Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā

    ๒. อารมฺมณปจฺจยนิเทฺทสวณฺณนา

    2. Ārammaṇapaccayaniddesavaṇṇanā

    . อุปฺปชฺชนกฺขเณเยวาติ เอตฺถ อุปฺปาทโต ปฎฺฐาย ยาว ภงฺคา อุทฺธํ ปชฺชนํ คมนํ ปวตฺตนํ อุปฺปชฺชนํ, ตสฺส ขโณ, ตสฺมิํ อุปฺปชฺชนกฺขเณติ เอวํ วา อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ เอวญฺหิ สติ อุปฺปชฺชนสเทฺทน อุปฺปนฺนสเทฺทน วิย สเพฺพ ปวตฺตมานภาวา สงฺคหิตา โหนฺติ, น อุปฺปาทมตฺตํฯ เตนาติ จกฺขุวิญฺญาณาทีนํ วตฺตมานกฺขเณเยว รูปาทีนํ อารมฺมณปจฺจยเตฺตนฯ อนาลมฺพิยมานานนฺติ สเพฺพน สพฺพํ นาลมฺพิยมานานนฺติ อโตฺถฯ อญฺญถา หิ ยถาวุตฺตานํ รูปาทีนํ ยทา อารมฺมณปจฺจยตฺตาภาโว, ตทา อนาลมฺพิยมานตาวาติฯ สพฺพรูปานีติ สพฺพานิ รูปายตนานิ, ยตฺตกานิ ตานิ อาปาถคตานิ โยคฺยเทเส ฐิตานิ, ตานิ สพฺพานีติ อโตฺถฯ สห น โหนฺตีติ เอกชฺฌํ อารมฺมณํ น โหนฺติฯ สติปิ หิ อเนเกสํ เอกชฺฌํ อาปาถคมเน ยตฺถ ยตฺถ ปุพฺพาโภโค, ตํ ตํเยว อารมฺมณํ โหติ, น สพฺพํฯ นีลาทิสงฺฆาตวเสน เจตํ วุตฺตํ, น ปเจฺจกํ นีลาทิรูปายตนมตฺตวเสนฯ สมุทิตานิเยว หิ รูปายตนานิ จกฺขุวิญฺญาณสฺส อารมฺมณํ, น วิสุํ วิสุนฺติ ธาตุวิภงฺควณฺณนายํ ทสฺสิโตยํ นโยฯ ยํ ปน อฎฺฐกถายํ ‘‘เต เต วิสุํ วิสุํ อารมฺมณปจฺจโย โหนฺตี’’ติปิ วุตฺตํ, ตมฺปิ ยถาวุตฺตเมวตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อญฺญถา รูปายตนํ มนินฺทฺริยโคจรํ นาม น สิยาฯ สทฺทาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เตเนวาห ‘‘ตถา สทฺทาทโยปี’’ติฯ ‘‘สห น โหนฺตี’’ติ วุตฺตมตฺถํ ปาฬิยา วิภาเวตุํ ‘‘ยํ ยนฺติ หิ วจนํ รูปาทีนิ ภินฺทตี’’ติ อาหฯ

