Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๙. อรณวิภงฺคสุตฺตํ
9. Araṇavibhaṅgasuttaṃ
๓๒๓. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ ‘‘ภิกฺขโว’’ติฯ ‘‘ภทเนฺต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ – ‘‘อรณวิภงฺคํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิฯ ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ; ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –
323. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi ‘‘bhikkhavo’’ti. ‘‘Bhadante’’ti te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca – ‘‘araṇavibhaṅgaṃ vo, bhikkhave, desessāmi. Taṃ suṇātha, sādhukaṃ manasi karotha; bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –
‘‘น กามสุขมนุยุเญฺชยฺย หีนํ คมฺมํ โปถุชฺชนิกํ อนริยํ อนตฺถสํหิตํ, น จ อตฺตกิลมถานุโยคมนุยุเญฺชยฺย ทุกฺขํ อนริยํ อนตฺถสํหิตํฯ เอเต โข, ภิกฺขเว 1, อุโภ อเนฺต อนุปคมฺม มชฺฌิมา ปฎิปทา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธา, จกฺขุกรณี ญาณกรณี อุปสมาย อภิญฺญาย สโมฺพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติฯ อุสฺสาทนญฺจ ชญฺญา, อปสาทนญฺจ ชญฺญา; อุสฺสาทนญฺจ ญตฺวา อปสาทนญฺจ ญตฺวา เนวุสฺสาเทยฺย, น อปสาเทยฺย 2, ธมฺมเมว เทเสยฺยฯ สุขวินิจฺฉยํ ชญฺญา; สุขวินิจฺฉยํ ญตฺวา อชฺฌตฺตํ สุขมนุยุเญฺชยฺยฯ รโหวาทํ น ภาเสยฺย, สมฺมุขา น ขีณํ 3 ภเณฯ อตรมาโนว ภาเสยฺย, โน ตรมาโนฯ ชนปทนิรุตฺติํ นาภินิเวเสยฺย, สมญฺญํ นาติธาเวยฺยาติ – อยมุเทฺทโส อรณวิภงฺคสฺสฯ
‘‘Na kāmasukhamanuyuñjeyya hīnaṃ gammaṃ pothujjanikaṃ anariyaṃ anatthasaṃhitaṃ, na ca attakilamathānuyogamanuyuñjeyya dukkhaṃ anariyaṃ anatthasaṃhitaṃ. Ete kho, bhikkhave 4, ubho ante anupagamma majjhimā paṭipadā tathāgatena abhisambuddhā, cakkhukaraṇī ñāṇakaraṇī upasamāya abhiññāya sambodhāya nibbānāya saṃvattati. Ussādanañca jaññā, apasādanañca jaññā; ussādanañca ñatvā apasādanañca ñatvā nevussādeyya, na apasādeyya 5, dhammameva deseyya. Sukhavinicchayaṃ jaññā; sukhavinicchayaṃ ñatvā ajjhattaṃ sukhamanuyuñjeyya. Rahovādaṃ na bhāseyya, sammukhā na khīṇaṃ 6 bhaṇe. Ataramānova bhāseyya, no taramāno. Janapadaniruttiṃ nābhiniveseyya, samaññaṃ nātidhāveyyāti – ayamuddeso araṇavibhaṅgassa.
๓๒๔. ‘‘‘น กามสุขมนุยุเญฺชยฺย หีนํ คมฺมํ โปถุชฺชนิกํ อนริยํ อนตฺถสํหิตํ, น จ อตฺตกิลมถานุโยคมนุยุเญฺชยฺย ทุกฺขํ อนริยํ อนตฺถสํหิต’นฺติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ; กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? โย กามปฎิสนฺธิสุขิโน โสมนสฺสานุโยโค หีโน คโมฺม โปถุชฺชนิโก อนริโย อนตฺถสํหิโต, สทุโกฺข เอโส ธโมฺม สอุปฆาโต สอุปายาโส สปริฬาโห; มิจฺฉาปฎิปทาฯ โย กามปฎิสนฺธิสุขิโน โสมนสฺสานุโยคํ อนนุโยโค หีนํ คมฺมํ โปถุชฺชนิกํ อนริยํ อนตฺถสํหิตํ, อทุโกฺข เอโส ธโมฺม อนุปฆาโต อนุปายาโส อปริฬาโห; สมฺมาปฎิปทาฯ โย อตฺตกิลมถานุโยโค ทุโกฺข อนริโย อนตฺถสํหิโต, สทุโกฺข เอโส ธโมฺม สอุปฆาโต สอุปายาโส สปริฬาโห; มิจฺฉาปฎิปทาฯ โย อตฺตกิลมถานุโยคํ อนนุโยโค ทุกฺขํ อนริยํ อนตฺถสํหิตํ, อทุโกฺข เอโส ธโมฺม อนุปฆาโต อนุปายาโส อปริฬาโห; สมฺมาปฎิปทาฯ ‘น กามสุขมนุยุเญฺชยฺย หีนํ คมฺมํ โปถุชฺชนิกํ อนริยํ อนตฺถสํหิตํ, น จ อตฺตกิลมถานุโยคํ อนุยุเญฺชยฺย ทุกฺขํ อนริยํ อนตฺถสํหิต’นฺติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
