Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi |
๔. ปวารณากฺขนฺธโก
4. Pavāraṇākkhandhako
๑๒๐. อผาสุกวิหาโร
120. Aphāsukavihāro
๒๐๙. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา สนฺทิฎฺฐา สมฺภตฺตา ภิกฺขู โกสเลสุ ชนปเท อญฺญตรสฺมิํ อาวาเส วสฺสํ อุปคจฺฉิํสุฯ อถ โข เตสํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘เกน นุ โข มยํ อุปาเยน สมคฺคา สโมฺมทมานา อวิวทมานา ผาสุกํ วสฺสํ วเสยฺยาม, น จ ปิณฺฑเกน กิลเมยฺยามา’’ติฯ อถ โข เตสํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘สเจ โข มยํ อญฺญมญฺญํ เนว อาลเปยฺยาม น สลฺลเปยฺยาม – โย ปฐมํ คามโต ปิณฺฑาย ปฎิกฺกเมยฺย โส อาสนํ ปญฺญเปยฺย, ปาโททกํ ปาทปีฐํ ปาทกถลิกํ อุปนิกฺขิเปยฺย, อวกฺการปาติํ โธวิตฺวา อุปฎฺฐาเปยฺย, ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฎฺฐาเปยฺย; โย ปจฺฉา คามโต ปิณฺฑาย ปฎิกฺกเมยฺย, สจสฺส ภุตฺตาวเสโส, สเจ อากเงฺขยฺย ภุเญฺชยฺย, โน เจ อากเงฺขยฺย อปฺปหริเต วา ฉเฑฺฑยฺย, อปฺปาณเก วา อุทเก โอปิลาเปยฺย; โส อาสนํ อุทฺธเรยฺย, ปาโททกํ ปาทปีฐํ ปาทกถลิกํ ปฎิสาเมยฺย, อวกฺการปาติํ โธวิตฺวา ปฎิสาเมยฺย, ปานียํ ปริโภชนียํ ปฎิสาเมยฺย, ภตฺตคฺคํ สมฺมเชฺชยฺย; โย ปเสฺสยฺย ปานียฆฎํ วา ปริโภชนียฆฎํ วา วจฺจฆฎํ วา ริตฺตํ ตุจฺฉํ โส อุปฎฺฐาเปยฺย; สจสฺส โหติ อวิสยฺหํ, หตฺถวิกาเรน ทุติยํ อามเนฺตตฺวา หตฺถวิลงฺฆเกน อุปฎฺฐาเปยฺย; น เตฺวว ตปฺปจฺจยา วาจํ ภิเนฺทยฺย – เอวํ โข มยํ สมคฺคา สโมฺมทมานา อวิวทมานา ผาสุกํ วสฺสํ วเสยฺยาม, น จ ปิณฺฑเกน กิลเมยฺยามา’’ติฯ อถ โข เต ภิกฺขู อญฺญมญฺญํ เนว อาลปิํสุ, น สลฺลปิํสุฯ โย ปฐมํ คามโต ปิณฺฑาย ปฎิกฺกมติ, โส อาสนํ ปญฺญเปติ, ปาโททกํ ปาทปีฐํ ปาทกถลิกํ อุปนิกฺขิปติ, อวกฺการปาติํ โธวิตฺวา อุปฎฺฐาเปติ, ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฎฺฐาเปติ ฯ โย ปจฺฉา คามโต ปิณฺฑาย ปฎิกฺกมติ, สเจ โหติ ภุตฺตาวเสโส, สเจ อากงฺขติ ภุญฺชติ, โน เจ อากงฺขติ อปฺปหริเต วา ฉเฑฺฑติ, อปฺปาณเก วา อุทเก โอปิลาเปติ; โส อาสนํ อุทฺธรติ, ปาโททกํ ปาทปีฐํ ปาทกถลิกํ ปฎิสาเมติ, อวกฺการปาติํ โธวิตฺวา ปฎิสาเมติ, ปานียํ ปริโภชนียํ ปฎิสาเมติ, ภตฺตคฺคํ สมฺมชฺชติฯ โย ปสฺสติ ปานียฆฎํ วา ปริโภชนียฆฎํ วา วจฺจฆฎํ วา ริตฺตํ ตุจฺฉํ โส อุปฎฺฐาเปติฯ สจสฺส โหติ อวิสยฺหํ, หตฺถวิกาเรน ทุติยํ อามเนฺตตฺวา หตฺถวิลงฺฆเกน อุปฎฺฐาเปติ, น เตฺวว ตปฺปจฺจยา วาจํ ภินฺทติฯ
209. Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena sambahulā sandiṭṭhā sambhattā bhikkhū kosalesu janapade aññatarasmiṃ āvāse vassaṃ upagacchiṃsu. Atha kho tesaṃ bhikkhūnaṃ etadahosi – ‘‘kena nu kho mayaṃ upāyena samaggā sammodamānā avivadamānā phāsukaṃ vassaṃ vaseyyāma, na ca piṇḍakena kilameyyāmā’’ti. Atha kho tesaṃ bhikkhūnaṃ etadahosi – ‘‘sace kho mayaṃ aññamaññaṃ neva ālapeyyāma na sallapeyyāma – yo paṭhamaṃ gāmato piṇḍāya paṭikkameyya so āsanaṃ paññapeyya, pādodakaṃ pādapīṭhaṃ pādakathalikaṃ upanikkhipeyya, avakkārapātiṃ dhovitvā upaṭṭhāpeyya, pānīyaṃ paribhojanīyaṃ upaṭṭhāpeyya; yo pacchā gāmato piṇḍāya paṭikkameyya, sacassa bhuttāvaseso, sace ākaṅkheyya bhuñjeyya, no ce ākaṅkheyya appaharite vā chaḍḍeyya, appāṇake vā udake opilāpeyya; so āsanaṃ uddhareyya, pādodakaṃ pādapīṭhaṃ pādakathalikaṃ paṭisāmeyya, avakkārapātiṃ dhovitvā paṭisāmeyya, pānīyaṃ paribhojanīyaṃ paṭisāmeyya, bhattaggaṃ sammajjeyya; yo passeyya pānīyaghaṭaṃ vā paribhojanīyaghaṭaṃ vā vaccaghaṭaṃ vā rittaṃ tucchaṃ so upaṭṭhāpeyya; sacassa hoti avisayhaṃ, hatthavikārena dutiyaṃ āmantetvā hatthavilaṅghakena upaṭṭhāpeyya; na tveva tappaccayā vācaṃ bhindeyya – evaṃ kho mayaṃ samaggā sammodamānā avivadamānā phāsukaṃ vassaṃ vaseyyāma, na ca piṇḍakena kilameyyāmā’’ti. Atha kho te bhikkhū aññamaññaṃ neva ālapiṃsu, na sallapiṃsu. Yo paṭhamaṃ gāmato piṇḍāya paṭikkamati, so āsanaṃ paññapeti, pādodakaṃ pādapīṭhaṃ pādakathalikaṃ upanikkhipati, avakkārapātiṃ dhovitvā upaṭṭhāpeti, pānīyaṃ paribhojanīyaṃ upaṭṭhāpeti . Yo pacchā gāmato piṇḍāya paṭikkamati, sace hoti bhuttāvaseso, sace ākaṅkhati bhuñjati, no ce ākaṅkhati appaharite vā chaḍḍeti, appāṇake vā udake opilāpeti; so āsanaṃ uddharati, pādodakaṃ pādapīṭhaṃ pādakathalikaṃ paṭisāmeti, avakkārapātiṃ dhovitvā paṭisāmeti, pānīyaṃ paribhojanīyaṃ paṭisāmeti, bhattaggaṃ sammajjati. Yo passati pānīyaghaṭaṃ vā paribhojanīyaghaṭaṃ vā vaccaghaṭaṃ vā rittaṃ tucchaṃ so upaṭṭhāpeti. Sacassa hoti avisayhaṃ, hatthavikārena dutiyaṃ āmantetvā hatthavilaṅghakena upaṭṭhāpeti, na tveva tappaccayā vācaṃ bhindati.