    2. Uppajjanakkhaṇeyevāti ettha uppādato paṭṭhāya yāva bhaṅgā uddhaṃ pajjanaṃ gamanaṃ pavattanaṃ uppajjanaṃ, tassa khaṇo, tasmiṃ uppajjanakkhaṇeti evaṃ vā attho daṭṭhabbo. Evañhi sati uppajjanasaddena uppannasaddena viya sabbe pavattamānabhāvā saṅgahitā honti, na uppādamattaṃ. Tenāti cakkhuviññāṇādīnaṃ vattamānakkhaṇeyeva rūpādīnaṃ ārammaṇapaccayattena. Anālambiyamānānanti sabbena sabbaṃ nālambiyamānānanti attho. Aññathā hi yathāvuttānaṃ rūpādīnaṃ yadā ārammaṇapaccayattābhāvo, tadā anālambiyamānatāvāti. Sabbarūpānīti sabbāni rūpāyatanāni, yattakāni tāni āpāthagatāni yogyadese ṭhitāni, tāni sabbānīti attho. Saha na hontīti ekajjhaṃ ārammaṇaṃ na honti. Satipi hi anekesaṃ ekajjhaṃ āpāthagamane yattha yattha pubbābhogo, taṃ taṃyeva ārammaṇaṃ hoti, na sabbaṃ. Nīlādisaṅghātavasena cetaṃ vuttaṃ, na paccekaṃ nīlādirūpāyatanamattavasena. Samuditāniyeva hi rūpāyatanāni cakkhuviññāṇassa ārammaṇaṃ, na visuṃ visunti dhātuvibhaṅgavaṇṇanāyaṃ dassitoyaṃ nayo. Yaṃ pana aṭṭhakathāyaṃ ‘‘te te visuṃ visuṃ ārammaṇapaccayo hontī’’tipi vuttaṃ, tampi yathāvuttamevatthaṃ sandhāya vuttaṃ. Aññathā rūpāyatanaṃ manindriyagocaraṃ nāma na siyā. Saddādīsupi eseva nayo. Tenevāha ‘‘tathā saddādayopī’’ti. ‘‘Saha na hontī’’ti vuttamatthaṃ pāḷiyā vibhāvetuṃ ‘‘yaṃ yanti hi vacanaṃ rūpādīni bhindatī’’ti āha.

    ‘‘เย เอเต’’ติอาทิโก ปุริโม อโตฺถ, ‘‘น เอกโต โหนฺตี’’ติอาทิโก ปน ปจฺฉิโม, ‘‘สพฺพารมฺมณตาทิวเสน วา อิธาปิ อโตฺถ คเหตโพฺพ’’ติ กสฺมา วุตฺตํฯ น หิ ‘‘ยํ ยํ วา ปนารพฺภา’’ติ อิมิสฺสา ปาฬิยา วิย ‘‘ยํ ยํ ธมฺมํ อารพฺภา’’ติ อิมสฺส ปาฐสฺส ปุรโต มโนวิญฺญาณสฺส สพฺพารมฺมณตา นาคตาฯ วุตฺตญฺหิ ‘‘สเพฺพ ธมฺมา มโนวิญฺญาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานญฺจ ธมฺมานํ อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติฯ น หิ อนนฺตรเมว ปาฬิยํ สรูปโต อาคตมตฺถํ คเหตฺวา ปทนฺตรํ สํวเณฺณตพฺพํฯ ตตฺถ หิ ‘‘รูปารมฺมณํ วา’’ติอาทินา นิยมวเสน ฉ อารมฺมณานิ วตฺวา ‘‘ยํ ยํ วา ปนารพฺภา’’ติ วจนํ สพฺพารมฺมณตาทิทสฺสนนฺติ ยุตฺตเมเวตนฺติ, อิธ ปน สพฺพารมฺมณตํ วตฺวา ปุน ‘‘ยํ ยํ ธมฺมํ อารพฺภา’’ติ วุจฺจมานํ สพฺพารมฺมณตาทสฺสนนฺติ กถมิทํ ยุเชฺชยฺย? กมาภาโวปิ ‘‘สเพฺพ ธมฺมา’’ติ อวิเสสวจเนเนว สิโทฺธ อารมฺมณานุปุพฺพิยาว อคฺคหิตตฺตาฯ น หิ มโนธาตุยา วิย มโนวิญฺญาณธาตุยา อิธ อารมฺมณานิ อนุปุพฺพโต คหิตานิ, ตตฺถ วิย วา เอเตเนว นิยมาภาโวปิ สํวณฺณิโตติ เวทิตโพฺพฯ ตสฺมา อฎฺฐกถายํ วุตฺตนเยเนเวตฺถ อโตฺถ คเหตโพฺพฯ

