Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi |
๖. อรหนฺตเวทนาเวทิยนปโญฺห
6. Arahantavedanāvediyanapañho
๖. ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ตุเมฺห ภณถ ‘อรหา เอกํ เวทนํ เวทยติ กายิกํ, น เจตสิก’นฺติฯ กิํ นุ โข, ภเนฺต นาคเสน, อรหโต จิตฺตํ ยํ กายํ นิสฺสาย ปวตฺตติ, ตตฺถ อรหา อนิสฺสโร อสฺสามี อวสวตฺตี’’ติ ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติฯ ‘‘น โข, ภเนฺต นาคเสน, ยุตฺตเมตํ, ยํ โส สกจิตฺตสฺส ปวตฺตมาเน กาเย อนิสฺสโร โหติ อสฺสามี อวสวตฺตี; สกุโณปิ ตาว, ภเนฺต, ยสฺมิํ กุลาวเก ปฎิวสติ, ตตฺถ โส อิสฺสโร โหติ สามี วสวตฺตี’’ติฯ
6. ‘‘Bhante nāgasena, tumhe bhaṇatha ‘arahā ekaṃ vedanaṃ vedayati kāyikaṃ, na cetasika’nti. Kiṃ nu kho, bhante nāgasena, arahato cittaṃ yaṃ kāyaṃ nissāya pavattati, tattha arahā anissaro assāmī avasavattī’’ti ? ‘‘Āma, mahārājā’’ti. ‘‘Na kho, bhante nāgasena, yuttametaṃ, yaṃ so sakacittassa pavattamāne kāye anissaro hoti assāmī avasavattī; sakuṇopi tāva, bhante, yasmiṃ kulāvake paṭivasati, tattha so issaro hoti sāmī vasavattī’’ti.
‘‘ทสยิเม, มหาราช, กายานุคตา ธมฺมา ภเว ภเว กายํ อนุธาวนฺติ อนุปริวตฺตนฺติฯ กตเม ทส? สีตํ อุณฺหํ ชิฆจฺฉา ปิปาสา อุจฺจาโร ปสฺสาโว มิทฺธํ ชรา พฺยาธิ มรณํฯ อิเม โข, มหาราช, ทส กายานุคตา ธมฺมา ภเว ภเว กายํ อนุธาวนฺติ อนุปริวตฺตนฺติ, ตตฺถ อรหา อนิสฺสโร อสฺสามี อวสวตฺตี’’ติฯ
‘‘Dasayime, mahārāja, kāyānugatā dhammā bhave bhave kāyaṃ anudhāvanti anuparivattanti. Katame dasa? Sītaṃ uṇhaṃ jighacchā pipāsā uccāro passāvo middhaṃ jarā byādhi maraṇaṃ. Ime kho, mahārāja, dasa kāyānugatā dhammā bhave bhave kāyaṃ anudhāvanti anuparivattanti, tattha arahā anissaro assāmī avasavattī’’ti.
‘‘ภเนฺต นาคเสน, เกน การเณน อรหโต กาเย อาณา นปฺปวตฺตติ อิสฺสริยํ วา, ตตฺถ เม การณํ พฺรูหี’’ติ? ‘‘ยถา, มหาราช, เย เกจิ ปถวินิสฺสิตา สตฺตา, สเพฺพ เต ปถวิํ นิสฺสาย จรนฺติ วิหรนฺติ วุตฺติํ กเปฺปนฺติ, อปิ นุ โข, มหาราช, เตสํ ปถวิยา อาณา ปวตฺตติ อิสฺสริยํ วา’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, อรหโต จิตฺตํ กายํ นิสฺสาย ปวตฺตติ, น จ อรหโต กาเย อาณา ปวตฺตติ อิสฺสริยํ วา’’ติฯ
‘‘Bhante nāgasena, kena kāraṇena arahato kāye āṇā nappavattati issariyaṃ vā, tattha me kāraṇaṃ brūhī’’ti? ‘‘Yathā, mahārāja, ye keci pathavinissitā sattā, sabbe te pathaviṃ nissāya caranti viharanti vuttiṃ kappenti, api nu kho, mahārāja, tesaṃ pathaviyā āṇā pavattati issariyaṃ vā’’ti? ‘‘Na hi, bhante’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, arahato cittaṃ kāyaṃ nissāya pavattati, na ca arahato kāye āṇā pavattati issariyaṃ vā’’ti.
‘‘ภเนฺต นาคเสน, เกน การเณน ปุถุชฺชโน กายิกมฺปิ เจตสิกมฺปิ เวทนํ เวทยตี’’ติ? ‘‘อภาวิตตฺตา, มหาราช, จิตฺตสฺส ปุถุชฺชโน กายิกมฺปิ เจตสิกมฺปิ เวทนํ เวทยติฯ ยถา, มหาราช, โคโณ ฉาโต ปริตสิโต อพลทุพฺพลปริตฺตกติเณสุ วา ลตาย วา อุปนิพโทฺธ อสฺส, ยทา โส โคโณ ปริกุปิโต โหติ, ตทา สห อุปนิพนฺธเนน ปกฺกมติฯ เอวเมว โข, มหาราช, อภาวิตจิตฺตสฺส เวทนา อุปฺปชฺชิตฺวา จิตฺตํ ปริโกเปติ, จิตฺตํ ปริกุปิตํ กายํ อาภุชติ นิพฺภุชติ สมฺปริวตฺตกํ กโรติฯ อถ โข โส อภาวิตจิโตฺต ตสติ รวติ เภรวราวมภิรวติ, อิทเมตฺถ, มหาราช, การณํ, เยน การเณน ปุถุชฺชโน กายิกมฺปิ เจตสิกมฺปิ เวทนํ เวทยตี’’ติฯ
‘‘Bhante nāgasena, kena kāraṇena puthujjano kāyikampi cetasikampi vedanaṃ vedayatī’’ti? ‘‘Abhāvitattā, mahārāja, cittassa puthujjano kāyikampi cetasikampi vedanaṃ vedayati. Yathā, mahārāja, goṇo chāto paritasito abaladubbalaparittakatiṇesu vā latāya vā upanibaddho assa, yadā so goṇo parikupito hoti, tadā saha upanibandhanena pakkamati. Evameva kho, mahārāja, abhāvitacittassa vedanā uppajjitvā cittaṃ parikopeti, cittaṃ parikupitaṃ kāyaṃ ābhujati nibbhujati samparivattakaṃ karoti. Atha kho so abhāvitacitto tasati ravati bheravarāvamabhiravati, idamettha, mahārāja, kāraṇaṃ, yena kāraṇena puthujjano kāyikampi cetasikampi vedanaṃ vedayatī’’ti.
‘‘กิํ ปน ตํ การณํ, เยน การเณน อรหา เอกํ เวทนํ เวทยติ กายิกํ, น เจตสิก’’นฺติ? ‘‘อรหโต, มหาราช, จิตฺตํ ภาวิตํ โหติ สุภาวิตํ ทนฺตํ สุทนฺตํ อสฺสวํ วจนกรํ, โส ทุกฺขาย เวทนาย ผุโฎฺฐ สมาโน ‘อนิจฺจ’นฺติ ทฬฺหํ คณฺหาติ, สมาธิถเมฺภ จิตฺตํ อุปนิพนฺธติ, ตสฺส ตํ จิตฺตํ สมาธิถเมฺภ อุปนิพนฺธนํ น เวธติ น จลติ, ฐิตํ โหติ อวิกฺขิตฺตํ, ตสฺส เวทนาวิการวิปฺผาเรน กาโย อาภุชติ นิพฺภุชติ สมฺปริวตฺตติ, อิทเมตฺถ, มหาราช, การณํ, เยน การเณน อรหา เอกํ เวทนํ เวทยติ กายิกํ, น เจตสิก’’นฺติฯ
‘‘Kiṃ pana taṃ kāraṇaṃ, yena kāraṇena arahā ekaṃ vedanaṃ vedayati kāyikaṃ, na cetasika’’nti? ‘‘Arahato, mahārāja, cittaṃ bhāvitaṃ hoti subhāvitaṃ dantaṃ sudantaṃ assavaṃ vacanakaraṃ, so dukkhāya vedanāya phuṭṭho samāno ‘anicca’nti daḷhaṃ gaṇhāti, samādhithambhe cittaṃ upanibandhati, tassa taṃ cittaṃ samādhithambhe upanibandhanaṃ na vedhati na calati, ṭhitaṃ hoti avikkhittaṃ, tassa vedanāvikāravipphārena kāyo ābhujati nibbhujati samparivattati, idamettha, mahārāja, kāraṇaṃ, yena kāraṇena arahā ekaṃ vedanaṃ vedayati kāyikaṃ, na cetasika’’nti.