อาจิณฺณํ โข ปเนตํ วสฺสํวุฎฺฐานํ ภิกฺขูนํ ภควนฺตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุํฯ อถ โข เต ภิกฺขู วสฺสํวุฎฺฐา เตมาสจฺจเยน เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน สาวตฺถิ เตน ปกฺกมิํสุฯ อนุปุเพฺพน เยน สาวตฺถิ เชตวนํ อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราโม เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ อาจิณฺณํ โข ปเนตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ อาคนฺตุเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ ปฎิสโมฺมทิตุํฯ อถ โข ภควา เต ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘กจฺจิ, ภิกฺขเว, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ สมคฺคา สโมฺมทมานา อวิวทมานา ผาสุกํ วสฺสํ วสิตฺถ, น จ ปิณฺฑเกน กิลมิตฺถา’’ติ? ‘‘ขมนียํ ภควา, ยาปนียํ ภควาฯ สมคฺคา จ มยํ, ภเนฺต, สโมฺมทมานา อวิวทมานา ผาสุกํ วสฺสํ วสิมฺหา, น จ ปิณฺฑเกน กิลมิมฺหา’’ติฯ ชานนฺตาปิ ตถาคตา ปุจฺฉนฺติ, ชานนฺตาปิ น ปุจฺฉนฺติฯ กาลํ วิทิตฺวา ปุจฺฉนฺติ, กาลํ วิทิตฺวา น ปุจฺฉนฺติฯ อตฺถสํหิตํ ตถาคตา ปุจฺฉนฺติ, โน อนตฺถสํหิตํฯ อนตฺถสํหิเต เสตุฆาโต ตถาคตานํฯ ทฺวีหากาเรหิ พุทฺธา ภควโนฺต ภิกฺขู ปฎิปุจฺฉนฺติ – ธมฺมํ วา เทเสสฺสาม, สาวกานํ วา สิกฺขาปทํ ปญฺญเปสฺสามาติฯ อถ โข ภควา เต ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘ยถากถํ ปน ตุเมฺห, ภิกฺขเว, สมคฺคา สโมฺมทมานา อวิวทมานา ผาสุกํ วสฺสํ วสิตฺถ, น จ ปิณฺฑเกน กิลมิตฺถา’’ติฯ
Āciṇṇaṃ kho panetaṃ vassaṃvuṭṭhānaṃ bhikkhūnaṃ bhagavantaṃ dassanāya upasaṅkamituṃ. Atha kho te bhikkhū vassaṃvuṭṭhā temāsaccayena senāsanaṃ saṃsāmetvā pattacīvaramādāya yena sāvatthi tena pakkamiṃsu. Anupubbena yena sāvatthi jetavanaṃ anāthapiṇḍikassa ārāmo yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu, upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Āciṇṇaṃ kho panetaṃ buddhānaṃ bhagavantānaṃ āgantukehi bhikkhūhi saddhiṃ paṭisammodituṃ. Atha kho bhagavā te bhikkhū etadavoca – ‘‘kacci, bhikkhave, khamanīyaṃ, kacci yāpanīyaṃ, kacci samaggā sammodamānā avivadamānā phāsukaṃ vassaṃ vasittha, na ca piṇḍakena kilamitthā’’ti? ‘‘Khamanīyaṃ bhagavā, yāpanīyaṃ bhagavā. Samaggā ca mayaṃ, bhante, sammodamānā avivadamānā phāsukaṃ vassaṃ vasimhā, na ca piṇḍakena kilamimhā’’ti. Jānantāpi tathāgatā pucchanti, jānantāpi na pucchanti. Kālaṃ viditvā pucchanti, kālaṃ viditvā na pucchanti. Atthasaṃhitaṃ tathāgatā pucchanti, no anatthasaṃhitaṃ. Anatthasaṃhite setughāto tathāgatānaṃ. Dvīhākārehi buddhā bhagavanto bhikkhū paṭipucchanti – dhammaṃ vā desessāma, sāvakānaṃ vā sikkhāpadaṃ paññapessāmāti. Atha kho bhagavā te bhikkhū etadavoca – ‘‘yathākathaṃ pana tumhe, bhikkhave, samaggā sammodamānā avivadamānā phāsukaṃ vassaṃ vasittha, na ca piṇḍakena kilamitthā’’ti.
อิธ มยํ, ภเนฺต, สมฺพหุลา สนฺทิฎฺฐา สมฺภตฺตา ภิกฺขู โกสเลสุ ชนปเท อญฺญตรสฺมิํ อาวาเส วสฺสํ อุปคจฺฉิมฺหาฯ เตสํ โน, ภเนฺต, อมฺหากํ เอตทโหสิ – ‘‘เกน นุ โข มยํ อุปาเยน สมคฺคา สโมฺมทมานา อวิวทมานา ผาสุกํ วสฺสํ วเสยฺยาม, น จ ปิณฺฑเกน กิลเมยฺยามา’’ติฯ เตสํ โน, ภเนฺต, อมฺหากํ เอตทโหสิ – ‘‘สเจ โข มยํ อญฺญมญฺญํ เนว อาลเปยฺยาม น สลฺลเปยฺยาม – โย ปฐมํ คามโต ปิณฺฑาย ปฎิกฺกเมยฺย โส อาสนํ ปญฺญเปยฺย, ปาโททกํ ปาทปีฐํ ปาทกถลิกํ อุปนิกฺขิเปยฺย, อวกฺการปาติํ โธวิตฺวา อุปฎฺฐาเปยฺย, ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฎฺฐาเปยฺย; โย ปจฺฉา คามโต ปิณฺฑาย ปฎิกฺกเมยฺย, สจสฺส ภุตฺตาวเสโส , สเจ อากเงฺขยฺย ภุเญฺชยฺย, โน เจ อากเงฺขยฺย อปฺปหริเต วา ฉเฑฺฑยฺย, อปฺปาณเก วา อุทเก โอปิลาเปยฺย; โส อาสนํ อุทฺธเรยฺย, ปาโททกํ ปาทปีฐํ ปาทกถลิกํ ปฎิสาเมยฺย , อวกฺการปาติํ โธวิตฺวา ปฎิสาเมยฺย, ปานียํ ปริโภชนียํ ปฎิสาเมยฺย, ภตฺตคฺคํ สมฺมเชฺชยฺย; โย ปเสฺสยฺย ปานียฆฎํ วา ปริโภชนียฆฎํ วา วจฺจฆฎํ วา ริตฺตํ ตุจฺฉํ โส อุปฎฺฐาเปยฺย; สจสฺส โหติ อวิสยฺหํ, หตฺถวิกาเรน ทุติยํ อามเนฺตตฺวา หตฺถวิลงฺฆเกน อุปฎฺฐาเปยฺย; น เตฺวว ตปฺปจฺจยา วาจํ ภิเนฺทยฺย – เอวํ โข มยํ สมคฺคา สโมฺมทมานา อวิวทมานา ผาสุกํ วสฺสํ วเสยฺยาม, น จ ปิณฺฑเกน กิลเมยฺยามา’’ติฯ อถ โข มยํ, ภเนฺต, อญฺญมญฺญํ เนว อาลปิมฺหา น สลฺลวิมฺหาฯ โย ปฐมํ คามโต ปิณฺฑาย ปฎิกฺกมติ โส อาสนํ ปญฺญเปติ, ปาโททกํ ปาทปีฐํ ปาทกถลิกํ อุปนิกฺขิปติ, อวกฺการปาติํ โธวิตฺวา อุปฎฺฐาเปติ, ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฎฺฐาเปติฯ โย ปจฺฉา คามโต ปิณฺฑาย ปฎิกฺกมติ, สเจ โหติ ภุตฺตาวเสโส, สเจ อากงฺขติ ภุญฺชติ, โน เจ อากงฺขติ อปฺปหริเต วา ฉเฑฺฑติ, อปฺปาณเก วา อุทเก โอปิลาเปติ, โส อาสนํ อุทฺธรติ, ปาโททกํ ปาทปีฐํ ปาทกถลิกํ ปฎิสาเมติ, อวกฺการปาติํ โธวิตฺวา ปฎิสาเมติ, ปานียํ ปริโภชนียํ ปฎิสาเมติ, ภตฺตคฺคํ สมฺมชฺชติฯ โย ปสฺสติ ปานียฆฎํ วา ปริโภชนียฆฎํ วา วจฺจฆฎํ วา ริตฺตํ ตุจฺฉํ โส อุปฎฺฐาเปติฯ สจสฺส โหติ อวิสยฺหํ, หตฺถวิกาเรน ทุติยํ อามเนฺตตฺวา หตฺถวิลงฺฆเกน อุปฎฺฐาเปติ, น เตฺวว ตปฺปจฺจยา วาจํ ภินฺทติฯ เอวํ โข มยํ, ภเนฺต, สมคฺคา สโมฺมทมานา อวิวทมานา ผาสุกํ วสฺสํ วสิมฺหา, น จ ปิณฺฑเกน กิลมิมฺหาติฯ
Idha mayaṃ, bhante, sambahulā sandiṭṭhā sambhattā bhikkhū kosalesu janapade aññatarasmiṃ āvāse vassaṃ upagacchimhā. Tesaṃ no, bhante, amhākaṃ etadahosi – ‘‘kena nu kho mayaṃ upāyena samaggā sammodamānā avivadamānā phāsukaṃ vassaṃ vaseyyāma, na ca piṇḍakena kilameyyāmā’’ti. Tesaṃ no, bhante, amhākaṃ etadahosi – ‘‘sace kho mayaṃ aññamaññaṃ neva ālapeyyāma na sallapeyyāma – yo paṭhamaṃ gāmato piṇḍāya paṭikkameyya so āsanaṃ paññapeyya, pādodakaṃ pādapīṭhaṃ pādakathalikaṃ upanikkhipeyya, avakkārapātiṃ dhovitvā upaṭṭhāpeyya, pānīyaṃ paribhojanīyaṃ upaṭṭhāpeyya; yo pacchā gāmato piṇḍāya paṭikkameyya, sacassa bhuttāvaseso , sace ākaṅkheyya bhuñjeyya, no ce ākaṅkheyya appaharite vā chaḍḍeyya, appāṇake vā udake opilāpeyya; so āsanaṃ uddhareyya, pādodakaṃ pādapīṭhaṃ pādakathalikaṃ paṭisāmeyya , avakkārapātiṃ dhovitvā paṭisāmeyya, pānīyaṃ paribhojanīyaṃ paṭisāmeyya, bhattaggaṃ sammajjeyya; yo passeyya pānīyaghaṭaṃ vā paribhojanīyaghaṭaṃ vā vaccaghaṭaṃ vā rittaṃ tucchaṃ so upaṭṭhāpeyya; sacassa hoti avisayhaṃ, hatthavikārena dutiyaṃ āmantetvā hatthavilaṅghakena upaṭṭhāpeyya; na tveva tappaccayā vācaṃ bhindeyya – evaṃ kho mayaṃ samaggā sammodamānā avivadamānā phāsukaṃ vassaṃ vaseyyāma, na ca piṇḍakena kilameyyāmā’’ti. Atha kho mayaṃ, bhante, aññamaññaṃ neva ālapimhā na sallavimhā. Yo paṭhamaṃ gāmato piṇḍāya paṭikkamati so āsanaṃ paññapeti, pādodakaṃ pādapīṭhaṃ pādakathalikaṃ upanikkhipati, avakkārapātiṃ dhovitvā upaṭṭhāpeti, pānīyaṃ paribhojanīyaṃ upaṭṭhāpeti. Yo pacchā gāmato piṇḍāya paṭikkamati, sace hoti bhuttāvaseso, sace ākaṅkhati bhuñjati, no ce ākaṅkhati appaharite vā chaḍḍeti, appāṇake vā udake opilāpeti, so āsanaṃ uddharati, pādodakaṃ pādapīṭhaṃ pādakathalikaṃ paṭisāmeti, avakkārapātiṃ dhovitvā paṭisāmeti, pānīyaṃ paribhojanīyaṃ paṭisāmeti, bhattaggaṃ sammajjati. Yo passati pānīyaghaṭaṃ vā paribhojanīyaghaṭaṃ vā vaccaghaṭaṃ vā rittaṃ tucchaṃ so upaṭṭhāpeti. Sacassa hoti avisayhaṃ, hatthavikārena dutiyaṃ āmantetvā hatthavilaṅghakena upaṭṭhāpeti, na tveva tappaccayā vācaṃ bhindati. Evaṃ kho mayaṃ, bhante, samaggā sammodamānā avivadamānā phāsukaṃ vassaṃ vasimhā, na ca piṇḍakena kilamimhāti.
อถ โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อผาสุเญฺญว 1 กิรเม 2, ภิกฺขเว, โมฆปุริสา วุฎฺฐา 3 สมานา ผาสุมฺหา 4 วุฎฺฐาติ ปฎิชานนฺติฯ ปสุสํวาสเญฺญว กิรเม, ภิกฺขเว, โมฆปุริสา วุฎฺฐา สมานา ผาสุมฺหา วุฎฺฐาติ ปฎิชานนฺติฯ เอฬกสํวาสเญฺญว กิรเม, ภิกฺขเว, โมฆปุริสา วุฎฺฐา สมานา ผาสุมฺหา วุฎฺฐาติ ปฎิชานนฺติฯ สปตฺตสํวาสเญฺญว กิรเม, ภิกฺขเว, โมฆปุริสา วุฎฺฐา สมานา ผาสุมฺหา วุฎฺฐาติ ปฎิชานนฺติฯ กถญฺหิ นามิเม, ภิกฺขเว, โมฆปุริสา มูคพฺพตํ ติตฺถิยสมาทานํ สมาทิยิสฺส’’นฺติฯ เนตํ, ภิกฺขเว, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… วิครหิตฺวา ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – น, ภิกฺขเว, มูคพฺพตํ ติตฺถิยสมาทานํ สมาทิยิตพฺพํฯ โย สมาทิเยยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วสฺสํวุฎฺฐานํ ภิกฺขูนํ ตีหิ ฐาเนหิ ปวาเรตุํ – ทิเฎฺฐน วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วาฯ สา โว ภวิสฺสติ อญฺญมญฺญานุโลมตา อาปตฺติวุฎฺฐานตา วินยปุเรกฺขารตาฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, ปวาเรตพฺพํฯ พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ –
Atha kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘aphāsuññeva 5 kirame 6, bhikkhave, moghapurisā vuṭṭhā 7 samānā phāsumhā 8 vuṭṭhāti paṭijānanti. Pasusaṃvāsaññeva kirame, bhikkhave, moghapurisā vuṭṭhā samānā phāsumhā vuṭṭhāti paṭijānanti. Eḷakasaṃvāsaññeva kirame, bhikkhave, moghapurisā vuṭṭhā samānā phāsumhā vuṭṭhāti paṭijānanti. Sapattasaṃvāsaññeva kirame, bhikkhave, moghapurisā vuṭṭhā samānā phāsumhā vuṭṭhāti paṭijānanti. Kathañhi nāmime, bhikkhave, moghapurisā mūgabbataṃ titthiyasamādānaṃ samādiyissa’’nti. Netaṃ, bhikkhave, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… vigarahitvā dhammiṃ kathaṃ katvā bhikkhū āmantesi – na, bhikkhave, mūgabbataṃ titthiyasamādānaṃ samādiyitabbaṃ. Yo samādiyeyya, āpatti dukkaṭassa. Anujānāmi, bhikkhave, vassaṃvuṭṭhānaṃ bhikkhūnaṃ tīhi ṭhānehi pavāretuṃ – diṭṭhena vā sutena vā parisaṅkāya vā. Sā vo bhavissati aññamaññānulomatā āpattivuṭṭhānatā vinayapurekkhāratā. Evañca pana, bhikkhave, pavāretabbaṃ. Byattena bhikkhunā paṭibalena saṅgho ñāpetabbo –
๒๑๐. ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อชฺช ปวารณาฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ ปวาเรยฺยา’’ติฯ
210. ‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Ajja pavāraṇā. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho pavāreyyā’’ti.
เถเรน ภิกฺขุนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา อุกฺกุฎิกํ นิสีทิตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘‘สงฺฆํ, อาวุโส, ปวาเรมิ ทิเฎฺฐน วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วาฯ วทนฺตุ มํ อายสฺมโนฺต อนุกมฺปํ อุปาทายฯ ปสฺสโนฺต ปฎิกริสฺสามิฯ ทุติยมฺปิ, อาวุโส, สงฺฆํ ปวาเรมิ ทิเฎฺฐน วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วาฯ วทนฺตุ มํ อายสฺมโนฺต อนุกมฺปํ อุปาทายฯ ปสฺสโนฺต ปฎิกริสฺสามิฯ ตติยมฺปิ, อาวุโส, สงฺฆํ ปวาเรมิ ทิเฎฺฐน วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วาฯ วทนฺตุ มํ อายสฺมโนฺต อนุกมฺปํ อุปาทายฯ ปสฺสโนฺต ปฎิกริสฺสามี’’ติฯ
Therena bhikkhunā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā ukkuṭikaṃ nisīditvā añjaliṃ paggahetvā evamassa vacanīyo – ‘‘saṅghaṃ, āvuso, pavāremi diṭṭhena vā sutena vā parisaṅkāya vā. Vadantu maṃ āyasmanto anukampaṃ upādāya. Passanto paṭikarissāmi. Dutiyampi, āvuso, saṅghaṃ pavāremi diṭṭhena vā sutena vā parisaṅkāya vā. Vadantu maṃ āyasmanto anukampaṃ upādāya. Passanto paṭikarissāmi. Tatiyampi, āvuso, saṅghaṃ pavāremi diṭṭhena vā sutena vā parisaṅkāya vā. Vadantu maṃ āyasmanto anukampaṃ upādāya. Passanto paṭikarissāmī’’ti.
นวเกน ภิกฺขุนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา อุกฺกุฎิกํ นิสีทิตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา เอวมสฺส วจนีโย – ‘‘สงฺฆํ, ภเนฺต, ปวาเรมิ ทิเฎฺฐน วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วาฯ วทนฺตุ มํ อายสฺมโนฺต อนุกมฺปํ อุปาทายฯ ปสฺสโนฺต ปฎิกริสฺสามิฯ ทุติยมฺปิ, ภเนฺต, สงฺฆํ…เป.… ตติยมฺปิ, ภเนฺต, สงฺฆํ ปวาเรมิ ทิเฎฺฐน วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วาฯ วทนฺตุ มํ อายสฺมโนฺต อนุกมฺปํ อุปาทายฯ ปสฺสโนฺต ปฎิกริสฺสามี’’ติฯ
Navakena bhikkhunā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā ukkuṭikaṃ nisīditvā añjaliṃ paggahetvā evamassa vacanīyo – ‘‘saṅghaṃ, bhante, pavāremi diṭṭhena vā sutena vā parisaṅkāya vā. Vadantu maṃ āyasmanto anukampaṃ upādāya. Passanto paṭikarissāmi. Dutiyampi, bhante, saṅghaṃ…pe… tatiyampi, bhante, saṅghaṃ pavāremi diṭṭhena vā sutena vā parisaṅkāya vā. Vadantu maṃ āyasmanto anukampaṃ upādāya. Passanto paṭikarissāmī’’ti.
๒๑๑. เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู เถเรสุ ภิกฺขูสุ อุกฺกุฎิกํ นิสิเนฺนสุ ปวารยมาเนสุ อาสเนสุ อจฺฉนฺติฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู เถเรสุ ภิกฺขูสุ อุกฺกุฎิกํ นิสิเนฺนสุ ปวารยมาเนสุ อาสเนสุ อจฺฉิสฺสนฺตี’’ติฯ อถ โข เต ภิกฺขู ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ…เป.… ‘‘สจฺจํ กิร, ภิกฺขเว, ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู เถเรสุ ภิกฺขูสุ อุกฺกุฎิกํ นิสิเนฺนสุ ปวารยมาเนสุ อาสเนสุ อจฺฉนฺตี’’ติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… ‘‘กถญฺหิ นาม เต, ภิกฺขเว, โมฆปุริสา เถเรสุ ภิกฺขูสุ อุกฺกุฎิกํ นิสิเนฺนสุ ปวารยมาเนสุ อาสเนสุ อจฺฉิสฺส’’นฺติฯ เนตํ, ภิกฺขเว, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย, ปสนฺนานํ วา ภิโยฺยภาวาย…เป.… วิครหิตฺวา ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘น, ภิกฺขเว, เถเรสุ ภิกฺขูสุ อุกฺกุฎิกํ นิสิเนฺนสุ ปวารยมาเนสุ อาสเนสุ อจฺฉิตพฺพํฯ โย อเจฺฉยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สเพฺพเหว อุกฺกุฎิกํ นิสิเนฺนหิ ปวาเรตุ’’นฺติฯ
211. Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhū theresu bhikkhūsu ukkuṭikaṃ nisinnesu pavārayamānesu āsanesu acchanti. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma chabbaggiyā bhikkhū theresu bhikkhūsu ukkuṭikaṃ nisinnesu pavārayamānesu āsanesu acchissantī’’ti. Atha kho te bhikkhū bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ…pe… ‘‘saccaṃ kira, bhikkhave, chabbaggiyā bhikkhū theresu bhikkhūsu ukkuṭikaṃ nisinnesu pavārayamānesu āsanesu acchantī’’ti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… ‘‘kathañhi nāma te, bhikkhave, moghapurisā theresu bhikkhūsu ukkuṭikaṃ nisinnesu pavārayamānesu āsanesu acchissa’’nti. Netaṃ, bhikkhave, appasannānaṃ vā pasādāya, pasannānaṃ vā bhiyyobhāvāya…pe… vigarahitvā dhammiṃ kathaṃ katvā bhikkhū āmantesi – ‘‘na, bhikkhave, theresu bhikkhūsu ukkuṭikaṃ nisinnesu pavārayamānesu āsanesu acchitabbaṃ. Yo accheyya, āpatti dukkaṭassa. Anujānāmi, bhikkhave, sabbeheva ukkuṭikaṃ nisinnehi pavāretu’’nti.
เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร เถโร ชราทุพฺพโล ยาว สเพฺพ ปวาเรนฺตีติ 9 อุกฺกุฎิกํ นิสิโนฺน อาคมยมาโน มุจฺฉิโต ปปติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตทมนฺตรา อุกฺกุฎิกํ นิสีทิตุํ ยาว ปวาเรติ, ปวาเรตฺวา อาสเน นิสีทิตุนฺติฯ
Tena kho pana samayena aññataro thero jarādubbalo yāva sabbe pavārentīti 10 ukkuṭikaṃ nisinno āgamayamāno mucchito papati. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. Anujānāmi, bhikkhave, tadamantarā ukkuṭikaṃ nisīdituṃ yāva pavāreti, pavāretvā āsane nisīditunti.
อผาสุกวิหาโร นิฎฺฐิโตฯ
Aphāsukavihāro niṭṭhito.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / อผาสุกวิหารกถา • Aphāsukavihārakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / อผาสุกวิหารกถาวณฺณนา • Aphāsukavihārakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / อผาสุกวิหารกถาวณฺณนา • Aphāsukavihārakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / อผาสุวิหารกถาทิวณฺณนา • Aphāsuvihārakathādivaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๑๒๐. อผาสุกวิหารกถา • 120. Aphāsukavihārakathā