324. ‘‘‘Na kāmasukhamanuyuñjeyya hīnaṃ gammaṃ pothujjanikaṃ anariyaṃ anatthasaṃhitaṃ, na ca attakilamathānuyogamanuyuñjeyya dukkhaṃ anariyaṃ anatthasaṃhita’nti – iti kho panetaṃ vuttaṃ; kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Yo kāmapaṭisandhisukhino somanassānuyogo hīno gammo pothujjaniko anariyo anatthasaṃhito, sadukkho eso dhammo saupaghāto saupāyāso sapariḷāho; micchāpaṭipadā. Yo kāmapaṭisandhisukhino somanassānuyogaṃ ananuyogo hīnaṃ gammaṃ pothujjanikaṃ anariyaṃ anatthasaṃhitaṃ, adukkho eso dhammo anupaghāto anupāyāso apariḷāho; sammāpaṭipadā. Yo attakilamathānuyogo dukkho anariyo anatthasaṃhito, sadukkho eso dhammo saupaghāto saupāyāso sapariḷāho; micchāpaṭipadā. Yo attakilamathānuyogaṃ ananuyogo dukkhaṃ anariyaṃ anatthasaṃhitaṃ, adukkho eso dhammo anupaghāto anupāyāso apariḷāho; sammāpaṭipadā. ‘Na kāmasukhamanuyuñjeyya hīnaṃ gammaṃ pothujjanikaṃ anariyaṃ anatthasaṃhitaṃ, na ca attakilamathānuyogaṃ anuyuñjeyya dukkhaṃ anariyaṃ anatthasaṃhita’nti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
๓๒๕. ‘‘‘เอเต โข อุโภ อเนฺต อนุปคมฺม มชฺฌิมา ปฎิปทา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธา, จกฺขุกรณี ญาณกรณี อุปสมาย อภิญฺญาย สโมฺพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตตี’ติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? อยเมว อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฎฺฐิ , สมฺมาสงฺกโปฺป, สมฺมาวาจา, สมฺมากมฺมโนฺต, สมฺมาอาชีโว, สมฺมาวายาโม, สมฺมาสติ, สมฺมาสมาธิฯ ‘เอเต โข อุโภ อเนฺต อนุปคมฺม มชฺฌิมา ปฎิปทา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธา, จกฺขุกรณี ญาณกรณี อุปสมาย อภิญฺญาย สโมฺพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตตี’ติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
325. ‘‘‘Ete kho ubho ante anupagamma majjhimā paṭipadā tathāgatena abhisambuddhā, cakkhukaraṇī ñāṇakaraṇī upasamāya abhiññāya sambodhāya nibbānāya saṃvattatī’ti – iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Ayameva ariyo aṭṭhaṅgiko maggo, seyyathidaṃ – sammādiṭṭhi , sammāsaṅkappo, sammāvācā, sammākammanto, sammāājīvo, sammāvāyāmo, sammāsati, sammāsamādhi. ‘Ete kho ubho ante anupagamma majjhimā paṭipadā tathāgatena abhisambuddhā, cakkhukaraṇī ñāṇakaraṇī upasamāya abhiññāya sambodhāya nibbānāya saṃvattatī’ti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
๓๒๖. ‘‘‘อุสฺสาทนญฺจ ชญฺญา, อปสาทนญฺจ ชญฺญา; อุสฺสาทนญฺจ ญตฺวา อปสาทนญฺจ ญตฺวา เนวุสฺสาเทยฺย, น อปสาเทยฺย, ธมฺมเมว เทเสยฺยา’ติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? กถญฺจ, ภิกฺขเว, อุสฺสาทนา จ โหติ อปสาทนา จ, โน จ ธมฺมเทสนา? ‘เย กามปฎิสนฺธิสุขิโน โสมนสฺสานุโยคํ อนุยุตฺตา หีนํ คมฺมํ โปถุชฺชนิกํ อนริยํ อนตฺถสํหิตํ, สเพฺพ เต สทุกฺขา สอุปฆาตา สอุปายาสา สปริฬาหา มิจฺฉาปฎิปนฺนา’ติ – อิติ วทํ 7 อิเตฺถเก อปสาเทติฯ
326. ‘‘‘Ussādanañca jaññā, apasādanañca jaññā; ussādanañca ñatvā apasādanañca ñatvā nevussādeyya, na apasādeyya, dhammameva deseyyā’ti – iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Kathañca, bhikkhave, ussādanā ca hoti apasādanā ca, no ca dhammadesanā? ‘Ye kāmapaṭisandhisukhino somanassānuyogaṃ anuyuttā hīnaṃ gammaṃ pothujjanikaṃ anariyaṃ anatthasaṃhitaṃ, sabbe te sadukkhā saupaghātā saupāyāsā sapariḷāhā micchāpaṭipannā’ti – iti vadaṃ 8 ittheke apasādeti.
‘‘‘เย กามปฎิสนฺธิสุขิโน โสมนสฺสานุโยคํ อนนุยุตฺตา หีนํ คมฺมํ โปถุชฺชนิกํ อนริยํ อนตฺถสํหิตํ, สเพฺพ เต อทุกฺขา อนุปฆาตา อนุปายาสา อปริฬาหา สมฺมาปฎิปนฺนา’ติ – อิติ วทํ อิเตฺถเก อุสฺสาเทติฯ
‘‘‘Ye kāmapaṭisandhisukhino somanassānuyogaṃ ananuyuttā hīnaṃ gammaṃ pothujjanikaṃ anariyaṃ anatthasaṃhitaṃ, sabbe te adukkhā anupaghātā anupāyāsā apariḷāhā sammāpaṭipannā’ti – iti vadaṃ ittheke ussādeti.
‘‘‘เย อตฺตกิลมถานุโยคํ อนุยุตฺตา ทุกฺขํ อนริยํ อนตฺถสํหิตํ, สเพฺพ เต สทุกฺขา สอุปฆาตา สอุปายาสา สปริฬาหา มิจฺฉาปฎิปนฺนา’ติ – อิติ วทํ อิเตฺถเก อปสาเทติฯ
‘‘‘Ye attakilamathānuyogaṃ anuyuttā dukkhaṃ anariyaṃ anatthasaṃhitaṃ, sabbe te sadukkhā saupaghātā saupāyāsā sapariḷāhā micchāpaṭipannā’ti – iti vadaṃ ittheke apasādeti.
