Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๑๖๙] ๙. อรกชาตกวณฺณนา
[169] 9. Arakajātakavaṇṇanā
โย เว เมเตฺตน จิเตฺตนาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เมตฺตสุตฺตํ อารพฺภ กเถสิฯ เอกสฺมิญฺหิ สมเย สตฺถา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘เมตฺตาย, ภิกฺขเว, เจโตวิมุตฺติยา อาเสวิตาย ภาวิตาย พหุลีกตาย ยานีกตาย วตฺถุกตาย อนุฎฺฐิตาย ปริจิตาย สุสมารทฺธาย เอกาทสานิสํสา ปาฎิกงฺขาฯ กตเม เอกาทส? สุขํ สุปติ, สุขํ ปฎิพุชฺฌติ, น ปาปกํ สุปินํ ปสฺสติ, มนุสฺสานํ ปิโย โหติ, อมนุสฺสานํ ปิโย โหติ, เทวตา รกฺขนฺติ, นาสฺส อคฺคิ วา วิสํ วา สตฺถํ วา กมติ, ตุวฎํ จิตฺตํ สมาธิยติ, มุขวโณฺณ วิปฺปสีทติ, อสมฺมูโฬฺห กาลํ กโรติ, อุตฺตริ อปฺปฎิวิชฺฌโนฺต พฺรหฺมโลกูปโค โหติฯ เมตฺตาย, ภิกฺขเว, เจโตวิมุตฺติยา อาเสวิตาย…เป.… สุสมารทฺธาย อิเม เอกาทสานิสํสา ปาฎิกงฺขา’’ติ (อ. นิ. ๑๑.๑๕)ฯ อิเม เอกาทสานิสํเส คเหตฺวา ฐิตํ เมตฺตาภาวนํ วเณฺณตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา นาม สพฺพสเตฺตสุ โอทิสฺสกาโนทิสฺสกวเสน เมตฺตา ภาเวตพฺพา, หิโตปิ หิเตน ผริตโพฺพ, อหิโตปิ หิเตน ผริตโพฺพ, มชฺฌโตฺตปิ หิเตน ผริตโพฺพฯ เอวํ สพฺพสเตฺตสุ โอทิสฺสกาโนทิสฺสกวเสน เมตฺตา ภาเวตพฺพา, กรุณา มุทิตา อุเปกฺขา ภาเวตพฺพา, จตูสุ พฺรหฺมวิหาเรสุ กมฺมํ กาตพฺพเมวฯ เอวํ กโรโนฺต หิ มคฺคํ วา ผลํ วา อลภโนฺตปิ พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ, โปราณกปณฺฑิตาปิ สตฺต วสฺสานิ เมตฺตํ ภาเวตฺวา สตฺต สํวฎฺฎวิวฎฺฎกเปฺป พฺรหฺมโลกสฺมิํเยว วสิํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Yove mettena cittenāti idaṃ satthā jetavane viharanto mettasuttaṃ ārabbha kathesi. Ekasmiñhi samaye satthā bhikkhū āmantesi – ‘‘mettāya, bhikkhave, cetovimuttiyā āsevitāya bhāvitāya bahulīkatāya yānīkatāya vatthukatāya anuṭṭhitāya paricitāya susamāraddhāya ekādasānisaṃsā pāṭikaṅkhā. Katame ekādasa? Sukhaṃ supati, sukhaṃ paṭibujjhati, na pāpakaṃ supinaṃ passati, manussānaṃ piyo hoti, amanussānaṃ piyo hoti, devatā rakkhanti, nāssa aggi vā visaṃ vā satthaṃ vā kamati, tuvaṭaṃ cittaṃ samādhiyati, mukhavaṇṇo vippasīdati, asammūḷho kālaṃ karoti, uttari appaṭivijjhanto brahmalokūpago hoti. Mettāya, bhikkhave, cetovimuttiyā āsevitāya…pe… susamāraddhāya ime ekādasānisaṃsā pāṭikaṅkhā’’ti (a. ni. 11.15). Ime ekādasānisaṃse gahetvā ṭhitaṃ mettābhāvanaṃ vaṇṇetvā ‘‘bhikkhave, bhikkhunā nāma sabbasattesu odissakānodissakavasena mettā bhāvetabbā, hitopi hitena pharitabbo, ahitopi hitena pharitabbo, majjhattopi hitena pharitabbo. Evaṃ sabbasattesu odissakānodissakavasena mettā bhāvetabbā, karuṇā muditā upekkhā bhāvetabbā, catūsu brahmavihāresu kammaṃ kātabbameva. Evaṃ karonto hi maggaṃ vā phalaṃ vā alabhantopi brahmalokaparāyaṇo ahosi, porāṇakapaṇḍitāpi