Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi |
๙. อรหนฺตอภายนปโญฺห
9. Arahantaabhāyanapañho
๙. ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ภาสิตเมฺปตํ ภควตา ‘วิคตภยสนฺตาสา อรหโนฺต’ติฯ ปุน จ นคเร ราชคเห ธนปาลกํ หตฺถิํ ภควติ โอปตนฺตํ ทิสฺวา ปญฺจ ขีณาสวสตานิ ปริจฺจชิตฺวา ชินวรํ ปกฺกนฺตานิ ทิสาวิทิสํ เอกํ ฐเปตฺวา เถรํ อานนฺทํฯ กิํ นุ โข, ภเนฺต นาคเสน, เต อรหโนฺต ภยา ปกฺกนฺตา, ปญฺญายิสฺสติ สเกน กเมฺมนาติ ทสพลํ ปาเตตุกามา ปกฺกนฺตา , อุทาหุ ตถาคตสฺส อตุลํ วิปุลมสมํ ปาฎิหาริยํ ทฎฺฐุกามา ปกฺกนฺตา? ยทิ, ภเนฺต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘วิคตภยสนฺตาสา อรหโนฺต’ติ, เตน หิ ‘นคเร…เป.… อานนฺท’นฺติ ยํ วจนํ ตํ มิจฺฉาฯ ยทิ นคเร ราชคเห ธนปาลกํ หตฺถิํ ภควติ โอปตนฺตํ ทิสฺวา ปญฺจ ขีณาสวสตานิ ปริจฺจชิตฺวา ชินวรํ ปกฺกนฺตานิ ทิสาวิทิสํ เอกํ ฐเปตฺวา เถรํ อานนฺทํ, เตน หิ ‘วิคตภยสนฺตาสา อรหโนฺต’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉาฯ อยมฺปิ อุภโต โกฎิโก ปโญฺห ตวานุปฺปโตฺต, โส ตยา นิพฺพาหิตโพฺพ’’ติฯ
9. ‘‘Bhante nāgasena, bhāsitampetaṃ bhagavatā ‘vigatabhayasantāsā arahanto’ti. Puna ca nagare rājagahe dhanapālakaṃ hatthiṃ bhagavati opatantaṃ disvā pañca khīṇāsavasatāni pariccajitvā jinavaraṃ pakkantāni disāvidisaṃ ekaṃ ṭhapetvā theraṃ ānandaṃ. Kiṃ nu kho, bhante nāgasena, te arahanto bhayā pakkantā, paññāyissati sakena kammenāti dasabalaṃ pātetukāmā pakkantā , udāhu tathāgatassa atulaṃ vipulamasamaṃ pāṭihāriyaṃ daṭṭhukāmā pakkantā? Yadi, bhante nāgasena, bhagavatā bhaṇitaṃ ‘vigatabhayasantāsā arahanto’ti, tena hi ‘nagare…pe… ānanda’nti yaṃ vacanaṃ taṃ micchā. Yadi nagare rājagahe dhanapālakaṃ hatthiṃ bhagavati opatantaṃ disvā pañca khīṇāsavasatāni pariccajitvā jinavaraṃ pakkantāni disāvidisaṃ ekaṃ ṭhapetvā theraṃ ānandaṃ, tena hi ‘vigatabhayasantāsā arahanto’ti tampi vacanaṃ micchā. Ayampi ubhato koṭiko pañho tavānuppatto, so tayā nibbāhitabbo’’ti.
‘‘ภาสิตเมฺปตํ, มหาราช, ภควตา ‘วิคตภยสนฺตาสา อรหโนฺต’ติ, นคเร ราชคเห ธนปาลกํ หตฺถิํ ภควติ โอปตนฺตํ ทิสฺวา ปญฺจ ขีณาสวสตานิ ปริจฺจชิตฺวา ชินวรํ ปกฺกนฺตานิ ทิสาวิทิสํ เอกํ ฐเปตฺวา เถรํ อานนฺทํ, ตญฺจ ปน น ภยา, นาปิ ภควนฺตํ ปาเตตุกามตายฯ
‘‘Bhāsitampetaṃ, mahārāja, bhagavatā ‘vigatabhayasantāsā arahanto’ti, nagare rājagahe dhanapālakaṃ hatthiṃ bhagavati opatantaṃ disvā pañca khīṇāsavasatāni pariccajitvā jinavaraṃ pakkantāni disāvidisaṃ ekaṃ ṭhapetvā theraṃ ānandaṃ, tañca pana na bhayā, nāpi bhagavantaṃ pātetukāmatāya.
‘‘เยน ปน, มหาราช, เหตุนา อรหโนฺต ภาเยยฺยุํ วา ตาเสยฺยุํ วา, โส เหตุ อรหนฺตานํ สมุจฺฉิโนฺน, ตสฺมา วิคตภยสนฺตาสา อรหโนฺต, ภายติ นุ, มหาราช, มหาปถวี ขณเนฺตปิ ภินฺทเนฺตปิ ธาเรเนฺตปิ สมุทฺทปพฺพตคิริสิขเรติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เกน การเณน มหาราชา’’ติ? ‘‘นตฺถิ, ภเนฺต, มหาปถวิยา โส เหตุ, เยน เหตุนา มหาปถวี ภาเยยฺย วา ตาเสยฺย วา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, นตฺถิ อรหนฺตานํ โส เหตุ, เยน เหตุนา อรหโนฺต ภาเยยฺยุํ วา ตาเสยฺยุํ วาฯ
‘‘Yena pana, mahārāja, hetunā arahanto bhāyeyyuṃ vā tāseyyuṃ vā, so hetu arahantānaṃ samucchinno, tasmā vigatabhayasantāsā arahanto, bhāyati nu, mahārāja, mahāpathavī khaṇantepi bhindantepi dhārentepi samuddapabbatagirisikhareti? ‘‘Na hi, bhante’’ti. ‘‘Kena kāraṇena mahārājā’’ti? ‘‘Natthi, bhante, mahāpathaviyā so hetu, yena hetunā mahāpathavī bhāyeyya vā tāseyya vā’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, natthi arahantānaṃ so hetu, yena hetunā arahanto bhāyeyyuṃ vā tāseyyuṃ vā.