‘‘‘เย อตฺตกิลมถานุโยคํ อนนุยุตฺตา ทุกฺขํ อนริยํ อนตฺถสํหิตํ, สเพฺพ เต อทุกฺขา อนุปฆาตา อนุปายาสา อปริฬาหา สมฺมาปฎิปนฺนา’ติ – อิติ วทํ อิเตฺถเก อุสฺสาเทติฯ
‘‘‘Ye attakilamathānuyogaṃ ananuyuttā dukkhaṃ anariyaṃ anatthasaṃhitaṃ, sabbe te adukkhā anupaghātā anupāyāsā apariḷāhā sammāpaṭipannā’ti – iti vadaṃ ittheke ussādeti.
‘‘‘เยสํ เกสญฺจิ ภวสํโยชนํ อปฺปหีนํ, สเพฺพ เต สทุกฺขา สอุปฆาตา สอุปายาสา สปริฬาหา มิจฺฉาปฎิปนฺนา’ติ – อิติ วทํ อิเตฺถเก อปสาเทติฯ
‘‘‘Yesaṃ kesañci bhavasaṃyojanaṃ appahīnaṃ, sabbe te sadukkhā saupaghātā saupāyāsā sapariḷāhā micchāpaṭipannā’ti – iti vadaṃ ittheke apasādeti.
‘‘‘เยสํ เกสญฺจิ ภวสํโยชนํ ปหีนํ, สเพฺพ เต อทุกฺขา อนุปฆาตา อนุปายาสา อปริฬาหา สมฺมาปฎิปนฺนา’ติ – อิติ วทํ อิเตฺถเก อุสฺสาเทติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, อุสฺสาทนา จ โหติ อปสาทนา จ, โน จ ธมฺมเทสนาฯ
‘‘‘Yesaṃ kesañci bhavasaṃyojanaṃ pahīnaṃ, sabbe te adukkhā anupaghātā anupāyāsā apariḷāhā sammāpaṭipannā’ti – iti vadaṃ ittheke ussādeti. Evaṃ kho, bhikkhave, ussādanā ca hoti apasādanā ca, no ca dhammadesanā.
๓๒๗. ‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, เนวุสฺสาทนา โหติ น อปสาทนา, ธมฺมเทสนา จ 9? ‘เย กามปฎิสนฺธิสุขิโน โสมนสฺสานุโยคํ อนุยุตฺตา หีนํ คมฺมํ โปถุชฺชนิกํ อนริยํ อนตฺถสํหิตํ, สเพฺพ เต สทุกฺขา สอุปฆาตา สอุปายาสา สปริฬาหา มิจฺฉาปฎิปนฺนา’ติ – น เอวมาหฯ ‘อนุโยโค จ โข, สทุโกฺข เอโส ธโมฺม สอุปฆาโต สอุปายาโส สปริฬาโห; มิจฺฉาปฎิปทา’ติ – อิติ วทํ ธมฺมเมว เทเสติฯ
327. ‘‘Kathañca, bhikkhave, nevussādanā hoti na apasādanā, dhammadesanā ca 10? ‘Ye kāmapaṭisandhisukhino somanassānuyogaṃ anuyuttā hīnaṃ gammaṃ pothujjanikaṃ anariyaṃ anatthasaṃhitaṃ, sabbe te sadukkhā saupaghātā saupāyāsā sapariḷāhā micchāpaṭipannā’ti – na evamāha. ‘Anuyogo ca kho, sadukkho eso dhammo saupaghāto saupāyāso sapariḷāho; micchāpaṭipadā’ti – iti vadaṃ dhammameva deseti.
‘‘‘เย กามปฎิสนฺธิสุขิโน โสมนสฺสานุโยคํ อนนุยุตฺตา หีนํ คมฺมํ โปถุชฺชนิกํ อนริยํ อนตฺถสํหิตํ, สเพฺพ เต อทุกฺขา อนุปฆาตา อนุปายาสา อปริฬาหา สมฺมาปฎิปนฺนา’ติ – น เอวมาหฯ ‘อนนุโยโค จ โข, อทุโกฺข เอโส ธโมฺม อนุปฆาโต อนุปายาโส อปริฬาโห; สมฺมาปฎิปทา’ติ – อิติ วทํ ธมฺมเมว เทเสติฯ
‘‘‘Ye kāmapaṭisandhisukhino somanassānuyogaṃ ananuyuttā hīnaṃ gammaṃ pothujjanikaṃ anariyaṃ anatthasaṃhitaṃ, sabbe te adukkhā anupaghātā anupāyāsā apariḷāhā sammāpaṭipannā’ti – na evamāha. ‘Ananuyogo ca kho, adukkho eso dhammo anupaghāto anupāyāso apariḷāho; sammāpaṭipadā’ti – iti vadaṃ dhammameva deseti.
‘‘‘เย อตฺตกิลมถานุโยคํ อนุยุตฺตา ทุกฺขํ อนริยํ อนตฺถสํหิตํ, สเพฺพ เต สทุกฺขา สอุปฆาตา สอุปายาสา สปริฬาหา มิจฺฉาปฎิปนฺนา’ติ – น เอวมาหฯ ‘อนุโยโค จ โข , สทุโกฺข เอโส ธโมฺม สอุปฆาโต สอุปายาโส สปริฬาโห; มิจฺฉาปฎิปทา’ติ – อิติ วทํ ธมฺมเมว เทเสติฯ
‘‘‘Ye attakilamathānuyogaṃ anuyuttā dukkhaṃ anariyaṃ anatthasaṃhitaṃ, sabbe te sadukkhā saupaghātā saupāyāsā sapariḷāhā micchāpaṭipannā’ti – na evamāha. ‘Anuyogo ca kho , sadukkho eso dhammo saupaghāto saupāyāso sapariḷāho; micchāpaṭipadā’ti – iti vadaṃ dhammameva deseti.