    ‘‘Ye ete’’tiādiko purimo attho, ‘‘na ekato hontī’’tiādiko pana pacchimo, ‘‘sabbārammaṇatādivasena vā idhāpi attho gahetabbo’’ti kasmā vuttaṃ. Na hi ‘‘yaṃ yaṃ vā panārabbhā’’ti imissā pāḷiyā viya ‘‘yaṃ yaṃ dhammaṃ ārabbhā’’ti imassa pāṭhassa purato manoviññāṇassa sabbārammaṇatā nāgatā. Vuttañhi ‘‘sabbe dhammā manoviññāṇadhātuyā taṃsampayuttakānañca dhammānaṃ ārammaṇapaccayena paccayo’’ti. Na hi anantarameva pāḷiyaṃ sarūpato āgatamatthaṃ gahetvā padantaraṃ saṃvaṇṇetabbaṃ. Tattha hi ‘‘rūpārammaṇaṃ vā’’tiādinā niyamavasena cha ārammaṇāni vatvā ‘‘yaṃ yaṃ vā panārabbhā’’ti vacanaṃ sabbārammaṇatādidassananti yuttamevetanti, idha pana sabbārammaṇataṃ vatvā puna ‘‘yaṃ yaṃ dhammaṃ ārabbhā’’ti vuccamānaṃ sabbārammaṇatādassananti kathamidaṃ yujjeyya? Kamābhāvopi ‘‘sabbe dhammā’’ti avisesavacaneneva siddho ārammaṇānupubbiyāva aggahitattā. Na hi manodhātuyā viya manoviññāṇadhātuyā idha ārammaṇāni anupubbato gahitāni, tattha viya vā eteneva niyamābhāvopi saṃvaṇṇitoti veditabbo. Tasmā aṭṭhakathāyaṃ vuttanayenevettha attho gahetabbo.

    ปวตฺตนฺติ ปวตฺตนํฯ นทิยา สนฺทนํ ปพฺพตสฺส ฐานนฺติ หิ วุตฺตา อวิรตมวิเจฺฉทนายํ ตถาปวตฺติกิริยาวฯ เตนาห ‘‘อวิรตํ อวิจฺฉินฺนํ สนฺทนฺตี’’ติฯ เอวนฺติ ยถา ‘‘สนฺทนฺตี’’ติ วตฺตมานวจนํ วุตฺตํ, เอวํ ‘‘เย เย ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ สพฺพสงฺคหวเสน อุปฺปชฺชนสฺส คหิตตฺตา อารมฺมณปวคฺคโต ‘‘อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ วตฺตมานวจนํ วุตฺตนฺติ อโตฺถฯ เตนาห อฎฺฐกถายํ ‘‘สพฺพกาลสงฺคหวเสนา’’ติอาทิฯ ตถา จ วุตฺตํ ‘‘อตีตานาคต…เป.… อธิปฺปาโย’’ติ, อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ จิตฺตเจตสิกานนฺติ อโตฺถฯ สมุทายวเสนาติ จิเตฺตน ราสีกรณวเสนฯ อธิปฺปาโยติ อิมินา วตฺตมานุปจาเรน วินาว ‘‘เย เย ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ เอตฺถ วตฺตมานตฺถํ สกฺกา โยเชตุนฺติ อิมมตฺถํ อุลฺลิเงฺคติฯ เตนาห ‘‘อิเม ปนา’’ติอาทิฯ ยทิปิ ปจฺจยธมฺมา เกจิ อตีตา อนาคตาปิ โหนฺติ, ปจฺจยุปฺปนฺนธโมฺม ปน ปจฺจุปฺปโนฺน เอวาติ อาห ‘‘อตีตานาคตานํ น โหนฺตี’’ติฯ อุปฺปาเท วา หิ ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส ปจฺจเยน ภวิตพฺพํ ฐิติยํ วาติฯ ตสฺมาติ ยสฺมา อตีตานาคตา ปรมตฺถโต นตฺถิ, ตสฺมาฯ เตสูติ ปจฺจยุปฺปเนฺนสุฯ ตํตํปจฺจยาติ ตํ ตํ รูปาทิอารมฺมณํ ปจฺจโย เอเตสนฺติ ตํตํปจฺจยาฯ อยมโตฺถ ทสฺสิโต โหติ สมานสภาวตฺตาฯ น หิ อตฺถาเภเทน สภาวเภโท อตฺถิฯ น ปน ตํตํปจฺจยวนฺตตา ทสฺสิตา โหติ อตีตานาคเตสุ นิปฺปริยาเยน ตทภาวโตฯ ยสฺมา ปจฺจยวโนฺต ปจฺจยุปฺปนฺนาเยว, เต จ ปจฺจุปฺปนฺนาเยวาติฯ

