Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๗. อรกฺขิตสุตฺตํ
7. Arakkhitasuttaṃ
๑๑๐. อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อนาถปิณฺฑิกํ คหปติํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘จิเตฺต, คหปติ, อรกฺขิเต กายกมฺมมฺปิ อรกฺขิตํ โหติ, วจีกมฺมมฺปิ อรกฺขิตํ โหติ , มโนกมฺมมฺปิ อรกฺขิตํ โหติฯ ตสฺส อรกฺขิตกายกมฺมนฺตสฺส อรกฺขิตวจีกมฺมนฺตสฺส อรกฺขิตมโนกมฺมนฺตสฺส กายกมฺมมฺปิ อวสฺสุตํ โหติ, วจีกมฺมมฺปิ อวสฺสุตํ โหติ, มโนกมฺมมฺปิ อวสฺสุตํ โหติฯ ตสฺส อวสฺสุตกายกมฺมนฺตสฺส อวสฺสุตวจีกมฺมนฺตสฺส อวสฺสุตมโนกมฺมนฺตสฺส กายกมฺมมฺปิ ปูติกํ โหติ, วจีกมฺมมฺปิ ปูติกํ โหติ, มโนกมฺมมฺปิ ปูติกํ โหติฯ ตสฺส ปูติกายกมฺมนฺตสฺส ปูติวจีกมฺมนฺตสฺส ปูติมโนกมฺมนฺตสฺส น ภทฺทกํ มรณํ โหติ, น ภทฺทิกา กาลงฺกิริยาฯ
110. Atha kho anāthapiṇḍiko gahapati yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho anāthapiṇḍikaṃ gahapatiṃ bhagavā etadavoca – ‘‘citte, gahapati, arakkhite kāyakammampi arakkhitaṃ hoti, vacīkammampi arakkhitaṃ hoti , manokammampi arakkhitaṃ hoti. Tassa arakkhitakāyakammantassa arakkhitavacīkammantassa arakkhitamanokammantassa kāyakammampi avassutaṃ hoti, vacīkammampi avassutaṃ hoti, manokammampi avassutaṃ hoti. Tassa avassutakāyakammantassa avassutavacīkammantassa avassutamanokammantassa kāyakammampi pūtikaṃ hoti, vacīkammampi pūtikaṃ hoti, manokammampi pūtikaṃ hoti. Tassa pūtikāyakammantassa pūtivacīkammantassa pūtimanokammantassa na bhaddakaṃ maraṇaṃ hoti, na bhaddikā kālaṅkiriyā.
‘‘เสยฺยถาปิ, คหปติ, กูฎาคาเร ทุจฺฉเนฺน กูฎมฺปิ อรกฺขิตํ โหติ, โคปานสิโยปิ อรกฺขิตา โหนฺติ, ภิตฺติปิ อรกฺขิตา โหติ; กูฎมฺปิ อวสฺสุตํ โหติ, โคปานสิโยปิ อวสฺสุตา โหนฺติ, ภิตฺติปิ อวสฺสุตา โหติ; กูฎมฺปิ ปูติกํ โหติ, โคปานสิโยปิ ปูติกา โหนฺติ, ภิตฺติปิ ปูติกา โหติฯ
‘‘Seyyathāpi, gahapati, kūṭāgāre ducchanne kūṭampi arakkhitaṃ hoti, gopānasiyopi arakkhitā honti, bhittipi arakkhitā hoti; kūṭampi avassutaṃ hoti, gopānasiyopi avassutā honti, bhittipi avassutā hoti; kūṭampi pūtikaṃ hoti, gopānasiyopi pūtikā honti, bhittipi pūtikā hoti.