‘‘‘เย อตฺตกิลมถานุโยคํ อนนุยุตฺตา ทุกฺขํ อนริยํ อนตฺถสํหิตํ, สเพฺพ เต อทุกฺขา อนุปฆาตา อนุปายาสา อปริฬาหา สมฺมาปฎิปนฺนา’ติ – น เอวมาหฯ ‘อนนุโยโค จ โข, อทุโกฺข เอโส ธโมฺม อนุปฆาโต อนุปายาโส อปริฬาโห; สมฺมาปฎิปทา’ติ – อิติ วทํ ธมฺมเมว เทเสติฯ
‘‘‘Ye attakilamathānuyogaṃ ananuyuttā dukkhaṃ anariyaṃ anatthasaṃhitaṃ, sabbe te adukkhā anupaghātā anupāyāsā apariḷāhā sammāpaṭipannā’ti – na evamāha. ‘Ananuyogo ca kho, adukkho eso dhammo anupaghāto anupāyāso apariḷāho; sammāpaṭipadā’ti – iti vadaṃ dhammameva deseti.
‘‘‘เยสํ เกสญฺจิ ภวสํโยชนํ อปฺปหีนํ, สเพฺพ เต สทุกฺขา สอุปฆาตา สอุปายาสา สปริฬาหา มิจฺฉาปฎิปนฺนา’ติ – น เอวมาห ฯ ‘ภวสํโยชเน จ โข อปฺปหีเน ภโวปิ อปฺปหีโน โหตี’ติ – อิติ วทํ ธมฺมเมว เทเสติฯ
‘‘‘Yesaṃ kesañci bhavasaṃyojanaṃ appahīnaṃ, sabbe te sadukkhā saupaghātā saupāyāsā sapariḷāhā micchāpaṭipannā’ti – na evamāha . ‘Bhavasaṃyojane ca kho appahīne bhavopi appahīno hotī’ti – iti vadaṃ dhammameva deseti.
‘‘‘เยสํ เกสญฺจิ ภวสํโยชนํ ปหีนํ, สเพฺพ เต อทุกฺขา อนุปฆาตา อนุปายาสา อปริฬาหา สมฺมาปฎิปนฺนา’ติ – น เอวมาหฯ ‘ภวสํโยชเน จ โข ปหีเน ภโวปิ ปหีโน โหตี’ติ – อิติ วทํ ธมฺมเมว เทเสติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, เนวุสฺสาทนา โหติ น อปสาทนา, ธมฺมเทสนา จฯ ‘อุสฺสาทนญฺจ ชญฺญา, อปสาทนญฺจ ชญฺญา; อุสฺสาทนญฺจ ญตฺวา อปสาทนญฺจ ญตฺวา เนวุสฺสาเทยฺย, น อปสาเทยฺย, ธมฺมเมว เทเสยฺยา’ติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
‘‘‘Yesaṃ kesañci bhavasaṃyojanaṃ pahīnaṃ, sabbe te adukkhā anupaghātā anupāyāsā apariḷāhā sammāpaṭipannā’ti – na evamāha. ‘Bhavasaṃyojane ca kho pahīne bhavopi pahīno hotī’ti – iti vadaṃ dhammameva deseti. Evaṃ kho, bhikkhave, nevussādanā hoti na apasādanā, dhammadesanā ca. ‘Ussādanañca jaññā, apasādanañca jaññā; ussādanañca ñatvā apasādanañca ñatvā nevussādeyya, na apasādeyya, dhammameva deseyyā’ti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
๓๒๘. ‘‘‘สุขวินิจฺฉยํ ชญฺญา; สุขวินิจฺฉยํ ญตฺวา อชฺฌตฺตํ สุขมนุยุเญฺชยฺยา’ติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ปญฺจิเม, ภิกฺขเว, กามคุณาฯ กตเม ปญฺจ? จกฺขุวิเญฺญยฺยา รูปา อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา, โสตวิเญฺญยฺยา สทฺทา… ฆานวิเญฺญยฺยา คนฺธา… ชิวฺหาวิเญฺญยฺยา รสา… กายวิเญฺญยฺยา โผฎฺฐพฺพา อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา – อิเม โข, ภิกฺขเว, ปญฺจ กามคุณาฯ ยํ โข, ภิกฺขเว, อิเม ปญฺจ กามคุเณ ปฎิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ อิทํ วุจฺจติ กามสุขํ มีฬฺหสุขํ ปุถุชฺชนสุขํ อนริยสุขํฯ ‘น อาเสวิตพฺพํ, น ภาเวตพฺพํ, น พหุลีกาตพฺพํ, ภายิตพฺพํ เอตสฺส สุขสฺสา’ติ – วทามิฯ อิธ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ…เป.… ตติยํ ฌานํ… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ อิทํ วุจฺจติ เนกฺขมฺมสุขํ ปวิเวกสุขํ อุปสมสุขํ สโมฺพธิสุขํฯ ‘อาเสวิตพฺพํ, ภาเวตพฺพํ, พหุลีกาตพฺพํ, น ภายิตพฺพํ เอตสฺส สุขสฺสา’ติ – วทามิ ฯ ‘สุขวินิจฺฉยํ ชญฺญา ; สุขวินิจฺฉยํ ญตฺวา อชฺฌตฺตํ สุขมนุยุเญฺชยฺยา’ติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
328. ‘‘‘Sukhavinicchayaṃ jaññā; sukhavinicchayaṃ ñatvā ajjhattaṃ sukhamanuyuñjeyyā’ti – iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Pañcime, bhikkhave, kāmaguṇā. Katame pañca? Cakkhuviññeyyā rūpā iṭṭhā kantā manāpā piyarūpā kāmūpasaṃhitā rajanīyā, sotaviññeyyā saddā… ghānaviññeyyā gandhā… jivhāviññeyyā rasā… kāyaviññeyyā phoṭṭhabbā iṭṭhā kantā manāpā piyarūpā kāmūpasaṃhitā rajanīyā – ime kho, bhikkhave, pañca kāmaguṇā. Yaṃ kho, bhikkhave, ime pañca kāmaguṇe paṭicca uppajjati sukhaṃ somanassaṃ idaṃ vuccati kāmasukhaṃ mīḷhasukhaṃ puthujjanasukhaṃ anariyasukhaṃ. ‘Na