Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā

    ๒. อปฺปายุกสุตฺตวณฺณนา

    2. Appāyukasuttavaṇṇanā

    ๔๒. ทุติเย อจฺฉริยํ, ภเนฺตติ อิทมฺปิ เมฆิยสุเตฺต วิย ครหณจฺฉริยวเสน เวทิตพฺพํฯ ยาว อปฺปายุกาติ ยตฺตกํ ปริตฺตายุกา, อติอิตฺตรชีวิตาติ อโตฺถฯ สตฺตาหชาเตติ สตฺตาเหน ชาโต สตฺตาหชาโตฯ ตสฺมิํ สตฺตาหชาเต, ชาตสฺส สตฺตเม อหนีติ อโตฺถฯ ตุสิตํ กายํ อุปปชฺชีติ ตุสิตํ เทวนิกายํ ปฎิสนฺธิคฺคหณวเสน อุปปชฺชิฯ

    42. Dutiye acchariyaṃ, bhanteti idampi meghiyasutte viya garahaṇacchariyavasena veditabbaṃ. Yāva appāyukāti yattakaṃ parittāyukā, atiittarajīvitāti attho. Sattāhajāteti sattāhena jāto sattāhajāto. Tasmiṃ sattāhajāte, jātassa sattame ahanīti attho. Tusitaṃ kāyaṃ upapajjīti tusitaṃ devanikāyaṃ paṭisandhiggahaṇavasena upapajji.

    เอกทิวสํ กิร เถโร ปจฺฉาภตฺตํ ทิวาฎฺฐาเน นิสิโนฺน ลกฺขณานุพฺยญฺชนปฺปฎิมณฺฑิตํ โสภคฺคปฺปตฺตํ ทสฺสนานุตฺตริยภูตํ ภควโต รูปกายสิริํ มนสิ กริตฺวา, ‘‘อโห พุทฺธานํ รูปกายสมฺปตฺติ ทสฺสนียา สมนฺตปาสาทิกา มโนหรา’’ติ อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทโนฺต เอวํ จิเนฺตสิ – ‘‘วิชาตมาตุยา นาม วิรูโปปิ ปุโตฺต สุรูโป วิย มนาโป โหติ, สเจ ปน พุทฺธานํ มาตา มหามายา เทวี ธเรยฺย, กีทิสํ นุ โข ตสฺสา ภควโต รูปทสฺสเน ปีติโสมนสฺสํ อุปฺปเชฺชยฺย, มหาชานิ โข มยฺหํ มหามาตุ เทวิยา, ยา สตฺตาหชาเต ภควติ กาลกตา’’ติฯ เอวํ ปน จิเนฺตตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตโน ปริวิตกฺกิตํ อาโรเจโนฺต ตสฺสา กาลกิริยํ ครหโนฺต ‘‘อจฺฉริยํ, ภเนฺต’’ติอาทิมาหฯ

    Ekadivasaṃ kira thero pacchābhattaṃ divāṭṭhāne nisinno lakkhaṇānubyañjanappaṭimaṇḍitaṃ sobhaggappattaṃ dassanānuttariyabhūtaṃ bhagavato rūpakāyasiriṃ manasi karitvā, ‘‘aho buddhānaṃ rūpakāyasampatti dassanīyā samantapāsādikā manoharā’’ti uḷāraṃ pītisomanassaṃ paṭisaṃvedento evaṃ cintesi – ‘‘vijātamātuyā nāma virūpopi putto surūpo viya manāpo hoti, sace pana buddhānaṃ mātā mahāmāyā devī dhareyya, kīdisaṃ nu kho tassā bhagavato rūpadassane pītisomanassaṃ uppajjeyya, mahājāni kho mayhaṃ mahāmātu deviyā, yā sattāhajāte bhagavati kālakatā’’ti. Evaṃ pana cintetvā bhagavantaṃ upasaṅkamitvā attano parivitakkitaṃ ārocento tassā kālakiriyaṃ garahanto ‘‘acchariyaṃ, bhante’’tiādimāha.