‘‘ภเนฺต นาคเสน, ตํ นาม โลเก อจฺฉริยํ ยํ กาเย จลมาเน จิตฺตํ น จลติ, ตตฺถ เม การณํ พฺรูหี’’ติฯ ‘‘ยถา, มหาราช, มหติมหารุเกฺข ขนฺธสาขาปลาสสมฺปเนฺน อนิลพลสมาหเต สาขา จลติ, อปิ นุ ตสฺส ขโนฺธปิ จลตี’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต’’ติ ฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, อรหา ทุกฺขาย เวทนาย ผุโฎฺฐ สมาโน ‘อนิจฺจ’นฺติ ทฬฺหํ คณฺหาติ, สมาธิถเมฺภ จิตฺตํ อุปนิพนฺธติ, ตสฺส ตํ จิตฺตํ สมาธิถเมฺภ อุปนิพนฺธนํ น เวธติ น จลติ, ฐิตํ โหติ อวิกฺขิตฺตํ, ตสฺส เวทนาวิการวิปฺผาเรน กาโย อาภุชติ นิพฺภุชติ สมฺปริวตฺตติ, จิตฺตํ ปน ตสฺส น เวธติ น จลติ ขโนฺธ วิย มหารุกฺขสฺสา’’ติฯ ‘‘อจฺฉริยํ, ภเนฺต นาคเสน, อพฺภุตํ, ภเนฺต นาคเสน, น เม เอวรูโป สพฺพกาลิโก ธมฺมปทีโป ทิฎฺฐปุโพฺพ’’ติฯ
‘‘Bhante nāgasena, taṃ nāma loke acchariyaṃ yaṃ kāye calamāne cittaṃ na calati, tattha me kāraṇaṃ brūhī’’ti. ‘‘Yathā, mahārāja, mahatimahārukkhe khandhasākhāpalāsasampanne anilabalasamāhate sākhā calati, api nu tassa khandhopi calatī’’ti? ‘‘Na hi, bhante’’ti . ‘‘Evameva kho, mahārāja, arahā dukkhāya vedanāya phuṭṭho samāno ‘anicca’nti daḷhaṃ gaṇhāti, samādhithambhe cittaṃ upanibandhati, tassa taṃ cittaṃ samādhithambhe upanibandhanaṃ na vedhati na calati, ṭhitaṃ hoti avikkhittaṃ, tassa vedanāvikāravipphārena kāyo ābhujati nibbhujati samparivattati, cittaṃ pana tassa na vedhati na calati khandho viya mahārukkhassā’’ti. ‘‘Acchariyaṃ, bhante nāgasena, abbhutaṃ, bhante nāgasena, na me evarūpo sabbakāliko dhammapadīpo diṭṭhapubbo’’ti.
อรหนฺตเวทนาเวทิยนปโญฺห ฉโฎฺฐฯ
Arahantavedanāvediyanapañho chaṭṭho.