satta vassāni mettaṃ bhāvetvā satta saṃvaṭṭavivaṭṭakappe brahmalokasmiṃyeva vasiṃsū’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต เอกสฺมิํ กเปฺป โพธิสโตฺต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต กาเม ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา จตุนฺนํ พฺรหฺมวิหารานํ ลาภี อรโก นาม สตฺถา หุตฺวา หิมวนฺตปเทเส วาสํ กเปฺปสิ, ตสฺส มหา ปริวาโร อโหสิฯ โส อิสิคณํ โอวทโนฺต ‘‘ปพฺพชิเตน นาม เมตฺตา ภาเวตพฺพา, กรุณา มุทิตา อุเปกฺขา ภาเวตพฺพาฯ เมตฺตจิตฺตญฺหิ นาเมตํ อปฺปนาปฺปตฺตํ พฺรหฺมโลกปรายณตํ สาเธตี’’ติ เมตฺตาย อานิสํสํ ปกาเสโนฺต อิมา คาถา อาห –
Atīte ekasmiṃ kappe bodhisatto brāhmaṇakule nibbattitvā vayappatto kāme pahāya isipabbajjaṃ pabbajitvā catunnaṃ brahmavihārānaṃ lābhī arako nāma satthā hutvā himavantapadese vāsaṃ kappesi, tassa mahā parivāro ahosi. So isigaṇaṃ ovadanto ‘‘pabbajitena nāma mettā bhāvetabbā, karuṇā muditā upekkhā bhāvetabbā. Mettacittañhi nāmetaṃ appanāppattaṃ brahmalokaparāyaṇataṃ sādhetī’’ti mettāya ānisaṃsaṃ pakāsento imā gāthā āha –
๓๗.
37.
‘‘โย เว เมเตฺตน จิเตฺตน, สพฺพโลกานุกมฺปติ;
‘‘Yo ve mettena cittena, sabbalokānukampati;
อุทฺธํ อโธ จ ติริยํ, อปฺปมาเณน สพฺพโสฯ
Uddhaṃ adho ca tiriyaṃ, appamāṇena sabbaso.
๓๘.
38.
‘‘อปฺปมาณํ หิตํ จิตฺตํ, ปริปุณฺณํ สุภาวิตํ;
‘‘Appamāṇaṃ hitaṃ cittaṃ, paripuṇṇaṃ subhāvitaṃ;
ยํ ปมาณกตํ กมฺมํ, น ตํ ตตฺราวสิสฺสตี’’ติฯ
Yaṃ pamāṇakataṃ kammaṃ, na taṃ tatrāvasissatī’’ti.
ตตฺถ โย เว เมเตฺตน จิเตฺตน, สพฺพโลกานุกมฺปตีติ ขตฺติยาทีสุ วา สมณพฺราหฺมเณสุ วา โย โกจิ อปฺปมาเณน เมเตฺตน จิเตฺตน สกลํ สตฺตโลกํ อนุกมฺปติฯ อุทฺธนฺติ ปถวิโต ยาว เนวสญฺญานาสญฺญายตนพฺรหฺมโลกาฯ อโธติ ปถวิยา เหฎฺฐา อุสฺสเท มหานิรเยฯ ติริยนฺติ มนุสฺสโลเก, ยตฺตกานิ จกฺกวาฬานิ จ เตสุ สเพฺพสุ เอตฺตเก ฐาเน นิพฺพตฺตา สเพฺพ สตฺตา อเวรา โหนฺตุ, อพฺยาปชฺฌา อนีฆา, สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตูติ เอวํ ภาวิเตน เมเตฺตน จิเตฺตนาติ อโตฺถฯ อปฺปมาเณนาติ อปฺปมาณสตฺตานํ อปฺปมาณารมฺมณตฺตา อปฺปมาเณนฯ สพฺพโสติ สพฺพากาเรน, อุทฺธํ อโธ ติริยนฺติ เอวํ สพฺพสุคติทุคฺคติวเสนาติ อโตฺถฯ
Tattha yo ve mettena cittena, sabbalokānukampatīti khattiyādīsu vā samaṇabrāhmaṇesu vā yo koci appamāṇena mettena cittena sakalaṃ sattalokaṃ anukampati. Uddhanti pathavito yāva nevasaññānāsaññāyatanabrahmalokā. Adhoti pathaviyā heṭṭhā ussade mahāniraye. Tiriyanti manussaloke, yattakāni cakkavāḷāni ca tesu sabbesu ettake ṭhāne nibbattā sabbe sattā averā hontu, abyāpajjhā anīghā, sukhī attānaṃ pariharantūti evaṃ bhāvitena mettena cittenāti attho. Appamāṇenāti appamāṇasattānaṃ appamāṇārammaṇattā appamāṇena. Sabbasoti sabbākārena, uddhaṃ adho tiriyanti evaṃ sabbasugatiduggativasenāti attho.
อปฺปมาณํ หิตํ จิตฺตนฺติ อปฺปมาณํ กตฺวา ภาวิตํ สพฺพสเตฺตสุ หิตจิตฺตํฯ ปริปุณฺณนฺติ อวิกลํฯ สุภาวิตนฺติ สุวฑฺฒิตํ, อปฺปนาจิตฺตเสฺสตํ นามํฯ ยํ ปมาณกตํ กมฺมนฺติ ยํ ‘‘อปฺปมาณํ อปฺปมาณารมฺมณ’’นฺติ เอวํ อารมฺมณตฺติกวเสน จ วสีภาวปฺปตฺติวเสน จ อวฑฺฒิตฺวา กตํ ปริตฺตํ กามาวจรกมฺมํฯ น ตํ ตตฺราวสิสฺสตีติ ตํ ปริตฺตํ กมฺมํ ยํ ตํ ‘‘อปฺปมาณํ หิตํ จิตฺต’’นฺติ สงฺขคตํ รูปาวจรกมฺมํ, ตตฺร น อวสิสฺสติฯ ยถา นาม มโหเฆน อโชฺฌตฺถฎํ ปริโตฺตทกํ โอฆสฺส อพฺภนฺตเร เตน อสํหีรมานํ นาวสิสฺสติ น ติฎฺฐติ, อถ โข มโหโฆว ตํ อโชฺฌตฺถริตฺวา ติฎฺฐติ, เอวเมว ตํ ปริตฺตกมฺมํ ตสฺส มหคฺคตกมฺมสฺส อพฺภนฺตเร เตน มหคฺคตกเมฺมน อจฺฉินฺทิตฺวา อคฺคหิตวิปาโกกาสํ หุตฺวา น อวสิสฺสติ น ติฎฺฐติ, น สโกฺกติ อตฺตโน วิปากํ ทาตุํ, อถ โข มหคฺคตกมฺมเมว ตํ อโชฺฌตฺถริตฺวา ติฎฺฐติ วิปากํ เทตีติฯ
Appamāṇaṃ hitaṃ cittanti appamāṇaṃ katvā bhāvitaṃ sabbasattesu hitacittaṃ. Paripuṇṇanti avikalaṃ. Subhāvitanti suvaḍḍhitaṃ, appanācittassetaṃ nāmaṃ. Yaṃ pamāṇakataṃ kammanti yaṃ ‘‘appamāṇaṃ appamāṇārammaṇa’’nti evaṃ ārammaṇattikavasena ca vasībhāvappattivasena ca avaḍḍhitvā kataṃ parittaṃ kāmāvacarakammaṃ. Na taṃ tatrāvasissatīti taṃ parittaṃ kammaṃ yaṃ taṃ ‘‘appamāṇaṃ hitaṃ citta’’nti saṅkhagataṃ rūpāvacarakammaṃ, tatra na avasissati. Yathā nāma mahoghena ajjhotthaṭaṃ parittodakaṃ oghassa abbhantare tena asaṃhīramānaṃ nāvasissati na tiṭṭhati, atha kho mahoghova taṃ ajjhottharitvā tiṭṭhati, evameva taṃ parittakammaṃ tassa mahaggatakammassa abbhantare tena mahaggatakammena acchinditvā aggahitavipākokāsaṃ hutvā na avasissati na tiṭṭhati, na sakkoti attano vipākaṃ dātuṃ, atha kho mahaggatakammameva taṃ ajjhottharitvā tiṭṭhati vipākaṃ detīti.
เอวํ โพธิสโตฺต อเนฺตวาสิกานํ เมตฺตาภาวนาย อานิสํสํ กเถตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติตฺวา สตฺต สํวฎฺฎวิวฎฺฎกเปฺป น อิมํ โลกํ ปุน อคมาสิฯ
Evaṃ bodhisatto antevāsikānaṃ mettābhāvanāya ānisaṃsaṃ kathetvā aparihīnajjhāno brahmaloke nibbattitvā satta saṃvaṭṭavivaṭṭakappe na imaṃ lokaṃ puna agamāsi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อิสิคโณ พุทฺธปริสา อโหสิ, อรโก ปน สตฺถา อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā isigaṇo buddhaparisā ahosi, arako pana satthā ahameva ahosi’’nti.
อรกชาตกวณฺณนา นวมาฯ
Arakajātakavaṇṇanā navamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๖๙. อรกชาตกํ • 169. Arakajātakaṃ