    เกจิ ปนาหุ – ‘‘มหาปชาปติ โคตมี ภควนฺตํ มหตา อายาเสน ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวาปิ ปฎิกฺขิตฺตา, มยา ปน อุปาเยน ยาจิโต ภควา อฎฺฐครุธมฺมปฺปฎิคฺคหณวเสน ตสฺสา ปพฺพชฺชํ อุปสมฺปทญฺจ อนุชานิ, สา เต ธเมฺม ปฎิคฺคเหตฺวา ลทฺธปพฺพชฺชูปสมฺปทา ภควโต ทุติยํ ปริสํ อุปฺปาเทตฺวา จตุตฺถาย ปริสาย ปจฺจโย อโหสิฯ สเจ ปน ภควโต ชเนตฺติ มหามายา เทวี ธเรยฺย, เอวเมตา จุโภปิ ขตฺติยภคินิโย เอกโต หุตฺวา อิมํ สาสนํ โสเภยฺยุํ, ภควา จ มาตริ พหุมาเนน มาตุคามสฺส สาสเน ปพฺพชฺชํ อุปสมฺปทญฺจ สุเขเนว อนุชาเนยฺย, อปฺปายุกตาย ปนสฺสา กสิเรน นิปฺผนฺนมิทนฺติ อิมินา อธิปฺปาเยน เถโร ภควโต สนฺติเก ‘อจฺฉริยํ, ภเนฺต’ติอาทิมาหา’’ติฯ ตํ อการณํฯ ภควา หิ มาตุยา วา อญฺญสฺส วา มาตุคามสฺส อตฺตโน สาสเน ปพฺพชฺชํ อนุชานโนฺต ครุกํเยว กตฺวา อนุชานาติ, น ลหุกํ จิรฎฺฐิติกามตายาติฯ

    Keci panāhu – ‘‘mahāpajāpati gotamī bhagavantaṃ mahatā āyāsena pabbajjaṃ yācitvāpi paṭikkhittā, mayā pana upāyena yācito bhagavā aṭṭhagarudhammappaṭiggahaṇavasena tassā pabbajjaṃ upasampadañca anujāni, sā te dhamme paṭiggahetvā laddhapabbajjūpasampadā bhagavato dutiyaṃ parisaṃ uppādetvā catutthāya parisāya paccayo ahosi. Sace pana bhagavato janetti mahāmāyā devī dhareyya, evametā cubhopi khattiyabhaginiyo ekato hutvā imaṃ sāsanaṃ sobheyyuṃ, bhagavā ca mātari bahumānena mātugāmassa sāsane pabbajjaṃ upasampadañca sukheneva anujāneyya, appāyukatāya panassā kasirena nipphannamidanti iminā adhippāyena thero bhagavato santike ‘acchariyaṃ, bhante’tiādimāhā’’ti. Taṃ akāraṇaṃ. Bhagavā hi mātuyā vā aññassa vā mātugāmassa attano sāsane pabbajjaṃ anujānanto garukaṃyeva katvā anujānāti, na lahukaṃ ciraṭṭhitikāmatāyāti.

    อปเร ปนาหุ – ‘‘ทสพลจตุเวสารชฺชาทิเก อนญฺญสาธารเณ อนนฺตาปริมาเณ พุทฺธคุเณ เถโร มนสิ กริตฺวา ยา เอวํ มหานุภาวํ นาม โลเก อคฺคปุคฺคลํ สตฺถารํ กุจฺฉินา ทส มาเส ปริหริ, สา พุทฺธมาตา กสฺสจิ ปริจาริกา ภวิสฺสตีติ อยุตฺตมิทํฯ กสฺมา? สตฺถุ คุณานุจฺฉวิกเมเวตํ, ยทิทํ สตฺตาหชาเต ภควติ ชเนตฺติ กาลํ กโรติ, กาลกตา จ ตุสิเตสุ อุปฺปชฺชตีติ อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต หุตฺวา ตํ อตฺตโน วิตกฺกุปฺปาทนํ ภควโต อาโรเจโนฺต ‘อจฺฉริยํ, ภเนฺต’ติอาทิวจนํ อโวจา’’ติฯ

    Apare panāhu – ‘‘dasabalacatuvesārajjādike anaññasādhāraṇe anantāparimāṇe buddhaguṇe thero manasi karitvā yā evaṃ mahānubhāvaṃ nāma loke aggapuggalaṃ satthāraṃ kucchinā dasa māse parihari, sā buddhamātā kassaci paricārikā bhavissatīti ayuttamidaṃ. Kasmā? Satthu guṇānucchavikamevetaṃ, yadidaṃ sattāhajāte bhagavati janetti kālaṃ karoti, kālakatā ca tusitesu uppajjatīti acchariyabbhutacittajāto hutvā taṃ attano vitakkuppādanaṃ bhagavato ārocento ‘acchariyaṃ, bhante’tiādivacanaṃ avocā’’ti.