    Pavattanti pavattanaṃ. Nadiyā sandanaṃ pabbatassa ṭhānanti hi vuttā aviratamavicchedanāyaṃ tathāpavattikiriyāva. Tenāha ‘‘avirataṃ avicchinnaṃ sandantī’’ti. Evanti yathā ‘‘sandantī’’ti vattamānavacanaṃ vuttaṃ, evaṃ ‘‘ye ye dhammā uppajjantī’’ti sabbasaṅgahavasena uppajjanassa gahitattā ārammaṇapavaggato ‘‘uppajjantī’’ti vattamānavacanaṃ vuttanti attho. Tenāha aṭṭhakathāyaṃ ‘‘sabbakālasaṅgahavasenā’’tiādi. Tathā ca vuttaṃ ‘‘atītānāgata…pe… adhippāyo’’ti, atītānāgatapaccuppannānaṃ cittacetasikānanti attho. Samudāyavasenāti cittena rāsīkaraṇavasena. Adhippāyoti iminā vattamānupacārena vināva ‘‘ye ye dhammā uppajjantī’’ti ettha vattamānatthaṃ sakkā yojetunti imamatthaṃ ulliṅgeti. Tenāha ‘‘ime panā’’tiādi. Yadipi paccayadhammā keci atītā anāgatāpi honti, paccayuppannadhammo pana paccuppanno evāti āha ‘‘atītānāgatānaṃ na hontī’’ti. Uppāde vā hi paccayuppannassa paccayena bhavitabbaṃ ṭhitiyaṃ vāti. Tasmāti yasmā atītānāgatā paramatthato natthi, tasmā. Tesūti paccayuppannesu. Taṃtaṃpaccayāti taṃ taṃ rūpādiārammaṇaṃ paccayo etesanti taṃtaṃpaccayā. Ayamattho dassito hoti samānasabhāvattā. Na hi atthābhedena sabhāvabhedo atthi. Na pana taṃtaṃpaccayavantatā dassitā hoti atītānāgatesu nippariyāyena tadabhāvato. Yasmā paccayavanto paccayuppannāyeva, te ca paccuppannāyevāti.

    ยํ ยํ ธมฺมํ เต เต ธมฺมาติ ยํนิมิตฺตายํวจนเภโท, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ รูปารูปธมฺมา หิ กลาปโต ปวตฺตมานาปิ จิตฺตเจตสิกานํ กทาจิ วิสุํ วิสุํ อารมฺมณํ โหนฺติ, กทาจิ เอกชฺฌํ, น เอตฺถ นิยโม อตฺถิ, ปุริมาโภโคเยว ปน ตถาคหเณ การณํฯ ตยิมํ ทีเปตุํ ภควตา ยํวจนเภโท กโตติ จ สกฺกา วตฺตุํ, ยสฺมา ปน เอกกลาปปริยาปนฺนานมฺปิ ธมฺมานํ เอกชฺฌํ คหเณ น สมุทาโย คยฺหติ ตทาโภคาภาวโต, อถ โข สมุทิตา ธมฺมา เอวาติ สหคฺคหณมฺปิ วิสุํคหณคติกํ, ตสฺมา วิสุํคหณสพฺภาวทีปนตฺถํ ‘‘ยํ ย’’นฺติ วตฺวา สติปิ วิสุํคหเณ เต สเพฺพ เอกชฺฌํ อารมฺมณปจฺจโย โหนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘เต เต’’ติ วุตฺตนฺติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘จตฺตาโร หิ ขนฺธา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ เวทนาทีสูติ เวทนาทีสุ จตูสุ ขเนฺธสุ อภินฺทิตฺวา คหณวเสน, ภินฺทิตฺวา ปน คหณวเสน ผสฺสาทีสุฯ โย จ รูปาทิโกติ อิทํ วิญฺญาณนฺตรสฺส สาธารณารมฺมณวเสน วุตฺตํ, เย จ อเนเก ผสฺสาทโยติ อิทํ อสาธารณารมฺมณวเสนฯ เต สเพฺพติ เต สาธารณาสาธารณปฺปเภเท สเพฺพปิ อารมฺมณธเมฺมฯ เอเกกเมว อารพฺภ อุปฺปชฺชนฺตีติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ รูปารมฺมณธมฺมา จ อเนเก นีลาทิเภทโตฯ ตถาติ อเนเกฯ เตน เภริสทฺทาทิเก, มูลคนฺธาทิเก, มูลรสาทิเก, กถินสมฺผสฺสาทิเก, เวทนาทิเก จ สงฺคณฺหาติฯ อเนเกติ หิ อิมินา อเนกกลาปคตานํเยว วณฺณาทีนํ อินฺทฺริยวิญฺญาณารมฺมณภาวมาหฯ สามญฺญโต หิ วุตฺตํ ยถารหํ ภินฺทิตฺวา นิทสฺสิตพฺพํ โหตีติฯ