āsevitabbaṃ, na bhāvetabbaṃ, na bahulīkātabbaṃ, bhāyitabbaṃ etassa sukhassā’ti – vadāmi. Idha , bhikkhave, bhikkhu vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi savitakkaṃ savicāraṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Vitakkavicārānaṃ vūpasamā ajjhattaṃ sampasādanaṃ cetaso ekodibhāvaṃ avitakkaṃ avicāraṃ samādhijaṃ pītisukhaṃ dutiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Pītiyā ca virāgā upekkhako ca viharati…pe… tatiyaṃ jhānaṃ… catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Idaṃ vuccati nekkhammasukhaṃ pavivekasukhaṃ upasamasukhaṃ sambodhisukhaṃ. ‘Āsevitabbaṃ, bhāvetabbaṃ, bahulīkātabbaṃ, na bhāyitabbaṃ etassa sukhassā’ti – vadāmi . ‘Sukhavinicchayaṃ jaññā ; sukhavinicchayaṃ ñatvā ajjhattaṃ sukhamanuyuñjeyyā’ti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
๓๒๙. ‘‘‘รโหวาทํ น ภาเสยฺย, สมฺมุขา น ขีณํ ภเณ’ติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ตตฺร, ภิกฺขเว, ยํ ชญฺญา รโหวาทํ อภูตํ อตจฺฉํ อนตฺถสํหิตํ สสกฺกํ 11 ตํ รโหวาทํ น ภาเสยฺยฯ ยมฺปิ ชญฺญา รโหวาทํ ภูตํ ตจฺฉํ อนตฺถสํหิตํ ตสฺสปิ สิเกฺขยฺย อวจนายฯ ยญฺจ โข ชญฺญา รโหวาทํ ภูตํ ตจฺฉํ อตฺถสํหิตํ ตตฺร กาลญฺญู อสฺส ตสฺส รโหวาทสฺส วจนายฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, ยํ ชญฺญา สมฺมุขา ขีณวาทํ อภูตํ อตจฺฉํ อนตฺถสํหิตํ สสกฺกํ ตํ สมฺมุขา ขีณวาทํ น ภาเสยฺยฯ ยมฺปิ ชญฺญา สมฺมุขา ขีณวาทํ ภูตํ ตจฺฉํ อนตฺถสํหิตํ ตสฺสปิ สิเกฺขยฺย อวจนายฯ ยญฺจ โข ชญฺญา สมฺมุขา ขีณวาทํ ภูตํ ตจฺฉํ อตฺถสํหิตํ ตตฺร กาลญฺญู อสฺส ตสฺส สมฺมุขา ขีณวาทสฺส วจนายฯ ‘รโหวาทํ น ภาเสยฺย, สมฺมุขา น ขีณํ ภเณ’ติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
329. ‘‘‘Rahovādaṃ na bhāseyya, sammukhā na khīṇaṃ bhaṇe’ti – iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Tatra, bhikkhave, yaṃ jaññā rahovādaṃ abhūtaṃ atacchaṃ anatthasaṃhitaṃ sasakkaṃ 12 taṃ rahovādaṃ na bhāseyya. Yampi jaññā rahovādaṃ bhūtaṃ tacchaṃ anatthasaṃhitaṃ tassapi sikkheyya avacanāya. Yañca kho jaññā rahovādaṃ bhūtaṃ tacchaṃ atthasaṃhitaṃ tatra kālaññū assa tassa rahovādassa vacanāya. Tatra, bhikkhave, yaṃ jaññā sammukhā khīṇavādaṃ abhūtaṃ atacchaṃ anatthasaṃhitaṃ sasakkaṃ taṃ sammukhā khīṇavādaṃ na bhāseyya. Yampi jaññā sammukhā khīṇavādaṃ bhūtaṃ tacchaṃ anatthasaṃhitaṃ tassapi sikkheyya avacanāya. Yañca kho jaññā sammukhā khīṇavādaṃ bhūtaṃ tacchaṃ atthasaṃhitaṃ tatra kālaññū assa tassa sammukhā khīṇavādassa vacanāya. ‘Rahovādaṃ na bhāseyya, sammukhā na khīṇaṃ bhaṇe’ti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
๓๓๐. ‘‘‘อตรมาโนว ภาเสยฺย โน ตรมาโน’ติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ตตฺร, ภิกฺขเว, ตรมานสฺส ภาสโต กาโยปิ กิลมติ, จิตฺตมฺปิ อุปหญฺญติ 13, สโรปิ อุปหญฺญติ 14, กโณฺฐปิ อาตุรียติ, อวิสฎฺฐมฺปิ โหติ อวิเญฺญยฺยํ ตรมานสฺส ภาสิตํฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, อตรมานสฺส ภาสโต กาโยปิ น กิลมติ, จิตฺตมฺปิ น อุปหญฺญติ, สโรปิ น อุปหญฺญติ, กโณฺฐปิ น อาตุรียติ, วิสฎฺฐมฺปิ โหติ วิเญฺญยฺยํ อตรมานสฺส ภาสิตํฯ ‘อตรมาโนว ภาเสยฺย, โน ตรมาโน’ติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
330. ‘‘‘Ataramānova bhāseyya no taramāno’ti – iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Tatra, bhikkhave, taramānassa bhāsato kāyopi kilamati, cittampi upahaññati 15, saropi upahaññati 16, kaṇṭhopi āturīyati, avisaṭṭhampi hoti aviññeyyaṃ taramānassa bhāsitaṃ. Tatra, bhikkhave, ataramānassa bhāsato kāyopi na kilamati, cittampi na upahaññati, saropi na upahaññati, kaṇṭhopi na āturīyati, visaṭṭhampi hoti viññeyyaṃ ataramānassa bhāsitaṃ. ‘Ataramānova bhāseyya, no taramāno’ti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