    สตฺถา ปน ยสฺมา สตฺตาหชาเตสุ โพธิสเตฺตสุ โพธิสตฺตมาตุ กาลกิริยา ธมฺมตา สิทฺธา, ตสฺมา ตํ ธมฺมตํ ปริทีเปโนฺต ‘‘เอวเมตํ, อานนฺทา’’ติอาทิมาหฯ สา ปนายํ ธมฺมตา ยสฺมา ยถา สเพฺพ โพธิสตฺตา ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ฐตฺวา อายุปริโยสาเน ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตาหิ สนฺนิปติตฺวา อภิสโมฺพธิํ ปตฺตุํ มนุสฺสโลเก ปฎิสนฺธิคฺคหณาย อเชฺฌสิตา กาลทีปเทสกุลานิ วิย ชเนตฺติยา อายุปริมาณมฺปิ โอโลเกตฺวา ปฎิสนฺธิํ คณฺหนฺติ, อยมฺปิ ภควา โพธิสตฺตภูโต ตเถว ตุสิตปุเร ฐิโต ปญฺจ มหาวิโลกนานิ วิโลเกโนฺต สตฺตทิวสาธิกทสมาสปริมาณํ มาตุยา อายุปริมาณํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘อยํ มม ปฎิสนฺธิคฺคหณสฺส กาโล, อิทานิ อุปฺปชฺชิตุํ วฎฺฎตี’’ติ ญตฺวาว ปฎิสนฺธิํ อคฺคเหสิ, ตสฺมา สพฺพโพธิสตฺตานํ อาจิณฺณสมาจิณฺณวเสเนว เวทิตพฺพํฯ เตนาห ภควา – ‘‘อปฺปายุกา หิ, อานนฺท, โพธิสตฺตมาตโร โหนฺตี’’ติอาทิฯ

    Satthā pana yasmā sattāhajātesu bodhisattesu bodhisattamātu kālakiriyā dhammatā siddhā, tasmā taṃ dhammataṃ paridīpento ‘‘evametaṃ, ānandā’’tiādimāha. Sā panāyaṃ dhammatā yasmā yathā sabbe bodhisattā pāramiyo pūretvā tusitapure nibbattitvā tattha yāvatāyukaṃ ṭhatvā āyupariyosāne dasasahassacakkavāḷadevatāhi sannipatitvā abhisambodhiṃ pattuṃ manussaloke paṭisandhiggahaṇāya ajjhesitā kāladīpadesakulāni viya janettiyā āyuparimāṇampi oloketvā paṭisandhiṃ gaṇhanti, ayampi bhagavā bodhisattabhūto tatheva tusitapure ṭhito pañca mahāvilokanāni vilokento sattadivasādhikadasamāsaparimāṇaṃ mātuyā āyuparimāṇaṃ paricchinditvā ‘‘ayaṃ mama paṭisandhiggahaṇassa kālo, idāni uppajjituṃ vaṭṭatī’’ti ñatvāva paṭisandhiṃ aggahesi, tasmā sabbabodhisattānaṃ āciṇṇasamāciṇṇavaseneva veditabbaṃ. Tenāha bhagavā – ‘‘appāyukā hi, ānanda, bodhisattamātaro hontī’’tiādi.

    ตตฺถ กาลํ กโรนฺตีติ ยถาวุตฺตอายุปริกฺขเยเนว กาลํ กโรนฺติ, น วิชาตปจฺจยาฯ จริมตฺตภาเวหิ โพธิสเตฺตหิ วสิตฎฺฐานํ เจติยฆรสทิสํ โหติ, น อเญฺญสํ ปริโภคารหํ, น จ สกฺกา โพธิสตฺตมาตรํ อปเนตฺวา อญฺญํ อคฺคมเหสิฎฺฐาเน ฐเปตุนฺติ ตตฺตกํ เอว โพธิสตฺตมาตุ อายุปฺปมาณํ โหติ, ตสฺมา ตทา กาลํ กโรนฺติฯ อิมเมว หิ อตฺถํ สนฺธาย มหาโพธิสตฺตา ปญฺจมํ มหาวิโลกนํ กโรนฺติฯ

