Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เทฺวมาติกาปาฬิ • Dvemātikāpāḷi |
๖. อารามวโคฺค
6. Ārāmavaggo
๑. อารามปวิสนสิกฺขาปทวณฺณนา
1. Ārāmapavisanasikkhāpadavaṇṇanā
อารามวคฺคสฺส ปฐเม สภิกฺขุกํ อารามนฺติ ยตฺถ ภิกฺขู รุกฺขมูเลปิ วสนฺติ, ตํ ปเทสํฯ อนาปุจฺฉาติ เอตฺถ ภิกฺขุสามเณรอารามิเกสุ ยํกิญฺจิ อนาปุจฺฉา, ปริกฺขิตฺตสฺส อารามสฺส ปริเกฺขปํ อติกฺกมนฺติยา, อปริกฺขิตฺตสฺส อุปจารํ โอกฺกมนฺติยา ปฐมปาเท ทุกฺกฎํ, ทุติยปาเท ปาจิตฺติยํฯ
Ārāmavaggassa paṭhame sabhikkhukaṃ ārāmanti yattha bhikkhū rukkhamūlepi vasanti, taṃ padesaṃ. Anāpucchāti ettha bhikkhusāmaṇeraārāmikesu yaṃkiñci anāpucchā, parikkhittassa ārāmassa parikkhepaṃ atikkamantiyā, aparikkhittassa upacāraṃ okkamantiyā paṭhamapāde dukkaṭaṃ, dutiyapāde pācittiyaṃ.
สาวตฺถิยํ สมฺพหุลา ภิกฺขุนิโย อารพฺภ อนาปุจฺฉา อารามํ ปวิสนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ‘‘สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉา’’ติ จ ‘‘ชานํ สภิกฺขุก’’นฺติ จ อิมาเนตฺถ เทฺว อนุปญฺญตฺติโย, สภิกฺขุเก เวมติกาย, อภิกฺขุเก สภิกฺขุกสญฺญาย เจว เวมติกาย จ ทุกฺกฎํฯ ตสฺมิํ ปน ทุวิเธปิ อภิกฺขุกสญฺญาย, สนฺตํ ภิกฺขุํ อาปุจฺฉา ปวิสนฺติยา, ปฐมปฺปวิฎฺฐานํ วา ภิกฺขุนีนํ สีสํนุโลกิกาย, ยตฺถ วา ภิกฺขุนิโย สนฺนิปติตา, ตตฺถ ‘‘ตาสํ สนฺติกํ คจฺฉามี’’ติ สญฺญาย, อาราเมน วา มโคฺค โหติ, เตน คจฺฉนฺติยา, อาปทาสุ, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ สภิกฺขุการามตา , สภิกฺขุกสญฺญิตา, วุตฺตปริเจฺฉทาติกฺกโม, อนุญฺญาตการณาภาโวติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิฯ สมนุภาสนสมอุฎฺฐานํ, กิริยากิริยํ, สญฺญาวิโมกฺขํ, สจิตฺตกํ, ปณฺณตฺติวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ
Sāvatthiyaṃ sambahulā bhikkhuniyo ārabbha anāpucchā ārāmaṃ pavisanavatthusmiṃ paññattaṃ, ‘‘santaṃ bhikkhuṃ anāpucchā’’ti ca ‘‘jānaṃ sabhikkhuka’’nti ca imānettha dve anupaññattiyo, sabhikkhuke vematikāya, abhikkhuke sabhikkhukasaññāya ceva vematikāya ca dukkaṭaṃ. Tasmiṃ pana duvidhepi abhikkhukasaññāya, santaṃ bhikkhuṃ āpucchā pavisantiyā, paṭhamappaviṭṭhānaṃ vā bhikkhunīnaṃ sīsaṃnulokikāya, yattha vā bhikkhuniyo sannipatitā, tattha ‘‘tāsaṃ santikaṃ gacchāmī’’ti saññāya, ārāmena vā maggo hoti, tena gacchantiyā, āpadāsu, ummattikādīnañca anāpatti. Sabhikkhukārāmatā , sabhikkhukasaññitā, vuttaparicchedātikkamo, anuññātakāraṇābhāvoti imānettha cattāri aṅgāni. Samanubhāsanasamauṭṭhānaṃ, kiriyākiriyaṃ, saññāvimokkhaṃ, sacittakaṃ, paṇṇattivajjaṃ, kāyakammaṃ, vacīkammaṃ, ticittaṃ, tivedananti.
อารามปวิสนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ārāmapavisanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๒. ภิกฺขุอโกฺกสนสิกฺขาปทวณฺณนา
2. Bhikkhuakkosanasikkhāpadavaṇṇanā
ทุติเย อโกฺกเสยฺยาติ ทสนฺนํ อโกฺกสวตฺถูนํ อญฺญตเรน สมฺมุขา วา ปรมฺมุขา วา อโกฺกเสยฺยฯ ปริภาเสยฺยาติ ภยมสฺส อุปทํเสยฺยฯ ปาจิตฺติยนฺติ ตสฺสา เอวํ กโรนฺติยา ปาจิตฺติยํฯ
Dutiye akkoseyyāti dasannaṃ akkosavatthūnaṃ aññatarena sammukhā vā parammukhā vā akkoseyya. Paribhāseyyāti bhayamassa upadaṃseyya. Pācittiyanti tassā evaṃ karontiyā pācittiyaṃ.
เวสาลิยํ ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขุนิโย อารพฺภ อายสฺมนฺตํ อุปาลิํ อโกฺกสนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ติกปาจิตฺติยํ, อนุปสมฺปเนฺน ติกทุกฺกฎํ, อตฺถธมฺมอนุสาสนิปุเรกฺขาราย, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ อุปสมฺปนฺนตา, อโกฺกสนปริภาสนํ, อตฺถปุเรกฺขารตาทีนํ อภาโวติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ อทินฺนาทานสทิสานิ, อิทํ ปน ทุกฺขเวทนนฺติฯ
Vesāliyaṃ chabbaggiyā bhikkhuniyo ārabbha āyasmantaṃ upāliṃ akkosanavatthusmiṃ paññattaṃ, tikapācittiyaṃ, anupasampanne tikadukkaṭaṃ, atthadhammaanusāsanipurekkhārāya, ummattikādīnañca anāpatti. Upasampannatā, akkosanaparibhāsanaṃ, atthapurekkhāratādīnaṃ abhāvoti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni adinnādānasadisāni, idaṃ pana dukkhavedananti.
ภิกฺขุอโกฺกสนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Bhikkhuakkosanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๓. คณปริภาสนสิกฺขาปทวณฺณนา
3. Gaṇaparibhāsanasikkhāpadavaṇṇanā
ตติเย จณฺฑิกตาติ กุทฺธาฯ คณนฺติ ภิกฺขุนิสงฺฆํฯ ปริภาเสยฺยาติ เอตฺถ ‘‘พาลา เอตา อพฺยตฺตา เอตา, เนตา ชานนฺติ กมฺมํ วา กมฺมโทสํ วา กมฺมสมฺปตฺติํ วา กมฺมวิปตฺติํ วา’’ติ เอวํ ยตฺถ กตฺถจิ ปริภาสนฺติยา ปาจิตฺติยํฯ
Tatiye caṇḍikatāti kuddhā. Gaṇanti bhikkhunisaṅghaṃ. Paribhāseyyāti ettha ‘‘bālā etā abyattā etā, netā jānanti kammaṃ vā kammadosaṃ vā kammasampattiṃ vā kammavipattiṃ vā’’ti evaṃ yattha katthaci paribhāsantiyā pācittiyaṃ.
สาวตฺถิยํ ถุลฺลนนฺทํ อารพฺภ คณํ ปริภาสนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, สมฺพหุลา วา เอกํ วา อนุปสมฺปนฺนํ วา ปริภาสนฺติยา ทุกฺกฎํฯ เสสํ ทุติยสทิสเมวาติฯ
Sāvatthiyaṃ thullanandaṃ ārabbha gaṇaṃ paribhāsanavatthusmiṃ paññattaṃ, sambahulā vā ekaṃ vā anupasampannaṃ vā paribhāsantiyā dukkaṭaṃ. Sesaṃ dutiyasadisamevāti.
คณปริภาสนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Gaṇaparibhāsanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๔. ปวาริตสิกฺขาปทวณฺณนา
4. Pavāritasikkhāpadavaṇṇanā
จตุเตฺถ คณโภชเน วุตฺตนเยน นิมนฺติตา, ปวารณาสิกฺขาปเท วุตฺตนเยน ปวาริตา เวทิตพฺพาฯ ปาจิตฺติยนฺติ ตสฺสา ปุเรภตฺตํ ฐเปตฺวา ยาคุเญฺจว เสสานิ จ ตีณิ กาลิกานิ อญฺญํ ยํกิญฺจิ อามิสํ อโชฺฌหรณตฺถาย ปฎิคฺคณฺหนฺติยา คหเณ ทุกฺกฎํ, อโชฺฌหาเร อโชฺฌหาเร ปาจิตฺติยํฯ
Catutthe gaṇabhojane vuttanayena nimantitā, pavāraṇāsikkhāpade vuttanayena pavāritā veditabbā. Pācittiyanti tassā purebhattaṃ ṭhapetvā yāguñceva sesāni ca tīṇi kālikāni aññaṃ yaṃkiñci āmisaṃ ajjhoharaṇatthāya paṭiggaṇhantiyā gahaṇe dukkaṭaṃ, ajjhohāre ajjhohāre pācittiyaṃ.
สาวตฺถิยํ สมฺพหุลา ภิกฺขุนิโย อารพฺภ อญฺญตฺร ภุญฺชนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ตีณิ กาลิกานิ อาหารตฺถาย ปฎิคฺคณฺหนฺติยาปิ อโชฺฌหรนฺติยาปิ ทุกฺกฎํฯ ยา ปน นิมนฺติตา อปฺปวาริตา ยาคุํ ปิวติ, สามิเก อปโลเกตฺวา ภุญฺชติ, ตีณิ กาลิกานิ สติ ปจฺจเย ปริภุญฺชติ, ตสฺสา, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ นิมนฺติตา วา ปวาริตา วา ตํ อุภยํ วา, ปุเรภตฺตํ วุตฺตลกฺขณสฺส อามิสสฺส อโชฺฌหาโร, สามิกานํ อนาปุจฺฉนนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ อทฺธานสมุฎฺฐานํ, นิมนฺติตาย อนาปุจฺฉา ภุญฺชนฺติยา อาปตฺติสมฺภวโต สิยา กิริยากิริยํ, ปวาริตาย กปฺปิยํ กาเรตฺวาปิ อกาเรตฺวาปิ ปริภุญฺชนฺติยา อาปตฺติสมฺภวโต สิยา กิริยํ, โนสญฺญาวิโมกฺขํ, อจิตฺตกํ, ปณฺณตฺติวชฺชํ กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ
Sāvatthiyaṃ sambahulā bhikkhuniyo ārabbha aññatra bhuñjanavatthusmiṃ paññattaṃ, tīṇi kālikāni āhāratthāya paṭiggaṇhantiyāpi ajjhoharantiyāpi dukkaṭaṃ. Yā pana nimantitā appavāritā yāguṃ pivati, sāmike apaloketvā bhuñjati, tīṇi kālikāni sati paccaye paribhuñjati, tassā, ummattikādīnañca anāpatti. Nimantitā vā pavāritā vā taṃ ubhayaṃ vā, purebhattaṃ vuttalakkhaṇassa āmisassa ajjhohāro, sāmikānaṃ anāpucchananti imānettha tīṇi aṅgāni. Addhānasamuṭṭhānaṃ, nimantitāya anāpucchā bhuñjantiyā āpattisambhavato siyā kiriyākiriyaṃ, pavāritāya kappiyaṃ kāretvāpi akāretvāpi paribhuñjantiyā āpattisambhavato siyā kiriyaṃ, nosaññāvimokkhaṃ, acittakaṃ, paṇṇattivajjaṃ kāyakammaṃ, vacīkammaṃ, ticittaṃ, tivedananti.
ปวาริตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pavāritasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๕. กุลมจฺฉรินีสิกฺขาปทวณฺณนา
5. Kulamaccharinīsikkhāpadavaṇṇanā
ปญฺจเม กุเล มจฺฉโร กุลมจฺฉโร, กุลมจฺฉโร เอติสฺสา อตฺถิ, กุลํ วา มจฺฉรายตีติ กุลมจฺฉรินีฯ อสฺสาติ ยา อีทิสี ภเวยฺยฯ ปาจิตฺติยนฺติ ตสฺสา ‘‘ยํ กุลํ ภิกฺขุนีนํ ปจฺจเย ทาตุกามํ, กถํ นาม ตตฺถ ภิกฺขุนิโย น คเจฺฉยฺยุ’’นฺติ ภิกฺขุนีนํ วา สนฺติเก กุลสฺส, ‘‘กถํ นาม อิเม ตาสํ กิญฺจิ น ทเชฺชยฺยุ’’นฺติ กุลสฺส วา สนฺติเก ภิกฺขุนีนํ อวณฺณํ ภาสนฺติยา ปาจิตฺติยํฯ
Pañcame kule maccharo kulamaccharo, kulamaccharo etissā atthi, kulaṃ vā maccharāyatīti kulamaccharinī. Assāti yā īdisī bhaveyya. Pācittiyanti tassā ‘‘yaṃ kulaṃ bhikkhunīnaṃ paccaye dātukāmaṃ, kathaṃ nāma tattha bhikkhuniyo na gaccheyyu’’nti bhikkhunīnaṃ vā santike kulassa, ‘‘kathaṃ nāma ime tāsaṃ kiñci na dajjeyyu’’nti kulassa vā santike bhikkhunīnaṃ avaṇṇaṃ bhāsantiyā pācittiyaṃ.
สาวตฺถิยํ อญฺญตรํ ภิกฺขุนิํ อารพฺภ กุลมจฺฉรายนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํฯ อมจฺฉรายิตฺวา สนฺตํเยว อาทีนวํ อาจิกฺขนฺติยา, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ ภิกฺขุนีนํ อลาภกามตา, กุลสฺส วา สนฺติเก ภิกฺขุนีนํ ภิกฺขุนีนํ วา สนฺติเก กุลสฺส อวณฺณภณนนฺติ อิมาเนตฺถ เทฺว องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ อทินฺนาทานสทิสานิ, อิทํ ปน ทุกฺขเวทนนฺติฯ
Sāvatthiyaṃ aññataraṃ bhikkhuniṃ ārabbha kulamaccharāyanavatthusmiṃ paññattaṃ. Amaccharāyitvā santaṃyeva ādīnavaṃ ācikkhantiyā, ummattikādīnañca anāpatti. Bhikkhunīnaṃ alābhakāmatā, kulassa vā santike bhikkhunīnaṃ bhikkhunīnaṃ vā santike kulassa avaṇṇabhaṇananti imānettha dve aṅgāni. Samuṭṭhānādīni adinnādānasadisāni, idaṃ pana dukkhavedananti.
กุลมจฺฉรินีสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kulamaccharinīsikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๖. อภิกฺขุกาวาสสิกฺขาปทวณฺณนา
6. Abhikkhukāvāsasikkhāpadavaṇṇanā
ฉเฎฺฐ สเจ ภิกฺขุนุปสฺสยโต อทฺธโยชนพฺภนฺตเร โอวาททายกา ภิกฺขู น วสนฺติ, มโคฺค วา อเขโม โหติ น สกฺกา อนนฺตราเยน คนฺตุํ , อยํ อภิกฺขุโก นาม อาวาโสฯ ตตฺถ ‘‘วสฺสํ วสิสฺสามี’’ติ เสนาสนปญฺญาปนปานียอุปฎฺฐาปนาทีนิ กโรนฺติยา ทุกฺกฎํ , สห อรุณุคฺคมนา ปาจิตฺติยํฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน สมนฺตปาสาทิกายํ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๑๔๔ อาทโย) วุโตฺตฯ
Chaṭṭhe sace bhikkhunupassayato addhayojanabbhantare ovādadāyakā bhikkhū na vasanti, maggo vā akhemo hoti na sakkā anantarāyena gantuṃ , ayaṃ abhikkhuko nāma āvāso. Tattha ‘‘vassaṃ vasissāmī’’ti senāsanapaññāpanapānīyaupaṭṭhāpanādīni karontiyā dukkaṭaṃ , saha aruṇuggamanā pācittiyaṃ. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana samantapāsādikāyaṃ (pāci. aṭṭha. 144 ādayo) vutto.
สาวตฺถิยํ สมฺพหุลา ภิกฺขุนิโย อารพฺภ อภิกฺขุเก อาวาเส วสฺสํ วสนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ยตฺถ ปน วสฺสูปคตา ภิกฺขู ปกฺกนฺตา วา โหนฺติ วิพฺภนฺตา วา กาลงฺกตา วา ปกฺขสงฺกนฺตา วา ตตฺถ วสนฺติยา, อาปทาสุ, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ อภิกฺขุกาวาสตา, วสฺสูปคมนํ, อรุณุคฺคมนนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ เอฬกโลมสทิสาเนวาติฯ
Sāvatthiyaṃ sambahulā bhikkhuniyo ārabbha abhikkhuke āvāse vassaṃ vasanavatthusmiṃ paññattaṃ, yattha pana vassūpagatā bhikkhū pakkantā vā honti vibbhantā vā kālaṅkatā vā pakkhasaṅkantā vā tattha vasantiyā, āpadāsu, ummattikādīnañca anāpatti. Abhikkhukāvāsatā, vassūpagamanaṃ, aruṇuggamananti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni eḷakalomasadisānevāti.
อภิกฺขุกาวาสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Abhikkhukāvāsasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๗. อปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา
7. Apavāraṇāsikkhāpadavaṇṇanā
สตฺตเม วสฺสํวุฎฺฐาติ ปุริมํ วา ปจฺฉิมํ วา เตมาสํ วุฎฺฐาฯ อุภโตสเงฺฆติ ภิกฺขุนิสเงฺฆ เจว ภิกฺขุสเงฺฆ จฯ อยํ ปเนตฺถ วินิจฺฉยกถา – ภิกฺขุนีหิ จาตุทฺทเสเยว สนฺนิปติตฺวา ‘‘สุณาตุ เม, อเยฺย, สโงฺฆ, อชฺช ปวารณา จาตุทฺทสี, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ ปวาเรยฺยา’’ติ เอวํ สพฺพสงฺคาหิกญตฺติํ วา, ‘‘เตวาจิกํ ปวาเรยฺยา’’ติ เอวํ เตวาจิกญตฺติํ วา, สติ อนฺตราเย ‘‘เทฺววาจิกํ, เอกวาจิกํ, สมานวสฺสิกํ ปวาเรยฺยา’’ติ เอวํ เทฺววาจิกาทิญตฺติํ วา ฐเปตฺวา สพฺพสงฺคาหิกญตฺติ เจ ฐปิตา, ‘‘สงฺฆํ, อเยฺย, ปวาเรมิ ทิเฎฺฐน วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วา, วทนฺตุ มํ อยฺยาโย อนุกมฺปํ อุปาทาย, ปสฺสนฺตี ปฎิกริสฺสามี’’ติ (จูฬว. ๔๒๗) เอวํ สกิํ วา, ‘‘ทุติยมฺปิ, อเยฺย, สงฺฆํ…เป.… ตติยมฺปิ, อเยฺย, สงฺฆํ…เป.… ปฎิกริสฺสามี’’ติ เอวํ ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ วา วตฺวา ปฎิปาฎิยา ปวาเรตพฺพํฯ เตวาจิกาย ญตฺติยา วจนํ น หาเปตพฺพํ, เทฺววาจิกาทีสุ วเฑฺฒตุํ วฎฺฎติ, หาเปตุํ น วฎฺฎติฯ เอวํ ภิกฺขุนิสเงฺฆ ปวาเรตฺวา ตเตฺถว เอกา ภิกฺขุนี ภิกฺขุนิกฺขนฺธเก (จูฬว. ๔๒๗) วุเตฺตน ญตฺติทุติยกเมฺมน ภิกฺขุนิสงฺฆสฺสตฺถาย ภิกฺขุสงฺฆํ ปวาเรตุํ สมฺมนฺนิตพฺพาฯ ตาย สมฺมตาย ภิกฺขุนิยา ปนฺนรเส ภิกฺขุนิสงฺฆํ อาทาย ภิกฺขุสงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา เอวมสฺส วจนีโย ‘‘ภิกฺขุนิสโงฺฆ อยฺย ภิกฺขุสงฺฆํ ปวาเรติ ทิเฎฺฐน วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วา, วทตายฺย ภิกฺขุสโงฺฆ ภิกฺขุนิสงฺฆํ อนุกมฺปํ อุปาทาย, ปสฺสโนฺต ปฎิกริสฺสติ, ทุติยมฺปิ อยฺย…เป.… ตติยมฺปิ อยฺย…เป.… ปสฺสโนฺต ปฎิกริสฺสตี’’ติ เอวํ ปวาเรตพฺพํฯ
Sattame vassaṃvuṭṭhāti purimaṃ vā pacchimaṃ vā temāsaṃ vuṭṭhā. Ubhatosaṅgheti bhikkhunisaṅghe ceva bhikkhusaṅghe ca. Ayaṃ panettha vinicchayakathā – bhikkhunīhi cātuddaseyeva sannipatitvā ‘‘suṇātu me, ayye, saṅgho, ajja pavāraṇā cātuddasī, yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho pavāreyyā’’ti evaṃ sabbasaṅgāhikañattiṃ vā, ‘‘tevācikaṃ pavāreyyā’’ti evaṃ tevācikañattiṃ vā, sati antarāye ‘‘dvevācikaṃ, ekavācikaṃ, samānavassikaṃ pavāreyyā’’ti evaṃ dvevācikādiñattiṃ vā ṭhapetvā sabbasaṅgāhikañatti ce ṭhapitā, ‘‘saṅghaṃ, ayye, pavāremi diṭṭhena vā sutena vā parisaṅkāya vā, vadantu maṃ ayyāyo anukampaṃ upādāya, passantī paṭikarissāmī’’ti (cūḷava. 427) evaṃ sakiṃ vā, ‘‘dutiyampi, ayye, saṅghaṃ…pe… tatiyampi, ayye, saṅghaṃ…pe… paṭikarissāmī’’ti evaṃ dvattikkhattuṃ vā vatvā paṭipāṭiyā pavāretabbaṃ. Tevācikāya ñattiyā vacanaṃ na hāpetabbaṃ, dvevācikādīsu vaḍḍhetuṃ vaṭṭati, hāpetuṃ na vaṭṭati. Evaṃ bhikkhunisaṅghe pavāretvā tattheva ekā bhikkhunī bhikkhunikkhandhake (cūḷava. 427) vuttena ñattidutiyakammena bhikkhunisaṅghassatthāya bhikkhusaṅghaṃ pavāretuṃ sammannitabbā. Tāya sammatāya bhikkhuniyā pannarase bhikkhunisaṅghaṃ ādāya bhikkhusaṅghaṃ upasaṅkamitvā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā añjaliṃ paggahetvā evamassa vacanīyo ‘‘bhikkhunisaṅgho ayya bhikkhusaṅghaṃ pavāreti diṭṭhena vā sutena vā parisaṅkāya vā, vadatāyya bhikkhusaṅgho bhikkhunisaṅghaṃ anukampaṃ upādāya, passanto paṭikarissati, dutiyampi ayya…pe… tatiyampi ayya…pe… passanto paṭikarissatī’’ti evaṃ pavāretabbaṃ.
สเจ ปญฺจวโคฺค ภิกฺขุนิสโงฺฆ น ปูรติ, จตูหิ วา ตีหิ วา คณญตฺติํ ฐเปตฺวา, ทฺวีหิ วินา ญตฺติยา อญฺญมญฺญํ ปวาเรตพฺพํฯ เอกาย ‘‘อชฺช เม ปวารณา’’ติ อธิฎฺฐาตพฺพํฯ
Sace pañcavaggo bhikkhunisaṅgho na pūrati, catūhi vā tīhi vā gaṇañattiṃ ṭhapetvā, dvīhi vinā ñattiyā aññamaññaṃ pavāretabbaṃ. Ekāya ‘‘ajja me pavāraṇā’’ti adhiṭṭhātabbaṃ.
วิหารํ ปน คนฺตฺวา ‘‘ภิกฺขุนิโย, อยฺย, ภิกฺขุสงฺฆํ ปวาเรนฺติ ทิเฎฺฐน วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วา, วทตายฺย ภิกฺขุสโงฺฆ ภิกฺขุนิโย อนุกมฺปํ อุปาทาย, ปสฺสนฺติโย ปฎิกริสฺสนฺตี’’ติ จ, ‘‘อหํ, อยฺย, ภิกฺขุสงฺฆํ ปวาเรมิ ทิเฎฺฐน วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วา, วทตุ มํ, อยฺย, ภิกฺขุสโงฺฆ อนุกมฺปํ อุปาทาย, ปสฺสนฺตี ปฎิกริสฺสามี’’ติ จ เอวํ ติกฺขตฺตุํ วตฺตพฺพํฯ
Vihāraṃ pana gantvā ‘‘bhikkhuniyo, ayya, bhikkhusaṅghaṃ pavārenti diṭṭhena vā sutena vā parisaṅkāya vā, vadatāyya bhikkhusaṅgho bhikkhuniyo anukampaṃ upādāya, passantiyo paṭikarissantī’’ti ca, ‘‘ahaṃ, ayya, bhikkhusaṅghaṃ pavāremi diṭṭhena vā sutena vā parisaṅkāya vā, vadatu maṃ, ayya, bhikkhusaṅgho anukampaṃ upādāya, passantī paṭikarissāmī’’ti ca evaṃ tikkhattuṃ vattabbaṃ.
สเจ ภิกฺขุสโงฺฆ น ปูรติ, ‘‘ภิกฺขุนิสโงฺฆ, อยฺย, อเยฺย ปวาเรติ ทิเฎฺฐน วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วา, วทนฺตุ อยฺยา ภิกฺขุนิสงฺฆํ อนุกมฺปํ อุปาทาย, ปสฺสโนฺต ปฎิกริสฺสตี’’ติ จ, ‘‘ภิกฺขุนิสโงฺฆ, อยฺย, อยฺยํ ปวาเรติ ทิเฎฺฐน วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วา, วทตาโยฺย ภิกฺขุนิสงฺฆํ อนุกมฺปํ อุปาทาย, ปสฺสโนฺต ปฎิกริสฺสตี’’ติ จ เอวํ ติกฺขตฺตุํ วตฺตพฺพํฯ
Sace bhikkhusaṅgho na pūrati, ‘‘bhikkhunisaṅgho, ayya, ayye pavāreti diṭṭhena vā sutena vā parisaṅkāya vā, vadantu ayyā bhikkhunisaṅghaṃ anukampaṃ upādāya, passanto paṭikarissatī’’ti ca, ‘‘bhikkhunisaṅgho, ayya, ayyaṃ pavāreti diṭṭhena vā sutena vā parisaṅkāya vā, vadatāyyo bhikkhunisaṅghaṃ anukampaṃ upādāya, passanto paṭikarissatī’’ti ca evaṃ tikkhattuṃ vattabbaṃ.
อุภินฺนํ อปริปูริยา ‘‘ภิกฺขุนิโย, อยฺยา, อเยฺย ปวาเรนฺติ ทิเฎฺฐน วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วา, วทนฺตายฺยา ภิกฺขุนิโย อนุกมฺปํ อุปาทาย, ปสฺสนฺติโย ปฎิกริสฺสนฺตี’’ติ จ, ‘‘ภิกฺขุนิโย, อยฺย, อยฺยํ ปวาเรนฺติ ทิเฎฺฐน วา สุเตน วา ปริสงฺกาย วา, วทตาโยฺย ภิกฺขุนิโย อนุกมฺปํ อุปาทาย, ปสฺสนฺติโย ปฎิกริสฺสนฺตี’’ติ จ, ‘‘อหํ, อยฺยา, อเยฺย ปวาเรมิ ทิเฎฺฐน วา สุเตน วา…เป.… วทนฺตุ มํ, อยฺยา, อนุกมฺปํ อุปาทาย, ปสฺสนฺตี ปฎิกริสฺสามี’’ติ จ, ‘‘อหํ, อยฺย, อยฺยํ ปวาเรมิ ทิเฎฺฐน วา สุเตน วา…เป.… วทตุ มํ, อโยฺย, อนุกมฺปํ อุปาทาย, ปสฺสนฺตี ปฎิกริสฺสามี’’ติ จ เอวํ ติกฺขตฺตุํ วตฺตพฺพํฯ สพฺพาเหว หิ อิมินา นเยน อุภโตสเงฺฆ ปวาริตา โหติ, ยา ปน วสฺสํวุฎฺฐา ‘‘อุภโตสเงฺฆ เอวํ น ปวาเรสฺสามี’’ติ ธุรํ นิกฺขิปติ, ตสฺสา สห ธุรนิเกฺขเปน ปาจิตฺติยํฯ
Ubhinnaṃ aparipūriyā ‘‘bhikkhuniyo, ayyā, ayye pavārenti diṭṭhena vā sutena vā parisaṅkāya vā, vadantāyyā bhikkhuniyo anukampaṃ upādāya, passantiyo paṭikarissantī’’ti ca, ‘‘bhikkhuniyo, ayya, ayyaṃ pavārenti diṭṭhena vā sutena vā parisaṅkāya vā, vadatāyyo bhikkhuniyo anukampaṃ upādāya, passantiyo paṭikarissantī’’ti ca, ‘‘ahaṃ, ayyā, ayye pavāremi diṭṭhena vā sutena vā…pe… vadantu maṃ, ayyā, anukampaṃ upādāya, passantī paṭikarissāmī’’ti ca, ‘‘ahaṃ, ayya, ayyaṃ pavāremi diṭṭhena vā sutena vā…pe… vadatu maṃ, ayyo, anukampaṃ upādāya, passantī paṭikarissāmī’’ti ca evaṃ tikkhattuṃ vattabbaṃ. Sabbāheva hi iminā nayena ubhatosaṅghe pavāritā hoti, yā pana vassaṃvuṭṭhā ‘‘ubhatosaṅghe evaṃ na pavāressāmī’’ti dhuraṃ nikkhipati, tassā saha dhuranikkhepena pācittiyaṃ.
สาวตฺถิยํ สมฺพหุลา ภิกฺขุนิโย อารพฺภ วสฺสํ วสิตฺวา น ปวารณาวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํฯ อนฺตราเย ปน สติ, ปริเยสิตฺวา ภิกฺขู อลภนฺติยา, คิลานาย, อาปทาสุ, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ วสฺสํวุฎฺฐตา, น อุภโตสเงฺฆ ปวารณา, อนุญฺญาตการณาภาโวติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ สมนุภาสนสทิสานีติฯ
Sāvatthiyaṃ sambahulā bhikkhuniyo ārabbha vassaṃ vasitvā na pavāraṇāvatthusmiṃ paññattaṃ. Antarāye pana sati, pariyesitvā bhikkhū alabhantiyā, gilānāya, āpadāsu, ummattikādīnañca anāpatti. Vassaṃvuṭṭhatā, na ubhatosaṅghe pavāraṇā, anuññātakāraṇābhāvoti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni samanubhāsanasadisānīti.
อปวารณาสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Apavāraṇāsikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๘. โอวาทสิกฺขาปทวณฺณนา
8. Ovādasikkhāpadavaṇṇanā
อฎฺฐเม โอวาทายาติ ครุธมฺมสฺสวนตฺถายฯ สํวาสายาติ อุโปสถปุจฺฉนตฺถาย เจว ปวารณตฺถาย จฯ ปาจิตฺติยนฺติ ‘‘เอเตสํ อตฺถาย น คจฺฉามี’’ติ ธุรํ นิกฺขิตฺตมเตฺต ปาจิตฺติยํฯ
Aṭṭhame ovādāyāti garudhammassavanatthāya. Saṃvāsāyāti uposathapucchanatthāya ceva pavāraṇatthāya ca. Pācittiyanti ‘‘etesaṃ atthāya na gacchāmī’’ti dhuraṃ nikkhittamatte pācittiyaṃ.
สเกฺกสุ ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขุนิโย อารพฺภ โอวาทาย อคมนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํฯ อนฺตราเย ปน สติ, ปริเยสิตฺวา ทุติยิกํ อลภนฺติยา, คิลานาย, อาปทาสุ, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ โอวาทสํวาสานํ อตฺถาย อคมนํ, อนุญฺญาตการณาภาโวติ อิมาเนตฺถ เทฺว องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ ปฐมปาราชิกสทิสานิ, อิทํ ปน อกิริยํ, ทุกฺขเวทนนฺติฯ
Sakkesu chabbaggiyā bhikkhuniyo ārabbha ovādāya agamanavatthusmiṃ paññattaṃ. Antarāye pana sati, pariyesitvā dutiyikaṃ alabhantiyā, gilānāya, āpadāsu, ummattikādīnañca anāpatti. Ovādasaṃvāsānaṃ atthāya agamanaṃ, anuññātakāraṇābhāvoti imānettha dve aṅgāni. Samuṭṭhānādīni paṭhamapārājikasadisāni, idaṃ pana akiriyaṃ, dukkhavedananti.
โอวาทสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ovādasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๙. โอวาทูปสงฺกมนสิกฺขาปทวณฺณนา
9. Ovādūpasaṅkamanasikkhāpadavaṇṇanā
นวเม อนฺวทฺธมาสนฺติ อทฺธมาเส อทฺธมาเสฯ อุโปสถปุจฺฉกนฺติ อุโปสถปุจฺฉนํฯ โอวาทูปสงฺกมนนฺติ โอวาทตฺถาย อุปสงฺกมนํฯ ตํ อติกฺกาเมนฺติยาติ เอตฺถ ภิกฺขุนีหิ เตรเส วา จาตุทฺทเส วา อารามํ คนฺตฺวา ‘‘อยํ อุโปสโถ จาตุทฺทโส ปนฺนรโส’’ติ ปุจฺฉิตพฺพํ, อุโปสถทิวเส นิทานวณฺณนายํ วุตฺตนเยน โอวาทูปสงฺกมนํ ยาจิตพฺพํฯ ยา ภิกฺขุนี วุตฺตปฺปกาเร กาเล ตทุภยํ น กโรติ, สา ตํ อติกฺกาเมติ นาม, ตสฺสา ‘‘อุโปสถมฺปิ น ปุจฺฉิสฺสามิ, โอวาทมฺปิ น ยาจิสฺสามี’’ติ ธุรํ นิกฺขิตฺตมเตฺต ปาจิตฺติยํฯ
Navame anvaddhamāsanti addhamāse addhamāse. Uposathapucchakanti uposathapucchanaṃ. Ovādūpasaṅkamananti ovādatthāya upasaṅkamanaṃ. Taṃ atikkāmentiyāti ettha bhikkhunīhi terase vā cātuddase vā ārāmaṃ gantvā ‘‘ayaṃ uposatho cātuddaso pannaraso’’ti pucchitabbaṃ, uposathadivase nidānavaṇṇanāyaṃ vuttanayena ovādūpasaṅkamanaṃ yācitabbaṃ. Yā bhikkhunī vuttappakāre kāle tadubhayaṃ na karoti, sā taṃ atikkāmeti nāma, tassā ‘‘uposathampi na pucchissāmi, ovādampi na yācissāmī’’ti dhuraṃ nikkhittamatte pācittiyaṃ.
สาวตฺถิยํ สมฺพหุลา ภิกฺขุนิโย อารพฺภ อุโปสถโอวาทานํ อปุจฺฉนอยาจนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ , อนาปตฺติ อฎฺฐมสทิสาเยวฯ อุโปสโถวาทานํ อปุจฺฉนอยาจนายํ ธุรนิเกฺขโป, อนุญฺญาตการณาภาโวติ อิมาเนตฺถ เทฺว องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ สมนุภาสนสทิสานีติฯ
Sāvatthiyaṃ sambahulā bhikkhuniyo ārabbha uposathaovādānaṃ apucchanaayācanavatthusmiṃ paññattaṃ , anāpatti aṭṭhamasadisāyeva. Uposathovādānaṃ apucchanaayācanāyaṃ dhuranikkhepo, anuññātakāraṇābhāvoti imānettha dve aṅgāni. Samuṭṭhānādīni samanubhāsanasadisānīti.
โอวาทูปสงฺกมนสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ovādūpasaṅkamanasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
๑๐. ปสาเขชาตสิกฺขาปทวณฺณนา
10. Pasākhejātasikkhāpadavaṇṇanā
ทสเม ปสาเขติ นาภิยา เหฎฺฐา ชาณุมณฺฑลานํ อุปริปเทเสฯ ตโต หิ ยสฺมา รุกฺขสฺส สาขา วิย อุโภ อูรู ปภิชฺชิตฺวา คตา, ตสฺมา โส ‘‘ปสาโข’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมิํ ปสาเขฯ คณฺฑนฺติ ยํกิญฺจิ คณฺฑํฯ รุธิตนฺติ วณํฯ เภทาเปยฺย วาติอาทีสุ สเจ ‘‘ภินฺท ผาเลหี’’ติ สพฺพานิ อาณาเปติ, โส จ ตเถว กโรติ, ฉ ทุกฺกฎานิ ฉ จ ปาจิตฺติยานิฯ อถาปิ ‘‘ยํกิญฺจิ เอตฺถ กตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพํ กโรหี’’ติ เอวํ อาณาเปติ, โส จ สพฺพานิปิ เภทนาทีนิ กโรติ, เอกวาจาย ฉ ทุกฺกฎานิ ฉ จ ปาจิตฺติยานิฯ สเจ ปน เภทนาทีสุ เอกํเยว ‘‘อิทํ นาม กโรหี’’ติ อาณาเปติ, โส จ สพฺพานิ กโรติฯ ยํ อาณตฺตํ, ตเสฺสว กรเณ ปาจิตฺติยํฯ
Dasame pasākheti nābhiyā heṭṭhā jāṇumaṇḍalānaṃ uparipadese. Tato hi yasmā rukkhassa sākhā viya ubho ūrū pabhijjitvā gatā, tasmā so ‘‘pasākho’’ti vuccati, tasmiṃ pasākhe. Gaṇḍanti yaṃkiñci gaṇḍaṃ. Rudhitanti vaṇaṃ. Bhedāpeyya vātiādīsu sace ‘‘bhinda phālehī’’ti sabbāni āṇāpeti, so ca tatheva karoti, cha dukkaṭāni cha ca pācittiyāni. Athāpi ‘‘yaṃkiñci ettha kattabbaṃ, taṃ sabbaṃ karohī’’ti evaṃ āṇāpeti, so ca sabbānipi bhedanādīni karoti, ekavācāya cha dukkaṭāni cha ca pācittiyāni. Sace pana bhedanādīsu ekaṃyeva ‘‘idaṃ nāma karohī’’ti āṇāpeti, so ca sabbāni karoti. Yaṃ āṇattaṃ, tasseva karaṇe pācittiyaṃ.
สาวตฺถิยํ อญฺญตรํ ภิกฺขุนิํ อารพฺภ ปสาเข ชาตํ คณฺฑํ ปุริเสน เภทาปนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, อปโลเกตฺวา วา วิญฺญุํ วา ยํกญฺจิ ทุติยิกํ คเหตฺวา เอวํ กโรนฺติยา, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ ปสาเข ชาตตา, อนปโลกนํ, ทุติยิกาภาโว, ปุริเสน เภทาทีนํ การาปนนฺติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ กถินสทิสานิ, อิทํ ปน กิริยากิริยนฺติฯ
Sāvatthiyaṃ aññataraṃ bhikkhuniṃ ārabbha pasākhe jātaṃ gaṇḍaṃ purisena bhedāpanavatthusmiṃ paññattaṃ, apaloketvā vā viññuṃ vā yaṃkañci dutiyikaṃ gahetvā evaṃ karontiyā, ummattikādīnañca anāpatti. Pasākhe jātatā, anapalokanaṃ, dutiyikābhāvo, purisena bhedādīnaṃ kārāpananti imānettha cattāri aṅgāni. Samuṭṭhānādīni kathinasadisāni, idaṃ pana kiriyākiriyanti.
ปสาเขชาตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pasākhejātasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
อารามวโคฺค ฉโฎฺฐฯ
Ārāmavaggo chaṭṭho.