‘‘ภายติ นุ, มหาราช, คิริสิขรํ ฉินฺทเนฺต วา ภินฺทเนฺต วา ปตเนฺต วา อคฺคินา ทหเนฺต วา’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เกน การเณน มหาราชา’’ติ? ‘‘นตฺถิ, ภเนฺต, คิริสิขรสฺส โส เหตุ, เยน เหตุนา คิริสิขรํ ภาเยยฺย วา ตาเสยฺย วา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, นตฺถิ อรหนฺตานํ โส เหตุ, เยน เหตุนา อรหโนฺต ภาเยยฺยุํ วา ตาเสยฺยุํ วาฯ
‘‘Bhāyati nu, mahārāja, girisikharaṃ chindante vā bhindante vā patante vā agginā dahante vā’’ti? ‘‘Na hi, bhante’’ti. ‘‘Kena kāraṇena mahārājā’’ti? ‘‘Natthi, bhante, girisikharassa so hetu, yena hetunā girisikharaṃ bhāyeyya vā tāseyya vā’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, natthi arahantānaṃ so hetu, yena hetunā arahanto bhāyeyyuṃ vā tāseyyuṃ vā.
‘‘ยทิปิ , มหาราช, โลกธาตุสตสหเสฺสสุ เย เกจิ สตฺตนิกายปริยาปนฺนา สเพฺพปิ เต สตฺติหตฺถา เอกํ อรหนฺตํ อุปธาวิตฺวา ตาเสยฺยุํ, น ภเวยฺย อรหโต จิตฺตสฺส กิญฺจิ อญฺญถตฺตํฯ กิํ การณํ? อฎฺฐานมนวกาสตายฯ
‘‘Yadipi , mahārāja, lokadhātusatasahassesu ye keci sattanikāyapariyāpannā sabbepi te sattihatthā ekaṃ arahantaṃ upadhāvitvā tāseyyuṃ, na bhaveyya arahato cittassa kiñci aññathattaṃ. Kiṃ kāraṇaṃ? Aṭṭhānamanavakāsatāya.
‘‘อปิ จ, มหาราช, เตสํ ขีณาสวานํ เอวํ เจโตปริวิตโกฺก อโหสิ ‘อชฺช นรวรปวเร ชินวรวสเภ นครวรมนุปฺปวิเฎฺฐ วีถิยา ธนปาลโก หตฺถี อาปติสฺสติ, อสํสยมติเทวเทวํ อุปฎฺฐาโก น ปริจฺจชิสฺสติ, ยทิ มยํ สเพฺพปิ ภควนฺตํ น ปริจฺจชิสฺสาม, อานนฺทสฺส คุโณ ปากโฎ น ภวิสฺสติ, น เหว จ ตถาคตํ สมุปคมิสฺสติ หตฺถินาโค, หนฺท มยํ อปคจฺฉาม, เอวมิทํ มหโต ชนกายสฺส กิเลสพนฺธนโมโกฺข ภวิสฺสติ, อานนฺทสฺส จ คุโณ ปากโฎ ภวิสฺสตี’ติฯ เอวํ เต อรหโนฺต อานิสํสํ ทิสฺวา ทิสาวิทิสํ ปกฺกนฺตา’’ติฯ ‘‘สุวิภโตฺต, ภเนฺต นาคเสน, ปโญฺห, เอวเมตํ นตฺถิ อรหนฺตานํ ภยํ วา สนฺตาโส วา, อานิสํสํ ทิสฺวา อรหโนฺต ปกฺกนฺตา ทิสาวิทิส’’นฺติฯ
‘‘Api ca, mahārāja, tesaṃ khīṇāsavānaṃ evaṃ cetoparivitakko ahosi ‘ajja naravarapavare jinavaravasabhe nagaravaramanuppaviṭṭhe vīthiyā dhanapālako hatthī āpatissati, asaṃsayamatidevadevaṃ upaṭṭhāko na pariccajissati, yadi mayaṃ sabbepi bhagavantaṃ na pariccajissāma, ānandassa guṇo pākaṭo na bhavissati, na heva ca tathāgataṃ samupagamissati hatthināgo, handa mayaṃ apagacchāma, evamidaṃ mahato janakāyassa kilesabandhanamokkho bhavissati, ānandassa ca guṇo pākaṭo bhavissatī’ti. Evaṃ te arahanto ānisaṃsaṃ disvā disāvidisaṃ pakkantā’’ti. ‘‘Suvibhatto, bhante nāgasena, pañho, evametaṃ natthi arahantānaṃ bhayaṃ vā santāso vā, ānisaṃsaṃ disvā arahanto pakkantā disāvidisa’’nti.
อรหนฺตอภายนปโญฺห นวโมฯ
Arahantaabhāyanapañho navamo.