    Tattha kālaṃ karontīti yathāvuttaāyuparikkhayeneva kālaṃ karonti, na vijātapaccayā. Carimattabhāvehi bodhisattehi vasitaṭṭhānaṃ cetiyagharasadisaṃ hoti, na aññesaṃ paribhogārahaṃ, na ca sakkā bodhisattamātaraṃ apanetvā aññaṃ aggamahesiṭṭhāne ṭhapetunti tattakaṃ eva bodhisattamātu āyuppamāṇaṃ hoti, tasmā tadā kālaṃ karonti. Imameva hi atthaṃ sandhāya mahābodhisattā pañcamaṃ mahāvilokanaṃ karonti.

    กตรสฺมิํ ปน วเย กาลํ กโรนฺตีติ? มชฺฌิมวเยฯ ปฐมวยสฺมิญฺหิ สตฺตานํ อตฺตภาเว ฉนฺทราโค พลวา โหติ, เตน ตทา สญฺชาตคพฺภา อิตฺถิโย เยภุเยฺยน คพฺภํ อนุรกฺขิตุํ น สโกฺกนฺติฯ คเณฺหยฺยุํ เจ, คโพฺภ พหฺวาพาโธ โหติฯ มชฺฌิมวยสฺส ปน เทฺว โกฎฺฐาเส อติกฺกมิตฺวา ตติยโกฎฺฐาเส วตฺถุ วิสทํ โหติ, วิสเท วตฺถุมฺหิ นิพฺพตฺตทารกา อโรคา โหนฺติ, ตสฺมา โพธิสตฺตมาตโร ปฐมวเย สมฺปตฺติํ อนุภวิตฺวา มชฺฌิมวยสฺส ตติยโกฎฺฐาเส วิชายิตฺวา กาลํ กโรนฺตีติฯ

    Katarasmiṃ pana vaye kālaṃ karontīti? Majjhimavaye. Paṭhamavayasmiñhi sattānaṃ attabhāve chandarāgo balavā hoti, tena tadā sañjātagabbhā itthiyo yebhuyyena gabbhaṃ anurakkhituṃ na sakkonti. Gaṇheyyuṃ ce, gabbho bahvābādho hoti. Majjhimavayassa pana dve koṭṭhāse atikkamitvā tatiyakoṭṭhāse vatthu visadaṃ hoti, visade vatthumhi nibbattadārakā arogā honti, tasmā bodhisattamātaro paṭhamavaye sampattiṃ anubhavitvā majjhimavayassa tatiyakoṭṭhāse vijāyitvā kālaṃ karontīti.

    เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ โพธิสตฺตมาตุ อเญฺญสญฺจ สพฺพสตฺตานํ อตฺตภาเว อายุสฺส มรณปริโยสานตํ วิทิตฺวา ตทตฺถวิภาวนมุเขน อนวชฺชปฺปฎิปตฺติยํ อุสฺสาหทีปกํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ

    Etamatthaṃ viditvāti etaṃ bodhisattamātu aññesañca sabbasattānaṃ attabhāve āyussa maraṇapariyosānataṃ viditvā tadatthavibhāvanamukhena anavajjappaṭipattiyaṃ ussāhadīpakaṃ imaṃ udānaṃ udānesi.

    ตตฺถ เย เกจีติ อนิยมนิเทฺทโสฯ ภูตาติ นิพฺพตฺตาฯ ภวิสฺสนฺตีติ อนาคเต นิพฺพตฺติสฺสนฺติฯ วาสโทฺท วิกปฺปโตฺถ, อปิสโทฺท สมฺปิณฺฑนโตฺถฯ เตน นิพฺพตฺตมาเนปิ สงฺคณฺหาติฯ เอตฺตาวตา อตีตาทิวเสน ติยทฺธปริยาปเนฺน สเตฺต อนวเสสโต ปริยาทิยติฯ อปิจ คพฺภเสยฺยกสตฺตา คพฺภโต นิกฺขนฺตกาลโต ปฎฺฐาย ภูตา นาม, ตโต ปุเพฺพ ภวิสฺสนฺติ นามฯ สํเสทชูปปาติกา ปฎิสนฺธิจิตฺตโต ปรโต ภูตา นาม, ตโต ปุเพฺพ อุปฺปชฺชิตพฺพภววเสน ภวิสฺสนฺติ นามฯ สเพฺพปิ วา ปจฺจุปฺปนฺนภววเสน ภูตา นาม, อายติํ ปุนพฺภววเสน ภวิสฺสนฺติ นามฯ ขีณาสวา ภูตา นามฯ เต หิ ภูตา เอว, น ปุน ภวิสฺสนฺตีติ, ตทเญฺญ ภวิสฺสนฺติ นามฯ

    Tattha ye kecīti aniyamaniddeso. Bhūtāti nibbattā. Bhavissantīti anāgate nibbattissanti. saddo vikappattho, apisaddo sampiṇḍanattho. Tena nibbattamānepi saṅgaṇhāti. Ettāvatā atītādivasena tiyaddhapariyāpanne satte anavasesato pariyādiyati. Apica gabbhaseyyakasattā gabbhato nikkhantakālato paṭṭhāya bhūtā nāma, tato pubbe bhavissanti nāma. Saṃsedajūpapātikā paṭisandhicittato parato bhūtā nāma, tato pubbe uppajjitabbabhavavasena bhavissanti nāma. Sabbepi vā paccuppannabhavavasena bhūtā nāma, āyatiṃ punabbhavavasena bhavissanti nāma. Khīṇāsavā bhūtā nāma. Te hi bhūtā eva, na puna bhavissantīti, tadaññe bhavissanti nāma.

    สเพฺพ คมิสฺสนฺติ ปหาย เทหนฺติ สเพฺพ ยถาวุตฺตเภทา สพฺพภวโยนิคติวิญฺญาณฎฺฐิติสตฺตาวาสาทิวเสน อเนกเภทภินฺนา สตฺตา เทหํ อตฺตโน สรีรํ ปหาย นิกฺขิปิตฺวา ปรโลกํ คมิสฺสนฺติ, อเสกฺขา ปน นิพฺพานํฯ เอตฺถ โกจิ อจวนธโมฺม นาม นตฺถีติ ทเสฺสติฯ ตํ สพฺพชานิํ กุสโล วิทิตฺวาติ ตเทตํ สพฺพสฺส สตฺตสฺส ชานิํ หานิํ มรณํ, สพฺพสฺส วา สตฺตสฺส ชานิํ วินาสํ ปภงฺคุตํ กุสโล ปณฺฑิตชาติโก มรณานุสฺสติวเสน อนิจฺจตามนสิการวเสน วา ชานิตฺวาฯ อาตาปิโย พฺรหฺมจริยํ จเรยฺยาติ วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรโนฺต อาตาปิยสงฺขาเตน วีริเยน สมนฺนาคตตฺตา อาตาปิโย จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวเสน อารทฺธวีริโย อนวเสสมรณสมติกฺกมนูปายํ มคฺคพฺรหฺมจริยํ จเรยฺย, ปฎิปเชฺชยฺยาติ อโตฺถฯ

    Sabbe gamissanti pahāya dehanti sabbe yathāvuttabhedā sabbabhavayonigativiññāṇaṭṭhitisattāvāsādivasena anekabhedabhinnā sattā dehaṃ attano sarīraṃ pahāya nikkhipitvā paralokaṃ gamissanti, asekkhā pana nibbānaṃ. Ettha koci acavanadhammo nāma natthīti dasseti. Taṃ sabbajāniṃ kusalo viditvāti tadetaṃ sabbassa sattassa jāniṃ hāniṃ maraṇaṃ, sabbassa vā sattassa jāniṃ vināsaṃ pabhaṅgutaṃ kusalo paṇḍitajātiko maraṇānussativasena aniccatāmanasikāravasena vā jānitvā. Ātāpiyo brahmacariyaṃ careyyāti vipassanāya kammaṃ karonto ātāpiyasaṅkhātena vīriyena samannāgatattā ātāpiyo catubbidhasammappadhānavasena āraddhavīriyo anavasesamaraṇasamatikkamanūpāyaṃ maggabrahmacariyaṃ careyya, paṭipajjeyyāti attho.

    ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dutiyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi / ๒. อปฺปายุกสุตฺตํ • 2. Appāyukasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact