Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๙. อรณวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา
9. Araṇavibhaṅgasuttavaṇṇanā
๓๒๓. เคหสฺสิตวเสนาติ กิเลสนิสฺสิตวเสน อนุโรธวเสนฯ เนว อุกฺขิเปยฺยาติ น อนุคฺคเณฺหยฺยฯ น อวกฺขิเปยฺยาติ เคหสฺสิตวเสน วิโรธวเสน น นิคฺคเณฺหยฺยฯ อนุโรเธน วินา สมฺปหํสนวเสน ยถาภูตคุณกถนํ เนวุสฺสาทนา วชฺชาภาวโต; ตถา วิโรเธน วินา วิเวจนวเสน ยถาภูตโทสกถนํ น อปสาทนํฯ สภาวเมวาติ ยถาภูตสภาวเมว กสฺสจิ ปุคฺคลสฺส อนาเทสกรณวเสน กเถยฺย, เสยฺยถาปิ อายสฺมา สุภูติเตฺถโรฯ วินิจฺฉิตสุขนฺติ, ‘‘อชฺฌตฺตํ อนวชฺช’’นฺติอาทินา วิเสสโต วินิจฺฉิตสุขาย โหติฯ ปรมฺมุขา อวณฺณนฺติ สฺวายํ รโหวาโท เปสุญฺญูปสํหารวเสน ปวโตฺต อิธาธิเปฺปโตติ อาห ‘‘ปิสุณวาจนฺติ อโตฺถ’’ติฯ ขีณาตีติ ขีโณ, โย ภาสติ, ยญฺจ อุทฺทิสฺส ภาสติ, เทฺวปิ หิํสติ วิพาธตีติ อโตฺถ, ตํ ขีณวาทํฯ สฺวายํ ยสฺมา กิเลเสหิ อากิโณฺณ สํกิลิโฎฺฐ เอว จ โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘อากิณฺณํ สํกิลิฎฺฐํ วาจ’’นฺติฯ เตน อวสิฎฺฐํ ติวิธมฺปิ วจีทุจฺจริตมาหฯ อธิฎฺฐหิตฺวาติ, ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ อโชฺฌสายฯ อาทายาติ ปคฺคยฺหฯ โวหเรยฺยาติ สมุทาจเรยฺยฯ โลกสมญฺญนฺติ โลกสเงฺกตํฯ
323.Gehassitavasenāti kilesanissitavasena anurodhavasena. Neva ukkhipeyyāti na anuggaṇheyya. Na avakkhipeyyāti gehassitavasena virodhavasena na niggaṇheyya. Anurodhena vinā sampahaṃsanavasena yathābhūtaguṇakathanaṃ nevussādanā vajjābhāvato; tathā virodhena vinā vivecanavasena yathābhūtadosakathanaṃ na apasādanaṃ. Sabhāvamevāti yathābhūtasabhāvameva kassaci puggalassa anādesakaraṇavasena katheyya, seyyathāpi āyasmā subhūtitthero. Vinicchitasukhanti, ‘‘ajjhattaṃ anavajja’’ntiādinā visesato vinicchitasukhāya hoti. Parammukhā avaṇṇanti svāyaṃ rahovādo pesuññūpasaṃhāravasena pavatto idhādhippetoti āha ‘‘pisuṇavācanti attho’’ti. Khīṇātīti khīṇo, yo bhāsati, yañca uddissa bhāsati, dvepi hiṃsati vibādhatīti attho, taṃ khīṇavādaṃ. Svāyaṃ yasmā kilesehi ākiṇṇo saṃkiliṭṭho eva ca hoti, tasmā vuttaṃ – ‘‘ākiṇṇaṃsaṃkiliṭṭhaṃ vāca’’nti. Tena avasiṭṭhaṃ tividhampi vacīduccaritamāha. Adhiṭṭhahitvāti, ‘‘idameva sacca’’nti ajjhosāya. Ādāyāti paggayha. Vohareyyāti samudācareyya. Lokasamaññanti lokasaṅketaṃ.