‘‘เอวเมวํ โข, คหปติ, จิเตฺต อรกฺขิเต กายกมฺมมฺปิ อรกฺขิตํ โหติ, วจีกมฺมมฺปิ อรกฺขิตํ โหติ, มโนกมฺมมฺปิ อรกฺขิตํ โหติฯ ตสฺส อรกฺขิตกายกมฺมนฺตสฺส อรกฺขิตวจีกมฺมนฺตสฺส อรกฺขิตมโนกมฺมนฺตสฺส กายกมฺมมฺปิ อวสฺสุตํ โหติ, วจีกมฺมมฺปิ อวสฺสุตํ โหติ, มโนกมฺมมฺปิ อวสฺสุตํ โหติฯ ตสฺส อวสฺสุตกายกมฺมนฺตสฺส อวสฺสุตวจีกมฺมนฺตสฺส อวสฺสุตมโนกมฺมนฺตสฺส กายกมฺมมฺปิ ปูติกํ โหติ, วจีกมฺมมฺปิ ปูติกํ โหติ, มโนกมฺมมฺปิ ปูติกํ โหติฯ ตสฺส ปูติกายกมฺมนฺตสฺส ปูติวจีกมฺมนฺตสฺส ปูติมโนกมฺมนฺตสฺส น ภทฺทกํ มรณํ โหติ, น ภทฺทิกา กาลงฺกิริยาฯ
‘‘Evamevaṃ kho, gahapati, citte arakkhite kāyakammampi arakkhitaṃ hoti, vacīkammampi arakkhitaṃ hoti, manokammampi arakkhitaṃ hoti. Tassa arakkhitakāyakammantassa arakkhitavacīkammantassa arakkhitamanokammantassa kāyakammampi avassutaṃ hoti, vacīkammampi avassutaṃ hoti, manokammampi avassutaṃ hoti. Tassa avassutakāyakammantassa avassutavacīkammantassa avassutamanokammantassa kāyakammampi pūtikaṃ hoti, vacīkammampi pūtikaṃ hoti, manokammampi pūtikaṃ hoti. Tassa pūtikāyakammantassa pūtivacīkammantassa pūtimanokammantassa na bhaddakaṃ maraṇaṃ hoti, na bhaddikā kālaṅkiriyā.
‘‘จิเตฺต , คหปติ, รกฺขิเต กายกมฺมมฺปิ รกฺขิตํ โหติ, วจีกมฺมมฺปิ รกฺขิตํ โหติ, มโนกมฺมมฺปิ รกฺขิตํ โหติฯ ตสฺส รกฺขิตกายกมฺมนฺตสฺส รกฺขิตวจีกมฺมนฺตสฺส รกฺขิตมโนกมฺมนฺตสฺส กายกมฺมมฺปิ อนวสฺสุตํ โหติ, วจีกมฺมมฺปิ อนวสฺสุตํ โหติ, มโนกมฺมมฺปิ อนวสฺสุตํ โหติฯ ตสฺส อนวสฺสุตกายกมฺมนฺตสฺส อนวสฺสุตวจีกมฺมนฺตสฺส อนวสฺสุตมโนกมฺมนฺตสฺส กายกมฺมมฺปิ อปูติกํ โหติ, วจีกมฺมมฺปิ อปูติกํ โหติ, มโนกมฺมมฺปิ อปูติกํ โหติฯ ตสฺส อปูติกายกมฺมนฺตสฺส อปูติวจีกมฺมนฺตสฺส อปูติมโนกมฺมนฺตสฺส ภทฺทกํ มรณํ โหติ, ภทฺทิกา กาลงฺกิริยาฯ
‘‘Citte , gahapati, rakkhite kāyakammampi rakkhitaṃ hoti, vacīkammampi rakkhitaṃ hoti, manokammampi rakkhitaṃ hoti. Tassa rakkhitakāyakammantassa rakkhitavacīkammantassa rakkhitamanokammantassa kāyakammampi anavassutaṃ hoti, vacīkammampi anavassutaṃ hoti, manokammampi anavassutaṃ hoti. Tassa anavassutakāyakammantassa anavassutavacīkammantassa anavassutamanokammantassa kāyakammampi apūtikaṃ hoti, vacīkammampi apūtikaṃ hoti, manokammampi apūtikaṃ hoti. Tassa apūtikāyakammantassa apūtivacīkammantassa apūtimanokammantassa bhaddakaṃ maraṇaṃ hoti, bhaddikā kālaṅkiriyā.
