Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยวินิจฺฉย-ฎีกา • Vinayavinicchaya-ṭīkā |
อาปตฺติสมุฎฺฐานกถาวณฺณนา
Āpattisamuṭṭhānakathāvaṇṇanā
๔๐๕. อาทินาติ ปฐเมน กายสงฺขาเตน สมุฎฺฐาเนนฯ
405.Ādināti paṭhamena kāyasaṅkhātena samuṭṭhānena.
๔๐๖-๗. ทุกฺกฎาทโยติ อาทิ-สเทฺทน ถุลฺลจฺจยสงฺฆาทิเสสา คหิตาฯ ยถาห – ‘‘ปโยเค ทุกฺกฎํ ฯ เอกํ ปิณฺฑํ อนาคเต อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ ตสฺมิํ ปิเณฺฑ อาคเต อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสา’’ติ (ปริ. ๒๗๗)ฯ วิกาเล ปน ปาจิตฺตีติ วิกาลโภชนปาจิตฺติฯ อญฺญาติหตฺถโตติ อญฺญาติกาย ภิกฺขุนิยา อนฺตรฆรํ ปวิฎฺฐาย หตฺถโตฯ คเหตฺวาติ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา สหตฺถา ปฎิคฺคเหตฺวาฯ ‘‘ปญฺจ อิมา อาปตฺติโย’’ติ ปทเจฺฉโทฯ
406-7.Dukkaṭādayoti ādi-saddena thullaccayasaṅghādisesā gahitā. Yathāha – ‘‘payoge dukkaṭaṃ . Ekaṃ piṇḍaṃ anāgate āpatti thullaccayassa. Tasmiṃ piṇḍe āgate āpatti saṅghādisesassā’’ti (pari. 277). Vikāle pana pācittīti vikālabhojanapācitti. Aññātihatthatoti aññātikāya bhikkhuniyā antaragharaṃ paviṭṭhāya hatthato. Gahetvāti khādanīyaṃ vā bhojanīyaṃ vā sahatthā paṭiggahetvā. ‘‘Pañca imā āpattiyo’’ti padacchedo.
๔๐๘. ทุติเยนาติ วาจาสงฺขาเตน สมุฎฺฐาเนนฯ
408.Dutiyenāti vācāsaṅkhātena samuṭṭhānena.
๔๐๙-๑๐. สมาทิสติ กเถติ เจฯ สพฺพถา วิปนฺนนฺติ อเทสิตวตฺถุกตาทินา สพฺพปฺปกาเรน วิปนฺนปฺปเทสํฯ กุฎินฺติ สญฺญาจิกาย กุฎิํฯ ยถาห ปริวาเร ‘‘ตสฺส กุฎิํ กโรนฺติ อเทสิตวตฺถุกํ ปมาณาติกฺกนฺตํ สารมฺภํ อปริกฺกมน’’นฺติ (ปริ. ๒๗๘)ฯ ปทโสธมฺมํ มูลํ สมุฎฺฐานํ ยสฺส ปาจิตฺติยสฺสาติ ตถา วุตฺตํ, เตน ปทโสธมฺมมูเลน, สหเตฺถ เจตํ กรณวจนํฯ
409-10.Samādisati katheti ce. Sabbathā vipannanti adesitavatthukatādinā sabbappakārena vipannappadesaṃ. Kuṭinti saññācikāya kuṭiṃ. Yathāha parivāre ‘‘tassa kuṭiṃ karonti adesitavatthukaṃ pamāṇātikkantaṃ sārambhaṃ aparikkamana’’nti (pari. 278). Padasodhammaṃ mūlaṃ samuṭṭhānaṃ yassa pācittiyassāti tathā vuttaṃ, tena padasodhammamūlena, sahatthe cetaṃ karaṇavacanaṃ.
๔๑๑. ตติเยน สมุฎฺฐาเนนาติ กายวาจาสงฺขาเตน สมุฎฺฐาเนนฯ
411.Tatiyena samuṭṭhānenāti kāyavācāsaṅkhātena samuṭṭhānena.
๔๑๒. สํวิทหิตฺวานาติ สทฺธิํ วิทหิตฺวา, ‘‘กุฎิํ กโรมา’’ติ อเญฺญหิ สทฺธิํ มเนฺตตฺวาติ อโตฺถฯ
412.Saṃvidahitvānāti saddhiṃ vidahitvā, ‘‘kuṭiṃ karomā’’ti aññehi saddhiṃ mantetvāti attho.
๔๑๓. วตฺวาติ อตฺตโน อตฺถาย วิญฺญาเปตฺวาฯ ภิกฺขุนินฺติ ภิกฺขูนํ ภุญฺชนฎฺฐาเน ฐตฺวา ‘‘อิธ สูปํ เทถ, อิธ โอทนํ เทถา’’ติ โวสาสมานํ อุปาสกานํ วตฺวา ทาเปนฺติํ ภิกฺขุนิํฯ น นิวาเรตฺวาติ ‘‘อปสกฺก ตาว, ภคินิ, ยาว ภิกฺขู ภุญฺชนฺตี’’ติ อนปสาเทตฺวา ภุญฺชโตติ โยชนาฯ
413.Vatvāti attano atthāya viññāpetvā. Bhikkhuninti bhikkhūnaṃ bhuñjanaṭṭhāne ṭhatvā ‘‘idha sūpaṃ detha, idha odanaṃ dethā’’ti vosāsamānaṃ upāsakānaṃ vatvā dāpentiṃ bhikkhuniṃ. Na nivāretvāti ‘‘apasakka tāva, bhagini, yāva bhikkhū bhuñjantī’’ti anapasādetvā bhuñjatoti yojanā.
๔๑๔. จตุเตฺถน กายจิตฺตสมุฎฺฐาเนน กติ อาปตฺติโย สิยุนฺติ โยชนาฯ
414. Catutthena kāyacittasamuṭṭhānena kati āpattiyo siyunti yojanā.
๔๑๗. ปญฺจเมนาติ วาจาจิตฺตสมุฎฺฐาเนนฯ วทนฺติ วทโนฺต สมุทาจรโนฺตฯ
417.Pañcamenāti vācācittasamuṭṭhānena. Vadanti vadanto samudācaranto.
๔๑๘. กุฎินฺติ นิทสฺสนมตฺตํ, อเทสิตวตฺถุกํ ปมาณาติกฺกนฺตํ สารมฺภํ อปริกฺกมนํ เสนาสนมฺปิ คหณํ เวทิตพฺพํฯ
418.Kuṭinti nidassanamattaṃ, adesitavatthukaṃ pamāṇātikkantaṃ sārambhaṃ aparikkamanaṃ senāsanampi gahaṇaṃ veditabbaṃ.
๔๑๙. วาเจติ ปทโส ธมฺมนฺติ เอตฺถ ‘‘อนุปสมฺปนฺน’’นฺติ เสโสฯ ยถาห – ‘‘ภิกฺขุ อกปฺปิยสญฺญี อนุปสมฺปนฺนํ ปทโส ธมฺมํ วาเจตี’’ติ (ปริ. ๒๘๑)ฯ ทวกมฺยตา วทนฺตสฺสาติ ชาติอาทีหิ อโกฺกสวตฺถูหิ กีฬาธิปฺปาเยน วทนฺตสฺสฯ ทวกมฺยตาติ จ ‘‘ปฎิสงฺขา โยนิโส’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๒, ๒๔, ๔๒๒; อ. นิ. ๖.๕๘; ๘.๙; มหานิ. ๑๙๙, ๒๐๖; ธ. ส. ๑๓๕๕; วิภ. ๕๑๘) วิย ย-การโลเปน นิเทฺทโสฯ
419.Vāceti padaso dhammanti ettha ‘‘anupasampanna’’nti seso. Yathāha – ‘‘bhikkhu akappiyasaññī anupasampannaṃ padaso dhammaṃ vācetī’’ti (pari. 281). Davakamyatā vadantassāti jātiādīhi akkosavatthūhi kīḷādhippāyena vadantassa. Davakamyatāti ca ‘‘paṭisaṅkhā yoniso’’tiādīsu (ma. ni. 1.22, 24, 422; a. ni. 6.58; 8.9; mahāni. 199, 206; dha. sa. 1355; vibha. 518) viya ya-kāralopena niddeso.
๔๒๐. ฉเฎฺฐน กายวาจาจิตฺตสมุฎฺฐาเนนฯ สํวิทหิตฺวานาติ สํวิธาย, ‘‘ตฺวญฺจ อหญฺจ เอกโต อวหริสฺสามา’’ติ สมฺมนฺตนํ กตฺวาฯ ภณฺฑํ หรตีติ ‘‘ภาริยํ ตฺวํ เอกํ ปสฺสํ คณฺห, อหํ อิม’’นฺติ วตฺวา เตน สห ฐานา จาเวติ เจฯ
420. Chaṭṭhena kāyavācācittasamuṭṭhānena. Saṃvidahitvānāti saṃvidhāya, ‘‘tvañca ahañca ekato avaharissāmā’’ti sammantanaṃ katvā. Bhaṇḍaṃ haratīti ‘‘bhāriyaṃ tvaṃ ekaṃ passaṃ gaṇha, ahaṃ ima’’nti vatvā tena saha ṭhānā cāveti ce.
๔๒๓. อิธ อิมสฺมิํ สาสเนฯ วิมตูปรมํ ปรมนฺติ เอตฺถ ‘‘กปฺปิยํ นุ โข, อกปฺปิย’’นฺติ วา ‘‘อาปตฺติ นุ โข, อนาปตฺตี’’ติ วา ‘‘ธโมฺม นุ โข, อธโมฺม’’ติ วา เอวมาทินา นเยน วิวิเธนากาเรน ปวตฺตา วิมติ วิจิกิจฺฉา วิมติฯ วิมติํ อุปรเมติ วินาเสตีติ วิมตูปรมํฯ ปรมํ อุตฺตมํฯ อุตฺตรนฺติ วิภงฺคขนฺธกาคตานํ นิทานาทิวินิจฺฉยานํ ปญฺหอุตฺตรภาเวน ฐิตตฺตา อุตฺตรํฯ อิมํ อุตฺตรํ นาม ปกรณํ โย อุตฺตรติ ปญฺญาย โอคาเหตฺวา ปริโยสาเปติฯ อิธ ‘‘อุตฺตรํ อุตฺตร’’นฺติ ปททฺวเย เอกํ คุณนิทสฺสนํ, เอกํ สตฺถนิทสฺสนนฺติ คเหตพฺพํฯ สุนเยน ยุโต โส ปุคฺคโล วินยํ ปิฎกํ อุตฺตรตีติ สมฺพโนฺธฯ กิํ วิสิฎฺฐนฺติ อาห ‘‘สุนย’’นฺติอาทิ ฯ สุฎฺฐุ จาริตฺตวาริตฺตทฬฺหีกรณสิถิลกรณเภทา ปญฺญตฺติอนอุปญฺญตฺตาทินยา เอตฺถาติ สุนโย, ตํฯ สุฎฺฐุ นียติ วินิจฺฉโย เอเตนาติ สุนโย, อุตฺตรวินิจฺฉโย, เตนฯ วินิจฺฉยาวโพเธน สํยุโตฺต สมนฺนาคโตฯ ทุเกฺขน อุตฺตรียตีติ ทุตฺตรํฯ ปาติโมกฺขสํวรสีลทีปกเตฺตน สมาธิปญฺญานิพฺพานสงฺขาตอุตฺตรปฺปตฺติยา ปติฎฺฐาภาวโต อุตฺตรํ อุตฺตรติ โอคาเหตฺวา ปริโยสานํ ปาปุณาตีติ อโตฺถฯ
423.Idha imasmiṃ sāsane. Vimatūparamaṃ paramanti ettha ‘‘kappiyaṃ nu kho, akappiya’’nti vā ‘‘āpatti nu kho, anāpattī’’ti vā ‘‘dhammo nu kho, adhammo’’ti vā evamādinā nayena vividhenākārena pavattā vimati vicikicchā vimati. Vimatiṃ uparameti vināsetīti vimatūparamaṃ. Paramaṃ uttamaṃ. Uttaranti vibhaṅgakhandhakāgatānaṃ nidānādivinicchayānaṃ pañhauttarabhāvena ṭhitattā uttaraṃ. Imaṃ uttaraṃ nāma pakaraṇaṃ yo uttarati paññāya ogāhetvā pariyosāpeti. Idha ‘‘uttaraṃ uttara’’nti padadvaye ekaṃ guṇanidassanaṃ, ekaṃ satthanidassananti gahetabbaṃ. Sunayena yuto so puggalo vinayaṃ piṭakaṃ uttaratīti sambandho. Kiṃ visiṭṭhanti āha ‘‘sunaya’’ntiādi . Suṭṭhu cārittavārittadaḷhīkaraṇasithilakaraṇabhedā paññattianaupaññattādinayā etthāti sunayo, taṃ. Suṭṭhu nīyati vinicchayo etenāti sunayo, uttaravinicchayo, tena. Vinicchayāvabodhena saṃyutto samannāgato. Dukkhena uttarīyatīti duttaraṃ. Pātimokkhasaṃvarasīladīpakattena samādhipaññānibbānasaṅkhātauttarappattiyā patiṭṭhābhāvato uttaraṃ uttarati ogāhetvā pariyosānaṃ pāpuṇātīti attho.
อิธ โย วิมตูปรมํ ปรมํ อุตฺตรํ อุตฺตรํ นาม ปกรณํ อุตฺตรติ, สุนเยน ยุโต โส ปุคฺคโล สุนยํ ทุตฺตรํ อุตฺตรํ วินยํ อุตฺตรตีติ โยชนาฯ จ-สเทฺทน สตฺถนฺตรสมุจฺจยเตฺถน อิมมตฺถํ ทีเปติฯ เสยฺยถิทํ, อิธ โย สุนยํ ทุตฺตรํ อุตฺตรํ วินยํ อุตฺตรติ, สุนเยน ยุโต โส ปุคฺคโล วิมตูปรมํ ปรมํ อุตฺตรํ อุตฺตรํ นาม ปกรณํ อุตฺตรตีติฯ อิมินา โย อุตฺตรํ ชานาติ, โส วินยํ ชานาติฯ โย วินยํ ชานาติ, โส อุตฺตรํ ชานาตีติ อุตฺตรปกรณสฺส วินยปิฎกชานเน อจฺจนฺตูปการิตา วิภาวิตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Idha yo vimatūparamaṃ paramaṃ uttaraṃ uttaraṃ nāma pakaraṇaṃ uttarati, sunayena yuto so puggalo sunayaṃ duttaraṃ uttaraṃ vinayaṃ uttaratīti yojanā. Ca-saddena satthantarasamuccayatthena imamatthaṃ dīpeti. Seyyathidaṃ, idha yo sunayaṃ duttaraṃ uttaraṃ vinayaṃ uttarati, sunayena yuto so puggalo vimatūparamaṃ paramaṃ uttaraṃ uttaraṃ nāma pakaraṇaṃ uttaratīti. Iminā yo uttaraṃ jānāti, so vinayaṃ jānāti. Yo vinayaṃ jānāti, so uttaraṃ jānātīti uttarapakaraṇassa vinayapiṭakajānane accantūpakāritā vibhāvitāti daṭṭhabbaṃ.
อิติ อุตฺตเร ลีนตฺถปกาสนิยา
Iti uttare līnatthapakāsaniyā
อาปตฺติสมุฎฺฐานกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Āpattisamuṭṭhānakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.