๓๒๔. อารมฺมณโต สมฺปโยคโต กาเมหิ ปฎิสํหิตตฺตา กามปฎิสนฺธิ, กามสุขํฯ เตนาห ‘‘กามูปสํหิเตน สุเขนา’’ติฯ สทุโกฺขติ วิปากทุเกฺขน สํกิเลสทุเกฺขน สทุโกฺขฯ ตถา สปริฬาโหติ วิปากปริฬาเหน เจว กิเลสปริฬาเหน จ สปริฬาโหฯ
324. Ārammaṇato sampayogato kāmehi paṭisaṃhitattā kāmapaṭisandhi, kāmasukhaṃ. Tenāha ‘‘kāmūpasaṃhitena sukhenā’’ti. Sadukkhoti vipākadukkhena saṃkilesadukkhena sadukkho. Tathā sapariḷāhoti vipākapariḷāhena ceva kilesapariḷāhena ca sapariḷāho.
๓๒๖. วฎฺฎโต นิสฺสริตุํ อทตฺวา ตเตฺถว สีทาปนโต มิจฺฉาปฎิปทาภาเวน สเตฺต สํโยเชตีติ สํโยชนํ, วิเสสโต ภวสํโยชนํ ตณฺหาติ อาห ‘‘ตณฺหาเยตํ นาม’’นฺติฯ น ตณฺหาเยว มานาทโยปิ สํโยชนตฺตํ สาเธนฺติ นาม สพฺพโส สํโยชนโต สุฎฺฐุ พนฺธนโตฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อวิชฺชานีวรณานํ, ภิกฺขเว, สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๒๕-๑๒๖)ฯ
326. Vaṭṭato nissarituṃ adatvā tattheva sīdāpanato micchāpaṭipadābhāvena satte saṃyojetīti saṃyojanaṃ, visesato bhavasaṃyojanaṃ taṇhāti āha ‘‘taṇhāyetaṃ nāma’’nti. Na taṇhāyeva mānādayopi saṃyojanattaṃ sādhenti nāma sabbaso saṃyojanato suṭṭhu bandhanato. Tena vuttaṃ – ‘‘avijjānīvaraṇānaṃ, bhikkhave, sattānaṃ taṇhāsaṃyojanāna’’nti (saṃ. ni. 2.125-126).
อิมํ จตุกฺกนฺติ, ‘‘เย กามปฎิสนฺธิสุขิโน โสมนสฺสานุโยคํ อนุยุตฺตา, เย อตฺตกิลมถานุโยคํ อนุยุตฺตา’’ติ เอวมาคตํ อิมํ จตุกฺกํ นิสฺสายฯ ‘‘เอตทเคฺค ฐปิโต’’ติ, วตฺวา ตํ นิสฺสาย ฐปิตภาวํ วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ, ‘‘ภควโต หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อุสฺสาทนาอปสาทนา ปญฺญายนฺติ ตถาคเตน วิเนตพฺพปุคฺคลวเสน ธมฺมเทสนาย ปวเตฺตตพฺพโตฯ อยํ ปุคฺคโล…เป.… อาจารสมฺปโนฺนติ วา นตฺถิ ปเรสํ อนุเทฺทสกวเสน ธมฺมเทสนาย ปวตฺตนโตฯ
Imaṃ catukkanti, ‘‘ye kāmapaṭisandhisukhino somanassānuyogaṃ anuyuttā, ye attakilamathānuyogaṃ anuyuttā’’ti evamāgataṃ imaṃ catukkaṃ nissāya. ‘‘Etadagge ṭhapito’’ti, vatvā taṃ nissāya ṭhapitabhāvaṃ vitthārato dassetuṃ, ‘‘bhagavato hī’’tiādi vuttaṃ. Ussādanāapasādanāpaññāyanti tathāgatena vinetabbapuggalavasena dhammadesanāya pavattetabbato. Ayaṃ puggalo…pe… ācārasampannoti vā natthi paresaṃ anuddesakavasena dhammadesanāya pavattanato.
๓๒๙. ปรมฺมุขา อวณฺณนฺติ นินฺทิยสฺส โทสสฺส นินฺทนํฯ น หิ กทาจิ นินฺทิโย ปสํสิโย โหติ, ตํ ปน กาลํ ญตฺวาว กเถตพฺพนฺติ อาห, ‘‘ยุตฺตปตฺตกาลํ ญตฺวาวา’’ติฯ ขีณวาเทปิ เอเสว นโย ตสฺส รโหวาเทน สมานโยคกฺขมตฺตาฯ
329.Parammukhā avaṇṇanti nindiyassa dosassa nindanaṃ. Na hi kadāci nindiyo pasaṃsiyo hoti, taṃ pana kālaṃ ñatvāva kathetabbanti āha, ‘‘yuttapattakālaṃ ñatvāvā’’ti. Khīṇavādepi eseva nayo tassa rahovādena samānayogakkhamattā.
๓๓๐. ฆาตียตีติ วธียติฯ สโทฺทปิ ภิชฺชติ นสฺสติ, เภโท โหตีติ อโตฺถฯ เคลญฺญปฺปโตฺตติ เขทํ ปริสฺสมํ ปโตฺตฯ อปลิพุทฺธนฺติ โทเสหิ อนนุปติตํฯ
330.Ghātīyatīti vadhīyati. Saddopi bhijjati nassati, bhedo hotīti attho. Gelaññappattoti khedaṃ parissamaṃ patto. Apalibuddhanti dosehi ananupatitaṃ.
๓๓๑. อภินิวิสฺส โวหรตีติ เอวเมตํ, น อิโต อญฺญถาติ ตํ ชนปทนิรุตฺติํ อภินิวิสิตฺวา สมุทาจรติฯ อติธาวนนฺติ สมญฺญํ นาเมตํ โลกสเงฺกตสิทฺธา ปญฺญตฺตีติ ปญฺญตฺติมเตฺต อฎฺฐตฺวา ปรมตฺถโต ถามสา ปรามสฺส โวหรณํฯ
331.Abhinivissavoharatīti evametaṃ, na ito aññathāti taṃ janapadaniruttiṃ abhinivisitvā samudācarati. Atidhāvananti samaññaṃ nāmetaṃ lokasaṅketasiddhā paññattīti paññattimatte aṭṭhatvā paramatthato thāmasā parāmassa voharaṇaṃ.
๓๓๒. อปรามสโนฺตติ อนภินิวิสโนฺต สมญฺญามตฺตโตว โวหรติฯ
332.Aparāmasantoti anabhinivisanto samaññāmattatova voharati.
๓๓๓. มริยาทภาชนียนฺติ ยถาวุตฺตสมฺมาปฎิปทาย มิจฺฉาปฎิปทาย จ อญฺญมญฺญํ สงฺกรภาววิภาชนํฯ รณนฺติ สตฺตา เอเตหิ กนฺทนฺติ อกนฺทนฺตาปิ กนฺทนการณภาวโตติ รณา; ราคโทสโมหา, ทสปิ วา กิเลสา, สเพฺพปิ วา เอกนฺตากุสลา, เตหิ นานปฺปการทุกฺขนิพฺพตฺตเกหิ อภิภูตา สตฺตา กนฺทนฺติ; สห รเณหีติ สรโณฯ รณสโทฺท วา ราคาทิเรณูสุ นิรุโฬฺหฯ เตนาห ‘‘สรโช สกิเลโส’’ติฯ ปาฬิยํ ปน ‘‘สทุโกฺข เอโส ธโมฺม’’ติอาทินา อาคตตฺตา กามสุขานุโยคาทโยปิ ‘‘สรโณ’’ติ วุตฺตาติ ทุกฺขาทีนํ รณภาโว ตนฺนิพฺพตฺตกสภาวานํ อกุสลานํ สรณตา จ เวทิตพฺพาฯ อรโณติอาทีนํ ปทานํ วุตฺตวิปริยาเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
333.Mariyādabhājanīyanti yathāvuttasammāpaṭipadāya micchāpaṭipadāya ca aññamaññaṃ saṅkarabhāvavibhājanaṃ. Raṇanti sattā etehi kandanti akandantāpi kandanakāraṇabhāvatoti raṇā; rāgadosamohā, dasapi vā kilesā, sabbepi vā ekantākusalā, tehi nānappakāradukkhanibbattakehi abhibhūtā sattā kandanti; saha raṇehīti saraṇo. Raṇasaddo vā rāgādireṇūsu niruḷho. Tenāha ‘‘sarajo sakileso’’ti. Pāḷiyaṃ pana ‘‘sadukkho eso dhammo’’tiādinā āgatattā kāmasukhānuyogādayopi ‘‘saraṇo’’ti vuttāti dukkhādīnaṃ raṇabhāvo tannibbattakasabhāvānaṃ akusalānaṃ saraṇatā ca veditabbā. Araṇotiādīnaṃ padānaṃ vuttavipariyāyena attho veditabbo.
วตฺถุํ โสเธตีติ นิโรธสมาปชฺชเนน มหปฺผลภาวกรเณน ทกฺขิเณยฺยวตฺถุภูตํ อตฺตานํ วิโสเธติ; นิโรธสมาปตฺติยา วตฺถุวิโสธนํ นิโรธํ สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐิตานํ ปเจฺจกพุทฺธานํ มหากสฺสปเตฺถราทีนํ ทินฺนทกฺขิณาวิสุทฺธิยา ทีเปตพฺพํฯ เตนาห ‘‘ตถา หี’’ติอาทิฯ ตเถวาติ อิมินา ‘‘ปิณฺฑาย จรโนฺต’’ติอาทิํ อุปสํหรติฯ เมตฺตาภาวนาย มุทุภูตจิตฺตพหุมานปุพฺพกํ เทนฺตีติ , ‘‘สุภูติเตฺถโร ทกฺขิณํ วิโสเธตี’’ติ วุตฺตํฯ เตน ทายกโตปิ ทกฺขิณาวิสุทฺธิํ ทเสฺสติฯ วตฺถุโสธนํ ปน ปฎิภาคโตฯ เอวํ ปน กาตุํ สกฺกาติ สาวกานมฺปิ กิเมวํ ลหุวุฎฺฐานาธิฎฺฐานํ สาวเกสุ จิณฺณวสีภาโว สมฺภวตีติ ปุจฺฉติฯ อิตโร อคฺคสาวกมหาสาวเกสุ กิํ วตฺตพฺพํ, ปกติสาวเกสุปิ วสิปฺปเตฺตสุ ลพฺภตีติ เต ทเสฺสโนฺต, ‘‘อาม สกฺกา’’ติอาทิมาหฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Vatthuṃ sodhetīti nirodhasamāpajjanena mahapphalabhāvakaraṇena dakkhiṇeyyavatthubhūtaṃ attānaṃ visodheti; nirodhasamāpattiyā vatthuvisodhanaṃ nirodhaṃ samāpajjitvā vuṭṭhitānaṃ paccekabuddhānaṃ mahākassapattherādīnaṃ dinnadakkhiṇāvisuddhiyā dīpetabbaṃ. Tenāha ‘‘tathā hī’’tiādi. Tathevāti iminā ‘‘piṇḍāya caranto’’tiādiṃ upasaṃharati. Mettābhāvanāya mudubhūtacittabahumānapubbakaṃ dentīti , ‘‘subhūtitthero dakkhiṇaṃ visodhetī’’ti vuttaṃ. Tena dāyakatopi dakkhiṇāvisuddhiṃ dasseti. Vatthusodhanaṃ pana paṭibhāgato. Evaṃ pana kātuṃ sakkāti sāvakānampi kimevaṃ lahuvuṭṭhānādhiṭṭhānaṃ sāvakesu ciṇṇavasībhāvo sambhavatīti pucchati. Itaro aggasāvakamahāsāvakesu kiṃ vattabbaṃ, pakatisāvakesupi vasippattesu labbhatīti te dassento, ‘‘āma sakkā’’tiādimāha. Sesaṃ suviññeyyameva.
อรณวิภงฺคสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Araṇavibhaṅgasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๙. อรณวิภงฺคสุตฺตํ • 9. Araṇavibhaṅgasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๙. อรณวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา • 9. Araṇavibhaṅgasuttavaṇṇanā