjhaṅgātiādikā aparāya uttamāya theriyā gāthā. Ayampi purimabuddhesu katādhikārā tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ kusalaṃ upacinantī vipassissa bhagavato kāle bandhumatīnagare kuladāsī hutvā nibbatti. Sā ekadivasaṃ satthu sāvakaṃ ekaṃ khīṇāsavattheraṃ piṇḍāya carantaṃ disvā pasannamānasā tīṇi modakāni adāsi. Sā tena puññakammena devamanussesu saṃsarantī imasmiṃ buddhuppāde kosalajanapade aññatarasmiṃ brāhmaṇamahāsālakule nibbattitvā viññutaṃ pattā janapadacārikaṃ carantassa satthu santike dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaddhā pabbajitvā nacirasseva saha paṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. therī 2.2.30-36) –

    ‘‘นคเร พนฺธุมติยา, กุมฺภทาสี อโหสหํ;

    ‘‘Nagare bandhumatiyā, kumbhadāsī ahosahaṃ;

    มม ภาคํ คเหตฺวาน, คจฺฉํ อุทกหาริกาฯ

    Mama bhāgaṃ gahetvāna, gacchaṃ udakahārikā.

    ‘‘ปนฺถมฺหิ สมณํ ทิสฺวา, สนฺตจิตฺตํ สมาหิตํ;

    ‘‘Panthamhi samaṇaṃ disvā, santacittaṃ samāhitaṃ;

    ปสนฺนจิตฺตา สุมนา, โมทเก ตีณิทาสหํฯ

    Pasannacittā sumanā, modake tīṇidāsahaṃ.

    ‘‘เตน กเมฺมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

    ‘‘Tena kammena sukatena, cetanāpaṇidhīhi ca;

    เอกนวุติกปฺปานิ, วินิปาตํ น คจฺฉหํฯ

    Ekanavutikappāni, vinipātaṃ na gacchahaṃ.

    ‘‘สมฺปตฺติ ตํ กริตฺวาน, สพฺพํ อนุภวิํ อหํ;

    ‘‘Sampatti taṃ karitvāna, sabbaṃ anubhaviṃ ahaṃ;

    โมทเก ตีณิ ทตฺวาน, ปตฺตาหํ อจลํ ปทํฯ

    Modake tīṇi datvāna, pattāhaṃ acalaṃ padaṃ.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฎิปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อุทานวเสน –

    Arahattaṃ pana patvā attano paṭipattiṃ paccavekkhitvā udānavasena –

    ๔๕.

    45.

    ‘‘เย อิเม สตฺต โพชฺฌงฺคา, มคฺคา นิพฺพานปตฺติยา;

    ‘‘Ye ime satta bojjhaṅgā, maggā nibbānapattiyā;

    ภาวิตา เต มยา สเพฺพ, ยถา พุเทฺธน เทสิตาฯ

    Bhāvitā te mayā sabbe, yathā buddhena desitā.

    ๔๖.

    46.

    ‘‘สุญฺญตสฺสานิมิตฺตสฺส, ลาภินีหํ ยทิจฺฉกํ;

    ‘‘Suññatassānimittassa, lābhinīhaṃ yadicchakaṃ;

    โอรสา ธีตา พุทฺธสฺส, นิพฺพานาภิรตา สทาฯ

    Orasā dhītā buddhassa, nibbānābhiratā sadā.

    ๔๗.

    47.

    ‘‘สเพฺพ กามา สมุจฺฉินฺนา, เย ทิพฺพา เย จ มานุสา;

    ‘‘Sabbe kāmā samucchinnā, ye dibbā ye ca mānusā;

    วิกฺขีโณ ชาติสํสาโร, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติฯ –

    Vikkhīṇo jātisaṃsāro, natthi dāni punabbhavo’’ti. –

    อิมา คาถา อภาสิฯ

    Imā gāthā abhāsi.

    ตตฺถ สุญฺญตสฺสานิมิตฺตสฺส, ลาภินีหํ ยทิจฺฉกนฺติ สุญฺญตสมาปตฺติยา จ อนิมิตฺตสมาปตฺติยา จ อหํ ยทิจฺฉกํ ลาภินี, ตตฺถ ยํ ยํ สมาปชฺชิตุํ อิจฺฉามิ ยตฺถ ยตฺถ ยทา ยทา, ตํ ตํ ตตฺถ ตตฺถ ตทา ตทา สมาปชฺชิตฺวา วิหรามีติ อโตฺถฯ ยทิปิ หิ สุญฺญตาปฺปณิหิตาทินามกสฺส ยสฺส กสฺสจิปิ มคฺคสฺส สุญฺญตาทิเภทํ ติวิธมฺปิ ผลํ สมฺภวติฯ อยํ ปน เถรี สุญฺญตานิมิตฺตสมาปตฺติโยว สมาปชฺชติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘สุญฺญตสฺสานิมิตฺตสฺส, ลาภินีหํ ยทิจฺฉก’’นฺติฯ เยภุยฺยวเสน วา เอตํ วุตฺตํฯ นิทสฺสนมตฺตเมตนฺติ อปเรฯ

    Tattha suññatassānimittassa, lābhinīhaṃ yadicchakanti suññatasamāpattiyā ca animittasamāpattiyā ca ahaṃ yadicchakaṃ lābhinī, tattha yaṃ yaṃ samāpajjituṃ icchāmi yattha yattha yadā yadā, taṃ taṃ tattha tattha tadā tadā samāpajjitvā viharāmīti attho. Yadipi hi suññatāppaṇihitādināmakassa yassa kassacipi maggassa suññatādibhedaṃ tividhampi phalaṃ sambhavati. Ayaṃ pana therī suññatānimittasamāpattiyova samāpajjati. Tena vuttaṃ – ‘‘suññatassānimittassa, lābhinīhaṃ yadicchaka’’nti. Yebhuyyavasena vā etaṃ vuttaṃ. Nidassanamattametanti apare.

    เย ทิพฺพา เย จ มานุสาติ เย เทวโลกปริยาปนฺนา เย จ มนุสฺสโลกปริยาปนฺนา วตฺถุกามา, เต สเพฺพปิ ตปฺปฎิพทฺธฉนฺทราคปฺปหาเนน มยา สมฺมเทว อุจฺฉินฺนา, อปริโภคารหา กตา ฯ วุตฺตญฺหิ – ‘‘อภโพฺพ, อาวุโส, ขีณาสโว ภิกฺขุ กาเม ปริภุญฺชิตุํฯ เสยฺยถาปิ ปุเพฺพ อคาริยภูโต’’ติฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ

    Ye dibbā ye ca mānusāti ye devalokapariyāpannā ye ca manussalokapariyāpannā vatthukāmā, te sabbepi tappaṭibaddhachandarāgappahānena mayā sammadeva ucchinnā, aparibhogārahā katā . Vuttañhi – ‘‘abhabbo, āvuso, khīṇāsavo bhikkhu kāme paribhuñjituṃ. Seyyathāpi pubbe agāriyabhūto’’ti. Sesaṃ vuttanayameva.

    อปรา อุตฺตมาเถรีคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Aparā uttamātherīgāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรีคาถาปาฬิ • Therīgāthāpāḷi / ๓. อปราอุตฺตมาเถรีคาถา • 3. Aparāuttamātherīgāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact