Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā |
๑๑. อาปายิกสุตฺตวณฺณนา
11. Āpāyikasuttavaṇṇanā
๔๘. เอกาทสเม อาปายิกาติ อปาเย นิพฺพตฺติสฺสนฺตีติ อาปายิกาฯ ตตฺถาปิ นิรเย นิพฺพตฺติสฺสนฺตีติ เนรยิกาฯ อิทมปฺปหายาติ อิทํ อิทานิ วกฺขมานํ ทุวิธํ ปาปสมาจารํ อปฺปชหิตฺวา, ตถาปฎิปตฺติตถาปคฺคหณวเสน ปวตฺตํ วาจํ จิตฺตํ ทิฎฺฐิญฺจ อปฺปฎินิสฺสชฺชิตฺวาติ อโตฺถฯ อพฺรหฺมจารีติ พฺรหฺมเสฎฺฐํ จรตีติ พฺรหฺมจารี, พฺรหฺมา วา เสโฎฺฐ อาจาโร เอตสฺส อตฺถีติ พฺรหฺมจารี, น พฺรหฺมจารีติ อพฺรหฺมจารี, พฺรหฺมจาริปฎิรูปโก ทุสฺสีโลติ อโตฺถฯ พฺรหฺมจาริปฎิโญฺญติ ‘‘พฺรหฺมจารี อห’’นฺติ เอวํปฎิโญฺญฯ ปริปุณฺณนฺติ อขณฺฑาทิภาเวน อวิกลํฯ ปริสุทฺธนฺติ อุปกฺกิเลสาภาเวน ปริสุทฺธํฯ อมูลเกนาติ ทิฎฺฐาทิมูลวิรหิเตน, ทิฎฺฐํ สุตํ ปริสงฺกิตนฺติ อิเมหิ โจทนามูเลหิ วชฺชิเตนฯ อพฺรหฺมจริเยน อเสฎฺฐจริเยนฯ อนุทฺธํเสตีติ ‘‘ปริสุโทฺธ อย’’นฺติ ชานโนฺตว ปาราชิกวตฺถุนา ธํเสติ ปธํเสติ, โจเทติ อโกฺกสติ วาฯ
48. Ekādasame āpāyikāti apāye nibbattissantīti āpāyikā. Tatthāpi niraye nibbattissantīti nerayikā. Idamappahāyāti idaṃ idāni vakkhamānaṃ duvidhaṃ pāpasamācāraṃ appajahitvā, tathāpaṭipattitathāpaggahaṇavasena pavattaṃ vācaṃ cittaṃ diṭṭhiñca appaṭinissajjitvāti attho. Abrahmacārīti brahmaseṭṭhaṃ caratīti brahmacārī, brahmā vā seṭṭho ācāro etassa atthīti brahmacārī, na brahmacārīti abrahmacārī, brahmacāripaṭirūpako dussīloti attho. Brahmacāripaṭiññoti ‘‘brahmacārī aha’’nti evaṃpaṭiñño. Paripuṇṇanti akhaṇḍādibhāvena avikalaṃ. Parisuddhanti upakkilesābhāvena parisuddhaṃ. Amūlakenāti diṭṭhādimūlavirahitena, diṭṭhaṃ sutaṃ parisaṅkitanti imehi codanāmūlehi vajjitena. Abrahmacariyena aseṭṭhacariyena. Anuddhaṃsetīti ‘‘parisuddho aya’’nti jānantova pārājikavatthunā dhaṃseti padhaṃseti, codeti akkosati vā.
คาถาสุ อภูตวาทีติ ปรสฺส โทสํ อทิสฺวาว อภูเตน ตุเจฺฉน มุสาวาทํ กตฺวา ปรํ อพฺภาจิกฺขโนฺตฯ กตฺวาติ โย วา ปน ปาปกมฺมํ กตฺวา ‘‘นาหํ เอตํ กโรมี’’ติ อาหฯ อุโภปิ เต เปจฺจ สมา ภวนฺตีติ เต อุโภปิ ชนา อิโต ปรโลกํ คนฺตฺวา นิรยํ อุปคมนโต คติยา สมานา ภวนฺติฯ ตตฺถ คติเยว เนสํ ปริจฺฉินฺนา, น ปน อายุฯ พหุญฺหิ ปาปํ กตฺวา จิรํ นิรเย ปจฺจติ, ปริตฺตํ กตฺวา อปฺปมตฺตกเมว กาลํฯ ยสฺมา ปน เตสํ อุภินฺนมฺปิ กมฺมํ ลามกเมวฯ เตน วุตฺตํ ‘‘นิหีนกมฺมา มนุชา ปรตฺถา’’ติฯ ‘‘ปรตฺถา’’ติ ปน ปทสฺส ปุรโต ‘‘เปจฺจา’’ติ ปเทน สมฺพโนฺธ – ปรตฺถ เปจฺจ อิโต คนฺตฺวา เต นิหีนกมฺมา สมา ภวนฺตีติฯ
Gāthāsu abhūtavādīti parassa dosaṃ adisvāva abhūtena tucchena musāvādaṃ katvā paraṃ abbhācikkhanto. Katvāti yo vā pana pāpakammaṃ katvā ‘‘nāhaṃ etaṃ karomī’’ti āha. Ubhopi te pecca samā bhavantīti te ubhopi janā ito paralokaṃ gantvā nirayaṃ upagamanato gatiyā samānā bhavanti. Tattha gatiyeva nesaṃ paricchinnā, na pana āyu. Bahuñhi pāpaṃ katvā ciraṃ niraye paccati, parittaṃ katvā appamattakameva kālaṃ. Yasmā pana tesaṃ ubhinnampi kammaṃ lāmakameva. Tena vuttaṃ ‘‘nihīnakammā manujā paratthā’’ti. ‘‘Paratthā’’ti pana padassa purato ‘‘peccā’’ti padena sambandho – parattha pecca ito gantvā te nihīnakammā samā bhavantīti.
เอวํ ภควา อภูตพฺภกฺขานวเสน ภูตโทสปฎิจฺฉาทนวเสน จ ปวตฺตสฺส มุสาวาทสฺส วิปากํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ตสฺมิํ ฐาเน นิสินฺนานํ พหูนํ ปาปภิกฺขูนํ ทุจฺจริตกมฺมสฺส วิปากทสฺสเนน สํเวชนตฺถํ เทฺว คาถา อภาสิฯ ตตฺถ กาสาวกณฺฐาติ กสาวรสปีตตฺตา กาสาเวน วเตฺถน ปลิเวฐิตกณฺฐาฯ ปาปธมฺมาติ ลามกธมฺมาฯ อสญฺญตาติ กายาทีหิ สญฺญมรหิตาฯ ปาปาติ ตถารูปา ปาปปุคฺคลา, ปาเปหิ กเมฺมหิ อุปปชฺชิตฺวา ‘‘ตสฺส กาโยปิ อาทิโตฺต สมฺปชฺชลิโต สโชติภูโต, สงฺฆาฎิปิ อาทิตฺตา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๒๑๘-๒๑๙; ปารา. ๒๓๐) ลกฺขณสํยุเตฺต วุตฺตนเยน มหาทุกฺขํ อนุภวนฺติเยวฯ
Evaṃ bhagavā abhūtabbhakkhānavasena bhūtadosapaṭicchādanavasena ca pavattassa musāvādassa vipākaṃ dassetvā idāni tasmiṃ ṭhāne nisinnānaṃ bahūnaṃ pāpabhikkhūnaṃ duccaritakammassa vipākadassanena saṃvejanatthaṃ dve gāthā abhāsi. Tattha kāsāvakaṇṭhāti kasāvarasapītattā kāsāvena vatthena paliveṭhitakaṇṭhā. Pāpadhammāti lāmakadhammā. Asaññatāti kāyādīhi saññamarahitā. Pāpāti tathārūpā pāpapuggalā, pāpehi kammehi upapajjitvā ‘‘tassa kāyopi āditto sampajjalito sajotibhūto, saṅghāṭipi ādittā’’tiādinā (saṃ. ni. 2.218-219; pārā. 230) lakkhaṇasaṃyutte vuttanayena mahādukkhaṃ anubhavantiyeva.
ตติยคาถาย อยํ สเงฺขปโตฺถ – ยเญฺจ ภุเญฺชยฺย ทุสฺสีโล นิสฺสีลปุคฺคโล กายาทีหิ อสญฺญโต รฎฺฐวาสีหิ สทฺธาย ทินฺนํ ยํ รฎฺฐปิณฺฑํ ‘‘สมโณมฺหี’’ติ ปฎิชานโนฺต คเหตฺวา ภุเญฺชยฺย, ตโต อาทิโตฺต อคฺคิวโณฺณ อโยคุโฬว ภุโตฺต เสโยฺย สุนฺทรตโรฯ กิํการณา? ตปฺปจฺจยา หิสฺส เอโกว อตฺตภาโว ฌาเยยฺย, ทุสฺสีโล ปน หุตฺวา สทฺธาเทยฺยํ ภุญฺชิตฺวา อเนกานิปิ ชาติสตานิ นิรเย อุปฺปเชฺชยฺยาติฯ
Tatiyagāthāya ayaṃ saṅkhepattho – yañce bhuñjeyya dussīlo nissīlapuggalo kāyādīhi asaññato raṭṭhavāsīhi saddhāya dinnaṃ yaṃ raṭṭhapiṇḍaṃ ‘‘samaṇomhī’’ti paṭijānanto gahetvā bhuñjeyya, tato āditto aggivaṇṇo ayoguḷova bhutto seyyo sundarataro. Kiṃkāraṇā? Tappaccayā hissa ekova attabhāvo jhāyeyya, dussīlo pana hutvā saddhādeyyaṃ bhuñjitvā anekānipi jātisatāni niraye uppajjeyyāti.
เอกาทสมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ekādasamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๑๑. อาปายิกสุตฺตํ • 11. Āpāyikasuttaṃ