‘‘เสยฺยถาปิ, คหปติ , กูฎาคาเร สุจฺฉเนฺน กูฎมฺปิ รกฺขิตํ โหติ, โคปานสิโยปิ รกฺขิตา โหนฺติ, ภิตฺติปิ รกฺขิตา โหติ; กูฎมฺปิ อนวสฺสุตํ โหติ, โคปานสิโยปิ อนวสฺสุตา โหนฺติ, ภิตฺติปิ อนวสฺสุตา โหติ; กูฎมฺปิ อปูติกํ โหติ, โคปานสิโยปิ อปูติกา โหนฺติ, ภิตฺติปิ อปูติกา โหติฯ
‘‘Seyyathāpi, gahapati , kūṭāgāre succhanne kūṭampi rakkhitaṃ hoti, gopānasiyopi rakkhitā honti, bhittipi rakkhitā hoti; kūṭampi anavassutaṃ hoti, gopānasiyopi anavassutā honti, bhittipi anavassutā hoti; kūṭampi apūtikaṃ hoti, gopānasiyopi apūtikā honti, bhittipi apūtikā hoti.
เอวเมวํ โข, คหปติ, จิเตฺต รกฺขิเต กายกมฺมมฺปิ รกฺขิตํ โหติ, วจีกมฺมมฺปิ รกฺขิตํ โหติ, มโนกมฺมมฺปิ รกฺขิตํ โหติฯ ตสฺส รกฺขิตกายกมฺมนฺตสฺส รกฺขิตวจีกมฺมนฺตสฺส รกฺขิตมโนกมฺมนฺตสฺส กายกมฺมมฺปิ อนวสฺสุตํ โหติ, วจีกมฺมมฺปิ อนวสฺสุตํ โหติ, มโนกมฺมมฺปิ อนวสฺสุตํ โหติฯ ตสฺส อนวสฺสุตกายกมฺมนฺตสฺส อนวสฺสุตวจีกมฺมนฺตสฺส อนวสฺสุตมโนกมฺมนฺตสฺส กายกมฺมมฺปิ อปูติกํ โหติ, วจีกมฺมมฺปิ อปูติกํ โหติ, มโนกมฺมมฺปิ อปูติกํ โหติฯ ตสฺส อปูติกายกมฺมนฺตสฺส อปูติวจีกมฺมนฺตสฺส อปูติมโนกมฺมนฺตสฺส ภทฺทกํ มรณํ โหติ, ภทฺทิกา กาลงฺกิริยา’’ติฯ สตฺตมํฯ
Evamevaṃ kho, gahapati, citte rakkhite kāyakammampi rakkhitaṃ hoti, vacīkammampi rakkhitaṃ hoti, manokammampi rakkhitaṃ hoti. Tassa rakkhitakāyakammantassa rakkhitavacīkammantassa rakkhitamanokammantassa kāyakammampi anavassutaṃ hoti, vacīkammampi anavassutaṃ hoti, manokammampi anavassutaṃ hoti. Tassa anavassutakāyakammantassa anavassutavacīkammantassa anavassutamanokammantassa kāyakammampi apūtikaṃ hoti, vacīkammampi apūtikaṃ hoti, manokammampi apūtikaṃ hoti. Tassa apūtikāyakammantassa apūtivacīkammantassa apūtimanokammantassa bhaddakaṃ maraṇaṃ hoti, bhaddikā kālaṅkiriyā’’ti. Sattamaṃ.
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๗. อรกฺขิตสุตฺตวณฺณนา • 7. Arakkhitasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๔-๙. สมณพฺราหฺมณสุตฺตาทิวณฺณนา • 4-9. Samaṇabrāhmaṇasuttādivaṇṇanā