Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā |
๑๓. อปฺปมญฺญาวิภโงฺค
13. Appamaññāvibhaṅgo
๑. สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา
1. Suttantabhājanīyavaṇṇanā
๖๔๒. ทิสาเทโสธินาติ ‘‘เอกํ ทิส’’นฺติอาทิทิโสธินา, วิหารคามนิคมนครชนปทรชฺชาทิเทโสธินา จฯ สโตฺตธินาติ ‘‘สพฺพา อิตฺถิโย, สเพฺพ ปุริสา, อริยา, อนริยา’’ติอาทิวสปฺปวเตฺตน สโตฺตธินาฯ เอตสฺสาติ เอตสฺส ปทสฺส, ปทตฺถสฺส วาฯ อนุวตฺตกนฺติ อธิการวเสน ปวตฺตกํฯ ตํ ทฺวยนฺติ ตถา-สโทฺท, อิติ-สโทฺทติ อุภยํฯ ‘‘ตถา ทุติย’’นฺติ หิ วุเตฺต ‘‘ตถา-สโทฺท ยถา เมตฺตาสหคเตน เจตสา ปุรตฺถิมาทีสุ เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยมฺปิ ทิสํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา ผริตฺวา วิหรตี’’ติ อิมมตฺถํ ทีเปติฯ เสสทฺวเยปิ เอเสว นโยฯ ยสฺมา อิตีติ อยํ อิติ-สโทฺท ปการเตฺถ, เอวนฺติ วุตฺตํ โหติ, ตสฺมา ‘‘ยถา เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ, ทุติยํ, ตติยํ, จตุตฺถํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, เอวํ อุทฺธํ, อโธ, ติริยํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา ผริตฺวา วิหรตี’’ติ อิมมตฺถํ ทีเปติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘เมตฺตา…เป.… ตํ ทฺวย’’นฺติฯ ตสฺสาติ ทฺวยสฺสฯ ผรณนฺตราทิฎฺฐานนฺติ ผรณโต อญฺญํ ผรณนฺตรํ, ตํ อาทิ ยสฺส, ตํ ผรณนฺตราทิฯ ผรณนฺตรเญฺหตํ เมตฺตาภาวนาย, ยทิทํ วิปุลตาฯ อาทิ-สเทฺทน ภุมฺมนฺตรปคุณภาวาทิ คยฺหติ, ตสฺส ผรณนฺตราทิโน ฐานํ ฐานภูโต ‘‘วิปุเลนา’’ติอาทินา วุจฺจมาโน เมตฺตาภาวนาวิเสโสฯ วุตฺตปฺปการมตฺตปรามสนสฺส ตสฺส ทฺวยสฺส อฎฺฐานํ อโนกาโสติฯ อิติ กตฺวา อิมินา การเณน น วุตฺตํ ตํ ทฺวยนฺติ อโตฺถฯ
642. Disādesodhināti ‘‘ekaṃ disa’’ntiādidisodhinā, vihāragāmanigamanagarajanapadarajjādidesodhinā ca. Sattodhināti ‘‘sabbā itthiyo, sabbe purisā, ariyā, anariyā’’tiādivasappavattena sattodhinā. Etassāti etassa padassa, padatthassa vā. Anuvattakanti adhikāravasena pavattakaṃ. Taṃ dvayanti tathā-saddo, iti-saddoti ubhayaṃ. ‘‘Tathā dutiya’’nti hi vutte ‘‘tathā-saddo yathā mettāsahagatena cetasā puratthimādīsu ekaṃ disaṃ pharitvā viharati, tathā dutiyampi disaṃ mettāsahagatena cetasā pharitvā viharatī’’ti imamatthaṃ dīpeti. Sesadvayepi eseva nayo. Yasmā itīti ayaṃ iti-saddo pakāratthe, evanti vuttaṃ hoti, tasmā ‘‘yathā mettāsahagatena cetasā ekaṃ, dutiyaṃ, tatiyaṃ, catutthaṃ disaṃ pharitvā viharati, evaṃ uddhaṃ, adho, tiriyaṃ mettāsahagatena cetasā pharitvā viharatī’’ti imamatthaṃ dīpeti. Tena vuttaṃ ‘‘mettā…pe… taṃ dvaya’’nti. Tassāti dvayassa. Pharaṇantarādiṭṭhānanti pharaṇato aññaṃ pharaṇantaraṃ, taṃ ādi yassa, taṃ pharaṇantarādi. Pharaṇantarañhetaṃ mettābhāvanāya, yadidaṃ vipulatā. Ādi-saddena bhummantarapaguṇabhāvādi gayhati, tassa pharaṇantarādino ṭhānaṃ ṭhānabhūto ‘‘vipulenā’’tiādinā vuccamāno mettābhāvanāviseso. Vuttappakāramattaparāmasanassa tassa dvayassa aṭṭhānaṃ anokāsoti. Iti katvā iminā kāraṇena na vuttaṃ taṃ dvayanti attho.
๖๔๓. ราคสฺสาติ กามราคสฺสฯ สิเนหสฺสาติ ปุตฺตสิเนหาทิสิเนหสฺสฯ วิปตฺติยาติ ราคสิเนหสงฺขาตาย เมตฺตาภาวนาย วิปตฺติยา วินาสสฺสฯ อนุปฺปตฺติโต หิโรตฺตปฺปพเลน อนุปฺปชฺชนโตฯ
643. Rāgassāti kāmarāgassa. Sinehassāti puttasinehādisinehassa. Vipattiyāti rāgasinehasaṅkhātāya mettābhāvanāya vipattiyā vināsassa. Anuppattito hirottappabalena anuppajjanato.
๖๔๕. อธิมุญฺจิตฺวาติ ภาวนาจิตฺตํ อารมฺมเณ สุฎฺฐุ วิสฺสเชฺชตฺวา, ตํ ปเนตฺถ อธิมุจฺจนํ ยสฺมา ผรณวเสเนว โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สุฎฺฐุ ปสาเรตฺวา’’ติฯ ยสฺมา ปน อารมฺมเณ สุฎฺฐุ อสํสปฺปนวเสเนว ตํ เมตฺตาภาวนาย อธิมุจฺจนํ โหติ, ตสฺมา ‘‘พลวตา วา อธิโมเกฺขน อธิมุจฺจิตฺวา’’ติ จ วุตฺตํฯ
645. Adhimuñcitvāti bhāvanācittaṃ ārammaṇe suṭṭhu vissajjetvā, taṃ panettha adhimuccanaṃ yasmā pharaṇavaseneva hoti, tasmā vuttaṃ ‘‘suṭṭhu pasāretvā’’ti. Yasmā pana ārammaṇe suṭṭhu asaṃsappanavaseneva taṃ mettābhāvanāya adhimuccanaṃ hoti, tasmā ‘‘balavatā vā adhimokkhena adhimuccitvā’’ti ca vuttaṃ.
๖๔๘. เอเตสํ ปทานํ สเพฺพน สกเลน ทิสาเทสาทิเภเทน อวธินาฯ สพฺพาวธิทิสาทิผรณากาเรหีติ สพฺพาวธิภูตทิสาเทสปุคฺคลผรณปฺปกาเรหิฯ
648. Etesaṃ padānaṃ sabbena sakalena disādesādibhedena avadhinā. Sabbāvadhidisādipharaṇākārehīti sabbāvadhibhūtadisādesapuggalapharaṇappakārehi.
๖๕๐. วิฆาตวเสนาติ วิกฺขมฺภนวเสนฯ
650. Vighātavasenāti vikkhambhanavasena.
สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Suttantabhājanīyavaṇṇanā niṭṭhitā.
๓. ปญฺหปุจฺฉกวณฺณนา
3. Pañhapucchakavaṇṇanā
๖๙๙. กถิตานํ กุสลาทิธมฺมานํฯ อิมสฺมิํ ปน อปฺปมญฺญาวิภเงฺค กถิตา อปฺปมญฺญา, ตา จ สภาวโต โลกิยา เอว, น ขนฺธวิภงฺคาทีสุ กถิตา ขนฺธาทโย วิย โลกุตฺตราปีติ เอกํสโต สพฺพาสํ อปฺปมญฺญานํ โลกิยภาวเมว ทีเปตุํ อฎฺฐกถายํ ‘‘อิมสฺมิํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อิมสฺมิํ ปน…เป.… โหตี’’ติฯ
699. Kathitānaṃ kusalādidhammānaṃ. Imasmiṃ pana appamaññāvibhaṅge kathitā appamaññā, tā ca sabhāvato lokiyā eva, na khandhavibhaṅgādīsu kathitā khandhādayo viya lokuttarāpīti ekaṃsato sabbāsaṃ appamaññānaṃ lokiyabhāvameva dīpetuṃ aṭṭhakathāyaṃ ‘‘imasmiṃ panā’’tiādi vuttanti imamatthaṃ dassento āha ‘‘imasmiṃ pana…pe… hotī’’ti.
ปญฺหปุจฺฉกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pañhapucchakavaṇṇanā niṭṭhitā.
อปฺปมญฺญาวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Appamaññāvibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi / ๑๓. อปฺปมญฺญาวิภโงฺค • 13. Appamaññāvibhaṅgo
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / สโมฺมหวิโนทนี-อฎฺฐกถา • Sammohavinodanī-aṭṭhakathā / ๑. สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา • 1. Suttantabhājanīyavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā / ๑๓. อปฺปมญฺญาวิภโงฺค • 13. Appamaññāvibhaṅgo