๓๓๑. ‘‘‘ชนปทนิรุตฺติํ นาภินิเวเสยฺย, สมญฺญํ นาติธาเวยฺยา’ติ – อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? กถญฺจ, ภิกฺขเว, ชนปทนิรุตฺติยา จ อภินิเวโส โหติ สมญฺญาย จ อติสาโร? อิธ, ภิกฺขเว, ตเทเวกเจฺจสุ ชนปเทสุ ‘ปาตี’ติ สญฺชานนฺติ, ‘ปตฺต’นฺติ สญฺชานนฺติ , ‘วิตฺต’นฺติ 17 สญฺชานนฺติ, ‘สราว’นฺติ สญฺชานนฺติ ‘ธาโรป’นฺติ 18 สญฺชานนฺติ, ‘โปณ’นฺติ สญฺชานนฺติ, ‘ปิสีลว’นฺติ 19 สญฺชานนฺติฯ อิติ ยถา ยถา นํ เตสุ เตสุ ชนปเทสุ สญฺชานนฺติ ตถา ตถา ถามสา ปรามาสา 20 อภินิวิสฺส โวหรติ – ‘อิทเมว สจฺจํ , โมฆมญฺญ’นฺติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ชนปทนิรุตฺติยา จ อภินิเวโส โหติ สมญฺญาย จ อติสาโรฯ
331. ‘‘‘Janapadaniruttiṃ nābhiniveseyya, samaññaṃ nātidhāveyyā’ti – iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Kathañca, bhikkhave, janapadaniruttiyā ca abhiniveso hoti samaññāya ca atisāro? Idha, bhikkhave, tadevekaccesu janapadesu ‘pātī’ti sañjānanti, ‘patta’nti sañjānanti , ‘vitta’nti 21 sañjānanti, ‘sarāva’nti sañjānanti ‘dhāropa’nti 22 sañjānanti, ‘poṇa’nti sañjānanti, ‘pisīlava’nti 23 sañjānanti. Iti yathā yathā naṃ tesu tesu janapadesu sañjānanti tathā tathā thāmasā parāmāsā 24 abhinivissa voharati – ‘idameva saccaṃ , moghamañña’nti. Evaṃ kho, bhikkhave, janapadaniruttiyā ca abhiniveso hoti samaññāya ca atisāro.
๓๓๒. ‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ชนปทนิรุตฺติยา จ อนภินิเวโส โหติ สมญฺญาย จ อนติสาโร? อิธ, ภิกฺขเว, ตเทเวกเจฺจสุ ชนปเทสุ ‘ปาตี’ติ สญฺชานนฺติ, ‘ปตฺต’นฺติ สญฺชานนฺติ, ‘วิตฺต’นฺติ สญฺชานนฺติ, ‘สราว’นฺติ สญฺชานนฺติ, ‘ธาโรป’นฺติ สญฺชานนฺติ, ‘โปณ’นฺติ สญฺชานนฺติ, ‘ปิสีลว’นฺติ สญฺชานนฺติฯ อิติ ยถา ยถา นํ เตสุ เตสุ ชนปเทสุ สญฺชานนฺติ ‘อิทํ กิร เม 25 อายสฺมโนฺต สนฺธาย โวหรนฺตี’ติ ตถา ตถา โวหรติ อปรามสํฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ชนปทนิรุตฺติยา จ อนภินิเวโส โหติ, สมญฺญาย จ อนติสาโรฯ ‘ชนปทนิรุตฺติํ นาภินิเวเสยฺย สมญฺญํ นาติธาเวยฺยา’ติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
332. ‘‘Kathañca, bhikkhave, janapadaniruttiyā ca anabhiniveso hoti samaññāya ca anatisāro? Idha, bhikkhave, tadevekaccesu janapadesu ‘pātī’ti sañjānanti, ‘patta’nti sañjānanti, ‘vitta’nti sañjānanti, ‘sarāva’nti sañjānanti, ‘dhāropa’nti sañjānanti, ‘poṇa’nti sañjānanti, ‘pisīlava’nti sañjānanti. Iti yathā yathā naṃ tesu tesu janapadesu sañjānanti ‘idaṃ kira me 26 āyasmanto sandhāya voharantī’ti tathā tathā voharati aparāmasaṃ. Evaṃ kho, bhikkhave, janapadaniruttiyā ca anabhiniveso hoti, samaññāya ca anatisāro. ‘Janapadaniruttiṃ nābhiniveseyya samaññaṃ nātidhāveyyā’ti – iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
๓๓๓. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, โย กามปฎิสนฺธิสุขิโน โสมนสฺสานุโยโค หีโน คโมฺม โปถุชฺชนิโก อนริโย อนตฺถสํหิโต, สทุโกฺข เอโส ธโมฺม สอุปฆาโต สอุปายาโส สปริฬาโห; มิจฺฉาปฎิปทาฯ ตสฺมา เอโส ธโมฺม สรโณฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, โย กามปฎิสนฺธิสุขิโน โสมนสฺสานุโยคํ อนนุโยโค หีนํ คมฺมํ โปถุชฺชนิกํ อนริยํ อนตฺถสํหิตํ, อทุโกฺข เอโส ธโมฺม อนุปฆาโต อนุปายาโส อปริฬาโห; สมฺมาปฎิปทาฯ ตสฺมา เอโส ธโมฺม อรโณฯ
333. ‘‘Tatra, bhikkhave, yo kāmapaṭisandhisukhino somanassānuyogo hīno gammo pothujjaniko anariyo anatthasaṃhito, sadukkho eso dhammo saupaghāto saupāyāso sapariḷāho; micchāpaṭipadā. Tasmā eso dhammo saraṇo. Tatra, bhikkhave, yo kāmapaṭisandhisukhino somanassānuyogaṃ ananuyogo hīnaṃ gammaṃ pothujjanikaṃ anariyaṃ anatthasaṃhitaṃ, adukkho eso dhammo anupaghāto anupāyāso apariḷāho; sammāpaṭipadā. Tasmā eso dhammo araṇo.
๓๓๔. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, โย อตฺตกิลมถานุโยโค ทุโกฺข อนริโย อนตฺถสํหิโต, สทุโกฺข เอโส ธโมฺม สอุปฆาโต สอุปายาโส สปริฬาโห; มิจฺฉาปฎิปทาฯ ตสฺมา เอโส ธโมฺม สรโณฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, โย อตฺตกิลมถานุโยคํ อนนุโยโค ทุกฺขํ อนริยํ อนตฺถสํหิตํ, อทุโกฺข เอโส ธโมฺม อนุปฆาโต อนุปายาโส อปริฬาโห; สมฺมาปฎิปทาฯ ตสฺมา เอโส ธโมฺม อรโณฯ
334. ‘‘Tatra, bhikkhave, yo attakilamathānuyogo dukkho anariyo anatthasaṃhito, sadukkho eso dhammo saupaghāto saupāyāso sapariḷāho; micchāpaṭipadā. Tasmā eso dhammo saraṇo. Tatra, bhikkhave, yo attakilamathānuyogaṃ ananuyogo dukkhaṃ anariyaṃ anatthasaṃhitaṃ, adukkho eso dhammo anupaghāto anupāyāso apariḷāho; sammāpaṭipadā. Tasmā eso dhammo araṇo.
๓๓๕. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยายํ มชฺฌิมา ปฎิปทา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธา, จกฺขุกรณี ญาณกรณี อุปสมาย อภิญฺญาย สโมฺพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ, อทุโกฺข เอโส ธโมฺม อนุปฆาโต อนุปายาโส อปริฬาโห; สมฺมาปฎิปทา ฯ ตสฺมา เอโส ธโมฺม อรโณฯ
335. ‘‘Tatra, bhikkhave, yāyaṃ majjhimā paṭipadā tathāgatena abhisambuddhā, cakkhukaraṇī ñāṇakaraṇī upasamāya abhiññāya sambodhāya nibbānāya saṃvattati, adukkho eso dhammo anupaghāto anupāyāso apariḷāho; sammāpaṭipadā . Tasmā eso dhammo araṇo.
๓๓๖. ‘‘ตตฺร , ภิกฺขเว, ยายํ อุสฺสาทนา จ อปสาทนา จ โน จ ธมฺมเทสนา, สทุโกฺข เอโส ธโมฺม สอุปฆาโต สอุปายาโส สปริฬาโห; มิจฺฉาปฎิปทาฯ ตสฺมา เอโส ธโมฺม สรโณฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, ยายํ เนวุสฺสาทนา จ น อปสาทนา จ ธมฺมเทสนา จ, อทุโกฺข เอโส ธโมฺม อนุปฆาโต อนุปายาโส อปริฬาโห; สมฺมาปฎิปทาฯ ตสฺมา เอโส ธโมฺม อรโณฯ
336. ‘‘Tatra , bhikkhave, yāyaṃ ussādanā ca apasādanā ca no ca dhammadesanā, sadukkho eso dhammo saupaghāto saupāyāso sapariḷāho; micchāpaṭipadā. Tasmā eso dhammo saraṇo. Tatra, bhikkhave, yāyaṃ nevussādanā ca na apasādanā ca dhammadesanā ca, adukkho eso dhammo anupaghāto anupāyāso apariḷāho; sammāpaṭipadā. Tasmā eso dhammo araṇo.
๓๓๗. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยมิทํ กามสุขํ มีฬฺหสุขํ โปถุชฺชนสุขํ อนริยสุขํ , สทุโกฺข เอโส ธโมฺม สอุปฆาโต สอุปายาโส สปริฬาโห; มิจฺฉาปฎิปทาฯ ตสฺมา เอโส ธโมฺม สรโณฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, ยมิทํ เนกฺขมฺมสุขํ ปวิเวกสุขํ อุปสมสุขํ สโมฺพธิสุขํ, อทุโกฺข เอโส ธโมฺม อนุปฆาโต อนุปายาโส อปริฬาโห; สมฺมาปฎิปทาฯ ตสฺมา เอโส ธโมฺม อรโณฯ
337. ‘‘Tatra, bhikkhave, yamidaṃ kāmasukhaṃ mīḷhasukhaṃ pothujjanasukhaṃ anariyasukhaṃ , sadukkho eso dhammo saupaghāto saupāyāso sapariḷāho; micchāpaṭipadā. Tasmā eso dhammo saraṇo. Tatra, bhikkhave, yamidaṃ nekkhammasukhaṃ pavivekasukhaṃ upasamasukhaṃ sambodhisukhaṃ, adukkho eso dhammo anupaghāto anupāyāso apariḷāho; sammāpaṭipadā. Tasmā eso dhammo araṇo.
๓๓๘. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยฺวายํ รโหวาโท อภูโต อตโจฺฉ อนตฺถสํหิโต, สทุโกฺข เอโส ธโมฺม สอุปฆาโต สอุปายาโส สปริฬาโห; มิจฺฉาปฎิปทาฯ ตสฺมา เอโส ธโมฺม สรโณฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, ยฺวายํ รโหวาโท ภูโต ตโจฺฉ อนตฺถสํหิโต, สทุโกฺข เอโส ธโมฺม สอุปฆาโต สอุปายาโส สปริฬาโห; มิจฺฉาปฎิปทาฯ ตสฺมา เอโส ธโมฺม สรโณฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, ยฺวายํ รโหวาโท ภูโต ตโจฺฉ อตฺถสํหิโต, อทุโกฺข เอโส ธโมฺม อนุปฆาโต อนุปายาโส อปริฬาโห; สมฺมาปฎิปทาฯ ตสฺมา เอโส ธโมฺม อรโณฯ
338. ‘‘Tatra, bhikkhave, yvāyaṃ rahovādo abhūto ataccho anatthasaṃhito, sadukkho eso dhammo saupaghāto saupāyāso sapariḷāho; micchāpaṭipadā. Tasmā eso dhammo saraṇo. Tatra, bhikkhave, yvāyaṃ rahovādo bhūto taccho anatthasaṃhito, sadukkho eso dhammo saupaghāto saupāyāso sapariḷāho; micchāpaṭipadā. Tasmā eso dhammo saraṇo. Tatra, bhikkhave, yvāyaṃ rahovādo bhūto taccho atthasaṃhito, adukkho eso dhammo anupaghāto anupāyāso apariḷāho; sammāpaṭipadā. Tasmā eso dhammo araṇo.
๓๓๙. ‘‘ตตฺร , ภิกฺขเว, ยฺวายํ สมฺมุขา ขีณวาโท อภูโต อตโจฺฉ อนตฺถสํหิโต, สทุโกฺข เอโส ธโมฺม สอุปฆาโต สอุปายาโส สปริฬาโห; มิจฺฉาปฎิปทาฯ ตสฺมา เอโส ธโมฺม สรโณฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, ยฺวายํ สมฺมุขา ขีณวาโท ภูโต ตโจฺฉ อนตฺถสํหิโต, สทุโกฺข เอโส ธโมฺม สอุปฆาโต สอุปายาโส สปริฬาโห; มิจฺฉาปฎิปทาฯ ตสฺมา เอโส ธโมฺม สรโณฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, ยฺวายํ สมฺมุขา ขีณวาโท ภูโต ตโจฺฉ อตฺถสํหิโต, อทุโกฺข เอโส ธโมฺม อนุปฆาโต อนุปายาโส อปริฬาโห; สมฺมาปฎิปทาฯ ตสฺมา เอโส ธโมฺม อรโณฯ
339. ‘‘Tatra , bhikkhave, yvāyaṃ sammukhā khīṇavādo abhūto ataccho anatthasaṃhito, sadukkho eso dhammo saupaghāto saupāyāso sapariḷāho; micchāpaṭipadā. Tasmā eso dhammo saraṇo. Tatra, bhikkhave, yvāyaṃ sammukhā khīṇavādo bhūto taccho anatthasaṃhito, sadukkho eso dhammo saupaghāto saupāyāso sapariḷāho; micchāpaṭipadā. Tasmā eso dhammo saraṇo. Tatra, bhikkhave, yvāyaṃ sammukhā khīṇavādo bhūto taccho atthasaṃhito, adukkho eso dhammo anupaghāto anupāyāso apariḷāho; sammāpaṭipadā. Tasmā eso dhammo araṇo.
๓๔๐. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยมิทํ ตรมานสฺส ภาสิตํ, สทุโกฺข เอโส ธโมฺม สอุปฆาโต สอุปายาโส สปริฬาโห; มิจฺฉาปฎิปทาฯ ตสฺมา เอโส ธโมฺม สรโณฯ ตตฺร, ภิกฺขเว , ยมิทํ อตรมานสฺส ภาสิตํ, อทุโกฺข เอโส ธโมฺม อนุปฆาโต อนุปายาโส อปริฬาโห; สมฺมาปฎิปทาฯ ตสฺมา เอโส ธโมฺม อรโณฯ
340. ‘‘Tatra, bhikkhave, yamidaṃ taramānassa bhāsitaṃ, sadukkho eso dhammo saupaghāto saupāyāso sapariḷāho; micchāpaṭipadā. Tasmā eso dhammo saraṇo. Tatra, bhikkhave , yamidaṃ ataramānassa bhāsitaṃ, adukkho eso dhammo anupaghāto anupāyāso apariḷāho; sammāpaṭipadā. Tasmā eso dhammo araṇo.
๓๔๑. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ยฺวายํ ชนปทนิรุตฺติยา จ อภินิเวโส สมญฺญาย จ อติสาโร, สทุโกฺข เอโส ธโมฺม สอุปฆาโต สอุปายาโส สปริฬาโห; มิจฺฉาปฎิปทาฯ ตสฺมา เอโส ธโมฺม สรโณฯ ตตฺร ภิกฺขเว, ยฺวายํ ชนปทนิรุตฺติยา จ อนภินิเวโส สมญฺญาย จ อนติสาโร, อทุโกฺข เอโส ธโมฺม อนุปฆาโต อนุปายาโส อปริฬาโห; สมฺมาปฎิปทาฯ ตสฺมา เอโส ธโมฺม อรโณฯ
341. ‘‘Tatra, bhikkhave, yvāyaṃ janapadaniruttiyā ca abhiniveso samaññāya ca atisāro, sadukkho eso dhammo saupaghāto saupāyāso sapariḷāho; micchāpaṭipadā. Tasmā eso dhammo saraṇo. Tatra bhikkhave, yvāyaṃ janapadaniruttiyā ca anabhiniveso samaññāya ca anatisāro, adukkho eso dhammo anupaghāto anupāyāso apariḷāho; sammāpaṭipadā. Tasmā eso dhammo araṇo.
‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ‘สรณญฺจ ธมฺมํ ชานิสฺสาม, อรณญฺจ ธมฺมํ ชานิสฺสาม; สรณญฺจ ธมฺมํ ญตฺวา อรณญฺจ ธมฺมํ ญตฺวา อรณปฎิปทํ ปฎิปชฺชิสฺสามา’ติ เอวญฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํฯ สุภูติ จ ปน, ภิกฺขเว, กุลปุโตฺต อรณปฎิปทํ ปฎิปโนฺน’’ติฯ
‘‘Tasmātiha, bhikkhave, ‘saraṇañca dhammaṃ jānissāma, araṇañca dhammaṃ jānissāma; saraṇañca dhammaṃ ñatvā araṇañca dhammaṃ ñatvā araṇapaṭipadaṃ paṭipajjissāmā’ti evañhi vo, bhikkhave, sikkhitabbaṃ. Subhūti ca pana, bhikkhave, kulaputto araṇapaṭipadaṃ paṭipanno’’ti.
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ
Idamavoca bhagavā. Attamanā te bhikkhū bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti.
อรณวิภงฺคสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ นวมํฯ
Araṇavibhaṅgasuttaṃ niṭṭhitaṃ navamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๙. อรณวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา • 9. Araṇavibhaṅgasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๙. อรณวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา • 9. Araṇavibhaṅgasuttavaṇṇanā