    Yaṃyaṃ dhammaṃ te te dhammāti yaṃnimittāyaṃvacanabhedo, taṃ dassetuṃ ‘‘ettha cā’’tiādi āraddhaṃ. Rūpārūpadhammā hi kalāpato pavattamānāpi cittacetasikānaṃ kadāci visuṃ visuṃ ārammaṇaṃ honti, kadāci ekajjhaṃ, na ettha niyamo atthi, purimābhogoyeva pana tathāgahaṇe kāraṇaṃ. Tayimaṃ dīpetuṃ bhagavatā yaṃvacanabhedo katoti ca sakkā vattuṃ, yasmā pana ekakalāpapariyāpannānampi dhammānaṃ ekajjhaṃ gahaṇe na samudāyo gayhati tadābhogābhāvato, atha kho samuditā dhammā evāti sahaggahaṇampi visuṃgahaṇagatikaṃ, tasmā visuṃgahaṇasabbhāvadīpanatthaṃ ‘‘yaṃ ya’’nti vatvā satipi visuṃgahaṇe te sabbe ekajjhaṃ ārammaṇapaccayo hontīti dassanatthaṃ ‘‘te te’’ti vuttanti imamatthaṃ dassento ‘‘cattāro hi khandhā’’tiādimāha. Tattha vedanādīsūti vedanādīsu catūsu khandhesu abhinditvā gahaṇavasena, bhinditvā pana gahaṇavasena phassādīsu. Yoca rūpādikoti idaṃ viññāṇantarassa sādhāraṇārammaṇavasena vuttaṃ, ye ca aneke phassādayoti idaṃ asādhāraṇārammaṇavasena. Te sabbeti te sādhāraṇāsādhāraṇappabhede sabbepi ārammaṇadhamme. Ekekameva ārabbha uppajjantīti ettha yaṃ vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā vuttameva. Rūpārammaṇadhammā ca aneke nīlādibhedato. Tathāti aneke. Tena bherisaddādike, mūlagandhādike, mūlarasādike, kathinasamphassādike, vedanādike ca saṅgaṇhāti. Aneketi hi iminā anekakalāpagatānaṃyeva vaṇṇādīnaṃ indriyaviññāṇārammaṇabhāvamāha. Sāmaññato hi vuttaṃ yathārahaṃ bhinditvā nidassitabbaṃ hotīti.

    กุสลวิปากสฺสาติ กุสลสฺส วิปากสฺส จฯ น หิ นิพฺพานํ ปุเพฺพ นิวุตฺถนฺติ อิทํ ‘‘ทิฎฺฐนิพฺพาโนเยวา’’ติอาทินา วกฺขมานเมว อตฺถํ หทเย ฐเปตฺวา วุตฺตํฯ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาเณน หิ นิพฺพานวิภาวนํ อทิฎฺฐสจฺจสฺส วา สิยา ทิฎฺฐสจฺจสฺสปิ วาฯ ตตฺถ อทิฎฺฐสเจฺจน ตาว ตํ วิภาเวตุเมว น สกฺกา อปฺปฎิวิทฺธตฺตา, อิตรสฺส ปน ปเคว วิภูตเมวาติ ตํ เตน วิภาวิตํ นาม โหตีติ อธิปฺปาโยฯ เอตฺถ จ ‘‘น จ ตํ วุตฺต’’นฺติ อิมินา ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณสฺส นิพฺพานารมฺมณกรณาภาวํ อาคมโต ทเสฺสตฺวา ‘‘น หิ นิพฺพาน’’นฺติอาทินา ยุตฺติโต ทเสฺสติฯ ตตฺถ ‘‘น ปุเพฺพ นิวุตฺถํ อสงฺขตตฺตา’’ติ กสฺมา วุตฺตํ? โคจราเสวนาย อาเสวิตสฺสปิ นิวุตฺถนฺติ อิจฺฉิตตฺตาฯ ทิฎฺฐสโจฺจเยว หิ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาเณน นิพฺพานํ วิภาเวติ, น อทิฎฺฐสโจฺจฯ ตํ ปน ญาณํ ขเนฺธ วิย ขนฺธปฎิพเทฺธปิ วิภาเวตีติ นิพฺพานารมฺมณขนฺธวิภาวเน นิพฺพานมฺปิ วิภาเวตีติ สกฺกา วิญฺญาตุํฯ เอเตน ปโยชนาภาวโจทนา ปฎิกฺขิตฺตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ เอวํ อนาคตํสญาเณปิ โยเชตพฺพนฺติ ยถา ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณสฺส นิพฺพานารมฺมณตา ทสฺสิตา, เอวํ อนาคตํสญาเณปิ ยถารหํ โยเชตพฺพํฯ ตตฺถ ปน ‘‘ขนฺธปฎิพทฺธวิภาวนกาเล’’ติอาทินา โยชนา เวทิตพฺพาฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ยถารห’’นฺติฯ กสฺสจิ อภิญฺญาปฺปตฺตสฺสปิ รูปาวจรสฺส, ปเคว อิตรสฺสฯ

    Kusalavipākassāti kusalassa vipākassa ca. Na hi nibbānaṃ pubbe nivutthanti idaṃ ‘‘diṭṭhanibbānoyevā’’tiādinā vakkhamānameva atthaṃ hadaye ṭhapetvā vuttaṃ. Pubbenivāsānussatiñāṇena hi nibbānavibhāvanaṃ adiṭṭhasaccassa vā siyā diṭṭhasaccassapi vā. Tattha adiṭṭhasaccena tāva taṃ vibhāvetumeva na sakkā appaṭividdhattā, itarassa pana pageva vibhūtamevāti taṃ tena vibhāvitaṃ nāma hotīti adhippāyo. Ettha ca ‘‘na ca taṃ vutta’’nti iminā pubbenivāsānussatiñāṇassa nibbānārammaṇakaraṇābhāvaṃ āgamato dassetvā ‘‘na hi nibbāna’’ntiādinā yuttito dasseti. Tattha ‘‘na pubbe nivutthaṃ asaṅkhatattā’’ti kasmā vuttaṃ? Gocarāsevanāya āsevitassapi nivutthanti icchitattā. Diṭṭhasaccoyeva hi pubbenivāsānussatiñāṇena nibbānaṃ vibhāveti, na adiṭṭhasacco. Taṃ pana ñāṇaṃ khandhe viya khandhapaṭibaddhepi vibhāvetīti nibbānārammaṇakhandhavibhāvane nibbānampi vibhāvetīti sakkā viññātuṃ. Etena payojanābhāvacodanā paṭikkhittāti daṭṭhabbā. Evaṃ anāgataṃsañāṇepi yojetabbanti yathā pubbenivāsānussatiñāṇassa nibbānārammaṇatā dassitā, evaṃ anāgataṃsañāṇepi yathārahaṃ yojetabbaṃ. Tattha pana ‘‘khandhapaṭibaddhavibhāvanakāle’’tiādinā yojanā veditabbā. Tena vuttaṃ ‘‘yathāraha’’nti. Kassaci abhiññāppattassapi rūpāvacarassa, pageva itarassa.

    อารมฺมณปจฺจยนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Ārammaṇapaccayaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ปฎฺฐานปาฬิ • Paṭṭhānapāḷi / (๒) ปจฺจยนิเทฺทโส • (2) Paccayaniddeso

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๒. อารมฺมณปจฺจยนิเทฺทสวณฺณนา • 2. Ārammaṇapaccayaniddesavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact